C h a p t e r 2 3
❖
ย อ ม
เหมือนว่าคำถามของยูโรจะทำให้อีกฝ่ายมีสีหน้าท่าทางลำบากใจ ดูท่าแล้วตอนนี้เขาคงกังวลที่จะพาคนขอร้องไปพบกับสิ่งมีชีวิตที่ดูจะอันตราย ยิ่งในสถานการณ์กดดันแบบที่ฉีดยาสลบลักพาตัวมาอย่างนี้ด้วย
แต่ด้วยประโยคที่ดูจะมั่นใจเสียเหลือเกินของคนตรงหน้าก็ทำให้มิเกลยอบรับปากไปอย่างเสียไม่ได้
“นะครับ”
“แต่ว่า...”
“ให้ผมไปเถอะครับพี่มิเกลพี่เอ็กซ์ไม่ทำร้ายผมแล้วล่ะ”
“…”
มิเกลจ้องตาอยู่กับยูโรแบบนั้นจนต้องถอนหายใจยาวๆแล้วพยักหน้ารับ
“โอเคครับ แต่ได้แค่นอกห้องเท่านั้นนะครับ”
พวกเขาเดินตามโถงทางเดินยาวๆ ที่พื้นถูกปูด้วยพรมสีเทาจนสุดทางเวลาเดินผ่านจึงไม่มีเสียงของส้นรองเท้าหนังให้ได้ยิน
ยูโรก้าวเท้าตามมิเกลไปเรื่อยๆเหมือนว่าขนาดห้องของคอนโดนี้จะใหญ่พอทำให้หลงได้ทีเดียว
คิดอยู่เพลินๆ เขาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูเหล็กบานใหญ่ด้านข้างมิเกล
คนข้างๆยืนหันหน้าเข้าเครื่องสแกนม่านตาและวางมือเพื่อวัดอุณหภูมิและอัตราการเต้นของหัวใจ
ไม่นานประตูบานคู่ที่ดูจากเสียงแล้วน่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยก็เลื่อนเปิดออก
“…”
ยูโรมองไปที่กลางห้องก็พบกับห้องกระจกใสทรงกลมที่คิดว่าความหนาของกระจกนั้นคงไม่ธรรมดาเป็นแน่
ภายในกรอบกระจกพบกับบุคคลที่เขาคิดจะมาหานั่งอยู่ดวงตาสีเงินดุดันตวัดมองทางเขาทันทีที่ก้าวพ้นประตูเข้ามา
เอ็กซ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใครเขาลุกขึ้นยืนเหมือนต้องการจะพูดอะไร หากแต่ก็เงียบสนิท
กำแพงกระจกที่ล้อมรอบเขาอยู่นั้นไม่สามารถกักขังเขาไว้ได้...รวมถึงพวกคนที่ยืนเฝ้ากันเต็มไปหมดทั้งด้านในและด้านนอก
ประตูที่ดูจะมากกลไกนั้นก็เช่นกันแต่เขายังไม่ไปไหนทั้งนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้เห็นอัลฟา
เจ้าแมวนั่นร้องไห้...
“เอ่อ...ผมขอคุยกับเขาตามลำพังได้มั้ย?” ยูโรจ้องตากับคนในห้องกระจกแล้วก็หันไปเอ่ยปากกับมิเกล
มิเกลมองยูโรนิ่งๆแต่ด้วยสายตาที่เหมือนขอร้องแบบนั้นของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับอีกครั้ง
เมื่อเห็นมิเกลพยักหน้า คนอื่นๆ ที่ยืนเฝ้าอยู่รอบห้องก็เดินเรียงแถวกันตามออกจากห้องไป
ยูโรรอจนประตูปิดลงแล้วก็ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กรอบกระจก
“...พี่เอ็กซ์”
“อัลฟาล่ะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่เขาเอ่ยปากตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา
“แอลหลับครับ เหมือนจะไม่สบาย”
ถ้อยคำที่ทำให้เขาขมวดคิ้วหนักขึ้น
“เป็นอะไร?” เสียงที่เปล่งออกมาดูมีอารมณ์โทสะมากกว่าครั้งแรก
“คิดว่าใช้พลังมากไป”
เมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเขาก็นิ่งไป...
