ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 564|ตอบกลับ: 0

ม่านราตรี = 5 - 6 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
   ร่างสูงเพรียวของวิญญาณหนุ่มชะงักเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ หันมายังเสียงเรียกชื่อตนใบหน้าอ่อนเยาว์แย้มยิ้มปราณีส่งให้กับผู้เป็นหลาน ก่อนจะหันกลับไปมองวิญญาณสาวที่บัดนี้เริ่มปลดปล่อยพลังด้านลบอันชวนกดดันแผ่ซ่านไปทั่วคฤหาสน์นัยน์ตาเหลือกขาวจับจ้องมองตรงมายังร่างของตุลาเขม็ง
     “ไม่ยอมหรอก...ไม่ยอมให้ใครมาแทนที่เขาทั้งนั้น...ถ้าแกยังยืนกรานจะอยู่ที่นี่อีก ....ฉันจะฆ่าแกเอง!”
บทที่ 5
    ผีสาวตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว ทางด้านร่างโปร่งใสของกริชยกยิ้มเย็นชานิด ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงตอบกลับ
   “ถ้าเธอจะทำอย่างนั้น ก็ต้องผ่านฉันไปก่อน... ถ้าผ่านได้ล่ะนะ”
   กริชกระโดดเพียงเบา ๆ ก็ลอยไปอยู่ตรงหน้าของวิญญาณสาวอย่างน่าอัศจรรย์ ชายหนุ่มจับคอเสื้อของอีกฝ่ายกระชากเข้ามา แล้วเหวี่ยงเจ้าหล่อนลงไปกับพื้นด้านล่าง
   แผ่นดินสะเทือนพร้อมเสียงดังตุบ เวลาเดียวกับที่ร่างวิญญาณตกลงมากระแทกกับพื้นเต็มแรง จนเกิดรอยยุบลงไป ราตรีกระอักออกมาด้วยความจุกและเจ็บปวด
   “อะ...อากริช...”
   ตุลาเรียกชื่ออาของเขาเสียงสั่น พลางกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นอาของตนลงมือรุนแรงกับอีกฝ่ายขนาดนั้น และพอราตรีขยับกาย กริชก็พุ่งลงมา แล้วจ่อฝ่ามือเรืองแสงที่ใบหน้าของหญิงสาวที่ตอนนี้ซีดเผือด เพราะความต่างชั้นกันเกินไปกับอีกฝ่าย
   “ตุล! ห้ามอานายทีเร็ว เขาจะฆ่าราตรีทิ้งแล้ว!”
   เสียงของรุ้งพรายตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอึ้งอยู่กับที่อย่างตกใจ ส่วนพาทิศนั้นมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างลุ้นระทึก เขาไม่ได้ห้ามเช่นรุ้งพราย เพราะรู้สึกถึงการตัดสินใจบางอย่างที่ชายคนนั้นมี และความผิดปกติของวิญญาณเพื่อนสาวที่เกิดขึ้น
    กริชนั้นเหลือบไปมองร่างแมวดำที่ตะโกนขอร้องหลานชายของเขา ริมฝีปากกระตุกยิ้มนิด ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นเฉยชาตามมา
   “ช่วยไม่ได้... ใครใช้ให้เธอคิดร้ายกับหลานชายของฉัน ...วิญญาณร่อนเร่อย่างเธอ จะมีฤทธิ์มาสู้กับวิญญาณคุ้มครองมนุษย์อย่างฉันได้ยังไงกัน”
   จากนั้นฝ่ามือเรืองแสงก็ค่อย ๆ เลื่อนมาที่รำคอเรียวแล้วลงมือเพิ่มแรงบีบมันทีละน้อย
   “อาครับ! อย่าฆ่าเธอเลยครับ ได้โปรดเถอะครับ!”
   ตุลาพยายามจะเข้ามาห้าม แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อขาทั้งสองข้างขยับไม่ได้อย่างใจคิด
   “ผู้หญิงคนนี้จะฆ่าตุลอยู่แล้วนะ ถ้าอาไม่มาช่วย ป่านนี้ตุลได้กระดูกออกนอกเนื้อไปบ้างแล้วล่ะ”
   กริชพูดโดยไม่หันไปมองหลานชายตัวเอง ตุลาเงียบกริบสักพัก แต่ก็ยังคงตัดสินใจขอร้องอาของตนต่อไป
   “ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงโกรธเกลียดผมขนาดนั้น ...แต่เรื่องที่เขารักคฤหาสน์หลังนี้ และรักเจ้าของคนเก่าแค่ไหน ผมเข้าใจดีครับ...ผมเข้าใจดี...”
   ตอนที่ถูกบีบคอเกือบตายนั้น ตุลารู้สึกเหมือนตัวเองจะเห็นภาพเลือนรางบางอย่าง ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวที่กำลังทำร้ายเขา แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนใกล้ ๆ ชายชราคนหนึ่ง เป็นรอยยิ้มที่แสนงดงามอย่างที่ตุลาไม่เคยได้เห็นจากใครมาก่อน
   กริชชะงักมือของตน เขายิ้มน้อย ๆ กับตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของหลาน แต่มือที่บีบคอของหญิงสาวกับบีบแน่นไปอีก เสียงปิ่นสุดากับรุ้งพรายตะโกนร้องห้าม แม้แต่พาทิศตอนนี้ก็เริ่มเฉยรอดูสถานการณ์ไม่ไหว เมื่อเห็นสภาพทรมานของเพื่อนสาวที่อยู่ด้วยกันมากว่าสิบปีเบื้องล่าง
   และก่อนที่คนอื่นจะทำอะไรลงไป ร่างของราตรีก็กระตุกเฮือก แล้วจึงมีควันสีดำลอยออกมาจากปาก
ของหล่อน กริชยิ้มที่มุมปากนิด ๆ แล้วจึงปล่อยมือที่ลำคอของผีสาว เปลี่ยนไปจับหมับที่ควันดำนั้น ก่อนลากมาให้พ้นจากร่างที่นอนนิ่งอยู่
   “นี่ล่ะตัวการที่ทำให้เธอคลุ้มคลั่งไป ...พวกเธอก็เหมือนกัน ถ้าไม่ระวังตัวให้ดี จะถูกอาถรรพ์ของที่ดินผืนนี้กลืนกินเอาได้ และแปรเปลี่ยนพวกเธอให้กลายเป็นวิญญาณร้ายไปเช่นนี้”
   พอกล่าวจบกริชก็ใช้มือเรืองแสงของตนบีบหมับที่กลุ่มก้อนสีดำ มันส่งเสียงกรีดร้องทรมาน แล้วค่อย ๆ สลายลงไปในที่สุด จากนั้นตุลาก็เริ่มขยับได้ เขาวิ่งมาดูราตรี แล้วเหลือบมองผู้เป็นอาด้วยสายตาตั้งคำถาม
   “ผู้หญิงคนนั้นปลอดภัยแล้ว อาก็แค่ชำระล้างความอาฆาตแค้น ที่ทำให้หล่อนกลายเป็นวิญญาณร้ายทิ้งไปเท่านั้น  แต่ถ้าไม่ทำรุนแรงแบบนี้ เจ้านั่นก็ไม่ยอมออกมาให้จับตัวง่าย ๆ หรอก”
   ตุลานิ่งเงียบฟัง เขาจ้องร่างวิญญาณของชายหนุ่มตรงหน้านิ่ง แล้วหมายจะตรงเข้าไปจับแขนร่างนั้น แต่ก็คว้าได้แค่เพียงความว่างเปล่า เมื่อร่างของกริชขยับหนีถอยไป
   “อากริช...ทำไมล่ะครับ...”
