ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 898|ตอบกลับ: 1

ซาวน่าเกย์ กับการเผยร่าง ตอน 2

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ซาวน่าเกย์ กับการเผยร่าง
Exposing Body: Thai Gay Men in Sauna Space

ดร.นฤพนธ์  ด้วงวิเศษ

นักวิชาการ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ขอขอบคุณ ณ ที่นี้ ครับ


                                                                                                      



เรื่องราวของซาวน่านอกเหนือจากการทำกิจกรรมทางเพศแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆเกิดขึ้นอีก ได้แก่ การสร้างชุมชนของเพื่อนที่มาออกกำลังกาย บริหารร่างกาย   การนัดเจอกันของเกย์เหล่านี้ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน ความรัก มิตรภาพ เพศสัมพันธ์ แฟชั่น ดนตรี ศิลปะ สุขภาพ การเมือง สังคม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว  เกย์สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง   ในกรณีที่เกย์เข้าไปสนทนากับเพื่อนใหม่จะมีการถามประวัติส่วนตัวของแต่ละคนว่าทำงานที่ไหน เรียนที่ไหน ชอบไปเที่ยวที่ไหน รวมไปถึงรสนิยมทางเพศ ประสบการณ์เกี่ยวกับความรัก ความผิดหวังและสมหวังในความรัก เป็นต้น
ในที่นี่จะยกตัวอย่างซาวน่า 3 แห่งที่มีลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่ บาบีลอน, ฉกรรจ์ และ เดอะบีช

กรณีที่หนึ่ง บาบีลอน ซาวน่านานาชาติ

เกย์ที่เข้าไปใช้บริการที่บาบีลอน มีทั้งเกย์ไทย เกย์เอเชีย เกย์ตะวันตก ซึ่งทำให้บรรยากาศที่บาบีลอนต่างไปจากซาวน่าอื่นๆอย่างชัดเจน ค่าบริการในวันธรรมดาคนละ 210 บาท ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์คนละ 250 บาท  ผู้ที่มาใช้บริการที่นี่จึงค่อนข้างมีฐานะดี  คำโฆษณาของบาบีลอนก็คือ “สวนในฝันสำหรับชาวเกย์” และ “สวรรค์บนดินสำหรับชาวเกย์”  เมื่อเข้าไปใช้ชีวิตในบาบีลอนแล้วจะทำให้รู้สึกว่าที่นี่คือชุมชนเกย์นานาชาติ  เนื่องจากบาบีลอนมีชื่อเสียงในต่างประเทศ จนกลายเป็นที่กล่าวขวัญว่าเป็นซาวน่าที่ดีที่สุดในโลก เกย์ต่างชาติจึงเลือกที่จะมาที่บาบีลอน  บาบีลอนจึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวของเกย์ต่างชาติ โดยเฉพาะเกย์จากประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเลเซียจะเดินทางมาที่บาบีลอนไม่ขาดสาย  แต่ลูกค้าที่เป็นชาวตะวันตกจะมีอายุเฉลี่ยที่สูงกว่าชาวเอเชีย กล่าวคือ เกย์เอเชียอาจมีอายุในช่วง 30-40 ปี แต่ชาวตะวันตกอาจมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป  แต่เกย์ชาวไทยมีอายุตั้งแต่ระดับ 20 ปี จนถึง 60 ปี แต่อายุเฉลี่ยของเกย์ไทยที่ไปใช้ซาวน่าอยู่ในช่วง 20-35 ปี
เกย์ในบาบีลอนมักจะมารวมตัวบริเวณห้องอบไอน้ำบริเวณชั้นหนึ่งซึ่งมีสองห้อง ห้องแรกอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ ห้องที่สองอยู่ใกล้ร้านอาหาร  ในห้องอบไอน้ำจะมีเกย์มาจับคู่กันหลายคู่ ถ้าต้องการพักผ่อนก็จะมานั่งพักริมสระน้ำ หรือที่นั่งบริเวณห้าห้องอบไอน้ำ  อีกบริเวณหนึ่งที่มีเกย์จำนวนมากคือชั้นสอง ชั้นนี้เป็นห้องนอน เกย์จะมายืนตามทางเดินเพื่อรอคนที่ถูกใจ บริเวณชั้นสองนี้มีห้องนอนจำนวนมาก ห้องนอนแต่ละห้องจะทาสีดำ และมีไฟดวงเล็กๆส่องพอให้เห็นหน้า ห้องนอนจะมีทั้งอาคารหนึ่งและอาคารสอง ลูกค้าสามารถเดินผ่านไปโดยทางเชื่อม บริเวณอาคารสองจะมีห้องโถงคล้ายๆกับดิสโก้เธคที่มีเสียงเพลงคึกคัก ชั้นล่างของห้องนอนจะเป็นพื้นที่หาคู่แบบผจญภัย เช่น ห้องที่ล่ามโซ่ ห้องน้ำที่มีช่องเจาะรูไว้สำหรับสำเร็จความใคร่ และเขาวงกต   พื้นที่ต่างๆในบาลีลอนจะตกแต่งอย่างงดงามและเหมาะสำหรับการผจญภัยสำหรับผู้ที่ต้องการความแปลกใหม่
เกย์ตะวันตกที่มาใช้บริการที่บาบีลอน มักจะไม่นิยมเดินไปเดินมาเพื่อหาคู่ แต่จะนิยมสั่งเครื่องดื่มมารับประทานบริเวณสวนหย่อม ริมสระน้ำ หรือห้องอาหาร และส่วนใหญ่จะมากับเด็กหนุ่มซึ่งเป็นคนไทย เด็กหนุ่มที่มากับเกย์ตะวันตกที่มีอายุมากจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไทยชนบท คือมีผิวสีน้ำตาล มีกล้ามเนื้อพองาม รูปร่างสมส่วน พื้นเพอาจจะมาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   จุดประสงค์ของเกย์ตะวันตกอาจมิได้มาหาคู่ หากแต่มาพักผ่อนกับเด็กหนุ่มที่เป็นไกด์นำเที่ยวและเป็นคู่นอนในเวลาเดียวกัน  เกย์ไทยที่มากับชาวตะวันตกเคยบอกกับผู้เขียนว่าอาจมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือถ้าดีกว่านั้นอาจได้รับการส่งเสียให้เรียนหนังสือ มีบ้าน มีคอนโดมีเนียม รวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ
นอกจากนั้น ยังพบว่าเกย์ชาวไทยที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีและอาศัยอยู่ในเมืองก็มีรสนิยมชอบชาวต่างชาติ  เกย์ประเภทนี้จะมีความรู้ มีไหวพริบ มีความเข้าใจภาษาอังกฤษ สามารถติดต่อสื่อสารกับชาวต่างชาติได้  รสนิยมดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่าเกย์ไทยต้องการเข้าสังคมของชาวต่างชาติ  กล่าวคือการคบหากับชาวต่างชาติ (จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น อเมริกัน และยุโรป) จะเป็นสัญลักษณ์ของโลกาภิวัตน์ที่เกย์ไทยสมัยใหม่ต้องการก้าวไปให้ทันโลก  และยังหมายถึงการข้ามพรมแดนทางวัฒนธรรม เปิดโอกาสให้เกย์ไทยพบเจอสิ่งแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา  เกย์ต่างชาติจึงมิได้เป็นเพียงบุคคลธรรมดา หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย ความเปลี่ยนแปลง  และการเลื่อนสถานภาพทางสังคม  บาบีลอนจึงไม่ได้เป็นเพียงซาวน่าแต่ยังเป็นเครื่องหมายของการออกไปสู่โลกภายนอก หรือโลกที่หลุดพ้นจากวัฒนธรรมไทย






กรณีที่สอง ฉกรรจ์  ซาวน่าชนชั้นกลาง
ฉกรรจ์ตั้งอยู่ในบริเวณกลางเมืองซึ่งเป็นที่อยู่ของชนชั้นกลางที่มีฐานะดี ฉกรรจ์ประกาศตัวเองว่าเป็นศูนย์สุขภาพชายที่งดงามและอลังการที่สุดในกรุงเทพฯ คำโฆษณาของฉกรรจ์มีดังต่อไปนี้
“ศูนย์สุขภาพชายที่งดงามและอลังการที่สุดในกรุงเทพมหานคร วันนี้ สวรรค์แห่งชายหนุ่มที่รวมเอาสุดยอดความเป็นชายแห่งเอเชีย ไว้ที่นี่ที่เดียว คุณจะพบกับบรรยากาศแห่ง Harlem ณ ชั้นล่างของ CHAKRAN สระว่ายน้ำที่แสนรัญจวนใจ และเพิ่มพลังดึงดูดให้คุณใต้แผ่นน้ำสีฟ้าสดใส นอกจากนั้นคุณยังจะพบกับสระ Jacuzzi น้ำอุ่น อุณหภูมิพอเหมาะ ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายใต้สายน้ำที่อบอุ่น อุณหภูมิภายในร่างกายคุณ จะขยับขึ้น พร้อมกับขบวนชายงามแห่ง CHAKRAN ที่เดินอวดโฉมตลอดวัน ในขณะที่คุณผ่อนกาย CHAKRAN ยังเพิ่มเสน่ห์ให้แก่คุณด้วยห้องออกกำลังกาย ที่ได้มาตรฐาน และพนักงานที่เป็นกันเอง พร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่คุณทุกขั้น ทุกตอน ในการบริหารร่างกาย เพื่อเพิ่มแรงดึงดูดแก่สายตาทุกคู่ที่พบคุณ “

