แมลงเป็นสัตว์ที่มีมากชนิดที่สุดในโลกที่ทราบแล้วมีมากกว่า ๘๐๐,๐๐๐ ชนิด แมลงมีวิวัฒนาการปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีที่สุด จึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในแหล่งอาศัยต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้แมลงจึงสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว การนำแมลงมาประกอบเป็นอาหารได้กระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณในหมู่ชนพื้นเมืองของประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเซีย ออกเตรเลีย และอเมริกา โดยมีวิธีการประกอบเป็นอาหารต่าง ๆ กัน ในประเทศไทยชาวบ้านในแถบชนบทนิยมนำแมลงมากินเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชนบทภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ การที่ทราบว่าแมลงชนิดใดกินได้หรือไม่นั้น เป็นความรู้สืบทอดต่อ ๆ กันมา แมลงที่กินได้บางชนิดพบมีอยู่เฉพาะที่ จึงรู้จักกินกันเฉพาะท้องถิ่นนั้น ๆ แต่บางชนิดมีอยู่ทั่ว ๆ ไปในประเทศจึงรู้จักกินกันอย่างกว้างขวางในหมู่คนไทย และบางครั้งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด แมลงกินได้ที่พบในประเทศไทยเท่าที่สำรวจได้มีมากกว่า ๕๐ ชนิด (นฤมล ๒๕๒๕ วรากรและคณะ ๒๕๑๘) แต่ในที่นี้จะเขียนถึงแมลงกินได้เพียงบางชนิดที่เป็นที่รู้จักนิยมกินกัน ในการนำแมลงมาประกอบเป็นอาหารนั้น ถ้าเป็นแมลงตัวโตควรเด็ดเอาส่วนแข็งออกก่อน เช่น หัว ขา และปีกและสิ่งที่สำคัญคือ ต้องไม่จับแมลงในแหล่งที่มีการพ่นสารฆ่าแมลงมากินเป็นอันขาด แมลงกินูน(แมลงอินูน) แมลงปีกแข็ง ส่วนใหญ่มีสีน้ำตาลขนาดต่าง ๆ แล้วแต่ชนิด บางชนิดมีสีเขียว เรียกว่ากินูนเขียว กลางวันหลบซ่อนอยู่ในดินหรือใต้กองใบไม้ กลางคืนบินออกมากินใบอ่อนพืช จับได้โดยมือจับหรือใช้กระบอกไม้ไผ่จ่อที่ตัวแมลง มันจะปล่อยตัวตกลงมา นำไป คั่ว ทอด นึ่ง หรือ แกง รับประทานได้ แมลงกุดจี่(แมลงขี้ครอก,ด้วงขี้ควาย) แมลงปีกแข็ง อยู่ตามกองมูลสัตว์หรือในดินใต้กองมูลสัตว์ ถ้ามีแมลงนี้อยู่จะมีรอยขุยอยู่ที่กองมูลสัตว์ จับได้โดยใช้ไม้คุ้ย หรือขุดลงไปในดิน เมื่อได้ตัวแล้วต้องใส่ถังตั้งทิ้งไว้หนึ่งคืน เพื่อให้แมลงถ่ายสิ่งสกปรกออกแล้วนำไปแช่น้ำล้างให้สะอาด รับประทานได้เช่นเดียวกับแมลงกินูน ด้วงแรด(ด้วงมะพร้าว) กินยอดมะพร้าว บางครั้งบินมาเล่นแสงไฟ ประกอบอาหารได้ โดยนำมา ปิ้ง คั่ว ทอด หรือแกง แมลงทับ แมลงปีกแข็ง มีสีน้ำเงินสวยเป็นเงางาม พบบนต้นไม้หลายชนิด