   น้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นเครือ นัยน์ตาสีดำคลอวาววับไปด้วยหยาดน้ำใส ร่างวิญญาณของชายหนุ่มแย้มยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะบอกกับผู้เป็นหลาน
   “ยิ่งจับต้องตัวตนได้ก็ยิ่งอาลัยอาวรณ์กันมากเปล่า ๆ ... ถ้าไม่เพราะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตุล อาก็ไม่อยากปรากฏกายให้ตุลเห็นแบบนี้หรอก”
   “ทำไมล่ะครับ ...”
   ตุลาถามเสียงแผ่ว เพราะตลอดเวลาเขานั้นอยากจะเจอกริชมาตลอด แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายตายไปแล้วก็ตาม
   “เพราะตอนนี้อาเป็นเพียงวิญญาณคุ้มครองของหลานเท่านั้น และอาก็รู้ดีว่าหลานน่ะกลัวผีขนาดไหน อาพูดถูกไหม”
   ตุลาชะงัก ก่อนที่น้ำตาใส ๆ จะเริ่มไหลอย่างหยุดไม่อยู่
   “ผมกลัวผีก็จริง...แต่ถ้าเป็นอากริช ...ต่อให้มาในรูปร่างแบบไหน ...ผมก็ไม่กลัวหรอก!”
   “แน่ใจนะ?”
   กริชย้อนถาม แล้วร่างกายจึงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเน่าเฟะ พุพอง จนรุ้งพรายและปิ่นสุดาที่มองอยู่ยังร้องอี๋ ส่วนพาทิศต้องเบือนหน้า ฝ่ายตุลาตาเบิกกว้าง เขาถอยหลังไปก้าวสองก้าวด้วยความหวาดกลัว แต่พอเห็นรอยยิ้มเศร้า ๆ ของผู้เป็นอา ก็ทำให้เขากัดฟันแน่น แล้วพุ่งตรงไปกอดร่างนั้นไว้
   “ถึงยังไงผมก็รักอามากนะครับ ...ถ้าเลือกได้ ผมอยากให้อาอยู่ แล้วผมตายแทนด้วยซ้ำ!”
   กริชชะงักกึก ก่อนจะกลับกลายเป็นเป็นรูปลักษณ์แบบเดิม แล้วจึงใช้มือข้างหนึ่งลูบไล้ศีรษะของหลานชายสุดที่รักของตนอย่างอ่อนโยน
   “อย่าพูดแบบนั้นอีกนะตุล ...ชีวิตของตุลมีค่ามาก ตุลเป็นที่รักของพ่อ ของแม่ และของอา ...ดังนั้นตุลต้องรักษาชีวิตตัวเองให้ดี อย่าคิดไปตายแทนใครง่าย ๆ รู้ไหม?”
   “แต่อาเป็นที่รักยิ่งกว่าตุล... ทุกคนที่รู้จักอา รักอาทั้งนั้น ...แล้วก็ไม่อยากให้อาต้องตายเหมือนกัน”
   ตุลาสะอื้นตอบ กริชยิ้มน้อย ๆ แล้วจับร่างของอีกฝ่ายดันออก ก่อนจะเอ่ยทวงสัญญาบางสิ่ง
   “จำได้ไหม ใครเคยสัญญากับอาว่า ถ้าอาเขียนนิยายไม่ได้อีกต่อไป เขาคนนั้นจะเขียนนิยายแทนอาน่ะ”
   ตุลาชะงัก แล้วพยักหน้ารับ   
    “จำได้ครับ ผมรับปากกับอาไว้ ว่าจะเขียนนิยายแทนอาให้ได้”
   “ดี...เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากเรื่องอดีต เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ให้ตุลคิดถึงแค่เรื่องอนาคตก็พอ เข้าใจไหม”
   ตุลาปาดน้ำตาของตน ก่อนจะแย้มยิ้มพยักหน้ารับคำหนักแน่น
   “ครับ!”
   “เด็กดี...”
   กริชจับหัวของอีกฝ่ายโยกไปมาอย่างเอ็นดู แล้วจึงมองสภาพรอบ ๆ ของคฤหาสน์ม่านราตรีแห่งนี้
   “ที่นี่มีพลังวิญญาณแรงจังนะ แม้แต่อาเองก็ยังสามารถออกมาให้ตุลเห็นรูปลักษณ์และสัมผัสร่างของตุลได้ ...แต่กลับกันก็ต้องระวัง ถ้าอ่อนไหวง่าย ก็จะโดนเล่นงานได้เหมือนผู้หญิงคนนี้”
   พอกริชพูดถึงราตรีก็ทำให้ตุลาขอผละไปดูอาการหล่อน ส่วนรุ้งพรายพอเริ่มขยับได้ก็กระโดดลงมาด้านล่าง ตรงไปหาเพื่อนสาว เช่นเดียวกับพาทิศ ส่วนปิ่นสุดานั้นคอยมองดูอยู่ห่าง ๆ เพราะเธอขึ้นจากบ่อตอนกลางวันไม่ได้
   “ราตรี เป็นไงบ้าง?”