ค่าบริการวันธรรมดาอัตราคนละ 230 บาท วันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ คนละ 250 บาท ถ้ามีเทศกาลพิเศษ เช่น มีปาร์ตี้ หรือประกวดนายแบบจะคิดค่าบริการ 300 บาทหรือมากกว่านั้น  ผู้ที่จะไปใช้บริการที่นี่จึงต้องมีทุนทรัพย์พอสมควร  แต่เจ้าของกิจการก็พยายามเอาใจผู้ที่มีรายได้น้อยหรือยังเป็นนักศึกษา โดยมีการลดราคา ถ้ามีอายุ 20 ปี ค่าบริการเพียง 80 บาท และถ้ามาในวันเกิดจะใช้บริการฟรี  กลุ่มลูกค้าของฉกรรจ์ส่วนใหญ่จึงเป็นคนไทยที่มีรายได้ดี ส่วนมากเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
ลูกค้าในฉกรรจ์นิยมใช้บริการในห้องอบเปียก หรือห้องไอน้ำ ซึ่งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง บริเวณนี้จะมีทางเชื่อมระหว่างห้องอบซ่าวน่ากับอ่างน้ำวน บริเวณอ่างน้ำวันจะมีระเบียงสำหรับนั่ง ผู้ที่มานั่งจะมองเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมาและเห็นคนที่อยู่ในอ่างน้ำวนซึ่งเปลือยกาย  แต่คนไทยไม่นิยมลงไปแช่ในอ่างนี้มากเท่าใด  ลูกค้าคนไทยจะแออัดอยู่ในห้องอบไอน้ำ  บางคนเดินเข้าเดินออกหลายรอบ ขณะที่อยู่ในห้องอบไอน้ำซึ่งมีความมืดสลัว แสงสว่างที่ส่องมาทางประตูกระจกมีเพียงเล็กน้อยพอทำให้ให้เห็นหน้าลางๆ  ถ้าเดินเข้าไปในซอกหลืบด้านในซึ่งมีมุมมืดและมีม้านั่ง จะมองหน้าไม่เห็น  เกย์ที่เข้ามาในห้องนี้ต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่หมายปอง ลูกค้าที่รูปร่างหน้าตาดีจะกลายเป็นที่สนใจของคนอื่นๆ แต่คนประเภทนี้ก็มีไม่มาก และไม่ชอบให้ใครมาลวนลาม
อีกบริเวณหนึ่งที่มีลูกค้าพอสมควรคือ ชั้น 3 บริเวณนี้เป็นห้องนอน มีแสงไฟสลัวๆ ภายในห้องจะมีเก้าที่เอนนอนได้ มีโทรทัศน์ที่เปิดภาพยนตร์แนวประโลมโลกของเกย์   เกย์ส่วนใหญ่จะเดินไปเดินมา ผ่านห้องต่างๆ ด้านในสุดจะเป็นห้องโถงมืด มีเบาะสำหรับนอน เกย์ที่นิยมจับคู่จะมาพรอดรักกันในห้องนี้  แต่เกย์บางคนก็ยืนอยู่บริเวณทางเดิน เพื่อรอคนที่ถูกใจ ถ้าได้คนถูกใจแล้วก็เข้าไปทำกิจกรรมในห้องนอน  ประตูของห้องนอนมีช่องกระจกเล็กๆสามารถมองผ่านเข้าไปได้  ถ้าคนในห้องเปิดไฟก็สามารถเห็นกิจกรรมทุกอย่างในนั้น  ลูกค้าส่วนใหญ่ของฉกรรจ์จะเป็นผู้ที่มีรายได้ดี มีการงานมั่นคง มีกิจการส่วนตัว คนกลุ่มนี้นิยมาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ และรูปร่างของคนกลุ่มนี้ก็ค่อนข้างท่วม ตัวใหญ่ อายุประมาณ 25-35 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มทำงาน และกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว  ชาวต่างชาติจะมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ที่มาใช้บริการ

กรณีที่สาม เดอะบีช ซาวน่าราคาถูก
เดอะบีชเป็นซาวน่าชานเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตพระโขนง  ค่าบริการของเดอะบีชมีอัตราเดียวคือ 99 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงและเหมาะสำหรับลุกค้าชนชั้นแรงงานหรือมีรายได้น้อย อย่างไรก็ตาม ลูกค้าของเดอะบีชอาจมีหลายฐานะตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงเจ้าของธุรกิจ  ลูกค้าของเดอะบีชจะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตภาคตะวันออกของกรุงเทพฯ และมักจะมีภูมิลำเนาต่างจังหวัด  ลูกค้าของเดอะบีชจึงต่างจากลูกค้าฉกรรจ์ อายุของลูกค้าเดอะบีชเฉลี่ยประมาณ 20-30 ปี บางส่วนยังไม่มีรายได้ของตัวเอง เช่นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หรือมารับจ้างในกรุงเทพฯ
การตกแต่งสถานที่ของเดอะบีชต่างไปจากบาบีลอนและฉกรรจ์  เดอะบีชดัดแปลงมาจากบ้านที่อยู่อาศัย บรรยายเหมือนอยู่บ้านและมีสระว่ายน้ำอยู่หลังบ้าน บริเวณชั้นล่างของบ้านเป็นห้องอาหาร ห้องล็อคเกอร์ ห้องคาราโอเกะ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาบน้ำ บริวเณชั้นสองเป็นห้องนอนและลูกค้ามักจะนิยมมารวมตัวกันบนนี้เพื่อหาคู่นอน  ห้องนอนมีสภาพเป็นห้องเล็กๆ กว้าง 1 เมตรยาวประมาณ 2 เมตร สภาพห้องเป็นการนำไม้กระดานมากั้น ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ยกเว้นเบาะนั่งขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร     นอกตัวบ้าน บริเวณสวนจะมีห้องอบไอน้ำและห้องอบซาวน่า พร้อมสระว่ายน้ำและห้องอาบน้ำ   ห้องอาบน้ำของเดอะบีชมีการโฆษณาว่าเป็นห้องอาบน้ำแบบไทยๆ กล่าวคือ เป็นการอาบน้ำจากโอ่งแวดล้อมด้วยสวนที่มีต้นไม้   ความหรูหราและอุปกรณ์ของตกแต่งของเดอะบีชค่อนข้างเก่าและใช้วัสดุที่มีราคาถูก  บรรยากาศของเดอะบีชจึงเหมือนไปเที่ยวบังกะโลระดับสองดาว  ด้วยเหตุผลนี้กลุ่มลูกค้ารายได้น้อยจึงนิยมมาใช้บริการที่นี่จำนวนมาก   อาจกล่าวได้ว่าเดอะบีชจับกลุ่มลูกค้าเกย์ “ตลาดล่าง”  ฉกรรจ์จับลูกค้าตลาดบน และบาบีลอนจับลูกค้าต่างชาติ
เอกลักษณ์ของดอะบีช ก็คือ ลูกค้าสามารถเดินพักผ่อนได้ทั่วบ้านพร้อมกับได้ยินเสียงเพลงจากลูกค้าคนอื่นที่กำลังร้องคาราโอเกะ  พื้นฐานของลูกค้าเดอะบีชอาจสังเกตได้จากประเภทของเพลงที่ร้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพลงลูกทุ่ง   สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าเดอะบีชมีความเป็นท้องถิ่น และมาจากสังคมเกษตรกรรม  หรือมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ง่ายๆ ไม่ชอบความหรูหรา  รูปร่างหน้าตาของลูกค้าจึงมีลักษณะเป็นไทยต่างจังหวัด ผิวสีน้ำตาล ไม่อ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป  เกย์ที่นิยมคู่ขาที่มีรูปร่างสมส่วนแบบไทยๆจึงนิยมมาใช้บริการเดอะบีช



