ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 537|ตอบกลับ: 0

ม่านราตรี = 15 - 16 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว
ตุลายิ้มกับแผ่นกระดาษที่ได้รับการประทับผ่านด่านแรกไปแล้วแต่ว่าเขายังเหลืออีกสี่ด่าน นั่นก็คือ พาทิศ ปิ่นสุดา ราตรี และอธิป เป็นด่านสุดท้าย
บทที่ 15
   ตุลาเดินตามแผนที่ซึ่งมุ่งลงสู่ห้องใต้ดินด้วยความหวาดหวั่น  แต่ก็ยังอุ่นใจที่มีกริชคอยอยู่เคียงข้างเขาไปเช่นนี้ ทว่าพอลงห้องใต้ดินปุ๊บ กริชก็ต้องชะงักเมื่อมีกำแพงใส ๆ กั้นไม่ให้เขาเข้าไป หากแต่ตุลาสามารถเดินผ่านได้โดยไม่เป็นอะไร
   “เล่นอะไรกันพาทิศ!”
   กริชบอกแล้วทุบเขตแดนโปร่งใสตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง โดยที่ตุลานั้นไม่ได้รู้เลยว่าผู้เป็นอาตามมาด้วยไม่ได้ ยังคงเดินมุ่งตรงไปยังห้องที่อยู่ในแผนที่ต่อไป
   “ช่วยไม่ได้นี่ครับ คุณอธิปบอกมาว่าถ้าปล่อยให้คุณตามติดตุลมาด้วยตลอด การฝึกความกล้าครั้งนี้ก็ไม่ได้ผลพอดี”
   เสียงของพาทิศดังขึ้นทั้งที่ไม่เห็นตัว กริชกัดฟันกรอด แล้วเอ่ยขู่เสียงเข้ม
   “ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป ฉันเล่นงานนายแน่!”
   เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ แล้วจึงมีเสียงทุ้มเอ่ยตามมา
   “คุณดูแลเขาเกินไปหน่อยแล้วล่ะครับ คุณกริช ตุลเขาก็มีชีวิตเป็นของตัวเองนะครับ เรื่องชะตากรรมก็ด้วย ต่อให้ฝืนยังไงก็ตาม …ถึงแม้บางคนอาจจะยืดระยะเวลาเลี่ยงออกไปได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครหนีพ้นชะตากรรมของตัวเองหรอกครับ”
   กริชเงียบกริบ มาถึงตอนนี้เขาคิดว่าพาทิศน่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเรื่องของเขาอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง อีกอย่างซอมบี้หนุ่มก็มักจะทำตัวลึกลับอยู่เสมอ
   “พาทิศ…ตุลน่ะเป็นเด็กที่มีสัมผัสที่หกไวตั้งแต่เล็ก ทำให้มักจะเห็นสิ่งลี้ลับและภูตผีได้ง่าย ฉันเองเมื่อก่อนก็ผิดที่เห็นเรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องน่าสนุก คอยแกล้งหลอกเขา จนเขาไปเจอภูตผีร้ายที่น่ากลัวเข้าจริง ๆ ถึงตอนนั้นฉันจะช่วยเขาเอาไว้ได้ แต่มันก็ได้กลายเป็นแผลฝังใจเขาไปแล้ว ตุลในตอนนั้นยังเล็กมาก จำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ความกลัวนั่นคงไม่มีวันจางหาย …”
   กริชนิ่งเงียบไปชั่วครู่อย่างสำนึกผิด ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงทุ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายดังขึ้น
   “หึ ๆ ผมเข้าใจคุณนะคุณกริช แต่ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิม ตุลโตขึ้นแล้ว เข้มแข็งขึ้น ไม่ใช่เด็กน้อยขี้โรคเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่คุณเฝ้าปกป้องอีกแล้ว … จริงอยู่แผลใจนั้นอาจมีหลงเหลือบ้าง แต่พวกเราก็ช่วยกันกลบมันทีละน้อยก็ได้นี่ครับ”
   กริชเงียบรับฟัง จากนั้นพาทิศจึงเอ่ยทิ้งท้ายให้อีกฝ่ายคลายกังวล
   “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ทำอะไรตุลรุนแรงแน่ ผมเองก็เอ็นดูเขาไม่แพ้ทุกตนในคฤหาสน์หลังนี้นักหรอกนะครับ”
   กริชยิ้มออกมาน้อย ๆ กับถ้อยคำที่ได้ยิน แล้วจึงยอมยืนรอนอกเขตแดนเฉย ๆ ปล่อยให้หลานชายเผชิญหน้ากับด่านที่สองตามลำพัง
   ตุลาเดินมาหน้าประตูห้องหนึ่งในห้องใต้ดิน เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตัดสินใจผลักมันออกไปช้า ๆ
   “คุณพาทิศครับ? อยู่หรือเปล่าครับ?”
   ตุลาเรียกชื่อซอมบี้หนุ่ม แต่ไม่มีเสียงใดตอบรับ แถมจู่ ๆ ประตูห้องใต้ดินห้องนั้นก็ปิดโครมลง ทำเอา
ชายหนุ่มสะดุ้ง พยายามเปิดก็เปิดไม่ได้ พอจะหันไปให้กริชช่วย ก็ไม่เจอใคร ลองเรียกดูวิญญาณหนุ่มก็ไม่ยอมปรากฏกายให้เห็น
   “หึ ๆ ถ้าไม่มีอาอยู่ จะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้เลยหรือตุล”
   เสียงของพาทิศดังขึ้น ทำให้ตุลาชะงัก พอมองไปด้านหลัง ก็เห็นร่างของซอมบี้หนุ่มยืนยิ้มให้เขา
   “คุณพาทิศ …เอ่อ ผม…”
   ตุลาเอ่ยตะกุกตะกัก แก้ตัวเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไม่ออกเอาดื้อ ๆ ทำให้พาทิศเดินเข้ามาใกล้ แล้วลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
   “เธอก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือตุล คนที่เหนี่ยวรั้งให้วิญญาณที่น่าจะไปสู่สุคตินานแล้ว อย่างอาของเธอ ไม่อาจไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า นั่นคือใคร?”
