ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 580|ตอบกลับ: 0

ม่านราตรี = 11 - 12 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
   “ถ้านายปล่อยให้เขานอนห้องนี้ต่ออีกสักอาทิตย์ นายคงได้เขามาอยู่ร่วมเป็นก๊วนผี กับพวกนายไปแล้วล่ะ กริชเอ๋ย”
บทที่ 11
    วิญญาณหนุ่มนิ่งอึ้ง เช่นเดียวกับตุลาที่ทั้งตกตะลึงทั้งสงสัยในคำพูดนั้นของอธิป
   “คฤหาสน์หลังนี้ ...ไม่สิที่ดินผืนนี้ เป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังอาถรรพ์ มันมีทั้งผลดีและผลร้ายต่อผู้อาศัย สำหรับมนุษย์ถ้าอึดไม่พอคงรอดยาก...”
   กริชเงียบกริบ แล้วพึมพำเสียงแผ่ว
   “นี่ฉันเกือบจะทำให้หลานตัวเองต้องตาย โดยไม่รู้ตัวเสียแล้วหรือนี่...”
   ตุลาหันมาทางผู้เป็นอา เมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดเช่นนั้นเขาก็ต้องตกใจ แล้วเตรียมจะปลอบอาของตัวเอง แต่อธิปก็ขัดขึ้นเสียก่อน
   “ไม่เชิงหรอกนะกริช บางทีสำหรับเด็กคนนี้ ที่นี่อาจจะดีสำหรับเขาก็ได้”
   อธิปบอกตามมา ทำให้กริชชะงัก และตุลาหันกลับมามองคนพูดอย่างสงสัย
   “อืม...คอแห้งจังน้า นี่เจ้าหนู ฉันวานหน่อยสิ  ช่วยไปเอากาแฟ แล้วก็น้ำเย็น ๆ มาให้อย่างละแก้ว อ้อ ถ้ามีขนมด้วยก็ดีนะ”
   อธิปหันไปบอกกับตุลา ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะกันท่าเขาออกจากบทสนทนาชัด ๆ
   “ช่วยจัดให้เขาตามนั้นด้วยนะตุล”
   กริชเสริมตามมาอย่างพอจะรู้จุดประสงค์ของเพื่อน และเพราะเป็นคำขอของกริชทำให้ตุลาไม่กล้าที่จะขัด และจำต้องออกจากวงสนทนาไปอย่างจำใจ
   “อธิบายมาเสียทีสิ!”
   กริชบอกอย่างหงุดหงิดเมื่อตุลาเดินออกจากห้องไปได้สักพัก แต่อธิปกลับไม่บอกเรื่องที่เขาอยากรู้ในทันทีแต่อย่างใด
   “แหม ๆ ใจเย็น ๆ สิ นายนี่ใจร้อนจริงนะ ขนาดเป็นวิญญาณไปแล้วแท้ ๆ”
   อธิปหันมาบอกอย่างใจเย็นดังเช่นสีหน้า แล้วจึงเดินไปนั่งที่เตียงของตุลา
   “ดูสิ ...บริเวณนี้น่ะ มันเป็นทางผ่านของพลังงานอาถรรพ์ซึ่งไหลเวียนรอบ ๆ ที่ดินผืนนี้ และหลานนายก็มานอนขวางทางของมัน ก็เลยรับผลกระทบตรงนี้มาเต็ม ๆ อ้อ! แต่ถ้าเป็นภูตผีอย่างพวกนายก็จะไม่มีปัญหานัก แถมยังจะช่วยเสริมพลังวิญญาณดีเสียอีก”
   กริชมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด  เขาหลุดพึมพำขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จนคนฟังเวทนา
   “ที่นี่มันอันตรายกับตุลจริง ๆ สินะ...ฉันมัน...ไม่น่าเลยแท้ ๆ...”
   “อย่าเพิ่งด่วนสรุปตีความไป ฉันบอกแล้วว่ามันมีทั้งผลดีและไม่ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกให้เกิดขึ้น
แบบไหน”
   อธิปแย้ง แล้วจึงเดินออกไปทางระเบียง พลางเปรยขึ้นเบา ๆ
   “กระแสพลังอาถรรพ์ ของที่ดินผืนนี้ มันเป็นประเภทไม่คงที่ ไหลเวียนหมุนผ่านไปมา สุดแล้วแต่ว่ามันจะเปลี่ยนทิศทางไปที่ไหน...”
   หนุ่มใหญ่บอก แล้วจึงหันมาทางกริชที่ยืนฟังอยู่
   “การไปขวางทางของมันอย่างหลานนายทำอยู่ ย่อมไม่เป็นผลดีกับร่างกายมนุษย์แน่ แต่ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ มันจะส่งผลตรงกันข้าม เพราะชีวิตของหลานนายอยู่ได้ด้วยคุณไสยของฉันและอายุขัยของนาย พลังของที่ดินผืนนี้มันมีส่วนช่วยเสริมอาคมที่ฉันทำไว้ให้แข็งแกร่งขึ้น ...จนบางทีหลานของนาย อาจจะอายุยืนยาวได้เท่ากับอายุขัยที่นายให้เขาไว้เลยทีเดียว”
   ประโยคถัดมาของอธิปทำให้กริชตาเบิกกว้างด้วยความยินดี สีหน้าเช่นนั้นของวิญญาณหนุ่มทำให้อธิปยิ้มน้อย ๆ อย่างเศร้าใจ
   “รู้ไหมกริช ...ฉันลังเลอยู่พอสมควร ว่าจะบอกเรื่องนี้กับนายดีไหม ...”
   กริชนิ่งเงียบไปในทันที เขาพอจะรู้ความหมายในคำพูดของเพื่อนอยู่บ้าง เจ้าตัวนิ่งไปสักพัก แล้วจึงยิ้ม
ให้อีกฝ่าย
   “แต่นายก็ยังบอกฉัน...ขอบใจนะ อธิป”
   “ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ฉันหลวมตัวมาคบกับคนแบบนายกันล่ะ!”
