C h a p t e r 2 7
❖
ล อ ว์ เ ร น
กว่าชั่วโมงที่คนด้านนอกปล่อยให้ทั้ง 2 ที่เคยเกลียดกันมากแสดงความรักต่อกันจนกว่าจะพอใจ ประตูห้องนอนก็เปิดออก
เมื่อเอ็กซ์เดินออกมาสเปเชียลก็หันขวับไปมองแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยตามประสาพี่ชายที่‘เคย’หวงน้อง
“อัลฟาร้องหา” เอ็กซ์เอ่ยปากบอกให้สเปเชียลรีบลุกขึ้นเดินตามเอ็กซ์เข้าห้องไป
เจ้าตัวเล็กนอนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยไม่หายจากอาการแสดงความรักที่ผ่านมา สเปเชียลเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียงแล้วลูบข้างแก้มอัลฟาอย่างเบามือ
“แอลขอโทษนะครับ”
และก่อนที่ตัวเองจะได้พูดอะไร ก็ต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจเมื่อน้องชายเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษขึ้นมาเสียก่อน
เพราะตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาที่ไม่ได้เจอกันเขานึกโทษตัวเองเสมอที่ปิดบังและทำให้น้องเสียใจ
สเปเชียลกัดริมฝีปากล่างอย่างข่มอารมณ์แล้วรวบตัวเล็กๆ ที่อุณหภูมิกายสูงผิดปกติเข้ามากอด
“พี่ต่างหากต้องขอโทษ ขอโทษที่ทำให้แอลต้องเสียใจ”
“แอลรักพี่สเปเชียลนะครับรักมากเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยน้า”
สิ้นคำที่ถูกเอ่ยมาด้วยถ้อยคำออดอ้อนอ่อนหวานอย่างที่คุ้นเคยน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมา
แบบที่คนเข้มแข็งก็ได้แต่รีบปาดออกไวๆ ขณะยังกอดน้องให้ซุกอกอยู่อย่างนั้น
“พี่สเปเชียล” อัลฟาผละตัวออกแล้วสบตากับคนเป็นพี่ “แอลออกมาจากที่นั่นได้ยังไงแล้วมิสเตอร์ไคลด์ล่ะครับ”
อัลฟาเอ่ยปากถามอย่างร้อนรนเมื่อเขาฉุกคิดได้ว่าความทรงจำสุดท้ายคือตอนที่เห็นพี่ชายตัวเอง กำลังจะถูกทำร้าย แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีข้อมูลในหัวเหมือนถูกลบทิ้งไป ไม่ต่อเนื่อง
“ความจริงพี่เองก็จำไม่ได้” สเปเชียลขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างจริงจัง “แต่ซีเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงแอลกับยูโรตะโกนก็มีแสงสีขาวสว่างจ้าไปทั้งห้อง แล้วยังมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ปวดหัวกว่าจะตั้งตัวได้ก็สักพัก ลืมตาขึ้นมาก็นอนนิ่งกันทั้งห้องแล้ว”
“พวกมิสเตอร์ไคลด์ด้วยเหรอครับ?”
“ใช่ เหลือแค่เอ็กซ์กับซี”
สิ้นคำตอบของสเปเชียลอัลฟาก็หันขวับไปมองเอ็กซ์ทันที เอ็กซ์สบตาเจ้าตัวเล็กตอบแล้วถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“นายกำลังจะใช้พลัง…”
“แสงนั่นมาจากแอล?”
เอ็กซ์ส่ายหัวแล้วเดินไปหยิบเบต้าที่นอนนิ่งไม่ไหวติงมาส่งให้ แบบที่คนมองก็เบิกตากว้างแล้วคว้าหุ่นยนต์ตัวเล็กมาไว้ในแขน
“เบต้าเป็นอะไร? มันไม่ทำงาน?!”อัลฟาขยับพลิกตัวเบต้าไปมาอย่างร้อนรน
“แสงมาจากมัน”
อัลฟาขมวดคิ้วหนักขึ้น ตาแดงเล็กน้อยอย่างคนวิตก เขาพอจะจำได้ลางๆ แล้วว่าวินาทีสุดท้ายที่เห็นคือภาพเบต้ากำลังพุ่งเข้ามาทางตัวเอง
เบต้าเป็นอะไร พัง?