สารพัดร่างในซาวน่า
ซาวน่าคือสถานที่รวมตัวของเกย์ที่นิยมไปหาคู่ ถึงแม้ว่าเกย์บางคนจะมีวัตถุประสงค์อื่นๆ แต่ซาวน่าก็ยังเป็นพื้นที่ลับเฉพาะของเกย์ที่เปิดโอกาสให้เกย์ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศของตัวเอง  ในเวลาเดียวกันซาวน่าก็ยังเป็นประจักษ์พยานของความหลากหลายของเรือนร่างและบุคลิภาพของเกย์  เกย์แต่ละคนจะมีวิธีการแสดงตัวตนผ่านเรือนร่างไม่เหมือนกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าตั้งคำถามว่า เกย์ให้ความหมายต่อเรือนร่างอย่างไร
พฤติกรรมที่แสดงออกผ่านเรือนร่างชัดเจนมากในซาวน่า   เกย์แต่ละคนจะมีสัดส่วนร่างกายไม่เหมือนกัน  รูปร่างหน้าตา ริ้วรอยและผลเป็นบนร่างกาย บนใบหน้า  ความเต่งตึง ความเหยี่ยวย่น ความแข็งแกร่ง ความอ่อนนุ่ม สีผิวเข้ม ขาว ซีด กล้ามเนื้อแบนราบ กล้ามเนื้อใหญ่โต  ความอ้วน ความผอม การมีพุง การไม่มีพุง ขาสั้น ขาวยาว ไหล่กว้าง ไหล่แคบ  รูปลักษณ์เหล่านี้จะได้รับการเปิดเผย  เกย์แต่ละคนจะมีความมั่นใจในร่างของตัวเองไม่เท่ากัน บางคนที่มีรูปร่างดีจะแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่ เช่น เดินโชว์ตัว  แต่เกย์ที่มีผิวหนังหยาบกร้าน มีแผลเป็น หรืออ้วนมากๆ อาจใช้ผ้าขนหนูมาปกปิดร่างกายเพราะไม่กล้าเปิดเผยข้อด้อยของตัวเอง  เกย์บางคนอาจเสริมความงามและเสน่ห์ให้กับร่างกายด้วยการสวมสร้อยคอ หรือใส่ต่างหู เพื่อทำให้ร่างกายมีเครื่องประดับเพื่อเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น และอาจดึงดูดสายตาของคนอื่นมากขึ้น
การแสดงออกทางร่างกายในซาวน่า จะมาพร้อมกับพฤติกรรมเหล่านี้ คนที่มีรูปร่างอ้วนจะตระหนักว่าตนเองไม่เป็นที่หมายปองของใครๆ  คนอ้วนส่วนใหญ่ต้องการจับคู่กับคนที่มีรูปร่างผอมและหน้าตาดี คนอ้วนจึงนิยมเดินตามคนหุ่นดี ไม่ว่าจะเป็นในห้องมืด ห้องอบไอน้ำ หรือซาวน่า  แต่คนหุ่นดีก็จะหนีคนอ้วน  บางครั้งคนอ้วนก็ต้องจับคู่กับคนอ้วนเพื่อระบายความใคร่ให้หมดไป   ในกรณีของคนหุ่นดี ซึ่งมีร่างกายสมส่วน มีกล้ามเนื้อที่ผ่านการออกกำลัง ไม่มีหน้าท้อง คนหุ่นดีก็นิยมจับคู่กับคนหุ่นดี  แต่คนหุ่นดีก็มักจะไม่เดินตามใครง่ายๆ  ส่วนคนที่มีร่างกายผอมแห้งเหมือนคนเป็นโรค จะไม่ได้รับความสนใจจากคนอื่นๆ เพราะความผอมแห้งเป็นสัญลักษณ์ของโรคร้าย เช่น เอดส์  
การชดเชยหรือทดแทนร่างกายที่อ้วนไป ผอมไป อาจมาจากหน้าตา ถ้าอ้วนแล้วหน้าตาดีอาจทำให้เกย์ผู้นั้นกลายเป็นที่สนใจของคนอื่น เช่นเดียวกันถ้าอ้วนแล้วหน้าตาไม่ดีก็ยิ่งทำให้คนอื่นออกห่าง   เช่นเดียวกันท่าหุ่นดีแต่หน้าตาไม่ดีหรือหัวล้าน เกย์คนนั้นก็อาจไม่ได้รับความสนใจเท่ากับเกย์ที่หุ่นดีและหน้าตาดีด้วย  การจัดลำดับช่วงชั้นร่างกายในซาวน่าจึงวัดจากหน้าตาเป็นอันดับแรก  ในที่นี่ร่างกายแบบอุดมคติและได้รับการยกย่องมากที่สุดคือร่างที่สมส่วนมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ไม่มีหน้าท้อง ส่วนร่างกายที่ได้รับการเหยียดหยามมากที่สุดคือร่างที่อ้วนเกินไปและผอมเกินไป  ร่างกายที่จะได้รับการรังเกียจมากที่สุด จะเป็นร่างของคนอ้วน เตี้ย พุงพุ้ย ผิวดำ และมีหน้าตาน่าเกลียด
อย่างไรก็ตามการจัดลำดับช่วงชั้นเรือนร่างของเกย์ในซ่าวนาอาจจะผันแปรไปตามรสนิยมของเกย์แต่ละคน กล่าวคือ มาตรฐานร่างกายที่ดีในสายตาของเกย์แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนชอบคนอ้วน บางคนชอบคนผอม บางคนชอบคนผิวดเข้ม บางคนชอบคนผิวขาว  ความชอบจึงมีเงื่อนไขต่างกัน    เรือนร่างที่เป็นอุดมคติเช่นร่างกายของนายแบบหุ่นนักกีฬาอาจเป็นร่างในความฝัน เพราะบุคคลที่มีร่างกายแบบนี้หาได้ยากมากในซาวน่า  เกย์แต่ละคนจะมีข้อบกพร่องในร่างกายมากน้อยต่างกันไป  เช่น คนที่หุ่นดีอาจมีรูปร่างเล็กหรือเตี้ย หรือขาสั้น  คนที่มีหน้าตาดีอาจมีพุง หรือคนที่ไม่มีพุงอาจมีแผลเป็นที่หลังหรือต้นขา  เป็นต้น  ความสมบูรณ์แบบในร่างกายจึงเป็นเรื่องในอุดมคติ
นอกจากร่างกายแล้ว สิ่งที่เกย์ให้ความสำคัญมากก็คือขนาดของอวัยวะเพศ หรือองคชาติ   ในห้องมืด ห้องอบไอน้ำ หรือห้องซาวน่า เกย์จะมองไม่เห็นหน้ากัน ไม่รู้ว่าใครดำหรือขาว หน้าตาดีหรือน่าเกลียด  เกย์ในห้องมืดจึงมองข้ามเรือนร่างไปและหันไปสนใจองคชาติแทน  จะเห็นได้จากการเข้าไปจับองคชาติของคนอื่น   เกย์ที่น่าตาไม่ดีส่วนใหญ่จะแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดเพื่อรอให้ผู้อื่นมาจับองคชาติ หรือเป็นฝ่ายเข้าไปจับองคชาติของคนอื่น เกย์ประเภทนี้ได้แก่เกย์ที่มีรูปร่างอ้วน   เมื่อเกิดการจับองคชาติ หรือ โลมไล้ร่างกายของคนอื่นสิ่งที่เกิดตามมาอาจเป็นการสำเร็จความใคร่ แต่บางคนก็ให้จับเล่นๆ โดยไม่ยอมให้มีการสำเร็จความใคร่   โดยปกติในมุมมืดของห้องอบไอน้ำจะมีการสำเร็จความใคร่อยู่บ่อยๆ และเจ้าหน้าที่ของซาวน่าก็จะต้องเข้าไปทำความสะอาดในห้องนี้เป็นระยะๆ
สังคมเกย์ในซาวน่ามักจะมีการจับกลุ่มพูดคุยและวิจารณ์ถึงรูปร่างหน้าตา เช่น  สมหมาย(นามสมมุติ) จะเรียกเกย์อ้วนที่มีอายุมากว่า “ป้าอ้วน”  เกย์ที่มีอายุมากจะได้ฉายาว่า “เจ้าป้า” “ย่าทวด”  เกย์ที่มีร่างกายผอมแห้งจะได้รับฉายาว่า “เอเอ้” (หมายถึงเป็นโรคเอดส์)  เกย์ที่หน้าตาดีแต่มีองคชาติสวยและใหญ่จะได้รับฉายาว่า “หน้าเน่าเป้าเลิศ”  เกย์ที่ชอบมาซาวน่าบ่อยๆจะได้รับการกล่าวขานว่า “ศิษย์เก่า”   การวิจารณ์รูปร่างหน้าตาเหล่านี้เป็นการจำแนกประเภทร่างกาย และมีน้ำเสียงแบบค่อนขอด และเหยียดหยาม
การเปิดเผยร่างกาย ทำให้เกิดการชี้วัดและตัดสิน เกย์ที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักจะเลือกคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีเหมือนกัน แต่ในบางกรณี ร่างกายอาจมิใช่สิ่งสำคัญ เกย์ที่มีรูปร่างอ้วนอาจจับคู่กันเอง ในกรณีหลังนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการได้ปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ  เกย์อ้วนจะช่วยกันสำเร็จความใคร่และการได้สัมผัสองคชาติของกันและกันก็อาจทำให้มีความสุขและมองข้ามข้อบกพร่องทางร่างกายไป   สำหรับเกย์ที่มีรูปร่างดีจะให้ความสำคัญกับรูปร่าง สัดส่วนของร่างกาย รวมทั้งองคชาติไปพร้อมๆกัน   อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีเกย์ที่มีรูปร่างดีอาจต้องการจับคู่กับชาวต่างชาติซึ่งมีฐานะและอาชช่วยให้เกย์คนนั้นได้รับโอกาสทางเศรษฐกิจอื่นๆ  เช่น เกย์รูปร่างดีในบาบีลอนจะยอมมีเพศสัมพันธ์กับเกย์ต่างชาติที่มีอายุมาก ซึ่งอาจมีรูปร่างผอม อ้วน ผิวหนังเหี่ยวย่น  มีรอยกระ หัวล้าน หรือ มีพุง   ในกรณีนี้รูปร่างอาจมิใช่สิ่งสำคัญ แต่เงินเป็นสิ่งสำคัญกว่า   ผู้เขียนสังเกตเห็นว่าเกย์ไทยที่มีรูปร่างดีที่จับคู่กับชาวต่างชาติที่มีอายุมากจะยังคงมีความสัมพันธ์กันต่อเนื่อง เมื่อออกมาจากซาวน่าแล้ว คนทั้งคู่ยังใช้เวลาด้วยกันในโรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ดิสโก้เธค หรือร้านกาแฟ  ทั้งนี้ผู้ที่เป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายก็คือเกย์ต่างชาติ
จะเห็นว่า รูปร่างที่อัปลักษณ์ถูกชดเชยด้วยเงินตรา   เกย์ต่างชาติที่มีอายุมากจึงนิยมมาใช้บริการที่บาบีลอน เพราะจะมีเกย์จำนวนมากพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ด้วยเพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสทางเศรษฐกิจ  เกย์ที่มีรูปร่างดีที่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับเกย์ที่มีรูปร่างอัปลักษณ์เพื่อหวังเงินทองหรือสิ่งของ คือหลักฐานที่บ่งบอกว่า “ร่างกาย” มีไว้แลกเปลี่ยน ร่างกายจึงเป็นสินค้า  กรณีนี้เห็นได้ชัดเจนในบาร์เกย์ที่มีเกย์ต่างชาติไปซื้อบริการทางเพศจากเด็กหนุ่มหน้าตาดีและรูปร่างดี เพื่อแลกกับความสุขทางเพศ  ในกรณีซาวน่าอาจไม่ต่างกับบาร์เกย์   เพราะมีเกย์ประเภทหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการซาวน่าและจับคู่กับต่างชาติเพื่อขายเรือนร่างแบบแอบแฝง   
นอกจากเรือนร่างจะมีไว้แลกเปลี่ยนแล้ว เรือนร่างยังมีไว้อวดอ้างด้วย  เกย์รูปร่างดีบางคนไปซาวน่าแต่อาจไม่มีเพศสัมพันธ์กับใคร เพราะต้องการโชว์สัดส่วนร่างกายของตัวเองเพียงอย่างเดียว  เกย์ประเภทนี้จะอยู่ในห้องฟิตเนส  อาจเดินไปในห้องอบไอน้ำบ้างแต่จะอยู่ไม่นาน เดินไปเดินมาไม่อยู่กับที่  อาจมีคนอื่นเดินตามเขาแต่เขาจะไม่ยอมจับคู่กับใคร  ร่างกายจึงมีไว้โอ้อวด  ร่างประเภทนี้ต้องผ่านการจัดระเบียบไม่ว่าจะเป็นออกกำลัง บริหารกล้ามเนื้อ ว่ายน้ำ ยกน้ำหนัก และวิ่ง  เพื่อทำให้ร่างกายปราศจากไขมัน ไม่มีหน้าท้อง มีกล้ามอก และกล้ามแขนใหญ่   ผู้เขียนสังเกตว่าเกย์ที่มาจากเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน มักนิยมเล่นฟิตเนส ชอบบริหารร่างกาย ร่างกายของเกย์ในกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็น “กล้ามปู” ซึ่งเป็นคำที่เกย์ใช้เรียกคนที่มีกล้ามแขนและอกใหญ่ กล้ามลักษณะนี้จะไม่เหมือนนักเพาะกาย แต่มีลักษณะอวบใหญ่แบบคนอ้วน  เพราะอาจกินยาที่ช่วยเร่งกล้ามเนื้อให้ใหญ่ ซึ่งมีผลทำให้ร่างกายบวม อาจมีพุงและมีไข้มันบริเวณก้นและต้นขามาก  รูปร่างของเกย์ที่มีเชื้อสายจีนจึงมีกล้ามเนื้ออวบ ทั้งนี้อาจมาจากลักษณะพันธุกรรมด้วย
ส่วนเกย์ชาวตะวันตกซึ่งบริหารร่างกายจะมีไขมันน้อยกว่า กล้ามจะมีลักษณะแข็งเหมือนนักเพาะกาย มีมัดกล้ามที่ท้อง และต้นขา  เนื่องจากโครงสร้างร่างกายของเกย์ตะวันตกจะมีลักษณะใหญ่อยู่แล้วทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ตามไปด้วย  ผิวหนังของเกย์ตะวันตกจะต่างไปจากเกย์เอเชีย กล่าวคือ เกย์ตะวันตกจะมีผิวหยาบ รูปขุมขนใหญ่ มีขนมากบริเวณหน้าอก หลัง แขนและขา  ในขณะที่เกย์เอเชียจะมีผิวละเอียดและไม่มีขนมาก  ส่วนเกย์ไทยจะมีรูปร่างเล็ก ถ้าบริหารร่างกายจะมีกล้ามเนื้อไม่ใหญ่ ตัวจะไม่หนาเท่าเกย์เชื้อสายจีน ทั้งนี้อาจมาจากอาหารที่บริโภคต่างกัน  
ทรงผมเกย์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เกย์จากย่านเอเชียนิยมผมสั้น หรือ บางคนอาจไว้สกินเฮด  ส่วนเกย์ไทย ถ้าเป็นวัยรุ่นอาจนิยมไว้ผมยาว  วัยทำงานอาจไว้รองทรง ถ้าเป็นคนที่เล่นฟิตเนสอาจไว้ผมสั้น  บางคนอาจทำสีผม เปลี่ยนสีดำเป็นสีน้ำตาล สีทอง หรือสีบรอนซ์  
อาจกล่าวได้ว่า เราสามารถพบเรือนร่างแบบต่างๆมากมายในซาวน่า ตั้งแต่เกย์ที่มีรูปร่างดีไปจนถึงรูปร่างไม่สมส่วน (อ้วนมาก ผอมมาก)   ซาวน่าจึงเป็นสถานที่ของการเปิดเผย “ร่าง” ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ  “ร่างกาย” ในซาวน่าเกย์จะถูกใช้เป็นสินค้า เป็นวัตถุที่มีไว้อวด  มีไว้ปกปิด และอำพราง  ความรู้สึกภูมิใจและอับอายต่อเรือนร่างของเกย์แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทัศนคติและจุดประสงค์ของการไปใช้ซาวน่า   อย่างไรก็ตามยังมีคำถามว่าการเปิดเผยร่างกายของเกย์สะท้อนให้เราเข้าใจอัตลักษณ์และชีวิตทางเพศของเกย์ไทยอย่างไร อะไรคือความหมายของการมีร่าง ซาวน่าทำให้ร่างกายเกย์กลายเป็นสิ่งใดบ้าง  วาทกรรมกระแสหลักเกี่ยวกับ “ร่าง” ในสังคมเกย์คืออะไรและเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับ “ร่าง” ที่พบเห็นในซาวน่าหรือไม่