เช่น มะขามเทศ กระถินณรงค์ รับประทานได้ โดยนำมา ปิ้ง คั่ว ทอด หรือยัดไส้หมูสับและนึ่ง กว่างซาง แมลงปีกแข็งขนาดใหญ่ ตัวสีน้ำตาล หัวสีดำ ตัวผู้มีเขายาวยื่นออกมา ๕ เขา สวยงาม พบกินยอดไผ่ซางทางภาคเหนือ ประกอบอาหาร โดยนำมาปิ้ง คั่ว ทอด หรือสับทำเป็นลาบ กว่างชน(กว่างโซ้ง กว่างกิ กว่างอีลุ่ม) ด้วงปีกแข็ง พบทั่วไป กินอ้อย ตัวผู้มีเขาเรียกว่า กว่างโซ้ง หรือกว่างกิ ตัวเมียไม่มีเขา เรียกกว่างอีลุ่ม ชาวบ้านทางภาคเหนือนิยมนำเอาตัวผู้มาชนต่อสู้กันในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ในกรุงเทพฯ โดยเด็กชอบซื้อไปเลี้ยงดูเล่น หรือให้ต่อสู้กัน นำมาประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับกว่างซาง แมลงตับเต่า(ด้วงดิ่ง) แมลงปีกแข็ง ตัวสีดำเรียบเป็นมันขอบปีกมีสีน้ำตาลอ่อนเป็นทาง อยู่ในน้ำตามบ่อ หนอง บึง มักอยู่นิ่ง ๆ บนผิวน้ำ เอาหัวดิ่งลง ชอบบินมาเล่นแสงไฟเวลากลางคืน รับประทานได้ โดยนำมาคั่ว ทอด นึ่ง หรือแกง แมลงเหนี่ยง อยู่ในน้ำ และมีลักษณะเหมือนแมลงตับเต่า แต่ที่ขอบปีกไม่มีทางสีน้ำตาลอ่อน และมีอวัยวะคล้ายลูกศรอยู่กลางอกทางด้านท้อง นำมาประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับแมลงตับเต่า แมลงข้าวสาร แมลงปีกแข็งขนาดเล็กอยู่ในน้ำจับได้โดยใช้สวิงช้อน ชอบบินมาเล่นแสงไฟเวลากลางคืน นำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น คั่ว ทอด แกง หมก หรือตำเป็นน้ำพริก จิ้งโกร่ง(จิโปม) ขุดรูอยู่ในดินตามคันนา ทุ่งหญ้าในเวลากลางวัน จับโดยใช้จอบขุดกลางคืนบินออกมาเล่นแสงไฟ รับประทานได้โดยนำมา คั่ว ทอด ชุบแป้งทอดเสียบไม้ย่าง หรือนึ่ง จิ้งหรีด(จี้หล่อ) มีแหล่งอาศัย อุปนิสัย การดำรงชีวิต และนำมาประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับจิ้งโกร่ง แมลงกระชอน ขุดรูอยู่ในดิน มีขาหน้าใหญ่เป็นหนามแข็งใช้สำหรับขุดดิน บางครั้งบินมาเล่นแสงไฟ รับประทานได้ เช่นเดียวกับจิ้งโกร่ง ตั๊กแตนปาทังก้า เป็นศัตรูสำคัญของพืชหลายชนิดใช้เป็นอาหารโดยนำมาคั่ว ปิ้ง ทำทอดมันและที่นิยมมากคือนำมาทอดกรอบตั๊กแตนปาทังก้าทอดกรอบ สามารถหาซื้อรับประทานได้ทั่วไปในกรุงเทพฯ โดยมีพ่อค้าบรรทุกตั๊กแตนเป็น ๆ มาขายที่ตลาดคลองเตยทุกเช้าในช่วงระยะที่ไม่มีการพ่นสารฆ่าแมลงปราบตั๊กแตน ตั๊กแตนเล็ก(ตั๊กแตนข้าว) ตั๊กแตนขนาดเล็กพบทั่ว ๆ ไปกินใบข้าว อ้อย และหญ้า ประกอบอาหารได้โดยนำมาคั่ว นึ่ง หรือทอด แมลงเม่า เป็นปลวดที่มีปีก บินออกจากรังเพื่อผสมพันธุ์ จับได้โดยใช้ถุงตาข่ายครอบไว้ที่ปากรังหรือจอมปลวกขณะที่มันบินออก หรือใช้แสงไฟล่อ โดยตั้งภาชนะใส่น้ำไว้ใต้หลอดไฟ แมลงเม่า เมื่อตกลงไปในน้ำแล้วไม่สามารถบินขึ้นมาได้ ในการรับประทานนำมาคั่วและใส่เกลือเล็กน้อย แมลงมัน มดขนาดใหญ่ สีน้ำตาลแดง มีปีกตัวยาวประมาณ ๑ นิ้ว ชอบบินมาเล่นแสงไฟ รับประทานได้เช่นเดียวกับแมลงเม่า มดแดง, มดนาง, มดเป้งไข่มดแดง มดแดงทำรังบนต้นไม้ โดยห่อใบให้ติดกัน ภายในรังมดแดงมีมดที่มีลักษณะแตกต่างกันหลายแบบที่เห็นทั่ว ๆ ไป มีตัวสีแดง คือ “มดงาน” ตัวอ่อนและดักแด้ของมดงานมีขนาดเล็กสีขาว ชาวบ้านเรียกว่า “ไข่มดแดง” ส่วนราชินีมดแดง ตัวโตสีเขียว มีปีกเรียกว่า “มดนาง” ตัวอ่อนและดักแด้ของมดนางมีขนาดใหญ่สีขาว เรียกว่า “มดเป้ง” มดแดง และมดนาง ใช้ผสมยำอื่น ๆ แทนมะนาว เพราะมีรสเปรี้ยวจากกรดฟอร์มิก ส่วนมดเป้งและไข่มดแดง นำมาหมก ยำ แกงป่า ทำลาบ หรือใส่ไข่ทอดรับประทานได้ ผึ้ง นอกจากน้ำผึ้งแล้ว ตัวอ่อนผึ้งยังนำมารับประทานได้ โดยนำรังผึ้งที่มีตัวอ่อนไปปิ้ง หรือเคี้ยวรับประทานสด เฉพาะตัวอ่อนนำไป คั่ว ทอด หรือแกงได้ ต่อ,แตน ตัวอ่อนของต่อ แตน รับประทานได้โดยนำไป คั่ว ทอด แกง หรือชุบไข่ทอด โดยปกติตัวอ่อนติดอยู่ในรังที่สร้างไว้ตามต้นไม้ หรือชายคาบ้าน ต่อและแตนเป็นแมลงที่ดุร้าย โดยเฉพาะต่อตัวโต ๆ เช่น ต่อหัวเสือ ซึ่งเมื่อโดนต่อยอาจทำให้ถึงตายได้ ในการนำรังต่อมาเพื่อเอาตัวอ่อนต้องเป็นผู้ชำนาญในการล่ารังต่อจริง ๆ มิฉะนั้นจะไม่คุ้มกับการโดนต่อต่อยเพียงเพื่อรับประทานตัวอ่อน ดักแด้ไหม ดักแด้ไหม เมื่อต้มสาวเส้นไหมออกแล้ว ตัวดักแด้ที่อยู่ข้างในปลอกหุ้มนำมารับประทานได้โดยนำมานึ่ง คั่ว ทอด แกง หรือป่นใส่น้ำพริก หนอนไผ่(ตัวแน่,รถไฟ) หนอนผีเสื้อกินเยื่อไผ่ในกระบอกไม้ไผ่ พบทางภาคเหนือในช่วงฤดูฝน รับประทานได้โดยนำมาคั่ว หรือทอด เป็นที่นิยมมาก หาซื้อหนอน ไผ่นี้ได้ตามท้องตลาด หรือสามารถสั่งซื้อหนอนไผ่ทอดกรอบได้ตามภัตตาคารบางแห่งในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตัวจรวด(เครื่องบิน) ผีเสื้อกลางคืนลำตัวอ้วน ปลายท้องแหลม ลักษณะคล้ายจรวดหรือเครื่องบิน มีหลายชนิด ชอบบินมาเล่นแสงไฟ นิยมรับประทานโดยเด็ดปีกแช่น้ำล้างขนออกให้หมด แล้วนำมาคั่ว ทอด หรือปิ้ง แมลงโป้งเป้ง(แมงงำ) ตัวอ่อนของแมลงปอ อยู่ในน้ำตามสระ หนอง บึง จับโดยใช้สวิงช้อน นำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น คั่ว ทอด หมก หรือแกง จักจั่น ,เรไร จักจั่น พบตามต้นไม้ ตัวผู้มีอวัยวะทำเสียงดังได้ เรไรมีลักษณะเหมือนจักจั่น แต่มีขนาดใหญ่กว่า ทั้งจักจั่นและเรไร รับประทานได้ โดย คั่ว ทอด ปิ้ง ทำลาบ แกง หรือตำเป็นน้ำพริก แมลงดานา อยู่ในนาตามนาข้าว หนอง บึง ชอบบินมาเล่นแสงไฟ จับโดยใช้แสงไฟล่อ โดยเฉพาะไฟสีน้ำเงิน ตัวผู้มีกลิ่นฉุน นำมาตำเป็นน้ำพริก น้ำแจ่ว หรือดองน้ำปลารับประทาน ตัวเมียไม่มีกลิ่นรับประทานได้ โดยนำมาปิ้ง ทอดหรือยัดไส้หมูสับ แล้วนึ่ง หรือทอด แมลงดาสวน(แมลงก้าน,มวนตะพาบ,มวนหลังไข่) ตัวมีขนาดเล็กกว่าแมลงดามากอยู่ในน้ำ ตัวเมียวางไข่เป็นกลุ่มติดแน่นอยู่บนหลังตัวผู้ ตัวผู้ดูแลไข่จนฟักออกเป็นตัว แมลงชนิดนี้นำมาประกอบอาหารได้ เช่น คั่ว ทอด หรือตำเป็นน้ำพริก มวนแมงป่องน้ำ(แมลงคันโซ่) รูปร่างคล้ายแมงป่องแซ่ มีหางยาว อยู่ในน้ำ รับประทานได้ โดยนำมาคั่ว ทอด นึ่ง ทำลาบหรือตำเป็นน้ำพริก แมลงหัววัว ตัวมีเขายื่นออกไปทั้ง ๒ ข้าง ลักษณะคล้ายหัววัว พบบนพืชหลายชนิด เช่น ต้นยางนา ต้นเหียง นำมาคั่ว ทอดหรือปิ้งรับประทาน แต่ส่วนใหญ่นำมาปิ้งก่อนแล้วตำเป็นน้ำพริก จากการศึกษาคุณค่าทางอาหารของแมลงในประเทศไทย พงศ์ธร และประภาศรี (๒๕๒๖) ได้ทำการวิเคราะห์แมลง ๑๓ ชนิด คือ แมลงกระชอน แมลงกินูน แมลงกุดจี่ จิโปม จิ้งหรีด แมลงดานา ดักแด้ไหม ตั๊กแตนเล็ก ตั๊กแตนใหญ่ แมลงตับเต่า มดแดง มดเป้ง และไข่มดแดง พบว่า แมลงตับเต่า ตั๊กแตนเล็ก และแมลงดานามีปริมาณโปรตีนและไขมันของแมลง กับโปรตีนและไขมันที่ได้รับจากเนื้อสัตว์ ซึ่งวิเคราะห์โดยกรมอนามัย (๒๕๒๑) ได้ดังนี้ คุณค่าอาหารของแมลงและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ต่อน้ำหนัก ๑๐๐ กรัม ชนิด | โปรตีน(กรัม) | ไขมัน(กรัม) | แมลงตับเต่า | ๒๑.๐ | ๗.๑ | ตั๊กแตนเล็ก | ๒๐.๖ | ๖.๑ | แมลงดานา | ๑๙.๘ | ๘.๓ | ไข่มดแดง | ๗.๐ | ๓.๒ | เนื้อไก่ | ๒๐.๒ | ๑๒.๖ | เนื้อวัว | ๑๘.๘ | ๑๔.๖ | เนื้อหมู | ๑๔.๑ | ๓๕.๐ | ปลาดุก | ๒๓.๐ | ๒.๔ | ไข่ไก่ | ๑๒.๗ | ๑๑.๙ |
จะเห็นได้ว่าเมื่อเปรียบเทียบปริมาณโปรตีนในแมลงกับเนื้อสัตว์บางชนิดแล้วไม่แตกต่างกันมากนัก ในขณะที่เนื้อสัตว์มีราคาแพงขึ้นทุกวันในปัจจุบัน แมลงอาจเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญได้ในอนาคต เนื่องจากหาเองได้ง่าย และสามารถเพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็วรวมทั้งโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว แมลงสะอาดกว่าสัตว์ชนิดอื่น และในปัจจุบันมีแนวโน้มว่าคนไทยทั่ว ๆ ไปไม่เฉพาะแต่ที่อยู่ตามชนบทเท่านั้นนิยมรับประทานแมลงมากขึ้น
|