ขอเกิ่นนะครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดกับชีวิตผมจริงๆและมีที่นี้ที่เดียวครับย้ำเลยนะครับผมรู้จักบอร์ดนี้ไม่นานผมอยากจะถามว่ามีใครเจอเหมือนผมเป็ฯเหมือนผมบ้างไหม??? ถ้าเป็นไปได้ขอความกรุณาอย่าก๊อปข้อความของผมนะครับผมอยากให้มีแค่ที่บอร์ดนี้บอร์ดเดียวครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
เรื่องเล่าเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี่เป็นเรื่องจริงนะครับผมไม่ได้ตัดต่อหรือเอาจากของคนโน้นคนนนี้มารวมแต่อย่างไดนะครับ สำหรับคนชอบอ่านหรือคนชอบดูผมแทบจะทำเป็นหนังสั้นที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตผมขึ้นเลยทีเดียว ผมขอเริ่มเลยนะครับ
ผมชื่อ [เอาเป็นว่านามสมมุดนะครับ A] ผมเป้นเด็กอุดรมาตั่งแต่เกิดและครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่ฐานะปานกลางไม่รวยและไม่จน ผมเรียนประถมที่ รร แห่งหนึ่งชานเมือง มีเพื่อนสนิทมากๆคนหนึ่งครับตอนนี้เพื่อนคนนั้น มีเมียไปแล้ว ผมอายุ 21 ครับ เดือนมีนาก็ 22 ตอนที่ผมเรียนจบประถมผมอยากตามไปเรียนมัธยมต่อกับเพื่อนคนนี้มากๆแต่เป็นเพราะแม่ผมเห็นว่าผมเป็นคนชื่อๆและตามเหลี่ยมคนไม่ทันแม่ผมจึงให้ผมไปเรียนคนละที่เพื่อนคนนี้เรียนใตัวเมืองผมเรียนชานเมืองชึ่งไกลกว่าที่ รร ประถมเก่าที่ผมเรียนอยู่ ห้ากิโล ได้ได้ครับผมเสียใจมากๆแต่ก็ไม่คิดอะไรวันที่ไปรับสมัคแม่ผมจะพาไป อะไรต่างๆแม่จะช่วยตลอดไม่เหมือนลูกคนอื่นๆที่เอาไปปล่อยใน รร แล้วกลับบ้าน พอหลังจากวันสมัคนักเรียนเสร็จ
ก็จะเป็นวันสอบเลือกห้องผมไม่มีใครเลยเพื่อนเก่าๆที่มาด้วยกันก็สอบคนละห้องผมได้เดินไปขอยืมปากกาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งเขาเป็นคนหน้ารักมาก(ในสายตาผมนะ)ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้เราสอบเลือกห้องได้ห้องเดียวกันหลักจากนั้นไม่นานผลประกาศก็ออกมาว่าใครได้อยู่ห้องไหน("ผมยังไม่รู้จักชื่อเธอคนนั้นนะครับ”)ถัดจากนั้นไม่นานก็เป็นวันประถมนิเทศนักเรียนใหม่ ตอนนั้นคนเยอะมากๆนั้งในหอประชุมใหญ่รวมและหลังจากครูพูดเสร็จก็จะแจกเอกสารให้เช็นว่าใครมาบ้างอะไรทำนองนี้ครับ
และครูให้นั่งเป็นห้องแยกชายหญิงและนั่งข้างๆกันผมก็ไม่ได้เอาปากกามาอีกเช่นเคยผมไปตัวเปล่าๆ(ก็นักเรียนใหม่นะครับปรับตัวไม่ทัน)ตอนนั้นยังไม่สนิทกับใคร เพราะเพื่นที่จบจาก รร ประถมไปด้วยกันก็ไม่สนิทกันผมก็เลยไปขอยื้มเธอคนนั้นอีก(โชคดีครับได้เรียนห้องเดียวกัน)พอเช็นเสร็จผมก็รู้สึกชอบเธอคนนั้นเข้าเลยเพราะผมไม่เคยรักใครมาก่อนนั้นเป็นครั้งแรกครับ พอกิจกรรมที่ รร เสร็จต่างคนต่างกลับบ้าน รอวันเปิดเรียนผมไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจตอนนั้นทั้งดีใจที่”ได้เจอคนที่ใช่ ทั้งเสียใจที่คิดถึงเพื่อนที่สนิท”พอวันเกิดเทอมมาถึงวันแรกแม่ก็ไปส่ง หนึ่งสัปดาห์แรกไม่มีการเรียนนะครับเพื่อให้ นร ได้ปรับตัว(คงใช่ครับเพราะในตารางเรียนมีสอนแต่ครูมาสอนบางวิชา)ผมนั่งหน้าห้องครับซวยจริงๆ แต่เธอคนนั้นนั่งหลังผม ผมเฝ้าสังเกตุเขามาตลอดว่าเขาทำอะไรเล่นกับใคร(เขามีเพื่อน หนิทอยู่ครหนึ่งครับอันนี้ไม่รู้ว่าสินทมากไหมนะครับ)ต่อมาผมก็ได้ไปพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเขาขอให้ชื่อเพื่อนสนิทเธอคนที่ผมชอบว่า j แล้วกันนะครับผมได้ไปพูดคุยกับเขาและสนิทกับ j ก่อนใน ม หนึ่ง ทุกๆวันผมจะมองเขาบ่อยๆเพราะว่างตอนไหนผมก็จะแอบมองเธอคุยกับเพื่อน ทำการบ้าน และผมสังเกตุว่าทุกๆเลิกเรียนเธอจะนั่งรถบาสของ ร ร กลับเพราะมันเป็นทางผ่านบ้านเธอพอดี ส่วนผมก็นั่ง รถ รับส่งที่แม่จัดมาให้กับพี่ๆในหมู่บ้านที่เรียนที่เดียวกัน ผมแอบถามเพื่อนสนิทเธอทุกเรื่องว่าเธอชอบอะไรทำอะไรบ้างยามว่างผมแทบจะรู้ข้อมูลเธอทุกอย่างใน ม หนึ่ง เธอเกิดเดือน สิงหาครับ (วันที่ผมไม่อยากจำแต่มันใกล้กับวันเกิดแฟนผมคนปัจจุปันมากๆ) เธอชอบกิน ซ๊อกโกแลต และเธอชอบแต่งตัวห้าวๆแต่ไม่มากนะครับก็เหมือนผู้หญิงทัวไปในสายตาผม เธอไม่ใช่พวกชอบใส่สั้น โอ้ยเยอะครับ(ไม่ขอเล่านะครับ) ในปีต่อมาผมขึ้น ม สอง ผมเริ่มแผนของผมเพื่อที่จะพิสูจให้เธอรู้ ผมสนิทเข้าไปเรื่อยๆแบบว่า เพื่อนๆๆในห้องหรือแม้แต่เพื่อนๆพี่ๆ ใน รร มองผมว่าผมทำไมชอบเล่นแต่กับผู้หญิงและแน่นอนครับผมเล่นแต่กับกลุ่มของพวกเธอชึ่งมีสี่คน จะรวมผมไหมนั้นคนเป็นคนที่ห้า ผมได้ตีสนิทแหละใกล้ชิดคนที่ผมแอบชอบ”ความรู้สึกตอนนั้นผมรู้สึกว่าเธอนี้แหละเวลาอยู่ใกล้ๆแล้วรู้สึกอบอุ่นไม่อยากจากไปไหนอยากคุยด้วยอยากกินข้าวด้วยอยากอยู่ข้างๆทุกนาที”และเวลาที่พวกเธอไปแข่งขันวิชาการหรืองาน รร ที่ครูเอาเธอไปผมก็จะไปเล่นกับผู้ชายนะครับผมมักจะถูกล้อว่าเป็น “ตุ๊ด” บ่อยๆแต่ผมไม่แคร์ครับผมเล่นบาส เตะบอล เล่น ปิงปอง ตีแบตร สาระพัดแต่พอเธอไม่ได้ไปแข่งที่ไหนผมก็จะไปนั่งเล่นนั่งคุยด้วยในกลุ่มของเธอบ่อยๆ และทุกๆเลิกเรียนผมมักจะเดินไปส่งเพื่อนของเธอกับเธอที่ประตูรถบาสทุกวันนะครับ(แบบว่าเขาไม่รู้หรอกว่าผมนะตั่งใจจะไปส่งเขา)ผมทำแบบนั้นทุกวันในวันที่ไป รร ใน ม.สอง ผมได้เริ่มสนิทกับเขามากขึ้นไม่ว่าในเทอมที่หนึ่งและสอง ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ครับกลัวว่าเขาจะรู้แล้วรับเราไม่ได้ใน ม.