   ตุลาเงียบกริบ เขาก้มหน้านิ่ง ก่อนจะหลุดสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
   “ผมน่ะ…ก็อยากให้อาพ้นทุกข์สักที…เหมือนกัน … แต่ผมก็รักอามาก…ฮึก”
   พาทิศเห็นดังนั้นจึงยิ้มน้อย ๆ แล้วรวบร่างผอมบางตรงหน้ามากอดปลอบอย่างอ่อนโยน
   “ฉันเข้าใจ ในตอนนี้แม้อาจจะยากต่อการจากลา แต่ถ้าสักวันหนึ่งที่โชคชะตาฟ้าลิขิตให้แยกจากกันมาถึง
ฉันหวังว่าเธอคงจะสามารถยิ้มส่งให้เขาไปสู่สุขคติได้ …ฉันรู้ การแยกจากคนที่รักมากมันยาก แต่เราก็ต้อง
ฝืนทน”
   แม้จะไม่เทียบเท่ากับอาของตน แต่อ้อมกอดของพาทิศก็เปรียบเสมือนกับว่าอีกฝ่ายเป็นญาติผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ ตุลากลั้นสะอื้นสงบสติอารมณ์แล้วยิ้มให้ซอมบี้หนุ่ม
   “ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยเตือนสติ”
   “ไม่เป็นไร ว่าแต่เข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่า”
   พาทิศบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ตุลาขมวดคิ้วอย่างสงสัย
   “เรื่องอะไรหรือครับ?”
    “ก็เรื่องทดสอบความกล้าไง ลืมแล้วหรือ”
   คนฟังชะงัก แล้วทุบมือเบา ๆ อย่างลืมตัว
   “อ้อ จริงด้วยสิครับ … อ๊ะ ว่าแต่ด่านนี้ั คุณพาทิศจะทำอะไรหรือครับ”
   ซอมบี้หนุ่มหัวเราะเบา ๆ แล้วใช้มือเชยคางของตุลาขึ้น จนอีกฝ่ายงุนงง
   “ฉันจะให้เธอทำในสิ่งที่มนุษย์น้อยคน กล้าลองเสี่ยง แต่ถ้าเธอทำได้ เธอก็ผ่านด่านของฉันไปง่าย ๆ ว่าไง
กล้าหรือไม่กล้า”
   ตุลากลืนน้ำลายลงคอ ตัดสินใจชั่วครู่ แล้วพยักหน้ารับ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะถูกให้อีกฝ่ายทำอะไร
   “ดีมาก กล้าหาญใช้ได้ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะลงมือเลยแล้วกัน”
   พาทิศพึมพำตอบ แล้วค่อย ๆ ชะโงกหน้ามาใกล้ ตุลาเบิกตาน้อย ๆ ด้วยความตกตะลึง ก่อนจะตัวแข็งทื่อ
พูดอะไรไม่ออก เมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายประกบกับริมฝีปากของตัวเองพอดิบพอดี
   กริชที่รออยู่ด้านนอกชะงักเล็กน้อย เมื่อเขตแดนของพาทิศถูกปลดออก จากนั้นสักพักตุลาก็เดินหน้าแดงออกมา โดยที่ซอมบี้หนุ่มก็เดินตามมาส่งเรื่อย ๆ
   “เกิดอะไรขึ้นหรือตุล”
   วิญญาณหนุ่มถาม ทำเอาหลานชายของเขาสะดุ้ง แล้วรีบสั่นศีรษะไปมา ใบหน้านั้นก็แดงหนักขึ้น
   “นายทำอะไรหลานฉัน?”
   กริชถามพาทิศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่คนถูกคาดคั้นกลับแย้มยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบออกไป
   “ทดสอบความกล้ายังไงล่ะครับ”
   “แล้วทำไมตุลถึงมีปฏิกิริยาแปลก ๆ แบบนี้?”
   กริชซักต่อ ด้านตุลาเห็นท่าทางไม่ค่อยดี อีกทั้งไม่อยากบอกเรื่องน่าอายให้ผู้เป็นอาฟัง ชายหนุ่มจึงรีบแก้ตัวแทนพาทิศยกใหญ่
   “ไม่มีอะไรหรอกครับอา… ผมแค่ ...เอ่อ...ไม่เล่าได้ไหมครับ ...แบบว่า ...เรื่องมันค่อนข้างจะน่าอายสัก
หน่อย...”