   อธิปตอบยิ้ม ๆ เขาเงียบไปสักพัก แล้วจึงเอ่ยตามมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังผิดจากเดิม
   “นายพอจะบอกให้หลานนาย รับฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคนได้ไหม ... เพราะดูเหมือนฉันคงต้องทำหน้าที่เป็นหมอดูฮวงจุ้ยแก้ขัดไปเรื่อย ๆ ให้หลานนายเสียแล้วล่ะนะ จนกว่าเขาจะมีภูมิต้านทานกับอาถรรพ์ของที่นี่มากพอ จนมันทำอันตรายเขาไม่ค่อยได้ ฉันถึงจะปล่อยเขาไว้โดยไม่ต้องคอยตามประกบได้นั่นล่ะ”
   กริชนิ่งรับฟังแล้วจึงพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ
   “ได้สิ ฉันจะช่วยพูดให้...แล้วก็ขอบใจนายมากอธิป ที่ช่วยเป็นธุระให้แบบนี้”
   “ทำไงได้ ฉันมันคนบาปนี่ ...ก็ได้แต่ทำบาปเพิ่มไปเรื่อย ๆ แบบนี้  หาหนทางปลดปล่อยตัวเองไม่ได้สักที”
   กริชชะงัก แล้วมีสีหน้าสลดลง จนคนมองต้องลอบถอนหายใจ
   “เฮ้อ! ฉันล้อเล่นน่า อย่าคิดมากเลยกริช... บางทีการที่ฉันต้องมาช่วยนายแบบนี้ ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเวรกรรมที่ฉันต้องชดใช้คืนให้นายก็ได้...แต่อย่าลืมล่ะ ถ้ามันถึงที่สุด ทำยังไงคนเราก็ไม่อาจรั้งความตายไว้ได้อยู่ดี”
   วิญญาณหนุ่มนิ่งรับฟัง แล้วจึงพยักหน้าอย่างรับรู้ ด้วยสีหน้าปวดร้าว
   “ฉันเข้าใจแล้ว...อธิป...เมื่อเวลานั้นมาถึงจริง ๆ ...ฉันก็จะยอมรับมันให้ได้”
   “อืม...ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนสนิทของฉัน ต้องมายึดติดกับทางโลกแบบนี้ ทั้งที่เขามีโอกาสที่จะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่าแท้ ๆ”
   อธิปบอก แล้วจึงเดินกลับไปนั่งที่เตียงนอนในห้องนั้น โดยมีกริชยืนพิงกำแพงห้องมองเขาอยู่ห่าง ๆ
   “ก็ไม่แน่ว่าที่ ๆ ฉันจะได้ไป มันจะดีกว่าที่ฉันอยู่เสียเมื่อไหร่”
   หนุ่มใหญ่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
   “เชื่อฉันสิ ที่ ๆ นายจะไป ยังไงก็ดีกว่าที่นี่แน่...”
   ‘เพราะทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการให้ นายได้ให้ชีวิตของนายเพื่อต่อชีวิตของหลานชายตัวเอง นั่นถือเป็นกุศลอันสูงสุดแล้ว แต่เพราะกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน มันจึงทำให้นายเกิดห่วงและยึดติด จนไม่สามารถหลุดพ้นจากภพภูมิมนุษย์ได้สักที’
   “ขอโทษครับ ...กาแฟมาแล้วครับ”
   เสียงของตุลาที่ดังขึ้นหน้าห้อง ทำให้อธิปซึ่งกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ หัวเราะเบา ๆ แล้วจึงเดินไปเปิดประตูต้อนรับเจ้าของให้เข้ามาในห้อง
   “เข้ามาสิ กำลังอยากคุยด้วยอยู่พอดี”
   ตุลามองคนพูดอย่างงุนงง แต่เขาก็ยังคงนำถาดที่ใส่กาแฟและแก้วน้ำเย็น รวมไปถึงขนมขบเคี้ยวไปวางไว้
บนโต๊ะทำงานในห้อง ซึ่งอธิปก็เอ่ยขอบคุณเบา ๆ แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้แถวนั้นพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบอย่าง
ใจเย็น
   “พอดีฉันมีปัญหาทางการเงินนิดหน่อย จนตอนนี้แทบจะไม่มีบ้านอยู่แล้ว เลยอยากจะขอมาอาศัยอยู่กับเธอด้วยสักหน่อย...อ้อ! ไม่ได้พักฟรี ๆ หรอก ฉันจะดูฮวงจุ้ยตอบแทนให้ เห็นแบบนี้ ฉันก็พอมีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พวกนี้พอสมควรเหมือนกันนะ”
   คนฟังนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า เขาเหลือบไปมองกริชแล้วก็ได้รับคำยืนยันตามมา
   “ให้เขาอยู่ด้วยจะดีกว่านะตุล ...ที่ดินผืนนี้มันมีอาถรรพ์มากเกินไปที่มนุษย์จะอยู่ไหว ...ดูอย่างราตรีสิ
ขนาดวิญญาณอย่างหล่อน ยังเคยถูกอาถรรพ์ของมันครอบงำเข้าให้ได้เลย”
   ตุลาหันไปมองอาของเขา จ้องมองชายหนุ่มสักพัก แล้วจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ
   “ถ้าอาว่าอย่างนั้น ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
   “ดี ๆ รับรองว่าจะไม่หาเรื่องก่อปัญหาให้เธอแน่”
   อธิปบอกตามมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทำให้ตุลาต้องหันไปยิ้มน้อย ๆ ให้
   “ยังไงคุณก็เป็นเพื่อนของอา อีกอย่างบ้านหลังนี้ก็เช่าด้วยเงินของอา ถ้าเป็นความต้องการของอาผมก็ไม่คิดขัดหรอกครับ”
   หนุ่มใหญ่ฟังแล้วก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะดัง ๆ ตามมาอย่างถูกใจ ส่วนกริชนั้นมองหลานชายของตนด้วยแววตารักใคร่ และชื่นชม
   “เด็กดี ๆ เอาเถอะ ฉันจะช่วยเท่าที่ตัวเองช่วยไหวแล้วกัน …”
    อธิปบอกแล้วลุกขึ้นมาขยี้ศีรษะของตุลาอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางกริช
     “งั้นฉันขอตัวกลับไปขนของตัวเองมาก่อนดีกว่า… ส่วนเธอก็เปลี่ยนห้องนอนซะ จะนอนห้องไหนก็ได้ ยกเว้นห้องนี้ เข้าใจไหม”
   หนุ่มใหญ่สั่งความเจ้าของห้องทิ้งท้าย แล้วจึงขอตัวกลับโดยไม่คิดใส่ใจสีหน้าสงสัยของตุลาแม้แต่น้อย
   และเมื่ออธิปจากไปได้พักใหญ่ ตุลาที่นั่งเก็บข้าวของตามคำสั่งนั้น ก็หันไปมองกริชเป็นระยะ ด้วยความสงสัยที่เก็บงำเอาไว้แต่ไม่กล้าปริปากถาม เพราะถ้อยคำก่อนหน้านั้นของผู้เป็นอา
   “ขอร้องล่ะตุล อย่าถามอะไรอาเลย… เมื่ออาพร้อม อาจะเป็นฝายบอกกับตุลเอง”
   และเพราะประโยคนั้นและใบหน้าเศร้า ๆ ของกริช จึงทำให้ตุลาไม่คิดจะซักถามชายหนุ่มต่ออีก
   “อาครับ อาคิดว่าผมกลับไปนอนห้องเก่าดีไหม?”
