◊ C h a p t e r 8 ◊
S p e c i a l แ ป ล ว่ า พิ เ ศษ
1 วันมี 24 ชั่วโมง
1 ชั่วโมงมี 60 นาที
1 นาทีมี 60 วินาที
นี่มันผ่านมา 1 อาทิตย์แล้วเพราะฉะนั้นเขาฟุ้งซ่านมาเป็นเวลา 168 ชั่วโมง หรือ 4,032นาที พูดอีกอย่างก็คือ 241,960 วินาทีแล้ว!
เขาใช้เวลาทั้งหมด 241,960 วินาทีนับจากวันที่ได้รู้‘ความลับบางอย่าง’ ในการฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆ หลายวันมานี่เขาไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น ! โคตรงี่เง่า! “พี่มาลาฝากบอกคุณแม่ด้วยว่าผมไปสำนัก”
หลังจากสเปเชียลงุ่นง่านโมโหอยู่ในห้องคนเดียวเขาก็คิดได้ว่าทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร จึงตัดสินใจ คว้ากุญแจลูกรักเดินออกไปขึ้นรถแต่ยังไม่ลืมที่จะฝากข้อความไว้ถึงผู้เป็นแม่
ระหว่างขับรถเขาพยายามทำใจให้สงบการกำหนดลมหายใจเข้าออกยังพอช่วยได้บ้าง ตั้งแต่คุณปู่ไม่อยู่ เขาหละหลวมมากเกินไปหละหลวมทั้งการฝึกสมาธิ หละหลวมทั้งการควบคุมอารมณ์ หมู่นี้เขาสติแตกบ่อยๆฟิวส์ขาดง่ายๆ เหมือนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
ใช่ เขาใจร้อน นี่เป็นข้อเสียของเขาที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หาย คำปู่เขาจำได้ขึ้นใจ “ถ้าใจร้อนกายก็ร้อนเป็นแบบนี้ต่อไปใจของหลานจะกลืนกินตัวเอง”
เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ…..กายเขากำลังร้อนขึ้นจนเหมือนกำลังจะระเบิด
ด้วยความเร็วในระดับ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไม่นานนักเขาก็ถึงที่หมาย..
ที่ที่เขามาห่างไกลออกมาจากตัวเมืองเล็กน้อยผู้คนไม่พลุกพล่าน สงบและสบายใจ ด้านนอกมองเข้ามาเหมือนจะเป็นวัดสไตล์ญี่ปุ่น….ที่คนอาจจะจินตนาการว่าคงมีเณรน้อยเจ้าปัญญานั่งสมาธิอยู่ข้างในหรืออาจจะมีเจ้าอาวาสหน้าตาใจดีอยู่ก็ได้
แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่ทั้งหมดที่พูดมา
สเปเชียลเดินเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคยก่อนจะตรงไปที่ที่คิดว่าคนที่ต้องการพบจะต้องอยู่แน่ๆ ซึ่งก็จริงชายหนุ่มร่างใหญ่ผมเกือบจะสกินเฮด ยืนเท้าเอวมองหนุ่มๆ สาวๆ ต่อยตีกันอยู่บนเวที
“หวัดดีครับพี่ริว”
คนถูกทักหันมามอง ก่อนจะทำตาโตด้วยความดีใจ “อ้าว เจ้าสเป”
