มะเร็งตับ มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชายและอันดับ2 ในเพศหญิง และเป็นมะเร็งที่มีการดำเนินโรคเร็วมาก มักจะเสียชีวิตใน3 -6 เดือน สาเหตุ
1. การเกิดของโรคแยกตามประเภทได้ 2 ชนิด คือ 1.1 ชนิดที่เกิดกับตับโดยตรง (มะเร็งปฐมภูมิ) ในประเทศไทยพบมากมี 2 ชนิดคือ 1.1.1 มะเร็งชนิดเซลล์ตับ เป็นมะเร็งที่พบได้ทั่วทุกภาค 1.1.2 มะเร็งชนิดเซลล์ท่อน้ำดี เป็นมะเร็งที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | 1.2 ชนิดที่ลุกลามมาจากมะเร็งของอวัยวะอื่น (มะเร็งทุติยภูมิ) เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ และ ทวารหนักที่กระจายไปยังตับ |
2.ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรค เช่น โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี พยาธิใบไม้ในตับ สารเคมีต่างๆ ยารักษาโรคบางชนิดยาฆ่าแมลง สารพิษที่เกิดจากเชื้อรา สารเคมีที่เกิด จากอาหารหมักดอง สุรา ฯลฯภาวะทุพโภชนาการ ภาวะทางระบบอิมมูน คุณสมบัติ ทางพันธุกรรม และปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เป็นสาเหตุช่วยในการเกิดโรค อาการ | 1. เบื่ออาหาร แน่นท้อง ท้องผูก | 2. อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และมีไข้ต่ำๆ | 3. ปวดหรือเสียดชายโครงด้านขวา อาจคลำก้อนได้ | 4. ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโตและบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง |
การตรวจวินิจฉัย การตรวจและรักษามะเร็งตับในระยะแรกเริ่มมักได้ผลดี แต่มะเร็งตับระยะแรกเริ่มมักไม่มีอาการ ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงควรปรึกษาแพทย์ 1. การตรวจโดยเจาะเลือดหาระดับของสารแอลฟาฟีโตโปรตีนซึ่งเป็นสารที่มะเร็งตับ ชนิดเซลล์ตับผลิตออกมา 2. การตรวจดูก้อนในตับโดยใช้อุลตราซาวด์คอมพิวเตอร์เอ็กซเรย์ คลื่นแม่เหล็ก MRI หรือฉีดสีเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงตับ การรักษา
1. การผ่าตัด เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่หวังผลในการหายขาดได้แต่ใช้ได้ ในผู้ป่วยที่ก้อนยังไม่โตมาก และการทำงานของตับยังดีอยู่ 2. การฉีดยาเคมีและสารอุดตันเข้าเส้นเลือดแดงที่ไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็งทำให้ก้อนยุบลง (Chemoembolization) 3. การฉีดยา เช่น แอลกอฮอล์เข้าก้อนมะเร็ง โดยผ่านทาง ผิวหนังใช้ในก้อนมะเร็งเล็กๆซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถผ่าตัดได้ 4. การใช้ยาเคมี ใช้เพียงเพื่อบรรเทาไม่สามารถหายขาดได้ 5. การฉายแสงใช้เพื่อบรรเทาอาการของมะเร็ง 6. การใช้วิธีการผสมผสาน การป้องกัน
1. ไม่รับประทานอาหารที่มีเชื้อราระมัดระวังอาหารที่ตากแห้ง รวมทั้งอาหารที่เตรียมแล้ว เก็บค้างคืน เพราะอาจมีเชื้อราปะปนอยู่ 2. ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆหรืออาหารที่ใส่ยากันบูด 3. ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆเช่น ปลาดิบ ก้อยปลา เพราะอาจจะทำให้เป็น โรคพยาธิใบไม้ตับหรืออาหารที่หมัก เช่นปลาร้า ปลาเจ่า แหนม ฯลฯ เพราะมีสาร ไนโตรซามีน ซึ่งทำให้เป็นโรคมะเร็งตับได้ 4. ควรรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่ๆ 5. ถ้ามีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ |