◊ C h a p t e r 2 4 ◊
หั ว ใ จ
“ซี! มี อึก..มีคนมาหาสเป” ขอบฟ้าวิ่งกระหืดกระหอบมาหาซีที่คณะเขาจับเข่าหอบพูดออกมาติดๆ ขัดๆ
ซีลุกพรวดจากม้านั่งหน้าคณะทันที “ใคร?!”
“สเปเรียกเขาว่า เอ็กซ์”
ซีเบิกตากว้าง ขมวดคิ้วแน่น กัดฟันกรอด เขากำหมัดจนมือสั่น ครางชื่อเอ็กซ์ออกมาเบาๆ ด้วยเสียงที่ทำให้ขอบฟ้ารู้สึกขนลุก
“ซี โรงงานข้าง ม.”
ซีพยักหน้ารับแล้วรุดออกไปจากตรงนั้นทันที ขอบฟ้าจะวิ่งตาม แต่เขาชะงัก และตัดสินใจไปบอกเพื่อนๆ ที่เหลือของเขาแทน…
“………..” เอ็กซ์หันหน้ามามองสเปชียลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก
“มึงอยากได้ชีวิตกู?”
“ไม่ใช่แค่แก อยากฆ่ามนุษย์ให้หมดโลกนั่นแหละ!”
“กูรู้…ว่าที่มนุษย์ทำกับพวกมึงในอดีตมันโคตรเหี้ยมันให้อภัยไม่ได้” เขาเว้นช่วงมองซารายด์ตรงหน้า “มึงบอกว่ามนุษย์เห็นแก่ตัว น่ารังเกียจ กูก็จะไม่เถียง”
“ความจริงแล้วบนโลกนี้ก็มีคนที่เลวสุดขั้วอีกมากมีคนที่จิตใจโสมมน่ารังเกียจอีกนับไม่ถ้วน ไม่ใช่แค่คิดร้ายกับสิ่งมีชีวิตอื่นแต่กับมนุษย์ด้วยกันมันก็ยังทำร้ายกันเองได้….แต่มันไม่ใช่ทุกคนบนโลกหรอกนะที่จะคิด แบบนั้น”
“…..หุบปาก”
“กูไม่เคยคิดร้ายกับซารายด์ไม่เคยอยากทำร้ายหรือไล่ล่าพวกซารายด์เลยซักนิด”
“มีเหตุผลอะไรไม่ให้ฆ่ามนุษย์มีเหตุผลอะไรต้องปล่อยพวกมนุษย์ให้อยู่โดยไม่เดือดไม่ร้อนอะไร!”
สเปเชียลมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะของเอ็กซ์ก็ชะงักไป นั่นสิ…มีเหตุผลอะไรให้ไม่ฆ่าเขา มีเหตุผลอะไรที่จะบอกให้ไม่เกลียดไม่โกรธแค้นพวกมนุษย์อย่างเขา
ขนาดตัวเขาเอง…ก็รู้สึกว่า..ไม่มี
“…….กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” สเปเชียลก้มหน้าลง
“ขอโทษที่ทำให้ซารายด์อย่างพวกมึงเป็นแบบนี้….”
เขาเงยหน้ามองเอ็กซ์แต่หางตาของเขาเหลือบไปเห็นคนชุดดำ 2 คนที่ด้านหลังกำลังเล็งปืนมาที่อีกฝ่าย…
ไม่ทันได้คิดอะไรเขาก็ผลักเอ็กซ์ออกในจังหวะที่คนชุดดำนั่นเหนี่ยวไก….
ปืนเก็บเสียง….
เขาโดนยิง?!
ด้วยแรงอัดและแรงกระแทกจากการพุ่งชนส่งผลให้เอ็กซ์เซพ้นวิถีกระสุนไป แต่เขาถึงขั้นกระเด้งกลับจากร่างเอ็กซ์ตกลงไปที่ช่องหลุมด้านหลัง....
ให้ตายสิเขาลืมไปว่าที่นี่มันโรงงานร้างที่ผุพังจนไม่ปลอดภัยขนาดไหน...
