◊ S p e c i a l C h a p t er ◊
เ กิ น รู้ สึ ก ดี
S p e c i a l ’ s P a r t
ยิ่งโตก็ยิ่งเจออะไรเข้ามาในชีวิตมากขึ้น
ยิ่งเวลาผ่านไปความคิดหรือทัศนคติส่วนตัวก็เปลี่ยนตาม
ยิ่งพบอะไรใหม่มากเท่าไหร่ก็เหมือนจะมีของสำคัญมากขึ้นไปด้วย
วันนี้ผมพบของล้ำค่าที่สำคัญที่สุดในชีวิตอีกอย่างนึง...
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผม...
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมคิดอะไรไม่ออกสัมผัสได้เพียงไออุ่นจากอีกฝ่าย ลมหายใจหนักๆ ที่ผสานกันจนร้อนระอุ เสียงครางต่ำที่ ฟังแล้วปลุกความรู้สึกส่วนลึกในใจขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย...
มือหนาแข็งแรงที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวทำเอารู้สึกวาบหวามประหลาดแรงบีบของนิ้วที่ทำให้กายสะดุ้งเฮือก
ลมหายใจเหมือนจะสะดุดเอาดื้อๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงโหมหนักจากร่างกายกำยำ แรงอารมณ์ที่ปิดไม่มิดของคนด้านบนทำผมมึนหัว
ความรู้สึกใหม่ที่ผมพึ่งค้นพบความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน เป็นความเจ็บปวดที่ผมเต็มใจรับ...
ความเจ็บปวดแสนหวานจากคนบนกาย
เจ้าของนัยน์ตาสีทองที่ผมหลงใหล...ซี
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เข็มสั้นและยาวที่นาฬิกาบนผนังจะชี้อยู่ที่เลขอะไรแล้วนะ... ผมรู้เพียงแต่ว่าตอนนี้ร่างกายผมไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ความรู้สึกหลากหลายวิ่งวนผ่านในกายไม่จบสิ้น ปลายประสาททุกเส้นเหมือนจะชาวาบจากการกระทำที่กำลังดำเนินไปอย่างไม่รู้จักเหนื่อย แต่เห็นทีคนที่ไม่รู้จักเหนื่อยคงจะเป็นอีกคนมากกว่า...ความสุขสมแล่นผ่านกายผมไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง... มันมาก...จนล้น
ความรู้สึกสุดท้ายที่จำได้คือ...ความรู้สึกอุ่นวาบในตัวและภาพคนตรงหน้าส่งยิ้มละไมมาให้ก่อนจะฝากสัมผัสอ่อนหวานไว้ที่ขมับและข้างแก้ม...
ไม่นานภาพตรงหน้าก็มืดลง
เมื่อตอนอายุได้ 15 ปีปัดเศษขึ้นนิดหน่อย คุณปู่ที่รักเคยพาไปปีนเขาที่ต่างประเทศท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจนแทบแข็งตาย
และหนทางสูงชันราวกับจะบ่งบอกให้รู้ว่าตัวเองมีขนาดเล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของโลก ทั้งใบ...
การเดินทางครั้งนั้นเป็นความทรงจำที่ทรหดที่สุดอย่างนึงในชีวิตเมื่อพ้นวันไปแขนขาไร้เรี่ยวแรงหยิบจับอะไรก็มือสั่นไม่หยุดควบคุมน้ำหนักมือไม่ได้
นอนซมเพราะพิษไข้ไปหลายวัน...
จากวันนั้นก็ไม่ค่อยได้ป่วยอะไรอีกร่างกายมีภูมิตานทานชั้นเลิศ ชนิดที่แก้ผ้าวิ่งรอบปารีสในวันหิมะตก ก็สู้ตาย...ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าตัวเองย้อนกลับไปวันนั้น...
