แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Elenai เมื่อ 2020-6-4 14:18
เนื้อหาในตอนที่ 6 ตามลิงค์ http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=124101&fromuid=155129
(ปล.เนื้อหาในตอนนี้ผู้เขียนได้เขียนให้ยาวกว่าตอนอื่นๆเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้อ่านที่ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดครับ)
เฟิร์สพาเจ้าเติร์ก เตอร์ ไอ้ตี๋กับกลุ่มเพื่อนๆมันและเจมส์เดินเข้าไปที่ห้องสภานักเรียน ทันทีที่พวกเจ้าเติร์กเดินกรูกันเข้ามาในห้องแป้งกับเค้กที่กำลังนั่งอธิบายเนื้อหางานคร่าวๆให้กับคนอื่นๆฟังตรงหัวโต๊ะประชุมอยู่นั้นแป้งกับเค้กเงียบเสียงลงพร้อมกับหันมามองพวกของเจ้าเติร์กและคนอื่นๆที่กำลังยืนมองหาที่นั่งกันทำให้สมาชิกคนอื่นๆในห้องประชุมทั้ง 18 คนที่กำลังนั่งฟังแป้งกับเค้กถึงกับหันมามองตามๆกันไปทำเอาพวกของเจ้าเติร์กและคนอื่นๆพากันสตั้นด้วยความเขินอายและตกใจ เค้กมองพวกเจ้าเติร์กและคนอื่นๆชั่วครู่และหันไปกระซิบบางอย่างให้กับแป้ง ทันทีที่เค้กพูดจบแป้งรีบเอื้อมมือไปหมุนปรับเร่งเสียงไมโครโฟนบนแผงควบคุมให้ดังขึ้น “อ่ะแฮ่ม สวัสดีจ่ะแขกบ้านแขกเมืองทั้งหลาย นึกว่าจะไม่มากันแล้ว ไปไหนกันมาหรอจ๊ะ” เสียงแป้งที่พูดออกลำโพงดังกังวานไปทั่วทั้งห้องทำเอาทุกๆคนในห้องถึงกับตกใจไปตามกันๆไอ้ตี๋ที่กำลังเขินอายจากสายตาทุกๆคนเพ่งมองมานั้น มันรีบทำฟอร์มแก้ต่างให้กับเพื่อนๆโดยทำหน้ากวนๆใส่แป้งและพูดสวนกลับไป“โถ่ๆ แม่แป้งมัน แป้งข้าวโพด เล่นออกไมค์เลยหรอพวกกูหูไม่ได้ตึง มึงพูดปกติพวกกูก็ได้ยิน” “อ้ออออหรอจ๊ะหูไม่ได้ตึงเนาะ พอดีว่าเราย้ำเมื่อตอนเช้ากับตอนกลางวันว่า 5 โมงเย็นมาเจอกันที่ห้องสภาเลทได้ไม่เกิน 10 นาที ตอนนี้เวลา 17.20 น. แล้วน้าเอ้ แบบนี้เรียกว่าหูปกติหรือหูตึงดีน้า” แป้งพูดพร้อมกับทำหน้าตากวนๆย้อนใส่ไอ้ตี๋ไอ้ตี๋ถึงกับหน้าเสียขึ้นมา “เออกูรู้ไงกูกับเพื่อนๆขอโทษมึงด้วยที่พวกกูมาช้าพวกกูหิวข้าวเลยไปหาซื้ออะไรกินที่หน้าโรงเรียนกันอย่างที่รู้กันว่าหน้าโรงเรียนคนมันเยอะ กว่าจะได้กินมันเลยเสียเวลา” แป้งถึงกับส่ายหน้าไปมาแล้วรีบพูดตัดบท “อืม คราวหลังรักษาเวลาด้วยล่ะกันเห็นไหมว่าพวกรุ่นน้องสภามารอกันตั้งนานแล้ว อ้าว!! มัวยืนไรกันล่ะนั่งๆ จะได้มาต่อจากตะกี้ เออเค้กตะกี้เราพูดถึงไหนหรอ??” ระหว่างที่พวกเจ้าเติร์กแยกย้ายไปหาที่นั่งกันนั้นเคนกับเจนที่นั่งคู่กันอยู่เกือบหลังสุดของห้องประชุม