ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 885|ตอบกลับ: 1

ม่านราตรี = 21 - 22 =

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับและขอโทษเจ้าของเรื่องด้วยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
ความเดิมตอนที่แล้ว

    อยู่เป็นโสดมายี่สิบกว่าปีในที่สุดเขาก็มีคนรักเหมือนคนอื่นบ้างแล้ว ...ถึงคนรักคนนี้จะเป็นผู้ชายแถมไม่ใช่คนก็ตาม แต่สำหรับตุลา ก็ถือว่าพาทิศเป็นคนที่เขาอยากอยู่เคียงข้างไปด้วยกันเรื่อย ๆ ตลอดไปล่ะนะ
บทที่ 21
    ... หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างพาทิศและตุลากลายเป็นที่ยอมรับของสมาชิกในคฤหาสน์ม่านราตรีกันถ้วนหน้า ผีดิบหนุ่มก็เริ่มออกอาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของให้บางคนหมั่นไส้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณอาผู้หวงหลานชายผู้นั้น
   “หนอย... หมอนั่น มันจงใจอี๋อ๋อกับตุลต่อหน้าฉันชัด ๆ เห็นยอมเข้าหน่อยทำได้ใจ เดี๋ยวคอยดูเหอะจะจับแยกเข้าให้!”
   อธิปมองเพื่อนสนิทอย่างงัวเงีย เพราะอีกฝ่ายพอมาถึงก็ปลุกให้เขาตื่นแล้วยืนบ่นให้เขาฟังเป็นชุดเสียอย่างนั้น
   “เฮ้อ! ปลุกฉันมาตั้งแต่เช้า เพื่อจะมาบ่นเรื่องไร้สาระให้ฟังนี่นะ”
   กริชปรายสายตามองคนบ่นอย่างหมั่นไส้ แล้วจึงกระแทกเสียงใส่
   “เช้าบ้านนายน่ะสิ! สายโด่งขนาดนี้แล้ว!”
   อธิปเลิกคิ้ว แล้วคลำหานาฬิกาข้อมือของตนบนหัวเตียงมาเพ่งดู
   “เออว่ะ ... สายแล้วนี่นา นึกว่ายังเช้าอยู่เสียอีก”
    กริชทำเสียงฮึในลำคอ ก่อนจะสะดุดสายตาเข้าให้กับนาฬิกาที่อีกฝ่ายหยิบมาดู ตัวเรือนเหล็กนั้นเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ส่วนสายหนังก็เปื่อยแถมถลอกจนเห็นได้ชัด
   “เก่าจะตายยังจะเก็บไว้อีกหรือนั่น”
   อธิปเงยหน้ามองคนพูดแล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือสา
   “ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่เอาไว้ดูเวลา ยังเดินได้ก็ใช้มันต่อไปนั่นล่ะ”
   กริชฟังแล้วก็เงียบคิด ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงของอธิปเอ่ยขึ้นต่อมา
   “แล้วก็เรื่องเจ้าหนูตุลนั่นน่ะ  ฉันว่านายอย่าทำตัวเป็นพ่อตาหวงลูกสาวหน่อยเลย หลานชายนายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนา แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกัน เรื่องท้องก่อนแต่งอะไรนั่นก็ไม่ต้องเป็นห่วง สบายจะตาย”
   กริชหันขวับมาทางเพื่อนสนิท พลางจ้องอีกฝ่ายตาขวาง เพราะดันสะดุดในเนื้อความที่หนุ่มใหญ่พูดออกมาตรง ๆ นั่น
   “ง่า...ยังไงพวกเขาก็เป็นแฟนกันแล้วนี่ นายคิดหรือว่าเขาจะคบกันแบบเด็ก ๆ ประเภท กอดจูบกันเฉย ๆ น่ะ ...ไม่เอาน่ากริช นายคงไม่ให้หลานนายรักษาพรหมจรรย์จนถึงวันสิ้นอายุขัยของเขาใช่ไหม?”
   อธิปรีบอธิบายตามมาเมื่อเห็นแววตาดุ ๆ ของเพื่อน แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คนฟังไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
   “ฉันรู้ดีน่าเรื่องนั้น! แต่ที่ไม่สบอารมณ์เพราะหมอนั่นตั้งใจอี๋อ๋อกับตุลต่อหน้าฉันต่างหาก!”
   กริชโพล่งใส่ แต่อธิปกลับหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจ
   “หึงล่ะสิ ที่เจ้าหนูนั่นไปอ้อนคนอื่นนอกจากตัวเอง?”   
   วิญญาณหนุ่มที่ถูกพูดแทงใจดำชะงักกึก แล้วทำเป็นค้อนประชด ก่อนจะนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ จนคนพูดต้องถอนหายใจ
   “กริช...ไม่ดีหรอกหรือ มีคนคอยดูแลเจ้าหนูตุลให้ นายจะได้หมดห่วง แล้วละภพภูมินี้ไปได้สักที”
   อธิปปลอบ แต่ทำให้คนฟังชะงัก แล้วหันหน้าไปมองคนพูดด้วยใบหน้าหมองลง
   “นายอยากให้ฉันไปจากที่นี่ไว ๆ จะได้ไม่ต้องอยู่กวนนายแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”
   กริชประชดใส่ด้วยความน้อยใจ เพราะการที่หลานชายซึ่งตัวเองดูแลมา มีคนอื่นที่สำคัญกว่าเขา ก็ทำให้วิญญาณหนุ่มรู้สึกเหงาขึ้นมานิด ๆ แล้ว แถมพอโดนเพื่อนพูดเหมือนรีบไล่ให้ไปเกิดไว ๆ ก็ทำให้เขายิ่งเกิดความน้อยใจมากขึ้นไปอีก
   “เฮ้อ! นายนี่...ไม่เปลี่ยนเลยนะ ขี้งอนไม่เข้าเรื่อง”
   อธิปเปรยบ่นแล้วโอบบ่าร่างโปร่งแสงของเพื่อนมาหาตัวเบา ๆ และเพราะอาถรรพ์ที่ดินแรงกล้า อีกทั้งความ
ที่ชายหนุ่มมีพลังวิญญาณในฐานะหมอผี ร่างของกริชจึงเอนตามแรงดึงนั้นอย่างง่ายดาย
   “ปล่อยฉัน!”
