ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 700|ตอบกลับ: 3

++ สานฝันนิรันดร ++ # 29

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“เชื่อผมนะ” สเตฟานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ภูริทัตคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้ายอารับในสิ่งที่สเตฟานกระซิบบอกสเตฟานจึงดึงมือของตัวเองออกมา แล้วเดินตรงไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็ว

บทที่ ๓๓
“ไม่มีใครรู้ว่ากรีนอายส์มีกำเนิดขึ้นมาอย่างไร เช่นเดียวกับไม่มีใครรู้ว่าแวมไพร์ตนแรกกำเนิดขึ้นมาตอนไหน บางทีอาจจะเหมือนงูพิษ ที่มีดีงูสำหรับแก้พิษอยู่ในตัวของมันมาตั้งแต่กำเนิด หรืออาจเป็นเพราะความทรมานจากความชรา แต่ไม่สามารถตายได้ของแวมไพร์ จึงทำให้กรีนอายส์กำเนิดขึ้น” เสียงแหบแห้งเพราะความชราภาพ พูดอย่างเหนื่อยอ่อน
“ข้าไม่ได้มาที่นี่ เพื่อมาฟังเรื่องเหล่านี้” โจชัวร์พูดอย่างรำคาญ
“แต่ข้าต้องการให้เจ้ารู้ไว้ เพราะใกล้ถึงเวลาของข้าแล้ว” ถึงแม้ร่างกายจะเสื่อมโทรมไปมาก แต่ดวงตายังแสดงอำนาจ จนโจชัวร์ต้องยอมฟังต่อไป หญิงชราจึงพูดต่อ
“แวมไพร์อย่างพวกเรามีช่วงอายุยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่า เจ้าก็รู้ดี แต่ที่เจ้ายังไม่รู้ก็คือเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เวลาของพวกเราจะเดินเร็วขึ้น และเร็วขึ้น จนวันหนึ่ง เวลาของพวกเราจะถึงช่วงที่เกือบจะเทียบเท่ากับมนุษย์ปรกติ และที่โหดร้ายก็คือ เมื่อผ่านช่วงนั้นไป เวลาของพวกเรากลับเร็วขึ้นอีก จนความชรามาเยือนพวกเราอย่างรวดเร็ว”
โจชัวร์ที่นิ่งฟังอย่างสงบ มีแววตระหนกปรากฏขึ้นในแววตา โจชัวร์เพ่งพิจารณาหญิงชราตรงหน้าอีกครั้ง
“เหมือนเช่นข้าในตอนนี้ ที่เริ่มแก่ลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอ่อนแอขึ้นด้วย และต่อจากนั้น ข้าคงอยู่ต่อไปไม่ได้” หญิงชราถอนหายใจ “แต่ข้าไม่สามารถตายได้ แวมไพร์อย่างพวกเราต่างเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย ถึงร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรมลง แต่ก็ต้องทนอยู่ต่อไป โดยไม่มีวันตาย”
“มันก็ยังมีวิธี” โจชัวร์ขัดขึ้น
“ให้แวมไพร์ด้วยกันมอบความตายให้ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง”
“ใช่” หญิงชรายิ้มหยัน
“แต่เจ้าจะยอมหรือ ที่จะให้แวมไพร์ตนอื่นมาสังหารเจ้า”
โจชัวร์อึกอัก แน่นอนเขาเองก็ไม่ยินยอม เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรีของผู้เป็นนาย ย่อมถูกเหยียดหยามลงด้วยเช่นกัน
“หรือเจ้าจะสังหารข้า หากว่าข้าร้องขอ” หญิงชราถามยิ้มๆ
“ข้าไม่กล้า” โจชัวร์ตอบเสียงอ่อยๆ แน่นอน กับผู้เป็นเสมือนผู้ให้กำเนิด ผู้ที่เปรียบเสมือน ‘ลูก’ เช่นเขาย่อมไม่กล้ากระทำ
“แต่มีผู้หนี่งทำได้ ... นั่นคือ กรีนอายส์”
“ทำยังไง” โจชัวร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และเริ่มสนใจ