เหมือนว่าเจ้าแมวนั่นจะไม่ธรรมดาอย่างที่เขาคิดจริงๆสาเหตุที่ร่างกายของอัลฟามีความผิดปกติให้เห็นมาตลอดที่ผ่านมา และตอนนั้น...อัลฟาใช้พลังนั่นกับเขา
“เอ่อ..พี่เอ็กซ์เป็นไงบ้าง? เจ็บหรือปวดตรงไหนมั้ย”
“...”
“แล้วพี่หิวรึเปล่า”
“...”
“มีอะไรที่ผมช่วยได้มั้ย”
“…”
คนถูกถามยังคงเงียบไม่เอ่ยปากตอบโต้อะไรกับทุกถ้อยคำที่ได้ยิน
เขาเพียงสบตากับยูโรด้วยแววตาที่อ่อนลงเล็กน้อยและคิดว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจดีกับการสื่อสารทางสายตาแบบนั้นของเอ็กซ์
“...พี่เอ็กซ์โกรธมั้ยครับ”
“...”
“อย่าโกรธอัลฟาเลยนะพี่”
“ไม่ได้โกรธ”
“ตอนนี้ผมยังเล่าอะไรให้พี่ฟังไม่ได้แต่ผมรู้หมดแล้วว่าพี่เป็นอะไร”
“…”
ยูโรนิ่งไปเมื่อเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรง่ายๆกับคำพูดของเขาแน่ๆ นิ่งขนาดนั้น
เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นท่าทางตกใจหรือประหลาดใจอะไรของเอ็กซ์
แต่การที่เจ้าตัวทำเพียงจ้องหน้าเฉยๆ ก็ผิดคาดไปเสียหน่อย
เอ็กซ์สบตากับยูโรด้วยท่าทางนิ่งเฉยไม่มีอาการอะไรแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา
เขารู้ดีแล้วก็ไม่ได้คิดว่ายูโรจะมาเพื่ออธิบายอะไรให้เขาฟังทั้งนั้น
การที่เขาอยู่ที่นี่ในสภาพที่ถูกจองจำแบบนี้แน่นอนว่าทุกถ้อยคำและท่าทางล้วนถูกจับตาและบันทึกไว้ทั้งสิ้น
การที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลเบื้องลึกกันตรงนี้คงไม่ใช่ทางเลือกที่ควรทำ
และเขาเองก็ไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองทั้งนั้น
การที่อีกฝ่ายมาหาเขาคงไม่พ้นมาบอกว่าอัลฟาปลอดภัยดีเพื่อให้เขาสงบลงและยืดเวลาหายนะให้ออก ไปอีกนิด
ยูโรยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นเอ็กซ์ยังคงมีท่าทางที่ปกติไม่ได้โกรธจัดหรือมีโทสะในแววตามากเท่าที่คิด
แค่นี้จุดประสงค์ที่เขาต้องการมาที่นี่ก็ลุล่วง
อย่างน้อยก็อย่าเพิ่งอาละวาด...จนกว่าเหตุการณ์จะเข้าที่กว่านี้...จนกว่าเขาจะได้พูดคุยเกลี้ยกล่อม
หรืออย่างน้อยก็ให้เขาเข้าใจสิ่งที่แอลคิดเสียก่อน
เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น...
“ดูแลอัลฟาด้วย”
ประโยคที่ทำให้ยูโรหลุดออกจากภวังค์ความคิดเงยหน้าขึ้นสบตาที่เจือแววเจ็บปวดอยู่ภายในของคนตรงหน้า
“แน่นอนครับ ไม่ต้องห่วงนะพี่”
“…”
“ผมรับประกันว่าแอลจะไม่เป็นไร”
“…”
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องไปก่อน...เอ่อ...” ยูโรอึกอักไปตอนที่จะขอตัวกลับ เขานิ่วหน้าจิ๊ปากขัดใจเล็กน้อย
การที่พูดอะไรไม่ได้ทั้งที่อยากจะพูดอยากจะสื่อสารกับคนตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้นี่มันโคตรอึดอัดเลยเว้ย!