   กริชบอกอีกฝ่ายเสียงดุ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจแล้วคำเปรยแผ่วเบาของเพื่อนสนิท
   “รู้ไหมนายกริช ...ตั้งแต่เกิดจนแก่ป่านนี้ ฉันมีเรื่องเดียวที่รู้สึกเสียใจ และอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขเสมอ...ถ้าในวันนั้นฉันไม่ตอบรับคำขอร้องของนาย ...บางทีนายอาจจะยอมมีชีวิตอยู่ต่อไป ได้กลายเป็นนักเขียนโด่งดัง มีความสุขมากยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้”
   กริชนิ่งอึ้ง เขาเงียบไปพักใหญ่ ๆ แล้วจึงซบหน้าลงกับบ่าของอีกฝ่าย
   “ถ้านายไม่ช่วยฉันในวันนั้น ก็จะไม่มีตุลในวันนี้ แล้วฉันก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นหลานชายที่ฉันรักเติบโต
มีเพื่อนฝูง มีคนที่รักและหวังดีต่อเขา ... อย่าโทษตัวเองเลยอธิป นายก็แค่ทำตามคำขอที่เอาแต่ใจของฉันก็แค่นั้น ...และถ้าวันนั้นนายไม่ตอบรับคำขอของฉัน ...ฉันก็จะทำอย่างที่เคยบอกไว้ ...ฉันทนดูหลานตายต่อหน้าต่อตา ทั้งที่รู้ว่ามีทางช่วยเหลือเขาไม่ได้หรอกนะอธิป ...หรือต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้  ฉันก็จะบังคับนายให้ทำเรื่องซ้ำ ๆ แบบเดิมอยู่ดีนั่นล่ะ”
    อธิปถอนหายใจเบา ๆ เขากอดร่างนั้นอยู่พักใหญ่จนกริชเริ่มรู้สึกตัว แล้วดันร่างของตนออกมาแรง ๆ ก่อนจะมีสีหน้าแดงระเรื่อให้เห็นบนใบหน้าเผือดขาวนั่น
   “ถึงฉันจะยอมให้ตุลคบกับผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่า ฉันจะมีรสนิยมแบบนั้นนะ!”
   อธิปที่นิ่งอึ้งด้วยความตกใจในตอนแรกที่ถูกอีกฝ่ายผลัก ขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะหวนคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายบอก
แล้วจึงนึกขึ้นมาได้ว่ากริชนั้นหมายถึงอะไรกันแน่
   “หึ ๆ นายกริชนะนายกริช... คิดอะไรได้น่าขนลุกพิลึก ที่ฉันกอดก็เพราะสงสารคนขี้เหงาหรอกนะ ไม่ได้คิดอะไรอย่างที่นายคิดสักนิดเดียว”
   อธิปบอกอย่างนึกขำ แต่คนฟังนี่สิทำหน้าบึ้งใส่ แล้วโพล่งกลับเสียงดังลั่น
   “ใครขี้เหงา! อย่ามาใส่ความกันนะ!”   
   “เอ ...ใครกันนะ พอโดนหลานทิ้งไปหาแฟนก็มาบ่น ๆ ให้ชาวบ้านฟัง แถมพอคนเขาอยากให้ไปสู่สุคติ ก็ยังมางอน น้อยอกน้อยใจใส่อีก ...แบบนี้ไม่เรียกขี้เหงาแล้วจะเรียกอะไร”
   “อธิป!”
   กริชเรียกชื่อเพื่อนด้วยความโมโหแกมอาย วิญญาณหนุ่มพุ่งเข้ามาหมายจะชกปากเสีย ๆ ของเพื่อนให้หายโกรธ แต่ก็ดันโดนคนไวกว่ารวบตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
   “จุ๊ ๆ เป็นวิญญาณ คิดจะเล่นงานหมอผี เร็วไปร้อยปีนะจ๊ะ”
   อธิปแกล้งแหย่ ทำให้กริชทั้งโมโหทั้งเสียหน้า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอาคมของอีกฝ่ายทำให้เขาขยับตัวลำบาก
   “อธิป...ฉันเจ็บ...ปล่อยเถอะนะ...”
    และระหว่างที่หมอผีหนุ่มกำลังได้ใจ กริชก็เงยหน้าช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนวอน ชนิดที่ทำให้คนมองกลืนน้ำลายลงคอ ใจเต้นแรงอย่างประหลาด เผลอลืมตัวจนเปิดช่องว่างให้กับคนที่คอยโอกาสอยู่แล้วโหม่งศีรษะซัดปลายคางเจ้าตัวเต็มที่
   “โอ๊ย! เล่นปลายคางนี่กะจะให้สลบเลยหรือไงวะ!”
   อธิปที่ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าด้วยความมึนงงโวยวาย กริชยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ
   “สมน้ำหน้า ใครใช้ให้แกล้งกันก่อนเล่า เชอะ!”
   กริชบอก ก่อนจะหายตัววับหนีกลับห้องไป เพราะกลัวอีกฝ่ายจะบ้าจี้เอาคืนเขาบ้าง ทิ้งให้อธิปนั่งสะบัดศีรษะอย่างมึนงงครู่ใหญ่ พร้อมกับสบถด่าตัวเองที่ดันไปเผลอใจเต้นเข้าให้กับใบหน้าหวาน ๆ อ้อน ๆ ของเพื่อนสนิท จนต้องโดนเล่นงานแบบนี้
   “เดี๋ยวเหอะ เล่นยั่วแบบนี้บ่อย ๆ พ่อจับกดเข้าให้จริง ๆ แล้วอย่ามาร้องโวยวายแล้วกัน!”