วันที่รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังหมดประสิทธิภาพการทำงาน...ควบคุมไม่ได้อย่างใจคิด
อาการชาหนึบแบบนี้...เหมือนไม่มีสะโพกเลย... มองไปข้างกายก็ไม่พบอะไรนอกจากผ้าห่มผืนหนากับร่องรอยฉีกขาดของผ้าปูเตียง ตัวการหายไปไหน? คิดแล้วก็ต้องหมุ่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ...ตื่นมาก็ไม่เจอนี่มันยังไง
แกรก ฮึดฮัดในใจได้ไม่นานประตูก็เปิดออกพร้อมเจ้าตัว
“ตื่นแล้วเหรอ” ซีหันมายิ้มแล้วรีบรุดเข้ามาหาผมทันทีที่สบตากัน
ทำเสียงอ่อนแล้วยิ้มแบบนี้...คิดว่าจะหายโกรธรึไง...
เมื่อเห็นผมไม่ตอบเจ้าตัวก็ยกมือมาจิ้มที่แก้มเบาๆ...แล้วก็ไม่ต้องเดาฮึดฮัดสะบัดหนีเหมือนเดิม หากแต่...
“โอ้ย!” คราวนี้ความเจ็บแล่นริ้วตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาที่สมองทันทีที่ขยับตัว
“สเปเชียล!” อยู่ๆ คนข้างๆ ก็ตะโกนลั่นแล้วขยับเข้าใกล้...
สายตาแบบนี้...จะถือว่าห่วงแล้วกันนะ...
“อย่าพึ่งขยับตัวเลยนะ กินอะไรมั้ยเอามากินบนเตียงนะ?”
เสียงติดจะเป็นห่วงร่ายคำถามยาวเป็นวา...ทำเอากลั้นยิ้มตีหน้านิ่งไม่ไหวแต่ก็ทำเพียงส่ายหน้า 2 ครั้งหนักๆเป็นการตอบรับ
“ไม่กินหรอ? ไม่หิวรึไง?”
“เปล่า จะไปกินที่โต๊ะ ไม่อยากนอนบนเตียง”
“ไม่เจ็บ?”
สิ้นคำซีไปผมก็หันขวับไปมองตาดุจะขัดใจทำไมเนี่ย! เหมือนเจ้าตัวจะรู้เลยยกยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับ
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพาออกไปนะ?”
จะทำไรก็ทำดิ คิดว่าเดินไหวมั้ยล่ะ หะ!
“จะไปไหน?!” ผมถามขึ้นเสียงดังเมื่ออีกฝ่ายคว้าตัวผมแนบอกแล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ
“ไปแปรงฟันก่อน”
เออ ลืมแหะ
“เฮ้ย! แปรงเองได้” ผมผงะออกห่างเมื่ออีกฝ่ายบีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วยื่นมาที่ปากแทนที่จะส่งให้ถือ
ไม่ใช่เด็กซักหน่อยมาอุ้มแล้วแปรงฟันให้เนี่ย...ไอ้บ้า..
“กลั้วปาก” ซีว่าแล้วก็ส่งแก้วน้ำมาให้รับมาอมน้ำแล้วกลั้วไปมา พอก้มลงบ้วนน้ำทิ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมา คนอุ้มก็ขยับมากดจูบที่ข้างแก้มรัวๆอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว...ไม่ทันได้ตกใจเลยด้วยซ้ำ
เป็นอะไรมากมั้ยกับแก้มกับปากกูเนี่ย!หอมอยู่นั่น... คิดแล้วก็ยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเอง...
ไม่ได้เขินซักหน่อย แค่ตกใจเท่านั้นเอง
ผมนั่งรออาหารบนเก้าอี้ที่มีเบาะนุ่มๆ เสริมอยู่ 2 ชั้นพลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะกระจก
ไม่นานนักซีก็เดินยิ้มถือถาดอาหารมาวางไว้ตรงหน้า...อาหารที่เห็นแล้วต้องยิ้มกว้างอย่างพอใจ
ทำเอาลืมอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อเช้าไปสิ้นสลัดแซลมอนอโวคาโด กับสเต็กเนื้อที่อบมาความสุกกำลังพอดี...
ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเลยจริงๆว่าซารายด์จะทำอาหารอร่อยกว่าเชฟร้านอาหารด้วยซ้ำ
กินไปอย่างสบายอารมณ์ได้ซักพักก็ต้องรู้สึกสะกิดใจเหมือนมีคนจ้องพอเงยหน้ามองก็เจอเจ้าของสายตาที่จับจ้องมาที่ใบหน้าไม่วางตา
“มองกูอีกแล้วนะ ไม่กินไปล่ะ”
“อิ่มแล้ว”
จบคำมันผมก็เบนสายตามองไปที่จานอาหารของอีกฝ่าย...
ยังไม่แตะซักนิด บอกอิ่มเห็นปกติกินเป็นกะละมัง
“อิ่มบ้าไร อิ่มลมรึไงมึง”
“อิ่มเมื่อคืน อุ้ก!” ไม่ปล่อยให้มันได้พูดจบดีคนหน้าด้านตรงหน้าก็ต้องชะงักเงียบไป เพราะผมคว้าหมอนที่วางอยู่ข้างๆปาใส่หน้าเต็มแรง จนคนถูกโจมตีรีบคว้าหมอนแทบไม่ทัน เกือบหล่นใส่จานอาหารให้เละเทะ ไปอีกอย่าง
ไอ้บ้า! พูดออกมาได้
โดนไปแบบนั้นแล้วยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุดอีก...ไม่เข็ดสินะ... เห็นแบบนี้แล้วก็ทำเอานึกหน้านิ่งๆ เมื่อก่อนของมันไม่ออกเลยทีเดียว...
คนตรงหน้าผมเปลี่ยนไปมากเปลี่ยนไปทีละน้อยจนผมไม่ทันได้รู้สึกตัวเลย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสดงอาการว่ารักจนล้นแบบนี้ซะแล้ว...
ที่พูดๆ ไปก็หมายรวมมาถึง...ตัวผมเองด้วยล่ะนะ
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมนอนพักดูหนังอยู่กับคนข้างๆคนเดิม...ความเรียบง่ายแสนสุขแบบนี้...
เอาอะไรมาแลก...ก็คงไม่ยอม
แอบมองเสี้ยวหน้าคมที่จับจ้องหน้าจอทีวีแล้วก็เผลอคิดไปถึงเรื่องเก่าๆไม่ได้...
ไม่คิดว่าสุดท้ายจะได้มานอนซุกอยู่ในกอดอุ่นๆ แบบนี้
สิ่งมีชีวิตลึกลับที่ผมหลงใหลมาตั้งแต่จำความได้...
ตอนนี้เขาเป็นของผม...
“อาบน้ำมั้ย?” คิดเพลินๆก็ต้องสะดุ้ง เพราะอยู่ๆคนข้างๆ ก็หันมาพูดซะเฉยๆ
“หะ?”
“อาบน้ำกัน”
“เฮ้ย!” ไม่ว่าเปล่าดันลุกขึ้นยืนแล้วคว้าตัวผมขึ้นอุ้มไวๆ...ทำแบบนี้จนชินแล้วสินะ...เอะอะอุ้มๆ
“อาบน้ำให้นะ...” เจ้าของอ้อมแขนเอ่ยเสียงแผ่วข้างหูเล่นทำขนลุกซู่
“ไม่เอา!” จะบ้าหรอแผลเมื่อคืนยังอยู่ครบ จะมาทำอะไรสุ่มเสี่ยง เดี๋ยวก็ตายพอดี
“ไม่ทำอะไรหรอก”
สิ้นเสียงอีกฝ่าย ผมก็ค้อนสายตาดุๆ เข้าที...
เชื่อก็ตายดิ
“ปล่อยผ้าขนหนูสิสเปเชียล”
ให้ตายสิ!ไหงสุดท้ายถึงมานั่งนิ่งในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่บนตักมันได้ล่ะ!