   รุ้งพรายถามอย่างเป็นห่วง และเหลือบมองกริชอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เพราะชายหนุ่มลงมือรุนแรงกับเพื่อนของเธอค่อนข้างหนักเอาการ
   “คุณราตรีครับ...ได้ยินผมไหมครับ?”
   สัมผัสอันอบอุ่นผ่านมือของตุลา ทำให้ร่างของวิญญาณสาว ค่อย ๆ ปรือตาฟื้นขึ้นมามอง เธอเห็นตุลาและกริชที่ยืนอยู่ข้าง ๆ  พลันในความทรงจำของเธอ ก็ฉายให้เห็นภาพของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ซ้อนทับร่างของตุลาอีกที
   “เด็กน้อยตอนนั้น...คือเธอเองหรอกหรือ”
   “ราตรีเธอจำเขาได้แล้วสินะ!”
   รุ้งพรายบอกอย่างดีใจ วิญญาณสาวดันกายลุกขึ้นนั่งแล้วคิดทบทวนกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ ก่อนจะก้มหัวขอโทษกับกริช
   “ขอโทษค่ะ...ที่ทำเรื่องร้ายกาจกับหลานของคุณลงไป ...ขอโทษจริง ๆ”
   ท่าทางอ่อนโยนสุภาพ ผิดเป็นคนละคน ทำให้ตุลาเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ตามมา แล้วเอ่ยขัดขึ้น
   “ผมไม่เป็นไรครับ ยังปลอดภัยครบสามสิบสอง เพราะฉะนั้นคุณราตรีก็อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ”
    “หลานฉันเขาเป็นสุภาพบุรุษเหมือนฉันนี่ล่ะ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ต้องคิดมากนักหรอก”
   รุ้งพรายเหลือบมองพลางค้อนขวับให้กริชอย่างหมั่นไส้ เพราะสุภาพบุรุษที่ว่าเล่นงานเพื่อนของเธอหนักเสียจนเธอคิดว่าเขาจะฆ่าเพื่อนของเธอจริง ๆ ด้วยซ้ำ
   “เป็นแบบนี้นานแล้วสินะ ราตรี พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า อาถรรพ์ที่ดินผืนนี้จะเล่นงานให้เธอเปลี่ยน
ไปได้ ...ตอนอยู่กับคุณจอมเดช ก็ไม่เคยเกิดอะไรขึ้นแท้ ๆ”
   พาทิศพูดขึ้นบ้าง เขาฉุดร่างเพื่อนสาวให้ลุกขึ้นยืน ร่างวิญญาณของราตรีไม่ได้บอบช้ำอันใดนักอย่างที่น่าห่วง ตรงกันข้ามกันดูสดใสผิดหูผิดตา ต่างจากเมื่อหลายปีก่อน
   “ฉันเองก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ...รู้แต่ว่า ยิ่งคิดถึงเขา ก็ยิ่งเจ็บปวด  อยากเจอเขาอีกสักครั้ง ...ถึงเป็นไปไม่ได้
ก็ขอให้ความทรงจำเก่า ๆ ไม่ถูกรบกวนหรือทำลายลงไปก็ยังดี ...ฉันอยากเก็บความสุขที่อยู่กับเขาไว้กับตัวเองแบบนี้ ...ไม่อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไป ...พอคิดแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าสติของตัวเองจะเริ่มรางเลือนลงทุกที
จนสุดท้ายก็เผลอทำในสิ่งที่ไม่น่าอภัยลงไป หลายต่อหลายครั้ง”
   ราตรีบอกกับเพื่อนของเธอ แล้วร้องไห้อย่างเสียใจ ตุลาพอเห็นเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก กริชยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของหลานชายของตน
   “คุณจอมเดชน่ะ แต่ไหนแต่ไรก็ปรารถนาให้พวกเธอทุกคนมีความสุข ถึงแม้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่ทุกคนก็คือครอบครัวของเขา ฉันว่าเขาคงไม่ต้องการให้พวกเธอจมทุกข์กับความทรงจำเก่า ๆ  แต่ต้องการให้พวกเธอร่วมกันสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ที่แสนสุขร่วมกันตลอดไปมากกว่า ...”
   กริชยังคงจำได้ดีถึงเรื่องที่เคยได้สนทนากับจอมเดชเมื่อสิบปีก่อน ชายชราผู้นั้นมอบความรักให้กับภูตผีปีศาจเหล่านี้ ดุจดังเป็นครอบครัวเดียวกัน ด้วยความรู้สึกจากหัวใจของเจ้าตัวอย่างแท้จริง
    “ฉันไม่ได้บอกให้พวกเธอลืมเขา แต่ฉันอยากให้พวกเธอมีความสุขให้มาก ๆ เผื่อเขาที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมันอีกต่อไปแล้ว ...”
   ราตรีเงยหน้าฟังคำพูดอันอ่อนโยนของกริช ก่อนจะน้ำตาไหลพราก พลางพยักหน้ารับรู้  รุ้งพรายกับปิ่นสุดานั้นนิ่งเงียบรับฟังน้ำตาซึม ส่วนพาทิศแย้มยิ้มเศร้า ๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณชายหนุ่มแผ่วเบา
    ทางด้านตุลาเฝ้ามองผู้เป็นอาอย่างปลาบปลื้มไม่วางตา ก่อนจะรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเล็กน้อย เขาวูบไปเกือบจะล้มฟาดพื้น แต่ได้พาทิศที่อยู่ใกล้ช่วยประคองไว้ได้ทันก่อน
   “เกิดอะไรกับตุลหรือคะ?”
   รุ้งพรายถามอย่างเป็นห่วงใยในตัวเพื่อนใหม่ของเธอ กริชมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วจึงบอกเบา ๆ
   “ไม่เป็นไร เขาก็แค่อ่อนเพลีย ร่างกายตุลอ่อนแอมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพิ่งจะมาแข็งแรงในระยะหลัง ๆ นี่ล่ะ ...