    วิญญาณหนุ่มหันมามองหลานอย่างจ้องจับผิด แต่เมื่อเห็นตุลาหลบตา สีหน้าก็แดงระเรื่อด้วยความเขินเหมือนที่ปากบอก เขาก็เลยจำใจเชื่อคิดว่าตุลาคงกลัวจนเผลอแสดงท่าทางตลก ๆ อะไรไปที่เล่าให้เขาฟังลำบาก เขาจึงตัดสินใจไม่ซักพาทิศต่อ ส่วนซอมบี้หนุ่มนั้นมองอาหลานทั้งสองพลางลอบยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะชะโงกหน้ามาข้างหูของตุลา
   “เอ้า! ไปด่านต่อไปได้แล้วตุล ปิ่นเค้าคงรอเธออยู่นานแล้วล่ะ”
   เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหู ทำเอาตุลาออกอาการสะดุ้งโหยง แล้วจึงรีบถอยหลังห่างออกมาสองสามก้าว ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ แล้วจึงรีบจ้ำฝีเท้ากลับขึ้นไปชั้นบนของคฤหาสน์ทันที
   “หวังว่าคงจะไม่ได้ทำอะไรเกินเลยกับหลานชายของฉันหรอกใช่ไหม?”
   กริชหันมาถามซอมบี้หนุ่มซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับแล้วตอบกลับอย่างสุภาพ
   “ใครจะกล้าล่ะครับ …ยกเว้นว่าตุลจะให้ความร่วมมือเองล่ะนะ”
   “ก็เพราะแต่ละคนมันเป็นกันซะแบบนี้ แล้วจะไว้ใจปล่อยให้ตุลอยู่ด้วย โดยไม่ดูแลได้ยังไงกัน!”
   กริชทำหน้ายุ่ง พลางบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหายวับไปทิ้งไว้เพียงพาทิชที่ยืนอมยิ้มอยู่ลำพังคนเดียวอย่างอารมณ์ดี
   ตุลาเดินออกจากคฤหาสน์มายังสวนด้านหลังบริเวณก่อนถึงบ่อน้ำ ซึ่งยามนี้ถูกมนต์ลวงตาเปลี่ยนให้กลายเป็นหนองน้ำกลางป่ารกทึบ
   “เล่นกันซะอลังการงานสร้างจริง ๆ แฮะ”
   กริชพึมพำอย่างกึ่งชื่นชมกึ่งระอา ส่วนหลานชายเขานี่สิ ตอนนี้กำลังมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดเสียว ย่ำไปในหนองน้ำมุ่งตรงไปข้างหน้า ที่ดูเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นแค่สวนด้านหลังธรรมดาแท้ ๆ
   “ตุล สบายใจเถอะ อาเชื่อว่าปิ่นสุดาคงไม่คิดแกล้งหลาน เหมือนกับคนอื่น ๆ เค้าหรอก”
   กริชปลอบ ซึ่งก็ทำให้ตุลายิ้มออก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงน้ำแตกกระจาย พร้อมกับการปรากฏกายของจระเข้ยักษ์เบื้องหน้า
   “เหวอ! อะไรนั่น! นี่มันการทดสอบความกล้าเรื่องผีไม่ใช่หรือไง!”
   ตุลาโพล่งขึ้นอย่างทั้งกลัว ทั้งเหลืออด ก็เพราะสองด่านก่อนหน้าและตอนนี้ มันดูไม่ค่อยจะใกล้เคียงการฝึกให้เขาเลิกขวัญอ่อนกลัวเรื่องภูตผีสักเท่าใดสักนิด
   แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มแทบจะหัวใจหยุดเต้นแท้จริง ก็คือมือเย็นเฉียบซึ่งจับหมับอยู่ที่ข้อเท้าทั้งสอง
พอก้มลงไปมอง ก็เห็นเส้นผมและศีรษะคนค่อย ๆ โผล่มาจากน้ำที่เขาเหยียบอยู่ ใบหน้าขาวซีด ตาเหลือก
ขาวโพลน
   “คิก ๆ …ฉันจะเอาเธอไปอยู่ด้วยกับฉัน…”
   ตุลาตัวแข็งทื่อตาค้าง จระเข้ยักษ์ด้านหน้าก็ย่างเท้าเข้ามาใกล้ ส่วนผีสาวในน้ำก็ค่อย ๆ ดึงขาเขาจมลงไป
เรื่อย ๆ ตุลาโวยวาย แล้วร้องลั่น
   “มะ …ไม่เอานะครับ คุณปิ่น! คุณราตรี! อย่าเล่นสมจริงเกินไปสิครับ ผมกลัวนะ!”
   จระเข้ยักษ์และผีสาวในหนองน้ำ ชะงัก แล้วจึงค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมของตน โดยจระเข้ยักษ์คืนร่าง
เป็นปิ่นสุดา ส่วนผีสาวน่ากลัวนั่นก็กลายร่างเป็นวิญญาณสาวผู้งดงามอีกครั้ง  ภาพลวงตาหายไป กลับกลาย
เป็นสวนราตรีแสนสวยตามเดิม
   “ตุลรู้ได้ไงว่าเป็นพวกเรา? คุณบอกเขาหรือคะคุณกริช?”