คนด้านหลังผมพยายามกระตุกผ้าขนหนูชุ่มน้ำที่ผมกำแน่นเพื่อปกปิดช่วงล่างผมอยู่ออกแต่คงไม่กล้าออกแรงกระชากออก เลยแค่ดึงๆ เป็นเชิงบอกให้ปล่อย
“ไม่!”
“ไม่ก็ไม่”
ซีว่าเสียงทีเล่นทีจริงแล้วขยับเอื้อมมือไปหยิบครีมอาบน้ำมาบีบใส่มือตัวเองที่สอดผ่านเอวมาตรงหน้าผม
ผมมองครีมอาบน้ำสีขาวนวลที่ไหลออกมาใส่มืออีกฝ่ายเรื่อยๆจนมากพอใช้
ระหว่างที่มองอยู่เพลินๆ 2 มือตรงหน้าก็ขยับมาลูบเข้าที่เนื้อตัวผิวกายของผมแล้ว
ลูบ?!
“เฮ้ย! ซะ..ซีๆ กู...กูถูเองได้! มึงอาบ...อาบไปเถอะ” ละล่ำละลักบอกแล้วก็เอี้ยวตัวไปมองหน้าแต่คนถูกท้วงทำเพียงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างงุนงง
“ถูให้นะ” มันเอ่ยไม่สนใจเสียงค้านขยับวางคางที่บ่าผม จนตัวแข็งทื่อด้วยความขัดเขิน มือหนาที่มีครีมอาบน้ำลื่นๆ เต็มฝ่ามือขยับไล้ไปตามความยาวแขนผม
...รู้สึกแปลกๆ แล้วสิ...
“มึง...พอเถอะ...นะ” ผมเอ่ยเสียงแผ่วสติเริ่มไม่คงที่
คนข้างหลังชะงักไปนิดก่อนจะกระชับอ้อมกอดรัดเอวผมแน่นสัมผัสนุ่มหยุ่นของริมฝีปากแนบลงมาที่ต้นคอด้านหลัง จุ้บปากไล่ไปจนมาที่ไหล่ลาด...
แรงจูบดูดเบาๆ ทำกายผมสั่นระริกไม่รู้ว่าจากความเย็นของอากาศหรือเพราะแช่น้ำนานเกินไปกันแน่...
ไม่ทันได้รู้ตัวมือแข็งแรงของอีกฝ่ายก็ขยับมาลูบวนที่หน้าท้องราบของผมเบาๆซะแล้ว...
ถึงตอนนี้เสียงโวยวายหรือทักท้วงอะไรก็เปล่งออกมาไม่ได้ง่ายๆพอตั้งใจจะเอ่ยปาก แรงมือลูบก็ดูดซับความคิดและน้ำเสียงต่างๆของผมไปจนหมด
อารมณ์ส่วนลึกบางอย่างของผมถูกปลุกขึ้นซะแล้ว...แม้การกระทำเมื่อคืนจะทำให้ผมเจ็บและเหนื่อยแทบขาดใจแค่ไหนก็ไม่อาจเถียงได้ว่ามันรู้สึกไม่ดี... เพราะมันดีจนสติผมเลือนไปเหตุและผลทั้งหมดทั้งมวลดูเหมือนจะไม่มีความหมาย
เพียงแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่าย...
ปกติแล้วผมเป็นคนทำอะไรตามอารมณ์...ใช้สัณชาตญาณเป็นตัวชี้นำ งั้นตอนนี้...ถ้าผมจะเชื่อในอารมณ์ตัวเอง...มันคงจะไม่เป็นไรมั้ง...
คิดแล้วก็หันไปยกตัวโอบรอบคออีกฝ่าย...ซีดูจะตกใจกับการกระทำของผมไม่น้อย
หากแต่ก็ไมได้ทักท้วงหรือเอ่ยถามอะไรกลับขยับตัวแนบชิดเข้ามาจนไม่เว้นที่ให้อากาศลอดผ่าน...