เอ็กซ์เบิกตากว้างอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัวเขาหันไปกลับไปมองคนชุดดำ 2 คนนั้น
มันทำท่าตกใจที่เล็งเป้าพลาดไป และการพลาดครั้งนี้ เป็นการพลาดที่ผิดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ไม่สิ…
ครั้งสุดท้ายในชีวิตต่างหาก
เอ็กซ์พุ่งเข้าไปหาชายชุดดำ 2 คนนั้นอย่างรวดเร็วจับคอบิดจนหัก เขาหอบหายใจแรงๆ ด้วยอารมณ์ก่อนจะหันไปมองช่องที่สเปเชียลตกลงไป เขารีบรุดเข้าไปตรงปากทาง ก่อนจะหยุดชะงัก
นี่เขาคิดอะไร…
เขาคิดจะช่วยเด็กนั่นเหรอ?
“เอ็กซ์!”
ระหว่างที่เอ็กซ์กำลังชะงักครุ่นคิดอยู่เสียงคุ้นหูก็ดังลั่นขึ้นด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง…..ซี
“นายทำอะไรสเปเชียล!” ซีรุดเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายไว้เขากดเสียงต่ำตะคอก
ไม่ทันได้ตอบพวกเพียวก็วิ่งตามเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนเขาหันไปมองร่างชายชุดดำ 2 คนที่นอนตายอยู่ก็ต้องตกใจแล้วหันขวับไปมองซีกับเอ็กซ์
“ใจเย็นซี” เอ็กซ์เอ่ยเสียงเรียบ
ซีพ่นล่มหายใจแรงๆ แล้วปล่อยมือออกจากเสื้อ
“ยังไม่ได้ทำอะไร 2 ตัวนั้นก็โผล่มาลอบยิงจากข้างหลังแต่โดนเด็กนั่น…เขาร่วงลงไปในนั้น” เขาชี้ไปที่ช่องด้านหลัง
ซีเบิกตากว้างสบถเสียงดังแล้วกระโจนลงไปในช่องนั้นทันทีอย่างไม่ต้องคิด
ฝ่ายเพียวได้ยินแบบนั้นก็ค้นตัวร่างทั้ง 2 ทันที เขาพบกระเป๋าตังค์กับบัตรอะไรเล็กน้อยจึงคว้าเข้ากระเป๋า ไว้ก่อน
ไม่นานนักซีก็ขึ้นมาพร้อมร่างสเปเชียล พวกเขาเบิกตากว้างแล้วรุดเข้าไปหาทันทีปริมาณเลือดที่มากขนาดนี้น่าเป็นห่วงเกินไป เอ็กซ์ยังคงยืนมองนิ่งๆ
เขาเถียงไม่ได้ว่าแม้ซารายด์จะแข็งแรงแค่ไหน แต่การโดนยิงเข้าที่จุดสำคัญอย่างปอดหรือหัวใจก็ไม่อาจทำให้ซารายด์อย่างเขารอดชีวิตต่อไปได้
สีหน้าท่าทางแบบนั้นอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร
ในเมื่อคนที่เขาต้องการจะฆ่า…ช่วยชีวิตเขา
“ถอยครับ ขอทางหน่อยครับ พวกคุณรอข้างนอกนะครับรอข้างนอกครับ!”
พยาบาลและบุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่มีร่างโชกเลือดของสเปเชียลตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉินและต้องใช้บุรุษพยาบาลอีกจำนวนนึงรั้งซีไว้ไม่ให้ตามเข้าไป
ด้วยอารมณ์ร้อนระดับนั้นของซีทำให้ต้องใช้คนจำนวนมากรั้งไว้และทำให้สงบลง
พวกเพียว ลม ขอบฟ้า ข้าวปั้น เวล ตามมากันครบ และไม่นานคิวกับไอก็ตามมา
รวมถึงเอ็กซ์…
เอ็กซ์ยืนมองอยู่ไม่ไกล เขามองท่าทางของซีด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงออกอะไร เพียงไม่นานก็หายไปจากตรงนั้น
“กูโทรบอกพ่อแม่สเปแล้วเดี๋ยวพวกเขาจะบินกลับมาจากเชียงใหม่คืนนี้” ข้าวปั้นเดินเข้ามาบอกหลังจากออกไปโทรศัพท์มา
เพียวขมวดคิ้วแน่น “กูลองค้นกระเป๋าตังค์กับบัตรพวกมันดูแล้ว” เขาเว้นช่วง
“มันเป็นคนขององค์กรล่าซารายด์”
ทั้งหมดหันขวับไปมองทางเพียวเป็นตาเดียวรวมทั้งถึงซารายด์ทั้ง 3 ด้วย…
“องค์กรล่าซารายด์เหรอ?”
“มันมีด้วยเหรอเรื่องพรรค์นั้น”
“มันก็แค่หนังเท่านั้น!”