   ราตรีหันไปทางกริช ซึ่งกริชก็ยักไหล่น้อย ๆ
   “พวกเธอก็เห็น ฉันแค่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ แล้วจะบอกอะไรกับตุลได้ตอนไหน อีกอย่างบอกตามตรงเลยนะ
พวกเธอเล่นกันสมจริงมาก จนฉันยังนึกทึ่งด้วยซ้ำ”
   ราตรีฟังแล้วก็พยักหน้ารับ เพราะเธอก็เห็นอย่างที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นจึงหันไปทางชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ชั่วคราวคนใหม่
   “ผมรู้สึกได้น่ะครับ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่เป็นความรู้สึก ที่บอกว่านั่นเป็นคุณปิ่น และคุณราตรี”
   ตุลาอธิบาย ซึ่งก็ทำให้สองสาวทึ่งในสัมผัสที่หกของชายหนุ่ม แม้แต่กริชเองก็คิดว่าพลังของหลานชายพัฒนาขึ้นมาก นับตั้งแต่มาอยู่ในพื้นที่ดินอาถรรพ์ผืนนี้
   “แต่ถึงยังไงตุลก็เก่งขึ้นมาก เจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้ แต่ก็ยังไม่ตกใจจนสลบ ถือว่าผ่านล่ะนะ”
   ราตรีเอ่ยชม แล้วหยิบตราประทับของเธอปั๊มบนแผนที่ของตุลา ซึ่งปิ่นสุดาเองก็ทำเช่นเดียวกัน
   “ขอโทษนะคะ ที่หลอกให้คุณตกใจ”
   เงือกสาวบอกอย่างเป็นกังวล ทำให้ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะ
   “ไม่เป็นไรครับไม่ต้องห่วง พวกคุณหวังดีกับผมนี่นะครับ”
   ปิ่นสุดาหน้าแดง ส่วนราตรียิ้มน้อย ๆ ให้ จากนั้นจึงยื่นแผนที่ซึ่งปั๊มตราประทับของเธอและเงือกสาวเรียบร้อย ส่งคืนให้กับตุลา
   “ด่านสุดท้าย เป็นด่านของหมอผีนั่น เขาไม่ได้แย้มกับพวกเราว่าจะทำอะไร แต่ฉันเชื่อนะว่าจะเป็นอะไรที่น่ากลัวมากทีเดียว เพราะฉะนั้นก็ตั้งสติให้มั่นคงแบบเมื่อครู่ แล้วผ่านมันไปให้ได้เช่นกันนะ”
   ราตรีเตือนชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง ซึ่งตุลาก็ขอบใจผีสาว แล้วจึงบอกกับทั้งคู่
   “ถ้าอย่างนั้นผมไปล่ะครับ”
   “โชคดีจ้ะตุล”
   “พยายามเข้านะคะ”
   ทั้งสองสาวอวยพรไล่หลังตามมา ก่อนจะหันมาสบตากัน แล้วยิ้มน้อย ๆ ที่คนซึ่งพวกเธอชื่นชอบ เริ่มมีความกล้าเพิ่มขึ้น
   ด่านสุดท้ายคือด่านที่อธิปประจำอยู่ เป็นด่านที่กริชรู้สึกไม่ไว้วางใจปล่อยให้ตุลาเข้าไปคนเดียวเป็นอย่างที่สุด
   “ผมว่าคงไม่มีอะไรน่าห่วงอย่างที่อาคิดหรอกครับ”
   ตุลาบอกพลางยิ้มเจื่อน ๆ อย่างไม่แน่ใจ เพราะพักหลังตัวการที่ทำให้เขาตกใจเสมอ ก็มาจากอธิปเสียเป็นส่วนมาก
   “ด่านสุดท้าย ห้องคุณอธิปสินะครับ”
   ตุลาพึมพำ พร้อมกับดูแผนที่ในมือที่ได้รับมา
   “ระวังเข้าล่ะ เจ้าหมอผีโรคจิตนั่น บางครั้งนึกอยากจะแกล้งใครขึ้นมา ก็ไม่ค่อยกะความพอดีนักหรอก”
   กริชบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายแกมกังวล ทำให้ตุลากลืนน้ำลายลงคอแล้วพยายามตั้งสติให้มากขึ้น เพื่อที่จะไม่ได้ตกใจร้องจ๊ากเป็นลมล้มไปก่อน หากเปิดไปเห็นเจ้าหัวกะโหลกเจ้ากรรมที่ชอบลอยไปมาให้เขากลัวเสมอ
   ชั้นสองของคฤหาสน์ม่านราตรี เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนเสียวสยองอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะหมอกควันขาว ๆ เลือนรางที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณชั้นสองอย่างน่าพิศวงนั่น
   “ไอ้หมอผีโรคจิต ทำซะน่ากลัวเชียวนะ”
   กริชบ่นเบา ๆ กับตัวเอง เพราะเจ้าบรรยากาศแสนอึมครึมชวนขนลุกนี่ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังเดินอยู่ท่ามกลางป่าช้าหรือสุสานแห่งใดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
   “เอ่อ อากริชครับ จะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะ…”
   ตุลาบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอึกอัก ใบหน้าก็แดงน้อย ๆ จนคนมองเลิกคิ้ว แล้วก็เข้าใจตามมา
   “เอาสิ... ไม่ได้เดินด้วยกันแบบนี้มานานแล้วนี่นะ”
   กริชยิ้ม พลางแสดงร่างวิญญาณให้เห็นชัดเจนขึ้น ก่อนจะยื่นมือมาสัมผัสกับมือของหลานชายที่ส่งมาอย่าง
เขิน ๆ อาหลานจูงมือกันเดินไปจนกระทั่งถึงห้องของอธิป ซึ่งพอจับลูกบิดประตู ตุลาก็ชะงักนิ่วหน้า เมื่อรู้สึกถึงความกดดันแปลก ๆ บางอย่าง