ร่างที่ถูกจองจำบนพื้นที่ “จินตนาการ”



บทความเรื่องนี้ขอนำแนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง “พื้นที่” ของเลอแฟบร์ (Lefebvre)   มาอธิบาย  สาเหตุที่เลือกแนวคิดของเลอแฟบร์เนื่องจาก เขาพยายามชี้ให้เห็นว่าการแสดงออกทางเพศของมนุษย์เกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่ ผู้เขียนจึงอยากทดลองนำความคิดนี้มีอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับการใช้พื้นที่ซาวน่าของเกย์ ตลอดจนการเปิดเผยเรือนร่างของเกย์บนพื้นที่ซาวน่าซึ่งถือเป็นพื้นที่เฉพาะ และเป็นที่ลับตาคน  เพื่อจะดูว่าความคิดของเลอแฟบร์นำมาใช้อธิบายซาวน่าเกย์ได้จริงหรือไม่   ถ้าความคิดของเขาอธิบายได้ จะทำให้เราเข้าใจชีวิตของเกย์ในแง่มุมใดบ้าง แต่ถ้าใช้ไม่ได้  สิ่งที่เกิดขึ้นในซาวน่าเกย์ก็จะเป็นข้อมูลหักล้างความคิดของเลอแฟบร์  โดยเฉพาะความคิดเรื่องการสืบเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ ซึ่งเลอแฟบร์อธิบายว่าการแสดงออกทางเพศจะเกี่ยวกับการสืบพันธุ์  เพราะกิจกรรมทางเพศมักจะเกิดขึ้นในที่ลับตาหรือเป็นที่ส่วนตัว เช่น ในห้องนอนที่ปกปิดมิดชิด  เลอแฟบร์มองว่ากิจกรรมทางเพศเป็นการตอบสนองระบบทุนนิยมที่ทำให้มีการเพิ่มประชากรเพื่อมาเป็นแรงงานในการผลิต
แต่เลอแฟบร์เชื่อว่าการแสดงออกทางเพศที่ “แท้จริง”   เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับระบบทุนนิยม  ระบบทุนนิยมในความคิดของเลอแฟบร์หมายถึงความเป็นสมัยใหม่ หรือเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ ซึ่งต้องอาศัย “พื้นที่” ในการแสดงออก พื้นที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าความทันสมัยคืออะไร อยู่ที่ไหน และหมายถึงอะไร        ดังนั้น “พื้นที่” จะมีตัวตนก็ต่อเมื่ออธิบายว่าทุนนิยมคืออะไร ชีวิตสมัยใหม่คืออะไร    เลอแฟบร์เรียกพื้นที่แบบนี้ว่า “พื้นที่แห่งจินตนาการ” (abstract space) หมายถึงพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความคิดทุนนิยม    ทุนนิยมสร้างความหมายให้กับพื้นที่อย่างไร พื้นที่ก็จะมีค่าแบบนั้น   พื้นที่แห่งจินตนาการจะถูกสร้างให้เป็นจริงได้โดยสถาปนิก นักเศรษฐศาสตร์ นักวางผังเมือง ขุนนาง ข้าราชการ และผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ  พื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นนี้อยู่ตรงข้ามกับพื้นที่ตาม “ธรรมชาติ”  กล่าวคือพื้นที่ธรรมชาติจะเป็นศัตรูกับพื้นที่จินตนาการ  เลอแฟบร์เชื่อว่าพื้นที่ธรรมชาติได้แก่ เรือนร่างของมนุษย์ซึ่งไม่ได้ถูกสร้างจากสถาปนิก  ร่างกายของมนุษย์จะแตกต่างจากอาคาร ตึก และสิ่งก่อสร้างต่างๆ   ร่างกายเป็นตัวแทนของ “ธรรมชาติ”  ส่วนตึกหรืออาคารเป็นตัวแทนของ “จินตนาการ” ซึ่งถูกควบคุมด้วยระบบทุนนิยม  เลอแฟบร์เชื่อว่าอาคารและสิ่งก่อสร้างปฏิเสธสิ่งที่เป็น “ธรรมชาติ” เช่น ปฏิเสธความเป็นเพศของมนุษย์   แต่สิ่งที่สิ่งก่อสร้างยอมรับก็คือ “ความหมาย”   ดังนั้นอาคารสถานที่ต่างๆจะต้องอาศัย “ธรรมชาติ” ในการสร้างความหมาย เช่น ความหมายของผู้ชาย ผู้หญิง การเป็นพ่อ เป็นแม่ ครอบครัว และเครือญาติ    อาจกล่าวได้ว่าร่างกายของมนุษย์จะไม่มีค่าอะไร จนกระทั่งถูกสร้างความหมายเมื่อไปปรากฏอยู่ในอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อาคารสถานที่ซึ่งเป็นพื้นที่แห่ง “จินตนาการ” นั้น กำลังปกปิดซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่าง  กล่าวคือ พื้นที่แห่งจินตนาการคือพื้นที่ของระบบทุนนิยมซึ่งประกอบด้วยวิธีคิดแบบเหตุผลและการแสวงหาสิ่งที่สมบูรณ์แบบเพียงหนึ่งเดียว เช่น สิ่งที่ดีที่สุดต้องมีเพียงแบบเดียว      พื้นที่แบบนี้จะถูกควบคุมและจัดระเบียบโดยผู้รู้และนักคิดที่มีอำนาจทางสังคม  คนประเภทนี้จะแสดงอำนาจของตนผ่านการสร้างความหมายบนพื้นที่  ฉะนั้น พื้นที่ของอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆจึงปราศจากอารมณ์ความรู้สึก  เนื่องจากวิธีคิดแบบทุนนิยมต้องการจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ภายใต้ระเบียบเดียวกัน ดังนั้นวิธีคิดที่แปลกแยกไปจากระเบียบก็จะถูกตัดทิ้งไป  ซึ่งความคิดที่สวนทางกับทุนนิยมก็มักจะเกิดขึ้นกับการแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่ไร้กฎเกณฑ์บังคับ   ในความคิดของเลอแฟบร์เชื่อว่าอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายล้วนเกิดจากระเบียบ ดังนั้น เมื่อร่างกายของมนุษย์เข้าไปอยู่ในอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ก็เท่ากับว่า ร่างกายกำลังถูกจองจำอยู่ในกรงขัง  ความหมายของการเป็นชายหญิงและเพศสภาพก็คือภาพลักษณ์ของการจองจำนั่นเอง
การแสดงออกทางเพศในพื้นที่จินตนาการของทุนนิยม จึงมิใช่การแสดงออกอย่างมีเสรีภาพ หรือมิใช่การแสดงออกตามธรรมชาติ หากแต่เป็นการแสดงออกที่ถูกควบคุมและถูกกำหนดมาจากบางสิ่งบางอย่าง    เลอแฟบร์อธิบายว่าการแสดงออกทางร่างกายของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว กิริยาท่าทาง การลุกนั่ง การเดิน การยืน การแสดงอาการต่างๆล้วนเป็นการแสดงออกทางสังคมที่เกิดขึ้นบนพื้นที่เฉพาะ  ร่างกายของมนุษย์จึงถูกใช้เพื่อสร้างความหมายบางอย่าง  เช่น การสวมถุงน่อง การสวมยกทรง หรือการแต่งหน้า เป็นต้น  การกระทำต่อร่างกายในลักษณะนี้คือการสร้างความหมายว่าร่างนั้นหมายถึงอะไร  อาจหมายถึงความเซ็กซี่ หรืออ่อนหวาน  ร่างแบบนี้ล้วนมีบริบททางพื้นที่มารองรับ  เช่นการสวมชุดว่ายน้ำจะต้องเกิดขึ้นที่สระว่ายน้ำ หรือ ชายทะเล หรือ ห้องที่ปิดมิดชิด เป็นต้น  
เลอแฟบร์ชี้ให้เห็นว่าการกระตุ้นเร้าทางเพศจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมองดูภาพเรือนร่าง  คำถามคือ พื้นที่สัมพันธ์อย่างไรกับภาพของเรือนร่าง  เลอแฟบร์พยายามอธิบายว่าพื้นที่เปรียบเสมือนสิ่งห่อหุ้มร่างและวัตถุต่างๆ เมื่อเรามองเห็นร่าง เรามิได้มองเห็นเนื้อหนังมังสา แต่เรามองเห็นความหมายของร่าง เช่น ความเซ็กซี่ ความน่าเกลียด ความสวย ความหล่อ เป็นต้น   ดังนั้น พื้นที่จึงเปรียบเสมือนส่วนต่อเติมความหมายของสิ่งต่างๆให้สมบูรณ์ขึ้น  กล่าวคือเมื่อเรือนร่างของคนๆหนึ่งปรากฏอยู่ในห้องน้ำ ร่างนั้นจะมีความหมายแบบหนึ่ง และเราก็จะเห็นความหมายของร่างในห้องน้ำ ในทำนองเดียวกัน ถ้าร่างไปอยู่ในสนามหญ้า เราก็จะเห็นอีกความหมายหนึ่งในสังคมทุนนิยม ร่างกายจะถูกให้ความหมายบนพื้นที่แบบต่างๆ และ “ร่าง” ที่เลอแฟบร์ต้องการเน้นย้ำโดยเฉพาะคือ “ร่างทางเพศ”
ไมเคิล พี บราวน์ (2000) ได้นำแนวคิดของเลอแฟบร์มาศึกษาพื้นที่ของชายรักชายในเขตเมือง เพื่อที่จะทำความเข้าใจความลับและความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่ของเกย์ในเขตเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ บราวน์ได้ตั้งคำถาม 3 ข้อ เพื่อที่จะพิสูจน์แนวคิดของเลอแฟบร์ ได้แก่ หนึ่งถามว่าระหว่างพื้นที่จินตนาการและพื้นที่ทางเพศมีความตึงเครียดอะไรเกิดขึ้น  สอง ความสัมพันธ์และการแสดงออกทางเพศเกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่เมืองอย่างไร และ สาม ร่างกายของมนุษย์ถูกทำให้มีความหมายบางอย่างในพื้นที่แห่งกามารมณ์ได้อย่างไร  บราวน์ได้ศึกษาการวางผังเมืองของไครสต์เชิร์ช โดยดูความคิดของคน 3 กลุ่มคือ นักวางผังเมือง นักท่องเที่ยว และนักทำแผนที่  คนทั้งสามกลุ่มนี้มองเห็นพื้นที่กามารมณ์ต่างกัน กล่าวคือ นักวางผังเมืองจะไม่สนใจพื้นที่กามารมณ์ แต่จะสนใจพื้นที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ  บราวน์กล่าวว่านักวางผังเมืองพยายามปกปิดซ่อนเร้นพื้นที่กามารมณ์และพูดถึงแต่พื้นที่การค้า ธุรกิจ และสถานที่สำคัญทางศาสนา  แต่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างรู้ว่ายังมีพื้นที่กามารมณ์เกิดขึ้นทั่วไปในย่านการค้า  นักท่องเที่ยวล้วนสนใจพื้นที่กามารมณ์ซึ่งเป็นแหล่งเริงรมย์และมีเงินสะพัดมากมาย   
บราวน์กล่าวว่า ในเมืองไครสต์เชิร์ช ซ่องโสเภณีจะถูกแปรสภาพเป็นสถานบำบัดสุขภาพ เช่นโรงนวดซาวน่า หรือห้องอาบน้ำ ซึ่งมีทั้งประเภทที่ให้บริการแก่ผู้ชายและเกย์  ในส่วนของโรงนวดสำหรับผู้ชายจะมีการติดป้ายโฆษณาตามถนน ภาพโฆษณาจะเป็นรูปผู้หญิงที่เซ็กซี่ เช่นมีเต้านมใหญ่  เรือนร่างของผู้หญิงจะถูกใช้เพื่อความหมายของกามารมณ์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือร่างของผู้หญิงถูกทำให้เป็นสินค้า  แรงแบบนี้จะถูกเปิดเผยในที่สาธารณะ ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์แบบรักต่างเพศ   บราวน์กล่าวต่อไปว่าพื้นที่เมืองมิได้มีแต่ความสัมพันธ์ของรักต่างเพศเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ของบาร์เกย์ และสถานที่พบปะของชายรักชายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองด้วย และบางทีบาร์เกย์กับบาร์ผู้หญิงอาจอยู่บนถนนสายเดียวกัน
บราวน์ตั้งข้อสังเกตว่าพื้นที่ของเกย์ถูกปกปิด ไม่มีการโฆษณาเหมือนบาร์ผู้หญิง  ในทางตรงกันข้ามพื้นที่ของเกย์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย  ผู้ที่เปิดกิจการบาร์เกย์อาจถูกจับและจองจำเป็นเวลา 10 ปี แต่ประเทศนิวซีแลนด์ได้แก้ไขกฎหมายใหม่ในปี ค .ศ. 1985 ทำให้กิจการบาร์เกย์ถูกกฎหมาย    บาร์เกย์หลายแห่งจึงเปิดกิจการอย่างเปิดเผย  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สถานที่สำหรับเกย์ในเมืองไครสต์เชิร์ชก็ยังถูกแอบซ่อน  เจ้าของบาร์เกย์ทั้งหลายจะไม่ทำป้ายใหญ่โต และจะเลือกตั้งบาร์เกย์ในมุมตึกหรือที่ลับตาคน   บราวน์อธิบายว่า “การปกปิดตัวเอง” ของบาร์เกย์ หมายถึงการไม่ยอมให้สังคมรับรู้ว่าสถานที่นั้นคืออะไรเพื่อที่จะทำให้ตนเองดำรงอยู่ในพื้นที่ของรักต่างเพศได้ เพราะการรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คืออะไร หรือหมายถึงอะไรเป็นวิธีการแสวงหาความจริงที่เกิดจากการมอง  กล่าวคือ “การมองเห็น” เท่ากับการรู้ว่าพื้นที่นี้คืออะไร ซึ่งจะทำได้ในสังคมของรักต่างเพศเท่านั้น  ฉะนั้นบาร์เกย์จึงต้องเลือกที่จะ “มองไม่เห็น” เพื่อที่จะทำกิจกรรมทางเพศได้ปลอดภัย
จากการศึกษาของบราวน์พบว่าแนวของเลอแฟบร์อาจใช้ได้กับพื้นที่ของรักต่างเพศ แต่เมื่อนำมาอธิบายพื้นที่ของเกย์ที่ถูกปกปิด อาจไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด   เนื่องจากร่างกายของเกย์จะไม่ถูกเปิดเผยเหมือนร่างของผู้หญิง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ร่างของเกย์และร่างของผู้หญิงจะถูกนำมาเป็นสินค้า   บราวน์กล่าวว่าการเปิดเผยบาร์เกย์อาจขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางสังคม  ในบางเมือง บาร์เกย์อาจเปิดเผย แต่บางเมืองอาจปกปิดเพราะคนในเมืองนั้นมีความรู้สึกไม่ชอบเกย์   อย่างไรก็ตาม พื้นที่ของเกย์ในสังคมรักต่างเพศอาจมิได้ถูกควบคุมในความหมายของการเป็น “สิ่งต้องห้าม”  กล่าวคือการทำความเข้าใจพื้นที่ของเกย์ ไม่อาจเข้าใจได้จากกฎระเบียบของรักต่างเพศเพียงอย่างเดียว   หากแต่ต้องเข้าใจด้วยวิธีคิดของสังคมเกย์เอง  บราวน์กล่าวว่าพื้นที่บาร์หรือซาวน่าเกย์เกิดจากวิธีคิดของทุนนิยมเช่นเดียวกับบาร์ผู้หญิง  และพื้นที่ทั้งสองแห่งก็มีกิจกรรมทางเพศเกิดขึ้นเหมือนกัน  แต่บาร์เกย์สำแดงตัวเองให้สังคมรับรู้ด้วยการปกปิด “อารมณ์แบบเกย์” เอาไว้  คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะไม่รู้ว่าอาคารนี้ ห้องนี้ หรือสถานที่นี้มีไว้เพื่ออะไร  พื้นที่ของเกย์จึงมีอยู่ด้วยความไม่มี
หากนำความคิดของเลอแฟบร์มาอธิบายก็จะพบว่า พื้นที่เกย์อาจเป็นพื้นที่จินตนาการแบบหนึ่งที่มีร่างกายของมนุษย์ซึ่งนิยามตัวเองว่าเป็นเกย์เข้าไปอยู่ในสถานที่นั้น  บาร์เกย์หรือซาวน่าเกย์จึงเป็นสิ่งห่อหุ้มให้ร่างของบุคคลที่เป็นเกย์มีความหมายขึ้นมา  อย่างไรก็ตาม การนิยามตัวเองของเกย์ในซาวน่าอาจเป็นสิ่งที่เลอแฟบร์ให้ความสนใจน้อยกว่าเรื่องอิทธิพลของระบบทุนนิยมที่เข้ามาควบคุมและจัดระเบียบการใช้พื้นที่ทางสังคม  การนิยามตัวเอง และการแสดงออกทางเพศของเกย์ในซาวน่า อาจทำให้เรามองเห็นอิทธิพลของทุนนิยมบางส่วน แต่คำถามคือ เกย์ที่เข้าไปใช้ซาวน่าจะตกเป็นทาสทุนนิยมเสมอไปหรือไม่   เกย์มีวิธีการโต้ตอบกับความหมายของทุนนิยมอย่างไร คำถามเหล่านี้อาจท้าทายความคิดของเลอแฟบร์ เพื่อที่จะให้เรามองเห็นตัวตนของเกย์จากประสบการณ์ของพวกเขา มากกว่าจะมองเรื่องพื้นที่เพียงอย่างเดียว
การเผยเรือนร่างของเกย์ในซาวน่า ในมุมมองของเลอแฟบร์อาจอธิบายได้ว่าร่างของเกย์กำลังถูกให้ความหมายบางอย่าง เช่น การเปลือยกายอาจหมายถึงความเซ็กซี่ ความเย้ายวน หรือ ความสวยงาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าร่างนั้นสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานแค่ไหน ถ้าร่างมีกล้ามเนื้อสมส่วน ไม่มีไขมันส่วนเกิน ดูแข็งแรงมีสุขภาพดี ร่างนั้นก็จะถูกมองว่าสวย แต่ถ้าร่างอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป ก็จะถูกมองว่าน่าเกลียด    อย่างไรก็ตามการอธิบายแบบนี้อาจเป็นสูตรสำเร็จ  เพราะมาตรฐานความสวย หรือมาตรฐานความหล่อของเกย์แต่ละคนมีไม่เท่ากัน ในประเด็นนี้อาจโต้แย้งกับความคิดของเลอแฟบร์ได้ว่า ความหมายของเกย์ในพื้นที่ซาวน่า มิได้มีเพียงมาตรฐานเดียว  เกย์แต่ละคนที่อยู่ในซาวน่าย่อมมีการนิยามตัวเองต่างกัน มีร่างกายที่ต่างกัน และมีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนกัน  พื้นที่ซาวน่าจึงไม่อาจเหมารวมการแสดงตัวตนของเกย์ได้ทั้งหมด     ในแง่นี้ ซาวน่าจึงมิใช่พื้นที่จินตนาการของทุนนิยมหรือทำให้เกย์เป็นสินค้าเพียงอย่างเดียว  หากแต่ซาวน่ายังทำให้ความหมายของสินค้า (ร่างของเกย์) มีความคลุมเคลือ และยากที่จะแบ่งแยกว่าแค่ไหนคือสินค้า และแค่ไหนคือเรือนร่างตามธรรมชาติ  และยังทำให้อุดมคติแบบทุนนิยมมีค่าต่างออกไป โดยมิได้มุ่งสู่สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่นำไปสู่สิ่งที่มีความขัดแย้งและไม่มีความมั่นคง