“ให้ตายสิ นี่มันอะไรกัน”
ทุกคนโวยวายเสียงดังแต่เพียวยังคงเงียบและหันไปทางซี
“มึงมีอะไรจะบอกพวกกูมั้ย…”
ห้องรับรองเงียบกริบ…หลังจากสิ้นคำเพียว คิวและไอหันไปมองซีด้วยสีหน้าเครียดๆ
“เอาที่นายสบายใจ” คิวว่าขึ้นแล้วตบไหล่ซีเบาๆก่อนจะลากไอออกจากห้องไป ซียังนั่งก้มหน้านิ่ง มือประสานอยู่ที่หว่างขา พวกเพียวเห็นท่าทางแบบนั้นก็เลือกที่จะเงียบไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรอีกฝ่ายต่อ
รอพ่อกับแม่ของสเปเชียลมาแล้วกัน…
“สเป!”
ผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้วสเปเชียลยังอยู่ในห้องฉุกเฉินพวกเพียวกับซีก็นั่งรออยู่ให้ห้องพัก แล้วพ่อกับแม่ สเปเชียลก็ตามมา
เมื่อเห็นผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีร้อนรนตามมาด้วยผู้ชายสีหน้าวิตกที่น่าจะเป็นพ่อ พวกเพียวหันมาเห็นก็ผุดลุกขึ้นเข้าไปหา
“คุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ”
“สเปเชียลล่ะจ๊ะข้าวปั้น!” คุณแม่เดินเข้าไปจับไหล่ข้าวปั้นเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับสเปยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลย นั่งก่อนนะครับ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มๆที่ดูมีอำนาจดังขึ้น ทุกคนลอบกลืนน้ำลายก่อนหันไปทางต้นเสียง
เพียวเม้มปากลังเล “พ่อมานั่งก่อนนะครับ”
ไม่นานนักแพทย์ที่รับสเปเชียลไว้ก็ตามเข้ามาให้ห้องรับร้องพิเศษของโรงพยาบาล ซึ่งไม่ต้องเดา…ที่นี่คือโรงพยาบาลสาขาใหญ่ของบ้านสเปเชียล
“ขออนุญาติครับ” หมอเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องอย่างสุภาพ เจ้าของโรงพยาบาลผุดลุกขึ้นทันที “ลูกฉันเป็นยังไง หมอธัน”
“เอ่อ…คุณอติวิชญ์คุณแพรพรรณครับ ทำใจดีๆ นะครับ” เขาเว้นช่วง “คุณสเปเชียลเสียเลือดมาก กระสุนเฉียดปอดไปไม่มากอีกทั้งลำตัวยังกระแทกพื้นอย่างแรง กระดูกหักหลายจุด ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย”
พ่อยกมือห้ามให้หมอหยุดพูด ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น “กลับไปดูเขาก่อน อีกเดี๋ยวฉันเข้าไปรักษาเขาเอง”
หมอธันพยักหน้ารับแล้วขอตัวออกไป พ่อนั่งนิ่งเพื่อพยายามควบคุมสติตัวเองให้มากที่สุด
หากเขายังมือสั่นใจสั่นอยู่แบบนี้…เขาไปดูลูกไม่ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ควบคุมสติได้ดีแค่ไหน แต่กับลูกชายคนเดียวของเขา…มันไม่เหมือนกัน
ตอนนี้แม่ร้องไห้ไปแล้ว พวกเพียวรุดเข้าไปปลอบ พ่อกับแม่เอ่ยถามพวกเพียวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับ สเปเชียลแต่ทั้งหมดยังอึกอักไม่พูดอะไร พวกเขาเลิกลั่กด้วยความลำบากใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อน พวกเขาเองก็กลัวจนมือสั่นอย่างระงับอาการไม่อยู่ เว้นคนเดียวที่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่….
“พวกนายออกไปก่อนได้มั้ย” ซีเอ่ยแทรกขึ้นมาเรียกความสนใจไปรวมที่เขาจุดเดียวได้ไม่ยาก
“.................”
เพียว ข้าวปั้น ลม เวล และขอบฟ้า มองหน้ากันไปมาก่อนจะพยักหน้าให้ซีแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
“นายเป็นใคร” พ่อเอ่ยขึ้นมองนิ่งไปยังคนไม่คุ้นตาตรงหน้า
“คุณคะ” แม่หันไปจับแขนให้พ่อนั่งลงแล้วหันมาหาซี “เราเป็นเพื่อนสเปเหรอแม่ไม่คุ้นหน้าเลย”
“ซีครับ”
“แล้วมีอะไร เกิดอะไรขึ้นกับสเปเชียล” พ่อเอ่ยแทรกเสียงเข้ม ซีหันไปมองก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ผมเป็นซารายด์”
“………………….”