สามเทอมหนึ่ง เปิดเรียนปกติแต่ในเทอมนี้ผมขอแม่ว่าจะไม่ขึ้นรถรับส่ง แต่ใจขอแม่ขึ้นรถบาสแทน (ผมจำได้เธอจะชอบนั่งฝั่งคนขับ แถวที่ 4-5) แม่ผมตอบตกลงเพราะผมโตแล้ว เปิดเทอมวันแรกผมโคตรดีใจครับได้นั่งข้างๆเธอเบาะนั่งได้สามคนแต่ผมนั่งแค่สองเธอนั่งติดหน้าต่าง ผมนั่งฝั่งคนเดินเราสองคนก็คุยกันปกติแต่เทอมนี้ผมคิดว่าเพื่อนสนิทเธอjคงรู้แล้วนิดๆว่าผมชอบเพื่อนของเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็ทำตัวปกติแต่ในใจอยากจะบอกเธอมากๆๆว่าผมชอบเธอมากๆๆได้แต่เก็บมาฝันที่บ้าน และผมทำตัวสนิทมากในเทอมนี้ผมนั่งทานข้าวด้วย นั่งตรงข้ามกันแต่คนส่วนใหญ่ไม่สงใสเพราะผมชอบเธอและคนส่วนใหญ่มองว่าผมเป็นตุ๊ด(นี่เป็นเหตุผลเดียวที่จะปิดไม่ให้พี่ข้างบ้านเอาเรื่องมาเล่าให้แม่ฟังว่าผมกำลังชอบใครอยู่ แต่ผมกลับบ้านมาผมทำงานทุกอย่างและทำทุกอย่างที่ผู้ชายทำนะครับตั่งแต่ รดน้ำผัก ทำสวน อื่นๆผมทำหมดครับที่บ้านและที่อื่นๆด้วย) ผมมักจะได้อยุ่กลุ่มกับเธอบ่อยๆในเกื่อบทุกๆๆงานเพราะอะไรไม่รู้สิครับแหะๆแต่ก็ดีใจมากๆ และใน ขณะกลางเทอมของเทอมที่หนึ่งนั้นได้มีน้อง ม หนึ่งคนหนึ่งหน้าตาก็ถือว่าดีครับ เข้ามาแบบว่าเชิงว่ารักมั่ง ครับเวลาผมลงจากรถบัส น้องเขาก็จะมารอรับที่หน้าประตู ผมลองขึ้นรถรับส่งแล้ว น้องเขาก็ มารอรับเช่นเดิมมาขอเบอร์ผมแล้วไปถามเพื่อนผู้ชายที่ผมเล่นด้วย อยุ่บ่อยๆ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขานะครับ ผมสังเกตคนที่ผมชอบเสมอๆในเวลาที่น้องคนนี้เข้ามาหาผม เธอมักจะเดินหนีอย่างรวดเร็ว(ผมคิดไปเองมั่งครับ) และในบางครั้งผมนั่งอยู่ใต้ถุนอาคาร สองคนกับเธอนั่งมองเพื่อนๆเล่นกัน น้องคนนี้เข้ามาเธอมักจะมีท่าทางที่ไม่พอใจ(ผมคงคิดไปเองอีกแล้วมั่งครับ) น้องคนนี้ทำแบบที่ผมทำกับเธอทุกวันจนปิดเทอม(ในใจอยากบอกน้องเขาเหลือเกินว่าพี่มีคนที่พี่ชอบแล้ว)และผมก็ไม่ได้ให้เบอร์โทรน้องเขาแต่น้องเขาก็เก่งนะครับหาเบอร์ผมได้ด้วยผมก็ได้แต่เขิลเวลาคุยแต่ก็ไม่ได้คุยกันถึง สามนาทีสักครั้งครับผมจะเป็นคนวางก่อนเสมอในทุกๆและผมเปลี่ยนเบอร์บ่อยมากๆครั้งแต่จนถึงในช่วงปิดเทอมผมน้องเขาก็ติดต่อผมไม่ได้ผมจะติดต่อเฉพาะเพื่อนเธาเท่านั้นและไม่ได้ติดต่อเธอเลยแต่เธอก็มีเบอร์ใหม่ผมเสมอๆเราสองคนคุยกัน ครับแต่ไม่บ่อยและนัดเจอกันบ้างในช่วงปิดเทอมแม่ผมข้อนข้างปล่อยครับเทอมนี้(แต่ท่านไม่รู้นะครับว่าผมกำลังชอบใคร ณ ตอนนี้)เวลาออกไปเดินเล่นเธอมักไม่กล้าไปกับผม สองต่อสองรับเพราะอะไรไม่รู้แต่ผมก็ไม่ว่าครับเพราะเธอพาเพื่อนไปด้วยก็สบายใจไปได้ทั้งสองฝ่ายแต่ผมเริ่มจะออกอาการแสดงสิ่งต่างๆให้เธอรู้แล้วนะครับว่าผมชอบเธอแต่เธอทำตัวเฉยๆผมก็ไม่ได้อะไรมากเพราะถ้าบอกไปหรือถามไปก็กลัวการเปลี่ยนแปลงผมทำทุกอย่างให้เธอดีที่สุดเท่าที่เพื่อน(แต่ในใจผมให้เธอเป็นแฟนตั่งแต่แรกเจอละครับแต่ต้องปิดไว้ไม่บอก)จะทำได้ มีขนมมีอะไรก็ช่างที่ผมมีผมจะให้เธอเสมอๆเปิดเทอมที่สอง ทุกคนเริ่มจะสงใสในตัวผมแล้วไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆหรือพี่ๆข้างบ้านที่เรียนด้วยกัน ยิ่งน้องคนที่เขาทำดีกับผมมาหาผมบ่อยๆผมก็ต้องวิ่งตามเธอคนนั้นมากขึ้นเพราะผมดูแล้วเธอเหมือนโกรดผมเกียดผม ผมจะเป็นคนตรมง้อตลอดครับไม่ว่าเรื่องอะไรผมจะขอรับผิดคนเดียวแล้วตามขอโทษเธอในทุกๆเรื่องที่ ตลอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเทอมนี้อะไรต่างๆมันแย่ลงมากๆครับ ผมจะหาเวลาบอกความในใจผมแทบไม่ได้เลยเพื่อนๆในกลุ่มของเธออยู่กับเธอตลอดมือถือที่ผมเคยโทรหาเธอก็ไม่ใช้เวลาเวลาเลิกเรียนเรามักจะเกิดไปขึ้นรถด้วยกันนั้งใกล้ๆกันมันเปลี่ยนไปเพื่อนเธอกลับนั่งเบาะที่เธอนั่งเต็มหมดผมจึงต้องมานั่งคนเดียวที่ข้างหลัง (เขานั่งแถวสี่ผมต้องนั่งแถวห้าเขานั่งแถวห้าผมต้องนั่งสี่) จนช่วงสอบปลายภาคก่อนจากไปเรียนต่อที่อื่นผมถามเธอนะครับว่าจะไปต่อที่ใน ในใจผมนะครับถ้าเธอไปเรียนต่อที่ไหนผมจะตามเธอไปให้ถึงที่สุดและคำตอบที่ผมได้คือไม่แน่ใจเพราะเธอจะเข้า รร ไหนก็ได้แน่ๆเพราะเธอเรียนเก่งมาก(ผมนะระดับหางแถวเลย)แต่ผมก็ไม่หวั่นครับในใจผมเตรียมใจไว้แล้วแหละว่า สอบวันแรกจะมาเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟังไม่มีผลมันจะออกมายังไง หลังจากสอบวันแรกเสร็จ(รร ผมสอบกันสามวันนะครับ) ผมนัดเจอเธอแบบ สองต่อสอง ที่สนามบอล หน้าอาคารเธอก็มาตามนัดนั่งรอผมนิดหน่อยเพราะผมเป็นคนสอบช้า เราเดินกลับบ้านพร้อมกันสองคนเดินห่างกันนะครับไม่ใกล้กันเลยเหมือตเธอจะเกียดผมระหว่างทางเดินเพื่อที่จะมาขึ้นรถโดยสารกลับบ้านผมก็แอบถามเธอไปอยู่เหมือนกันครับว่า”เธอถ้ามีคนชอบเธอเธอจะรักเขาไหมเขาไม่หล่อไม่รวยไม่มีอะไรดีเลย”คำตอบที่ผมได้คือรอยยิ้ม แล้วเราก็เดินต่อมาเรื่อยๆผมก็ถามไปอีกว่า”เธอมีน้องมอหนึ่งคนหนึ่งอยู่หมู่บ้านโชนเดี่ยวกับเราหล่อมากๆเขาแอบชอบเธออยู่นะเธอชอบเข้าปะละ”คำตอบที่ได้คือสีหน้าเปลี่ยนไปบรรยากาศเริ่มไม่ดีแล้วผมเลยไม่ถามต่อเพราะเธอก็เดินห่างผมไปผมก็ไม่ได้วิ่งตามเพราะกลัวเธอโกรดมากกว่านี้พอขึ้นรถสองแถวกลับบ้านผมก็ได้แต่นั่งมองหน้าเธอ(บอกตรงครับจำฝังใจน้ำตาแทบไหลผมทำอะไรไม่ถูกครั้งนี้เป็นการโกรดที่ร้ายแรงมากผมเคลียดมาก)พอถึงที่ที่ผมต้องลงแล้วเธอบอกว่าเราไม่คิดจะมีแฟน ณ ตอนนี้และไม่คิดจะมีด้วยในตอนนี้ (ผมเข้าห้างตัวเองตามเคย ณ ตอนนี้ผมมองโลกในแง่ดีแต่ก็คิดคำพูดที่จะพูดกับแม่แล้ว) พอลงรถเสร็จผมรีบกลับบ้าน