ไอ้ไคลด์แม่งจะติดกล้องติดไมค์ไว้เยอะขนาดไหนก็ไม่รู้
และเหมือนว่าเอ็กซ์จะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
“อืม” เขาตอบรับแล้วพยักหน้าให้ยูโรเล็กน้อยก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงด้านใน
เมื่อเห็นแบบนั้นยูโรก็ยิ้มออกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้ากลับไปแล้วถอยออกจากห้องมา
สถานการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด
พี่เอ็กซ์ยังสงบอยู่...เหมือนยังรอ...รอเจอแอล
เอ็กซ์เหลือบตามองประตูที่เปิดออกพร้อมปรากฏกลุ่มชายชุดดำที่เฝ้าอยู่รอบห้องเมื่อครู่หลังจากที่ยูโรหายออกจากห้องไป แล้วก็เดินมาประจำที่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน
เขามองแล้วก็ถอนหายใจเพื่อลดความโทสะในอกให้น้อยลง
เอ็กซ์กำลังหงุดหงิด...กระจกบางๆที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์และไม่มีทางกักขังเขาไว้ได้เลย
แค่เพียงเขาอัดแรงๆ เข้าสัก 3-4 ทีก็พอจะทำให้มันร้าวและแตกออกให้พ้นๆ สายตาได้แล้ว
ทั้งมนุษย์รอบห้องที่ทำหน้าเหมือนเหนือกว่าเฝ้ามองตลอดเวลานั่นยิ่งทำให้ไม่สบอารมณ์...
อยากฆ่า
นัยน์ตาสีเงินฉายแววนักล่าออกมาจนทำเอาสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่าขนลุกวาบอย่างช่วยไม่ได้ จนต้องเลื่อนมือไปกุมปืนกระบอกสีดำวาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวเพื่อความอุ่นใจ เอ็กซ์ละความสนใจจากรอบห้องแล้วครุ่นคิดถึงใบหน้าเจ้าแมวที่เขาคุ้นเคย...
เขาคิดไปถึงแววตาครั้งล่าสุดที่เขาได้สบแววตาที่คุกรุ่นและดึงดูด ซ้ำยังทำให้เจ็บปวดทุกสรรพางค์กาย
แต่ไม่ว่าจะเจ็บจะปวดแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถละสายตาไปจากดวงตาสองสีคู่นั้นได้เลย...
เหมือนถูกควบคุมความคิด ควบคุมการสั่งการของสมอง
แต่สิ่งที่นอกเหนือไปจากความรู้สึกเหล่านั้นมากกว่าความเจ็บปวด มากกว่าความเสียใจ
นั่นคือ...ความคิดถึง...อยากเจอ
แม้เขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถ่องแท้เท่าไหร่แต่ที่แน่ๆ หากสิ่งเหล่านี้เรียกว่า ‘ความรัก’
มันคงน่ากลัวเกินกว่าจะคาดคิด
มันทำให้เขาอ่อนแอจนน่าสมเพศ...
และในขณะเดียวกันมันก็อาจจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
“เอ่อ...พี่มิเกล”
ระหว่างทางเดินกลับห้องยูโรมองซ้ายมองขวาแล้วไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น เมื่อมั่นใจแล้วจึงเริ่มเอ่ยปากเพื่อเปิดบทสนทนากับคนที่เดินนำเขาอยู่ไม่กี่ก้าว พอได้ยินเสียงเรียกมิเกลก็ลดฝีเท้าลงให้คนด้านหลังเดินขึ้นมาเทียบ
“ครับ?”