“………………….”
“………………….”
“………………….”
“………………….”
เงียบ......
หลังจากสิ้นคำซีก็เกิดอาการ เดธแอร์ยาวๆ ยิ่งเป็นซีด้วยแล้ว เขาก็ไม่คิดจะต่อคำอะไรหรือเอ่ยพูดแทรกความเงียบขึ้นมา ปกติแล้ว สเปเชียลจะเป็นคนโวย แต่คราวนี้….
กริบ....
“เอ่อ…”
ขณะซีกำลังคิดถึงเด็กที่นอนน่าเป็นห่วงอยู่ในห้องฉุกเฉินเสียงหวานก็ดังขึ้น เขาหันไปมอง...แม่เด็กนั่นสินะ
“แม่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่...เราบอกว่าอะไรนะแม่อาจจะฟังเร็วไปหน่อย”
“..............”
ซีเกือบจะกรอกตาไปมาด้วยความเซ็งแต่เขาก็ระงับไว้ได้ ก่อนจะที่จะตอบอะไรไปคนข้างๆ ก็พูดขึ้นมานิ่งๆ
“เธอบอกว่าเธอเป็นซารายด์ใช่มั้ย”
มีคนจิตแข็งอยู่ในห้องนี้…
พ่อเหลือบมองซีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“ใช่ครับ”
“เธอเป็นต้นเหตุให้สเปเชียลเป็นแบบนี้ใช่มั้ย”
ซีนิ่งไป
“ฉันต้องการคำอธิบาย” พ่อว่าต่อ
ซีมองคนตรงหน้าแล้วก็รู้สึกถึงความดุเงียบของผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนมีเหตุผล และเด็ดขาด สายตาเชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้ มองตาก็พอรู้….
“ครับ ตอนนี้มีองค์กรไล่ล่าซารายด์เกิดขึ้น”
แม่เบิกตากว้างหันไปหาพ่อทันที “คุณคะองค์กรนั้นมัน…”
พ่อยกมือขึ้นห้าม ตายังจ้องไปที่ซี “องค์กรนั้นมันยุบไปตั้งแต่หลายสิบปีที่แล้ว จะร้อยปีอยู่แล้ว”
ซีพยักหน้า “ตอนนี้มันกลับมา…เป้าหมายของมันไม่ใช่แค่ซารายด์”เขาเว้นช่วง “แต่คือลูกชายคุณ”
“อะ..อะไรนะ สเปเชียลเกี่ยวอะไร” แม่เอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างร้อนรนด้วยความเป็นห่วงลูกชายคนเดียวของตน
“ฟังนะครับ…ผมจะเล่าแค่รอบเดียว”
ซีสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะขยับตัวนั่งลงที่โซฟาด้านข้าง
“สเปเชียลเคยเป็นแผลและได้รับเลือดซารายด์เข้าร่างกายไปหนึ่งหยดเขาชัก…ชักจนเกือบจะหมดลมหายใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ตายทั้งแผลยังหายสนิทราวกับไม่เคยมี ซึ่งเจ้าตัวจำไม่ได้ และไม่ได้เล่าให้เขาฟัง เลือดเพียงหยดเดียวไม่อาจบอกได้ว่าเขารับเลือดซารายด์ได้จริงๆวิธีที่จะพิสูจน์ได้คือใส่เลือดซารายด์เข้าร่างเขาในปริมาณที่มากพอ” ซีเว้นช่วง
“แต่ถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คิด เขาจะตายผมจึงให้เขาลองไม่ได้”
พ่อกำหมัดนิ่งไป แต่ยังจ้องหน้ารอฟังอยู่ แม่หลุบตาต่ำเพื่อซ่อนนัยน์ตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำ
“คิดว่าองค์กรที่เกิดขึ้นนี้ต้องการตัวสเปเชียลไปทดลองว่าเข้ากับเลือดซารายด์ได้อย่างที่คิดมั้ยและเกิดเลือดของสเปเชียลมีความพิเศษแบบนั้นจริงๆเลือดของเขาจะเป็นที่ต้องการขององค์กรไม่น้อยไปกว่าซารายด์... การจะสกัดสารจากเลือดสเปเชียลให้เป็นเซรุ่มที่ส่งผลให้ร่างกายมนุษย์รับเลือดซารายด์ได้คงไม่ยาก”
จบประโยคนี้ไปน้ำตาของคนเป็นแม่ก็ไหลออกมาไม่หยุด อันตรายแบบนี้…
กำลังเกิดขึ้นกับลูกของเธอ
“เธอลืมบอกอะไรไปรึเปล่า” พ่อเอ่ยขึ้น
ซีขมวดคิ้วแน่น….