   ตุลาที่พับเสื้อผ้าของตนใส่ตะกร้าเก็บเรียบร้อยหันมาถามผู้เป็นอา กริชนิ่งคิดแล้วจึงพยักหน้าค่อย ๆ
   “ก็คงได้ เพราะหมอนั่นไม่ได้ระบุห้องไว้ แสดงว่านอกจากห้องนี้แล้ว หลานจะนอนห้องไหนก็คงได้เหมือนกันหมดนั่นล่ะ”
   “ครับ…งั้นผมกลับห้องเก่าแล้วกัน  แต่น่าเสียดายนะครับ ห้องนี้เห็นวิวในสวนด้านหลังทั่วทั้งหมดแท้ ๆ”
   ตุลาพึมพำด้วยสีหน้าเสียดายดังเช่นคำพูด ส่วนกริชนั้นได้แต่ยืนนิ่งมองหลานชายด้วยแววตาเศร้าสร้อย
   “จริงสิ อาครับ แล้วจะเตรียมห้องไหนให้คุณอธิปดีล่ะครับ ผมจะได้ไปเปิดห้อง แล้วปัดกวาดไว้รอก่อน”
   กริชชะงัก แล้วจึงนิ่งคิด ก่อนจะตอบออกไปง่าย ๆ
   “ให้นอนห้องนี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปิดห้องทำความสะอาดเพิ่ม”
   คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ แล้วย้อนถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจ
   “เอ่อ แต่ว่า ห้องนี้มัน…”
   วิญญาณหนุ่มหันมาสบตากับหลานชาย พลางยิ้มหวานอย่างอ่อนโยนส่งให้
   “หมอนั่นน่ะอึดเสียยิ่งกว่าแมลงสาบอีก ไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า”
   ตุลาหัวเราะแห้ง ๆ กับคำตอบนั้น แล้วยกตะกร้าผ้าของตนไปเก็บอีกห้อง แต่พอยกเดินไปไม่เท่าไหร่ พาทิศ
ที่จัดเตรียมข้าวกลางวันเสร็จ ก็ขึ้นมาช่วยชายหนุ่มขนข้าวของย้ายห้อง แม้ตุลาจะบอกปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แต่ซอมบี้หนุ่มก็ยังหยิบตะกร้าที่มือเขาไปถือแทนอยู่ดี
   ผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาทีดี  ตุลาก็ย้ายกลับมาห้องของตัวเองเรียบร้อย ด้วยความช่วยเหลือของพาทิศ จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง อธิปก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าใบโตที่หอบหิ้วมาด้วย
   “เอ่อ คุณอยากพักห้องไหนครับ ผมจะพาไปให้”
   ตุลาบอกกับอีกฝ่าย เพราะยังไงก็ไม่อยากเสียมารยาทให้เจ้าตัวพักที่ห้องเดิมของเขาซึ่งมีปัญหาอยู่ดี
   “ห้องหรือ? โอ๊ย ไม่ต้องเรื่องมากหรอก ฉันนอนพื้นแถวห้องรับแขกข้างล่างนี่ก็ได้!”
   พอได้ยินอธิปบอกแบบนั้น แล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนั้นจริง ๆ กริชที่เฝ้ามองอยู่ก็สั่นศีรษะอย่างระอา แล้วจึงเปรยขึ้นเรียบ ๆ
   “ไปนอนชั้นบนนั่นล่ะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือตุลได้ทันท่วงที”
   แม้คำพูดที่เอ่ยออกจะดูเย็นชานิด ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอันใดนัก แต่อธิปก็ยังคงยิ้มให้ แล้วพยักหน้ารับรู้
   “งั้นก็โอเค… ส่วนห้องฉันนอนห้องไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ห้องที่เจ้าหนูย้ายมา ตอนแรกก็อยากจะเสี่ยงอยู่หรอก
แต่กลัวสู้อาถรรพ์ที่ดินไม่ไหว จะกลายเป็นผีเฝ้าที่นี่เสียแทน”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ ส่วนกริชนั้นไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็คิดว่าห้องที่หลานชายพัก คงมีอาถรรพ์มากจริง ๆ
เพราะขนาดคนมีวิชาอาคมอย่างอธิปเองยังออกปากไม่กล้าเสี่ยงแบบนี้
   “ถ้าอย่างนั้นผมจะพาไปดูห้องนะครับ”
   ตุลาบอกแล้วจึงเดินนำทางอธิปขึ้นไปบนชั้นสองของคฤหาสน์
   “อืม...ขอบใจ”
   หนุ่มใหญ่กล่าวขอบคุณสั้น ๆ แล้วจึงเลือกห้องพักตรงกันข้ามกับห้องของตุลา แต่พอชายหนุ่มเห็นอีกฝ่ายหยิบข้าวของส่วนตัวบางชิ้นออกจากกระเป๋า เขาก็ต้องนิ่วหน้า แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อย
   “เอ่อ ...นั่นอะไรหรือครับ”
   อธิปชะงัก เขามองหน้าคนถามก่อนจะจ้องสิ่งของในมือของตน พลางตอบออกไปอย่างหน้าตาเฉย
   “ก็หัวกะโหลกคนไง ไม่เคยเห็นมาก่อนเหรอ?”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ แล้วขอตัวออกไปจากห้องเงียบ ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายจัดห้องของเจ้าตัวไป แล้วพอเดินออกมาได้สักพัก ชายหนุ่มก็พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
   “อากริชครับ ...เพื่อนอาน่ะปกติแล้วเขาทำอาชีพอะไรหรือครับ?”
   กริชที่อยู่ข้างกายหลานชายตลอดปรากฏกายขึ้น เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วตอบคำถามนั้นพร้อมรอยยิ้ม
   “หมอผีไงล่ะ อานึกว่าตุลจะรู้แล้วเสียอีก”
   ตุลาสั่นศีรษะไปมา แล้วมีสีหน้ากังวลหนักขึ้น
   “ไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ...แล้วนี่จะไม่เป็นไรหรือครับ ก็ในบ้านนี้น่ะ...”
   ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงสมาชิกตนอื่น ๆ ของคฤหาสน์ม่านราตรีขึ้นมาทันที แต่กริชนั้นเปรยปลอบหลานชายของตนเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะกังวลมากไปกว่านั้น
   “ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเป็นหมอผี แต่หมอนั่นไม่ได้บ้าปราบผี จับผี ตามอย่างละคร หรือหนังไทยทั่วไป
หรอกนะ เขาแค่ศึกษาเรียนรู้วิชาอาคมเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือและป้องกันคนที่เดือดร้อน เพราะศาสตร์พวกนี้
แค่นั้นเอง”
   พอได้ฟังคำพูดของผู้เป็นอาก็ทำให้ตุลาใจชื้นขึ้น เขายิ้มน้อย ๆ แล้วจึงบอกกับอีกฝ่าย
   “ถ้าแบบนั้นก็ดีไปอย่างนะครับ บางทีผมอาจจะถามคุณอธิปเขาถึงเรื่องพวกนี้ จะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเขียนนิยายของผมบ้างก็ได้”
   กริชยิ้มตอบแล้วจึงเอ่ยตามมา
   “ดีสิ งั้นเดี๋ยวอาจะคอยช่วยเป็นคนอ่านทวนให้เองดีไหม?”
   ตุลาสะดุ้งแล้วจึงหน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะตอบเสียงอ่อย
   “ผมก็อยากให้อาช่วยอ่านทวนให้หรอกนะครับ ...แต่ฝีมือของผมมันยังมือสมัครเล่นมาก ๆ ...แบบว่า...”
   กริชมองหลานชายแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม
   “ไม่ต้องกังวลไปหรอก คนเรามันก็ต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น อีกอย่างตุลเองก็มีพรสวรรค์เรื่องขีด ๆ เขียน ๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว อาเชื่อนะว่านิยายของตุลมันต้องออกมาดีไม่แพ้ของอา...ไม่สิ อาจจะดีกว่าของอาเลยก็ได้”
   พอได้ยินอาของตัวเองพูดแบบนั้น ตุลาก็ทั้งเขินและปลาบปลื้มไปในคราวเดียวกัน ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างยินดี แล้วจึงสะดุ้งเมื่อพาทิศตะโกนมาจากชั้นล่าง เรียกให้เขาและอธิปทานข้าวกลางวันได้แล้ว
   “ครับ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ งั้นผมไปตามคุณอธิปก่อนนะครับอา”
   “อืม ตามสบาย”
   กริชบอกแล้วก็มองหลานชายเดินกลับไปเปิดประตูห้องเพื่อนของตน ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นตุลายืนอึ้งตาค้าง แล้วคอพับคออ่อน เป็นลมสลบล้มลงไปนอนกองอยู่แถวนั้น
   “ตุล! เป็นอะไรไป!”
   กริชพุ่งพรวดเข้าไปหาอย่างตกใจ ก่อนจะหันขวับไปมองในห้องของอธิป ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำให้เขาตกตะลึง แล้วจึงตามมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดโมโหเต็มที่
   “นายทำบ้าอะไรน่ะอธิป!”
   หนุ่มใหญ่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบ รอบตัวเขามีหัวกะโหลกนัยน์ตาเรืองแสงสีแดงลอยอยู่สามหัว ห้องนั้นก็ปิดทั้งม่าน ปิดทั้งไฟ จึงทำให้บรรยากาศดูชวนหลอนมากยิ่งขึ้น
   “ก็นะ...แค่ลองวิชาเก่า ๆ ดูว่าจะสนิมกินหรือยัง จะไปรู้ได้ไงล่ะว่าเจ้าหนูนี่จะเปิดมา...ว่าแต่ก็น่าแปลกนะ อยู่ร่วมทั้งวิญญาณ ทั้งภูตผีแท้ ๆ แต่ดันกลัวกับอีแค่กะโหลกลอยได้ ตลกดีเนอะ นายว่าไหม”
   อธิปบอกแล้วยิ้มกว้างให้ในประโยคหลัง ทำเอาคนฟังยิ่งหงุดหงิดโมโหหนักเป็นเท่าตัว หนุ่มใหญ่จึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วยกมือยอมแพ้ ขอโทษขอโพย พลางอุ้มตุลาเข้าห้องนอนปฐมพยาบาลให้เจ้าตัวฟื้น โดยมีเสียงบ่นของกริชดังขึ้นข้าง ๆ ตลอดเวลา ทำให้คนฟังนึกรำคาญ จนชักอยากจะจับอีกฝ่ายยัดใส่หม้อถ่วงน้ำขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
บทที่ 12
    ตอนหัวค่ำในวันเดียวกันนั้น อธิปได้รับการแนะนำตัวจากตุลาให้สมาชิกตนอื่น ๆ รับรู้ ว่าอีกฝ่ายจะมาอยู่ร่วมคฤหาสน์ม่านราตรีแห่งนี้ด้วย ทำให้รุ้งพรายและราตรีไม่ค่อยชอบใจนัก ส่วนพาทิศและปิ่นสุดาไม่มีความเห็นคัดค้านอันใด เพราะตอนนี้สิทธิในการตัดสินใจนั้น เป็นของตุลาที่เป็นเจ้าของชั่วคราวอยู่แล้ว
   “ให้หมอผีมาอยู่ร่วมกับภูตผี แล้วถ้าเกิดวันดีคืนดี หมอนี่อยากจับพวกเราใส่หม้อถ่วงน้ำขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวหรือไงตุล!”
