ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 563|ตอบกลับ: 4

++ สานฝันนิรันดร ++ # 42

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

พร้อมกับความคิดนั้นภาพของชายหนุ่มต่างชาติรูปร่างสูงโปร่งในเสื้อโค๊ตสีเขียวเข้มก็ปรากฏขึ้นมาในหัวสมอง ราวกับว่าภาพนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ผิวขาวละเอียดอ่อน กับเรือนผมสีทองดูกระจ่างตามีเพียงใบหน้าที่เหมือนมีหมอกบางๆคลุมไว้ ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน คิดมาถึงตรงนี้ภูริทัตก็ถอนหายใจแรง สายตาเหลือบมองไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่ยืนห่างออกไปจากกลุ่ม กำลังพูดคุยกับชายรูปร่างสูงเมื่อมองจากด้านหลังทำให้เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
เรือนผมสีทอง ในเสื้อโค๊ตสีเขียวเข้ม แผ่นหลังของชายหนุ่มชาวต่างชาติช่างดูคุ้นตาเขาเสียเหลือเกิน
การนำเสนอ หรืออาจจะเป็นการต่อรอง ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จ เด็กชายก้มหน้าด้วยความไม่พอใจ มือขาวละเอียดยกขี้นตบบ่าของเด็กชายเบาๆ ราวจะปลอบโยน แต่เหมือนเขาจะไม่ใส่ใจ หันหลังเดินกลับไปยังกลุ่มอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ชายชาวต่างชาติหันมองดูเด็กชายเล็กน้อย พลางส่ายหน้าเหมือนอ่อนใจ ภูริทัตมองเพ่งดูเสี้ยวหน้าที่หันมาอย่างแปลกใจ
“สเตฟาน” ภูริทัตเรียกพึมพำของชาวต่างชาติคนนั้นเบาๆ
ความสงสัย และความต้องการบางอย่าง ทำให้ภูริทัตเดินตามสเตฟานไปช้าๆ ข้ามถนนสายใหญ่ไปสู่อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นสวนสาธารณะ เดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ คนที่อยู่ด้านหน้าเดินช้าๆอย่างสบายอารมณ์ ชายหนุ่มเองก็เดินตามไปด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ สักพัก สเตฟานก็หยุดเท้าลงที่โคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เอื้อมมือแตะลำต้นอันแข็งแกร่งนั้นไว้ ทันใดกิ่งก้านที่สงบนิ่ง ก็สั่นไหวราวมีลมพัด เพียงแค่นั้น ภูริทัตคงไม่รู้สึกอะไร แต่ภาพที่เขามองเห็น ทำให้เขาตกตะลึง
หมอกสีขาว รวมตัวกันอยู่รอบๆลำต้นของต้นไม้ใหญ่  แล้วรวมตัวกันเป็นเส้นสาย พุ่งหายเข้าไปในร่างของสเตฟาน
บทที่ ๔๙
แสงสว่างเพียงเล็กน้อยจากไฟทาง ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ภูริทัตเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน แต่คงเป็นเพราะประกายจางๆที่ออกมาจากร่างภายใต้ต้นไม้นั้นมากกว่า ที่ทำให้ภาพนั้นดูลึกลับน่าหวาดหวั่น
ไอหมอกที่ออกมาจากต้นไม้ใหญ่ รวมตัวเป็นกำแพงหมอก หมุนเป็นวงล้อมรอบร่างของเสตฟานไว้ เรือนผมสีทองลุกชี้ชัน พริ้วไสวราวกับถูกแรงลมโชยพัด แล้วหมอกนั้นก็ค่อยๆกลายเป็นเส้นสายบางละเอียด แทรกซึมเข้าสู่ร่างนั้นอย่างช้าๆ
แต่ภาพที่ภูริทัตเห็นกลับดูสวยงามในความรู้สึกของชายหนุ่ม จนเจ้าตัวเองก็แปลกใจไม่น้อย ว่าทำไมถึงไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อภาพตรงหน้าเลย แม้แต่เสี้ยวของความรู้สึก สเตฟานเบือนหน้ามาทางเขาอย่างช้าๆ วูบหนึ่งภูริทัตเหมือนจะมองเห็นรอยยิ้มเศร้าปรากฏขึ้น ก่อนที่ร่างของสเตฟานจะค่อยๆเลือนหายไป ทิ้งไว้แต่เงาของต้นไม้ใหญ่ที่สงบนิ่งเหมือนที่ตรงนั้นไม่เคยมีใคร หรือสิ่งใดอยู่มาก่อนเลย
“คุณตั้งใจใช่มั๊ย” ภูริทัตพึมพำ
“คุณตั้งใจให้ผมเห็น ... ทำไมกัน ...ทำไม ... สเตฟาน” หัวคิ้วของภูริทัตขมวดเข้าหากัน แล้วชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิด และเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่อนั้นออกมาเบาๆ
“... สานฝัน ...”