ร่างที่ลางเลือน

การทำความเข้าใจตัวตนของเกย์ไทยในซาวน่า ไม่อาจเข้าใจได้จากความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และการแสดงออกทางเพศ หรือแนวคิดทางจิตวิทยาเพียงอย่างเดียว  ความพึงพอใจ หรือรังเกียจเรือนร่างมิใช่การแสวงหาสิ่งที่ขาดหาย หรือเติมเต็มจินตนาการ  เกย์ที่เข้าไปในซาวน่าไม่ใช่แค่เพียงการไประบายอารมณ์ทางเพศ หรือหาคนรัก แต่ยังมีการให้คุณค่าและความหมายแก่ตัวเองด้วย    สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นว่า “ร่างกาย” ของเกย์ได้ท้าทายให้เราคิดใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และการกระทำทางเพศ  หากดูผิวเผิน ซาวน่าคือตัวแทนของระบบทุนนิยม  เกย์ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าไปแสวงหาความสุขทางเพศภายในนั้น  และในเวลาเดียวกันเกย์แต่ละคนก็เป็นสินค้าให้แก่กัน ต่างคนต่างเลือกที่จะเสพสมซึ่งกันและกัน ตามความพอใจของกันและกัน   เรือนร่างของแต่ละคนกลายเป็นเป้าหมายเพื่อการสำเร็จความใคร่ เกย์จะมองเห็นคนอื่นเป็นวัตถุที่สนองตอบอารมณ์ทางเพศของตัวเอง ซึ่งเท่ากับว่าเกย์ไม่ได้มองเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่มีอยู่ในเพื่อนคนอื่นที่อยู่ในซาวน่า    แต่การอธิบายเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยให้เราเข้าใจชีวิตของเกย์
ในทางกลับกัน ซาวน่าอาจท้าทายวิธีคิดแบบเดิมๆที่สังคมมุ่งประณามทุนนิยม  ซาวน่ามิได้ทำให้เกย์กลายเป็นสินค้าทางเพศ หากแต่ทำให้การกลายเป็น “สินค้า”  มีความหมายใหม่ หรือมีความหมายต่างไปจากเดิม  ความหมายนี้มิใช่ ความเซ็กซี่ หรือ ความน่าเกลียด แต่หมายถึงความคลุมเคลือของสิ่งที่เรียกว่า “เซ็กซี่” “สวย” “หล่อ” “แมน” “น่าเกลียด” “ทุเรศ” “อัปลักษณ์” และอื่นๆอีกมากมาย  ร่างของเกย์ในซาวน่าจะไม่ถูกมองว่าเซ็กซี่ แต่จะกลายเป็นเซ็กซี่ในประสบการณ์ชีวิตของคนๆหนึ่ง เช่น เซ็กซี่แต่อ้วน เซ็กซี่แต่ก้าวร้าว เซ็กซี่แต่โง่ เซ็กซี่แต่ไม่หล่อ เป็นต้น    ในแง่นี้ทำให้คำอธิบายของเลอแฟบร์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการแสดงออกทางเพศในพื้นที่ทางสังคมนั้นจะถูกกำหนดและควบคุมจากระบบทุนนิยม   เพราะปัจเจกสามารถรื้อทำลายนิยามของการกระทำของตัวเองได้ตลอดเวลา  
เมื่อความน่าเกลียด หรือความเซ็กซี่ ไม่มีแบบแผนตายตัวแบบเดิม เราก็จะพบว่าเกย์ที่เข้าไปใช้ซาวน่าจะจับคู่กับใครก็ได้ที่พร้อมจะมีกิจกรรมทางเพศร่วมกัน  ถ้าเป็นเช่นนั้น “ร่างกาย” ของเกย์จะมีความหมายอะไร  ผู้เขียนพบว่า เกย์ที่มีรูปร่างดี หน้าตาหล่อบางคนอาจจับคู่กับเกย์ที่มีรูปร่างอ้วนและมีอายุมาก   บางคนอาจจับคู่กับผู้ที่มีหน้าตาดีเหมือนกัน  บางคนอาจเลือกคนที่พูดคุยกันรู้เรื่อง แต่บางคนก็ไม่เลือกอะไรเลยและพร้อมจะมีอะไรกับใครก็ได้    การจับคู่แบบผิดฝาผิดตัว การเปลี่ยนคู่แบบต่อหน้าต่อตา หรือ ไม่จับคู่เลย  เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และเข้าใจไม่ได้ด้วยวิธีคิดแบบเหตุผล    สิ่งเหล่านี้บอกให้ทราบว่าความหมายของความเซ็กซี่หรือน่าเกลียด ความหมายของการสำเร็จความใคร่ ความหมายของเพื่อน การเป็นคู่ขา และการเป็นคนรักมีความคลุมเคลือมาก     การจับคู่ของเกย์ในซาวน่าเป็นมากกว่ารสนิยม หรือความพึงพอใจ   ในบางกรณีอาจเกิดจากความสนุก ความตื่นเต้น ความอยากลอง ความแปลกใหม่ หรือความท้าทาย คุณค่าของการจับคู่ในแบบที่เรียกว่า “ถูกคู่” “ถูกตัว” มีเห็นไม่มากนักในซาวน่า แต่เราจะเห็นการจับคู่แบบผิดผาผิดตัวอยู่บ่อยๆ
เกย์ที่มีรูปร่างดี หรือรูปร่างอ้วน อาจมีคุณค่าไม่ต่างกันเมื่อเข้าไปอยู่ในซาวน่า ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคนอ้วนจับคู่กับคนหุ่นดี  คนหล่อจับคู่กับคนขี้เหร่  คนผิวขาวจับคู่กับคนผิวดำ คนแก่จับคู่กับคนหนุ่ม  เพราะการจับคู่อาจนำไปสู่อะไรก็ได้ เช่น การร่วมรัก การสำเร็จความใคร่ ความรัก ความหลง ความหลอกลวง การโกหก การสารภาพ  การเฉยเมย  ฯลฯ    สิ่งเหล่านี้ท้าทายความคิดแบบที่ต้องการได้สิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด   พื้นที่ของซาวน่ามิได้ทำให้เกิดสิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ทำให้ความไม่สมบูรณ์ หรือความขาดตกบกพร่องได้แสดงตัวออกมา    ซาวน่าจึงเป็นพื้นที่ที่เปิดเผยให้เห็นด้านมืดที่ระบบทุนนิยมปฏิเสธ  พื้นที่แห่งจินตนาการที่ปรากฏอยู่บนซาวน่าจึงมิใช่สิ่งที่สวยงาม แต่เป็นสิ่งที่น่ากระอักกระอ่วนใจ และน่ารำคาญใจ  ซาวน่ามิใช่พื้นที่ที่ถูกควบคุมด้วยศีลธรรมและวิธีคิดของรักต่างเพศ หากแต่ถูกควบคุมด้วยความอ่อนแอของความหมายของรักต่างเพศ   การมีอยู่ของซาวน่าเกย์ มิได้มีอยู่ด้วยการปกปิดซ่อนเร้นหรือหวาดกลัว แต่มีอยู่ด้วยความเปราะบางของพลังอำนาจที่สถาบันรักต่างเพศเคยเชิดชู
เรือนร่างของเกย์ในซาวน่า มิได้มีความหมายแค่เรื่องเซ็ก แต่ยังหมายถึงการอยู่ร่วมกันของสิ่งที่แตกต่าง กล่าวคือ เรือนร่างที่สวยงามมิได้มีค่ามากกว่าเรือนร่างที่น่าเกลียด แต่ร่างที่สวยงามเป็นเพียง “ร่าง” ชนิดหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้  หากเปรียบเป็นเสื้อ ร่างที่สวยอาจเป็นเสื้อสีขาว และร่างที่น่าเกลียดอาจเป็นเสื้อสีดำซึ่งเสื้อทั้งสองตัวนี้ถูกแขวนอยู่ในตู้เดียวกัน    ร่างที่สวยและร่างที่น่าเกลียดสามารถปรกฏอยู่บนพื้นที่เดียวกันได้     นอกจากนั้น ความหมายของความสวย หรือความน่าเกลียดก็มิใช่สิ่งที่คงที่  แต่เป็นสิ่งที่ขึ้นๆลงๆตามประสบการณ์ของปัจเจก   “ร่าง”  เกย์ในซาวน่าจึงไม่ได้พิสูจน์ความสมบูรณ์แบบของร่างกาย  แต่อนุญาตหรือยอมให้ร่างกายหลายๆแบบออกมาโลดแล่นในพื้นที่ของรักต่างเพศที่มีแต่ความอ่อนแอและเปราะบาง
จากการเก็บข้อมูลของผู้เขียน พบว่าเรือนร่างของเกย์ในซาวน่ามีหลายลักษณะดั่งที่อธิบายมาแล้วข้างต้น  ในที่นี่ผู้เขียนต้องการวิพากษ์ความคิดของเลอแฟบร์ที่อธิบายว่า “ร่าง” ของมนุษย์จะถูกห่อหุ้มด้วยพื้นที่ซึ่งมีความหมายตามอุดมคติแบบทุนนิยม เช่น ร่างของผู้หญิงในบาร์อาจหมายถึงโสเภณี  หรือ ร่างเปลือยบนชายหาดจะหมายถึงความเซ็กซี่  คำอธิบายเหล่านี้อาจใช้ไม่ได้กับ “ร่าง” ของเกย์ในซาวน่า   กล่าวคือ ร่างของเกย์ในซาวน่ามิได้หมายถึง การเป็นโฮโมเซ็กช่วลที่เบี่ยงเบนจากศีลธรรมทางสังคม    แต่ร่างของเกย์จะเปลี่ยนความหมายอยู่ตลอดเวลา มิได้ถูกห่อหุ้มด้วยความหมายเดียวตามที่สังคมกำหนดให้  ในแง่นี้  การเปิดเผย “ร่าง” ของเกย์ในซาวน่าก็เท่ากับเป็นการท้าทายความหมายของการมี “ร่าง” แบบต่างๆที่สังคมเคยนิยามเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น ความหล่อ หรือความอัปลักษณ์
พื้นที่แบบซาวน่าจึงมิได้กำหนดว่าผู้ที่อยู่ในซาวน่าต้องเป็น “เกย์” ในนิยามความหมายที่สังคมของรักต่างเพศหยิบยื่นให้    หากแต่พื้นที่ซาวน่าเปิดโอกาสให้เกย์ที่เข้าไปใช้บริการได้สร้างความหมายให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิต ความรัก เพศสัมพันธ์ มิตรภาพ และเรือนร่าง  ความหมายที่เกย์แต่ละคนสร้างขึ้นอาจไม่สอดคล้องกับอุดมคติของทุนนิยม เช่น เกย์ที่มีรูปร่างอ้วนอาจคิดว่าตนเองมีเสน่ห์และน่าหลงใหล  เขาอาจคิดว่าความอ้วนเป็นสิ่งที่น่าพอใจมากที่สุด ในขณะที่เกย์บางคนเกลียดความอ้วนและคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าเกลียด  การปะทะกันของความคิดเหล่านี้ทำให้การเปิดเผยร่างในซาวน่าไร้การควบคุม  เกย์แต่ละคนต่างเลือกที่จะแสดงตัวตนผ่านการกระทำต่อร่างกายบางอย่าง เช่น การสวมสร้อยคอ การสักลายบนแขน หรือ ลำตัวเพื่อสร้างเสน่ห์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่เหมือนกัน