   รุ้งพรายโวยวายใส่ ส่วนราตรีแม้จะไม่ขึ้นเสียงเท่าปีศาจแมวสาว แต่เธอก็ยังคงมีสีหน้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน
   “นั่นสิ ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนคุณกริชก็เถอะ แต่จะไว้ใจได้ขนาดไหนกัน”
   ตุลามีสีหน้าลำบากใจ หันไปมองอธิปก็เห็นอีกฝ่ายยังคงอารมณ์ดี ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอย่างที่ควรจะเป็น
   “เอ่อ...ขอโทษที่ทำให้พวกคุณลำบากใจ แต่ถือว่าผมขอร้องแล้วกันครับ ...อีกอย่างคุณอธิปก็คงไม่คิดทำร้ายพวกคุณแน่ ...ผมเชื่ออย่างนั้นครับ”
   ท้ายประโยคตุลาหันไปสบตากับอธิปแล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าและแววตาเชื่อมั่น จนคนที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ  
   “หึ ๆ ก็อย่างที่เขาว่า ฉันไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อคิดทำอันตรายพวกเธอหรอก ...และถ้าพวกเธอรู้ว่าแท้จริงแล้วฉันมาที่นี่ทำไม ฉันว่าฝ่ายที่ต้องขอร้องให้ฉันอยู่อาจจะกลายเป็นพวกเธอเองก็ได้นะ”
   อธิปเปรยให้คนฟังคิด แต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงกระแอมเบา ๆ เสียก่อน จากนั้นเจ้าของเสียงจึงปรากฏกายขึ้นแล้วเอ่ยเสริมตามมา
   “ฉันขอยืนยันอีกคนว่า หมอนี่จะไม่ทำอันตรายพวกเธอแน่นอน ... ตอนนี้ฉันยังอธิบายอะไรมากไม่ได้
แต่ขอให้พวกเธอรู้เอาไว้ว่า เขาจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ แค่นั้นพอ”
   รุ้งพรายกับราตรีชะงัก แล้วเงียบกริบ พอได้ฟังคำพูดหนักแน่นของกริช ก็ทำให้พวกเธอเริ่มได้คิดว่า การที่อธิปมาอยู่ที่นี่ บางทีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตุลาก็ได้ เพราะพวกเธอต่างรู้ดีว่า กริชนั้นเป็นห่วงเป็นใยในตัวของหลานชายคนนี้มากเพียงใด
   “ก็ได้ ๆ  ยังไงตอนนี้ตุลก็เป็นเจ้าของคฤหาสน์นี่นะ ถึงจะชั่วคราวก็เหอะ”   
“ถ้าทั้งคู่ยืนยันขนาดนั้น ฉันก็คงว่าอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”
   ราตรีเอ่ยตามมา แล้วเหลือบไปมองอธิป ซึ่งหนุ่มใหญ่ก็ยิ้มแซวใส่ ทำให้เจ้าหล่อนต้องค้อนขวับให้อย่างลืมตัว
   “ดีจัง...ที่ตกลงกันได้แบบนี้”
   ตุลาพึมพำกับตัวเอง แล้วยิ้มน้อย ๆ เพราะดีใจที่จะมีสมาชิกมาเพิ่มในบ้าน แถมเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับตน
   “ตุล...แล้วหลานเป็นยังไงบ้าง มีอาการปวดหัว หรือตัวร้อนไหม ...ถ้ามีไข้เมื่อไหร่ต้องรีบบอกเลยนะ”
    กริชที่อยู่ใกล้ ๆ หันมาถาม เพราะเป็นห่วงเรื่องที่ชายหนุ่มตกน้ำเมื่อตอนกลางวัน แถมยังเป็นลมเข้าให้ พอได้ยินดังนั้นตุลาก็สะดุ้งเล็กน้อย แล้วจึงหันไปตอบผู้เป็นอา   
    “ผมสบายดีครับ ...คงเพราะเชื่อที่อาไล่ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อช่วงเช้า ไม่งั้นก็คงไม่แน่เหมือนกัน”
   ตุลาบอกพร้อมกับยิ้มกว้างส่งให้กริช ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวยิ้มตอบอย่างเอ็นดู
   “เฮ้อ! ห่วงกันเข้าไป แล้วเมื่อไหร่เจ้าหนูมันจะโตเป็นผู้ใหญ่ ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองเวลาไม่มีนายอยู่
สักที ฮึ กริช”
   อธิปแสร้งเปรยเสียงดัง ทำให้ตุลากับกริชชะงัก แล้วตุลาจึงรีบถามอาของตนด้วยความตกใจ
   “อากริชจะไปไหนหรือครับ!?”
   กริชนิ่งอึ้ง เขาเหลือบมองอธิปด้วยแววตาดุ ๆ แล้วจึงหันมาบอกกับหลานชาย
   “หมอนั่นเพ้อเจ้อไปเอง อาไม่มีวันทิ้งตุลไปไหนหรอก...”
   คำตอบของกริชทำให้อธิปนึกหมั่นไส้ แล้วจึงพูดแทรกขัดดัง ๆ
   “ยึดติดไม่เข้าเรื่อง...เจ้าหนู หมอนี่มันหัวดื้อ พูดอะไรไปก็ไม่ฟัง ถ้ารักอาเธอจริง ว่าง ๆ ก็ช่วยพูดกล่อมให้เขาไปสู่สุคติสักทีเถอะ!”