“ข้าไม่รู้ ... ข้ารู้เพียงว่ากรีนอายส์มีพลังในการลบล้างความอมตะของแวมไพร์ และนั่นหมายถึง แวมไพร์ย่อมตายได้ เช่นเดียวกับมนุษย์ เมื่อถึงเวลาที่เจ้าเรียกหาความตาย เมื่อนั้นกรีนอายส์จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า และมอบความปรารถนานั้นให้แก่เจ้า”
“แล้วตอนนี้ กรีนอายส์ที่ว่าเป็นใคร มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีใครรู้” หญิงชราตอบช้าๆ “พวกเรารู้แต่เพียงว่า เมื่อใดที่ได้พบกับกรีนอายส์ นั่นหมายถึงเวลาแห่งความดับสูญ พลังของกรีนอายส์ มีมากกว่าแวมไพร์ทั่วไปมากนัก สามารถทำให้เจ้าเจ็บปวดได้โดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัว สามารถเหวี่ยงเจ้าไปได้โดยไม่แตะต้องตัวเจ้า สามารถเดินทางไปยังอีกที่หนึ่งได้เพียงชั่วพริบตา”
“แล้วกรีนอายส์กินโลหิตของมนุษย์เหมือนพวกเราหรือเปล่า”
“มีคนเคยบอกแก่ข้าว่า โลหิตของมนุษย์เป็นอาหารของพวกเราเหล่าแวมไพร์ แต่โลหิตของแวมไพร์คืออาหารของกรีนอายส์ ในเมื่อพวกเราเหล่าแวมไพร์ สามารถสะกดจิตให้มนุษย์ลืมเลือนเรื่องของพวกเราได้ กรีนอายส์ก็อาจสามารถกระทำได้กับพวกเราเช่นเดียวกัน”
“ถ้าอย่างนั้น หากแวมไพร์ดื่มกินโลหิตของกรีนอายส์เล่า เราจะกลายเป็นกรีนอายส์ และได้รับพลังนั้นมาด้วย เหมือนเวลาที่เราให้โลหิตของพวกเราแก่มนุษย์หรือไม่”
“ข้าไม่รู้ คำถามนี้ข้าเองก็เคยได้ถาม และถูกถามมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ มีแวมไพร์หลายตนที่พยายามตามหากรีนอายส์ เพื่อพิสูจน์ว่า การได้มาซึ่งพลังนั้นสามารถทำได้หรือไม่”
“แล้วเป็นอย่างไร” ดวงตาของโจชัวร์ส่องประกายด้วยความอยากรู้
“ไม่มีคำตอบ และในแวมไพร์กลุ่มนั้น มีหลายตนที่หายไปราวกับก้อนหินที่ถูกโยนลงทะเล ต่างหายสาบสูญไปโดยไร้ร่องรอย อาจเป็นไปได้ที่ถูกกรีนอายส์ทำให้ดับสูญไป”
“หรือเพราะกรีนอายส์ถูกกำหนดไว้แล้วว่า มีได้เพียงหนึ่งเดียว” โจชัวร์พึมพำเบาๆ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากโสตประสาทของหญิงชรา
“อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้”
โจชัวร์ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้คิดถึงบทสนทนาเมื่อหลายร้อยปีก่อนขึ้นมา คำพูดบางอย่างของ ‘นาย’ ผู้ชราบางส่วนปรากฏขึ้นเป็นความจริง หลังจากนั้นไม่กี่สิบปี แวมไพร์ชราตนนั้นก็ถึงกาลดับสูญ โดยกรีนอายส์ ภาพแห่งสำนึกสุดท้ายที่ได้รับมา เป็นภาพของชายชราเค้าหน้าปราณี เรือนผมสีขาว ดูอ่อนนุ่มราวก้อนสำลี ถึงแม้ผิวหนังจะเริ่มเหี่ยวย่น แต่ก็ยังดูสดใส ที่สำคัญ ดวงตาของชายชราผู้นั้นส่องประกายแวววาวราวมรกตที่กระทบแสงไฟ
นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะได้พบกับสเตฟานเพียงไม่กี่ปี