   อธิปพึมพำด้วยความเจ็บใจ พร้อมกับคาดโทษชนิดที่หากกริชได้ยินคงจะโวยวายใส่แล้วหาทางเล่นงานคนพูดเข้าให้แน่
   ตุลารู้สึกเขิน ๆ ต่อสายตาที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นอย่างจริงจังของสาว ๆ ที่จ้องมาในยามที่เขาพูดคุยกับพาทิศ ที่บริเวณซุ้มราตรี และแทนที่ผีดิบหนุ่มจะรู้สึกอายเหมือนกัน แต่กลับแกล้งทำเป็นแตะโน่นจับนี่ตามตัวเขา ให้สาว ๆ คอยซุบซิบหัวเราะคิกคักนินทากันใกล้ ๆ แทนเสียอีก
    “คุณพาทิศครับ...คือว่า...มือ...”
   ตุลาบอกหน้าแดงระเรื่อเมื่ออีกฝ่ายขยับมานั่งใกล้แถมยังโอบเอวเขาเข้าให้อย่างถือสิทธิ์
   “ทำไม...ไม่ชอบหรือ?”
   พาทิศแกล้งถาม ทำเอาชายหนุ่มหน้าแดงก่ำ แล้วก้มหน้าก้มตาตอบอุบอิบ
   “ไม่ใช่ไม่ชอบ...แต่...คือผมอายน่ะครับ”
   คำตอบตรงไปตรงมาสมกับเป็นเจ้าตัว ทำให้พาทิศอมยิ้มแล้วเลิกแกล้งอีกฝ่าย เขาปล่อยมือออก พลางลูบศีรษะของตุลาเบา ๆ ก่อนจะชะโงกหน้าไปกระซิบใกล้ ๆ
   “งั้นไว้กอดตอนไม่มีคนอยู่แล้วกันนะ”
   “แหม! คนอื่นนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน ทำตัวหวานกันไม่เกรงใจเลยนะยะ”
   รุ้งพรายที่ได้ยินเสียงกระซิบนั่นถนัดหู กระแทกเสียงใส่อย่างหมั่นไส้ เพราะพอทั้งคู่ประกาศเป็นแฟนกัน พาทิศก็ตามประกบตุลาไม่ค่อยห่างเสียยิ่งกว่าเดิม ทำเอาเหมือนเธอรู้สึกโดนแย่งของเล่นสุดโปรดไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้น
   “ช่วยไม่ได้นี่นา อุตสาห์ปล่อยให้พวกเธอมะรุมมะตุ้มเขามาเป็นปี ๆ ตอนนี้ก็ขอคืนบ้างล่ะ”
   พาทิศหันไปตอบปีศาจแมวสาวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รุ้งพรายจึงค้อนขวับเข้าให้ อาการงอน ๆ นั้น ทำให้แม้แต่ตุลายังอดอมยิ้มไม่ได้
   “ก็คิดอยู่บ้างว่าตุลคงหาแฟนสาวได้ยาก แต่ไม่คิดเลยนะจะมาได้แฟนแถวนี้ แถมยังเป็นพาทิศอีก”
   ราตรีเอ่ยขึ้นบ้างอย่างไม่ได้คิดหมั่นไส้อะไรทั้งคู่ กลับกันเธอนั้นยินดีที่ได้เห็นคนที่เธอชอบทั้งสองคนลงเอยกันเอง มากกว่าที่จะไปลงเอยกับคนอื่นที่เป็นสมาชิกนอกคฤหาสน์หลังนี้   
   ทางด้านตุลามองวิญญาณสาวตาปริบ ๆ รู้สึกทะแม่งในคำพูดต้นประโยคของอีกฝ่าย แต่พอถูกพาทิศหอมแก้มเข้าให้ เขาก็สะดุ้งโหยงหน้าแดง แล้วรีบขยับตัวหนีห่างด้วยความอาย ส่วนรุ้งพรายพอเห็นก็ค้อนขวับให้
อย่างหมั่นไส้อีกครั้ง ด้านราตรีนั้นหัวเราะคิกคัก ส่วนปิ่นสุดาที่นั่งอยู่บนปากบ่อน้ำก็แอบอมยิ้ม แล้วก็พลัน
นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
   “แล้วแบบนี้ตอนกลางคืนคุณตุลจะนอนที่ไหนคะเนี่ย?”
    คนอื่น ๆ หันมามองเงือกสาวอย่างสงสัย ปิ่นสุดาสะดุ้งหน้าแดงวาบ แล้วบอกออกไปอย่างเอียงอาย
   “ก็เป็นคู่รักกัน มันก็ต้องมีเรื่องพวกนั้นไม่ใช่หรือคะ...ถ้าแยกกันนอนจะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ”
   ปิ่นสุดาพูดไปหน้าแดงไป แต่คนฟังอย่างตุลายิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปอีก สำหรับราตรีนั้นพอได้ยินเธอก็หลุดหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ส่วนรุ้งพรายอ้าปากค้างในทีแรก ก่อนจะบ่นอุบอิบไม่อยากเชื่อ ว่าเพื่อนสาวจะคิดเล็กคิดน้อยไปถึงขนาดนั้นได้ ทั้งที่เป็นคนเรียบร้อยแท้ ๆ
   และสำหรับพาทิศเขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของหนุ่มน้อยข้างกาย เขาแกล้งกระแอม
เบา ๆ แล้วเอ่ยขึ้นตามมา
   “ตุลไม่ต้องย้ายห้องหรอก ...แต่ถ้าอยากให้ฉันกอดเมื่อไหร่ ก็เรียกแล้วกัน แล้วฉันจะรีบไปหาทันที”
   “คุณพาทิศ!”