“คุณตั้งใจใช่มั๊ย ... ทำไมกันครับ” ทรงเดชถามพร้อมกับส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย มองดูคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวม ซึ่งถูกนำมาตั้งไว้ข้างหน้าต่างบานใหญ่
ไม่มีคำตอบจากสเตฟาน สายตาของเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับว่ากำลังมองดูแสงไฟภายนอก ซึ่งบางดวงกระพริบวิบวับราวกับประกายของดวงดาราบนฟากฟ้า
“ว่าไงครับคุณทัต เอาแต่เหม่ออยู่ ฟังที่ผมเสนอบ้างรึเปล่าครับ” ทรงเดชเอ่ยถามชายหนุ่ม ที่ราวกับกำลังเหม่อลอยอยู่ในวงสนทนา
“มันเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ถามอะไรก็ไม่ยอมบอกว่าคิดอะไรอยู่” รังสรรค์บอกยิ้มๆ
“เอาเป็นว่าผมกับเจ้าชาไปแน่ ส่วนไอ้ทัต ปล่อยให้มันอยู่กับโลกในฝันของมันต่อไปก็แล้วกัน”
“เอ้อ ... โทษที” ภูริทัตถอนหายใจเบาๆ
“พอดีมีเรื่องให้คิดน่ะ แล้วนี่คุยเรื่องอะไร จะไปไหนกัน”
“คุยกันเรื่องปีใหม่ไงครับ ก็พวกคุณบอกว่า อยากหาที่พักผ่อนสงบๆ สบายๆ ซักที่ แต่ไม่อยากไปไกล ผมก็เลยชวนพวกคุณไปพักกันที่บ้านเจ้านายผม” ทรงเดชพูดยิ้มๆ
“ที่ไหนเหรอ” ภูริทัตทำท่าสนใจ
“ในกรุงเทพฯนี่แหละครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องความสงบ เรื่องความสบายยิ่งไม่ต้องพูดถึง บ้านเจ้านายผมกว้างขวาง เงียบสงบ รับรองเลยว่าพวกคุณอาจจะติดใจจนไม่อยากกลับเลย”
“แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็วันที่ ๑ ไงวะ” ปรีชาบอก “เคาท์ดาวน์กันเสร็จ บ่ายๆค่อยมาเจอกันที่นี่ ไปค้างกันซักคืนหรือสองคืน”
“หรือไม่ก็ ๓ คืนซะเลย เพราะหยุดกันยาวตั้ง ๕ วันนี่หว่า” รังสรรค์พูดเสริม
“เออ ... ว่าไงก็ว่าตามกัน ว่าแต่ต้องเอาอะไรไปกันบ้าง” ภูริทัตถามอย่างกระตือรือร้น
๔ หนุ่มจับกลุ่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่
“แล้วคุณล่ะทรงเดช ... คุณทำแบบนี้ไปทำไมกัน”
พูดแล้วสเตฟานก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะถอนสายตาออกจากคนกลุ่มนั้น แล้วเดินจากไป
“ชนแก้วเว๊ย” ปรีชาพูดชวนเพื่อนทั้งสองเสียงดัง เพราะรอบข้างเต็มไปด้วยผู้คน และเสียงของวงดนตรีที่กำลังสร้างบรรยากาศส่งท้ายปีเก่าอยู่บนเวที
“เป็นอะไรไปอีกวะเอ็ง ทำหน้าไม่สบายอีกแล้ว” รังสรรค์ถามภูริทัต หลังจากดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่
“รู้สึกขาดๆหว่ะ” ภูริทัตตอบ “ข้ารู้สึกเหมือนกับว่า พวกเราน่าจะมีใครอีกคนอยู่ในกลุ่ม”
“หมายถึงเจ้าปูน่ะเหรอ” ปรีชาแสดงความเห็น
“รายนั้นปล่อยมันไปเหอะ ได้ผัวฝรั่งไปอยู่เมืองนอก ป่านนี้สบายไปแล้ว”