งานเลี้ยงภายในบ้านของคหบดีผู้หนึ่งในอังกฤษ ซึ่งตามปรกติในงานเลี้ยงลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าที่ใดก็ตาม โจชัวร์มักเป็นจุดสนใจของผู้คนเสมอ ด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งสง่างาม และใบหน้าที่หมดจดงดงามราวรูปสลัก ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ มักมองเขาด้วยสายตาชื่นชม และมีอยู่หลายคนที่แฝงไว้ด้วยความถวิลหา แต่ในงานเลี้ยงคืนนี้ กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีเพียงแววตาที่แสดงความสงสัย ปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นปรกติ ทำให้โจชัวร์อดสงสัยไม่ได้ ความมั่นใจในตนเอง และความเชื่อมั่นต่อ ‘ชาร์มอายส์’ เริ่มสับสน ว่าเหตุใดจึงไม่มีผลต่อคนในสถานที่แห่งนี้
... เป็นไปไม่ได้ ... โจชัวร์คิดในตอนนั้น
แล้วเขาก็ได้รับคำตอบ เมื่อชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาภายในงานเลี้ยง บุรุษผู้มีเรือนร่างสูงโปร่งใกล้เคียงกับเขา แต่กลับมีใบหน้าเหมือนเขาราวกับพิมพ์เดียวกัน สิ่งที่ทำให้แยกแยะได้คือความแตกต่างขององค์ประกอบบางส่วน โจชัวร์มีเรือนผมสีเงินส่งประกายราวแสงของรุ่งอรุณ ดวงตาสีฟ้าดุจท้องทะเล และริมฝีปากสีแดงสดราวแอปเปิล แต่ชายหนุ่มผู้มาใหม่นั้น มีเรือนผมสีทองละเอียดอ่อนราวเส้นไหม ดวงตาสีเขียวมรกตส่องประกายแวววับ ล้อกับแสงเทียนที่ให้ความสว่างภายในห้อง ริมฝีปากสีชมพูราวกลีบกุหลาบ เผยอเล็กน้อยราวกับกำลังแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา
แวมไพร์ผู้ซึ่งไม่เคยคิดจะมอบความอมตะให้แก่มนุษย์ผู้ใด ก็ต้องการชายหนุ่มผู้นั้นให้มาอยู่เคียงข้างตนทันที เพียงครั้งแรกที่ได้เห็นชายหนุ่มผู้นั้น
... สเตฟาน ... คือชายหนุ่มที่เขาพบในคืนนั้น ชายหนุ่มผู้มีดวงหน้าแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกับเขา ผิดกันที่สีผม ดวงตา สีของริมฝีปาก และอ่อนเยาว์กว่าเขา
ใช่แล้ว ... เมื่อดูจากภายนอก สเตฟานสมควรดูอ่อนเยาว์กว่าเขา
โจชัวร์ฉุกคิดขึ้นมาได้ สิ่งนี้เองที่ขัดข้องอยู่ในใจของเขามาเกือบตลอดสัปดาห์ สเตฟานสมควรดูอ่อนเยาว์กว่าเขา อย่างน้อยก็ ๓-๔ ปี แต่ทำไมตอนที่พบกันในสวนของโรงแรมในวันนั้น อีกฝ่ายถึงได้ดูราวกับมีอายุเท่าๆกับเขา ... หรือว่า
“ไม่ ... เป็นไปไม่ได้” โจชัวร์พึมพำ พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่
... หรือว่าเกิดสิ่งผิดปรกติขึ้นกับสเตฟาน นาฬิกาชีวิตที่สมควรเดินอย่างเชื่องช้า เช่นแวมไพร์ทั่วไป ตอนนี้กลับทำงานเร็วขึ้น เหมือนกับแวมไพร์ที่ร่างกายเข้าใกล้วัยชรา ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น มันสมควรเกิดกับเขาก่อน เพราะเขาใช้เวลาอยู่ในโลกนี้มานานกว่าสเตฟานมากนัก
หรือว่าสเตฟานไปสูบกินโลหิต ของมนุษย์ที่ป่วยเป็นโรคบางอย่าง โดยไม่รู้ตัว โรคภัยที่แฝงอยู่ในโลหิตของมนุษย์ ส่งผลกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายของสเตฟาน เหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นว่ามันปรากฏขึ้นกับแวมไพร์บางตน ... และมันก็มีผลข้างเคียง ทำให้สเตฟานหลุดจากการควบคุมของเขา
โจชัวร์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง พลางครุ่นคิดว่ามีวิธีใดที่จะช่วยสเตฟานได้ และนำสเตฟานกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง... กรีนอายส์ ...