   จากนั้นหนุ่มใหญ่ก็เดินกลับขึ้นห้องพักตัวเองบนชั้นสอง ทิ้งให้ตุลายืนนิ่งอึ้ง และกริชยืนเงียบด้วยความไม่พอใจอยู่แถวนั้น ส่วนภูตผีตนอื่นเริ่มนึกสงสัยในตัวชายผู้ชื่ออธิป ว่าเกี่ยวพันอันใดกับอาหลานสองคนนี้กันแน่
   “อาครับ...ตอนนี้ ผมอยู่คนเดียวได้แล้ว...”   
   ตุลาที่นิ่งเงียบไปนานเอ่ยเสียงสั่นเครือ ทำให้คนฟังต้องสั่นศีรษะไปมาแล้วลูบไล้เส้นผมอ่อนนุ่มนั้นแผ่วเบา
   “ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้แบบนี้ แล้วจะให้อาปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ... ขอร้องล่ะตุล ขอให้อาได้อยู่เคียงข้างหลานอีกสักนิด ... และเมื่อถึงเวลานั้น อาจะยินยอมจากไปเอง โดยไม่ทำให้หลานต้องลำบากใจ”
   ตุลาเม้มปากแน่น น้ำตาคลอ แล้วพยักหน้า เขากระซิบบางอย่างเบา ๆ กับกริช ทำให้วิญญาณชายหนุ่มแย้มยิ้มอ่อนโยน แล้วแสดงร่างวิญญาณที่เห็นเด่นชัดขึ้นจนสามารถสัมผัสกายเนื้อของอีกฝายได้
   “เด็กขี้แยเอ๊ย...”
   กริชกอดหลานชายปลอบโยน ขณะที่ตุลานั้นร้องไห้เงียบ ๆ อย่างลืมตัว และไม่สนใจว่าจะมีคนอื่นมองตนอยู่หรือไม่ ภาพความรักของอาหลาน ทำให้ภูตผีตนอื่นในบ้านเลี่ยงหลบไปเงียบ ๆ ปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันตามลำพัง ส่วนอธิปที่แอบมองอยู่บนชั้นสอง ถอนหายใจเบา ๆ แต่เขาก็ยังคงปรารถนาให้เพื่อนสนิทเลิกยึดติด แล้วจากไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าดังเดิมอยู่ดี
   พอล่วงเข้าสู่เช้าวันรุ่งขึ้น ตุลาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อตื่นนอนขึ้นมา ก็ต้องพบกับใบหน้าของอธิปชะโงกเข้ามาใกล้จนน่าหวาดเสียว
   “อ้าว...ตื่นแล้วหรือ ฉันกำลังเข้ามาดูอาการเธออยู่พอดี ว่าเป็นยังไง ...ไหน ขอดูแววตาหน่อยซิ?”
   คนพูดยังคงชะโงกหน้าเข้ามาใกล้อีก จนตุลาต้องตัวแข็งทื่อ กลืนน้ำลายลงคอ อยู่นิ่งเช่นนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงดังตุบมาจากทางระเบียง พร้อมกับเสียงทักทายร่าเริงอันคุ้นเคยของใครบางคน
   “ตุล! ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะ ....กรี๊ด! อีตาลุงบ้า! นายจะทำอะไรตุลยะ!”
   ท่าทางชวนหวาดเสียวของอธิปและตุลา ทำให้รุ้งพรายที่เพิ่งเข้ามากรีดร้องด้วยความตกใจดังลั่นบ้าน จนคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้นสะดุ้งโหยงไปตาม ๆ กัน
    ทางด้านอธิป ตอนแรกเขาเองก็งง แต่พอเห็นปฏิกิริยาของรุ้งพราย หนุ่มใหญ่จึงแกล้งทำเป็นลูบเส้นผมของตุลาเล่น แล้วแนบหน้าคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ
   “ก็ลักหลับยามเช้ายังไงล่ะ แม่เหมียวน้อย ...เพราะฉะนั้นก็ออกไปได้แล้ว อย่ามาขัดจังหวะพวกเรา...โอ๊ย!”
   อธิปร้องเสียงหลง เมื่อกริชที่อยู่แถวนั้นใช้พลังวิญญาณโยนนาฬิกาปลุกใส่ศีรษะของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้
   “อย่ามาทำให้คนอื่นเข้าใจหลานชาวบ้านผิดได้ไหม!”
   พอหันไปเห็นกริชก็ทำให้รุ้งพรายโล่งอก เพราะเธอไม่คิดว่ากริชจะกล้าปล่อยให้เพื่อนปล้ำหลานชายต่อหน้าต่อตาแบบนี้แน่
   “ฉันเจ็บนะ...ปามาได้ ถ้าหัวแตกจะทำยังไง”
   อธิปบ่นอุบ แล้วลุกขึ้นมานั่งคลึงศีรษะเบา ๆ ท่ามกลางความโล่งใจของตุลา
    “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้มาลวนลามหลานชายชาวบ้านเขากันเล่า”   
   กริชตอบด้วยสีหน้าเย็นชา ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจ แล้วยักไหล่พลางแสร้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจตามมา
   “เออนะ คนเรา ...เรารึอุตสาห์ตื่นแต่เช้าถ่อมาดูอาการหลานให้ ว่าผิดปกติตรงไหนไหม แล้วดูทำเข้า จะขอบคุณสักนิดก็ไม่มี ดันเอาของมาปาใส่อีกต่างหาก”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ เขาเหลือบไปมองกริชก็ยังเห็นมีสีหน้าเฉยชาตามเดิม เขาจึงเอ่ยขอบคุณอธิปเบา ๆ แทนผู้เป็นอา
   “เอ่อ...ขอบคุณนะครับ”
   อธิปมองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ให้ พร้อมกับขยี้เส้นผมอีกฝ่ายเล่นอย่างเอ็นดู
   “เธอนี่มันน่ารักจริง ๆ นะ ถ้าหมอนั่นว่าง่าย ได้อย่างเธอสักครึ่งก็คงดี”
   จากนั้นอธิปก็ลุกขึ้นยืน แล้วเปรยขึ้นเสียงดัง โดยไม่มองหน้าใคร
   “เอาล่ะ! วันนี้ก็เรียบร้อยปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าไม่ใช้ห้องนั้นในช่วงนี้ ก็หมดห่วงไปได้สักพัก ไว้ทิศทางพลังอาถรรพ์นั่นมันเปลี่ยนกระแส แล้วฉันจะแวะมาตรวจสอบอีกรอบ”
   บอกแล้วเจ้าตัวก็โบกมืออำลา แล้วเดินจากไป กริชนั้นมีสีหน้าสบายใจขึ้น ส่วนรุ้งพรายก็มองวิญญาณหนุ่มอย่างสงสัย แต่ก็ตัดใจไม่ถาม แล้วกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของตุลาแทน
   “ตื่นแล้วก็ไปเดินเล่นตอนเช้ากันตุล วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษเลย มีแดดอ่อน ๆ แต่เช้า น่าจะเหมาะกับนายนะ ไม่เจอแดดมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรือ”
   ตุลาชะงัก แล้วจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เขาพึมพำขอบคุณปีศาจแมวสาวก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตา และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน
   และเมื่อตุลาหายเข้าไปทำธุระส่วนตัวในยามเช้า กริชจึงเดินมาใกล้รุ้งพราย แล้วเอ่ยขอบคุณเบา ๆ
   “ขอบใจนะ ที่ช่วยดูแลตุลให้แบบนี้”
   รุ้งพรายเงยหน้ามองวิญญาณชายหนุ่ม แล้วจึงสะบัดหางสองหางไปมาค่อย ๆ ก่อนตอบไปเรียบ ๆ
   “ไม่ต้องขอบใจอะไรหรอกค่ะ ฉันทำไปเพราะฉันอยากทำ ก็แค่นั้นเอง...”