ได้กวักมือเรียกให้เจ้าเติร์กเตอร์และเจมส์ไปนั่งเป็นกลุ่มด้วยกันเจมส์พยายามแทรกตัวผ่านกลุ่มไอ้ตี๋และเดินตามหลังเจ้าเติร์กไปติดๆโดยมันหวังที่จะนั่งข้างเจ้าเติร์กให้ได้แต่มันก็ต้องผิดหวังเพราะเคนมันดันจองเก้าอี้ว่างไว้ให้แค่ 2 ที่สำหรับเจ้าเติร์กกับเตอร์เท่านั้น ทำให้เจมส์ถึงกับทำหน้าบูดเบี้ยวและเดินไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆไอ้เบทกับไอ้เฟรมแทนขณะที่เจ้าเติร์กกำลังนั่งฟัง เฟอร์ประธานนักเรียนคนใหม่รุ่นน้องม.5 ที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากรุ่นของเฟิร์ส อธิบายรายละเอียดงานอยู่นั้น สายตาของเจ้าเติร์กมันเหลือบไปเห็นหนิง (นักเรียนหญิงศิลป์-ญี่ปุ่น จากห้อง 6/3 คนที่เจ้าเติร์กแอบชอบ) กำลังนั่งก้มตาก้มตาจดบันทึกงานที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งหนิงนั่งห่างจากเจ้าเติร์กไปเพียงแค่ 2 เมตร เจ้าเติร์กที่เห็นหนิงนั่งตรงหน้าถึงกับใจเต้นระส่ำระส่ายถึงขั้นประหม่าจนมันต้องรีบเบนสายตามองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงแอบชำเลืองสายตากลับไปมองหนิงเป็นระยะๆ เตอร์ที่นั่งข้างๆเห็นอาการผิดปกติของเจ้าเติร์กถึงกับเอ่ยปากกระซิบถามขึ้นมา“เห้ยหน้าหล่อเป็นไรของมึงวะ” “ปะป่าวกูแค่ร้อนเฉยๆน่ะ ไม่มีไรหรอก” “ร้อนเชี่ยไรวะ แอร์เย็นจนจะไข่หดอยู่นี่ล่ะถามจริงมึงเป็นไรวะ” เจ้าเติร์กทำหงุดหงิดใส่เตอร์และรีบตอบส่งๆไป “เออน่ามึงอย่าสนใจกูเลยเชี่ยเตอร์มึงตั้งใจฟังที่น้องเขาพูดเถอะ” คำพูดและอาการของเจ้าเติร์กที่แสดงออกมานั้นได้ไปกระตุ้นต่อมขี้สงสัยของเตอร์ให้ทำงานแล่นปรี๊ดขึ้นมาเตอร์มันเลยลองกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง จนมันเห็นหนิงที่นั่งอยู่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมันเลยทำให้เตอร์เก็ตในสิ่งที่เจ้าเติร์กเป็นอยู่ทันที มันถึงกับพยักหน้าเบาๆหลายทีพร้อมกับยิ้มและทำหน้ากวนๆล้อเลียนเจ้าเติร์ก “เอ่อกูเข้าใจล่ะว่ามึงร้อนอะไรระวังไว้เถอะ เดี๋ยวแม่งก็ลุกโชนกลายเป็นเอสหมัดอัคคีเข้าให้” คำพูดของเตอร์ที่พูดออกมานั้นไม่ทำให้เจ้าเติร์กเคืองหูแต่อย่างใดแต่มันกลับทำให้ใบหน้าของเจ้าเติร์กเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเบิกบาน “ไอ้หน้าหล่อกูถามมึงจริงๆ มึงชอบหนิงและหนิงรู้ไหมว่ามึงชอบเขา ว่าไง?” “ไม่รู้ดิ กูว่าไม่รู้มั้ง” “ถ้ามึงชอบหนิงมึงก็ลองไปคุยกับหนิงดูสิจะได้รู้ด้วยว่าเขาคิดไงกับมึง” “กูคุยแล้ว