คิดแล้วก็เริ่มจะสะอื้น
เบต้าสำคัญสำหรับเขามาก...พังไม่ได้!
เอ็กซ์มองภาพตรงหน้าแล้วก็ขมวดคิ้วตาม เขาไม่ชอบใจเท่าไหร่นักเวลาเห็นท่าทางเป็นทุกข์แบบนี้ของเจ้าแมวตัวเล็ก มองๆ แล้วก็เดินไปหยิบกล่องอุปกรณ์ในลิ้นชักมาส่งให้แบบที่อัลฟาก็เงยหน้าแล้วยื่นมือมารับ แต่โดยดี
สเปเชียลยังคงยังนิ่งลูบหัวอัลฟาเงียบๆในขณะที่เจ้าตัวเริ่มหยิบอุปกรณ์มาไขดูภายในของหุ่นยนต์ สุนัขแสนรัก
อัลฟาไขชิ้นส่วนเล็กๆ ออกเพื่อเปิดดูด้านในขยับมองหาจุดผิดปกติที่ทำให้หยุดทำงาน จนสังเกตุเห็นตัวอักษรเล็กๆที่เขียนอยู่บนกล่องบริเวณด้านในสุดที่เหมือนจะเป็นตัวรับอะไรสักอย่าง
สเปเชียลขยับตัวเข้าหาอัลฟาเมื่อเห็นน้องชายตัวเองนิ่งไปแล้วจ้องเขม็งไปที่ด้านในตัวเบต้าอย่างเคร่งเครียด
เขาขยับใบหน้าเขาไปข้างๆ อัลฟา
ก่อนจะเหลือบเห็นถ้อยคำที่สลักเป็นอักษรด้านในตัวอักษรที่จางลงไปกว่าที่ควรจะเคยเป็น แต่ยังชัดพอที่จะอ่านออกตัวเขียนอักษรภาษาอังกฤษสีขาวเล็กๆ ที่พอจะจับใจความได้ว่า
‘for my little alfa…you’re my precious thing’
หลังจากที่อัลฟาห็นข้อความจากแม่ที่ถูกจารึกไว้ในตัวเบต้าน้ำตาก็พลันไหลไม่รู้ตัว รู้ได้ไม่ยากว่าหมายความว่าอะไรและแสงสีขาวสาดจ้าในห้องตอนนั้นมาจากไหน ทั้งเบต้าที่ยังหยุดทำงานไปแบบไร้เหตุผลนี่อีก
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือแม่ทำให้เขา…
มัมสร้างตัวรับคลื่นความถี่จากพลังของเขา ใช้เจ้าอุปกรณ์ในตัวเบต้าวัดระดับคลื่นเพื่อส่งคลื่นต้านยับยั้งการใช้พลังจนถึงขีดสุด…
ขนาดมัมไม่อยู่แล้ว มัมยังปกป้องเขาเลย
“แอล…เป็นอะไรน่ะ”
สเปเชียลละสายตาจากตัวอักษรสีขาวที่เรียบเรียงถ้อยคำสละสลวย
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากคนข้างๆแล้วก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเจอใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาของน้องชายตัวเอง
“แอลจะไปหามิสเตอร์ไคลด์ แอลจะกลับอังกฤษ!”
อัลฟาพูดเสียงดังแล้วเลื่อนเบต้าออกจากตักลงที่ข้างเตียงขยับตัวลุกขึ้น แต่ด้วยพิษไข้ทำให้ขาอ่อน และกำลังจะทรุดลงที่พื้นแต่มีมือหนาขยับเข้าคว้าตัวขึ้นแนบอกได้ทัน เอ็กซ์ถอนหายใจแล้วขยับอ้อมแขนอุ้มอัลฟาดีๆ ก่อนจะก้มลงสบตาเจ้าตัวเล็กดุๆ
“ปล่อยแอลนะพี่เอ็กซ์! แอลต้องไปต้องไปเดี๋ยวนี้!”
