ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 1005|ตอบกลับ: 13

OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! 119

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
เผลอยิ้มแล้วกดน้ำหนักมือขึ้นอีกนิดทำเอาผิดคีย์จนต้องสะดุ้งไอ้เนมหน้าแดงจัดทั้งด้วยความเขินปนกับความอับอายต่อสายตาตำหนิของอาจารย์ธีระนึกก่นด่าตัวเองสักสามสี่รอบฐานคิดฟุ้งซ่านจนเป็นผลต่อการฝึกซ้อม
    อ่ะ แต่มันไม่ใช่ความผิดผมนะก็ใครบอกให้พี่โตมันมานั่งอยู่ตรงหน้านี่ล่ะ ใครบอกให้พี่โตมายิ้มแป้น ทำตาหวาน

เท้าคางมองหน้าไอ้เนมด้วยสายตาแบบนั้นกันเล่า...โอ๊ยมันเขินนะเฟ้ย แถมยังสุขสุดๆ อ้ากก บ้าไปแล้ว

ค้อนขวักใส่คนที่ยังนั่งทำตาหวานใส่ไม่เลิก สติฟุ้งซ่านเพราะท่าทีแปลกๆกับตาหวานๆนั่นที่มองมาทีทำเอาอ่อนยวบยาบ นี่มันอะไรกัน!    ผมกับพี่โตรู้จักกันมาสามสี่ปีแล้ว ล้วงลักควักไส้เห็นกันชนิดที่ไม่เหลืออะไรจะมาอายแล้วแท้ๆ
แต่ทำไมไอ้คำว่ารักคำเดียวมันทำให้เราเป็นไปได้ถึงขนาดนี้กันเนี่ย
      สูดหายใจลึก พาดไวโอลินขึ้นบนบ่าอีกครั้งและตั้งใจฝึกซ้อมให้สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้งก่อนจะถูกอาจารย์ธีระแกเตะโด่งถีบออกไปนอกห้องด้วยความหมั่นไส้จัด ผมหลับตาลงช้าๆ สิ่งสุดท้ายที่มองเห็นก่อนหลับตาลง ยังคงเป็นใบหน้าของพี่โตและรอยยิ้มที่ผมชอบเช่นเคย...  ผมสูดหายใจลึก...ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ยามเมื่อนึกถึงเนื้อเพลงและเรื่องราวที่ผ่านพ้น...และ...นึกถึงรอยยิ้มกับใบหน้าของพี่โต
ใช่...Kiss in the rain นี่ล่ะ...เหมาะสมที่สุดแล้ว..
     "ทำแบบนั้น ชาวบ้านเขากลัวหมดเลยรู้ไหม? " ออกปากบ่นทันทีที่ออกมาจากห้องซ้อม แต่คนฟังทำท่าเฉยเสียแล้วขยับไหล่สองสามทีราวกับส่งสัญญาณ... ไอ้เนมกลอกตาหน่ายๆก่อนจะออกแรงบีบนวดไหล่ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองไปด้วย...ถึงจะบอกว่ารักแต่เรื่องใช้งานมันคนละเรื่องครับ ชิ
     " ทำอะไร แค่มานั่งฟังเพลง "คำแก้ตัวนอกจากจะไม่แนบเนียนแล้วยังฟังไม่ขึ้นอย่างรุนแรง
    "  ร้อยวันพันปีไม่เห็นชอบ แล้วไหงช่วงนี้ถึงนึกอยากฟังขึ้นมาได้ล่ะ " ออกปากจิกกัดอย่างรู้ทัน ฝ่ามือที่นวดบนไหล่รู้สึกถึงอาการสะดุ้งอย่างคนมีชนักติดหลัง ทั้งน่าขำและนึกอาดูรจนต้องแอบยิ้ม..ยิ้มไม่ให้ใครเห็นบนหลังพี่โตนั่นแหละ
     " ก็น้องเนมที่รักเล่นนี่ ไม่อยากฟังได้ไง จริงไหม? "  วาจาที่พูดออกมาอย่างไม่อายปาก ทำเอาผมที่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่สะดุ้งเฮือก ผิวแก้มร้อนผ่าวจ้องมองคนพูดที่ไม่แสดงอาการขัดเขินใดๆราวกับพูดประโยคธรรมดาสามัญประมาณ
กูหิวอย่างไรอย่างนั้น มองแล้วนึกอัศจรรย์ใจในความหนาของใบหน้าเสียจริงๆ...แม่เจ้าโว๊ย
     " น้องเนมที่รักเล่นมานานแล้วครับถ้าพี่โตไม่รู้.." ผมออกปากสวนกลับทันทีด้วยไม่ยอมให้ตัวเองต้องมาเขินแทบบ้าอยู่คนเดียว...เหมือนจะได้ผล เพราะพี่โตชะงัก....แล้วหัวเราะหึๆ
    ฝ่ามือของผมที่บีบนวดไหล่คนตัวโตอยู่ถูกดึงรั้งได้อย่างง่ายดาย ปลายนิ้วกร้านไล้หลังมือและปลายเล็บสีขาว นัยน์ตา
สีเข้มหันมาสบมองแววตาของผมที่อยู่ใกล้ๆ..ทั้งหวานเชื่อมเสียจนชวนให้ใจสั่น  
       " อยากอยู่ด้วยกัน...ไม่ชอบหรือไง? " แค่นี้ทำผมเขินไม่พอใช่ไหม คนพูดถึงได้เอาหน้าผากมาแนบชิด ออกแรง
โขกเบาๆกับหน้าผากของผมพอให้รู้สึก ตาคู่นั้นจ้องเขม็ง..แสดงความรู้สึกออกมาอย่างไม่ปิดบัง..