ตกค่ำก็คุยกับแม่และครอบครัว"แม่จบ ม สามผมขอเรืยนต่อที่อื่นนะครับ” แม่ไม่รับปากและผมคิดในใจแล้วว่าแม่คงไม่ให้ไป ผมร้องให้เสียใจมากๆเพราะเหตุผลแค่ผมยังเด็ก ผมร้องให้ตลอดในวันที่สอบจะจบมสาม และวันที่รอก็มาถึงวันท่ีจบหลักสูตรก็มีงานเลี้ยงจบแม่ของเธอก็มาแม่ผมก็มา แต่ไม่รู้นะครับว่าท่านคุยอะไรกันหรือเปล่าหลังจากนั้น รร ก็ปิดในช่วงที่ รร ปิดผมทำตัวไม่ถูกไม่มีเบอร์เธอให้โทรมีแค่ความเงี่ยบผมคอยแต่วันเปิดเทอมว่าจะมีใครเรียนต่อที่นั้นมั่งผมภาวนาว่าขอเถอะนี่ผมรักเธอมากแล้วนะขอพิสุจครั้งสุดท้ายในช่วง สุดท้ายของเวลาหนึ่งๆได้ไหม เพราะยังไงชะแม่ผมก็ไม่ให้ผมย้ายไปเรียนที่ไหนแน่ๆอย่างน้อยก็ขอให้เขาได้เรียนที่เดียวกับกับผมได้ไหม (บอกตรงๆครับผมมีน้ำตา)
””””จะมาต่อนะครับ คืนนี้ 1/1/2013
+++++++++ต่อครับ
ในวันประถม นรใหม่ ม ปลายผมก็ได้เจอเธอจริงๆเราสองคนเรียนที่เดียวกันและผมก็ดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ชีวิตในมปลายผมคิดว่าผมจะใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่าเพือเธอจะได้รู้ในสิ่งต่างที่ผมตั่งใจทำมาทั้งหมด ผมรู้แล้วว่ามันจะเป็นครั้งแรกและเป็นสุดท้ายที่ผมจะได้ทำมันในเวลาสั้นๆ เริ่มจาก ม สี่ ผมก็เป็นเด็กหลังห้องบ้างผมนั่งมองเธอบ่อยมากๆไม่ว่าจะในเวลาเรียนหรือนอกเวลาเรียนและบางครั้งเวลาทำการบ้านผมมักจะไปขอลอกการบ้านเธอเสมอๆไม่ว่าเธอจะโกรดผมแค่ไหนเธอก็ให้ผมลอกทุกครั้ง ผมผมเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆจนผมบอกใจตัวเองเลยว่า"ผมจะชอบผู้หญิงแปลกหน้านอกครอบครัวคนนนี้เพียงคนเดียวในชีวิต”หลังจากนั้นผมก็ทำทุกอย่างเหมือนที่ผมเคยทำมาตลอดแต่มันพิเศษขึ้นตรงที่ว่าเวลามีงานหรือกิจกรรมต่างๆผมมักจะมีของฝากของคนที่รักกันไปวางใว้ใต้โต๊ะเรียนของเธอเสมอๆ(แต่เท่าที่ผมแอบดูเธอไม่ค่อยสนใจมันหรอกครับ) แลพอถึงช่วงปิดเทอมพวกเราก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธรณะกัน เป็นบางครังเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนเลยทีเดียว ที่ไปเป็นกลุ่มใหญ่ๆแต่ก็ไปแบบสนุกๆกันนะครับเย็นๆหัวค่ำพระอาทิตย์มีแสงออ่นๆ ก็ไปเก็บความรู้สึกดีๆนั้นกับผองเพื่อนร่วมห้องไว้ครับ จนกระทั้งเปิดเทอม ม ห้าแล้วในปีนี้ผมต้องหาเวลาหรือทำให้เธอรู้ให้ได้ว่าผมชอบเธอแต่ผมก็ทำไม่ได้สักทีหรอกครับเพราะผมเป็นคนชอบพิสูจจู้จี้จุกจิก ผมได้นั้งใกล้กับเธอมากๆแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนผมนั่งห่างกับเธอแค่มีเพื่อนนั่งขั้นกลางเท่านั้นผมดีใจมากและรู้สึกดีตลอดรู้สึกแบบบอกไม่ถูกผมไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้เลย อยากอยู่กับเธออยากนั่งข้างๆเธอแต่ก็เทำไม่ได้เพราะความสัมพันเริ่มจะเปลี่ยนผมเล่นกับผู้ชายมากขึ้นศึกาษาวิธีการจีบสาวกับผู้ชายรวมทั้งในเน็ตด้วยผมทุ้มเทใจสุดๆ เธอก็เริ่มมองออกแล้วว่าผมต้องชอบเธอแน่ๆ ในเทอมที่สอง รร เรามีจักกิจกรรมทัศนศึกษา ไปเที่ยวทะเลผมดีใจมากๆ ถึงแม้ว่าความสัมพันจะไม่ค่อยดีนักเหมือน ม ต้น แต่เธอก็ยังดีกับผมอยู่ไม่ว่าจะ ให้ผมยื้มเงิน กินสะเบียงเธอจนหมด แล้วไม่ด่าผม (แต่เพื่อนคนอื่นกินเธอมีบ่นๆเชิงด่านะครับ ผมวัดจากตัวนี้ เข้าข้างตัวเองตลอด) ผมพิสูจเธอทุกอย่างและคิดว่าจะบอกรักเธอตอนไปเที่ยวนี้แหละแต่ก็ไม่ทันได้บอกเพราะเพื่อนเยอะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรุ้นน้องที่ต้องดูเลบ้างอะไรบ้างเพราะ ม หกต้องเตรียมสอบบางคนไปบางคนไม่ไปบ้าง ผมจึงงานหนักและไม่ทันได้บอก หลังจากที่ไปเที่ยวเสร็จก็จะสอบก่อนสอบผมรู้สึกแย่มากๆเพราะหลังจากไปเที่ยวผมไม่ได้บอกความในใจผมกับเธอเลย ผมกลับมานั่งเคลียดที่บ้านกลับมานั่งเสียใจร้องไห้ ในช่วงสอบ มปลายเป็นอะไรที่เลวร้ายมากๆผมทำคะแนนได้ไม่ดีเลยปกติก็ไม่ฉลาดอยู่แล้วยิ่งต่ำลงไปใหญ่ คิดมากสาระพัดและใน ม ห้า นี้ผมก็ยังแอบมีความหวังอยู่ว่าอย่างน้อยเธอก็ยังพูดกับผม ใจดีกับผมเหมือนเดิม ปิดเทอมใน ม ห้าผมไม่ได้ไปหาเธอไม่ได้เจอกันเหมือนที่เคยทำเพราะผมยุ่งกับงานที่บ้านพ่อเลี้ยงให้ผมทำงานต่างช่วยตลอด ผมจำได้ช่วงสงการณ์ เพื่อนนัดรวมตัวกันที่บ้านเพื่อน คนหนึ่งที่ผมไม่สนิทเท่าไรแต่เพื่อนๆก็ไปกันทุกคนผมเธอไปก่อนผมผมไปทีหลังเพราะบ้านอยู่ไกลตอนที่ผมเจอเธอตอนตัวเธอเปียกปอนไปหมด เธอหน้ารักมากๆใบหน้าใมีแป้งนิดๆยิ้มหวานๆให้ผมผมแทบจะละลายลงไปกองที่พื้นเลย เธอวิ่งมาสาดน้ำผมทาแป้งผม บอกตรงๆนั้นเป็นสัมผัสแรกของผมครับมือเธอนุ่มมากๆแทบจะไม่อยากปล่อยให้หลุดไปใหนเลยทีเดียวกลุ่มพวกเราเล่นกันนานครับเช้าจดเย็นจนผมลืมที่จะบอกรักเธออีกเช่นเคยจนกระทั้ง เปิดเทอม ม หก ผมขอนั่งหน้าเพราะผมจะต้องตั่งใจเรียนมากกว่านี้เธอเก่งแล้วเธอนั่งหลังครับผมมักจะไปถามเธอบ่อยๆด้วยอาการผู้ชายๆไม่เหมือนที่ผมเคยเล่นกับเธอเหมือนแต่ก่อนถามเสร็จผมเดินกลับมานั่งที่ คุยกับเพื่อนผู้ชาย พักเที้ยงผมก็ไม่ได้ไปนั่งทานข้าวกับเธอบ่อยหรือถึงกับไม่ได้ไปนั่งตรงที่เคยนั่งกันเลยผมนัดเจอเธอบ่อยๆแต่เธอก็ไม่ว่างเท่าไรเพราะงานเธอก็เยอะเธอมีน้องอยู่ต้องดูเลสั่งสอน ขนาดว่าวันเกิดของผมเธอยังไม่ได้อวยพรเลยในปีนี้(อันนี้ผมคิดในแง่ดีนะครับ เข้าข้างคนที่ผมรัก)และในวันเกิดเธอผมก็มีแค้กปอนน้อยๆไปหาจากที่ห้างแถวบ้าน รูปหมีตามตู้งะครับ(ปัจจุปันยังมีขายอยู่)แวะเอาไปให้เขาที่บ้าน เราสองคนเธอก็ออกมารับครับ รับเสร็จก็รีบเข้าไปน้องเธอก็ออกมาดูด้วย ช่วงเดือนสิงหาเป็นวันเกิดเธอผมก็ทำเหมือนวันเกิดผมแต่ดูท่าทีเธอทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน(มันก็คงจะจริงนะแหละครับเพราะหลังจากวันเกิดของผมผมไปหาเธอที่บ้านนิแม่ของเธอคงถามเธอสาระพัดนะแหละครับว่าผมเป็นใครอะไรยังไง) ปมไป รร แล้วเขาไม่มองหน้าผมเลยผมเดินตามแต่ไม่พูดอะไรเพราะน้ำตามันไหลลงไปที่ใจแล้ว