“แอลใจเย็นๆ ก่อนนะ แอลเป็นอะไร”
สเปเชียลที่นั่งอึ้งไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนปรับอารมณ์ไม่ทันรีบลุกขึ้นเดินไปหาอัลฟาทันทีที่ตั้งตัวได้
“แอลจะไปหามัม แอลต้องไปหามัม!”
“แอล แอลนิ่ง แอลนิ่งก่อนนะ แอลฟังพี่” สเปเชียลพยายามเอ่ยปากกล่อมอัลฟาที่โวยวายไม่หยุดเขาเอื้อมมือไปลูบหัวลูบหลังอัลฟาให้สงบ “แอลจะกลับไปไหว้อาลอว์เรนตอนนี้ทำไมพักให้หายก่อนนะแอล”
สเปเชียลว่าไปก็งงไปเพราะนี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะไปเยี่ยมหลุมศพเลยสักนิด ทั้งอาการไข้ที่ยังไม่หายดี ทั้งเรื่องมิสเตอร์ไคลด์และอากานต์ที่กำลังจะกลับมาอีก
“แอลต้องไป ตอนนี้แอลมีเรื่องกับมิสเตอร์ไคลด์แล้วแอลต้องไปช่วยมัม!”
“ช่วย? ช่วยอะไร?!”
อัลฟาชะงักไปนิด กัดริมฝีปากล่างจนซีดขาวก่อนจะปาดน้ำตาที่ข้างแก้มออกแล้วกำเสื้อของเอ็กซ์ ที่อุ้มตนอยู่แน่น
‘ฮึก มัม มัมครับ มัมฟื้นนะ อยู่กับแอลสิครับมัม!’
เสียงสั่นเครือและรวดร้าวของเด็กชายผู้มีน้ำตานองหน้าดังขึ้นก้องห้องสี่เหลี่ยม มือเล็กเกาะกุมแขนซีดขาวและเย็นจัดของบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าแม่แน่น ทั้งยังเขย่าไปมาราวกับจะปลุกให้ลืมตาขึ้นมามองหน้าตน
ทั้งที่เมื่อกี้มือมัมยังอุ่นอยู่เลย ทั้งที่เมื่อกี้นัยน์ตาสีสวยของมัมยังมองมาที่เขาอยู่เลย
และทั้งๆ ที่มัมยังหายใจอยู่เลย!
อัลฟายังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มไม่หยุดและร้องตะโกนไปมาเท่าที่เด็กตัวเล็กที่อายุไม่พ้นสิบขวบปีจะทำได้ เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับสิ่งนี้…ความน่ากลัวในความสูญเสีญ ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกในชีวิต
ไคลด์เหลือบตามองเด็กชายตัวเล็กที่มีนัยน์ตาสองสีประหลาดแต่ดึงดูดในความรู้สึกกำลังคร่ำครวญอย่างน่าสงสารนิ่งๆ
แม้เรื่องราวในวันนี้จะผิดแผนไป
แม้จะต้องเสียลอว์เรนไป
แม้ว่าจะต้องรออีกยาวนานเท่าไหร่
แต่เขามองเห็นหนทางต่อไปแล้ว…
ในวันที่ลอว์เรนเสียชีวิตอัลฟากลายเป็นเด็กที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ เจ้าตัวเล็กไม่พูดไม่จาไม่ยิ้มและไม่ตอบสนองต่อสิ่งรอบกาย แม้แต่คนใกล้ตัวอย่างยูโรก็ไม่อาจทลายกำแพงความเศร้าโศกที่มาจากการสูญเสียได้
สาเหตุการตายของลอว์เรนที่ทุกคนรับรู้คือใช้พลังมากไปจนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
แต่หากในจิตใจอัลฟาไม่ใช่... และเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในวันงานฝังศพของลอว์เรน
วันฝังศพ...ที่ในโลงไม้สีขาวนั้นไม่มีร่างของเธอ...