   “เธอไม่คิดจะถามเรื่องที่ฉันพาอธิปเข้ามาหรอกหรือ”
   จู่ ๆ กริชก็เอ่ยขึ้นในสิ่งที่ทำให้ปีศาจแมวสาวสะดุ้ง ทว่าเจ้าหล่อนก็ต้องหัวเราะเบา ๆ ตามมาแล้วจึงตอบออกไปอย่างจริงจัง
   “ฉันน่ะ ชอบตุลนะ และอยากคอยดูแลเขาเท่าที่ตัวเองจะทำได้ด้วย ... และฉันก็เชื่อว่าคุณน่ะ รักตุลมาก และคงไม่มีวันยอมให้เขาเกิดอันตรายแน่ ...ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากเล่า ฉันก็จะไม่ถามมันก็แล้วกัน”
   กริชชะงัก แล้วจึงยิ้มอ่อนโยนส่งให้อีกฝ่าย อย่างที่ไม่ค่อยมีให้ใคร นอกจากหลานชายของตน
   “ขอบใจ ...ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ให้เขามาอยู่ที่นี่”
   “เรื่องนั้น ก็ทำให้ฉันต้องขอบคุณคุณอยู่เหมือนกัน...ขอบคุณนะที่ส่งตุลมา”
   รุ้งพรายบอกออกไปจากใจจริงของเธอ แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อคนในห้องน้ำโผล่หน้ามา แล้วมองพวกเขาอย่างสงสัย
   “คุยอะไรกันหรือครับ?”
   “นินทานายยังไงล่ะ อาบน้ำไวจริงนะ วิ่งผ่านน้ำหรือไง?”
   รุ้งพรายแกล้งตอบ ทำเอาตุลาต้องหัวเราะแห้ง ๆ แล้วบอกอุบอิบ
   “ผมอาบธรรมดานะ ไม่ได้วิ่งสักหน่อย”
   จากนั้นตุลาก็เดินตามรุ้งพรายที่เดินนำหน้าเขาไป ก่อนจะชะงักฝีเท้า หันกลับมามองใครอีกคนที่ไม่ยอมตามไปด้วย
   “อาไม่ไปด้วยกันหรือครับ?”
   กริชยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงสั่นศีรษะปฏิเสธค่อย ๆ
   “ไม่ล่ะ หลานไปเถอะ ...แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็เรียกอาได้ทันทีนะ”
   ตุลายิ้มตอบ แล้วจึงพยักหน้ารับ   
   “ครับ ...งั้นผมไปนะครับ”
   เมื่อลับร่างของปีศาจแมวสาวและหลานชายแล้ว กริชจึงหายตัวไปปรากฏที่ห้องของอธิป อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในห้องนอน แต่ได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวในห้องน้ำ ก็แสดงว่าเจ้าตัวน่าจะกำลังอาบน้ำอยู่ในห้อง
   สักพัก ร่างสูงของหนุ่มใหญ่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวผูกเอวไว้ และกำลังเดินเช็ดศีรษะที่เปียกด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมห้อง
   “ไง นายกริช แวะมาบ่นอะไรฉันอีกล่ะ”
   อธิปทักแล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่ออีกฝ่ายโค้งศีรษะน้อย ๆ ให้เขา แล้วพึมพำเบา ๆ
   “เมื่อครู่ขอโทษนะ...แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยดูแลตุลด้วย”
   คนฟังถอนหายใจ แล้วยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง แล้วแสร้งเปรยดัง ๆ
   “เพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ ปกติเห็นแต่บ่น ๆ  ด่า ๆ อยู่ประจำ หือ?”
   กริชชะงัก แล้วจึงมีสีหน้าที่กึ่งยิ้มกึ่งเบื่อหน่ายแทน
   “ก็เป็นเสียแบบนี้ จะไม่ให้ถูกบ่นบ่อย ๆ ได้ยังไงกัน”
   อธิปหัวเราะในลำคอ แล้วจึงเอ่ยตามมา
   “แบบนี้สิ ค่อยสมเป็นนายหน่อย”
   กริชสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วจึงเปรยขึ้นเบา ๆ
   “อธิป...นายว่าฉันควรจะบอกตุลเรื่องของฉันดีไหม?”