“ไม่ใช่หวะ ข้าไม่ได้หมายถึงไอ้ปู” ภูริทัตตอบแล้วก็คิดไปถึงเพื่อนรุ่นน้อง ที่ลาออกไปอย่างกระทันหันเมื่อต้นปี
“แล้วจะเป็นใครอีกล่ะวะ พวกเราก็มีกันอยู่สามคนมาตั้งแต่เรียนด้วยกัน พอมาทำงานก็มีเจ้าปูเข้ากลุ่มมาอีกคน แล้วก็ ...” รังสรรค์พูดแล้วก็เงียบไปสักพัก
“เออ .. จริงด้วยหว่ะ ทำไมข้าก็รู้สึกวะ”
“รู้สึกอะไร”  ปรีชาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“รู้สึกว่าเราน่าจะเป็นมากกว่าเพื่อนกันได้แล้วใช่มะ”
“รอชาติหน้าเหอะ” รังสรรค์หัวเราะแล้วก็พูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนต่อ แต่ใจกลับมีเงาของใครบางคนผุดขึ้นมา
นักเปียโนหนุ่มชาวต่างชาติคนที่เขาได้พบเมื่อช่วงคริสต์มาส รังสรรค์รู้สึกเหมือนได้พบคนที่ใกล้ชิด จนอยากเข้าไปสนิทสนมด้วย
แต่ความรู้สึกอีกอย่างก็ค้านออกมา มีบางอย่างบอกเขาว่า คนคนนี้มีเจ้าของแล้ว และไม่มีทางสนใจเขา
“นี่ถ้าทรงเดชกับสเตฟานมาด้วยก็ดีนะ” สุดท้าย รังสรรค์ก็หลุดปากออกมาจนได้
“นั่นดิ ว่าแต่ว่านายคิดถึงทรงเดชน่ะ พอเข้าใจนะ” ปรีชาขมวดคิ้ว
“แต่สเตฟานนี่ นายคิดถึงเค้าด้วยเหรอวะ”
“บอกไม่ถูกหว่ะ เอาเป็นถูกชะตาแล้วกัน” รังสรรค์ยิ้มน้อยๆ
“อืม ... นั่นสิ” รังสรรค์พยักหน้าเห็นด้วย
“เราเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันหว่ะ ว่าทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเรารู้จักเค้ามานาน หรือนายว่าไงวะ ไอ้ทัต”
“อื้อ ... ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”
ภูริทัตตอบสั้นๆ พลางคิดไปถึงใบหน้าขาวอมชมพู และดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นที่สะกดให้เขาแทบจะหยุดหายใจ
รั้วบ้านที่ค่อนข้างเก่า แต่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย หลังคาบ้านโผล่พ้นยอดไม้ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ทำให้พอจะเดาออกว่า ภายในจะมีต้นไม้แน่นขนัดขนาดไหน แล้วก็เป็นดังคิด เมื่อรถแล่นเข้าไปในประตูบ้านที่เปิดกว้าง ราวกับเตรียมการต้อนรับไว้แล้ว ตัวบ้านไม้ขนาดใหญ่ ดูร่มเย็นภายใต้เงาไม้ใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่สองฟากข้าง ท้องฟ้าที่มีเมฆมาก จนเหลือเพียงแสงแดดอ่อนๆ ทำให้บริเวณภายในรั้วบ้านแห่งนี้ ดูร่มรื่นยิ่งนัก แล้วรถสปอร์ตคันงามก็ค่อยๆจอดลงหน้าบ้านไม้ทรงยุโรปสองชั้นขนาดย่อม ยกพื้นเล็กน้อยเหมือนบ้านสมัยเก่า
“โอ้โห เนี่ยเหรอบ้านเจ้านายคุณ” ปรีชาอุทาน เมื่อลงจากรถตู้มายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ มองดูมุขหน้าของบ้านโค้งเป็นครึ่งวงกลม แล้วแยกออกเป็นปีกซ้ายขวาอย่างลงตัว