สวนดอกไม้นานาพันธุ์ด้านหลังโบสถ์ที่จัดขึ้นอย่างสวยงาม ราวกับต้องการให้ผู้มาเยือนที่มีจิตใจหม่นหมองด้วยเหตุการณ์ทั้งปวงสดชื่นขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ยังดี ซึ่งไม่เว้นเด็กน้อยที่มานั่งน้ำตาอาบหน้าอยู่คนเดียว
หากแต่ไม่ทันสดชื่นขึ้นตามความตั้งใจของคนจัดสวนก็มีเสียงที่ทำให้หลุดออกจากภวังค์ความคิด
‘มานั่งทำอะไรตรงนี้’
เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นตามเสียงทักนับหลายนาทีที่จ้องหาคนด้านบนอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเอ่ยปากเสียงแผ่ว
เสียงโรยแรงที่ไม่ได้เปล่งออกมาจากลำคอนานนับอาทิตย์
‘มิสเตอร์ไคลด์’
‘ร้องไห้?’
‘ครับ’
‘ฉันเข้าใจ’ คนโตกว่าขยับเอื้อมมือไปลูบหัวทุยเบาๆพลางเอ่ยวาจาที่เด็กน้อยทำแค่นิ่งรับฟัง
‘ถ้าไม่มีมันเธอก็ไม่ต้องเสียใจอย่างนี้’
‘ถ้าไม่มีมันเธอคงไม่ต้องสูญเสีย’
‘เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากมัน’
‘มอบทุกอย่างของเธอให้ฉัน’
หนุ่มชาวอังกฤษเอ่ยเสียงทุ้มด้วยสำเนียงผู้ดีกล่าวคำที่คล้ายจะหลอกล่อให้คนน้ำตานองเอนเอียงตาม
นัยน์ตาสีน้ำข้าวทอประกายแวววาวอย่างเจ้าเล่ห์ปากบางฉีกยิ้มน้อยๆ ส่งให้เด็กหนุ่มตรงหน้า
‘ความสามารถทุกอย่างที่เธอมี...มอบมันให้ฉัน’
เป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้…
ว่า ‘มนุษย์ทุกคนบนโลกย่อมอยู่ได้ด้วยความหวัง’
และไม่ต่างจากอัลฟาในตอนนี้เด็กวัยสิบขวบปีที่ใจแหลกสลาย
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาฟื้นตัวเร็วคือตัวแปรที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ลอว์เรน ‘เธออยากให้ลอว์เรนกลับมามั้ยอยากได้แม่ของเธอคืนมั้ย’
ถ้อยประโยคที่ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในโลกมืดๆ เงยหน้าขึ้นมองทันทีราวกับเจอแสงสว่างในอุโมงค์ที่ทั้งทึบและตัน
‘อยากให้ฉันพาลอว์เรนกลับมาให้เธอมั้ยอัลฟา’
‘มัม…ไม่อยู่แล้วมัมอยู่ใต้ดินแล้ว’
อัลฟาว่าเสียงแผ่วเหมือนคนไร้สติน้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว
‘ไม่ ลอว์เรนยังอยู่กับฉัน’
เป็นอีกครั้งที่อัลฟาต้องเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วนัยน์ตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำเบิกกว้างอย่างมีความหวัง
ความหวัง…เป็นสิ่งหอมหวานเสมอ
‘หมายว่ายังไงครับ..มัม…’
‘ร่างของลอว์เรนตอนนี้อยู่กับฉัน’
‘มัม…มัมไม่อยู่แล้ว’
‘ฉันสามารถรักษาร่างของลอว์เรนไว้ให้เธอได้นานเท่าที่เธอต้องการ’
อัลฟาได้ยินแบบนั้นก็กัดริมฝีปากแล้วเริ่มสะอื้นอีกครั้ง
‘มัมไม่มีวันลุกขึ้น ไม่มีวันกอดไม่มีวันพูดกับผมได้อีกแล้ว ผมไม่ได้อยากได้มัมที่นอนอยู่แบบนั้น
‘แต่ฉันทำให้เธอได้ฉันทำให้ลอว์เรนกลับมาทำแบบนั้นกับเธอได้’
‘!’