   ตุลาตวาดคนรักด้วยใบหน้าแดงก่ำ พลางมองซ้ายมองขวาก็เห็นสายตาของสาว ๆ มองมายังเขาด้วยความสนอกสนใจ นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มยิ่งอายหนัก แล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไปในทันที
   “โถ ๆ งอนเข้าให้แล้วสินะ ไปปลอบด้วยล่ะพาทิศ เดี๋ยวก็ไม่ยอมคุยกับพวกเราหรอก”
   ราตรีหันไปบอกเพื่อนชายของเธอ พาทิศหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ส่วนรุ้งพรายคลอนหัวไปมา และปิ่นสุดาหน้าแดงระเรื่อเมื่อเผลอจินตนาการอะไร ๆ ของหล่อนไปตามลำพัง
    เมื่อกลับขึ้นมาถึงห้อง ตุลาก็ต้องพบว่าเขาลืมโน้ตบุคไว้ด้านล่าง แต่จะให้ลงไปเอาตอนนี้ก็เห็นทีจะลำบาก เพราะเขาคงต้องโดนหัวเราะเยาะให้อีกแน่
   “ฮึ! คนขี้แกล้ง”
   ตุลาพึมพำต่อว่าคนที่ยังคงชอบแหย่ชอบแกล้งเขาเสมอ ถึงแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะคบกันแล้วก็ตาม
   “ใจร้ายจัง คนอุตสาห์เอาของขึ้นมาส่งให้แท้ ๆ”
   เสียงทุ้มที่ดังอยู่ตรงประตูทำให้คนที่ยืนบ่นสะดุ้งโหยง แล้วหันขวับไปมองอย่างตกใจ
   “คุณพาทิศ มาได้ยังไงกัน!”
   เพราะตัวเองวิ่งขึ้นมา และเพิ่งปิดห้องไปหยก ๆ แต่ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็ตามมาทันเสียแล้ว ทำให้ตุลารู้สึกประหลาดใจพอดู แต่พอเห็นรอยยิ้มเอ็นดูของอีกฝ่ายที่มีให้ตน เขาก็ต้องชะงักแล้วนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเหมือนตนเอง เรื่องพวกนี้มันก็คงไม่น่าจะแปลกใจอะไร
   “ดีใจจังนะ ที่ตุลไม่คิดว่าฉันเป็นพวกตัวประหลาด ผิดแผกจากตัวเองตลอดเวลาแบบนั้น”
   พาทิศบอกยิ้ม ๆ แล้วจึงเดินเข้ามาในห้อง วางโน้ตบุคลงบนโต๊ะทำงาน แล้วตรงเข้าสวมกอดคนรัก ที่บัดนี้หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคงบอกตอบอีกฝ่ายออกไปแผ่วเบา
   “ผมอาจจะเป็นคนขี้กลัว จนบางครั้งเหมือนเสียมารยาทกับคุณไปบ้าง ...แต่ผมไม่เคยรังเกียจคุณเลยสักครั้ง
นะครับ”
   พาทิศหัวเราะในลำคอ แล้วจึงกระชับอ้อมกอดของตนให้แน่นขึ้นไปอีก
   “อืม...ฉันรู้ดี เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้ชอบตุลมากขึ้น ๆ ทุกวันยังไงล่ะ”
   ตุลาหน้าแดงก่ำกับคำหวานบอกรักนั่น ทว่าระหว่างที่เขากำลังเงยหน้าหลับตาพริ้มรอรับจูบของอีกฝ่าย กริชก็ปรากฏกายขึ้นมาต่อหน้าทั้งคู่พอดี
   “ตุล อามีเรื่องอยากปรึกษาสักนิด...”
   กริชเอ่ยค้างไว้แค่นั้น ตุลาเองก็ตกใจ ส่วนพาทิศนั้นสะดุ้งเล็กน้อย แต่สักพักก็อมยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาตามมา ทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งใจขัดจังหวะหน้าหงิก แล้วโพล่งถามเสียงห้วน
   “นายจะทำอะไรหลานฉัน หา!”
   “แหม...ก็ทำเรื่องที่คู่รักเขาทำกันน่ะสิครับ เรื่องธรรมดาออกเนอะตุล”
   พาทิศแกล้งตอบกวน ๆ เพราะรู้ดีว่ากริชไม่ค่อยเต็มใจให้เขาคบกับหลานชายนัก ส่วนตุลาหน้าแดงด้วยความเขินพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ
   “หนอย...”
   กริชกัดฟันกรอดเพราะเถียงสู้ไม่ได้ เนื่องจากคำพูดของพาทิศก็ไม่ได้ผิดอะไรกับความเป็นจริงที่ทั้งคู่เป็นอยู่
   “เอ่อ...อาครับ เมื่อครู่อาจะพูดอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
   ตุลารีบขัดจังหวะก่อนที่กริชจะอารมณ์เสียไปมากกว่านั้น
   “ฮึ่ม...ฝากไว้ก่อนเถอะ”   กริชพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงหันไปตอบคำถามของตุลา
   “คือ...ถ้าอาจำไม่ผิด อีกสองวันจะเป็นวันเกิดของอธิปเขา...อาเองก็รบกวนเขาไว้มาก ก็เลยอยากตอบแทนอะไรสักหน่อย ตุลว่าเราจะจัดงานเลี้ยง หรือแค่ซื้อของขวัญให้หมอนั่นดีล่ะ”
   พาทิศกับตุลาฟังแล้วก็หันมาสบตาพลางอมยิ้มน้อย ๆ ให้กัน เพราะต่างรู้ดีว่ากริชนั้นสนิทกับอธิปดีเพียงไร แม้จะโต้เถียงและทะเลาะกันบ่อยครั้งให้เห็น แต่สำหรับสายตาของคนนอก หมอผีหนุ่มก็ถือว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับกริชคนหนึ่งเลยทีเดียว
   “ยิ้มอะไรกัน! อาทำเพราะแค่อยากตอบแทนที่เขาช่วยเหลือตุลมาโดยตลอดเท่านั้นหรอกนะ!”