ก่อนจะปิดเทอมแรกใน เพื่อนๆพากันไปนั่งกินนมปันที่ร้านแถวสวนสาธารณะไปกันเป็นกลุ่มๆใหญ่ๆพอกินเสร็จเขาเดินออกมา นั่งเล่นที่ริมหนอง ผมรีบกินแล้วออกมานังกับเขาเพราะผมต้องรีบพูกแล้วไม่ว่าจะยังไงก็จะสือให้เธอรู้ให้ได้ ผมเดินไปหาเขาพร้อมเพื่อนอีกสามคนเพราะพวกเพื่อนๆมันอิ่มกันแล้วเธอลุกขึ้นแล้วเดินตามริมหนองพร้อมกับผม เป็นกลุ่ม มี ห้าคนรวมทั้งผมด้วย พอเดินมาถึงมุมมืดเพื่อนทั้งสามคนแกล้งร้องว่า ผีหลอก พวกมันก็วิ่งเหมือนเด็กผมก็ไม่วิ่งเธอก้ไม่วิ่ง นี่เป็ฯครั้งแรกครับที่ผมได้อยุ่ด้วยกันกับเธอแบบ สองต่อสองและเขาเดินใกล้ผมมาก ผมไม่เคยใกล้เขาขนาดนี้มาก่อน เพื่อนๆมันก็วิ่งกันไปไกลมากแต่ยังเห็นพวกมันอยุ่ผมได้โอกาษและถามเล่นๆแบบว่าเห็นเด็กเดินอยู่ริมพุดบาตเธอชอบน้องคนนั้นไหมเขาหน้ารักนะ แบบว่าถามคำถามอื่นไปก่อนตอนนั้นกลัวคำตอบมากๆเธอตอบว่าชอบนะ แล้วผมก็ถามอีกคนพร้อมกับชี้เธอก็บอกว่าชอบ ผมรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ถามเธอไปว่า”ถ้าเกิดว่ามีเพื่อนในห้องชอบเธออยู่เธอจะชอบเขาไหม เธอหยุดแล้วยิ้มๆเธอถามกลับมาว่าใคร ผมก็ไม่กล้ามองหน้า(แบบผมอายนะครับผมไม่เคยบอกรักผู้หญิงเลยนี่เป็นคนแรก)ผมก้อมหน้าแล้วบอกว่า เราไง ผมทำอะไรไม่ถูกครับหน้าผมชาขาชาทำอะไรไม่ถูกสั่นยังกะผีเข้าที่ขา เธอพูดออกมาว่าเราเพื่อนกัน ผมแทบไม่อยากเดินต่อเลยครับ เขาเดินจากผมไปและเมื่อเธอเดินไปไกลแล้วผมถึงเดินไปหาเพื่อนแล้วขอกลับบ้านก่อน เพื่อนๆทำหน้างง แล้วถามว่าผมเป็นอะไรผมเสียใจมากกลับบ้านมานั่งร้องไห้ในห้องน้ำเป็นอะไรที่เจ็บมากๆเปิดเทอมสองผมแทบบ้าครับไม่มองหน้าเธอเลยและเราสองคนไม่คุยกันด้วยเว้นแต่ครูฝากเรียก ผมไปโรงเรียนในช่วงเดือนแรกๆผมกลับมานั่งร้องให้ทุกวันเลย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จนกระทั้งผมไม่ไป โรงเรียน หนึ่งอาทิตย์เพื่อนๆถามหาผมเหมื่อนผมจะเลิกเรียนแล้ว แต่เพือนๆติดต่อผมไม่ได้บางคนก็แวะมาหาที่บ้าน ก็ไม่เจอผม แน่แหละครับผมทำอะไรไม่ถูกผม เก็บของไปกรุงเทพหาพ่อเลี้ยงในตัวผมมี เงินติดตัวแต่ สองร้อยครับจำได้ขึ้นใจผมเดินจากหัวลำโพงไปที่ไหนไม่รู้ตอนนั้นไม่ทันคิดอะไรเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับจิตใจที่เจ็บช้ำ ผมคิดถามตัวเองว่าทำไม ทำไม ผมคนไม่ดีสินะเขาถึงไม่รักเราเหมือนที่เรารักเขา เรามันคงเป็นแค่เศษเก่าๆสินะ โทษตัวเองสาระพัดครับในตอนนั้น ผมเดินไปไหนไม่รู้ตลอด สามวันสองคืน ผมจะกินแค่น้ำที่เชื้อจากร้านของช้ำที่ผมเดินผ่านเท่านั้นจนพื้นรอเท้าแทบจะหมดเลย เมื่อยก็พักหยุดพักเดินต่อเหมือนคนขอทานเหมือนชีวิตไม่มีค่า (แม่ผมยังไม่รู้นะครับว่าผมยังไม่เจอกับพ่อเลี้ยง เพราะผมโกหกแม่ว่าผมจะต่อรถหลายๆต่อเอา แต่จริงๆไม่หรอกครับผมไปถึงนานแล้วแต่ผมสติแตกเฉยๆในชีวิตผมรู้สึกผิดมากๆที่โกหกแม่ผมโกหกแม่นับครั้งได้ครับ) จนผมคิดได้ว่าเออทำไมผมต้องเจ็บเพื่อเขาขนาดนนี้เขาไม่รักผมแล้วผมละรักตัวผมเองไหมแบบว่ามันเป็นอะไรที่เกิดกับผมแค่แว๊บเดียวงะครับ ผมคิดได้ รีบวิ่งหาตู้โทรศัพแล้วบอกพ่อเลี้ยงมารับผม ผมถามคนแถวนั้นครับว่าผมอยู่ที่ใหน เขาบอกว่าผมอยู่สำโรงใต้ใกล้ๆอิมพีเลียม สักพักพ่อเลี้ยงก็มารับ ผมในสภาพที่มีกลินตัว ข้อนข้างแรง แน่หละ ผมไม่ได้อาบน้ำเลย พ่อเลี้ยงส่งผมกลับผมไปโรงเรียนอีกทีวันจันทร์ แต่ผมก็ไม่กล้ามองหน้าเธอเหมือนเดิมครับในใจก็เจ็บมากเกมือนเดิมแต่น้ำตาเหมือนจะไหลแต่ก็ไม่มีน้ำตา(สงในผมคิดว่ามันตายด้านแล้วแหละกับผู้หญิงคนนี้)ผมทำตัวเหมือนเราสองคนไม่รู้จักกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราทั้งสอง ผมเหมือนอยู่โลกคนเดียวเพื่อนผมต่างก็มองว่าผมจมอยู่กับเรื่องเดิมๆ จนทำให้ผมลืมคำว่า”เพื่อนสนิท”เหมือนตอนประถมที่ผมเคยมีมัน
เดี่ยวจะมาเล่าช่วงจุดเปลี่ยนของชีวิตต่อนะครับเปนช่วงสุดท้ายแล้ว
มาต่อแล้วครับ
เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วสินะที่ผมจะต้องไม่เห็นคนที่ผมรัก(ผมคิดในใจ)ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รักผมแต่ผมก็ยังรักเธอเหมือนเดิม ช่วงก่อนสอบปลายภาคที่ รร มีการเตรียมตัวจัดเลี้ยงวันอำลา ให้ นร ม.6 และ ม สาม แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น ช่วงที่จะก่อนจะสอบสองสับดาครับผมก็นัดเจอกับเธออีกทีครับช่วงเย็นๆหลังเลิกเรียนที่ห้องเพราะผมเชื่อว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก(แต่ผมคิดว่าไม่จริงสำหรับคนบางคน)ผมนัดเจอกันแล้วถามคำถามเดิมๆ “มีคนรักเธอนะเธอจะไม่เปิดโอกาษให้เขาคนนั้นเลยหรอ”เมื่อผมเริ่มพูดถึงเรื่องนี้ทีไรเธอมักจะพูดด้วยเสียงที่กระแทกว่า ไม่หรอกเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น หยุดพูดเถอะ“เมื่อเธอพูดจบเธอก็เดินจากผมไปครับ เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ผมพูด และทุกครั้งผมน้ำตาคลอทุกทีอยากร้องมากๆแต่เพื่อนๆและรุ้นน้องก็จะสงใส และเหยียบผมลงผมกลัวและอายตรงนี้มากๆ(ตามประสาคนอี่สานครับ ต่อหน้าลูปหัวลับหลัง อยากจะฟาดฆ้อนใส่เลย.