      อยากจะยิ้มเขิน หรือหัวเราะแก้ขวยแล้วออกปากต่อล้อต่อเถียงเช่นที่เคยเป็น ทว่าใจความบางอย่างของบทสนทนา แววตา หรืออะไรสักอย่างนั้นทำให้ผมชะงัก..แขนข้างที่ว่างซึ่งเกาะอยู่บนไหล่หนาย้ายลงมาที่สอดเข้ากับบั้นเอวพร้อมกับกอดไว้แน่น..
       " ชอบสิ " หัวเราะหึๆเมื่อพี่โตรั้งตัวให้นั่งลงบนตัก ตากวาดมองรอบๆเผื่อใครมาเห็น  แต่เมื่อห้องดนตรีปิดแล้ว
และไม่มีร่างของผู้คุมหรือสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่จึงยอมนั่งลงและเอนกายพิงแผ่นหลังแกร่งอย่างว่าง่าย...รับไออุ่นจากตัวคนซึมซับและถ่ายทอดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว..
       " ร้อนจัง..." ริมฝีปากชื้นแนบลงบนผิวเนื้ออ่อนตรงซอกคอ ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปไล้บั้นเอวช้าๆ..เสียงกระซิบที่แฝงนัยย์ที่รู้กันดีเป็นของพี่โตคนเดิมไม่ผิดแน่ คนที่พลิกจากสถานการณ์หวานๆมาหื่นได้หน้าตาเฉย ..
        " ปล่อยสิ จะได้หายร้อน " ตอนนี้เวลาคงปาเข้าไปสามโมงกว่า แดดร้อนเปรี้ยงยังไม่หายไปไหนเลย มากอดรัดอะไรกันตรงนี้ก็สมควรจะร้อน และเพราะมันร้อน มันจึงไม่สมควรที่จะทำอะไรมากกว่ากอดด้วย
        " น่า....." ฝ่ามือยังรุกไล่ไม่ยอมแพ้..ริมฝีปากยังตามขบกัดไม่หยุด จนชัดจะเสียใจที่ตัวเองเลอซาบซึ้งกับบรรยากาศหวานๆเมื่อครู่ซะจริงๆ
        " ไม่เอา....ตอนกลางคืนเถอะ " ผมไม่ได้หื่นนะ บอกไว้ก่อน แต่ถ้าห้ามอย่างเดียวมีหรือพี่โตจะฟัง ต้องหลอกล่อถ่วงเวลาสิ อยู่กิน เอ๊ย อยู่กันมานานก็พอรู้นิสัยอยู่หรอก
        " เฮ้อ ก็ได้ " ที่สุดพี่โตก็ยอมละมือออกจนได้ ฝ่ามือนั้นเปลี่ยนจากสอดไล้บั้นเอวเป็นกอดไว้แทน พร้อมกับปลายคางพาดลงบนไหล่ผมโยกตัวกอด ออดอ้อนราวกับเด็กน้อยเสียอย่างนั้น
   เปลี่ยนอารมณ์เร็วจนตามไม่ทันจริงน้า... ไอ้เนมได้แต่บ่นอยู่ในใจ จำยอมให้พี่โตกอดไว้เหมือนตุ๊กตาแต่โดยดี..
          " ...เนม...."
         " หืม..." ตากำลังมองท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีเงียบๆคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พี่โตก็สงเสียงทัก ผมครางรับไปส่งๆก่อนจะหลับตาลงช้าๆ..
          "...ตอนที่...ถูกสอบสวน " ใจความเครียดเคร่งไม่น้อยทำให้นัยน์ตาต้องลืมขึ้นในที่สุด..ผมเม้มปากเข้าหากันช้าๆเมื่อคิดถึงโมงยามอันน่าหวาดหวั่น
" พัศดี..มันพูดอะไรเกี่ยวกับพวกป๋าไหม?"
         " เอ๋ ?" ผมชะงัก...เบิกคิ้วงงๆ
         " ...เมื่อวานไปหาป๋ามา..มันบอกว่ายังตกลงเรื่องสอบปากคำไม่ได้เลย "  นั่น...หมายความว่าผมอาจจะต้องถูกเรียกไปอีกหรือ?
        " ไม่เป็นไรหรอก.. " เหยียดยิ้มออกมาช้าๆ สบตาพี่โตพยายามให้ความมั่นใจคนที่ผมรักและคนที่รักผมอย่างหนักแน่น
" ต่อให้ถูกสอบกี่ครั้ง ผมก็จะไม่..บะ......"
        " ไม่ใช่เรื่องนั้น ! " พี่โตส่ายหน้า ร้องเสียงห้วนสวนคำพูดของผมขึ้นมาอย่างอัดอั้นใจ สีหน้าคนพูดเครียดขึ้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผมต้องพบเจอ นัยน์ตาพี่โตสั่นไหว...ชวนน่าสงสารนัก..
        "....กูไม่อยากให้มึงไปไหนไกลๆตาอีกแล้ว " ผมชะงัก...นิ่งไป เมื่อได้ฟังคำสารภาพจากปากของผู้ชายที่กอดตัวเองไว้แน่น..
   นี่เหมือนเป็นคำตอบกรายๆของพฤติกรรมในช่วงนี้ สิ่งที่ผมคิดว่ามันแปลกประหลาดและเป็นผลมาจากคำบอกรัก
ของเราทั้งสองคน   มันก็อาจจะใช่ เพราะจะมีใครไม่ดีใจ เมื่อได้ฟังคำรัก...จากคนที่รอมาตลอดทว่า...อีกหนึ่งสาเหตุก็อาจมาจากสิ่งนี้.. เพราะความสุขของเรามันยังไม่ยั่งยืน เพราะไม่อาจวางใจได้ เพราะหวั่นกลัว...ว่าจะมีใครมาพรากจากกันอีก
    ผม...อาจจะต้องถูกสอบสวน ถูกทำร้าย โดยที่พี่โตช่วยอะไรไม่ได้...ในความรู้สึกของผม ผมอาจจะเจ็บ อาจจะหวาดกลัว ไม่เข้าใจต่างๆนาๆ
     แต่กับความรู้สึกของพี่โต คนที่รักและห่วงแทบบ้า คนที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อคนที่ตัวเองรักได้ และต้องคอยห่วงกังวล คิดอะไรร้ายๆสารพัดว่าผมจะต้องพบเจอกับอะไร..