แต่ระวังไว้สักหน่อยก็ดี ฝากพวกเธอดูแลเขาด้วย ...ฉันจะพักสักหน่อย ถ้าตุลถามถึงฉัน บอกว่าฉันใช้พลังวิญญาณไปมาก ต้องทำการพักฟื้น และถ้าค่อยยังชั่ว ฉันจะปรากฏกายให้เขาเห็นเอง”
   จากนั้นร่างวิญญาณของชายหนุ่มก็หายไปในร่างของตุลา ราตรีมีสีหน้ากังวลและเฝ้าพึมพำโทษตัวเอง จนรุ้งพรายในร่างแมวดำที่กระโดดมาเกาะบ่าของพาทิศบ่นใส่
   “มันช่วยไม่ได้นี่ แบบหมอนั่นบอกยังไงล่ะ! เรื่องมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราก็ปรับปรุงตัวใหม่ได้นี่!”
   ราตรีเหลือบมองปีศาจแมวสาว เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นแผ่วเบา
   “เขาจะยอมรับฉันเป็นเพื่อน เหมือนยอมรับพวกเธอไหม ...”
   ราตรีมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนพาทิศต้องอมยิ้มน้อย ๆ มองร่างที่สลบไปในอ้อมแขน แล้วจึงตอบคำถามนั้น
   “ต้องยอมรับสิ ...เด็กคนนี้เป็นคนที่พวกฉัน และคุณจอมเดชให้ความไว้วางใจเชียวนะ”
    วิญญาณสาวฟังคำตอบของเพื่อน แล้วก็ต้องหวนคิดถึงคำพูดของชายชราในวาระสุดท้าย เขาคนนั้นบอกกับเธอที่พยายามรั้งเขาให้อยู่ต่อว่า  ถึงเขาจะจากไป แต่สักวัน จะมีคนที่เหมือนเขามาแทน และคนนั้นจะต้องเป็นเพื่อนกับทุกคนได้แน่ ๆ ... หากทว่าในตอนนั้นเธอเศร้าเสียใจมากกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของคนที่เธอรักและเคารพ จึงไม่ได้สนใจถ้อยคำทิ้งท้ายนั่น แต่มาวันนี้เธอพอจะรู้แล้วว่า จอมเดชนั้นหมายถึงผู้ใดกัน...
   “คฤหาสน์ม่านราตรี จะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้งสินะ...”
   ราตรีพึมพำ แล้วมองสภาพรกร้างรอบ ๆ บริเวณของคฤหาสน์อย่างมีความหวัง
   “ก็คงอย่างนั้น...ง่า แต่ต้องปรับปรุงกันหนักเลยทีเดียว โดยเฉพาะประตูห้องเก่าของคุณจอมเดชน่ะ”
   พาทิศบอกเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเขาเพิ่งได้พังประตูห้องไปหนึ่งบานหมาด ๆ
   “หวังว่าคงไม่รู้ถึงหูยัยคุณนายแม้นศรีนะ ไม่งั้นตุลโดนจ่ายค่าปรับอื้อซ่าแน่”
   รุ้งพรายบอกอย่างสงสารชายหนุ่มผู้เป็นมนุษย์คนเดียวของบ้าน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ
ของเพื่อนสาวอีกคน เจ้าหล่อนกระโดดแผล็วลงจากบ่าของพาทิศตรงไปหาปิ่นสุดาที่บ่อน้ำทันที
   “เป็นอะไรไปปิ่น ...หา! ไม่มีคนสนใจเธอเลย!  โธ่วุ้ย! เอาน่า ๆ ไว้ตอนกลางคืนจะเริ่มปรึกษาใหม่ โดยมีเธอเข้าร่วมด้วย ตกลงไหม หยุดร้องได้แล้วน่า!”
   รุ้งพรายกึ่งปลอบกึ่งบ่น กึ่งโวยใส่เพื่อนสาว โดยมีพาทิศและราตรีมองตามไปยิ้ม ๆ ทางด้านพาทิศนั้นดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของราตรีอีกครั้ง เขามองชายหนุ่มในอ้อมแขนด้วยความเอ็นดู ก่อนจะช้อนร่างของเจ้าตัวกลับขึ้นห้องนอน เพื่อให้ตุลาได้พักผ่อนตามที่กริชฝากฝังเอาไว้
    “ฮึก...อากริช...ตุลทรมานจัง ...ตุลจะตายไหมครับ...”
   ร่างเล็ก ๆ ที่หน้าแดงเพราะพิษไข้รุมเร้า ถามผู้เป็นอาที่เฝ้าไข้ จนคนฟังเม้มปาก แล้วจับมือข้างหนึ่งของเด็กชายขึ้นมาเกาะกุมไว้
   “ไม่มีทาง! อาไม่ยอมปล่อยให้ตุลเป็นอะไรไปแน่!”
   กริชบีบมือของหลานชายแน่น เขาหลับตาคิดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะลืมตาขึ้น แววตาฉายการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้ติดตรึงประทับในความทรงจำของตุลาที่นอนป่วยอยู่ในตอนนั้น จนถึงวันนี้
   “อืม...อากริช”   
   เสียงละเมอของตุลา ทำให้ร่างโปร่งแสงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชะงัก แล้วจึงใช้มือใหญ่ลูบไล้ศีรษะของอีกฝ่ายแผ่วเบาอย่างอ่อนโยน
   “ไม่ต้องห่วงนะตุล ...อาจะไม่ยอมให้ตุลเป็นอะไรอีกเด็ดขาด”
   กริชพึมพำกับร่างที่หลับอยู่ สักพักใบหน้าที่ดูทรมานนั่นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแย้มยิ้ม แล้วหลับต่อไปอีกอย่างสงบ สร้างความสบายใจให้กับร่างโปร่งใส ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อย ๆ อันตรธานไปจากห้องนั้น เหลือแต่เพียงเจ้าของห้องที่นอนหลับสบาย ไปจนกระทั่งเวลาเย็นมาถึง
บทที่ 6
    ตุลาลุกจากเตียงนอนในห้องของตัวเองอย่างงัวเงีย แต่ก็รู้สึกว่าร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จนเจ้าความรู้สึกมึนงง และอ่อนเพลียหายไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอใคร จึงเดินไปที่ระเบียงแล้วลองเรียกดู
   “ทุกคน ...ยังอยู่กันไหมครับ?”   
   ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงแต่สายลมพัดมากระทบให้กิ่งต้นปีบสั่นไหว พุ่มดอกไม้เรียวขาวขยับไปมา บรรยากาศยามเย็นของคฤหาสน์ม่านราตรี ช่างแสนชวนให้รู้สึกหนาวสันหลังวูบวาบ โดยเฉพาะคนที่รู้อยู่เต็มอก ว่าที่นี่มีสิ่งใดอาศัยอยู่
   ตุลาเงียบกริบเมื่อถามไปแล้วแต่ไร้การตอบสนอง เขาจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างแทน โดยที่แม้จะยังมีแสงสว่างเข้ามาในบ้านให้เห็นอยู่บ้าง เขาก็ยังอดที่จะเปิดไฟตรงทางเดินขึ้นมาไม่ได้
   “ทุกคนครับ? ยังอยู่กันไหมครับ?”
   ตุลาตะโกนถามขณะที่ลงมาถึงชั้นล่าง เขามองไปทางโซนห้องครัวที่ว่างเปล่าไร้เงาคนก็ต้องถอนหายใจ จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินออกไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อตามหาคนอื่นต่อ
   “ทุกคนครับ?  คุณปิ่น?  คุณราตรี? อยู่กันไหมครับ”
   ตุลายังคงเรียกหาต่อ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เมื่อเดินหาสักพัก ก็ยังไม่ปรากฏแม้แต่เงาของคนที่เขาเรียกให้เห็นสักคน สีหน้าของชายหนุ่มดูเหงาเสียจนคนที่แอบอยู่แทบจะทนไม่ไหว
   “ไม่ได้นะราตรี! ขืนออกไปตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ! ขนาดปิ่นยังยอมนอนนิ่ง ๆ ก้นสระไม่ยอมออกมา
เลยนะ”
   “แต่ว่าเขาเรียกชื่อฉันด้วยนะ...ทั้งที่ฉันทำร้ายเขาขนาดนั้นแท้ ๆ แต่ก็ยังเรียกหาฉันด้วย”
   รุ้งพรายเหลือบมองวิญญาณสาวเพื่อนของเธออย่างกึ่งระอากึ่งหมั่นไส้ แต่ก็อดยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้
เมื่อหวนคิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา
   ราตรีนั้น จริง ๆ แล้วเป็นหญิงสาวมนุษย์ที่ถูกฆ่าฝังไว้ใต้ต้นราตรีที่ขึ้นบนผืนดินแผ่นนี้ จนกระทั่งกลายมาเป็นภูตผีร้ายที่เกลียดมนุษย์ และยอมเปิดใจให้กับชายเพียงผู้เดียวในที่สุด  จอมเดชเอ็นดูและสงสารในตัวของวิญญาณสาวที่อ่อนไหวเป็นพิเศษ จนลงทุนปลูกต้นราตรีไว้เต็มบ้าน และตั้งชื่อคฤหาสน์แห่งนี้ว่าม่านราตรี
และเรียกวิญญาณสาวที่ทิ้งชื่อตัวเองไปแล้วว่าราตรีเช่นเดียวกัน
   ในสายตาของรุ้งพราย และภูตผีตนอื่นในคฤหาสน์  ตุลานั้นคล้ายกับจอมเดชเมื่อก่อนแทบไม่มีผิด ทั้งที่ถูกทำเรื่องร้าย ๆ ใส่ แต่ก็ยอมอภัยให้ง่าย ๆ และยังยอมรับในตัวตนของอีกฝ่าย  ซึ่งเธอไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ราตรีจะยอมเปิดใจให้กับมนุษย์อีกครั้ง ก็ในเมื่อชายหนุ่มผู้นี้ ช่างแสนดีเหมือนกับผู้มีพระคุณคนนั้นของพวกเธอขนาดนี้
   “อากริช...ทุกคน... จะไม่อยู่ด้วยกันอีกแล้วหรือครับ”
    ตุลาที่หยุดเดินหา มายืนพึมพำกับตัวเองที่ปากบ่อน้ำสีเขียวเข้มด้วยใบหน้าเศร้าหมอง พลางคิดว่าการอยู่คนเดียวมันช่างเหงาเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากได้เจอผู้คนที่คิดว่าจะสามารถคบหาเป็นเพื่อนสนิท และจริงใจต่อกันได้แล้วแท้ ๆ
   จากนั้นสักพักชายหนุ่มก็เดินคอตกกลับเข้าไปในคฤหาสน์ ทำเอาแม้แต่รุ้งพรายที่ใจแข็งก็ยังอดสงสารไม่ได้
   “ไม่เอาแล้ว ...รุ้งใจร้าย ...ฮึก ...เขาน่าสงสารขนาดนั้นแท้ ๆ...”
   เสียงปิ่นสุดาร้องไห้สะอึกสะอื้นเบา ๆ ดังมาจากบ่อน้ำ แม้จะอยู่ก้นบ่อ แต่เงือกสาวก็สามารถมองเห็นภาพจากด้านบนผ่านผิวน้ำที่สะท้อนลงมาเบื้องล่างได้ชัดเจน
   “ยะ...อย่ามาโทษฉันคนเดียวนะ ...ก็เป็นมติเอกฉันท์ของพวกเราทุกคนไม่ใช่หรือไง ...อดทนแป๊บเดียวสิ นี่อีกไม่กี่นาที อาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้าแล้ว ...แป๊บเดียวเองน่า”
   รุ้งพรายรีบแก้ตัวตะกุกตะกัก เพราะราตรีเองก็มองเธอเหมือนจะขอให้ยกเลิกแผนการเช่นเดียวกัน
   “แล้วพาทิศไปไหนเนี่ย ให้ฉันโดนรุมอยู่คนเดียว! หมอนั่นก็ตัวตั้งตัวตีคิดเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกันนะ!”
   ปีศาจแมวสาวโวยวายแล้วรีบอาศัยจังหวะที่ราตรีเผลอ กระโดดแผล็วขึ้นระเบียงบ้าน ก่อนจะหนีขึ้นหลังคาไปอีก เพื่อหลีกเสียงบ่นของเพื่อนสาวทั้งสอง
   ภายในคฤหาสน์ม่านราตรี ตุลาเอนกายลงบนโซฟาตัวยาว เริ่มรู้สึกหิวนิด ๆ ขึ้นมา เพราะเขายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่มื้อกลางวัน ทว่าจู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยมาแตะจมูกของตน อย่างน่าแปลกใจ
   “หือ? กลิ่นอาหาร”
   ชายหนุ่มพึมพำ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ ๆ ไฟที่เปิดไว้ในบ้านดับวูบสนิทพร้อมกันทั้งบ้าน ตุลากลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แล้วสายลมวูบวาบที่พัดเย็นผ่านต้นคอไปมา พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักเบา ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มเม้มปากแล้วเอ่ยเสียงสั่น
   “ทุกคนครับ...อย่าเล่นแบบนี้สิครับ ...ผมไม่ค่อยถูกโรคกับอะไรแบบนี้เลยนะครับ”
    “แฮ่! ฉันจะหักคอนาย!”