ใช่ ... กรีนอายส์ ... อาจจะเป็นทางเดียวที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้ ตามหากรีนอายส์  บางทีพลังของกรีนอายส์ อาจจะทำให้สเตฟานกลับเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง และตอนนั้น เขาก็จะทำให้สเตฟานกลับมาเป็นแวมไพร์เช่นเดิม แล้วสเตฟานก็จะกลับมาอยู่ใต้อำนาจของเขาอีกครั้ง เพียงแต่เขาควรจะเริ่มจากตรงไหน
ก่อนอื่นต้องทำให้เสตฟานกลับมาอยู่กับเขาให้ได้เสียก่อน แต่จะทำอย่างไร ... โจชัวร์หลับตาลงครุ่นคิด แล้วเขาก็ได้คำตอบ
ต้องหาตัวชายที่สเตฟานยินยอมมอบความสุขให้ผู้นั้นให้พบเสียก่อน แต่แทนที่จะทำลาย เขาควรควบคุมชายผู้นั้นไว้ให้อยู่ใต้อำนาจเขา เมื่อนั้นสเตฟานก็จะกลับเข้ามาอยู่เคียงข้างเขาเอง โจชัวร์ลืมตาขึ้น แล้วยิ้มอย่าง`ตัวเงินตัวทอง`มเกรียม
“ข้าจะหาพวกเจ้าให้พบ เจ้าจะต้องกลับมาอยู่เคียงข้างข้า ... สเตฟาน”
บทที่ ๓๔
“โอ๊ย ... ค่อยสบายหน่อย” ภูริทัตสูดหายใจเข้าเต็มปอด นั่งลงไปบนเก้าอี้โซฟายาวในห้องลอบบี้ของโรงแรม
“พูดได้ซะทีนะเอ็ง” รังสรรค์พูดกลั้วหัวเราะ พลางนั่งลงข้างๆภูริทัต
ระหว่างอาหารค่ำมื้อนั้น ภูริทัตกินอาหารเงียบๆไม่พูดคุยกับใครบนโต๊ะอาหารเลย แม้กระทั่งหัวหน้าแผนกที่เข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ แล้วเอ่ยปากถามภูริทัต
“เพื่อนไปไหนล่ะ เห็นเดินเข้ามาด้วยกันนี่”
“กลับไปแล้วน่ะครับ คงมีธุระด่วน” รังสรรค์ตอบแทน เมื่อเห็นว่าภูริทัตเงียบไปนาน
“อ้าวเหรอ คิดว่าจะให้ทัตแนะนำให้รู้จักซักหน่อย น่าเสียดายนะ” หัวหน้าแผนกพูดคุยกับคนบนโต๊ะอยู่อีกครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นเดินจากไป
ปรีชาและรังสรรค์สบตากันแว่บหนึ่ง รู้แล้วว่าอาการ ‘ดื้อเงียบ’ ของภูริทัตเกิดขึ้นแล้ว ตามปรกติอาการแบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก นอกจากภูริทัตเกิดอาการไม่พอใจอย่างมาก จนสุดจะทน ดูเหมือนกรกฏจะรู้ตัวในเวลาต่อมา เพราะสียงพูดจ้อยๆ เริ่มเงียบลง คล้ายจะรู้สึกว่าอาการของภูริทัต แพร่เชื้อไปยังเพื่อนรักทั้งสองคน เพราะนอกจากภูริทัตที่ไม่พูดกับตนแล้ว รังสรรค์ก็พลอยเป็นไปด้วย และสักพัก ปรีชาก็ไม่พูดกับเขาด้วยอีกคนหนึ่ง เมื่อรังสรรค์เห็นว่าภูริทัตกินอาหารเรียบร้อยแล้ว จึงแกล้งชวนออกมาจากห้องอาหารเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่ทั้งสองคนกลับเดินออกมายังลอบบี้โรงแรม ราวกับนัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว
“รุ่นน้องเอ็งทำไมเป็นแบบนี้วะ น่ารำคาญฉิบ” ภูริทัตพูดอย่างเบื่อหน่าย