   “แปลกจังครับ รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย”
   ตุลาหันมาบอกผู้เป็นอา กริชขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจกระทำบางอย่าง
   “อาจะเข้าไปดูลาดเลาให้ก่อน แล้วจะออกมาบอกให้แล้วกัน”
   “แต่ว่า จะดีหรือครับ”
   ตุลาแย้งอย่างเกรงใจ เพราะนี่เป็นการทดสอบความกล้าของเขา ถ้าให้กริชช่วยแบบนี้ มันจะไม่ดีทั้งต่อเขาและอธิป รวมไปถึงภูตผีตนอื่นในคฤหาสน์ม่านราตรี ที่ช่วยกันสร้างด่านทดสอบขึ้นมา
   “อาไม่ได้ไปขัดขวาง แต่ตุลบอกว่าสังหรณ์ไม่ดีไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นอาจะไปสำรวจให้ก่อน ถ้าแค่เป็นการกลั่นแกล้งธรรมดา อาจะยอมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็ได้ แต่ถ้ามันหนักหนา จนอาจถึงขั้นทำอันตรายกับตุล อาก็คงต้องเจรจากับหมอนั่นสักหน่อยล่ะ”
   กล่าวจบวิญญาณหนุ่มก็หายวับไปต่อหน้าตุลา ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วยืนรอสักพัก แต่พอเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที เขาก็เริ่มแปลกใจ ที่ทำไมผู้เป็นอายังไม่กลับมาสักที
   “อากริชครับ ผมจะเข้าไปแล้วนะครับ”
   เงียบกริบ ไร้เสียงตอบ ทำให้ตุลานิ่วหน้า แล้วจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันที  ไอเย็นเยียบที่พุ่งมาปะทะร่าง ทำให้เจ้าตัวชะงักกึก ก่อนจะตกตะลึง ขาแข็งอยู่กับที่ เมื่อร่างของกริชนั้นกำลังนั่งคุกเข่าแข็งค้างไม่ขยับเขยื้อน ที่ลำคอมีเคียวยักษ์สีดำพาดจากด้านหลัง โดยผู้ถือเคียวนั่น คือร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมดำสนิท ฮู้ดดำที่สวมศีรษะหลวม ๆ นั่น ก็ทำให้แทบจะมองไม่เห็นว่าผู้สวมใส่มีหน้าตาแบบไหน อีกฝั่งของห้องมีร่างของอธิปนอนคว่ำหน้าสลบอยู่
   “ตุล … หนีไป… อย่าเข้ามา”
   เสียงกริชพยายามเค้นพูดรอดไรฟันอย่างยากลำบาก นั่นยิ่งทำให้ตุลาตกอยู่ในสภาวะตะลึงงันมากยิ่งขึ้น
   “อะไรครับนั่น …คุณเป็นใครกัน….”
   เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากร่างในเสื้อคลุม จากนั้นน้ำเสียงห้าวใหญ่แปลกหู จึงเอ่ยขึ้นดังก้องกังวานไปทั่ว
   “ข้าหรือ ข้าคือยมทูตที่จะมาพาตัวเจ้า และชายผู้นี้ไปพิพากษาในนรกน่ะสิ!”
บทที่ 16
   ตุลานิ่งอึ้งอยู่กับที่ ถ้านี่จะเป็นด่านสุดท้ายของการทดสอบความกล้า เขาก็ว่ามันช่างแสนสมจริงและจัดฉากได้ชวนให้ตกใจอยู่หรอก แต่ว่าภาพที่เห็นนั่นมันก็ชวนยากจะให้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นได้
   “จะพาฉันไปนรกขุมไหนก็เชิญ…แต่อย่ายุ่งกับหลานของฉัน!”
   กริชพยายามฝืนมนต์สะกดที่ยมทูตลึกลับใช้กับเขา พูดออกไป แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะกังวานของร่างในชุดคลุมสีดำดังลั่นไปทั่วห้อง
   “ฮ่า ๆ เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะมีสิทธิ์เลือกได้อีกเช่นนั้นรึ!”
     “อย่าทำอะไรอากริชเลยครับ ได้โปรด!”
   ตุลาวิ่งตรงเข้ามาหาจับหมับที่แขนของอีกฝ่าย แต่ก็ถูกเหวี่ยงลอยกระเด็นลงไปบนที่นอนนุ่ม ทว่าถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงรู้สึกจุกอยู่ดี
   “เจ้าหนุ่ม! เจ้าเองอีกเดี๋ยวก็ต้องพบชะตากรรมอันไม่แตกต่างจากอาของเจ้าเช่นกัน เจ้าละเมิดลิขิตสวรรค์
ฝืนกฎนรก โกงความตายที่สมควรจะได้รับ!”
   “หยุดนะ อย่าบอกเขา!”
   กริชพยายามห้าม และฝืนมนต์สะกดเต็มที่จนวิญญาณทั้งร่างปวดร้าว ส่วนตุลานั้นยันกายขึ้นนั่งอย่างลำบาก และมองยมทูตลึกลับด้วยสีหน้าสงสัย
     “ผมนี่นะหรือ โกงความตาย …. เกิดอะไรขึ้น…”
   “อย่าไปสนใจฟังตุล!”
   กริชแย้ง แต่ตุลานั้นกลับพุ่งความสนใจไปยังร่างที่ยืนอยู่
   “ถ้าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงล่ะก็ ช่วยบอกให้ผมรู้ได้ไหมครับ …อากริช … คุณอธิป”
   ร่างในชุดคลุมดำสะดุ้งเฮือก ส่วนกริชนั้นชะงักกึก พยายามเหลียวหน้าไปมองร่างเบื้องหลังตน ที่เริ่มมีท่าทางลุกลี้ลุกลนจนเห็นได้ชัด
   “อธิป?”
   “ไร้สาระ! ข้าคือยมทูตต่างหาก!”