   ทันทีที่มีเสียงตะโกนใกล้หู พร้อมกับมือเย็น ๆ ที่จับคอ ก็ทำให้ตุลาร้องจ๊าก แล้วเป็นลมล้มไปทั้งยืน ท่ามกลางเสียงโวยวายตามมายกใหญ่
   “รุ้งบ้า! ใครใช้ให้ไปหลอกเค้าแบบนั้นกัน! คุณตุล อย่าเป็นอะไรไปนะคะ ฮือ ๆ”
   ปิ่นสุดาสะอื้นไปพลางว่าเพื่อนไปพลาง ส่วนรุ้งพรายนั้นเกาศีรษะแกรก ๆ ไม่คิดว่าตุลาจะขวัญอ่อนหนักขนาดนี้
   “กะ...ก็ ไม่คิดว่าจะกลัวจนเป็นลมนี่นา ตั้งใจแค่ให้ตกใจนิดหน่อยเองนะ”
   “ใจเย็น ๆ ปิ่น เขาแค่เป็นลมไปเท่านั้น ...ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกลัวหนักขนาดนี้เลยแฮะ ตอนเห็นจะ ๆ ยังไม่เป็นอะไร แต่พอแบบนี้กลับกลัวเสียได้”
   พาทิศหันไปบอกเพื่อนสาว ก่อนจะมองร่างที่เป็นลมไปแล้วอย่างนึกขำ เมื่อนึกถึงตอนที่กริชแสดงฤทธิ์เผยให้เห็นสภาพซากศพเน่าเฟะขนาดนั้น แต่ตุลายังวิ่งไปกอดโดยไม่รังเกียจ  แต่ตอนนี้แค่โดนรุ้งพรายแหย่ใส่ ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้เต็มอกว่าบ้านนี้มีผี ก็ดันกลัวจนถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งไปอีกจนได้
   “พาไปนอนพักก่อนดีกว่าพาทิศ รุ้งไปหายาดมมาทีซิ”
   ราตรีบอกกับผีดิบหนุ่ม แล้วหันไปสั่งการปีศาจแมวสาว แต่รุ้งพรายนั้นขมวดคิ้วยุ่งก่อนถามกลับ
   “แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ?”
   “ก็ไปค้นดูเอาสิ เด็กคนนี้น่าจะพกติดตัวมาบ้างล่ะ...หรือถ้าไม่มีก็ไปขอยืมข้างบ้านแถวนี้มาก็ได้”
   ราตรีบอกอย่างไม่คิดใส่ใจแถมยังทำตาดุ ๆ เข้าให้ จนรุ้งพรายต้องรับคำเนือย ๆ อย่างนึกเซ็ง
   “เจ้าค่ะ ๆ จะไปหาให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
   จากนั้นร่างของตุลาก็ถูกพาทิศพามานอนพักที่โซฟา ส่วนปิ่นสุดาเดินไปนำน้ำและผ้าสะอาดมาให้พาทิศเช็ดเนื้อเช็ดตัวชายหนุ่มให้รู้สึกดีขึ้น
   “ยังดีนะที่ตุลไม่เป็นโรคประจำตัวประเภทโรคหัวใจ ไม่งั้นเจอแบบนี้บ่อย ๆ มีหวังได้หัวใจวายตายแน่”
   “ถึงจะมีบางส่วนคล้ายกัน แต่ก็ไม่เหมือนคุณจอมเดชเสียทีเดียวล่ะนะ”
   ราตรีพึมพำ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
   “แน่ล่ะ ตุลไม่ได้เป็นตัวแทนใครนี่ เขาก็เป็นเขา และฉันก็ชอบเขาอย่างที่เขาเป็นแบบนี้...แล้วเธอล่ะราตรี”
   พาทิศถามเพื่อนสาว เจ้าหล่อนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะแย้มยิ้มอ่อนโยนตามมา
   “นั่นสินะ... ไม่มีใครแทนที่คุณจอมเดชได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นอกจากคุณจอมเดชแล้ว ฉันจะยอมรับมนุษย์คนอื่นเพิ่มขึ้นมาไม่ได้นี่นะ”
   “เข้าใจได้ก็ดีแล้ว เฮ้อ ...จะว่าไปฉันเองก็ผิด ที่ไม่ได้เฉลียวใจเรื่องของเธอก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย”
   พาทิศพึมพำ ส่วนปิ่นสุดา พอเช็ดหน้าเช็ดตาตุลาเรียบร้อย เธอก็พูดขัดขึ้นมาบ้าง
   “เพราะพวกที่มาอยู่ก่อนหน้านั้น ไม่เหมือนเขานี่คะ... ราตรีที่ผูกพันกับที่นี่มากที่สุด จะต่อต้านออกไป ก็เลยดูไม่แปลกและน่าผิดสังเกตเท่าใด”
   ชายหนุ่มฟังที่เงือกสาวบอก แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย
   “นั่นสินะ... เอาเถอะ! เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว จะไปรื้อฟื้นก็ใช่ที  ก่อนอื่นเรามาทำให้ตุลฟื้น แล้วจัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้กันดีกว่า!”
   “มาแล้วจ้า! ยาดมมาแล้ว!”
   รุ้งพรายในร่างของมนุษย์กระโดดลงจากชั้นสองอย่างง่ายดายไม่ต่างจากตอนที่เธออยู่ในร่างแมว เด็กสาวนำยาดมที่ติดมือมาส่งให้ราตรี ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไป และเปิดฝานำมาจ่อห่าง ๆ ที่จมูกของตุลา
   “อืม...”