ผู้เขียนพยายามตั้งข้อสงสัยว่าเรือนร่างในซาวน่าเป็น “ร่าง” ที่ถูกจองจำภายในตรรกะและเหตุผลของทุนนิยมหรือไม่   หากทุนนิยมตามความหมายของเลอแฟบร์เป็นสิ่งที่ถูกแสดงผ่านพื้นที่จินตนาการ เช่น อาคารสถานที่ต่างๆ  ซาวน่าก็อาจทำหน้าที่นั้น  ในกรณีนี้เกย์ที่อยู่ในซาวน่าก็ไม่ต่างจากผู้ชายที่อยู่ในซ่องโสเภณี เพราะต่างตกอยู่ใต้ตรรกะของทุนนิยม  หากถามว่าพื้นที่ทุกแห่งบนโลกนี้ถูกกำหนดและถูกควบคุมด้วยทุนนิยมใช่หรือไม่  คำตอบอาจจะไม่ใช่ เพราะยังมีพื้นที่อื่นๆที่ถูกสร้างและให้ความหมายด้วยความเชื่อและโลกทัศน์แตกต่างกัน  เช่น อาคารบ้านเรือนของชนเผ่าที่ยึดถือจารีตประเพณีและสิ่งเหนือธรรมชาติ  ชนเผ่าหลายแห่งเชื่อว่าที่อยู่อาศัยมีวิญญาณของบรรพบุรุษสิงอยู่  ดังนั้นการปฏิบัติต่อพื้นที่ในบ้านจึงต้องทำด้วยความเคารพและมีพิธีบวงสรวงผีบรรพบุรุษเพื่อให้วิญญาณเหล่านั้นคุ้มครองและปราศจากอันตรายหรือโรคภัยไข้เจ็บ
เลอแฟบร์พยายามทำให้เราเห็นว่าพื้นที่ “ธรรมชาติ” กับ พื้นที่ “จินตนาการ” เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันและอยู่ด้วยกันไม่ได้  เนื่องจากเลอแฟบร์ต้องการวิพากษ์ระบบทุนนิยมในวัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ในการสร้างความหมายให้กับพื้นที่   ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างคนกับพื้นที่จะถูกจัดระเบียบ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือพื้นที่ธรรมชาติ เช่น ภูมิประเทศและเรือนร่างของมนุษย์จะถูกควบคุมและให้ความหมาย  ร่างกายจึงเป็นทั้งวัตถุทางธรรมชาติและวัตถุทางวัฒนธรรม  ความสัมพันธ์ระหว่างเรือนร่างกับพื้นที่จะมีความหมายก็ต่อเมื่อ “ร่าง” นั้นปรากฎอยู่บนพื้นที่เฉพาะ เช่น ในซาวน่า บาร์ โบสถ์ วัด โรงเรียน และอื่นๆ ร่างในแต่ละพื้นที่จะมีความหมายต่างกัน
  อย่างไรก็ตาม ร่างของมนุษย์ยอมจะถูกให้ความหมายด้วยวิธีคิดที่แตกต่างกันอยู่แล้ว  มนุษย์ต่างวัฒนธรรมจะให้คุณค่าต่อเรือนร่างไม่เหมือนกัน  บางวัฒนธรรมอาจคิดว่าร่างเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อร่างนั้นตายไปแล้วก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ ในสังคมชนเผ่าหลายแห่งการนิยามตัวตนเกิดจากการบูชาผีบรรพบุรุษ ลูกหลานที่เกิดมาในครอบครัวอาจได้ชื่อตามบรรพบุรุษ ซึ่งพวกเขาจะประกอบพิธีกรรมเพื่อบวงสรวงวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตัวตนในลักษณะนี้จึงมิได้นิยามจากเรือนร่างตามธรรมชาติแต่มาจากอำนาจเหนือธรรมชาติ  ในบางวัฒนธรรม “ตัวตน” อาจเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น จากสถานะคน ไปสู่สถานะศพ และเปลี่ยนเป็นวิญญาณ ตัวตนลักษณะนี้จะไม่สูญหายไปไหน  บางวัฒนธรรมตัวตนเป็นเรื่องของความปลอดภัยและอันตราย เป็นความแข็งแรงกับความอ่อนแอ หรือเป็นการทำผิดศีลธรรม และการปฏิบัติตามประเพณี
แต่ในตะวันตกร่างอาจเป็นที่อยู่ของตัวตน เช่น ตัวตนที่สวย หล่อ ผอม อ้วน ฯลฯ ตัวตนเหล่านี้ต้องการนิยามที่แน่นอนว่าอะไรคือความสวย หรือ น่าเกลียด ตัวตนของชาวตะวันตกอาจมีประวัติศาสตร์ ซึ่งแต่ละยุคสมัยจะมองเห็นคุณค่าของตัวตนที่ต่างกัน  ตัวตนในยุคทุนนิยมอาจเป็นตัวตนของความสมบูรณ์แบบ ที่ต้องการพรมแดนและขอบเขตที่ชัดเจน เพื่อจะบอกว่าร่างที่สวยแตกต่างจากร่างที่อัปลักษณ์อย่างไร แต่มิได้หมายความหมายตัวตนแบบนี้จะใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคนกับพื้นที่ได้ทุกวัฒนธรรม หรือทุกเวลา  
การอธิบายหรือการนิยามความหมายของสิ่งที่เรียกว่า “ร่าง” ในวัฒนธรรมตะวันตก อาจเกี่ยวพันกับความเชื่อเรื่อง “ตัวตน” และ “ความเป็นมนุษย์”   สิ่งเหล่านี้มาจากสมมุติฐานที่อธิบายว่า “ร่าง” ตามธรรมชาติคือพื้นที่ทางสังคมที่ใช้แสดงออกถึงความเป็น “ตัวตน” กล่าวคือ เราจะแสดงออกถึงความเป็นตัวเราโดยพิจารณาจากเรือนร่าง อวัยวะ แขนขา รูปร่างหน้าตา ซึ่งจะถูกให้ความหมายว่ามันเป็นสิ่งที่สวยและสมบูรณ์หรือไม่  ตัวตนในลักษณะนี้เกิดจากปัญหาทางศีลธรรมของตะวันตกที่ต้องการสร้างความเป็นปัจเจกให้คนแต่ละคนแตกต่างกันด้วยรูปร่างหน้าตา ซึ่งถูกทำให้เชื่อว่ามันคือตัวตนที่แท้จริง  เช่น คนอ้วนคิดว่าตัวตนของเขาคือความอ้วน  คนสวยคิดว่าตัวตนของเขาคือความสวย เมื่อเป็นเช่นนี้ “ร่าง” ตามธรรมชาติก็จะถูกมองว่าเป็น “ความจริง” ของตัวตน ซึ่งได้นำไปสู่การจัดประเภทและแบ่งแยกมนุษย์
แอนดรูว์ สแตรทเทิร์น (2004) อธิบายว่าการมีตัวตนหรือการรวมเป็นรูปเป็นร่าง   เป็นสิ่งที่มีความคลุมเคลือมาก เพราะ การมีรูปร่างอาจจะเกิดขึ้นนอกร่างกาย หรือไม่เกี่ยวกับวัตถุ  ในขณะเดียวกันก็อาจไม่ใช่เรื่องของนามธรรมหรือสภาวะจิตใจ แต่เท่าที่ผ่านมาการศึกษาความมีตัวตนมักจะเอนเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง   สแตรทเทิร์นชี้ให้เห็นปัญหาของการมี “ร่าง” ในวัฒนธรรมตะวันตกที่แบ่งแยกว่าอะไรคือเนื้อหนังมังสา อะไรเป็นจิตวิญญาณ  การแบ่งแยกนี้คือปัญหาของวิธีคิด การอธิบายถึงความมีตัวตนจึงเป็นเพียงคุณค่าทางวัฒนธรรมของยุคสมัย การรวมเป็นตัวตนอาจเป็นเพียงอุปมาอุปไมยที่ใช้เรือนร่างของมนุษย์เป็นที่แสดงออก
เลอแฟบร์ก็มีข้อจำกัดในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคนกับพื้นที่   คำถามคือ เราสามารถแบ่งแยกสิ่งที่เป็นธรรมชาติออกจากสิ่งที่เป็นจินตนาการได้อย่างง่ายๆหรือไม่   จากการศึกษาของผู้เขียนพบว่า เรือนร่างของเกย์ในซาวน่าเป็นทั้งร่างในจินตนาการและธรรมชาติในเวลาเดียวกัน ซึ่งสองสิ่งนี้ก็มิได้ขัดแย้งกัน  ตัวอย่างเช่น เกย์คนหนึ่งมีรูปร่างอ้วน แต่มีรอยสักบนต้นแขน และตัดผมสกินเฮด  เกย์ผู้นี้กำลังแสดงความหมายว่าเขามีความมั่นใจในตัวเอง เขาเดินเข้าไปในห้องฟิตเนสและออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ในขณะเดียวกันก็พูดคุยเจรจากับคนรู้จัก เมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้ว เขาก็เดินไปอาบน้ำ และเข้าไปอบตัวในซาวน่า เขาใช้เวลาอบตัวอยู่สักพักหนึ่ง ก็ออกมาชำระร่างกาย แล้วหามุมสงบมานั่งพักที่บาร์  เขาสั่งเครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์มารับประทานและพูดคุยกับพนักงาน  เมื่อมีคนรู้จักก็จะทักทาย  ในเวลานั้นเขาได้เจอคนที่ถูกใจและเข้าไปคุยด้วย ไม่นานนักเขาและเพื่อนใหม่ก็เข้าไปในห้องส่วนตัวเพื่อร่วมรักและสำเร็จความใคร่ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกจากกัน โดยไม่มีใครคาดเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดำเนินต่อไปอย่างไร  
พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้น มีการใช้เรือนร่างในความหมายของจินตนาการและธรรมชาติสลับไปมา  เช่น การออกกำลังกายอาจหมายถึงการมีสุขภาพดี ความสมบูรณ์แข็งแรง และการมีหุ่นดี ซึ่งเป็นความหมายที่สังคมหยิบยื่นให้  แต่ในเวลาเดียวกันร่างที่อ้วนเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับการมีหุ่นดี  ความอ้วนเป็นการแสดงออกตามธรรมชาติ เมื่อร่างกายสะสมไขมันมากเกินไป รูปร่างสัดส่วนต่างๆของจะขยายตัว พุงอาจจะเกิดขึ้น ต้นขาอาจจะใหญ่ขึ้น แก้มอาจมีขนาดใหญ่ขึ้น สิ่งเหล่านี้คือหลักฐานของธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนร่างกายมนุษย์   นอกจากนั้นการกินอาหาร การอาบน้ำ การร่วมรัก ล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ แต่มนุษย์แสดงออกมาด้วยความหมายบางอย่าง เช่น การกินเบียร์อาจแสดงถึงรสนิยม การร่วมรักในห้องที่มืด หรือห้องสว่างอาจให้อารมณ์ที่ต่างกัน  สิ่งเหล่านี้คือการกระทำในซาวน่า