ขอภาษาไทยนะครับอิสานคนอิสานแปลเอาเด้อ)และผมทำอะไรไม่ถูกผมขอเจอเธอแล้วพูดแบบนี้เรื่อยๆก็นานนะครับสามวันได้(แต่จำได้ว่าครั้งที่สี่ ผมนัดเจอเธอที่ห้องเรียน แล้วผมไปนั่งข้างๆเธอ แล้วไม่พูดอะไร นานสิบห้านาทีได้) พอหลังจากวันนั้นผมรู้สถานะผมดีว่าผมควรจะยืนอยู่ตรงไหนของเธอคนนั้นและหลังจากนั้นมาเลิกเรียนเสร็จ ผมต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวแล้ว เลิกเรียนผมมักจะไปนั่งที่ลานหญ้าเล็กๆหน้าอาคาร นั่งคนเดียวครับเหมือนไม่มีใครในเวลที่เหลือผมคิดแต่ว่าอยากให้มันผ่านไปไวๆ ผมจำได้สองวันสุดท้าย พฤหัสเย็น มีเด็กคนหนึ่งอยู่ ม หนึ่งครับบ้านแถวๆกับเธอนะแหละแต่คนละซอยน้องเขามานั่งกับผมผมก็แปลกใจนั่งเด็ดหญ้าอยู่ดีๆมีเด็กหน้าตาก็กวนๆมานั่งกับผมแถวแซวผมว่าพี่กินหญ้าหรอ(ผมมองหน้าอยากลุกไปแตะมากๆแต่ก็เด็กอะนะ) ผมมองหน้าแล้วพูดว่า มืงจะกินกับพี่หรอ แล้วมะนก็มานั่งกับผมแล้วกวนผมทั้งๆที่เราสองคนไม่รู้จักกันเลย พอเลิกเรียนน้องเขาก็ขึ้นรถบาสแต่ผมไม่ขึ้นนะครับเพราะเธอคนนั้นคงขึ้นรถบาสตามเคยผมไม่อยากเจอหน้าเธอคนนั้นเลยเจอทีไรมันเหมือนมีดมาปาดใจ(สำหรับคนที่ไม่เคยอกหักนะครับ คงเคยได้ยินคำที่ว่า “เวลาคนออกหักเหมือนมีมีดมาบบาดตรงใจมันเจ็บและปวดมาก” อันนี้จริงครับผมฟันธงเจอมากับตัว) ผมเดินกลับมาขึ้นรถสองแถวหน้า ร ร ทุกวันนะครับหลังจากเหตุการร์มันเรวร้ายมานี้วันสุดท้ายศุกผมจำได้ผมไปนั่งเหมือนเดิมไอ่น้องคนที่กวนๆมันก็มาอีกเช่นเดิมในใจ"ไอ่เควี่ยนี่มันไม่ไปเล่นกับเพื่อนหรอวะ” มันก็มาเล่นกับผมตีสนิทกับผมแบบสนิทมากๆแต่ผมไม่สนิทนะครับเพราะไม่รู้ว่ามันมาไม้ไหน มันก็ชวนผมคุยไปเรื่อยจนเลิกเรียน มันก็กลับเหมือนเดิมผมก็กลับบ้านเหมือนเดิม ในช่วงอาทิตย์สุดท้ายเย็นวันจันทร์หลังเลิกเรียนผมมานั่งที่เดิมไอ่น้องเวนนั้นยังไม่มานะครับผมนั่งมองไปรอบๆจำเรื่องราวต่างๆที่มันกำลังจะกลายเป็นความหลัง ผมดีใจและเสียใจในใจผมเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วผมจะต้องทำขอสิ่งสุดท้าย จากเธอก่อนที่จะไม่มีวันนั้น พอคิดเสร็จผมคิดได้ว่า เอ๋อวันนี้ไอเด็กนั้นไม่มาหรอวะ พอคิดเสร็จ มันก็พุ้งมาจากข้างหลัง เข้ามาขี่ผมหนักมากมันรีบลงแล้วถามว่าพี่เป็นอะไร(ผมน้ำตาคลอเป้า)ผมบอกมันว่าเป็นเหมือนเดิมทุกวันนะแหละมันก็พูดเชิงทำนองว่าเอาเถอะพี่ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว(อ่าวไอ่นี้กวนตีนกูละ) ผมพุดแรงมากเชิงจ้องหน้ามันมันก็จับมือผมผมตกใจนิดๆนึกว่ามันตะจับมือผมแล้วต่อยที่ไหนได้มันดูนาฬิกาจับชะผมสยองเลย แล้วมันก็ชวนผมคุยปกติจนเลิกเรียนปกติในวันอังคาร เรียนเสร็จผมเดินไปพูดกับเธอคนนั้น”เราขอเจอเธออีกสามครั้งสุดท้ายนะแล้วเราสันยาว่าจะไม่มาให้เธอทุกใจอีก เย็นวันพุธเจอกันนะ “ ผมพูดแบบไม่มองหน้านะครับเพราะกลัวมีน้ำตาให้ผู้หญิงเห็นเก็บอาการไว้พูดเสร็จผมก็รีบเดินออกจากห้อง ไปที่ลานหญ้าหน้าอาคารเหมือนเดิมเป็นเหมือนทุกๆเย็นไอเด็กนั้นมันก็มาผมไม่รู้จักชื่อมันนะครับผมเรียกมันว่า เองแต่มันรู้จักชื่อผมผมไม่สนมันก็มาชวนคุยเหมือนทุกวันจน รร เลิก ใน พอถึงวันพุทธตอนเย็นผมก็ รอให้เพื่อนออกไปจากห้องให้หมดก่อน ผมเดินไปนั่งข้างเธอแต่ไม่กล้านั่งติดนิดนะครับ นั่งห่างกันโดยมีโต๊ะเรียนตัวหนึ่งกั้นไว้ พอเงี่ยบผมนั่งนิ่งๆบบว่าบรรยากาศในห้องเรียนเงี่ยบมากๆได้ยินเสียงผู้คนสนทนากันเบาๆแต่เสียงที่ผมได้ยินดังมากๆเข้ามาในหูคือ เสียงลมหายใจมันดังมากๆ จนผมกลัวกลัวมากกลัวเธอตะคลอกใส่ ผมก็พูดทันท"ถ้าเรารักเธอเราผิดมาตลอดเราทำทุกอย่างเพื่อเธอโดยที่เราคิดว่าเธอรู้แต่เธอไม่สนใจมันสิ่งที่เราทำมาเราขอโทษนะ"เขารีบพูดขึ้นมาว่าผมเป็น"คนเสแสร้ง” เป็นคนไม่จริงใจเธอพูดจบเธอก็เลื่อนโต๊ะไปข้างหน้าแล้วลุกออกจากโต๊ะไป ผมร้องไห้เลยครับไม่เคยโดนด่าแบบนี้มาก่อนทั้งๆที่ผมทำด้วยความจริงใจไม่ได้เสแสร้งเลยสักนิดแค่คิดแม้แต่เสียววินาทีก็ยังไม่เคยเลย ผมนั่งร้องให้จนเลิกเรียนทุกคนกลับหมด เหลือแต่พานโรงกับครูที่พักอยู่ที่บ้านพักครู ผมเดินออกจากห้องแล้ว ก็กลับบ้านปกติแต่ผมกลับบ้านมาพร้อมกับคำว่า เสแสร้ง เย็นวันพฤหัสเรียนเสร็จผมก็มานั่งที่ลานหญ้าปกตินั่งสักพักไอ่น้องคนนั้นก้มานั่งแล้วถามผมเมื่อวานไปไหนมาผมไม่ตอบเงี่ยบแล้วมันก็กับผมปกติแค่คราวนี้มันมาแต่คราวนี้มันมาแปลกๆมันพูดเชิงว่าโลกนี้ก็แปลกนะคนที่เรารักเขากลับถูกสร้างมาเพื่อปติเสทเราแต่คนที่เราไม่ได้ให้เขาเข้ามาในชีวิตเขากลับรักเราและเดินมาหาเรา พูดจบผมมองหน้าเลยครับ มันยิ้มหวานๆแล้วเข้ามากอดคอผม (คิดในใจเควี่ยปีนเกรียวนะสืง) แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรปล่อยมันทำไปไหนๆก็จะจากกันแล้วจะทำอะไรก็ทำอย่างน้องมันก็ไม่มีคำว่าเสแสร้งให้ผม มันขอกลับเป็นเพื่อนผมมันไม่ขึ้นรถบาส มันเดินกับผมขึ้นรถสองแถว กลับกับผมจนวันสุดท้ายของการเรียน ในวันจันทร์ที่ รร ดูคึกคักมากเพราะจัดงานเลี้ยงอำลา ม หก และ ม สาม ผมใส่เสื้อนักเรียนเรียดแบบเนี่ยบมากๆ พองานเลิก น้อง ม สามและ เพื่อนๆต่างก็มาเขียนเสื้อกันเหมือนทุกๆปี