ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 501|ตอบกลับ: 1

มนุษย์กินคนในประวัติศาสตร์ (Cannibalism in History)

[คัดลอกลิงก์]

นายกสโมสร

ตะเองอย่าหลอกให้เค้าฟันน่ะ!

กระทู้
1434
พลังน้ำใจ
135651
Zenny
1465921
ออนไลน์
9813 ชั่วโมง

สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับมงกุฎ

มนุษย์กินคนในประวัติศาสตร์ (Cannibalism in History)


การกินเนื้อคนปรากฏอยู่ในธรรมเนียมปฏิบัติของหลายชนเผ่าในยุคโบราณ โดยมีเหตุผลหลากหลายในการกินเนื้อมนุษย์ ตั้งแต่การเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ การล้างแค้น การถ่ายทอดพลังความสามารถ หรือเพราะความอดอยาก มีแม้กระทั่งที่มองว่าเนื้อคนเป็นอาหารปกติสามัญ

ภาพวาดเกี่ยวกับชนเผ่ากินคน

ในยุคดึกดำบรรพ์ นักโบราณคดีค้นพบร่องรอยหลายอย่างที่สื่อถึงการกินเนื้อพวกเดียวกันเองในกลุ่มมนุษย์วานรนับแต่ยุคของโฮโมอิเร็คตัส ซิแนนโทรปุส หรือที่รู้จักกันในชื่อมนุษย์ปักกิ่ง ที่พบร่องรอยของกระดูกมนุษย์ปักกิ่งที่ถูกทุบจนแตกเพื่อดูดกินไขกระดูกข้างใน รวมทั้งชิ้นส่วนกระดูกที่มีรอยถูกเฉือนด้วยอาวุธหิน เหมือนกับซากสัตว์ที่ถูกชำแหละ นักโบราณคดีเชื่อว่า ซิแนนโทรปุสอาจสังหารพวกต่างกลุ่มและกินเป็นอาหาร หรืออาจจะสังหารพวกเดียวกันที่อ่อนแอเพื่อกินเป็นอาหารในยามที่อาหารขาดแคลน

ซิแนนโทรปุส

นอกจากซิแนนโทรปุส พวกนีแอนเดอร์ธาลที่มีชีวิตอยู่เมื่อหนึ่งแสนถึงสามหมื่นปีก่อน ก็มีหลักฐานว่า มีการกินพวกเดียวกันเอง โดยพบชิ้นส่วนกระดูกที่ไหม้เกรียมในลักษณะที่ถูกย่างกองรวมกับกระดูกสัตว์ชนิดอื่น ๆ รวมทั้งชิ้นส่วนกระดูกที่ถูกทุบแตกเพื่อกินไขกระดูกข้างในด้วย

สำหรับมนุษย์ยุคปัจจุบัน การกินเนื้อพวกเดียวกันเองพบในหลายวัฒนธรรม ตั้งแต่ เมโสอเมริกา หมู่เกาะแถบทะเลแคริบเบียน บางส่วนของเอเชีย อาฟริกา ไปจนถึงเกาะนิวกินี

ในเมโสอเมริกา เมื่อราวห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ชาวแอสเท็ค ผู้สร้างอารยธรรมยิ่งใหญ่บนดินแดนที่เป็นประเทศเม็กซิโกในปัจจุบัน มีประเพณีบูชายัญมนุษย์เพื่อสังเวยเทพเจ้า โดยในการประกอบพิธี นักบวชจะนำเชลยศึกมายังแท่นพิธีซึ่งตั้งอยู่บนยอดพีระมิด จากนั้นจะใช้มีดที่ทำจากหินแก้วภูเขาไฟกรีดหน้าอกควักหัวใจเหยื่อบูชายัญออกมา โดยพวกเขาเชื่อว่า เลือดและชีวิตของมนุษย์จะยังความพึงพอใจให้แก่เทพเจ้า ส่วนร่างของเหยื่อนั้นจะกลายเป็นอาหารพิเศษของชนชั้นสูงซึ่งการกินเนื้อมนุษย์ที่ถูกบูชายัญนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม

การบูชายัญของแอสเท็ค

เมื่อครั้งที่ออกเดินทางค้นพบโลกใหม่ใน ปี ค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และกองเรือของเขาได้ล่องเรือผ่านไปยังน่านน้ำแถบอเมริกากลางและได้เผชิญหน้ากับชาวแคริบซึ่งเป็นชาวเกาะที่ดุร้าย จากบันทึกของโคลัมบัสได้เล่าไว้ว่า พวกแคริบเป็นชนเผ่านักรบที่ดุร้ายและมักยกกองเรือเข้าโจมตีชนเผ่าอื่นๆที่อยู่บนเกาะใกล้เคียงเสมอ หลังการโจมตี พวกเขาจะนำเอาเชลยมนุษย์เผ่าอื่นกลับไปยังหมู่บ้านและฆ่ากินเป็นอาหาร ส่วนคนที่ยังไม่ถูกฆ่านั้น จะถูกเลี้ยงเอาไว้กินในวันหลัง ไม่ต่างอะไรกับปศุสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้เป็นอาหาร