     พี่โต คงไม่อาจจะทนกับเรื่องราวเหล่านี้ได้ ไม่อาจจะทนกับสภาพที่มีผมเป็นดั่งตัวประกัน จะถูกจับเชือดวันไหน
ก็ไม่รู้.. เพราะฉะนั้น เวลานี้ จึงอยากปกป้อง อยากดูแล อยากจะอยู่ใกล้ๆให้มากที่สุด
      " ผม....."
      "...อยากออกไปข้างนอกนั่นไหม? " จู่ๆพี่โตก็โพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันในบทสนทนา...ผมชะงักค้าง
ขมวดคิ้วแน่น..ออกไปข้างนอก...?ถามถึงความต้องการน่ะหรือ?
       " อยากสิ " ผมยิ้ม ยิ้มให้กับดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาไม่กระพริบของพี่โต ก่อนจะถอนหายใจเฮือก คิดถึงเรื่องราวที่วาดหวังไว้ยามได้ออกไปข้างนอก ที่พี่โตว่า นอกกรงขัง หนีจากเรื่องราวโหดร้ายทั้งหลาย..
    ...ถ้าออกไปแล้วผมจะไปอยู่กับแม่... อยากจะอยู่ดูแลแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อยากจะชดใช้หยดน้ำตาที่ผมทำให้ท่านเสียไป..   อยากจะกอดน้ำแน่นๆ อยากจะให้กำลังใจและดูแลน้องสาวที่ผมรักให้ดีที่สุด
...และ อาจจะได้พบกับพี่โต อาจจะได้พุดคุย บางที....เราอาจจะเป็นเหมือนในนี้ก็ได้ เราอาจจะได้รักกันข้างนอกนั่นก็ได้..
   จะดีสักแค่ไหนล่ะ ถ้าหากผมจะได้ยิ้มอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่ไร้ลวดหนามและกรงขังอีกครั้ง...
...อยาก...จะมีอิสระ....อยาก จะเล่นไวโอลินท่ามกลางทุ่งหญ้าหรือภูเขา อยากจะก้าวเดินบนผืนดินแห่งนี้อีกครั้ง...
ในฐานะของคน ที่กลับมาเป็นคนผู้เต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณอีกครั้ง  ใครๆในที่นี้ต่างก็มีความหวังแบบนี้ทั้งนั้น...
       โตมองใบหน้าของเจ้าคนบนตักที่กำลังยิ้ม...ยิ้มกว้างยามคิดและวาดฝันถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง คิดถึงสิ่งที่เนิ่นนานเหลือเกินกว่าจะได้พบเจอ..
    ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองมองท้องฟ้าที่สดใส เมฆสีขาวลอยไปตามสายลม นกตัวน้อยที่บินผ่านและดวงตาวันส่องแสงจ้า...ฝ่ามือค่อยกำแน่น..สุดหายใจลึก สบมองดวงตาสดใสของคนรัก...คนรักที่รักและสำคัญมากเหลือเกิน..
  วางฝ่ามือลงบนแก้มมันแล้วไล้เบาๆ อย่างสเน่หา..รัก....รักเหลือเกิน ห่วงใยและอาทรหนักหนา
    เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทีหนักในหัวใจของมันมีมากขนาดนี้ รักจนใบหน้าและรอยยิ้มของแฟนสาวแทบจะหายไปจากความทรงจำ และยิ่งตระหนักรู้...รู้ชัด...ในยามที่มันถูกพาตัวไป หัวใจปวดร้าวทุรนทุรายแทบขาดใจ ทรมารแค่ไหนก็รู้ตัวเองดี..
     ริมฝีปากแตะลงบนผิวแก้มขาวไล้เบาๆเเล้วประทับรอยชื้นบนริมฝีปากบาง สอดปลายลิ้นเข้าลิ้มลองความหวาน
ของร่างในอ้อมแขน ฟังเสียงครางเครือในลำคอเหมือนแมวจนอดจะไล้ปลายนิ้วลงบนแผ่นหลังหยัดโค้งและลำคอขาวบางไม่ได้...รัก.... รัก.....รัก เพราะรัก...ถึงได้ปกป้อง เพราะสำคัญ...ถึงได้ยอมทำทุกสิ่ง...
      " นั่นสินะ....ใครๆก็อยากออกไปทั้งนั้น " เอ่ยคำพูดนั้นแล้วยิ้มให้เจ้าคนที่มีสีหน้างวยงงอยู่ครู่หนึ่ง มันพยักหน้ารับอย่างกระตือรือล้น เอ่ยปากเล่าถึงความฝันของตน..และที่ทำให้โตยิ่งดีใจ คือความฝันนั้น มันมีเขารวมอยู่ด้วย...
...ใครๆก็อยากออกไปใช่....ใครๆก็อยากไปจากนรกแห่งนี้
แต่มันทำไม่ได้..ไม่อาจจะทำได้ ไม่อาจจะหนีจากที่แห่งนี้ไปได้ จนกว่าโทษทัณฑ์ทั้งหลายที่ถูกตัดสินไว้จะชดใช้หมดสิ้น......แต่ใครก็ตามที่ทำไม่ได้....เขานี่แหละ จะทำให้มันเป็นไปได้เอง.. ด้วยอิทธิพลของสามคนนั้น ด้วยอำนาจ เม็ดเงิน กำลังคนที่มีอยู่ในมือ เขาจะทำให้มันเกิดขึ้น..