   ร่างที่เป็นลมไป ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา ท่ามกลางความดีใจของทุกคน ตุลามองไปรอบ ๆ กาย เขาเห็นสาวน้อยผมสั้นและผมยาวหยักศกนั่งคุกเข่าอยู่ติดโซฟา กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตายินดี ส่วนหญิงสาวสวยในชุดวันพีชสีขาวก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เขา ชายหนุ่มหน้าตาคมคายใส่เสื้อเชิตขาวแขนยาวสุภาพ ก็กำลังลูบศีรษะเขาด้วยใบหน้าอ่อนโยน
   “ทุกคนอยู่ที่นี่เอง ...ผมนึกว่าพวกคุณหนีผมกันไปหมดแล้วเสียอีก”
   พวกภูตผีและปีศาจจำแลงแห่งคฤหาสน์ม่านราตรีพากันนิ่งอึ้งต่อคำทักนั่น ก่อนที่พาทิศจะแย้มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้รื่นเริง
   “เอ้า ๆ ตุลตื่นก็ดีแล้ว มาทางนี้สิ พวกเรามีอะไรจะอวดนะ!”
   ตุลายันกายลุกขึ้นเดินตามทุกคนไปที่ครัว แล้วก็ต้องพบกับอาหารหน้าตาน่ากินมากมาย จัดวางอยู่บนโต๊ะ ทางด้านรุ้งพรายดีดนิ้วเบา ๆ ก็เกิดลูกไฟวิญญาณสีฟ้าลอยไปมารอบ ๆ เจ้าหล่อนบอกว่าเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก ซึ่งตุลาก็ไม่กล้าแย้ง ทั้งที่คิดว่ามันยิ่งเพิ่มความวังเวงมากขึ้นไปอีก จากนั้นพาทิศและราตรี จึงพาตุลาไปนั่งประจำที่ ซอมบี้หนุ่มขยับเก้าอี้ให้อีกฝ่ายนั่ง แล้วบอกกับเจ้าตัวพร้อมรอยยิ้ม
   “ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ม่านราตรี  ต่อไปนี้ตุลและพวกเราก็เป็นสมาชิกของที่นี่เหมือนกันแล้วนะ”
   ตุลานิ่งอึ้ง ก่อนจะพยักหน้ารับน้อย ๆ รู้สึกตื้นตันและอยากร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที ทางด้านราตรีนั้นมีท่าทางอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรกับตุลาบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้า รุ้งพรายที่อยู่ใกล้ ๆ จึงเดินมาตบบ่าหญิงสาวเป็นกำลังใจให้หล่อน
   “เอ่อ... เธอจะยอมรับฉันเป็นเพื่อนได้ไหม ตุล”
   ราตรีถามแล้วรอคำตอบ ตุลาหันไปมองคนถาม เขานิ่งอึ้งจนอีกฝ่ายกังวล แต่ก็ต้องโล่งอกเมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของชายหนุ่ม
   “แน่อยู่แล้วครับ ...ผมต่างหากที่กลัวว่าคุณราตรีจะไม่ยินดีต้อนรับผม”
   ตุลายื่นมือไปข้างหน้าเช่นเดียวกับราตรีที่ยื่นมือมาจับประสานแสดงถึงการยอมรับมิตรภาพระหว่างกัน จากนั้นมนุษย์เพียงคนเดียวในคฤหาสน์ ก็เริ่มต้นลงมือทานอาหารเลี้ยงต้อนรับสำหรับเขาอย่างเอร็ดอร่อย  และหลังมื้ออาหารจบลง  ทั้งหมดก็ปรึกษากันถึงเรื่องการปรับปรุงคฤหาสน์ม่านราตรีให้ร่มรื่นน่าอยู่ในลำดับต่อมา
   “แล้วคุณแม้นศรีเขาจะไม่ว่าเอาหรือครับ ถ้าเราปรับปรุงบ้านตามใจชอบแบบนี้”
   ตุลาเอ่ยถามอย่างกังวล แต่ก็ได้รับการยืนยันจากคนอื่นที่เหลือพร้อม ๆ กัน ว่าคนงกอย่างแม้นศรี มีแต่จะพอใจ ที่ไม่ต้องลงทุนลงแรง ปรับปรุงพื้นที่ด้วยตัวเองเสียมากกว่า ชายหนุ่มฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วจึงเอ่ยต่อ
   “ความจริงผมชอบความร่มรื่นในสวนหลังบ้านนั้นนะครับ แต่ถ้าตัดหญ้าพื้นสนามให้เรียบร้อยสักหน่อยจะน่าดูกว่า แล้วตรงซุ้มราตรี ถ้าตัดแต่งสักนิด ก็จะดูโล่งสบายตา และน่านั่งพักยิ่งขึ้น”
   ตุลาลองเสนอความเห็นบ้าง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ด้านพาทิศนั้นเตรียมอาสาขนเครื่องมือทำความสะอาดและตัดแต่งสวน จากห้องใต้ดินที่เขาอยู่อาศัย ขึ้นมาเตรียมพร้อมไว้ก่อนในคืนนี้
   “แล้วบ่อของปิ่นล่ะ จะวิดบ่อทำความสะอาดเปลี่ยนน้ำใหม่ดีไหม เอาแบบใสแจ๋ว แล้วเห็นปิ่นที่ก้นบ่อชัดไปเลยแบบนั้นน่ะ!”
   รุ้งพรายเสนอขึ้นบ้าง แต่ทำให้เด็กสาวอีกคนหน้าแดงก่ำ พลางสั่นศีรษะปฏิเสธพร้อมกับไล่ตีเพื่อนแก้เขิน ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินอีกคนพูดขึ้น
   “เรื่องบ่อน้ำนี่ผมเองก็ไม่รู้นะครับ แต่ถ้าเปลี่ยนน้ำแล้วทำให้คุณปิ่นอยู่สบายขึ้นก็น่าเปลี่ยน ... แต่ก็กลัวว่า
คอลรีนจากน้ำประปา จะทำให้คุณแพ้หรือเปล่า?”