แต่ไม่บ่อย” “แล้วเป็นไงบ้างทีท่าของหนิงดูเค้ามีใจให้มึงไหม” “ไม่รู้ดิ กูไม่รู้บอกไม่ถูกว่ะ กูไม่กล้าว่ะเวลาอยู่ต่อหน้าหนิง” “โถ่เอ้ยหน้าหล่อเวลาคุยมึงแม่งหยอดมุขไปบ้างดิวะ ให้หนิงขำๆไงหรือไม่ก็ชวนคุยเรื่องที่น่าประทับใจ พยายามทักและชวนคุยอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวก็คุ้นเคยเองกูเสียดายว่ะ ระดับมึงนี่แค่หน้าตาและรูปร่างของมึงก็ทำคะแนนไปเกินครึ่งแล้วไอ้หน้าหล่อนี่ถ้ามึงเพิ่มทักษะการอ่อยสาวอีกนิดนะ รับรองสาวๆติดกันตรึม” เจ้าเติร์กหันมายิ้มเจือนๆให้กับเตอร์ “เออขอบใจที่เป็นห่วงกูพ่อปรมาจารย์ยอดรักว่าแต่มึงเหอะกับคนล่าสุดของมึงนี่สถานะชัดเจนแค่ไหนล่ะวะ” “กับเฟย์น่ะหรอเดี๋ยวเรียนจบม.6 นี่แล้วกูว่าจะพาเฟย์ไปแนะนำให้พ่อกับแม่กูรู้จักจริงๆจังๆสักทีว่ะแม่งทุกวันนี้ก็ถามอยู่นั่นแหละว่ามีแฟนกี่คนแล้ว เมื่อไหร่จะพามาให้พ่อกับแม่เห็นหน้าแม่งทำยังกะกูเป็นเด็กเล็กๆ โครตเซ็ง” “ฮ่าๆเอาเถอะเชี่ยเตอร์อย่าไปถือสากับท่านเลยก็พ่อกับแม่มึงเป็นห่วงและก็รักมึงมากนิน่า มึงเข้าใจพ่อกับแม่มึงหน่อย มึงลูกชายคนเดียวของบ้านนะมึง” “เอ่อไอ้หน้าหล่อ กูเพิ่งนึกขึ้นได้ นี่กูขอถามมึงตรงๆนะไอแผ่นหนังโป๊ที่กูให้มึงไปน่ะกูถามจริง มึงได้ดูยัง” ถามคำถามของเตอร์ทำเจ้าเติร์กถึงกับอึ้งไม่เป็นท่า“ว่าไงมึง ดูยังวะ หรือยังไม่ได้ดู?” “อืมดูแล้ว” “นี่พูดจริงปะวะ หน้ามึงนี่แม่ง ทำซะกูเชื่อไม่ลงว่ะ”“อืมกูพูดจริง” เตอร์ยกมือขึ้นไปวางไปบนไหล่ซ้ายของเจ้าเติร์กพร้อมกับตบเบาๆ“แล้วเป็นไงบ้างวะ เย็สสกันมันสสสสไหม” เจ้าเติร์กถึงกับตกใจหันมองซ้ายมองขวาอย่างรวดเร็ว “ไอ้เชี่ยเตอร์แม่งพูดเบาๆดิวะมึงแม่งจะให้คนทั้งห้องรู้รึไงวะ” “ฮ่าๆ โทษๆ แล้วมึงว่าไง เย็สสกันมันสสสสไหม” เตอร์ทำตาโตและจ้องมองมายังเจ้าเติร์กเจ้าเติร์กตอบไปพร้อมกับชักสีหน้าเซ็งๆ “อืมก็ดี” เตอร์ถึงกับคิ้วขมวดด้วยความสงสัย “ก็ดี? แค่นี้น่ะหรอ? ไรของมึงวะไอ้หน้าหล่อ” “อ๊าว แล้วมึงจะให้กูตอบไงวะเชี่ยเตอร์ นี่กูก็ตอบตามความเป็นจริงของกูแล้ว”“อ่าๆ โอเค้ แล้ววววว มึงคิดว่ามึงอยากจะลองทำดูไหม” เจ้าเติร์กหันมองเตอร์ด้วยใบหน้าที่งุนงง “ทำไรวะ”“ก็ทำแบบในหนังไง ที่มึงดูน่ะ ถ้ามึงอยากจะลองทำแบบในหนังกูมีที่ดีๆแนะนำให้มึงรู้จัก บอกเลยว่าสาวแต่ละคนนี่แจ่มๆทั้งนั้น” “โห่หหหมึงเชี่ยเตอร์ มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะเนี่ย