   “อธิป…”
   เสียงกริชเข้มตามมา ทำให้ร่างในชุดคลุมกลืนน้ำลายลงคอ แล้วจึงโยนเคียวสีดำทิ้งจากมือ มันก็กลับกลายเป็นกิ่งไม้แห้ง ร่างของอธิปที่นอนคว่ำหน้าอยู่ก็กลายเป็นหัวกะโหลกบริวารของเขา ส่วนเจ้าตัวก็ปลดผ้าคลุมดำออก แล้วกลับกลายมาเป็นร่างตามเดิมของตน
   “อุตสาห์เปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนเสียงแล้วเชียวนะ ยังถูกจับได้อีก เจ้าหนูเธอมีประสาทสัมผัสที่ดีมากเลยนะ”
    “ไม่ต้องมาเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง! นายเป็นบ้าอะไรถึงสร้างเรื่องแบบนี้ขึ้นมา หา!”
   กริชตวาดใส่เพื่อนด้วยความฉุนเฉียว ตอนนี้เขาได้รับการปลดข่ายมนตราที่สะกดร่างเขาเอาไว้เรียบร้อย
ส่วนอธิปก็รีบยกมือสองข้างปรามวิญญาณหนุ่มเอาไว้ก่อน
   “ช้าก่อน ๆ อย่าเพิ่งโมโหสิ ถ้าไม่ทำให้สมจริง แล้วจะดูน่าเชื่อถือได้ยังไงล่ะ”
   บอกเสร็จอธิปก็หันไปยิ้มให้กับตุลาที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
   “ก็แค่เรื่องล้อกันเล่นน่ะ”
   หมอผีหนุ่มใหญ่บอกพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่ตุลานั้นไม่อยากเชื่อเพราะท่าทางของกริชนั้นดูจริงจังเกินคาด โดยเฉพาะตอนที่ห้ามไม่ให้อธิปในสภาพยมทูตบอกเรื่องที่เขาโกงความตายอะไรนั่น
   “จริงหรือครับอากริช?”
   ตุลาหันไปถามผู้เป็นอา ซึ่งกริชก็ฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า
   “ก็อย่างที่หมอนี่ว่า เรื่องล้อเล่นกันน่ะ”
   “แต่เมื่อครู่อาเหมือนไม่อยากให้ผมรับรู้เลยนี่ครับ”
   ตุลายังคงแย้งแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายตวาดลั่นตามมา
   “ตุล! อาบอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องล้อเล่น!”
   “เฮ้... กริชใจเย็น ๆ หน่อยสิ”
   อธิปแย้งทำให้กริชชะงัก แล้วจึงพึมพำเบา ๆ ตามมา
   “เกมทดสอบความกล้าของวันนี้จบแล้ว ตุลไปพักได้แล้ว… และก็ขอโทษด้วยที่อาเผลอขึ้นเสียงดังไปหน่อย”
   “…ครับ”
   ตุลาตอบเสียงอ่อย เหลือบมองไปที่กริชซึ่งเบือนหน้าไม่ยอมสบตาเขา พอหันไปทางอธิป หนุ่มใหญ่ก็ยัก
ไหล่นิด ๆ พร้อมกับยิ้มเป็นกำลังใจให้
   “ถ้าอย่างนั้นผมกลับห้องนะครับ”
   ชายหนุ่มบอกค่อย ๆ แล้วเดินจากไปเงียบ ๆ เหลือเพียงอธิปกับกริชที่อยู่กันลำพังภายในห้องนั้น
   “อุตสาห์สร้างสถานการณ์ให้บอกได้ด้วยตัวเองสักที ยังไม่ยอมพูดอีกหรือ”
   อธิปเปรยขณะที่เดินไปนั่งที่เตียงของตน กริชหันขวับไปมองคนพูดเขม็ง จ้องด้วยแววตาดุดันสักพัก แล้วจึงค่อย ๆ หลุบตาลง ก่อนจะบอกเสียงแผ่ว
   “ไม่ได้…ฉันยังทำใจบอกกับเขาไม่ได้…ฉันกลัว อธิป …กลัวเขาเกลียดฉัน ถ้ารู้ในสิ่งที่ฉันทำ”
   หมอผีหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงเปรยขึ้นบ้าง
   “กริชเอ๊ย นายเลือกทางของนายเอง นายก็ต้องรับผลที่นายก่อ …พนันกับฉันไหมล่ะ เจ้าหนูตุลถึงจะรู้เรื่องนี้
ก็ตาม เขาก็ไม่เกลียดนายหรอก”
   “ฉัน…”
   กริชยังคงลังเลก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออธิปเปรยเสียงดังขึ้น
   “จริงไหมเจ้าหนู เลิกแอบฟังข้างนอก แล้วเข้ามาฟังข้างในได้แล้ว”
   “อธิป! นี่นาย!”
   กริชเรียกชื่อเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่พอเห็นตุลาเปิดประตูเข้ามาจริง เขาก็ยิ่งมีสีหน้าหวั่นวิตกมากขึ้น
ไปอีก
   “ตุล นี่หลานยัง…”
   “ฉันแอบสั่งผีพรายของฉันไปบอกเจ้าหนูที่หน้าห้อง แล้วให้เขายืนรอฟังอยู่แถวนั้นพร้อมกับถ่ายทอดเสียง
ในห้องให้เจ้าตัวได้ยิน ดังนั้นนายหมดสิทธิ์แก้ตัวหรืออ้างโน่นอ้างนี่แล้วกริช … คิดให้ดี ๆ นะ ว่าจะยอมบอกจากปากตัวเอง หรือให้เจ้าหนูไปรู้เองทีหลัง ผลกระทบที่ได้มันต่างกันอยู่นะกริช”
   อธิปเตือนสติเพื่อนสนิท ซึ่งกริชก็ยังคงลังเล แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อหลานชายมายืนข้าง ๆ พร้อมกับบอกออกมาแผ่วเบา
   “ต่อให้เรื่องราวมันจะเลวร้ายสักเพียงไหน  แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมจะยืนยันได้ นั่นก็คือ…”
   ตุลาเว้นวรรค สูดลมหายใจเข้าปอด แล้วเงยหน้าขึ้นบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
   “ผมจะไม่มีวันเกลียดอาเด็ดขาด!”