เชลยที่เป็นชายนั้นจะถูกตอน ส่วนเชลยหญิงหากเป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็จะถูกใช้เป็นนางบำเรอ โดยพวกคาริบจะร่วมเพศกับพวกนางซึ่งหากพวกนางตั้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาก็จะถูกนำไปกินเป็นอาหารและหากเมื่อใดที่หญิงสาวเหล่านี้เป็นที่เบื่อหน่ายก็จะถูกฆ่ากินเป็นอาหารเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมการกินเนื้อมนุษย์นี้ พวกสเปนลูกเรือของโคลัมบัสได้มีโอกาสพบเห็นด้วยตาตนเอง หลังจากที่พวกเขาบุกเข้าไปในหมู่บ้านของพวกแคริบและเห็นชิ้นส่วนมนุษย์ทั้งแขน ขาและหัวอยู่ในหม้อปรุงอาหารและบนเตาย่างเนื้อ ความดุร้าย-เอี้ย-มโหดของชนเผ่าแคริบนี้เป็นที่หวาดกลัวของชนเผ่าอื่นๆและทำให้น่านน้ำในบริเวณนั้นถูกตั้งชื่อในเวลาต่อมา ตามชื่อของชนเผ่านี้ว่า ทะเลแคริบเบียนภาพวาดชนเผ่าแคริบในสมัยอยุธยาตอนต้น ช่วงศตวรรษที่ 15  มีบันทึกของชาวโปรตุเกสที่ล่องเรือมายังดินแดนแถบเอเชียอาคเนย์และได้เขียนเล่าถึงชนเผ่าต่าง ๆ ในแถบนี้ พวกเขาได้เล่าถึง ชนเผ่านักรบดุร้ายที่เรียกว่า กุออส (Guaos) ซึ่งอาศัยอยู่บนภูเขา โดยมีหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งคล้ายป้อมปราการเป็นที่มั่น พวกกุออสนี้เป็นชนพื้นเมืองที่ดุร้ายและชำนาญในการรบบนหลังม้า พวกเขามักจะขี่ม้าลงมาโจมตีชาวลาวและชนพื้นเมืองอื่น ๆ ในที่ราบนักรบกุออสจะใช้เหล็กเผาไฟนาบเนื้อตัวเป็นสัญลักษณ์ โดยนอกจากจะเป็นชนเผ่าที่ดุร้ายและชำนาญการรบแล้ว พวกนี้ยังกินเนื้อคนอีกด้วย นักประวัติศาสตร์ในยุคหลังสันนิษฐานว่า ชาว...ออสที่พวกโปรตุเกสบันทึกไว้นี้ คือชนเผ่าว้า ซึ่งเป็นชนกลุ่มเดียวกับชาวว้าในรัฐว้าของพม่าปัจจุบัน โดยเมื่อราวห้าร้อยปีก่อนพวกว้าเคยมีถิ่นอาศัยกระจายตัวมาถึงบริเวณภาคเหนือของล้านนา ชาวว้าเป็นนักรบที่ดุร้าย ในสมัยโบราณพวกนี้มีธรรมเนียมล่าหัวคนเพื่อนำมาสังเวยผีไร่ โดยเชื่อว่าหัวคนจะบันดาลให้ผีไร่พอใจและทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ นอกจากจะเคยเป็นนักล่าหัวมนุษย์แล้ว ในสมัยโบราณชาวว้ายังมีประเพณีกินเนื้อมนุษย์ด้วย ทว่าได้ยกเลิกไปเมื่อราวสามร้อยปีก่อนในทวีปแอฟริกายุคโบราณ ธรรมเนียมการกินเนื้อมนุษย์พบได้ในหลายพื้นที่ โดยบางชนเผ่าจะกินเฉพาะในช่วงสงครามหรือในพิธีกรรมบางอย่าง แต่ก็มีบางชนเผ่าที่มองว่าเนื้อมนุษย์นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากเนื้อสัตว์ทั่วไป จากคำบอกเล่าของ จอห์น เอ ฮันเตอร์ ยอดพรานผิวขาวของอาฟริกาได้เล่าไว้ ในสมัยศตวรรษที่ 19 หลายพื้นที่ในป่าดงดิบของคองโกแถบอาฟริกากลาง มีความนิยมในการบริโภคเนื้อมนุษย์กระจายอยู่ทั่วไปโดยในยุคนั้น จะเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ในหมู่บ้านจะมีทาสถูกนำไปผูกไว้กลางลานเพื่อให้คนมาซื้อ บางครั้งถ้าหากไม่มีใครต้องการซื้อทาสทั้งคน ก็จะมีลูกค้ามาเลือกซื้อชิ้นส่วนเป็นบางส่วน โดยเจ้าของจะทำเครื่องหมายด้วยการใช้ขี้เถ้าเขียนลงไปบนร่างของทาสเพื่อทำเครื่องหมาย จากนั้นเมื่อมีคนสั่งจองครบทั้งตัว เจ้าของทาสก็จะฆ่าทาสและชำแหละเป็นชิ้นขายให้กับลูกค้าที่สั่งจองไว้ชาวเกาะฟิจิกำลังนำมนุษย์ไปปรุงเป็นอาหารบนเกาะฟิจิ ในสมัยโบราณ เนื้อมนุษย์ถูกยกให้เป็นอาหารพิเศษสำหรับชนชั้นสูงของเผ่าเท่านั้น ทั้งยังมีธรรมเนียมว่า ชนชั้นสูงจะสัมผัสอาหารนี้ไม่ได้ ดังนั้นในเวลากินเนื้อคน จึงต้องมีบริวารใช้วัตถุรูปร่างคล้ายส้อมที่มีสองกิ่งจิ้มเนื้อมนุษย์ป้อนให้กินสำหรับบนนิวกินี เกาะใหญ่อันดับสองของโลก ธรรมเนียมกินเนื้อมนุษย์แพร่กระจายในหลายชนเผ่า