ริวเป็นลูกชายของเจ้าของสำนักต่อสู้ที่นี่ห่างกับเขา 6 ปีด้วยกันส่วนของกระบวนท่าการต่อสู้เป็นแผนเฉพาะที่สืบต่อกันมาของสำนัก เจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนของคุณปู่ที่รักของเขาสเปเชียลจึงถูกลากมาฝึกที่นี่ตั้งแต่เล็กๆก็ได้คุณปู่กับพี่ริวเนี่ยแหละช่วยฝึกช่วยสอนกันมา ทั้งบู๊ทั้งบุ๊นไม่เป็นรองใครเมื่อก่อนเขามาจนเป็นบ้านหลังที่ 2 ไปแล้วแต่พอคุณปู่ท่านเสีย ก็ห่างหายไปได้ซักพัก….แวะมาบ้างเป็นครั้งคราวไม่ถี่เหมือนตอนคุณปู่ ยังอยู่อาจเพราะความคิดถึงในอกยังมีมาก เหมือนอยู่ในช่วงแผลสด แต่ตอนนี้ก็คงเริ่มตกสะเก็ดหากแต่มีคันบ้างเป็นบางครั้ง
“ไงล่ะเรา หายไปเลยนะ มือไม้อ่อนหมดรึยัง”คนพูดยกมือขึ้นลูบหัวคนที่นับศักดิ์เป็นน้อง
“หึ ไม่มีทาง ชั้นนี้แล้ว”
“อย่าๆ ตั้งแต่ปู่เราไม่อยู่นี่ไม่มาฝึกไม่มาซ้อม ชักเกเรแล้วสิ”
“ไม่เลยพี่ริว โชว์ให้ดูก็ได้”
สเปเชียลว่ายิ้มๆ ก่อนจะถอดแจ็คเกตที่ใส่มาเหวี่ยงไปตรงม้านั่งกระโดดขึ้นเวทีที่ว่างอยู่ ยักคิ้วให้คนเป็นพี่ ทีเล่นทีจริง
“หึ แล้วอย่าหาว่ารังแกเด็กนะ” ริวยกยิ้มพอใจ ก่อนจะป้องปากตะโกน
“เอ้า พวกที่ซ้อมอยู่ หยุดแล้วมาดูทางนี้ก่อน”
สิ้นคำพวกหนุ่มสาวบริเวณนั้นทั้งหมดก็วิ่งมารวมกันก่อนเรียกจอแจจะดังขึ้น โดยที่ไม่ดังไปเข้าหูสเปเชียล ที่ยืนเตรียมตัวอยู่มุมเวทีด้านโน้นแต่อย่างใด
“พี่ริวจะสู้กับคนนั้นเหรอ”
“โหยหล่อชะมัด”
“จะสู้กับพี่ริว เดี๋ยวก็น็อคหรอก”
“ท่าทางสำอางค์จะตาย”
ริวยิ้มขำกับคำพูดของเด็กใหม่ “หึ อย่าพึ่งพูดไป จับตาดูเขาให้ดีล่ะ”
ไม่แปลกที่จะได้ยินคำพูดพวกนี้ก็วันนี้สเปเชียลดันมาได้จังหวะเหมาะ เป็นวันฝึกซ้อมของเด็กใหม่ที่พึ่งเข้ามาได้ไม่เกิน3 เดือน กำลังกร่างได้ที่เลย…..จังหวะดี
คงจะได้รับบทเรียนที่ดีกันแน่
ริวยกยิ้มก่อนจะถอดเสื้อกล้ามออกเหลือกางเกงวอร์มขาสามส่วนตัวเดียวโชว์มัดกล้ามสวยที่ได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนัก เขาส่งสายตาเป็นเชิงหยอกล้อให้คนเป็นน้องก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีตามไป
“ให้เกียรติพี่เริ่มก่อนเลยดีกว่า” สเปเชียลเอ่ยขึ้น ฉีกยิ้มกว้าง
เห็นจะมีแค่ตอนฝึกนี่แหละที่แววตาซุกซนแบบเด็กๆของเขาจะฉายแววออกมา
“ฮ่ะๆ งั้นไม่เกรงใจละนะ”