เรือนร่างของเกย์ในซาวน่าจึงมิได้มีเพียงร่างในจินตนาการ แต่ยังมีร่างของธรรมชาติที่คอยประกบและพร้อมจะแสดงตัวเองออกมา  กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ  ร่างในซาวน่าจะมีทั้งความกำยำ แข็งแรง สมส่วน อ้วน ผอม ดำ ขาว แก่ หนุ่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวมากับผู้นั้น แต่เกย์แต่ละคนพยายามให้ความหมายกับสิ่งนี้ โดยการกระทำ ควบคุม จัดระเบียบเรือนร่างให้เป็นไปตามจินตนาการของตนเอง  เราอาจเห็นคนอ้วนมีสไตล์ไม่เหมือนกัน เช่น คนอ้วนบางคนดูมีเสน่ห์เพราะตัดผมสกินเฮดหรือมีการเขียนหรือสักลายบนลำตัว   แต่คนอ้วนบางคนอาจไม่มีเสน่ห์  เช่นเดียวกัน เกย์ที่มีรูปร่างดีบางคนอาจมีมนุษย์สัมพันธ์ดี แต่บางคนอาจถือตัวและไม่เป็นมิตรกับใคร   ซึ่งอาจทำให้การมีรูปร่างดีของเขาหมดเสน่ห์ลงไป   การแสดงความหมายเหล่านี้คือการเผยร่างที่เกิดจากประสบการณ์ของแต่ละคน  
ดังนั้น การตกอยู่ใต้ตรรกะทุนนิยมอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับการรู้ว่า “ร่าง” ของเกย์ในซาวน่ากำลังถูกต่อเติมเสริมแต่งด้วยจินตนาการและธรรมชาติ   สองสิ่งนี้มิได้แยกจากกัน แต่เกิดขึ้นพร้อมกัน  ร่างในซาวน่าจึงมิได้เป็นตัวแทนของ “โฮโมเซ็กช่วล” อย่างที่สังคมหยิบยื่นให้ หากแต่เป็นการเผยโฉมของความขัดแย้งต่างๆที่มนุษย์ไม่สามารถจัดระเบียบได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดของร่างกาย สุขภาพ ความงาม ความต้องการทางเพศ และความปลอดภัยในชีวิต  ความขัดแย้งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญหน้าตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ หรือเพศอื่นๆ    อาจกล่าวได้ว่าซาวน่าเกย์มิใช่มุมอับของคนชายขอบ มิใช่สถานที่ที่เกย์จะมาปลดปล่อยตัวเอง มิใช่พื้นที่ที่ถูกควบคุมจากอำนาจ    มิใช่ทาสของระบบทุนนิยม  และมิใช่แดนสวรรค์ของชายรักชาย      หากแต่เป็นพื้นที่ของการเย้ยหยัน  ซึ่งอาศัยเรือนร่างเป็นเครื่องมือ   “ร่าง” จะสมรู้ร่วมคิดกับ “พื้นที่” เพื่อเย้ยหยันความหมายต่างๆ  จึงไม่น่าแปลกใจว่า ร่างของเกย์อาจกำลังเย้ยหยันตัวมันเอง
คำถามคือ การเย้ยหยันทำงานได้อย่างไร  และทำไมต้องเป็นซาวน่า    เนื่องจากพื้นที่ซาวน่าเกย์เป็นพื้นที่พิเศษ มีกิจกรรมหลายอย่างที่ท้าทายระบบศีลธรรมทางสังคมเกิดขึ้นในนั้น ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนคู่นอน การทำเซ็กหมู่ การดูหนังโป๊  การทำอนาจาร การสำเร็จความใคร่ การเปลือยกายในที่สาธารณะ  และการโกหกหลอกลวง การกระทำเหล่านี้ สังคมอาจประณามว่าชั่วช้า ผิดศีลธรรม วิปริต ผิดธรรมชาติ และมักมากในกาม    การแสดงออกทางเพศในซาวน่าเกย์จึงทำให้ “การเย้ยหยัน” ทำงานได้  กล่าวคือ อะไรก็ตามที่สังคมพยายามปกปิด ควบคุม และจัดระเบียบ จะไร้ความหมายทันทีเมื่ออยู่ในซาวน่า  เมื่อศีลธรรมทางสังคมถูกเย้ยหยัน ศีลธรรมก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล่าที่มีไว้สำหรับคนบางคน  การเย้ยหยันจะมีพลังมากขึ้นเมื่อสิ่งที่สังคมเทิดทูนบูชามีค่าไม่ต่างจากสิ่งที่สังคมต่อต้าน   เกย์ในซาวน่าทำให้พลังของการเย้ยหยันมีความรุนแรงขึ้น  เพราะทำให้สิ่งที่ขัดต่อศีลธรรมมีรูปร่างหน้าตาที่จับต้องได้  
อาจกล่าวได้ว่า “ร่าง” ในซาวน่า มิใช่ร่างของศีลธรรม แต่เป็นร่างที่ทำให้ความชั่วช้าเป็นความ “งดงาม” ร่างที่พยายามสร้างความหมายใหม่ให้กับความชั่วและสิ่งอื่นใดที่สังคมปฏิเสธ  การมีอยู่ของความชั่วมิได้หมายถึงการทำลายสังคม แต่หมายถึงการยอมให้ “ร่าง” พิสูจน์ข้อจำกัดของความดี   เรือนร่างที่เปลือยเปล่าในซาวน่าอาจกำลังทดลองนำความชั่วมาผสมรวมกับความดี เช่นเดียวกับที่นำร่างธรรมชาติมาอยู่รวมกับร่างจินตนาการ เมื่อทุกอย่างถูกนำมารวมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการของคนที่กำลังหลับฝัน หรือสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ซึ่งเมื่อมองไปรอบๆ ทุกอย่างอาจเชื่อถือไม่ได้   อาการเช่นนี้บอกให้เรารู้ว่าความจริงต่างๆอาจมิใช่อย่างที่เราคิด สิ่งที่เรามองเห็นอาจมิได้เป็นอย่างนั้น  แม้แต่ตัวเราก็อาจเป็นสิ่งอื่นที่เราไม่เคยคิดมาก่อน