   กริชนิ่งเงียบ ก้มหน้า น้ำตาไหลซึม แล้วจึงเงยหน้าขึ้นฝืนยิ้มมองหลานชายของตน
   “ได้ …อาจะเล่า จากปากของอาเอง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับอา และตุล”
   จากนั้นกริชจึงเริ่มเล่านับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักอธิปทำให้รู้จักศาสตร์การต่ออายุขัยจากอีกฝ่าย และเพราะได้ล่วงรู้จากอธิปว่าตุลาใกล้หมดอายุขัยแล้ว ทำให้ตัวเขาตัดสินใจต่ออายุขัยที่เหลือทั้งหมดให้กับหลานชายคนเดียวเพื่อให้อยู่ต่อไป ส่วนตัวเองก็ไม่อาจไปสู่สุคติเพราะความเป็นห่วงในตัวหลานชาย จนต้องกลายเป็นวิญญาณคุ้มครองเช่นนี้
   พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ตุลาก็นิ่งงันไปอย่างคาดไม่ถึง น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินออกมาอย่างไม่อาจ
ห้ามได้ มองผู้เป็นอาซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ตนเคารพรัก ด้วยแววตาปวดร้าว แล้วพึมพำออกมาแผ่วเบา
   “ที่แท้ เพราะผม … ผมเป็นคนทำให้อาต้องตาย…เพราะความผิดของผมเอง…”
   “ไม่ใช่นะตุล! อาเต็มใจเอง อาเต็มใจยอมสละชีวิตของตนเพื่อให้ตุลอยู่ต่อ ตุลเป็นหลานที่อารัก เป็นความหวังของอา …ตุลอย่าโทษตัวเองเลยนะ”
   กริชบอกพลางกอดร่างของอีกฝ่ายแน่นเพื่อปลอบโยน แต่ความจริงที่รับรู้ ดูเหมือนจะหนักเกินกว่าที่ตุลาจะรับได้ ชายหนุ่มพร่ำแต่โทษตัวเองไปมา ราวกับคนเสียสติ
   “ฮึก …เพราะผม…อาครับ …ผมขอโทษ”
   “โธ่! ตุล…อธิป ช่วยฉันหน่อยเถอะ ช่วยพูดกับตุลหน่อย”
   กริชหันไปขอร้องเพื่อนสนิท เพราะเขาไม่รู้จะปลอบโยนหลานให้คลายเศร้าได้อย่างไร ยิ่งเห็นตุลาสำนึกผิดโทษตัวเองแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายจะบอกว่าเกลียดเขาเสียอีก
   “เอาเถอะ นี่มันก็เป็นการลงโทษที่หนักหนาสำหรับนายเหลือเกินนี่นะ”
   จากนั้นหมอผีหนุ่มก็เดินไปหาตุลาแล้วจับบ่าอีกฝ่ายไว้แน่น พลางโพล่งใส่เสียงดัง
   “เจ้าหนู! มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นเพราะอาเธอไม่ยอมรับในชะตากรรมต่างหากมันถึงได้เป็นแบบนี้ อย่าโทษตัวเองเลยน่า ถ้าจะโทษก็โทษอาเธอเถอะ!”
   ตุลาชะงัก เช่นเดียวกับกริชที่หันไปมองหน้าเพื่อน ที่พูดความจริงอย่างไม่มีอ้อมค้อมและไว้หน้า แต่วินาทีนี้ ขอแค่ให้ตุลาเลิกโทษตัวเองได้ จะให้เขาทำยังไงเขาก็ยอม
   “ใช่แล้วตุล เป็นความผิดของอาเอง จะโทษอา ด่าว่าอาก็ได้ แต่อย่าโทษตัวเองแบบนี้เลยนะ”
   “ไม่ครับ… อาไม่ผิด ผิดที่ผมเอง …ถ้าไม่เพราะช่วยผม …อาก็ไม่…ฮึก…”
   ตุลาพยายามปฏิเสธหัวชนฝา อธิปเห็นดังนั้นจึงแกล้งประชดขึ้นมา
   “ถ้าอย่างนั้นก็เอาอายุขัยเธอคืนให้อาของเธอ แล้วเธอก็ตายแทนดีไหม?”
   “อธิป!”
   “ได้หรือครับ!”
   ทั้งตุลาและกริชเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วเป็นกริชที่หันขวับมายังหลานชายของตน
   “ไม่มีทาง! ถึงจะมีวิธี อาก็ไม่ยอมให้ตุลทำแบบนั้นเด็ดขาด!”