   ตุลาถามด้วยความเป็นห่วง ซึ่งก็ยิ่งทำให้เงือกสาวหน้าแดงกว่าเดิม เจ้าตัวจึงอุบอิบบอกเสียงแผ่ว
   “ฉันไม่แพ้น้ำประปาหรอกค่ะ...แต่ไม่ค่อยชอบ...ถ้าให้ดีเป็นพวกน้ำฝน หรือน้ำบาดาลจะดีกว่า...แต่น้ำบ่อที่อยู่ก็ดีแล้วนะคะ ...แค่ออกซิเจนเหลือน้อยไปหน่อย ตะไคร่มากไปนิด ก็เท่านั้นเอง”
   ชายหนุ่มนิ่วหน้า สรุปแล้วเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าที่พูดมานั่น ดีหรือไม่ดีสำหรับอีกฝ่ายกันแน่
   “ด้านหลังที่ดินนี่มีบึงน้ำกว้าง มันมีโพรงเล็กโพรงน้อยใต้บึง ที่ทะลุไปถึงลำคลองใหญ่ด้านนอกนั่น ทำให้น้ำในบึงไหลเวียนตลอด ไม่เน่า แล้วก็ยังใสและสะอาดอยู่มาก ถ้าตุลไปทยอยตักมาเรื่อย ๆ ก็เปลี่ยนน้ำในบ่อให้ปิ่นอยู่ได้สบาย เพราะก่อนจะมาอยู่ที่บ่อนี่ ปิ่นเคยอยู่ที่บึงนั่นมาก่อน แต่พอเงือกอีกตัวสิ้นอายุขัย ก็เลยเหลือปิ่นแค่คนเดียวน่ะ นายท่านเลยชวนมาอยู่เสียที่นี่ด้วยกัน”
   รุ้งพรายเล่าประวัติของเพื่อนให้ฟัง แล้วยังเสนอความเห็นเรื่องการทำความสะอาดบ่อของปิ่นสุดา แต่แน่นอนความคิดเห็นของเธอ ทำให้เพื่อนคนอื่นที่เหลือหันมามองตาปริบ ๆ
   “แล้วจะให้ตุลไปแบกน้ำจากบึงนั่นมาใส่บ่อนี่นะ กว่าจะเต็มเขาก็เหนื่อยตายพอดี”
   พาทิศบ่นใส่ ซึ่งราตรีก็พยักหน้าเห็นด้วย รุ้งพรายนั้นขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เพราะเธอคิดว่าข้อเสนอของเธอมันฟังเข้าท่าที่สุดแล้ว
   “บ่อน้ำคุณปิ่นลึกมากไหมครับ แล้วใช้น้ำราว ๆ ไหน ผมจะได้กะถูกกว่าควรจะใช้น้ำเติมไปกลับกี่รอบ”
   ตุลาตั้งคำถามที่ทำให้ทุกคนหันขวับมาทางเขา มีรุ้งพรายคนเดียวที่ถูกใจ แต่ปิ่นสุดารีบห้ามทันที
   “อย่าเลยค่ะคุณตุล! บ่อน้ำแบบเดิมนี่ฉันก็อยู่ได้อยู่แล้ว คุณตุลอย่าลำบากเลยค่ะ ...อีกอย่าง ถ้ากลับมาป่วยแบบตอนเด็กอีก จะทำยังไงล่ะคะ”
   คำพูดของปิ่นสุดา ทำให้รุ้งพรายและตุลาชะงัก ปีศาจแมวสาวมีสีหน้าสลดลง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของกริชอาของชายหนุ่ม ส่วนตุลานั้นนิ่งเงียบไปสักพักแล้วจึงแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ทุกคน
   “ไม่หรอกครับ ...พอแข็งแรงขึ้น ผมก็เริ่มออกกำลังกาย เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับไปป่วยอีกเหมือนตอนเด็ก ๆ ตอนนี้ผมว่าผมแข็งแรงพอสมควรนะครับ”
   “แน่ใจหรือ ...แค่ตกใจนิดหน่อยก็เป็นลมแล้วแท้ ๆ นี่นะ”
   พาทิศแย้งยิ้ม ๆ ซึ่งก็ทำให้คนฟังสะดุ้ง แล้วหันไปบอกเสียงอ่อย
   “ง่า...อันนั้นนอกประเด็นนะครับ ต่อให้แข็งแรงขนาดไหน แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่กลัวสักหน่อยนี่ครับ”
   จากนั้นตุลก็ยืนกรานหนักแน่นว่าจะไปขนน้ำในบ่อมาเปลี่ยนให้ปิ่นเอง แต่คนอื่นนั้นยังคงคัดค้าน ไม่เห็นด้วย จนกระทั่งเมื่อใครคนหนึ่งปรากฏกาย พวกเขาก็นิ่งเงียบรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอขึ้นบ้าง
   “ก็เงินที่อาให้ตุล มันก็มากพอที่จะเช่าอยู่ที่นี่ได้ตั้งหลายปีอยู่แล้วด้วยซ้ำไม่ใช่หรือ ตุลก็เอาเงินจำนวนนั้นถอนออกมานิดหน่อย มาใช้อำนวยความสะดวกตัวเองบ้างสิ อย่างการจ้างมืออาชีพมาดูแลจัดสวน ทาสีบ้าน
รวมไปถึง จ้างพวกรถสูบน้ำ สูบน้ำมาจากบึงนั่น แล้วก็จ้างคนให้วิดบ่อไว้รอให้เขาปล่อยน้ำลงไปใหม่น่ะ ง่ายจะตายจริงไหม?”
   ทุกคนต่างเห็นด้วยในสิ่งที่กริชเสนอ แม้กระทั่งตุลาเอง เขายิ้มกว้างให้กับอาที่เขานับถือ ทำให้กริชต้องลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
   “ถึงจะแข็งแรงแล้ว แต่ก็อย่าประมาท ถ้าใช้ร่างกายหนักมากไป มันก็อาจทำให้เจ็บป่วยอีกก็ได้ เข้าใจไหม?”
   กริชบอกกับตุลา แล้วเปรยสายตาเย็นชากึ่งตำหนิไปให้รุ้งพราย ที่สะดุ้งเฮือกแล้วรีบกระโดดหลบไปอยู่หลังพาทิศทันที
   จากนั้นคุยกันอีกสักพัก กริชก็อ้างว่าเหนื่อยและขอตัวไปพักก่อนทำให้ตุลาที่กำลังจะถามชายหนุ่มว่าทำยังไงไปยังไงผู้เป็นอาถึงกลายมาเป็นวิญญาณคุ้มครองเขาได้ต้องผิดหวังแต่ก็ยังคงเฝ้ารอโอกาสจนกว่ากริชจะบอกกับเขาด้วยตนเองในสักวันหนึ่ง  

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครเข้าเรียน

×
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-21 19:13 , Processed in 0.080132 second(s), 28 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้