บทเรียนแห่งการเย้ยหยัน

บทความเรื่องนี้ต้องการเสนอว่า พื้นที่ซาวน่าของเกย์ มิได้ทำให้เกย์ค้นพบความฝันของตัวเอง และมิได้เป็นพื้นที่ของตรรกะแบบทุนนิยม หรือตรรกะแบบใดๆก็ตาม เพราะความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพื้นที่มิได้มีโครงสร้างที่จับต้องได้  แต่ความสัมพันธ์นี้ถูกสร้างมาจากภาพมายาหลายส่วน ทั้งประสบการณ์ของปัจเจกที่มีไม่เท่ากัน รวมถึงเรื่องแต่งของแนวคิดทฤษฎีต่างๆ การใช้พื้นที่ซาวน่าของเกย์แต่ละคนล้วนมีความแตกต่างหลากหลายอย่างที่กล่าวมาแล้ว  ดังนั้น การทำความเข้าใจซาวน่าเกย์จึงต้องมองจากหลายมิติ  ซาวน่ามิใช่สัญลักษณ์ที่ตายตัวของโฮโมเซ็กช่วล   มิใช่พื้นที่ของการแย่งชิงอำนาจ   มิใช่เวทีของการแสดงละคร  มิใช่สถานที่ปลดปล่อยของเกย์ที่ถูกสังคมกดขี่ข่มเหง และมิใช่แบบทดสอบทางทฤษฎี
ผู้เขียนอาจตั้งคำถามว่าทำไมซาวน่าเกย์จึงสะท้อนความเป็นเกย์ แต่คำตอบอาจอธิบายว่าเพราะซาวน่าทำให้เกย์ได้พบคนรัก ได้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ ทำให้เกย์ได้แสดงความคิดและความรู้สึกของตัวเอง  ซึ่งเป็นคำตอบที่ง่ายเกินไป    ฉะนั้นผู้เขียนจึงพยายามข้ามพ้นไปจากการตั้งคำถามแบบเดิมๆ ที่อาจมีคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว    คำถามที่ผู้เขียนสนใจมาพร้อมกับปัญหาของการอธิบายความจริงซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของนักวิชาการสายสังคมศาสตร์ในปัจจุบัน   ในที่นี้ผู้เขียนพยายามชำแหละพื้นผิวบางๆของสิ่งที่เรียกว่า “การทำความเข้าใจ” เพราะสิ่งนี้เป็นเพียงวิธีวิทยาที่ใช้ศึกษาปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม  คำถามคือ เราสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างจากคำอธิบายที่เราสร้างขึ้นมาได้หรือไม่  หรือว่าสิ่งที่เราอธิบายเป็นแค่เพียงการสร้างความจริงอีกแบบหนึ่ง
ขณะที่ผู้เขียนกำลังสร้างคำอธิบายอยู่นี้ ผู้เขียนกำลังตั้งคำถามต่อวิธีการสร้างคำอธิบายเหล่านั้น  สิ่งหนึ่งที่พบคือ ซาวน่าเกย์ไม่อาจเข้าใจได้จากแนวคิดของเลอแฟบร์อย่างโดดๆ และการอธิบายความจริงต่างๆที่เกิดขึ้นในซาวน่าก็มีข้อจำกัดหลายประการ  ถึงแม้ผู้เขียนจะเข้าไปใช้ชีวิตในซาวน่าหลายครั้ง แต่ก็อาจมองเห็นแง่มุมบางมุม หรือมีอคติบางอย่างเกิดขึ้น  หากบทความนี้พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ก็อาจจะเป็นเรื่องของความพยายามที่จะเข้าใจชีวิตของเกย์ด้วยทัศนะใหม่   ที่มิใช่ทัศนะแบบยกย่อง ขอความเห็นใจ ขอความเมตตาสงสาร ขอให้สังคมยอมรับ หรือประณาม   แต่เข้าใจด้วยอาการหรือท่าทีที่หวาดระแวงสงสัยอยู่ตลอดเวลา  ท่าทีเช่นนี้ทำให้ผู้เขียนมองเห็นชีวิตเกย์เป็นเรื่องของการเย้ยหยัน ซึ่งมีความเชื่อต่างๆเกิดขึ้นในการเย้ยหยันเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในตัวตนที่แท้จริงของเกย์  เชื่อว่าการเป็นเกย์คือสิทธิและความเท่าเทียม   เชื่อว่าตนเองกำลังอยู่ในยุคสมัยที่ยอมรับผู้ที่เป็นเกย์   และ เชื่อว่าตนเองสามารถทำอะไรก็ได้  ความเชื่อเหล่านี้มีอยู่ในความคิดของเกย์ที่ไม่เท่ากันและเกย์ผู้นั้นก็กำลังเย้ยหยันตัวเองโดยที่ตนเองลืม
ซาวน่าอาจถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ผ่านคำบอกเล่าของเกย์แต่ละคน  แต่ในเวลาเดียวกัน ผู้เขียนก็ไม่เห็นว่าคำบอกเล่าเหล่านั้นเป็นตัวแทนของความจริงใดๆ  ประสบการณ์ของเกย์แต่ละคนไม่สามารถเป็นตัวแทนของความจริงได้ นอกจากเป็นแค่เพียงตัวแทนของสิ่งที่เรียกว่า “ความจริง”  ชีวิตของเกย์ไทยในปัจจุบันอาจตรงกับตัวแทนความจริงเรื่องใดก็ได้  และตัวแทนเหล่านั้นก็กำลังถูกท้าทายจากตัวแทนใหม่ตลอดเวลา  เราอาจจะบอกว่าเกย์ไทยปัจจุบันกำลังตกเป็นทาสของทุนนิยมซึ่งกำลังใช้ความเป็น “เกย์”  เพื่อธุรกิจ และเกย์กำลังกลายเป็นสินค้า    สิ่งนี้อาจเป็นตัวแทนความจริงของใครบางคน   บางคนอาจเชื่อ แต่บางคนอาจปฏิเสธ  
ผู้เขียนเคยเชื่อและเคยปฏิเสธความจริงเกี่ยวกับชีวิตเกย์หลายอย่าง  เช่นเดียวกับกรณีศึกษาซาวน่า  ผู้เขียนพบว่าการเย้ยหยันความจริงต่างๆในซาวน่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกย์ตระหนักเลย  เพราะสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า “การเย้ยหยัน”  คือสิ่งที่ย้อนกลับมาหาตัวผู้เขียนเช่นกัน พร้อมกับคำถามที่ว่า ชีวิตที่อยู่เพื่อการเย้ยหยัน กับชีวิตที่อยู่เพื่อความจริงนำไปสู่ทางออกที่ต่างกันอย่างไร


บรรณานุกรม

Beynon, John
2000. “Bathhouses and Sex Clubs” in George E. Haggerty (ed.) Gay Histories and Culture.
           New York, Garland Publishing.
Brown, Michael P.
2000. Closet Space Geographies of Metaphor from the Body to the Globe. London, Routledge.
Chauncey, George
1994. Gay New York : Gender, Urban Culture, and the Making of Gay Male World 1890-1940.
          New York, Basic Books.
Lefabvre, Henry
1991. The Production of Space. Trans. D. Nicholson-Smith. Oxford, UK. And Cambridge, MA., Blackwell.
Mauss, Marcel
1979. Sociology and Psychology :Essays. Trans B. Brewster. London, Rputledge and Kegan Paul.
Shilling, Chris
2003. The Body and Social Theory. London, Sage Publication.
Strathern, Andrew J.
2004. Body Thoughts. Ann Arbor, The University of Michigan Press.

**ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต**

ที่มาhttp://www.bangkokrainbow.org/bangkokrainbow/Article/Entries/2012/4/25_saw_na_key_kab_kar_phey_rangExposing_Body__Thai_Gay_Men_in_Sauna_Space.html

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +10 ย่อ เหตุผล
sirisa + 10 ขอบคุณครับ

ดูบันทึกคะแนน

 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
โพสต์ 2013-4-21 18:19:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 16:20 , Processed in 0.114905 second(s), 30 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้