   “ทำไมผมจะทำไม่ได้! ทีตอนผม อาให้โอกาสผมได้เลือกบ้างไหม! ถ้าผมรู้มาก่อน ผมจะไม่มีวันยอมให้อาทำแบบนั้น…จะไม่มีวันยอมให้ใช้ชีวิตของคนที่ผมรักที่สุด…เพื่อผมแบบนี้”
   ตุลาตวาดใส่วิญญาณของชายหนุ่มทั้งน้ำตา ทำให้กริชนิ่งอึ้ง แล้วพึมพำเสียงแผ่ว
   “อาขอโทษ ที่ไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของตุล …แต่อาทำเพื่อตุลนะ … อาไม่อยากให้หลานที่อารักต้องมีอันเป็นไปก่อนอา …ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีวิธีที่จะช่วยหลานได้”
   “ถ้าอย่างนั้นผมก็เหมือนกัน …ผมใช้ชีวิตของอามามากเกินพอแล้ว …ถ้าสามารถคืนมันให้กับญาติที่ผมรักมากคนนี้…แล้วทำไมผมถึงจะทำบ้างไม่ได้”
   พอเห็นว่าตุลาทำยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ กริชจึงหันไปทางเพื่อนสนิทของเขาแทน
   “อธิป…ได้โปรด ยังไงฉันก็ตายไปแล้ว แต่ตุลยังมีชีวิตอยู่ …ขอร้องล่ะ อย่าทำตามที่เขาขอได้ไหม…
ฉันกราบล่ะ”
   พอกริชเตรียมจะนั่งก้มลงกราบเท้าตนจริง ๆ ก็ทำเอาอธิปสะดุ้งโหยง แล้วรีบจับมือเพื่อนห้ามเอาไว้ก่อน
   “บ้ารึ! พวกนายอาหลานมันงี่เง่ากันทั้งคู่เลยนะ! ฉันแค่ประชดเท่านั้นเอง ช่วยคนใกล้ตายน่ะยังพอไหว แต่คนตายไปแล้วน่ะ ยังไงก็ช่วยไม่ได้แล้ว!”
   กริชชะงัก สีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กลับกันฝ่ายตุลา มีสีหน้าสลดลง แล้วพึมพำถามหมอผีหนุ่มแผ่วเบา
   “ไม่มีจริงหรือครับ …วิธีที่จะช่วยอากริชได้…”
   อธิปมองชายหนุ่มอ่อนเยาว์ตรงหน้าเขา แล้วถอนหายใสแผ่วเบา ก่อนจะตอบสั้น ๆ
   “มันก็มีอยู่หรอก”
   “จริงหรือครับ!” ตุลารีบโพล่งถาม ด้วยความตื่นเต้น
   “อืม…ก็”  อธิปเว้นวรรค เหลือบมองเพื่อนสนิทของตนที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หนุ่มใหญ่ยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงหันไปทางตุลา
   “ก็แค่เธอทำตัวเป็นคนดี ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ให้สมกับที่อาของเธอยอมเสียสละชีวิตของเขา เพื่อให้เธอคงอยู่แทน ยังไงล่ะ”
   กริชนิ่งอึ้ง เขาพึมพำขอบคุณเพื่อนของตนแผ่วเบา ส่วนตุลานิ่งเงียบไปสักพัก กำหมัดแน่น พยายามกลั้นสะอื้น แล้วหันมาทางอาของตน
   “อากริชครับ …ผม….ผมจะเป็นคนดีอย่างที่อาหวัง…”
   “ตุล…”
   “ฮึก…อากริช!”
   ตุลาโผเข้าหาร่างวิญญาณของอีกฝ่ายที่ก็กอดรับร่างนั้นแน่นไม่แพ้กัน  ตุลาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอีกครั้งอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่เขาก็ไม่โทษตัวเองเหมือนก่อนหน้านั้นอีกแล้ว อธิปยิ้มให้กริชที่หันมามองเขาแล้วพึมพำ
คำขอบคุณ ก่อนจะขอตัวออกไปจากห้องทิ้งให้อาหลานปรับความเข้าใจกันตามลำพัง
   ทางด้านนอกห้อง พอออกมาหมอผีหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อพบกับพาทิศที่มีท่าทีว่ากำลังยืนรอเขาอยู่
   “เรากำลังจะดื่มชากับทานของว่างรอบดึก คุณสนใจไปปาร์ตี้กับพวกเราไหมครับ”
   อธิปเลิกคิ้วน้อย ๆ แล้วแสร้งถามอีกฝ่ายลองเชิง
   “หือ…แล้วต้องให้เรียกสองคนข้างในนี่ไปด้วยไหม?”
   พาทิศยิ้มเจ้าเล่ห์รับ แล้วสั่นศีรษะเบา ๆ
   “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากขัดจังหวะฉากซึ้ง ๆ ของคนอื่น”   
   คำตอบของพา
ทิศทำให้หมอผีหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาเองก็คิดมานานแล้วว่า ซอมบี้หนุ่มผู้นี้นั้น รู้เรื่องเกี่ยวกับสมาชิกในคฤหาสน์นี้มากกว่าที่หลายคนคิด
   “หึ! คุณนี่ก็นะ… มิน่านายกริชถึงไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่”
   “เขาบอกคุณอย่างนั้นหรือครับ”
   พาทิศแกล้งถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยักไหล่
   “มองก็รู้แล้ว แต่กรณีคุณนี่บวกเรื่องที่ชอบไปคลอเคลียสนิทกับหลานเขาเกินจำเป็นด้วยล่ะนะ”
พาทิศหัวเราะในลำคอ เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายแล้วจึงชวนอธิปไปคุยด้านล่างแทน เพราะการนินทาวิญญาณอื่นเผาขนระยะใกล้ชิดแบบนี้มันคงไม่ค่อยจะดีนัก ซึ่งอธิปเองก็เห็นด้วย และรีบเดินตามไปเพราะได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ จากวิญญาณหนุ่มในห้องที่ดังออกมานั่นเอง

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-21 18:52 , Processed in 0.117912 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้