สิ้นเสียงริวกระโดดพุ่งเข้าหาตัวสเปเชียลอย่างไว……แต่หากความไวของอีกฝ่ายมีมากกว่า เขากระโดด หลบทันแม้สเปเชียลจะรูปร่างไมได้ใหญ่โตอะไรนัก แต่ความไวและฉลาดหลักแหลมเขาไม่แพ้ใครเขาม้วนตัวหลบพลันขัดขาริวอย่างไว ทำให้ริวเสียหลักเกือบหน้าคะมำ แต่ใช้มือ 2 ข้างยันพื้นไว้แล้วทิ้งน้ำหนักตัวกลิ้งกลับมาคุกเข่าได้ก่อน เขายิ้ม…..ไม่ได้สนุกแบบนี้นานแล้วนะ
ริวพุ่งเข้าหาสเปเชียลจากทางด้านข้างใช้กำลังที่มากกว่าคว้าแขนสเปเชียลไขว้หลังหมายจะจับทุ่ม แต่สเปเชียลตวัดขาถีบพื้นส่งแรงม้วนตัวกลับก่อนจะทุ่มริวแทนเสียงดังโครมสนั่นโรงฝึก ทำเอาลูกศิษย์ที่ยืนดูอยู่กลัวว่าหลังอาจารย์จะหักซะก่อนเสียงตุบตับโครมครามดังสลับกับเสียงซี๊ดปากลุ้นของหนุ่มสาวข้างเวที หลายคนเอียงตัวหลบตามเพราะความตื่นเต้น
หลังจากพัลวันกันไปซักพัก ด้วยความห่างเวทีไปนานสเปเชียลเสียท่าให้ริว ริวขยับตัวพุ่งเข้าไปหา มือข้างนึงล็อคคอ อีกข้างล็อคไหล่และใช้ขาขวาเป็นหลัก ตวัดขาซ้ายเกี่ยวขาสเปเชียลทั้ง 2 ข้างให้เสียการทรงตัว ล้มลงนอนเป็นอันขยับตัวไม่ได้……สเปเชียลแพ้
“อ่อนลงนะ”
ริวว่าพลางขยับปล่อยให้น้องชายเป็นอิสระสเปเชียลฮึดฮัดเล็กน้อย ปัดฝุ่นตามตัว
“ถึงไม่อยากจะยอมรับ แต่ก็นะ แพ้ก็คือแพ้”เขาเหยียดตัวตรงโค้งหัวเล็กน้อย “ขอบคุณที่ชี้แนะครับ”
“มารยาทงามไม่เปลี่ยน” ริวยกยิ้มเอ็นดู
“ไม่ได้หรอก ปู่สอนมาดี”
“สอนด้วยหมัดสินะ”
“ฮ่ะๆๆ นั่นแหละปู่ผม”
ริวขยี้หัวสเปเชียลอย่างหมันเขี้ยวก่อนจะหันไปทางเด็กที่ยืนอยู่
“มีใครจะมาลองมวยกับพี่เขามั้ย”
หนุ่มสาวส่ายหัวดิก ก่อนจะยิ้มแหย
ริวสั่นหัวเล็กน้อย “หึ ไปซ้อมต่อไป เดี๋ยวไปดูให้”
ก่อนทุกคนจะสลายตัวก็หันมาอมยิ้มให้สเปเชียลเล็กน้อยโดยเฉพาะสาวๆ
ทำไงได้ล่ะก็ทั้งหล่อทั้งเก่งแบบนี้ใครไม่ชอบให้ทุ่มเลยจริงๆ
“ว่าแต่มีอะไรรึป่าว มาถึงนี่ คงไม่ใช่แค่คิดถึงแล้วมั้ง”ริวทรุดตัวนั่งขอบเวที ตบพื้นข้างตัวให้อีกฝ่ายนั่งลงตาม
สเปเชียลขยับมานั่งโดยดี “ทำไม ไม่มีอะไรมาไม่ได้เหรอพี่ริว”
“ไม่ใช่ว่างั้นแต่ถ้าไม่มีอะไรวันนี้คงไม่เสียสมาธิแบบนี้หรอกมั้ง” ริวพูดอย่างรู้ทัน “หลุดหลายทีเลยนะ”
สเปเชียลหัวเราะในคออย่างขบขันในความรู้ทันของอีกฝ่าย “ปิดไม่ได้สินะ”
“คิดว่าพี่เป็นใครฮะ?”
“พี่ริวกับคนที่ทั้งว่องไวทั้งแข็งแกร่งทั้งฉลาดเป็นกรด…..เราจะชนะเขาได้ยังไง”
ริวเลิกคิ้ว “หาจุดอ่อนจุดแข็งของเขาให้เจอ”
สเปเชียลส่ายหน้าเบาๆ “มีแต่จุดแข็งหาไม่เจอจุดอ่อน”
“คนทุกคนต้องมีจุดอ่อนทั้งนั้น”
สเปเชียลขมวดคิ้ว นิ่งไป ก่อนจะพึมพำเบาๆ “แล้วถ้าไม่ใช่คนล่ะ”
“อะไรนะ?”