ผมคิดว่าคงไม่มีใครเขียนให้ผมหรอก แต่ผมคิดผิด ทุกคนมาลุมเขียนเสื้อผมให้ของฝากผมน้องผู้หญิงบางคนกอดผม ต่อหน้าทุกๆคนผมไม่เคยถูกผู้หญิงกอดมาก่อนมันเป็นครั้งแรกน้องผู้หญิง มากอด ตั่งสามคน (เพื่อนกอดหมดนะ ยกเว้นเธอคนนั้นเพราะผมไม่เห็นเธอเลย เธอคงโดนรุ้นน้องกอด เขียนเสื้อเหมือนผม)รุ้นน้องเขียนเสื้อผมจนลายไหมดอ่านไม่ออกว่าลายมือใคร บ้างเลยทีเดียว แต่บนเสื้อของผมผมเหลือไว้ข้างหน้าด้านซ้ายมันสอาดมากๆเพราะผมไม่ให้ใครเขียนเลยผมอยากจะให้เธอคนนั้นเขียนผมคิดในใจแค่ว่า ไม่ว่าเขาจะเขียนยังไงผมก็รับได้ไม่ว่าเขาจะตั่งใจหรือไม่ตั่งใจยังไงผมก็จะเก็บมันไว้จนผมสิ้นลมหายใจ แต่เมื่อผู้คนเริ่มเบาแล้วๆผมเห็นเธอนั่งที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ผมเดินไปนั่งด้วยแล้วขอให้เธอเขียนตรงที่มันว่างๆนั้น (ด้านซ้ายของเสื้อ นร )เธอจับปากกาแล้วจะเขียนให้แต่ผมยืนขึ้นแล้วเดินไปหาเธอเพื่อที่จะให้เธอเขียนได้สดวกแต่เธอกลับไม่เขียนแล้วเอาปากกาใส่กระเป๋าเสื้อผมแล้วเดินจากๆไปผม เอ๊อ ไปเลย และจากนั้นด้านซ้ายก็ไม่มีใครได้เขียนเลย กลังจากนั้น ไม่นาน สามวันที่ รร จัดงานเลี้ยงพิเศษสำหรั นร ม หก มีงานเต้นลีลาด ทุกคนแต่งตัวเต็บรูปแบบที่สุดผมก็ด้วยผมไป รร ก่อนด้วยความตื่นเต้นนั่งรถมอไซไปเพราะงานเลี้ยงจัดขึ้นตอนค่ำ ผมไปก่อนหัวคำเพื่อไปคุยกับเพื่อนๆที่มาแล้วแต่ผมก็คิดว่าจะเจอเธอเธอก็ยังไม่มารวมทั้งกลุ่มเพื่อนเธอด้วย สักพักไม่นานเธอก็มาพร้องกลับกลุ่มเพื่อนเธอเธอลงรถมากับเพื่อน (พ่อเพื่อนเธอมาส่งเพื่อน j อะครับ อีกสองคนมาแล้วเอารถมอไซมาเหมือนกับผม 1คันเพราะ เพื่อนเธออีกคนเอารถมาอีกเพราะไปกันคนละทาง ) เธอลงจากรถมาเธอสวยมากๆผมเกิดมาไม่เคยเห็นใครที่สวยขนาดนี้มาก่อน(ใสสายตาผมนะ) เธอมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะดีใจหรือเสียใจดีน้ำตาก็จะไหล พองานเลี้ยเริ่มก็มีกิจกรรปกติพอจบกิจกรรม ก็ดึกมาแล้ว อีกอย่างเพื่อนของพ่อเธอก็ไม่ว่างผมเลยได้โอกาศเข้าไปขอส่งเธอเพราะเพื่อน Jกลับกับเพื่อนอีกคนแล้ว เธอต้องรอเพื่อนคนนั้นกลับมารับแต่ผมบอกเธอว่าไม่ต้องให้เพื่อนกลับมาหรอกมันอันตรายผมจึงขอไปส่งเธอ เธอตอบตกลงนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมไปส่งเธอที่บ้าน(ไม่รวมกับเหตการณ์ที่ผ่านมานะครับไปส่งเธอแค่รถบาส หรืออย่างมากก็หน้าปากซอยเท่านั้น)ผมไปส่งเธอด้วยควาเตื่อนเต้นครับใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะน้ำตาก็จะไหลดีใจทั้งเสียใจ กลิ่นตัวเธอหอมมากผมเธอปลิวมาแตะที่บ่าผมนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดเธอพอใกล้มาถึงบ้านเธอผมน้ำตาไหลครับแบบว่าเธอเห็นเลยแหละแต่ผมหะนหน้าหนีเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยตั่งแต่ขึ้นรถมา พอลงรถเธอขอบใจผมน้ำเสียงเธอทำให้ผมจำได้ไม่มีวันลืมเลยและผมก็พูดแบบไม่ได้มองหน้า เจอกันวันพุธนะ ที่สวยสาธาระณะ เบอร์เดิมนะ พูดเสร็จผมก็รีบกลับบ้านทันทีผมกลับมาร้องไห้อีกตามเคย จนถึงวันนัดเจอกัน เป็นช่วงที่ผนตกพอดี แต่ตกบางพื้นที่นะครับ ผมไปเล่นรออยู่ที่ห้องแล้ว(ใครที่รู้จักเจริณศรี ใน จ หวัดอุดร คงจะพูดว่าเอ๋อเพราะปัจจุปันเปลี่ยนเป็นเช็นทรั้นแล้ว)พอใกล้ถึงเวลานัดผมไปชื้อดอกไม้ซ้อหนึ่งที่ ตลาดปรีชา(ใครที่จำได้ตอนนั้นร้านดอกไม้อยู่ใกล้ๆกับศาลทางเข้าตลาดร้านดอกไม้จะอยู่ทางซ้ายมือเวลาหันหน้าเขาไปแต่ก่อนนะครับปัจจุปันร้านนั้นย้ายแล้วมาอยู่ทางขวาแทนเวลาหันหน้าเขาไปทานซ้ายจะเป็นที่จอดรถ)ผมจำมันได้ดีวันนั้นผมขี่รถตากฝนเพื่อที่จะไปให้ทันเวลานัดฝนก็ตกบางพื้นที่ผมข้างหน้าเปียกพอมาถึงสวนสาธระณะฝนไม่ตกคิดใจก็ดีนะขนาดฟ้ายังมีฝนไม่เท่ากันเลยแล้วทำไมใจคนเราจะเท่ากันและเหมือนกันตลอดไปละพอไปถึงที่นัดสะพานปลาทางเข้าปัจจุปันผมยังเรียกติดปากว่าสพานปลาเหมือนเดิม ผมเดินไปพร้อมกับซ้อดอกไม้เขามากับเพื่อนผมขอเวลาอยู่กันสองต่อสองผมเอาดอกไม้ให้(บอกตรงๆครับผมไม่อายใครเลยตอนนั้น)คนมองข้อนข้างเยอะผมพูดกับเขาแค่ว่า"ขอบคุณตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมานะ มันทำให้เรามีความสุขมากๆเลยหลังจากนี้ไปเราขอสันยานะว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีกไม่ว่าจะเป็นยังไงหลังจากนี้เราคือความหลังแล้วนะขอบคุณคำว่าเสแสร้งที่สอนให้รู้ว่าผมไม่คู่ควรกับผู้หญิงขอบคุณคำนี้ที่สอนให้ผมไม่มีคุณค่าแม้ทำมันด้วยใจก็ไม่มองเห็นมันนะ"พูดเสร็จผมเอามือไปกุมมือเธอแล้วพูดเบาๆทั้งน้ำตา”โชคดีนะ”(ผมพูดด้วยน้ำเสี่ยงที่สั่นมากๆมีน้ำตาด้วย)หลังจากนั้นผมก็รีบหันหลังกลับมาที่รถแล้วรีบกลับบ้านทันทีผมรีบกลับบ้านมาร้องไห้และหลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่คิดต่อกันอีกเลยมีงานเลี้ยงกับเพื่อนๆเวลาเปิดเทอมเพื่อนจะนัดรวมตัวกันผมก็ไม่ไปเพราะผมพูดกับเธอแล้วและเพื่อนๆมักจะมองว่าผมเป็นคนจมปลักแต่ผมก็ยอมโดนว่าแบบนี้ดีกว่าที่จะโกหกตัวเองว่าไม่ใช่หลังจากนั้นผมก็ร้องได้ทุกวันเป็นเวลานานแต่แม่ผมครอบครัวผมไม่รู้นะครับหรือรู้อยู่แต่ท่านไม่พูด(อันนี้ผมไม่รู้เพราะผมเป็นลูกคนเดียว และน้องสาว ติดพ่อเลี้ยงครับ เขาคงมองออกแหละ)ในเวลาว่างๆทุกวันผมจะไปนั่งร้านเกมหน้า 7-11 ใกล้ๆวิลัยแห่งหนึ่งในอุดร ทางมาบ้านผมและบ้านเธอคนนั้น ผมจะไปเล่นที่นั้นบ่อยๆเวลาเหงา