ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 595|ตอบกลับ: 3

++ สานฝันนิรันดร ++ # 33

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว


“ใจคอคุณจะเดินแก้ผ้าโทงๆต่อหน้าผมเหรอครับเอาอย่างนั้นก็ได้นะ ผมไม่ถือหรอก”
“ไม่ดีกว่า” รังสรรค์ใช้ผ้าขนหนูพันท่อนล่างไว้แล้วลุกขึ้นจากเตียง

“เดี๋ยวคุณจะหวั่นไหว ผมก็แย่กันพอดี” แล้วรังสรรค์ก็หัวเราะร่วนเดินเข้าห้องน้ำไป
“หลงตัวเองมากไปรึเปล่าวะ” ทรงเดชบ่นตามหลังไปพลางเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้นั่งเล่นหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะเล็กๆขึ้นมานั่งอ่านฆ่าเวลา
“อาหารของโรงแรมเราเป็นยังไงบ้างครับ” ทรงเดชถามรังสรรค์ ระหว่างที่กินอาหารเช้ากันอยู่ ในห้องอาหารของโรงแรม
“อร่อยดีครับ” รังสรรค์ตอบแล้วก็ง่วนอยู่กับอาหารในจานต่อ สักพักก็ขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรเหรอครับ” ทรงเดชถามขึ้นเมื่อเห็นอาการของรังสรรค์
“ก็ ...” รังสรรค์ลากเสียงยาว ชะงักการกินอาหารเช้า แบบอเมริกันเบรคฟราส หรี่ตามองทรงเดช
“กำลังคิดว่าทำไมวันนี้คุณถึงมาคอยดูแลผมไง” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง
“โธ่ ...” ทรงเดชลากเสียงยาวบ้าง
“ก็ถ้าคุณท่านไม่สั่ง ผมก็ไม่ทำหรอกคร๊าบ” ตอบแล้วก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
“อ้าว เป็นงั้นไป” รังสรรค์ถอนหายใจเบาๆ แล้วก็กินอาหารในจานต่อ
“ตกลงคุณสงสัยเรื่องนี้น่ะเหรอ”
“ทีแรกผมว่ากินเสร็จแล้วค่อยถาม แต่ไหนๆคุณก็เริ่มแล้ว ผมถามเลยแล้วกัน” รังสรรค์จ้องหน้าทรงเดช
“ผมมาที่นี่ได้ไง แล้วทำไมผมนอนแก้ผ้าอยู่ในห้อง เมื่อคืนผมเสร็จคุณ หรือคุณเสร็จผม หรือว่าต่างคนต่างเสร็จ”
... พรวด .... เป็นเสียงทรงเดชพ่นกาแฟที่ดื่มอยู่ออกมาเป็นสาย
“แค๊กๆ ... โหยแทบตาย” ทรงเดชบ่นพลางดึงกระดาษทิชชู่บนโต๊ะ เช็ดไปตามมุมปากที่เลอะกาแฟ
“คุณคิดได้แค่นี้เนี่ยนะ”
“แล้วคุณจะให้คิดยังไง ตื่นขึ้นมาก็นอนแก้ผ้าอยู่ในโรงแรมกับคุณ”
“คุณเลิกกวนผมได้แล้ว ยังไงผมก็ไม่สนใจเรื่องจะมีอะไรกับคุณแบบนั้นหรอกนะ” ทรงเดชทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“คุณท่านนะคุณท่าน ช่างหางานให้ผมจริงๆ”
“ผมเลิกกวนคุณก็ได้” รังสรรค์อมยิ้ม
“ว่าแต่ว่า ทำไมคุณถึงไม่กลับบ้านกลับช่อง มานอนค้างอยู่ที่โรงแรมได้ยังไง” คราวนี้ทรงเดชถามบ้าง
“อืม ... ให้ผมคิดก่อนนะ” รังสรรค์รวบช้อนส้อมเข้าด้วยกัน เพราะกินอิ่มพอดี