“เป็นไงครับ พอจะอยู่กันได้มั๊ย” ทรงเดชหัวเราะ ขณะที่ช่วยกันนำกระเป๋า และกล่องน้อยใหญ่ลงจากรถ
“ยิ่งกว่าได้ซะอีก นี่ใหญ่กว่าที่ผมคิดอีกนะ แล้วยังเงียบสงบยังกับบ้านตากอากาศต่างจังหวัดอย่างงั้นแหละ หรือเอ็งว่าไงวะ เจ้าทัต” รังสรรค์หันไปถามเพื่อน ที่กำลังมองไปรอบๆบริเวณบ้านด้วยอาการแปลกๆ
“สวยมากใช่มั๊ยครับคุณทัต บ้านหลังนี้น่ะเดิมเป็นบ้านของคนในตระกูลใหญ่ แต่เจ้านายผมมาซื้อไว้ คิดว่าจะใช้เป็นที่อยู่ถาวร” ทรงเดชเดินมายืนข้างๆภูริทัต หลังจากนำของลงจากรถเสร็จแล้ว ตอนนี้คนงานในบ้าน ๔ คนกำลังนำข้าวของต่างๆไปเก็นในที่เหมาะสม
“ครับสวยมาก”
ภูริทัตพูดพลางค่อยๆเดินไปทางด้านข้างของตัวบ้าน จนถึงบริเวณซุ้มทางเดิน เป็นทางปูด้วยอิฐสารพัดสี ดูลานตา ด้านบนเป็นโครงไม้สานกันคล้ายตาข่าย ให้เถาวัลย์เกาะเกี่ยวจนเป็นเหมือนหลังคาของทางเดิน ชายหนุ่มค่อยๆเดินไปตามทางเดินนั้นอย่างช้าๆ
“ไปไหนวะ” รังสรรค์ที่เดินตามมา ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“สวนหลังบ้านไง” ภูริทัตหันมาตอบ
“สวนเหรอ” ปรีชาที่เดินตามมาทวนคำ “นายรู้ได้ยังไงว่าทางเดินนี้มันไปสวนหลังบ้านน่ะ”
ภูริทัตยืนนิ่งสีหน้าสับสน นั่นสิ ... เขารู้ได้อย่างไร ชายหนุ่มถามตัวเอง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
บทที่ ๕๐
บาร์บีคิวที่สุกไม่ทันใจคนกินในช่วงแรก  เริ่มเพิ่มมากขึ้นในจานใหญ่ เมื่อทุกคนคลายความหิวลง เนื่องจากได้กินและพูดคุย หยอกล้อกันเล่น มาเป็นเวลาเกือบ ๑ ชั่วโมง ในสนามหลังบ้านที่ร่มรื่นนั่นเอง
“น้ำแข็งจะหมดอีกแล้ว” ปรีชาพูดดังๆ ขณะกำลังคีบน้ำแข็งใส่แก้ว
“มา ไปหยิบให้เอง” ภูริทัตพูดแล้วก็คว้ากระติกน้ำแข็งใบย่อม เดินเข้าไปทางประตูห้องครัวด้านที่เปิดออกมาทางสวนหลังบ้าน
ไม่มีใครอยู่ในครัวเลย ภูริทัตจึงเดินตรงไปยังตู้เย็นขนาดใหญ่ เปิดประตูด้านบน หยิบถุงน้ำแข็งยูนิตออกมา ฉีกปากถุงออกแล้วค่อยๆเทน้ำแข็งในถุงลงไปในกระติก
“แกเก็บรูปนั้นดีรึยัง” เสียงแว่วมาจากนอกประตูอีกด้านหนึ่งของครัว ซึ่งเปิดเข้าไปในตัวบ้าน
“ก็เอาผ้าไปคลุมไว้เฉยๆ” อีกคนหนึ่งตอบ
“อ้าว ทำไมไม่เอาไปไว้ที่อื่น เกิดพวกคุณๆเข้าไปในนั้น จะทำยังไง”
“เฮ่ย ... ไม่เป็นไรหรอก คุณทรงเดชก็จัดห้องให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วว่าใครอยู่ห้องไหน แล้วจะมีใครเข้าไปห้องนั้นอีกล่ะ”
“ว่าได้เหรอวะ เกิดมีใครเข้าไปล่ะ จะว่ายังไง”
“เอ็งนี่ ... ทำไมวะ ข้าน่ะอยากให้เห็นกันนัก เผื่อจะนึกออกบ้าง แกไม่เห็นหรือไง ที่มาอยู่กับคุณท่านครั้งที่แล้ว เธอมีความสุขขนาดไหน แล้วดูวันนี้สิ” เสียงนั้นหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ
“นี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าความจำเสื่อมนะ เฮ้อ.......”
“พูดไปข้าก็สงสารคุณเธอนะ ปรกติก็ดูเงียบๆอยู่แล้ว แต่ก็ยังยิ้มแย้มบ้าง แต่นี่ทั้งขริม ทั้งเศร้า ข้าล่ะสงสารจริงๆ”
แล้วเสียงพูดคุยก็หายไป เหมือนกับว่าคนทั้งสอง ซึ่งภูริทัตรู้จากทรงเดชว่าเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ คงจะเดินห่างออกไปแล้ว ภูริทัตฟังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าคนทั้งสองกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน แล้วคุณท่าน หรือ คุณเธอที่พูดถึง คงเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ซึ่งก็คงเป็นคนเดียวกับเจ้านายของทรงเดชด้วย
“แล้วนี่เจ้านายของคุณไม่มาสนุกกับพวกเราด้วยเหรอไง” ภูริทัตถามทันที หลังจากวางกระติกน้ำแข็งลงบนโต๊ะ
“ผมก็ชวนแล้วครับ เจ้านายผมเค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่ผมว่ายังไงก็คงมาแน่ครับ ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้” ทรงเดชตอบยิ้มๆ
“สงสัยจะอยู่กับครอบครัวเค้ามั๊ง คนแก่ก็งี้แหละ” ปรีชาพูดขณะที่กำลังจัดการกับบาร์บีคิวไม้ใหม่
“นี่คุณคิดว่าเจ้านายผมเป็นคนแก่เหรอ” ทรงเดชขมวดคิ้ว

“อ้าว ... ก็คุณเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้บริหารไม่ใช่เหรอเจ้านายคุณก็ต้องเป็นพวกตาแก่ที่นั่งบริหารงานโรงแรมน่ะสิ อย่างน้อยก็น่าจะพอๆกับคุณปู่คุณนะเพราะคุณเข้ามาทำงานแทนคุณปู่คุณนี่นา” ปรีชาอธิบาย
“นั่นสิ แล้วยังร่ำรวยมีบ้านใหญ่โตโอ่อ่าขนาดนี้อีกจะให้คิดว่าเป็นคนรุ่นพวกเรา ก็คงไม่น่าเป็นไปได้” รังสรรค์ที่กำลังปิ้งบาร์บีคิวอยู่
แต่ก็ได้ยินการสนทนาชัดเจนหันมาพูดเสริม



มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1338
Zenny
8250
ออนไลน์
245 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-7-1 19:41:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1456
Zenny
-96
ออนไลน์
698 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-1 03:50:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนคราฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-4-2 06:11:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค๊าฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47771
Zenny
20390
ออนไลน์
2061 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-10-4 13:33:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-25 01:31 , Processed in 0.085421 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้