    การพบกันเมื่อวาน พวกมันบอกถึงกำหนดการที่กระชั้นชิดเข้ามา นัยย์นั้นยังคงแฝงแววข่มขู่และวาดฝัน โตเคยลังเลแต่บัดนี้ เขาแน่ใจแล้ว..
       จ้องมองใบหน้า...มองดวงตาพราวระยับ ความงดงามและสดใสในแววตาคู่นี้ไม่เคยหายไปแม้ผ่านไปนานแค่ไหน...นี่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้โตรู้สึก ว่าการตัดสินใจของตนเองไม่ได้ผิดพลาด เพราะมันเหมาะกับท้องฟ้ากว้าง มากกว่ากรงขังแคบๆมืดๆ เพราะมันทำให้เขามีความสุข เขาจึงต้องการให้มันมีความสุข..มากขึ้น...มากขึ้น....มากเท่าที่ตัวเองจะให้ได้..
ต่อให้ต้องตะกาย ป่ายบันไดไปคว้าให้ก็จะทำ..จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรมันได้อีกแล้ว..
   หากอยู่ที่นี่แล้วไม่ปลอดภัย ก็ต้องออกไป แม้จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเท่ากันก็ตามที..ไม่ใช่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว..
แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะทำมันต่างหาก
..ถ้าหากหลับตาลงข้างหนึ่ง ไม่ยอมมองความจริง ไม่ยอมเห็นอีกด้านของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ก็จะมีความสุข
คำว่ารักก็ได้มาแล้ว การอยู่เคียงข้างกันก็ได้มาแล้ว กอดจูบความสัมพันธ์ทางกายก็ดำเนินมาอย่างแนบชิดทุกขั้นตอนเสียจนไม่อาจจะกล่าวอ้างอะไรได้อีก ถ้านี่คือความสุข...มันคือความสุขที่แฝงความขื่นขม แต่หากมันเป็นความทุกข์ระทม
นี่ก็คงเป็นความทุกข์ที่งดงามที่สุด..
       สายลมเย็นๆโชยพัดช่วยบรรเทาความร้อนจากแสงแดดที่แผดจ้าได้บ้าง ร่มไม้ใต้เงาต้นมะม่วงต้นโตออกผลดกได้
ทุกปีเป็นที่พักพิงชั้นดีสำหรับเหล่านักโทษที่ต้องการพักผ่อน หลับตาลงแล้วเอนตัวพิงโคนต้นไม้ให้เปลือกไม้แผ่ความเย็นมาสู่ร่างกายที่ร้อนผ่าวเพราะแสงแดดและหยาดเหงื่อ เงยหน้าขึ้นมองดวงตาวันที่ส่งแสงจ้ามือกำคอเสื้อขยับมันเข้าๆออกๆให้ลมสอดเข้าสัมผัสผิวกายใต้ร่มผ้า ไม่นานฝ่ามือที่เคยคุ้นก็วางลงบนกระหม่อมพร้อมกับผ้าขาวผืนบางชุบน้ำเย็นแนบลงบนผิวแก้ม...
     " เหนื่อยหน่อยนะ "
     " อือ...." เมฆรับคำเบาๆ สบตาคนพูดที่ค่อยทรุดตัวลงข้างกาย สอดปลายนิ้วมาแทรกประสานกับฝ่ามือทิ้งให้ความเงียบและความสงบของบรรยากาศยามบ่ายไหลลอยผ่านไปเรื่อยๆให้เข็มนาทีวิ่งช้าๆในยามที่มีกันและกัน..
          ....เอนกายลงพิงบ่า หนุนศรีษะเกยพาดไหล่หลับตาลงช้าๆ ล้า...เหนื่อย...เกินจะทน
     ร่างเจ้าตัวเล็กหลับตาลงด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน ทำให้วิทย์ลอบถอนใจ เอื้อมมือไปหาใบหน้าที่หลับตาพริ้มลูบไล้มันแผ่วเบาอย่างนึกอาดูร..
   ....ริมฝีปากห่อเข้าหากันสูบลมหายใจจากปอดมาสู่ริมฝีปาก ให้สายลมนั้นปล่อยออกมาเป็นสำเนียงกรีดเบาๆของสายลม..
   เสียงผิวปากดังเบาๆใกล้ๆหูทำให้คิ้วที่ขมวดเข้าหากันค่อยคลายลงอย่างไม่รู้ตัว...เมฆยิ้มออกมาทั้งที่ยังหลับตาเขาเอื้อมมือกอดแขนชายหนุ่มข้างกายไว้ ฟังเสียงเพลงไร้ทำนองจากปากของคนรักแม้จะไม่อาจบอกได้ว่ามันคือบทเพลงไหน ทว่าท่วงทำนองที่มีให้กันเพียงสองคนก็พิเศษและน่าจดจำมากกว่าใคร...มันแผ่วเบา..แต่เต็มไปด้วยความสุข...






มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
3272
Zenny
8039
ออนไลน์
439 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-10-26 11:38:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
357
Zenny
1329
ออนไลน์
62 ชั่วโมง
โพสต์ 2012-11-29 16:01:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

ประธานนักศึกษา

อยากเต้น..ก็เต้น ซิค่ะ!!