“เมื่อคืนผมดื่มเยอะไปหน่อย เลยเมามาก คุณสเตฟานก็เลยให้ผมค้างที่นี่ พอมาถึงผมก็อาบน้ำอาบท่า คุณสเตฟานก็ให้พนักงานเอาเสื้อผ้าผมไปซักรีด”
“อ้าว ... ไหนคุณบอกว่าจำไม่ได้ไงว่าทำไมถึงได้แก้ผ้านอน” ทรงเดชทำหน้าเหรอหรา
“ผมก็พูดไปงั้นแหละ ว่าไปได้แกล้งคุณนี่ก็สนุกดีนะ” รังสรรค์ตอบพลางหัวเราะร่วน
“เป็นไปอย่างที่คุณบอกครับ คุณรังสรรค์เข้าใจว่าตัวเองเมามาจากที่บาร์ แล้วคุณเป็นคนพาเขากลับมานอนที่โรงแรม” ทรงเดชกรอกสายลงไปในหูโทรศัพท์
“ผมดูแลให้กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้วครับ ให้รถของทางโรงแรมไปส่งเมื่อสักครู่นี้เอง”
“ขอบใจคุณมากนะ” สเตฟานพูดกลับมา
“ต่อไปจะทำยังไงล่ะครับ คุณรังสรรค์จะตกอยู่ในอันตรายมั๊ยครับ” ทรงเดชถามด้วยความห่วงใย เพราะอย่างน้อยเขาก็นับรังสรรค์เป็นเพื่อนคนหนึ่ง
“คงไม่เป็นอะไรหรอก ผมสะกดจิตเขาไว้ ให้เขารู้สึกไม่ต้องการจะเข้าไปในบริเวณนั้น ในตอนกลางคืน”
“ผมว่า คุณน่าจะทำอะไรให้มันเด็ดขาดไปเลยดีกว่ามั๊ยครับ ต่อไปคุณจะได้ไม่ต้องหลบหนีอีก ด้วยพลังของคุณมันเป็นเรื่องง่ายจะตาย”
“พลังของผมมีไว้เพื่อการช่วยเหลือ ไม่ใช่เพื่อการทำลาย” เสียงตอบพร้อมกับเสียงถอนหายใจเบาๆ
“หากมนุษย์อย่างคุณทำลายกันเอง คุณจะรู้สึกอย่างไร ความรู้สึกของผมก็คงไม่แตกต่างกันนัก หากต้องทำลายเผ่าพันธ์เดียวกัน ...ช่วงนี้ผมคงต้องไปอยู่ที่บ้านสักระยะ เพราะที่นี่มันใกล้ที่เกิดเหตุเกินไป เดี๋ยวคุณให้คนเอาของใช้ที่จำเป็นกับเสื้อผ้าบางส่วน ไปไว้ที่นั่นด้วยแล้วกัน ผมจัดลงกระเป๋าไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ผมเอาไปให้เองก็ได้ครับ แค่นี้นะครับ เดี๋ยวผมจะโทรไปบอกทางบ้านให้จัดเตรียมห้องไว้ให้คุณ”
ทรงเดชวางหูโทรศัพท์ลง หลังจากที่สเตฟานพูดขอบใจและวางสายไปแล้ว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมในห้องทำงาน ยกมือขึ้นกุมขมับ ขมวดคิ้วแนบแน่น ครุ่นคิดไปถึงพลังของสเตฟาน เขาเคยคิดว่าพลังนั้นมีผลเฉพาะกับพวกแวมไพร์เท่านั้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับรู้ว่า มันมีมากและน่ากลัวกว่าที่เขาคิดนัก พลังของสเตฟานยังสามารถควบคุมมนุษย์ได้ด้วย แล้วเขาก็เสียวสันหลังวูบขึ้นมา เมื่อคิดไปว่ามนุษย์จะเป็นอย่างไร หากแวมไพร์ทุกตนมีพลังอำนาจเช่นเดียวกันนี้
พลังที่สามารถควบคุมความทรงจำ รวมไปถึงกำหนดพฤติกรรม การดำเนินชีวิตของมนุษย์ ได้ในระยะเวลาหนึ่ง
พลังของแวมไพร์เพียงหนึ่งเดียว... กรีนอายส์ ...