“ข้าก็รู้มานานแล้วว่าฤทธิ์เยอะ แต่ไม่นึกว่าจะขนาดนี้ มันก็ช่วยไม่ได้หว่ะ เอ็งเสือกเสน่ห์แรง” รังสรรค์พยายามพูดติดตลก หวังว่าเพื่อนจะอารมณ์ดีขึ้น
ภูริทัตหันไปมองหน้ารังสรรค์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อย่าลำบากใจไปเลยวะ” รังสรรค์ตบไหล่เพื่อน “จำได้รึเปล่า ตอนมาทำงานใหม่ๆคนรุมจีบเอ็งขนาดไหน”
“ไอ้บ้านี่” ภูริทัตปัดมือบนไหล่ออก “คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ทำมาเป็นล้อเล่นอยู่ได้”
“เอาน่า ทนๆหน่อย สเตฟานเค้าก็ยังบอกว่าให้อดทนไม่ใช่เหรอไง”
“เอ็งรู้ได้ยังไง” สีหน้าของภูริทัตเปลี่ยนเป็นสงสัย
“เดาเอา” รังสรรค์พูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา “เค้าคงบอกให้เอ็งอดทนเพราะเป็นงานเลี้ยงของบริษัท เอ็งควรจะอยู่ในงาน ส่วนเค้าควรจะออกไป เพราะถ้ายังอยู่ต่อ ไอ้ปูมันคงหาเรื่องไม่หยุด”
“สานฝันบอกกับข้าแบบนั้นจริงๆ” ภูริทัตพูดเบาๆ
“ความจริงเค้าก็ไม่อยากมาตั้งแต่ตอนที่ข้าชวนเค้าเมื่อตอนบ่าย แต่ข้าเองแหละที่ตื้อ จนต้องยอมมาด้วย แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงๆ”
“สเตฟานเค้าเป็นผู้ใหญ่มากเลยนะ เหมาะที่จะมาดูแลเด็กอย่างเอ็ง ... พูดถึงเด็กแล้ว เมื่อกี้ข้านึกว่าเอ็งจะเดินหนีออกมา เหมือนที่เอ็งเคยหนีออกจากบ้านเมื่อตอนเด็กซะอีก”
“นั่นมันตอนข้าเด็กๆเว๊ย ตอนนี้ข้าโตแล้ว”
“โตแต่ตัวน่ะสิวะ” รังสรรค์หัวเราะร่วน “กลับเข้าไปกันเถอะ ออกมากันนานแล้ว”

พูดจบ รังสรรค์ก็ลุกขึ้นเดินนำภูริทัตพากันกลับเข้าไปในห้องเลี้ยงอาหารซึ่งกำลังมีการกล่าวขอบคุณพนักงานของบริษัท ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงานให้กับบริษัทในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ภูริทัตนั่งฟังอย่างเงียบๆแต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องเก่าๆในวัยเด็ก ช่วงที่เขาตัดสินใจหนีออกจากบ้านโดยมีเพียงเสื้อผ้าเพียงชุดเดียวที่สวมใส่อยู่ กับเงินในกระเป๋าอีกไม่กี่บาทด้วยสาเหตุเพียงเพราะเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“แค่สเก็ตบอร์ดอันเดียว ทำไมพ่อซื้อให้ผมไม่ได้แต่ทีเมียใหม่ของพ่ออยากได้อะไร ก็ควักเงินให้เค้าทันที” ตอนนั้นภูริทัตไม่พอใจจริงๆเพราะพอแม่บังเกิดเกล้าของเขาเสียชีวิตไปได้เพียงปีกว่าๆ พ่อก็แต่งงานใหม่




มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 02:02:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 00:44:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:36:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-28 18:50 , Processed in 0.075033 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้