กระทู้
491
พลังน้ำใจ
61077
Zenny
251866
ออนไลน์
3272 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2013-2-5 10:06:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณมากครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1430
Zenny
6827
ออนไลน์
291 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-4-19 19:15:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1157
Zenny
2209
ออนไลน์
532 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-5-15 21:48:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สุดยอดเลยอ่ะคร๊าฟ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
829
Zenny
2023
ออนไลน์
150 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-5-16 22:28:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดวงตาค่อยปรือเปิดขึ้นมาอีกครั้งมองแสงสว่างวูบจากภายนอก และเงาวูบไหวของลูกกรงพาดเงายาวกับทบผิวหน้า..ขณะที่ฝ่ามือเกร็งแน่นขึ้นเล็กน้อย...พลาดครั้งที่หนึ่ง...ผ่านไป...แต่...พลาดครั้งที่สอง ตัดสินใจพลาดอีกครั้ง หมายความว่าอย่างไร?...กันย์คิดถึงอีกหนึ่งโอกาสที่เขามียามที่จรดมีดลงบนลำคอของมัน เขาถามตัวเอง ว่าทำไมถึงไม่ทำ..ทำไม...ถึงต้องการแค่ความสาใจ มากกว่าชีวิต...
เนื้อหาถูกซ่อนไว้

ทั้งที่ตอนนั้นโกรธแค้นชิงชังมากพอจะฆ่าให้ตาย หลังจากรู้แน่ว่าเมฆยังคงมีใจอยู่กับมัน...เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้ว..
....ต้องการเหยียดหยาม ต้องการแก้แค้น ต้องการหลักหลัง...แต่....ทำไมถึงไม่ฆ่ามันให้ตายๆไปเสีย...?
กันย์ครุ่นคิดคำตอบของคำถามนี้อย่างว้าวุ่น หัวสมองปั่นป่วน..การฆ่าคนในเรือนจำนี้...มันจะยิ่งส่งผลเสีย เขาไม่อยากทำ...ใช่.... นี่คือคำตอบ...ใช่แล้ว..คำตอบเป็นเช่นนั้น ยังคงเป็นเช่นที่เขาตอบกับตัวเองไปครั้งแล้วครั้งเล่า...
เพราะความสาแก่ใจ....เหตุผลนี้มากพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง...
...ไม่มีสักเสี้ยวหนึ่งของความรัก...ไม่มี..
น้ำตา เสียงอ้อนวอน หรือแววตารวดร้าวสั่นไหว..ไม่เคยทำให้ความตั้งใจและหัวใจนี้สั่นคลอนคนที่เขารัก มีเพียงเมฆคนเดียวเท่านั้น ไม่ใช่คนสองใจอย่างมัน...
.... กันยฺ์ยังคงเฝ้าบอกกับตัวเองเบาๆ...แม้กระทั่งตอนนี้...ตอนที่เขาเปิดดวงตาขึ้นมาอีกครั้งแล้วได้มองเห็นสีสันของเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าและดวงตาของตน...
จำได้ถึงแววตาเเข็งกร้าวของน้องรัก...และ....สีหน้ากระด้าง รอยยิ้มมุมปากหยามหยันของคนที่เขาเกลียดชัง ชัดเจนเสียจนลมหายใจกระตุกวูบอย่าลืมตัวและ...ได้ยินเสียงบางอย่างในสมองพังครืน...
....ความแค้นยิ่งทบทวี...มีเพียงความแค้น...และมีแต่ความแค้นเสมอมา..ไม่มีแม้แต่ความรัก...เขากระซิบบอกตัวเองอย่างหนักแน่น...ไม่มีมีเพียงความเกลียดชังและความโกรธแค้นเท่านั้น...
เขาเกลียดชังคนที่หลอกใช้คนอื่นด้วยความรัก...จึงหลอกลวงและตอบแทนมันด้วยสิ่งเดียวกัน...
มาถึงตอนนี้เขาถูกดัดหลังด้วยความรักเช่นกัน...แต่จะไม่มีวันหลงรักคนที่ตัวเองหลอกลวงมัน...กันย์แน่ใจ
...เขาไม่มีวัน...จะเสียใจภายหลัง...อีกแล้ว...
Improbable 22 : เดินหน้า
      ฝ่ามือวางทาบลงบนผิวแก้มขาวซีด ที่ปรากฏรอยช้ำสีม่วงเข้มเด่นชัด ค่อยแตะไล้...เกลี่ยผ่านผิวแก้มนั้นแผ่วเบาด้วยปลายนิ้วกร้านเเข็งที่รู้ดีว่ามันสั่น...สั่นระริกด้วยความห่วงหาปนหวาดหวั่นในจิตใจ
...คนสำคัญ ของสำคัญที่อาจจะหลุดหาย เจ็บปวดทุรนทุรายกับการเสียมันมากเพียงใด ตอนนี้....รู้ชัด...
    ชัดเจนเช่นเดียวกับความสมเพชเวทนาในใจตนที่ไม่อาจจะช่วยอะไรได้ ไม่อาจจะใช้อ้อมแขนปกป้อง ไม่อาจจะโอบกอดไว้และเป็นเกราะกำบังป้องกันมันจากทุกสิ่ง...โดยเฉพาะอันตรายที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิด อันตราย ที่เกิดขึ้นเพราะมันอยู่เคียงข้างและเป็นที่รัก ของตัวเขา..
     โตถอนหายใจเบาๆ ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี๊พลาสติกสีสดค่อยๆขยับโน้มกายเข้าไปใกล้ ก้มตัวแนบชิดจับจ้องดูเเลเจ้าคนป่วยที่น่าสงสารนักบนเตียงอย่างห่วงหา สายลมจากด้านนอกโชยพัดมาด้านในของห้องพยาบาลจนผ้าม่านสีขาวสะบัดพลิ้วไหว เผยให้เห็นท้องฟ้าสดใสและแสงแดดที่เริ่มเจิดจ้าขึ้น บ่งบอกว่าเวลาล่วงเลยมาจนสาย ทว่า...เจ้าคนตัวเล็กที่มันเพิ่งกลับมาเมื่อเช้ามืดก็ยังนอนหลับตาพริ้ม..ไม่ขยับกาย
      ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแตกระแหง ร่องรอยฟกช้ำปรากฏชัดบนใบหน้าและผิวกายยิ่งทำให้เลือดในกายเดือดเร่าและทุรนทุรายด้วยความกังวลห่วงหา...พื้นที่ในใจ...ไม่รู้ว่ามันครอบครองได้มากมายเพียงใด มาบัดนี้ เด่นชัด...