การที่กูดูหนังแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้อง Need ไปด้วยนิ ความคิดมึงแต่ละอย่างนี่…นะ โครตหวังดีกับกูสุดๆ” “โหยยยหน้าหล่อมึงไม่อยากลองหน่อยหรอวะ มึงอายุปูนนี้แล้วมึงน่าจะลองผ่านประสบการณ์แบบนี้ซะบ้าง”เติร์กถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับทันที “เฮ้อ ถ้างั้นมึงทำไมไม่ไปลองซะเองล่ะเชี่ยเตอร์” “ก็กูจะไปลองทำไมในเมื่อกูมีเฟย์สุดที่รักอยู่แล้วทั้งคน กูจะทำเมื่อไหร่ก็ได้เสมอ มีแต่มึงนี่สิยังโสดซิงขนานแท้ เดี๋ยวปัจฉิมนี้กูจะซื้อคานทองห้อยคอให้มึงเลยดีไหม” “เออ สาธุขอให้จริงเถอะว่าแต่มึงเชี่ยเตอร์ ที่มึงพูดๆมาให้กูฟังนี่ มึงไปรู้จักที่แบบนั้นได้ไงวะก่อนหน้านั้นมึงหื่นนนนมากขนาดนั้นเลยรึไง” เตอร์รีบเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้หูเจ้าเติร์ก“ถ้ากูบอกให้มึงรู้ มึงเหยียบไว้ตรงนี้นะมึงอย่าริเอาไปพูดต่อเชียวล่ะ มันมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้นะ คืองี้ ไอ้ตี๋น่ะ เห็นแบบนั้นมันเป็นคนเซ็กส์จัดนะมึง แฟนแต่ละคนที่เลิกกับมันไปก็เพราะทนความขี้เงี่ยนของมันไม่ไหวนี่แหละ”เติร์กถึงกับอมยิ้มขึ้นมา “อะหึไอ้ตี๋นินะขี้เงี่ยน มันจะเงี่ยนซะขนาดไหนวะถึงขั้นแฟนบอกเลิกเนี่ย” “มึงลองนึกดูมันเอากับแฟนวัน 3 ยก ยกละ 10 หน เป็นมึงมึงจะทนคบกับมันไหวไหมล่ะ” เติร์กหลุดขำจนมันรีบยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ “ถ้าจะขนาดนั้นกูว่าแม่งให้มันไปหาซื้อตุ๊กตายางมาใช้งานจะดีกว่ากูว่าน่าจะทนทานไม่สึกหรอดี” “ฮ่าๆ เออๆกูก็ว่า ถ้ายางมันไม่ระเบิดก่อนนะฮ่าๆ” “เอ่อแล้วไงต่อวะเชี่ยเตอร์” “ไอ้ตี๋ช่วงที่มันไม่มีแฟนมันเลยมักไปลงกับพวกสาวๆตามร้านนั่นแหละพอมันมีแฟนมันก็ไปทำกับแฟนมันแต่พอเลิกกับแฟน มันก็กลับไปหาสาวๆที่ร้านอีก จนมันเป็นขาประจำไปแล้ว บางทีนะมึง มันก็ชวนพวกไอ้เบทกับเฟรม ไอ้เอก และไอ้เฟิร์ส ไปใช้บริการที่ร้านนั้นด้วย” “ห๊ะไอ้เฟิร์สด้วยหรอ หล่อๆแบบมันนี่นะ ยังจะต้องไปที่แบบนั้นด้วย?” “ไอ้เฟิร์สเห็นแบบนี้มันก็ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนหรอกนะไอ้หน้าหล่อมันคงคิดว่ามันหล่อเลือกได้” “โห่ กูก็เพิ่งรู้จากมึงนะเนี่ย กูก็นึกว่าพวกนี้ยังสดๆซิงๆกัน” เตอร์ถึงกับเอานิ้วชี้จิ้มเข้าไปที่ขมับซ้ายของเจ้าเติร์กเบาๆ “ฮะเฮอ ขอต้อนรับสู้โลกความเป็นจริงไอ้หน้าหล่อ มึงนี่แม่งอะไรมันจะโลกสวยซะขนาดนั้น