“ผมถามได้มั้ย...ว่าหลังจากนี้จะทำอะไรเขาเหรอครับ”
มิเกลหยุดเท้าลงแล้วหันหน้ามาสบตากับยูโรเขามองนัยน์ตาที่เหมือนกำลังกังวลของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
“ผมก็ไม่ทราบอะไรนัก”
“เท่าที่พี่ทราบก็ได้ครับ”
มิเกลเกือบจะหลุดหัวเราะในคอออกไปเมื่อได้ยินคำสวนกลับมาของอีกฝ่ายแต่คนมาดนิ่งก็กลั้นมันไว้ได้ทัน
เขากระแอมเล็กน้อยแล้วเริ่มเดินต่อ
“ตามปกติแล้วการทดลองทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เพื่อไขความลับในสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งได้มาไว้ในครอบครองมันควรเป็นไปในรูปแบบไหนนะครับคุณยูโร”
คำตอบที่มาในรูปแบบของคำถามเชิงจิตยาทำให้ยูโรนิ่วหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่เคยตอบคำถามหรือบอกอะไรมาตรงๆ ง่ายๆ ให้เข้าใจทันทีที่ได้ยิน หากแต่คราวนี้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะบอกมันไม่ยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ
“ทดลอง..เมื่อไหร่ครับ”
“น่าจะภายใน 3-4 วันนี้เมื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
“เอ่อ...แต่ว่า” ยูโรกำหมัดเล็กน้อยเมื่อรวบรวมความคิดทุกอย่างในหัวจนเข้าที่แล้ว...การทดลองนั่น...
มิเกลได้ยินเสียงกัดฟันดังมาจากคนข้างๆทำเขาหยุดเท้าลงอีกครั้ง
“ซาไลย์...คือสิ่งมีชีวิตที่คุณไคลด์เฝ้าตามหามาหลายสิบปีเป็นเผ่าพันธุ์ที่กุมปริศนาและความลับของสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์ทั่วโลกเฝ้าฝันถึง...ยาอายุวัฒนะเป็นอะไรที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันไร้ค่า”
“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้อะไรละเอียดนักหรอกครับพี่มิเกล...แต่เรื่องที่จับซาไลย์มาทดลองแบบนี้เท่าที่ผมตามข่าวมันยังไม่มีในโครงการขององค์กรรัฐนี่ครับ”
มิเกลหยุดเดินเขาหันกลับไปมองยูโรที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว
“คุณไคลด์ลาออกจากองค์กรวิทยาศาสตร์แล้วครับ”
“หะ? ลาออก?!”
ยูโรทวนคำอีกทีเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยบอกว่าคนคนนั้นลาออกจากสถานที่ทำงานซึ่งอยู่มาหลายสิบปีแบบนั้น
องค์กรของรัฐ...สถานที่ทำงานเดียวกับที่พ่อแม่อัลฟาทำมาตลอด
“ครับลาออกตั้งแต่คุณอัลฟามาที่นี่...ตั้งแต่คุณกานต์ถูกย้ายไปต่างเมือง”
“ลาออกทำไม? มีเหตุผลอะไรให้ทิ้งองค์กร?!”
มิเกลถอนหายใจเขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย และเหมือนยูโรจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอกใบ้ในคำบอกเล่าเมื่อครู่
“ถึงห้องแล้วครับ”
เมื่อถึงหน้าห้องมิเกลก็เอ่ยปากขึ้นลอยๆเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ยูโรเข้าห้องได้แล้ว ฝ่ายคนที่กำลังสงสัย และสับสนอยู่นั้นเตรียมจะเอ่ยปากต่อ แต่ก็ต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“วันนี้ค่ำแล้ว คุณยูโรเข้าไปพักผ่อนเถอะครับ”
“...ครับ” และนั่นคงทำให้เขาตัดใจในความพยายามที่จะรู้อะไรตอนนี้
เจ้าตัวถอนหายใจแล้วก้าวผ่านตัวมิเกลไปและระหว่างนั้นเสียงอีกฝ่ายก็ดังลอดช่องประตูที่กำลังจะปิดลง เข้ามา
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณยูโร”
ยูโรไม่ได้ตอบรับประโยคสุดท้ายนั่นเขาถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
ก่อนจะเดินมานั่งลงที่ข้างๆ เตียงนอน ที่มีอัลฟานอนหลับอยู่ท่าเดิมไม่ได้ต่างกับตอนที่เขาออกจากห้องไป
ยูโรรุดเข้าไปหาเมื่อเห็นเจ้าตัวขยับตัวกระสับกระส่าย
“อึก...พี่...พี่เอ็กซ์...ฮึก”
คนหลับสนิทละเมอเพราะพิษไข้อ่อนๆซ้ำยังเพ้อหาคนในความคิดให้ยูโรต้องระบายลมหายใจ ด้วยความอ่อนใจ เขาเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วลูบหัวลูบหลังให้อัลฟาขยับเข้าซุก
“พี่...เอ็กซ์...อึก...ฮือ พี่..”