    .....สำคัญ....สำคัญมากจนเสียไปไม่ได้...    ...ทั้งห่วงหาอาทรมากมายเสียจนทุรนทุรายแทบบ้า..
       เนื้อตัวพลันสั่นสะท้านอย่างลืมตัวเมื่อสมองจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ การสอบสวนครั้งต่อไป คนที่
ไม่อาจจะเล่นงานได้ และสิ่งที่มันต้องพบเจอ...
    ก้มมองปลายนิ้วสีขาวที่ปรากฏรอยดำและเล็บที่ฉีกขาด บ่งชัดว่ามันคงจะทรมารและหวาดผวา ...ครั้งเดียวก็มากพอแล้วสำหรับคนหนึ่งคน หากมันจะต้องพบเจออีก..แม้เจ้าตัวจนทานทนไหว แต่หัวใจของเขาคงแทบแตกสลาย คงต้องปวดร้าวแทบบ้า..
     ไอ้คนๆนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นผู้คุมแสนดีพิทักษ์คุณธรรมมาจากไหน ไม่ว่ามันจะเป็นวีรบุรุษมากำจัดคนเลวอย่างพวกเขา ถึงมันจะดี แต่มันไม่มีวันจะได้รับการให้อภัย
      ความผิดที่มันใส่ร้าย ความผิดที่มันทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยด้วยอย่างไอ้เนม ต่อให้มันจะดีมาจากไหน มันก็เลวบรมในสายตาของเขา
     เล่นงานคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเพื่อขู่ เพื่อกลั่นแกล้งให้ทรมารและหมดความอดทน วิธีการแบบนี้มันแตกต่างจากวิธีการของคนเลว วิธีการของนักโทษ พวกเดนคนในสายตาของสังคมอย่างพวกเขาตรงไหน
     ในเมื่อกล้าทำขนาดนี้ กล้าท้าทาย กล้าท้าชนตรงๆ ตัวเขาก็จะตอบแทนมันอย่างสาสมไม่แพ้กัน !
         ".......อือ...." เสียงครางเบาๆในลำคอของคนป่วยทำให้โตค่อยละออกจากภวังค์ นัยน์ตาสีเข้มก้มลงมองใบหน้าที่
ซีดขาว หัวคิ้วที่คลายลงบ่งบอกสัญญาณของนิทราเริ่มขมวดมุ่น แพขนตาหนาขยับไหวระริกราวกับปีกผีเสื้อ บ่งชัดว่าเจ้าตัวกำลังจะตื่นจากการสลบไสลไปด้วยความเหนื่อยอ่อน..
       แสงแดดอ่อนพาดลงบนเสี้ยวหน้าขาว จากการไหวพะเยิบของผ้าม่านตามแรงลม โตชะงัก ลุกขึ้นหันรีหันขวาง ตั้งท่าจะไปปิดหน้าต่างไม่ให้แสงสาดกระทบดวงตาของคนป่วย แต่ก็อยากให้สายลมเย็นๆโชยชายให้มันสบายตัว ที่สุดจึงได้แต่ใช้ร่างกายบดบังแสงแดดอ่อน ให้เปลือกตาบางค่อยเผยอเปิดขึ้นโดยไร้อาการนิ่วหน้าเพราะแสงแดดที่จ้าจัดบาดตา
       "....พี่....." เสียงเรียกเบาๆในลำคอดังขึ้นเมื่อดวงตาสีดำสนิทสุกใสคู่นั้นค่อยเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า มันมีสีหน้างัวเงีย ปนกับงุนงงกับท่าทีแปลกประหลาดของเขาเล็กน้อย แต่โตไม่สนใจ ยังคงยืนบังแสงแดดจ้าพร้อมกับโน้มตัวเข้าไปหา
ฝ่ามือแตะลงบนผิวแก้มที่ปรากฏร่องรอยฟกช้ำอย่างอาทร..
         "...หิวน้ำไหม? " เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา...แฝงความสั่นไหวจนรู้สึกได้ ฝ่ามือที่แตะลงบนผิวขาวสั่นระริกไหว ด้วยความดีใจปนกับความหวาดหวั่น หลากหลายอารมณ์ที่ซัดเข้าหายามได้สบมองดวงตาคู่นี้...นัยน์ตา...ที่จำหลักฝังรอยความทรงจำแนบแน่นในหัวใจ  ดวงตาที่คิดถึงมากมายแม้ยามห่างไกลกันไม่กี่ชั่ววัน หากแต่ยาวนานนักในความรู้สึก
     ....และยิ่งนาน เนิ่นนานเมื่อรู้ ว่ามันต้องเจ็บปวด มันต้องทุกข์ทรมานและสับสนเพราะต้นเหตุคือเขา
          " ครับ...." เจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับน้อยๆ นั่นทำให้โตยกมือลูบหัวมันเบาๆอย่างห่วงใยก่อนจะผละไปรินน้ำเปล่าจากแก้วใสหน้าเครื่องกรองน้ำในห้องพยาบาล  หันมาอีกครั้งคนที่เคยนอนแบ่บก็ยันตัวลุกขึ้น นั่งอยู่บนเตียงและจ้องมองมายังตัวเขาด้วยดวงตาซื่อๆ ท่ามกลางแสงแดดอ่อนและสายลมเย็นที่พัดมาจากเบื้องนอก..