ประมาณกลางๆเดือน ช่วงฤดูฝนผมก็ไปเล่นปกติแต่ดันไปเจอน้องคนที่คุยด้วยที่ รร นั่งข้างๆกันเลย ทีแรกก็ไม่ทันสังเกตุนะครับ เล่นสักพักผมก็เรียกเจ้าของร้านแบบว่า ลุงครับ เอาสไปร์ ที่ ครับ หัดไปพอดีมันหันมาตกใจกันครับมันดูท่าทางดีใจมากๆเหมือนผมกับมันไม่ได้เจอกันมาเป็นชาติ มันทำทาจะกอดผมผมไม่ให้กิดเพราะร้านเกมมีแต่ผู้ชาย หลังจากนั้นเราสองคนก็คุยกันครับ ผมถามชื่อมันมันชื้อ B(นามสมมุติ)จากนั้นมันก็มาเจอผมที่ร้านเน็ตแทบทุกวั้นตอนนั้นผมคิดกับมันเป็ฯแค่คนรู้จักอย่างมากเป็นได้แค่น้องชายเท่านั้นไม่เคยคิดมากกว่านี้เลยหลังจากเล่นเกมเสร็จ กลับบ้านมาผมก็เหมือนจะร้องให้ทุกวัน(ผมเป็นอย่างนั้นมาห้าเดือนได้ครับ) ก่อนจะเปิดเทอมของมหาลัย โรงเรียนเก่าผมเปิดก่อน ผมก็ไปส่งน้องสาวติดพ่อที่ รร เขาเรียนที่ รร ในตัวจังหวัดครับเป็น รร หญิงล้วน(คงรู้ดีนะครับถ้าเป็นคแถวนี้ ปัจจุบันน้องสาวติดพ่อ อยู่ มสามแล้วครับ) ผมไปส่งน้องปกติไปเจอไอ่Bเข้าพอดีมันคงตกรถบาสงะครับเพราะดูเวลาก็สายแล้วมันยืนรถรถพอดีผมขับผ่านมาพอดีมักเรียกครับผมก็เลยต้องจอดรับมันเป็น(กำจริงๆ)แต่ก็ไปส่งมันถึง รร ครับแรกก็ไม่กล้าไปยุ่งกับมันเท่าไรกลัวมันมาหลอก พอรู้จักมันสักพักมันเป็นคนดีครับ จากนั้นมาผมก็เจอมันบ้างบางเวลาตอนเลิกเรียนมันก็จะขึ้นรถบาสมาลงที่ปากซอยวันไหนฝนตกผมเจอมันผมก็จะขับรถผ่าฝนไปส่งมันครับ ครั้งแรกไปเจอมันกับครอบครับ ครอบครัวของ B ดีมากๆครับผมไม่มีเสื้อกันฝนครอบครัวน้องเขาหาให้ผมเกรงใจครับไม่เอาเลยตากฝนสองครั้งก็แล้วสามครั้งก็แล้ว ครอบครัวเขาเริ่มสนิทกับผมและชวนผมกินข้าวด้วยผมมักจะกินข้าวที่นั้นบ่อยๆเวลาว่างช่วยงานที่บ้านผมก็จะแวะไปเล่นกับ B ที่บ้านจนผมเปิดเทอมผมบอกตรงๆเลยนะครับว่าผมโต่จังหวัดนี้และผมไปไหนไม่ค่อยเป็ฯเพราะกลัวหลงไปเป็นอย่างมากก็แค่ เช็นทรั้น สวยสาธาณะ บ้านน้องBเท่านี้ครับ เวลาว่างหลังจากผมเลิกเรียน ผมมักจะไปร้านเน็ตครับเจ้า Bก็จะมาหาผมที่นั้นผมไม่กล้าไปที่บ้านมันนะครับเกรงใจแต่ครอบครัวเขาก็สนิทมากๆครับให้ผมเป็นพี่ชายเจ้า B เลยทีเดียวเราสองคนไปเล่นสวนสาธารณะด้วยกันบ่อยๆครับพอสนิทกันมากขึ้นกอดผู้ชายครั้งแรกแปลกหน้าที่ผมได้รับคือกอดจากเจ้าB ครับ มันอบอุ่นมากๆผมไม่เคยถูกผู้ชายกอดเลย ย้อนกลับไปนิดหนึ่งครับ ผมถามมันว่าถ้าเกิดว่าพี่ชายคนนี้หายไปมันจะเป็นห่วงไหม มันจะคิดถึงไหม ผมถามมันก่อนจะกลับบ้าน มันก็ให้คำตอบแบบที่ผู้หญิงคนที่ผมรักไม่ให้ครับก็แบบ อึ่งนิดๆ มีที่ไหนผู้ชายจะพูดแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน พอตอบเสร็จก่อนผมจะกลับบ้าน ผมยกมือขึ้นทำท่ากอดแต่ในใจไม่คิดอะไรนะครัยนี่เรื่องจริง เจ้า B มันเดินเข้ามากอดหน้าตาเฉย ผมก็กอดมันไม่นานครับผมผลักมันออกไปแล้วบอกมันดูเลตัวเองด้วยนะมืง ผมจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ไปหามันแล้วกลับบ้านครับ ครอบครัวมันใจดีมากๆผมแบ่งปันเรื่องรวมร้ายๆที่ผมได้เจอมาให้พ่อกับแม่เขาฟัง(ผมไม่กล้าพูดกับแม่ผมนะครับ ท่านหัวโบราณ)เท่าแนะนำดีมากๆ บ่อยครั้งเข้าผมก็เหมือนเป็ฯครอบครัวของเจ้า B ไปไหนไปด้วยกันจน คนแถวนั้นมองว่าผมเป็น เมียเจ้า B ไปแล้ว ต่อมาไม่นานผมโดนกดดันครับ จากคนรอบข้างแถวนั้นว่าผมกับมันเป็นผัวเมียกัน ผมก็เริ่มห่างๆมัน เพราะกลัวมันอายแต่มันไม่อายนะครับ B กับครอบครัวพาผมไป ตจว ด้วยเป็ฯครั้งแรกครับที่ผมได้ออกจากอุดร ผมตื่นเต้นมากๆ เขาพาผมไป เที่ยว บึงกาฬแบบว่าไปทำงานด้วยแต่เอาผมติดรถไปงะครับ เป็ฯอะไรที่ทำให้ผมมีความสุดที่สุด พอหลังจากกลับมาจากบึงกาฬผมก็ไม่เค่อยไปหามันอีกเลย เพราะกลัวคนแถวนั้นกดดันมันและครอบครัว ครั้งสุดท้ายผมจำได้ปลายเดือน มิถุนา ผมไปหาน้อง B แล้วครอบแม่ของน้อง B ก็แซวผมกับมันว่าผมกับมันเป็นผัวเมียกัน ผมได้ยินอย่างนั้นผมโกรดมากๆครับเพราะผมไม่คิดกับมันเลยผมกลับบ้านมาเก็บกดมากๆคิดในใจ”ถ้าผู้หญิงคนนั้นดีแบบนี้ รักเราแบบนี้คิดกับเราแบบนี้ก็คงดีสิแต่ทำไมมันไม่ใช่อย่างที่เราคิดละ”ผมนั่งคิดอยู่สักพักวันรุ้งขึ้นเจอมันอีกตอนไปส่งน้องไป โรงเรียนเหมือนเดิมขากลับเจอมันรอรถอยู่ผมไม่กล้ารับครับกลับมาบ้านหน้าตาเฉย พอกลับมาถึงบ้านกลับคิดได้ “ มันก็ทำให้เรามีชีวิตใหม่ไม่ ทำให้เรามีความสุข ทำให้เราลืมวันร้ายๆนั้นได้ในช่าวงเวลา หนึ่งหนึ่งของปัจจุปัน “ผมคิดได้ผมก็บอกใจตัวเองตั่งแต่วันนี้มาเลยครับ ถ้าเกิดว่าผมเจอผู้ชายแบบนี้อีกผมจะเปิดใจให้เขาแล้วลองคบกันดูแต่ขอแค่ดีๆแบบBพอแล้วไม่ต้องมีอะไรมากกว่าทีมีใส่ใจกันก็พอแล้วผมคิดในใจขอบคุณครอบครัว B ขอคุณB ที่ทำให้พี่ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและมีค่ากับชีวิตที่เหลือยู่ หลังจากนั้นมา ผมกับ ก็เจอกัยบ้าง บางครั้งคุยกันปกติ(ขอบคุณอีกครั้ง นายเป็นได้แค่น้องชายแปลกหน้าของพี่เท่านั้นและพี่ก็คงเป็นพี่ชายแปลกหน้าของเองและครอบครัวเท่านั้น)ปัจจุบันผมไม่ไปเล่นกับBที่บ้านอีกเลย