อุณหภูมิร่างกายของเขาไม่ได้ลดต่ำลงตามน้ำเย็นๆที่แช่อยู่เลยซักนิดความร้อนระอุของกายยังคงไหลเวียนอยู่ไม่ไปไหน... ผมเริ่มจะมึนอีกแล้วสิ
เสียงครางต่ำของซีดังขึ้นก้องห้องยิ่งกลบความคิดในสมองผมจนไม่เหลือ...สายตามีเพียงภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำ
ยิ่งมองยิ่งเพ้อยิ่งสบตายิ่งทำให้เคลิ้ม...
แรงโหมของอีกฝ่ายทำน้ำในอ่างใหญ่ขยับเคลื่อนไปมาจนย้ายออกไปที่พื้นด้านล่างเกินครึ่ง
ความรู้สึกเจ็บแปลบรุนแรงเมื่อคราวเชื่อมกายถูกแทนที่ด้วยอารมณ์เสียววาบที่แล่นริ้วไปทั้วทั้งกายและเพิ่มขีดขึ้นเรื่อยๆจนกลัวว่าจะรับไม่ไหว... และคิดว่าหนนี้คงไม่ไหวจริงๆ
ซีใช้เวลานานเกินกว่า...มนุษย์ทั่วไป...แต่ด้วยผมเป็นมนุษย์...และตอนนี้ก็เป็นมนุษย์ที่มีร่างกายไม่ปกติสมบูรณ์เต็มร้อย... ใช้งานร่างกายหนักเกินไปแบบนี้...ก็แย่สิ นานจนผิวกายเริ่มเหี่ยวเพราะแช่น้ำนานเกินไปหัวหมุนและรู้สึกร้อนกายเหมือนไฟรุม
รู้ตัวอีกที...ก็ลืมตาขึ้นพบกับอกแกร่งของซีมองไปรอบๆถึงรู้ว่าผมนอนอยู่บนเตียงในสภาพเสื้อผ้าครบชิ้น ผ้าห่มผืนหนาปิดจนมิดคอและแขนแข็งแรงที่โอบเอวอยู่แนบแน่น
นี่ผมสลบ?
สายตาไปสะดุดที่อ่างแก้วเล็กๆ ที่มีผ้าพาดอยู่ที่ขอบตรงโต๊ะข้างเตียงแล้วก็พอจะเดาได้...
ไข้ขึ้นด้วยสินะ... ยกมือแตะหน้าผากตัวเองก็ยังรู้สึกถึงไออุ่นที่ยังไม่จางหายไปเหลือบมองต่อไปอีก นาฬิกาข้างผนังบ่งบอกเวลา...ตี 4 แล้ว...
คิดแล้วก็รู้สึกขำตัวเอง...สลบคาอกเลยสินะเงยหน้ามองใบหน้าที่คุ้นเคย เปลือกตาปิดสนิท ซ่อนนัยน์ตาสีทองคู่นั้นไว้ข้างใต้หน้าอกขยับขึ้นลงช้าๆ ลมหายใจอุ่นๆ สม่ำเสมอ...หลับสบายเลยนะ...
นอนมองหน้าซีไปเรื่อยๆ อย่างที่ผมเองก็ไม่รู้จักเบื่อไม่รู้มีอะไรให้มอง แต่ก็ไม่ละสายตาไปไหน ปากขยับยิ้มน้อยๆ ซุกตัวเข้าที่อก... กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ผมสบายใจ
ในจังหวะที่รู้สึกง่วงอีกรอบก็ยกตัวขึ้นกดจมูกที่ข้างแก้มเขา...
ผมพึมพำประโยคที่วิ่งวนในใจเบาๆก่อนจะเม้มปากแน่นด้วยความรู้สึกอายจนหัวใจเต้นแรงแล้วรีบซุกตัวเข้าที่แผ่นอกกว้างทันที...
จนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏตรงมุมปากของคนที่คิดว่านอนหลับสนิทอยู่...
“รักมึงนะซี”
|