อัลฟาลุกขึ้นปาดน้ำตาออกไวๆแล้วเอ่ยปากเสียงสั่นอย่างไม่ต้องคิด
‘ยังไง! ขอแค่มัมฟื้น! ผม…ผมทำได้ทุกอย่าง’
วินาทีที่อัลเห็นแม่ของตนนอนนิ่งเหมือนหลับอยู่ในหลอดแก้วยาวขนาดใหญ่มีสายระโยงระยางทั่วตัว
ทั้งยังอุปกรณ์สีและหน้าตาประหลาดรอบๆ อีกทำให้เด็กน้อยรู้สึกวาบในหัวใจ
มัมเหมือนนอนหลับ…
และไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะรีบพยักหน้าและละล่ำละลักตอบตกลงทุกข้อเสนอที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาตรงหน้า
ช่องว่างและรอยต่อของความรู้สึกมันเป็นรอยโหว่ที่ใหญ่เกินกว่าจะประสานมันให้กลับมาดังเดิมในเวลา อันสั้น และช้าเกินไปที่จะรับรู้ความคิดผิดพลาดในเวลานั้นของเด็กน้อยตัวเล็ก
วินาทีที่โลกทั้งใบที่มืดมิดกลับพลันมีแสงสว่างสาดส่องมาถึง
วินาทีที่สมองน้อยๆ บอบช้ำกับความสูญเสียร้ายแรงในชีวิตมีเพียงภาพรอยยิ้มและไออุ่นของอ้อมกอดของแม่จารึกไว้
วินาทีที่จิตใต้สำนึกและจิตใจบิดเบี้ยวถูกดัดแปลง
วินาทีที่เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่เขารู้ไม่เท่าทัน
วินาทีที่ตอบตกลงประโยคนั้นไป
‘ร่างกายและโลหิตของซาไลย์จะทำให้ฉันชุบชีวิตลอว์เรนได้มันจะทำให้ลอว์เรนกลับมา’
‘ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน…มัมต้องฟื้น’
อัลฟาหวนคิดไปถึงช่วงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนแล้วก็น้ำตาไหลตัวสั่นระริก ให้คนที่อุ้มอยู่อย่างเอ็กซ์ขยับอ้อมกอดเขย่าขึ้นลงเบาๆเป็นการปลอบ กดริมฝีปากลงที่ขมับและหน้าผากเจ้าตัวเล็กย้ำๆ จนรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวสงบลงแล้วจึงผละออกมองหน้าแล้วขยับยิ้มบางที่มุมปาก
อัลฟายกมือคล้องคออีกฝ่ายกอดแน่นอยู่พักนึงก่อนจะหันมาทางสเปเชียลสบตาคนเป็นพี่ชายแล้วเอ่ยปากเสียงสั่น
“ร่างของมัมยังอยู่…อยู่ที่ห้องลับของมิสเตอร์ไคลด์”
สิ้นเสียงของอัลฟา สเปเชียลก็นิ่งไปเหมือนถูกช็อตเขาเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจ ความตกใจและนิ่งอึ้งเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน และไม่นานนักอัลฟาก็เป็นฝ่ายที่ต้องช็อคไปกว่าที่สเปเชียลเป็น
“หมายความว่ายังไงอัลฟา”
เจ้าตัวเล็กหันขวับไปทางประตูทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ไม่อยากได้ยินที่สุดตอนนี้
“แด๊ด..”
|