     ..ไม่รู้ทำไม..ภาพนั้นทำให้โตรู้สึกตื้อในอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาปิดตาลงชั่วขณะหนึ่งอย่างรวดร้าว คำถามสั้นๆ
ดังขึ้นในอกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ยามเมื่อคิดถึงคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
      ...คนอย่างมัน อย่างไรก็ไม่เหมาะกับที่แบบนี้...เจ้าคนที่มีแววตาซื่อๆใสๆ รอยยิ้มอ่อนๆและโกรธใครไม่เป็น ไม่เหมาะสมกับนรกแห่งนี้สักนิด..
     จะดีแค่ไหนนะ ถ้าหากวันนึง มันจะได้ไปยืนอยู่ข้างนอกกรง ได้ไปยิ้มและหัวเราะกับเขาข้างนอกนั่น..
      มันจะมีความสุขมากกว่านี้ มันจะยิ้มได้มากกว่านี้ มันจะได้เล่นไวโอลินที่ตัวเองชอบท่ามกลางท้องฟ้าสดใสและ
ทุ่งหญ้าสีเขียวสดด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุข..
     ....ไม่ใช่คนที่ต้องใส่ชุดนักโทษ นั่งอยู่ในสภาพบอบช้ำ ดวงตาแฝงแววทุกข์ระทมเบื้องหน้า...
       " ขอบคุณครับ..." คำตอบรับนั้นดังขึ้นเบาๆ ยามเจ้าตัวยื่นมือมารับน้ำจากมือเขา โตก้มมองฝ่ามือที่มีรอยช้ำ
เขานิ่วหน้านิดๆ จากนั้นจึงส่ายหัวและดึงแก้วน้ำนั่นห่างจากมือที่ยื่นมาหา
       "...ค่อยๆกิน..." ยกแก้วน้ำจรดริมฝีปากบาง ท่ามกลางสีหน้างวยงงสงสัยของมัน ฝ่ามือข้างหนึ่งโอบแผ่นหลังไว้แล้วรั้งเข้าหาตัวเบาๆ อีกข้างค่อยๆป้อนน้ำใสลงสู่ริมฝีปากบางที่มีร่อยรอยบอบช้ำ จ้องมองการเคลื่อนไหวของลูกกระเดือกบนลำคอกระทั่งฝ่ามือของมันกระตุกเสื้อเขาเบาๆเป็นสัญญาณ โตจึงยอมวางแก้วนั้นลงบนกรอบหน้าต่างใกล้ตัว
        " เปื้อนหมด..." เจ้าคนป่วยยังมีหน้ามาบ่น มันงึมงัมแล้วยกมือเช็ดปลายคางที่เลอะไม่น้อยด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ก้มหน้างุดๆกึ่งเขินกึ่งทำตัวไม่ถูก น่าเอ็นดีเสียจนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
        " อย่าขำสิ " มันหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ โตส่ายหัวช้าๆ ฝ่ามือลูบหัวมันเบาๆก่อนจะไล้ระเรื่อยลงมายังขมับ ข้างแก้ม จรดปลายคางและลำคอ...
        " เจ็บมากไหม ? "น้ำเสียงถามแหบพร่า ทำให้คนฟังชะงัก...ก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าขื่นขมปนสังเวช...ในชะตากรรมของตัวเอง
         " เป็นนักโทษ ยังไงก็ต้องเจอแบบนี้สักครั้งอยู่แล้ว...ไม่เป็นไรหรอก " เนมออกปากตอบสั้นๆดวงตาจับจ้องสีหน้าและแววตาของขาใหญ่เบื้องหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์
" ผม...บอกว่าไม่เป็นไร .."
   ..ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ..ต่อให้ต้องถูกสอบสวน ต่อให้ต้องถูกทรมาร กักขังทำร้ายอีกกี่ครั้ง..ต่อกี่ครั้ง...
ผมก็ไม่มีวันอ้าปากใส่ร้ายใคร ผมก็ไม่มีวันจะออกปากพูดอะไรที่ตัวเองไม่รู้..
        "....กูขอโทษ.." เสียงกระซิบของพี่โต ..แววตาสั่นๆและสีหน้าขื่นขม ทำให้ผมค่อยๆหลับตาลงช้าๆ จมูกรู้สึกตื้อตันขึ้นมา ยามนึกถึงความเจ็บปวด ความกดดันที่ผ่านพ้น หากแต่มันสับสนปนเปกันกับความห่วงใยที่ผู้ชายคนนี้มีให้ผม..
         " ไม่เป็นไร...ผมไม่เป็นไรจริงๆ " เอนตัวพิงไหล่พี่โตไว้ หลับตาลงและกระซิบบอก ทั้งบอกตัวเองและบอกคนข้างๆ บอกคนที่กอดผมไว้ด้วยลมหายใจสั่นๆว่าไม่เป็นไร......ปลุกปลอบ..ทั้งตัวเองและพี่โต ..บอกให้"เรา"ไม่หวั่นไหวและมีกำลังใจสู้ต่อไป..
  ...เราที่ต่างกำลังหวาดหลัวว่าจะสูญเสียกันและกันไปทั้งคู่...
          " กูทำให้มึงเดือดร้อน..."น้ำเสียงพร่าแหบของพี่โตดังขึ้นเบาๆ
" เพราะมึงอยู่ใกล้กู..."
          " พี่อย่าโทษตัวเองเลย..." ผมบอกเบาๆพลางยกมือโอบตอบคนที่กอดผมไว้แน่น...ปลอบใจไม่ให้พี่โตรู้สึกผิด
และโทษตัวเองมากไปกว่านี้...