คนคนนี้ฉลาด...
อาจจะฉลาดยิ่งกว่าสเปเชียลซะอีก
“ครับ...ถ้าหากเลือดสเปเชียลเข้ากับเลือดซารายด์ได้จริงๆ”เขากวาดตามองคนทั้ง 2 ตรงหน้าก่อนจะมาหยุดสายตาที่พ่อของสเปเชียล
“นอกจากจะทำให้สเปเชียลเป็นที่ต้องการขององค์กรแล้ว…เขาจะเป็นอันตรายที่สุดต่อพวกเรา...ต่อซารายด์”
“แล้วเธอมาบอกฉันทำไม เธอทำร้ายเขารึไง!” พ่อโวยขึ้นหลังจากจบประโยคสุดท้ายของซีแม่ดึงแขนพ่อไว้แล้วส่ายหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเพื่อบอกให้ใจเย็น
“ผมไม่ได้ทำร้ายเขา...ไม่มีวัน”
“...................”
“ขอไม่อ้อมค้อมนะครับ...ผมขอสเปเชียลไปอยู่กับผมจนกว่าเรื่องจะจบ”
พ่อขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “อะไรนะ”
“ตอนนี้องค์กรกำลังล่าสเปเชียลอยู่กับผมปลอดภัยที่สุด”
“องค์กรอันตราย แต่ซารายด์ก็เหมือนกัน”
“เขาอันตรายต่อซารายด์อย่างผมแต่ผมไม่เป็นอันตรายต่อเขา”
แม่หยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา เอ่ยถามเสียงสั่น “เธอหมายความว่ายังไง”
“จะขอปกป้องเขาครับ”
“…………….” พ่อแม่ชะงักไปหันมองหน้ากัน
“จะเชื่อเธอได้ยังไงจะฝากลูกชายคนเดียวของฉันไว้กับซารายด์อย่างเธอได้ยังไง”
“ถ้าผมจะฆ่าเขาจริง…เขาตายไปนานแล้ว”
“ทีนี้ผมขอเข้าเรื่องจริงๆ ซะที”
“ผมจะให้เลือดสเปเชียล”
“ไม่ได้!” ผิดคาดที่คนตะโกนออกมาไม่ใช่พ่อ
แต่กลับเป็นแม่...
“เธอก็พึ่งบอกไปว่าถ้าเกิดสเปเชียลรับเลือดเธอไม่ได้เขาต้องตาย!ฉันไม่มีทางให้เขาฝากชีวิตไว้กับความเป็นไปได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นแน่ๆ”
ระหว่างพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆน้ำตายังไหลพรากจากตาเธอไม่หยุด พ่อลุกขึ้นจับแขนแม่ดึงเข้ามากอดและมองมายังซี
“…………….”
ซีจ้องตาอีกฝ่ายกลับไปไม่มีความหวั่นไหวอยู่ในดวงตาสีทองคู่นี้
“แม้มันจะเสี่ยงมากก็จริง…แต่ถ้าไม่เสี่ยงเราอาจจะเสียเขาไปอย่างไม่ทันได้ลองทำอะไรเลย”
พ่อยังคงนิ่ง ในสมองของเขากำลังคิดหนัก “…………”
“เลือดซารายด์ชุบชีวิตคนตายไม่ได้ถ้าเขาหมดลมหายใจเมื่อไหร่...แม้แต่ความเป็นไปได้มันก็จะไม่มี”
แม่ตัวสั่นด้วยแรงสะอื้น พ่อลูบหลังช้าๆ ด้วยมือที่พยายามเก็บอาการสั่น
ซีเหลือบมองนาฬิกาแล้วขมวดคิ้วแน่น
“ผมรอดูเขาตายแบบนี้ไม่ได้”
พ่อหลับตานิ่งไปก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนในอ้อมกอดตัวสั่นแรงขึ้นไปอีก
“เข้าใจแล้ว”
|