เช่นชาวอาสมัต ชาวปาปัว ชนเผ่าเหล่านี้มีประเพณีลงโทษผู้กระทำผิดด้วยการสังหารและกินเนื้อคนผู้นั้น ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะกินเนื้อนักรบฝ่ายศัตรูที่มีฝีมือเข้มแข็ง โดยเชื่อว่าจะได้รับพลังความแข็งแกร่งผ่านทางเลือดเนื้อที่กินเข้าไป ซึ่งธรรมเนียมการกินเนื้อคนนี้ยังคงปรากฏอยู่จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองและหมดสิ้นไปเมื่อราวสี่สิบปีมานี้เองชนเผ่าอาสมัต (asmat tribemen)ทว่าในยุคโบราณ ไม่เฉพาะแต่ชนเผ่าพื้นเมืองที่ล้าหลังหรือเผ่าที่มีประเพณีอันโหดร้ายเท่านั้นที่กินเนื้อมนุษย์ แม้แต่ชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองและมีอารยธรรมที่นับถือกันว่าสูงส่ง ก็ยังมีเหตุการณ์กินเนื้อพวกเดียวกันเอง เช่น ในประเทศจีน ช่วงยุคสงครามระหว่างแคว้น เมื่อกองทัพของแคว้นจ้าวถูกกองทัพฉินปิดล้อมจนขาดเสบียงอาหาร มีเรื่องเล่าว่าพวกทหารจ้าวที่หิวโหยถึงกับลอบฆ่าพวกเดียวกันเพื่อเอาเนื้อมากิน นอกจากนี้ยังมีบันทึกที่เล่าถึงช่วงสงครามกลางเมืองที่เกิดภาวะอาหารขาดแคลนจนทำให้พลเมืองต้องหันมากินเนื้อคนเพื่อความอยู่รอดในปี ค.ศ. 1610 หลังจากชาวอังกฤษเข้ามาตั้งอาณานิคมเจมส์ทาวน์ บริเวณอ่าวเซซาพีกทางภาคตะวันออกของทวีปอเมริกา ได้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารขึ้น ส่งผลให้ชาวอาณานิคมล้มป่วยและเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก มีบันทึกของจอร์จ เปอร์ซี่ ประธานเมืองเจมส์ทาวน์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า“ชาวเมืองต้องกิน หมาแมว หนูบ้านและหนูนา เพื่อความอยู่รอด ความอดอยากทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีใบหน้าซูบซีดราวกับผี และในช่วงเวลาแห่งความอดอยากนี้ ชายคนหนึ่งได้ถูกลงโทษด้วยความผิดที่เขาสังหารภรรยาของตนที่กำลังตั้งครรภ์และนำเนื้อของหล่อนไปหมักเกลือไว้กินเป็นอาหาร”แม้ในช่วงหลังของศตวรรษที่ยี่สิบ พฤติกรรมมนุษย์กินคนก็ยังเกิดขึ้นและไม่ใช่กับพวกชนพื้นเมืองที่ล้าหลังหรือกลุ่มชนที่ตกอยู่ในสภาพสงครามและอดอยาก หากแต่เป็นชาวเมืองผู้อาศัยอยู่ในแดนศิวิไลซ์ที่สงบสุข ซึ่งก่อพฤติกรรมดังกล่าวโดยมีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางจิตที่ทำให้พวกเขาสังหารและกินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า ในธาตุแท้ของมนุษย์บางคนนั้นยังคงมีความอำมหิตแฝงเร้นอยู่ ไม่ว่าโลกรอบข้างจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม




คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +6 Zenny +16 ย่อ เหตุผล
speed + 6 + 16 ขอบคุณครับ

ดูบันทึกคะแนน

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
2846
Zenny
13063
ออนไลน์
238 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-4-12 23:08:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อย่างที่เขาบอกกันแหละครับว่าเนื้อคนอร่อยที่สุด
แต่ก็นะ กล้ากินไปได้ยังไงกัน 555+
มันเมื่อหลายที่แล้วนี่นาครับ ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก
ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

มันอดีตกาลแล้วครับ  โพสต์ 2013-4-12 23:09

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +18 Zenny +300 ย่อ เหตุผล
nokky + 18 + 300 ชอบ

ดูบันทึกคะแนน

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-15 09:08 , Processed in 0.144247 second(s), 32 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้