   คนฟังชะงักก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ ตอบ
   “เข้มแข็งขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะ... สำหรับคำตอบของฉันนายก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือกริช”
   คนฟังยิ้มเศร้า ๆ แล้วจึงตอบพึมพำเสียงแผ่ว
   “ฉันกลัว...อธิป...กลัวตุลจะโกรธ กลัวเขาเสียใจ ...กลัวไปถึงว่าเขาจะคิดสั้นทำร้ายตัวเอง เพื่อประชดฉัน
ด้วยซ้ำ”
    อธิปหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เมื่อได้ยินความกังวลของเพื่อน แล้วจึงเปรยดัง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
   “ถ้าเจ้าหนูมันเป็นเด็กแบบนั้นจริง นายก็คงไม่ทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้หรอกกริช ...เชื่อใจหลานตัวเองหน่อยสิ เขาอาจจะโกรธ อาจจะเสียใจ นั่นก็ไม่แปลก ...นายเองก็ต้องยอมรับตรงจุดนี้ เพราะนายก็ผิด ที่ทำทุกอย่าง
ลงไปเอง โดยไม่ยอมถามความสมัครใจของเขา”
   กริชมีสีหน้าสลดและสำนึกผิดยิ่งกว่าเดิม จนคนมองนึกสังเวช แล้วจึงเอ่ยต่อตามมา
     “แต่ฉันมั่นใจว่า เขาจะไม่มีวันทำร้ายชีวิตตัวเอง ซึ่งคนที่รักเขามากที่สุดยอมสละมันให้เขาหรอกนะ”
   คนฟังเงียบไปสักพัก แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
   “ขอบคุณนะอธิป”
   อธิปโบกไม้โบกมือเบา ๆ คล้ายไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ โดยที่กริชก็ยังคงยืนมองอยู่ในห้องนั้น จนเจ้าของห้องชั่วคราวเริ่มมองไปทางอีกฝ่าย แล้วถามกลับไป
   “มองทำไม? หรือชอบดูคนแก้ผ้า?”
   “เหอะ! มีอะไรน่าดู แก่ก็แก่ เหี่ยวก็เหี่ยว”
   กริชบอกประชด แล้วยังคงจ้องมองอีกฝ่ายจนอธิปชักหวาดระแวง
   “นี่...อย่าบอกนะว่านายเป็นพวกอย่างว่านั่น...”
   วิญญาณหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง แล้วจึงย้อนสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด
   “ใครเป็น! ฉันต่างหากที่ควรจะระแวงนายว่ามีรสนิยมประเภทนั้นหรือเปล่า จะได้คอยกันตุลให้อยู่ห่าง ๆ
นาย เอาไว้ยังไงล่ะ!”
   อธิปชะงัก ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว จนอีกฝ่ายชักไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
   “ฮ่า ๆ คิดได้ไงวะกริช  อ้อ! เรื่องล้อเล่นเมื่อเช้าสินะ  งั้นสบายใจได้เลย ถึงหลานนายจะน่ารักขนาดไหน
แต่ตราบใดที่มีไอ้นั่นเหมือนกัน ฉันไม่คิดจะยุ่งแน่!”
   หนุ่มใหญ่บอกอย่างขบขัน แต่กริชยังคงไม่ไว้ใจเท่าใดนัก
   “แน่ใจ? ถ้าชอบผู้หญิงจริง ทำไมยังอยู่เป็นโสดมาจนถึงป่านนี้ล่ะนั่น”
   อธิปฟังแล้วก็ต้องสั่นศีรษะอย่างระอา แล้วตอบคำถามของอีกฝ่าย
   “ก็นะ...ผู้หญิงน่ะเรื่องมากจะตาย ถ้าจีบพอให้กระชุ่มกระชวยหัวใจก็พอได้ แต่ถ้าให้ต้องมาคอยเอาอกเอาใจพวกเจ้าหล่อน เห็นทีคงไม่ไหว ฉันมันพวกอะไรก็ได้ ง่าย ๆ แบบนี้ แล้วนายคิดหรือว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาสนใจฉันน่ะ”
   กริชมองคนพูด แล้วก็ต้องยักไหล่นิด ๆ เพราะจะว่าไปนิสัยของอธิปที่เขารู้จักก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
   “ก็ดี เพราะฉันเองก็ไม่อยากให้หลานต้องกลายเป็นแบบนั้นนักหรอก...”
   “แต่ถ้าหลานนายชอบแบบนั้นเอง นายจะทำยังไง คัดค้านหรือ?”
   อธิปแกล้งแซวอีกฝ่าย ส่วนคนถูกแซวชะงัก หันมามองหน้าคนพูดด้วยแววตาดุ ๆ ก่อนจะตอบตามมา
   “ถ้าเป็นความชอบของตุลจริง ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบใจ แต่ฉันก็ไม่คิดจะบงการให้หลานเปลี่ยนความชอบตามใจฉันหรอกน่า!”
   อธิปหัวเราะเบา ๆ แล้วบอกกับอีกฝ่าย
   “ฉันชักอิจฉาเจ้าหนูมันแล้วสิ พ่อแม่ฉันแท้ ๆ ยังไม่เคยเอาอกเอาใจใส่ฉัน เหมือนนายทำกับเจ้าหนูมันเลยนะ”
   “หลานใครใครก็รักไม่ใช่หรือไง”
   กริชแย้ง แต่อธิปก็โต้กลับ
   “ถ้ารักธรรมดาทั่วไปมันก็ใช่ แต่นายนี่มันเข้าขั้นพวกติดหลานแบบผิดปกติแล้วรู้ไหม”
   วิญญาณหนุ่มชะงัก แล้วจึงทำเป็นไม่สนใจคำพูดนั้น ก่อนจะแสร้งเปรยใส่อย่างรำคาญใจ
   “คนไม่เคยมีหลานกับเขาก็พูดได้นี่ เหอะ ไม่คุยกับนายดีกว่า พูดด้วยนาน ๆ แล้วเสียสุขภาพจิต!”
จากนั้นร่างของกริชก็หายตัวออกไปจากห้องเหลือเพียงเจ้าของห้องที่กำลังยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าเพียงลำพังชายหนุ่มนึกขำกับท่าทางหลบเลี่ยงเพราะถูกพูดแทงใจดำของเพื่อน  พลางสั่นศีรษะเบา ๆ อย่างระอาแล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนต่อ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-21 18:29 , Processed in 0.083637 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้