แอลเอ๊ย…คิดถึงเขารักเขาขนาดนี้แล้ว
เขาคิดสงสารเพื่อนตัวเล็กของเขาในใจ…ในหัวเล็กๆ ของมึงเนี่ยแบกรับอะไรไว้เยอะแยะขนาดนั้นกันวะแอล
ยูโรนอนมองอัลฟาที่หลับสนิทอยู่อย่างนั้นแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองนิ่งคิดไป
ไอ้ไคลด์จะทดลอง...ศึกษากายภาพของพี่เอ็กซ์...
ตลอดหลายปีที่เขาแวะเวียนวิ่งเล่นในองค์กรนั้นกับแอลตั้งแต่ยังเล็ก
พอรู้ความถึงได้รู้มาบ้างว่ามันสนใจอะไรและอยากศึกษาทดลองสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์นั้นมากแค่ไหน
แต่ไม่ว่ามันจะยื่นเรื่องกับต้นองค์กรของรัฐกี่ครั้งก็ไม่ผ่านอนุมัตินี่นา...
“คุณไคลด์ลาออกจากองค์กรวิทยาศาสตร์แล้วครับ”
เสียงของมิเกลสะท้อนก้องในความคิดเขาอีกครั้งประโยคที่เขามองข้ามไปเมื่อครู่ ประโยคที่ทำให้เขา เบิกตากว้าง แสดงว่า...เรื่องการทดลองเรื่องการจับตัวพี่เอ็กซ์ รวมถึงเรื่องใช้พลังของอัลฟาครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐ?มันทำเองทั้งหมด?
RrRrRrrrr
RrrrRrrrrr
ระหว่างที่คิดวิตกโวยวายในใจอยู่นั้นเขาก็ชะงักเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋าเดินทางดังขึ้น แล้วพอเดินไปหยิบขึ้นมาดูก็ปรากฏชื่อที่ไม่อยากเห็นที่สุดในตอนนี้ ‘P’Spacial’
RrrrrRrrrr
RRrrrrRrr
ยูโรกดปิดเสียงแล้วมองชื่อที่ปรากฏชื่อบนหน้าจอสว่างวาบจนมันตัดไปเป็นครั้งที่ 2 แล้วตั้งแต่เขาเห็น
แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้กดเลื่อนรับสายเขาหมุ่นคิ้วครุ่นคิดหนักในใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เพราะเหมือนว่าความร้อนรนของคนโทรจะแสดงออกมาทางจำนวนสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับเสียหมดแล้ว
128 Missed Call
คิดว่าเป็นจำนวนที่มากพอจะถามว่า ‘มีใครเป็นอะไรรึเปล่าวะ’ แน่ๆ พนันกันได้เลยว่าอีกฝ่ายไปหาเขาที่บ้านและคงรับรู้หมดแล้วว่าทั้งเขาและแอลรวมถึงพี่เอ็กซ์ได้หายไปชนิดที่ตามหาที่ไหนก็ไม่เจอ มองไปที่โต๊ะข้างเตียงก็เห็นว่าโทรศัพท์ของแอลยังปิดเครื่องอยู่ เจ้าของเครื่องคงจะเหนื่อยจัดจริงๆเสียงโทรศัพท์เขาจึงไม่สามารถปลุกให้ตื่นได้ และนั่นก็ไม่แปลกที่พี่สเปเชียลจะกระหน่ำโทรเข้าเครื่องเขาไม่หยุดแบบนี้
และเห็นๆกันอยู่ว่าตอนนี้เขาควรจะรับสายได้แล้วก่อนที่พี่สเปเชียลจะอกแตกตายเพราะความร้อนรน
แต่ถ้ารับแล้วจะบอกว่าอะไรดีล่ะ?! คำถามแรกคงไม่พ้น ‘อยู่ที่ไหน?’ แน่นอน