         " ....ไม่เป็นไรนะ กูจะช่วยมึงเอง.." พี่โตสูดหายใจลึก เอ่ยปากสัญญาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงขึ้น
" กูจะไม่ให้มึงเจอแบบนี้อีก.."
   คำสัญญานั้นทำให้ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างเชื่องช้า เบียดกายซุกซบแผ่นอกแกร่ง..หลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย
ที่คอยปกป้องมาตลอดเวลาที่ผ่านผัน..    ....คำพูดของพี่โต พูดอะไรออกมาแล้ว..ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามนั้น..
   บอกว่าจะปกป้องคือปกป้อง บอกว่าจะดูแล มันก็คือแบบนั้น ..ไม่เคยผิดสัญญา ไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง นับตั้งแต่วันนั้น..วันที่สัญญาว่าเราจะอยู่ข้างๆกัน วันที่นั่งมองสายฝนที่พร่างพรมและจับมือกันไว้ดั่งคำสัญญา..
         " ครับ...ผมเชื่อ "
      ...เชื่อมั่น และไว้ใจในตัวผู้ชายคนนี้ มากกว่าใคร ...
          " เนม....." เสียงคนพูดสั่นๆ...สั่นไหวและไม่มั่นใจเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่...ผมชะงักค่อยๆเงยหน้าไปมองสบตาคู่นั้น แต่ทว่าพี่โตเบือนหน้าหนี...ราวกับมีอะไรบางอย่างในหัวใจ..
          "...ครับ....."
         "...จำได้ไหม...ที่....ที่กูบอกว่ามึงเป็นคนสำคัญ...มาก....พอๆกับ.....กิ้ง...." คำพูดนั้นทำให้ผมขมวดคิ้ว  งวยงงปน
ไม่เข้าใจ และ....นึกขุ่นใจว่าพี่โตจะพูดเรื่องนี้ออกมาทำไม?...จะพูดเรื่องคนที่พี่รักอีกคน...ในตอนนี้ทำไม?
        ".........." เสียงระบายลมหายใจยาวๆของผมและการนิ่งเงียบไม่ตอบคำ คงมากพอจะเป็นคำตอบของพี่โตแล้ว อ้อมกอดนั้นจึงค่อยรัดแน่นขึ้น ทว่าใบหน้าและแววตาของคนๆนี้ก็ยังเสมองไปทางอื่น ไม่ยอมสบตา..
        "...แต่....ตอนนี้....." เสียงกลืนน้ำลายลงคอ ทำให้ผมยิ่งต้องขมวดคิ้วมุ่น พี่โตหันกลับมามองหน้าผมอีกครั้ง สีหน้าเริ่มลังเล..ไม่แน่ใจ
        " ตอนนี้มึงเชื่อกูไหม? เชื่อคำพูดที่กูพูดไหม? "
        " พี่? "ผมเลิกคิ้ว สีหน้ายิ่งงวยงงหนักขึ้น...กับ....อาการลังเลและคำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อของพี่โต...
        "ตอบสิ...." คำพูดเร่งเร้า ทำให้สีหน้าของผมยิ่งงวยงงและขัดข้องใจ ทว่าเพราะอ้อมกอดที่ยังคงแนบแน่นและแววตาสั่นๆ ทำให้ผมค่อยผ่อนลมหายใจช้าๆ...พี่โต อาจจะคิดถึงเรื่องที่ผมเคยบอก ว่าไม่เชื่อถือคำพูดของเขา ไม่เชื่อ..และไม่ไว้ใจ.......คำพูดที่เคยพูดเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว แต่บางที มันอาจจะฝังใจ มันอาจจะมีความสำคัญมากกว่าที่คิด.
.  ...หรือพี่โตต้องการความมั่นใจ ต้องการให้ผมเชื่อ และต้องการให้ผมยืนยันว่าจะอยู่ข้างๆกันแบบนี้..
          "....เชื่อสิ....." ผมตอบสั้นๆ สบตาคนพูดเพื่อแสดงความจริงใจ พี่โตมองหน้าผม..และ.....ใบหน้าก็เริ่มลั่นเลิ่กเหลือบมองซ้ายขวาและปรากฏรอยแดงบวกกับท่าทีไม่มั่นใจ ดูแปลกตา และไม่เข้ากันสถานการณ์เอาเสียเลย
          "....พี่...." ผมร้องทักไปอย่างงๆ กึ่งขัน แต่อ้อมแขนของพี่โตก็รัดแน่นขึ้น พร้อมๆกับใบหน้าที่ซุกลงกับไหล่...
กอดแน่น...แนบแน่นมากกว่าครั้งไหน...


" ถ้าตอนนี้มึงเชื่อกูแล้ว...กูจะพูด.....พูดอีกครั้งนะ...."พี่โตกระซิบบอกเบาๆ พร้อมกันนั้นผมได้ยินเสียงสูดหายใจลึกและ...ลางสังหรณ์บางอย่างเริ่มตงิดๆ...

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1541
Zenny
6736
ออนไลน์
824 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-12-23 09:26:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1861
Zenny
4470
ออนไลน์
416 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-2-8 16:13:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
105
พลังน้ำใจ
4967
Zenny
148
ออนไลน์
713 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-5-4 10:31:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
43221
Zenny
14266
ออนไลน์
1963 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-9-18 17:29:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
209
พลังน้ำใจ
14088
Zenny
42724
ออนไลน์
1088 ชั่วโมง

สมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชร

โพสต์ 2016-5-25 15:01:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อิจฉาทั้งสองคู่

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
6736
Zenny
3158
ออนไลน์
315 ชั่วโมง
โพสต์ 2021-4-4 07:03:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
69871
Zenny
7811
ออนไลน์
1942 ชั่วโมง
โพสต์ 2024-9-7 15:30:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 21:07 , Processed in 0.112111 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้