เขายิ้ม “เปล่า ไม่มีไรหรอกพี่ริวไปเถอะ อีกซักยก”
สเปเชียลผุดลุกขึ้น ก่อนจะชักชวนริวให้ลุกตามมาสู้อีกซักรอบริวยิ้มขำ ส่ายหัวให้กับความเด็กของอีกฝ่าย ปกปิดเปลี่ยนเรื่องได้ไม่เนียนเอาซะเลยแต่เขาก็ลุกไปทำตามโดยดี
“งั้นสเปกลับก่อนล่ะพี่ริว ไว้จะแวะมาหาใหม่นะ”
สเปเชียลขลุกตัวอยู่ที่สำนักจนเย็นย่ำก็ขอตัวกลับ ริวเดินมาส่งที่รถ โบกมือให้ยิ้มๆ
“ทีหลังพาขอบฟ้ามาด้วยสิ” ริวเอ่ยปาก
สเปเชียลเหล่มองคนพูดอย่างรู้ทัน “แหม ได้อยู่แล้วไว้จะชวนให้นะ”
พี่ริวกับขอบฟ้าเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้วช่วงที่เขาแวะเวียนมาหาบ้าง หลังจากคุณปู่ท่านเสีย เพื่อนๆ ก็แวะมาเป็นเพื่อนเขาอยู่2-3 ครั้ง บางทีก็มาลองฝึกลองซ้อมกันเล่นๆท่าทางพี่ริวจะสนใจขอบฟ้าเพื่อนรักของเขา ไม่น้อยเลยทีเดียว
ก่อนที่สเปเชียลจะปิดประตูรถ ริวก็พูดขึ้นมาว่า
“จุดอ่อนไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับร่างกายอย่างเดียวหรอกนะสเป”
“หัวใจก็เช่นกัน” ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ ◊ สเปเชียลขับรถกลับมาบ้านไม่เจอพ่อกับแม่ เด็กที่บ้านเดินมาบอกว่าท่านทั้ง 2 ไปต่างประเทศ โทรหาเขาแล้วแต่เขาไม่ปิดเครื่อง แบตหมด…ไม่ได้ชาร์ต
เขาเดินขึ้นห้องแต่ไม่ได้เข้าห้องตัวเองเขาเดินไปที่ห้องคุณปู่…..
รอยที่พื้นยังเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้ชัดมากถ้าไม่สังเกตุขนาดคุกเข่าโน้มตัวลงไปจ้องก็คงจะไม่เห็นก็ไม่แปลกที่เวลามีคนเข้ามาทำความสะอาดจะไม่สังเกตุ และเอะใจอะไร….ทำยังไงถึงจะเปิดได้นะ
ไม่มีทางที่คุณปู่จะมีความลับกับเขา….
ปู่ซ่อนอะไรไว้กันแน่? มีอะไรที่เขายังไม่รู้?!
เขานั่งลงที่เตียง พลางนิ่งใช้ความคิด…..เขาใจร้อน ไม่มีสมาธิ
สเปเชียลหลับตาลงนิ่ง ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิ
กินเวลาเนิ่นนานเป็นชั่วโมง
ใจเขาสงบ
คำปู่สอนวิ่งแวบเข้ามาในหัวเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น
‘สิ่งที่ตาเห็นบางทีก็เชื่อไม่ได้’
‘อย่าตัดสินอะไรเพียงแค่ได้ยิน’
‘อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาเป็นอาจารย์’
‘อย่าเชื่อเพียงเพราะแค่ปู่เป็นปู่’
‘อย่าเชื่อจนกว่าจะได้เจอ’
‘น้ำเป็นสื่อกลาง สเปเชียล’
เมื่อประโยคสุดท้ายวิ่งวนอยู่ในหัวราวกับเสียงคุณปู่ที่รักดังขึ้นข้างหู…..เหมือนเรื่องจริง
เขาลืมตาโพลงขึ้นมา เหงื่อซึมบริเวณกรอบหน้าอย่างไร้สาเหตุด้วยอุณหภูมิห้องแอร์ไม่อาจทำให้เขาร้อน
แต่เขาเหงื่อตก
น้ำ……ในห้องนี้ที่ที่มีน้ำก็มีแต่….. ‘ห้องน้ำ’
|