   คนปากไม่ตรงกับใจรีบแก้ตัว ทำให้คนฟังกลั้นยิ้มแล้วรีบอ้อนประจบทันที
   “อย่าโมโหสิครับอา ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เอาแบบนี้ไหมครับ ผมว่าไหน ๆ แล้ว เราจัดเป็นงานเลี้ยงกันเลยดีกว่านะครับ คนช่วยเตรียมก็ตั้งเยอะขนาดนี้”
   พาทิศหันไปมองคนรักยิ้ม ๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นบ้าง
   “นั่นสิครับ ผมรับหน้าที่งานครัวให้เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีการเซอร์ไพรส์ เพราะปกติคุณอธิปก็มักจะขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง หรือถ้าไม่อยากให้เขารู้ตัวก่อน คุณกริชก็ชวนเขาคุย หรือไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดก็ได้
นี่ครับ”
   กริชฟังแล้วก็นิ่งคิดตามอย่างเห็นดีด้วย โดยเฉพาะถ้าชวนอ่านหนังสือ มีหวังอธิปได้หลับคาหนังสือแน่นอน
   “ก็ดี...ถ้าอย่างนั้นฝากทั้งสองคนช่วยเตรียมการให้หน่อยแล้วกัน  ส่วนเรื่องของขวัญ อาวานตุลช่วยออกไปซื้อให้หน่อยได้ไหม”
   “ได้แน่นอนครับอา ไปวันนี้เลยก็ได้นะครับ”
   ตุลารีบบอก ทำให้กริชอมยิ้มแล้วลูบศีรษะหลานชายอย่างเอ็นดู ก่อนจะชะงักแล้วหันไปทางพาทิศ พร้อมกับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
    “ถึงนายจะเป็นคนรักของหลานฉันก็ตาม ...แต่ไอ้เรื่องทำประเจิดประเจ้อกันกลางวันแสก ๆ แบบนี้ ยังไงฉันก็รับไม่ได้อยู่ดี!”
   ตุลาหน้าแดงวาบที่กริชหันวกกลับมาสนทนาเรื่องเดิมเข้าให้อีกรอบ ทางด้านพาทิศนั้นชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พลางตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
   “ถ้าอย่างนั้น ตอนกลางคืนก็ไม่เป็นไรสินะครับ”
   กริชนิ่งอึ้ง กัดฟันกรอด เหลียวมองหลานชายที่สบตาเขาอย่างกังวล แล้วจึงโพล่งตอบไปอย่างหงุดหงิด
   “เออ!”
   พาทิศหลุดหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกฝ่ายเบา ๆ ตามมา
   “ขอโทษนะครับที่ทำให้อารมณ์เสีย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะไม่ทำเรื่องที่บังคับฝืนใจตุลเด็ดขาด...
ผมชอบเขาจริง ๆ และจะรอจนกว่าเขาจะพร้อมเป็นของผมทั้งใจและกายครับ”
   กริชจ้องมองคนรักของหลานชาย ใบหน้าหงุดหงิดคลายบึ้งตึงลงไปมาก แล้วจึงพยักหน้ารับรู้
   “...ยังไงก็ฝากหลานฉันด้วยแล้วกัน ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้อีกนานไหม”
   “อาครับ!”
   ตุลาแทรกขัดอย่างตกใจ แต่พอกริชหันมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไป
   “เราไม่อาจคาดเดาอนาคตข้างหน้าได้  แต่ถ้าสามารถเลือกได้ อาก็อยากเฝ้ามองตุลอยู่แบบนี้ไปตลอดล่ะนะ”
   “ผมก็อยากให้อาอยู่ข้าง ๆ ผมตลอดไป...ถึงแม้จะเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว ...แต่ผมก็ยังอยากให้เป็น
แบบนั้น...”
   ตุลาตอบเสียงแผ่ว ทำให้กริชรวบร่างของหลานชายมากอดอย่างรักใคร่ แล้วจึงจูบที่หน้าผากของอีกฝ่ายเบา ๆ
   “อาก็เหมือนกัน...”
   กริชยิ้มให้ตุลาแล้วจึงดันร่างหลานชายส่งต่อให้พาทิศ ก่อนจะแสร้งโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   “ยังไงอาก็ยังไม่รีบไปในวันสองวันนี้หรอก ยังมีภาระให้ต้องจัดการอีกหลายอย่างนี่นะ!”
   ตุลาชะงักแล้วอมยิ้ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าภาระที่อีกฝ่ายบอกนั้นหมายถึงอะไร
   “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอาบอกให้แล้วกันว่าจะให้ตุลซื้ออะไรให้หมอนั่น”
   กริชเอ่ยต่อ แล้วให้ตุลาเปิดโน้ตบุคออกมาเซิร์ซหาของที่เขาอยากให้อีกฝ่ายซื้อ และเนื่องจากอยากได้สินค้าในสภาพดีที่สุด เขาจึงตัดสินใจไม่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ แต่ให้ตุลาไปเลือกในห้างและห่อของขวัญให้แทน เพราะมั่นใจว่าหลานชายของตนจะต้องเลือกชิ้นที่ดีที่สุดมาให้อย่างแน่นอน
บทที่ 22
   ในที่สุดวันเกิดของอธิปก็มาถึง ตุลานั้นเตรียมของขวัญตามที่กริชสั่ง ส่วนพาทิศก็จัดเตรียมอาหารเพื่อเซอร์ไพรส์เจ้าของวันเกิดในมื้อเย็นตามแผนการที่วางไว้ ทว่า…
   “อะไรนะ! ไปทำธุระนอกบ้านอย่างนั้นหรือ  ธุระอะไร สำคัญมากหรือไง คงไม่ใช่งานหมอผีนั่นอีกนะ
ไหนบอกว่าเลิกรับงานพวกนั้นแล้วไงล่ะ!”
   กริชโพล่งใส่เพื่อนสนิทเป็นชุด หลังจากที่ได้ฟังจากอธิปว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่และอาจจะค้างนอกบ้านในคืนนี้
   “ช่วยไม่ได้นี่หว่า คนคุ้นเคยกันขอร้องทั้งที อีกอย่างรายนี้เขาเจอหนักเพราะโดนเล่นของใส่ ไปหาคนอื่นก็ช่วยไม่ได้ ฉันเลยต้องออกโรงเองไงล่ะ”
   กริชกัดฟันกรอดนึกอยากจะตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายให้หายหงุดหงิด แต่ก็กลัวแผนที่วางไว้จะพังเสียก่อน จึงได้แต่พยายามข่มอารมณ์ถามออกไปห้วน ๆ
   “แล้วจำเป็นต้องค้างด้วยหรือไง!”
   “ก็บ้านเขาค่อนข้างไกลนี่นา แล้วนายจะโมโหอะไร กับอีแค่ฉันออกไปทำงานข้างนอก นี่อุตสาห์ไม่พาไปด้วยแล้วนะ!”
   อธิปโต้ตอบอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน เพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนโมโหอะไรกันแน่
   “เฮอะ! ไม่เห็นจะสนใจ อยากไปไหนก็ไปสิ!”
   กริชบอกประชด แล้วสะบัดหน้าหนี ทำให้อธิปต้องเกาศีรษะแกรก ๆ ส่วนคนอื่น ๆ พากันเงียบกริบไม่กล้าเอ่ยแทรกการสนทนาของทั้งสอง ได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างลุ้นระทึก
   “งั้นไปล่ะ อะไรก็ไม่รู้ จู่ ๆ ก็มาโวยวายใส่”
   อธิปบ่นอุบ แล้วเตรียมเดินออกจากบ้านไป โดยที่ตุลานั้นหันมองผู้เป็นอาอย่างกังวล แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดอะไรออกไป กริชก็เม้มปากแน่นแล้วตะโกนเรียกชื่อคนที่เดินถึงประตูหน้าบ้านเสียก่อน
   “เดี๋ยว อธิป!”
   อธิปชะงักฝีเท้า พลางหันกลับมามองคนเรียกตาขุ่น ๆ  แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่เรียกเขา
   “…นายจะกลับก่อนเที่ยงคืนได้ไหม”
   คำพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง และแววตาที่คาดหวัง ทำให้หนุ่มใหญ่เงียบกริบ ก่อนจะถอนหายใจตามมา
   “เฮ้อ… อะไรของนายกันนะวันนี้”
   กริชพอได้ฟังก็เงียบไป เขาลังเลว่าจะบอกอีกฝ่ายดีไหม หรือจะปล่อยเงียบเฉยให้มันผ่านไป แต่แล้ววิญญาณหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของเพื่อนตน
   “ไม่รู้ว่ามีอะไร แต่จะพยายามรีบกลับมาให้ทันแล้วกัน”
   “สัญญาแล้วนะ!”
   น้ำเสียงนั้นห้วน สีหน้าก็ติดเชิด แต่แววตาแสดงความดีใจยากปิดบัง ทำให้อธิปหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
แล้วบอกตอบอย่างอารมณ์ดีกว่าเดิม
   “เออ ๆ สัญญา… งั้นฉันไปล่ะ จะได้รีบไปรีบกลับ”
   หมอผีหนุ่มบอกแล้วจึงเดินออกจากบ้านไป ท่ามกลางความโล่งใจของคนอื่น ๆ ในบ้านที่เฝ้ามองอยู่ และต่างตัดสินใจเลื่อนงานเลี้ยงตอนหัวค่ำ เป็นตอนดึกในเวลาที่อธิปกลับมาถึงแทน
    ช่วงหัวค่ำทุกคนยังคงนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน และช่วยกันสมมุติเหตุการณ์ตอนอธิปกลับมา แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะเที่ยงคืน เสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบลง กลายเป็นความไม่สบายใจแทน เมื่อเห็นกริชนั้นดูเงียบเฉยไปไม่พูดไม่จา จนกระทั่งเวลาเที่ยงคืนผ่านพ้นไป
   “จบแล้วสินะ”
   กริชพึมพำ ก่อนจะแสร้งทำเป็นบิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน แล้วจึงโพล่งเสียงดังกลบความเงียบอันน่าอึดอัด
   “เจ้าบ้านั่นให้รออยู่ได้ ถ้ามาไม่ทันก็โทรมาบอกเสียก็สิ้นเรื่อง พวกเราเลยดูเหมือนคนงี่เง่าไปเลย!”
   “อากริชครับ … คือ เอ่อ”
   ตุลาพยายามหาคำพูดมาปลอบโยนอาของตน แต่กริชนั้นหันมายิ้มให้กับหลานชาย แล้วบอกด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน
   “อย่าซีเรียสตุล ของแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ อาไม่คิดมากหรอก ให้ช้าให้เร็ว ก็เป็นของขวัญวันเกิดเหมือนกัน”
   ตุลาเงียบกริบ แม้อาของเขาจะยิ้มแต่ดวงตาคู่นั้นแลดูเศร้าจนน่าเป็นห่วง แต่พอเขาจะปลอบอะไรออกไป
พาทิศก็บีบไหล่เตือนเสียก่อน พลางสั่นศีรษะเบา ๆ เป็นเชิงให้ตุลาหยุดพูด
   “ถ้าอย่างนั้น ผมพาตุลขึ้นนอนเลยนะครับ พวกเธอก็ด้วย ปิ่น รุ้ง ราตรี กลับที่ตัวเองได้แล้ว”
   สามสาวพอได้ยินดังนั้น ก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์กับตุลาและกริช พลางแยกย้ายกันไปเงียบ ๆ
   “ขอบคุณสำหรับอาหารที่เตรียมไว้นะ ลำบากนายแย่เลย”
   กริชบอกกับพาทิศที่กำลังพาตุลาขึ้นห้อง พาทิศหันมายิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับไป
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปส่งตุลก่อนนะครับ”
   “อือ ขอบใจ”
   กริชตอบสั้น ๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแถวนั้นเงียบ ๆ พาทิศเดินพาตุลาไปส่งจนถึงห้อง ซึ่งพอเข้าไปในห้องชายหนุ่มก็ถามคนรักอย่างสงสัยทันที
   “ทำไมล่ะครับ อากริชน่าสงสารออก อุตสาห์ตั้งใจเตรียมงานเพื่อคุณอธิปถึงขนาดนั้น”
   “ก็เพราะอย่างนั้น เขาถึงไม่อยากให้พวกเรารู้ว่าเขาเสียใจยังไงล่ะ  การปลอบโยนในสถานการณ์บางอย่าง บางทีก็เหมือนตอกย้ำความเจ็บให้อีกฝ่าย ถ้าเขาแสดงออกว่าไม่เป็นไร เราก็ควรตอบรับการแสดงของเขามากกว่า”
   ตุลาเงียบกริบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ
   “ผมนี่แย่จริง ไม่รู้อะไรเลยแท้ ๆ”