บทที่ ๓๘
ภูริทัตกับปรีชามองหน้ากันไปมา สลับกับการมองดูปรีชาใช้ช้อนเขี่ยข้าวในจานอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ปรกติปรีชามักจะอารมณ์ดี หาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคุยเล่นกับเพื่อนๆอยู่เสมอ ไม่บ่อยนักที่จะมีอาการแบบนี้ ทั้งสองคนพอจะเดากันได้ว่าสาเหตุน่าจะมาจากชายหนุ่มรุ่นน้อง ที่วันนี้หายหน้าไปจากโต๊ะอาหาร ไม่มากินอาหารกลางวันด้วยกันเหมือนปรกติ
“เซ็งว๊อย...” ปรีชาพูดอย่างเบื่อหน่าย ถอนหายใจยาว แล้วเงยหน้าจากจานข้าว ขึ้นมามองเพื่อนทั้งสองคน
“คืนนี้ไปเที่ยวกันหน่อยดีกว่า”
“ข้าขอตัวหว่ะ” ภูริทัตตอบ
“พวกเอ็งก็รู้ว่าพ่อข้ามาจากต่างจังหวัด ช่วงนี้ต้องทำตัวเป็นลูกที่ดีหน่อย”
“เอ้อ ...” รังสรรค์อึกอัก เมื่อมองเห็นสายตาที่เหมือนจะขอร้องของปรีชา
“โทษทีหว่ะ ข้ารู้สึกเพลียๆ ทำงานเสร็จแล้ว อยากกลับบ้านเลย”
“เออ... ไม่เป็นไร ไปคนเดียวก็ได้วะ” ปรีชาตอบอย่างเสียไม่ได้
คืนนั้นปรีชาจึงมานั่งอยู่คนเดียวในร้านซึ่งเขามาเป็นประจำ เสียงเพลงยังคงสร้างบรรยากาศคึกคักให้ผู้มาเที่ยวเหมือนเช่นเคย แต่ปรีชาก็ยังคงรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หาย เมื่อคิดไปถึงความเอาแต่ใจของกรกฏ ชายหนุ่มรุ่นน้องที่เขาติดอกติดใจมากเป็นพิเศษ อดยอมรับไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ทางร่างกายที่ผ่านมานั้น กรกฏทำให้เขาอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แต่อุปนิสัยแท้จริงที่เขาเพิ่งได้ประจักษ์
จากการได้อยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดยเฉพาะความเจ้าอารมณ์และความเอาแต่ใจ ทำให้เขารู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่มรุ่นน้อง ที่เขาคิดจะคบหาอย่างจริงจัง ตอนนี้เขาไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมรังสรรค์ที่เป็นคนใจเย็น จึงไม่คิดสานสัมพันธ์กับกรกฏ แม้จะในฐานะ ‘เพื่อนนอน’ ก็ตาม
ปรีชายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบช้าๆ สายตาก็เริ่มมองดูรอบๆ ยังไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้เขารู้สึกสนใจได้เลยในขณะนี้ แล้วความคิดของเขาก็คิดเลยไปถึงชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มชาวต่างชาติผู้มีผิวพรรณละเอียดอ่อน ริมฝีปากสีชมพูรับสีชมพูเนียนใสของผิวหน้า เรือนผม
เป็นสีทองดูนุ่มสลวย โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาประทับใจมาตั้งแต่วันแรกที่เขาได้เห็น ดวงตาสีเขียวสดใสราวมรกตเนื้อดี ที่ส่องประกายแวววาว
“สเตฟาน” ปรีชาอดเรียกชื่อของชายหนุ่มชาวต่างชาติคนนั้นออกมาเบาๆไม่ได้
แต่เสียงอันแผ่วเบานั้น กลับทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินผ่านปรีชาทางด้านหลัง ชะงักฝีเท้าลงทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น
“ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เสียงพูดสำเนียงแปร่งหูดังขึ้น พร้อมกับมีคนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ
ปรีชาหันหน้ามองชายหนุ่มที่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง แล้วก็ต้องเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
“หน้าผมมีอะไรหรือครับ” เสียงทุ้ม นุ่มหู เจือไปด้วยเสียงหัวเราะ ดวงตาสีฟ้าสดในส่อประกายกรุ้มกริ่ม ริมฝีปากสีชมพูเผยอยิ้มน้อยๆ ปรีชารู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นแฝงอันตรายบางอย่างไว้ แต่ก็ดูเชิญชวนและมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด จนเขาไม่อาจต่อต้านต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามมาได้
“เอ้อ ผมคิดว่าเป็นคนรู้จักน่ะครับ เลยแปลกใจ” ปรีชาตอบด้วยความเก้อเขิน
“คนที่คุณคิดถึงหรือครับ” ชายหนุ่มชาวต่างชาติผมสีเงินยวงถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมเหมือนเขามากหรือครับ”
“เอ้อ ... ก็เหมือนครับ เหมือนกันอย่างกับฝาแฝดเลย” ปรีชาเริ่มตอบด้วยสีหน้า และน้ำเสียงที่เป็นกันเองมากขึ้น