***เริ่มใหม่กับชีวิตที่เหลืออยู่ผมรู้จักผู้ชายคนหนึ่งผาน fb แล้วเราก็คุยกันแรกๆผมก็ไม่ค่อยคุยเท่าไรครับเขาจะโทรมาหาผมตลอดเหมือนเป็นคนดีมากๆเหมือนเขามาเติมสิ่งที่ผมกำลังหาแต่พอรุ้จักกันได้สักพักผมก็ตกลงหละ ผมต้องไปเจอเขาให้ได้ผมก็มีมือถืออันหนึ่งช่วงปิดทเอมเดินทางจาก อุดรไปหาคนที่ดีๆคนนั้น ไปเจอเขาเขาก็เป็นคนดีครับ ผมไปเล่นกับเขา ไม่ค่อยบ่อย เพราะอยากให้เขามาที่บ้านผมบ้างมาเล่นกับผมที่บ้านบ้าง ให้ผมไปผมเกรงใจ หลังจากนั้นไม่นานผมบอกเขาแล้วว่าให้มาเล่นกับผมนะมาตัวเปล่าก็ได้ เขาตกลงจะมารับปาก ครอบครัวรับปาก แต่พอเขาเข้าจริงๆครอบครัวเขาไม่ให้เขามาผมเสียใจมากๆแล้วตัวเขาก็ไม่มา ผมไปรอที่ บขส เขาไม่มา ผมบอกเขาว่า มาอยู่ที่นี่สองวัน วันที่เขามาก็นับเข้ามาตอนเช้าของวันพฤหัส(แต่เขาไม่มานะครับผมไปรอรับแค่วินณาญ ไปยืนมองรถ สายอุดรเชียงใหม่)จากนั้นผมก็กลับบ้านพร้อมกลับแห้ว มาถึงบ้านแม่ถามว่าไหนเพื่อนเราเขามาไหม แม่ผมพูดพร้อมกับน้ำเสียงที่เหมือนจะด่า เพราะแม่บอกว่า โดนโกหกแล้ว มันก็จริงนะแหละ(ครอบครัวผมเกียดการโกหกครับผมโกหกนักครั้งได้เลย) เป็นคนตรงๆหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่ติดต่อผมอีกเลย ผมโทรไปหาเขาเขาก็ไม่รับ หลังจากนั้นมาเขาก็โทรมา ผมบอกได้คำเดียวครับนายทำแสบมากๆหลังจากนั้นผมก็อยู่คนเดียวไม่จับโทรศัพมาเดือนหนึ่งไม่เล่นเฟสบุกวางทุกอย่างเพราะเขาให้เพื่อนเขาโทรมาด่าผมว่าผมหลอกเขาผมก็ปล่อยให้เพื่อนเขาด่าผมครับผมตอบคำเดียวสั้นๆ กลับไปถามเพื่อนของเธอนะว่าเรื่องมันเป็นไงมาไง อย่าหาบาปใส่ตัวเองทั้งๆที่ไม่รู้ จากนั้นมาผมไม่ติดต่อเขาเขาไม่ติดต่อผมอีกเลย
แล้วจากหนึ่งเดือนผ่านไป ผมอยู่ มหาลัย ปี สอง ผมได้รู้จักน้องคนหนึ่งทางน้องสาวผมอีกทีผมเชื่อครับแรกๆมองผมไม่อกหรอกว่าผมชอบผู้ชายเพราะผมไม่เหมือนเลย น้องคนนี้อยู่ จังหวัดหนึ่งครับขอไม่บอกละกันน้องคนนี้เข้ามาหาผมมาคุยกับผมตลอด เราคุยกันมา 4 เดือน เดือนที่ 4 เราตกลงคบกันครับ ดูเหมือนจะเร็วๆไปแต่ดูฟังผมพูดก่อนนะครับ เรารู้จักปลายเดือน กันยา คุยกันมาเรื่อยๆจนถึงสิงหาผมบอกน้องคนนี้เลยครับว่าผมไม่ชอบการโกหกเราสองสองคนไม่โกหกกันครับ แต่ น้องเขาเหมือนไม่ไว้ใจผมน้องเขาโกหกผมชึ่งเป็นธรรมดาเจอกันในเน็ตจะมีกี่เปอร์เช็นที่ไม่โกหกจริงไหมครับ เราคุยกันมาเรื่อยๆโดยทุกวันที่คุยเสร็จผมจะบอกว่าโอเคนะเราจะไม่โกหกกันไม่ว่ากรณีใดๆ ผมจำได้ดีวันที่26/11/2011 เขาโทรมาพร้อมกับน้ำตาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ผมฟังแรกก็เข้าเรื่องโดนโน้นโดนนั้นกดดัน ร้องให้ อยู่ดีๆๆเขาก็เล่านิทายเรื่อง เจ้าหญิงกับเจ้าชายขึ้น
( นานมาแล้วมีเมื่องสองเมืองกำลังจะประกาศสงครามเย่งชิงกินแดนกันอีกเมื่องเจ้าเมืองมีลูกเป็นเจ้าหญิงสวยมากๆและอีกเมืองเจ้าเมืองมีลูกเป็นเจ้าชายในขณะที่กำลังจะเดิกสงครามนั้นเจ้าชายได้ปลอมตัวไปยังเมืองของเจ้าหญิงเพื่อที่จะหาจุดอ่อนแต่เจ้าชายได้เจอกับเจ้าหญิงก็หลงรักและเมื่อเจ้าชายได้รู้จักเจ้าหญิงสักพักเจ้าหญิงก็เล่าความในใจออกมาเชิงว่าเจ้าหญิงไม่ชอบการโกหกมากๆถ้าโกหกเจ้าหญิงจะเกลียดหรือถึงกับประหารชีวิตเลยพอเจ้าชายที่ปลอมตัวมาได้ยินเช่นนั้นเจ้าชายก็ร้องให้พร้อมกับพูดกับเจ้าหญิงว่า ถ้าเรามีเรื่องโกหกท่านจะอภัยให้เราไหม แล้วเจ้าหญิงตอบ....น้องเขาเงี่ยบไป ผมก็งงว่าเล่นอะไร พอน้องเขาอธิบายผมถึงได้รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาให้ผมตอบผมก็เงิบไปตามๆๆถ้าถามว่าผมเสียใจไหมก็บอกว่าแรกๆก็เสียใจนะเพราะมีใครในเน็ตบ้างหละที่ไม่โกหกผมว่าที่เขาโกหกก็คงจะด้วยความจำเป็นหลังจากนั้นมาเขาก็ไม่โกหกผมอีกเลยเราเจอกันจริงๆวันที่ ต้นเดือนธันวาครับจำได้มีงานประจำปี ที่นี้มีแห่มังกรด้วย ผมบอกว่าผมจะไม่ออกไปจากอุดรอีกแล้วกลัวโดนหลอกแต่ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันน้องเขามาหาผมพร้อมครับครัว มาเล่นกับผมที่บ้าน เป็นอะไรที่แปลกมากๆผมนึกในใจว่าไม่หน้าจะมีแบบนี้มันมันก็เกิดขึ้นกับผมอยู่ดีๆก้มีครอบครัวหนึ่งให้รู้จักและสนิท ปัจจุบัน ผมไม่นับ 4 เดือนที่คุยกันนะครับ เรารู้จักกันมา 1 แล้วชึ่งมันเดินเส้นที่ขีดไว้คือ หนึ่งปีคบหนึ่งปีจาก ต่อไปนี้ผมก็คงจะรู้จักน้องเขาและรักน้องเขาในทุกสถานะไปตลอดชีวิตแล้วแหละครับที่ผมบอกว่าชอบนี้คนนี้เร็วๆคือผมไม่อยากให้เป็นเหมือผู้หญิงคนหนึ่งเที่เขาทำให้ผมคิดเองและรู้สึกผิดมาตลอด คำถามนะครับ ผิดไหมที่บางครั้งคนเราจนทางเลือกแล้วยังมีปาฏิหารอยู่และทำได้ได้เจอกับรักแท้แม้เป็ฯรักแบบเดี่ยวกัน ผิดไหมที่บางครั้งเดินไปไหนด้วยกันแล้วโดนชุบชิบ ผิดไหมที่บางครั้งคนอื่นที่ไม่รู้ว่าลึกๆแล้วเป็นยังไงมาล่อมาว่าเราอย่างโน้นอย่างนี้ ผิดไหมที่บางครั้งชีวิตของใครคนหนึ่งมีแต่ หนึ่งสิ่ง แหละหนึ่งอย่างในชีวิต ผิดไหมที่ผมชอบผู้หญิงหนึ่งคนในชีวิต และ จะขอชอบผู้ชายเพียงหนึ่งคนในชีวิตบ้าง ผมไม่ได้ชอบผู้ชายมาแต่เกิดนะครับผมขอกล้าพูดเลยและผมก็ไม่ได้รักผู้หญิงคนไหนมาเกว่าแม่และผู้หญิงคนนั้นเลย(สำหรับผมกับเธอเราจบกันไปแล้วครับพอพูดถึงเขาผมเสียใจน้อยลงผมจึงนำเรื่องนี้มาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรว่าถ้าเราจะรักใครการจริงใจและจริงจังเกินไปก็จะเจ็บมากๆ(ตอนนี้ผมจริงจังกับรักครั้งนี้มากเพราะมันเป็นรักที่บริสุทธิ์ผมจะดูเลรักครั้งนี้ให้ดีทที่สุดครับ) )ผมขอโทษครอบครัวครับที่เราสองคนเป็นแบบนี้ผไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับผมไม่รู้ผมไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆผมไม่มีสำรองไว้เหมือนคนอื่นที่ผมเป็นแบบนี้ผมเลือกแล้วเลือกที่จะเป็นแล้วครับ (ขอบคุณครับ) (ขอยกเลิกรูปนะครับ แฟนผมเปลี่ยนใจอึกๆ)
|