   พาทิศยิ้มน้อย ๆ แล้วดึงร่างของอีกฝ่ายมากอดหลวม ๆ
   “มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ชีวิตต่างหาก เธอเองก็อายุยังน้อย ค่อย ๆ เรียนรู้ไป อีกหน่อยก็เชี่ยวชาญขึ้นเองนั่นล่ะ”
   “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าถ้าอายุมากขึ้นแล้วจะเข้าใจโลกมากขึ้นไหม”
   ตุลาพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ
   “เพราะอย่างนั้น … คุณจะอยู่เคียงข้างผม คอยช่วยสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้ผมตลอดไป ได้ไหมครับ”
   พาทิศนิ่งอึ้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมา แล้วเพิ่มแรงกอดรัดร่างโปร่งอย่างรักใคร่
   “ได้แน่นอน ฉันจะสอนทุกสิ่งทุกอย่าง และจะอยู่เคียงข้างเธอ คอยช่วยเหลือเธอตลอดไป”
   ตุลากอดตอบร่างสูง แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายดันร่างของเขาออกห่าง แต่พอถามออกไปก็ต้องได้รับคำตอบ
ที่ชวนสะดุ้ง
   “ถึงร่างนี้จะเป็นผีดิบ แต่ก็ยังมีอารมณ์อย่างว่า ตามปกติเหมือนมนุษย์ทั่วไปนะ”
   ตุลาหน้าแดงวาบ รีบก้มหน้างุด ๆ หลบสายตา ทำให้พาทิศต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
   “ฉันก็อยากทำเรื่องนั้นนะ แต่อาเธออารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากเสี่ยงโดนลูกหลงหรอก ไว้รอวันหลังก็แล้วกัน”
   ตุลาพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ เห็นดังนั้นพาทิศจึงก้มลงไปหอมแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์แล้วจากไป ทิ้งให้เจ้าของห้องเดินหน้าแดงตรงไปนอนบนเตียง ก่อนจะคิดฟุ้งซ่านอยู่นานจึงจะหลับไปได้ในที่สุด
    นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาหนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ กริชยังคงนั่งเหม่อในห้องรับแขก ตามองประตูบ้านนิ่ง ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรอกแกรกจากประตูรั้วแว่วดังเข้ามา และสักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของอธิป
   “…ขอโทษที กริช …ฉันพยายามเร่งเต็มที่แล้ว …แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี”
   คำพูดพร้อมกับท่าทางเหนื่อยหอบที่แสดงให้เห็น ทำให้คนฟังนิ่งเงียบแล้วจึงแย้มยิ้มน้อย ๆ ส่งให้
   “ไม่เป็นไร  นายก็พยายามเต็มที่แล้วนี่”
   กริชบอกกับเพื่อนของเขา แล้วจึงนั่งรอให้อธิปเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยิบกล่องของขวัญบนโต๊ะรับแขก
ยื่นส่งให้อีกฝ่าย
   “เอ้า! ถึงจะช้าไปหน่อย แต่ก็สุขสันต์วันเกิดนะ”
   อธิปรับของขวัญมาอย่างมึนงง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า วันที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของตนนั่นเอง
   “กริช …นี่มัน…”
   “กินอะไรมาหรือยังล่ะ อาหารมีอยู่ในตู้เย็น ถ้าจะกินนายก็ต้องอุ่นเอาเอง หรือถ้าอยากกินของหวาน เค้กก็
มีนะ”
   กริชบอกเรื่อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปทางครัว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่ออธิปโอบกอดเขามา
จากด้านหลัง
   “เฮ้ย! อะไรกันอธิป!”
   วิญญาณหนุ่มโวยวายด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
   “…ขอโทษนะ ที่ผิดสัญญา ทั้งที่นายตั้งใจฉลองเพื่อฉันแบบนี้แท้ ๆ”
   คำขอโทษพร้อมกับอ้อมกอดที่สวมกอดแน่นมาจากด้านหลัง ทำให้กริชนิ่งเงียบ ก่อนเปรยขึ้นเบา ๆ
   “ไม่เป็นไรหรอก นายมีธุระสำคัญจริง ๆ นี่นะ …แล้วเป็นไง ช่วยสำเร็จไหม”
   ท้ายประโยคกริชรีบเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้อธิปยิ้มกับตัวเองน้อย ๆ แล้วจึงคลายอ้อมกอดออก จับพลิกร่าง
อีกฝ่ายมาเผชิญหน้ากับตน
   “มือชั้นนี้แล้ว มีหรือจะพลาด”
   กริชยิ้มน้อย ๆ ตอบ ก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงท้องของอธิปร้องโครกครากดังลั่น
   “ช่วยไม่ได้ พองานเสร็จฉันก็รีบตรงกลับบ้านเลยนี่!”
   อธิปรีบแก้ตัว รู้สึกขายหน้านิด ๆ ที่ดันมาท้องร้องให้อีกฝ่ายได้ยินแบบนี้
   “ฉันเชื่อที่นายพูดนะ หึ ๆ”
   กริชบอกกึ่งขำ แล้วจึงเดินไปที่ตู้เย็นหยิบอาหารในนั้นออกมาอย่างสบาย ๆ เพราะตอนกลางคืนในคฤหาสน์ม่านราตรี ก็ยิ่งช่วยเสริมพลังวิญญาณให้เขามากขึ้นจนร่างโปร่งใสแทบจะมีเนื้อหนังเหมือนคนปกติด้วยซ้ำ
   “เอ้า! นั่งรอไป ไม่ต้องมาช่วย เดี๋ยวฉันอุ่นให้”
   “เห…ใจดีแบบนี้ ในนั้นใส่ยาสั่งอะไรหรือเปล่าน้อ”
   อธิปแกล้งแหย่ ทำเอาคนที่กำลังจะเตรียมเทอาหารลงกระทะชะงัก แล้วทำหน้าบึ้ง
   “ปากแบบนี้ทำกินเองเลยดีไหม!”