ตอนนี้ถ้าพี่สเปเชียลมามันจะยิ่งทำทุกอย่างแย่ลงไปอีกคิดๆ แล้วที่นี่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก
เขาคิดสรุปในใจที่จะไม่รับมันจึงกดปิดเสียงปิดสั่นแล้ววางมันคว่ำลงที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน
“อือ”
อัลฟาขยับตัวเล็กน้อยแล้วปรือขึ้นช้าๆ ให้สายตาได้ปรับรับแสงอาการเจ็บจี๊ดที่ขมับแล่นขึ้นมาทันทีที่รู้สึกตัว
เจ้าตัวเล็กนิ่วหน้าแล้วค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งมองไปข้างกายก็พบยูโรหลับสนิทอยู่
ไม่ทันได้ขยับลุกไปไหนคนที่หลับอยู่เมื่อครู่ก็ลืมตาตื่น
“แอล...ตื่นแล้วเหรอ”
“อื้อ แอลจะไปอาบน้ำ”
“เสร็จแล้วเรียกกูด้วยนะ”
พออัลฟารับคำยูโรก็หลับตาลงอีกครั้ง
แกรก
นานจนอัลฟาออกจากห้องน้ำมายูโรก็หลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว คนที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จหันไปมองเพื่อนที่มีสีหน้าผ่อนคลายหลับสบายอยู่ก็ไม่อยากปลุก เขาเลยเดินไปคว้าเบต้าขึ้นอุ้มเดินไปนั่งที่ริมหน้าต่างมองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย
ก๊อก ก๊อก
“มิเกลครับ”
“เข้ามาเลยครับพี่มิเกล”
อัลฟาขานรับเสียงที่ดังขึ้นจากด้านนอกอย่างสุภาพ ให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้วกวาดตามองไปทางเตียงก่อนจะมาจบลงที่ประสานตากับเขา
มิเกลยิ้มบางให้อัลฟาเล็กน้อย เมื่อวานเข้ามาอัลฟาหลับ ยูโรตื่น พอตอนนี้ยูโรหลับ อัลฟาตื่น... นี่สลับกันตื่นรึเปล่าเนี่ย
“พี่มิเกลมีอะไรเหรอครับ”
“คุณอัลฟาจะให้นำอาหารเช้าเข้ามาเลยมั้ยครับ?”
“เอ่อ...แอลไม่ค่อยหิวเท่าไหร่รอยูโรตื่นก่อนก็ได้ครับ”
มิเกลพยักหน้ารับแล้วทำท่าจะถอยหลังออกไปแต่ก็ชะงักเท้าเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นรุดเข้าหา
“คือเมื่อคืนผมหลับไปไม่ทราบว่าพี่มิเกล..เอ่อ...”
“ครับ เมื่อคืนผมเข้ามาแล้วแต่ฝากเรื่องไว้ที่คุณยูโร”
“อ๋อ พอดียูโรหลับยังไม่ตื่นเลยตั้งแต่ผมลืมตามาเลยไม่ได้คุยกัน”
เขาอยากรู้พี่เอ็กซ์จะฟื้นรึยังอาการเป็นอย่างไรบ้าง และตอนนี้มีใครทำอะไรมั้ย...
ความกังวลที่เกาะกุมจิตใจอย่างไม่รู้ตัวความเคยชินในความรักและผูกพันธ์ที่แฝงอยู่จนแน่นไม่อาจหายไปได้ในไม่กี่วัน และคงไม่อาจหายไปได้ง่าย ๆ
“หากหมายถึงเรื่องที่ถามเมื่อวาน...เขาฟื้นตั้งแต่เมื่อคืน คุณยูโรแวะไปดูมาแล้วล่ะครับ”
อัลฟาเงยหน้าอย่างรวดเร็วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ...งั้นผมไป...ไปดูได้มั้ยครับ”
|