“สเตฟาน .... คนนั้นชื่อ สเตฟานหรือครับ” ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้มและประกายตาแวววาว
“คุณรู้จักสเตฟานด้วยเหรอครับ พวกคุณเหมือนกันมากทีเดียว ผิดกันที่สีผม กับสีตาเท่านั้นเอง” ปรีชาพูดพลางมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่ม
“คุณ ... เอ้อ ... ผมจะเรียกคุณว่าอะไรดีครับ”
“ผมได้ยินคุณเรียกชื่อนี้เมื่อครู่น่ะครับ เลยเดาเอา” ประกายตาของชายหนุ่มเหมือนส่องประกายมากขึ้น และเริ่มเปลี่ยนสีจากสีฟ้าสดใส เป็นสีฟ้าเข้มขึ้น
“ผมชื่อโจชัวร์ครับ”
หลายคนหันมามองดูชายชาวต่างชาติผมสีเงินยวง ค่อยๆโอบประคองปรีชา เดินตรงไปยังประตูด้วยความรู้สึกต่างๆกัน บางคนอิจฉา บางคนเสียดาย ว่าทำไม่คนที่ชายชาวต่างชาตินั้นเลือกไม่เป็นตน บางคนมองอย่างเป็นเรื่องปรกติ แต่หากมีคนมองเห็นใบหน้าของปรีชา คงต้องรู้สึกสงสัยทำไมจึงมีสีหน้าและแววตาเลื่อนลอง เหมือนไม่มีสติอยู่กับตัวเลยแม้แต่น้อย
“สรรค์ เย็นนี้ไปธุระด้วยกันหน่อยสิ” ปรีชาพูดด้วยเสียงเนือยๆ ระหว่างที่กินข้าวกลางวัน
“ไปไหน” รังสรรค์หันมาถามเพื่อน รู้สึกแปลกใจในท่าทางที่คล้ายจะเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลาของปรีชา
“เออน่ะ ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยก็แล้วกัน” ปรีชาตอบด้วยใบหน้าเฉยเมย จนรังสรรค์กับภูริทัตต่างหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ไปไหนวะ ต้องให้เราไปด้วยอีกคนมั๊ย” ภูริทัตถามขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจ
“ไม่ต้อง” ปรีชาหันไปตอบเสียงห้วนๆ แล้วก็กินข้าวต่อไป ในขณะที่รังสรรค์กับภูริทัตก็หันมองหน้ากัน ด้วยความงุนงงในท่าทาง
ของปรีชา
“มาทำอะไรที่นี่วะ”
รังสรรค์ถามอีกครั้งหนึ่ง เมื่อประตูลิฟท์ของโรงแรมปิดลง ปรีชายังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ออกจากที่ทำงานในตอนเย็น ปรีชาบอกให้เขาขับรถฝ่าการจราจรที่แออัดในช่วงเย็นหลังเลิกงาน มายังโรงแรมเล็กๆอีกฟากหนึ่งของตัวเมือง กว่าจะมาถึงพระอาทิตย์ก็เกือบตกดินแล้ว เมื่อลงจากรถก็เดินตรงมายังลิฟท์ โดยไม่ติดต่อเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครสนใจ ทำให้รังสรรค์รู้สึกว่า โรงแรมแห่งนี้มีการดูแลความปลอดภัยที่ค่อนข้างหละหลวม ลิฟท์ตัวเล็กๆ พาคนทั้งสองขึ้นมาบนชั้น ๓ ของโรงแรม เมื่อออกจากลิฟท์ ปรีชาก็เดินนำตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุด และยังไม่ทันที่จะเคาะประตู บานประตูก็เปิดออก ก่อนที่รังสรรค์จะพูดอะไร ปรีชาก็เดินเข้าไปสียแล้ว ทำให้รังสรรค์ต้องก้าวเท้าตามเข้าไปในห้องนั้น แล้วบานประตูก็ปิดลง เมื่อรังสรรค์เดินเข้าไปในห้องนั้น
แสงไฟสลัวในห้อง ทำให้มองเห็นหญิงสาวผิวสีชอคโกแลตที่ปิดบานประตูลง เมื่อมองเข้าไปด้านใน ก็เห็นปรีชายืนอยู่เคียงข้างชายหนุ่มผิวขาว หญิงสาวก็เดินมายืนเคียงข้างปรีชา ทั้งชายหนุ่มและหญิงสาวนั้นมองดูรังสรรค์ด้วยรอยยิ้ม มีสีหน้าราวกับได้เห็นสมบัติอันล้ำค่า
“สวัสดีหนุ่มน้อย เราได้พบกันอีกแล้ว” เสียงทักทายสำเนียงแปร่งหูมาจากอีกด้านหนึ่งของห้อง รังสรรค์หันหน้าไปตามเสียง
“สเตฟาน” รังสรรค์อุทานด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างชายเจ้าของเสียงนั้น กับคนที่เขารู้จัก “ไม่ใช่นี่ คุณไม่ใช่สเตฟาน ... แต่ทำไมเหมือนกันขนาดนี้ คุณเป็นใครกัน”


“ผมเป็นใครงั้นเหรอ” เสียงตอบพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
“เรียกผมว่า โจชัวร์ ... โจชัวร์เจ้านายและคนรักที่แท้จริงของสเตฟาน และนั่น ไล่ล่า กับไป่เทียน” รังสรรค์หันไปมองคนทั้งสอง แล้วหันกลับมาทางโจชัวร์
“เจ้านาย...คนรัก” รังสรรค์ขมวดคิ้วแล้วก็ต้องแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-6-30 02:37:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 01:35:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 12:53:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 01:51 , Processed in 0.080524 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้