   “โอ๋ ๆ คุณกริชครับ ผมพูดเล่นเท่านั้นเอง ช่วยทำให้ผมกินหน่อยนะครับ ผมหิวจะเป็นลมอยู่แล้ว”
   อธิปรีบแก้ตัว เรียกเสียงฮึเบา ๆ จากร่างโปร่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะช่วยอุ่นอาหารต่าง ๆ แล้วนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ โดยที่อธิปเองก็หยิบจานเปล่าและช้อนไว้รออยู่แล้ว
   “อันนี้รสคล้ายกับที่นายเคยทำให้กินเมื่อสิบกว่าปีก่อนเลย”
   อธิปบอกหลังจากที่กินอาหารเสร็จ และกำลังกินเค้กวันเกิดของตน  แต่พอได้ยินหมอผีหนุ่มพูดแบบนั้น
กริชก็ชะงักแล้วตอบออกไปโดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย
   “เค้กมันก็รสเหมือน ๆ กันนั่นล่ะ”
   “ไม่นา ถึงจะใช้สูตรเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าจะออกมาเหมือนกันสักหน่อย …หือ อย่าบอกนะว่านายทำให้ฉันกินด้วยตัวเองน่ะ?”
   อธิปถามออกไปเพราะเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของอีกฝ่าย กริชหลบสายตาก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ
   “ฉันแค่บอกสูตรแล้วให้ตุลช่วยทำน่ะ … รสชาติแย่มากไหม?”
   “ไม่แย่หรอก แค่หวานน้อยไปนิดเท่านั้น”
   อธิปบอกตามตรง แต่คนฟังกลับขมวดคิ้วยุ่ง
   “อายุมากขึ้นอีกปีแบบนี้ยังจะอยากกินหวาน ๆ อีก เดี๋ยวก็โรคถามหาหรอก”
   อธิปหลุดหัวเราะออกมาทันทีที่กริชพูดจบ ทำให้คนพูดงุนงง แล้วถามออกไป
   “หัวเราะอะไร?”
   อธิปยิ้มน้อย ๆ ให้คนถาม ก่อนจะตอบออกไป
   “ก็นายพูดประโยคเดียวกับตอนนั้นเลยนี่ …จำได้ไหม ปีสุดท้ายที่นายจัดวันเกิดให้ฉัน นายทำเค้กให้ พอฉัน
ติว่าหวานน้อยไป นายก็พูดประโยคเดียวกับเมื่อครู่เด๊ะเลย”
   กริชนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงจดจำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผ่านมาเมื่อสิบปีก่อนได้เช่นนี้
   “ขอบคุณนะกริช นายทำให้มันเป็นวันเกิดที่วิเศษอีกปีของฉันเลยทีเดียว …”
   อธิปบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้คนมองหน้าแดงด้วยความอาย แล้วแสร้งหันหน้าเมินไปทางอื่น
   “ช่วยไม่ได้ ก็เพื่อนที่พูดคุยได้ของฉันตอนนี้เหลือแค่นายคนเดียวนี่นะ!”
   “อืม ๆ ฉันรู้”
   อธิปบอกยิ้ม ๆ เพราะชินเสียแล้วกับคนปากไม่ตรงกับใจตรงหน้าเขา
   “ฮึ! ฉันขอตัวก่อนล่ะ นายก็ไปนอนพักได้แล้ว … และก็ของขวัญให้ไปต้องใช้ด้วยรู้ไหม ไม่งั้นน่าดู!”
   กริชโพล่งใส่ทิ้งท้าย ก่อนจะหายตัววับไป อธิปสั่นศีรษะเบา ๆ อย่างระอา แล้วจึงจัดการเก็บจานชามล้างให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นห้องนอนบนชั้นสอง และแกะของขวัญดูทันทีที่เข้ามาภายในห้อง
   “หึ ๆ หมอนี่ ไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ นะ”
   อธิปมองดูนาฬิกายี่ห้อชั้นดีราคาแพงในกล่องสวยหรู ก่อนจะมองนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าของเขาซึ่งได้รับมาจากเจ้าของคนเดียวกัน
   “นายจะด่าอะไรฉันทางอ้อมไหมเนี่ยฮึนายกริช เล่นให้นาฬิกาเป็นของขวัญแบบนี้สองครั้งสองคราแล้ว”
   อธิปมองขำ ๆ แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อความหมายอะไรกับตน เขาเคยเจอประโยคหนึ่งในหนังสือนิยายของกริช ซึ่งเป็นฉากที่ตัวเอกให้ของขวัญกับเพื่อนคู่หูเป็นนาฬิกาข้อมือ
   ‘ความหมายของมันน่ะหรือ …มันก็หมายถึงมิตรภาพของพวกเราจะยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนกับ
เข็มนาฬิกาที่จะไม่มีวันเดินถอยหลังน่ะสิ’
    “ไม่ต้องห่วงนะนายกริช ฉันจะอยู่คอยให้ความช่วยเหลือนายไปแบบนี้ จนกว่าฉันจะตาย หรือไม่ก็นายยอมไปเกิดใหม่นั่นล่ะ”

   อธิปพึมพำกับนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ของเขาแล้วจึงวางมันลงบนหัวนอนเคียงข้างกับนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าก่อนจะหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
1172
Zenny
4792
ออนไลน์
90 ชั่วโมง
โพสต์ 2013-7-25 17:44:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-21 18:33 , Processed in 0.141982 second(s), 28 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้