กูก็เห็นมีแต่มึงงงงนี่แหละผู้ชายที่ยังคงซิงสดอย่างปากมึงว่า” ทันใดนั้นเคนที่นั่งฟังอยู่ข้างๆเจ้าเติร์กรีบใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่แขนขวาเจ้าเติร์กเบาๆจนเจ้าเติร์กหันมามอง“เห้ยเติร์กฟังๆ พวกสภานักเรียนจะแบ่งงานให้กับแต่ละคนแล้วมึงเอาสมุดกับปากกามาป่าว มึงจดเผื่อกูกับเจนด้วย” หลังประชุมแบ่งงานเสร็จสิ้นเจ้าเติร์กพวกของไอ้ตี๋และพวกของไอ้เฟิร์สได้รับมอบหมายให้อยู่ฝ่ายออกแบบตีมงานและวาดภาพลงสี เคน แป้ง เจนและหนิงได้รับมอบหมายให้อยู่ฝ่ายจัดการแสดงส่วนแป๋ม เตอร์ เค้ก เจมส์และพวกรุ่นน้องสภาทั้งหมดจะรับผิดชอบจัดสถานที่การเบิกจ่ายเงินและเตรียมอาหาร เครื่องดื่มในวันงาน เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองแล้ว เจ้าเติร์กพวกของไอ้ตี๋และพวกของไอ้เฟิร์สจึงแยกตัวกันไปที่ห้องศิลปะเพื่อวางแผนออกแบบตีมงาน“เร็วๆ ขนเข้าไปไว้ข้างในเลยน้อง ค่อยๆนะน้องเดี๋ยวมันขาด”เฟิร์สยืนสั่งให้รุ่นน้องสภานักเรียน 7 – 8 คน ขนบางสิ่งเข้ามายังห้องศิลปะ เจ้าเติร์กที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนคนอื่นๆในห้องถึงกับลุกขึ้นเดินออกมาดู“เฮ้ยเฟิร์ส มึงให้พวกน้องๆเค้าขนไรกันมาวะ” “ออ ประตูบานเลื่อนกระดาษน่ะ กูเห็นมันวางซ้อนอยู่หลังห้องภาษาญี่ปุ่นเป็นสิบๆอันเลยกูว่าจะเอามาใช้ในนี้งานด้วย อีกอย่างเห็นมึงว่าจะให้พวกกูวาดเพ้นท์บนบานประตูด้วยไม่ใช่หรอ” “เอ่อใช่ๆ ว่าแต่ประตูบานเลื่อนกระดาษ แม่งมีเยอะเหมือนกันนะแบบนี้คงใช้ตกแต่งห้องได้หลายห้องแน่นอน” “โหยยไอ้เติร์กที่มันเยอะแบบนี้นะ ก็แม่งของเหลือจากงานภาษาญี่ปุ่นปีที่แล้วน่ะสิดูเหมือนว่าพวกเด็กศิลป์ญี่ปุ่นปีแล้วคงซื้อของมาเกินงบหลายอย่างแม่งบอกแล้วก็ไม่เชื่อ!! ก็นะเป็นอย่างที่มึงเห็นนี่แหละแต่ก็ดีไปอย่าง ช่วยประหยัดเงินในส่วนของเราไปได้เยอะเลยจะได้เอาไปซื้อของอย่างอื่นมาเพิ่มเติมได้ มาเถอะไอ้เติร์ก เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้”เฟิร์สเดินเข้าไปหาเจ้าเติร์กพร้อมกับเอื้อมแขนซ้ายขึ้นไปกอดคอเจ้าเติร์กและพาเดินกลับเข้าห้อง “ไอ้เฟิร์ส สีแค่นี้พอยังวะ รึจะเอาเพิ่มอีก” ไอ้เบทกับไอ้เจตเดินออกมาจากหลังชั้นเก็บของพร้อมกับหิ้วถุงสีอะคริลิคในมืออยู่เป็นจำนวนมาก “เออๆ พอแล้ว พวกมึงก็เอามาเยอะเกิน ไอ้เฟรม ไอ้เวฟพวกมึงก็ไปช่วยไอ้เบทกับไอ้เจตหน่อย มัวแต่นั่งก้มหน้าอยู่นั่นแหละ ไอ้ตี๋มึงกับไอ้เอกช่วยยกบานประตูมาวางเรียงๆกันไว้ที่โต๊ะเลย ขอบใจนะน้องเดี๋ยวพวกน้องไปช่วยพวกฝ่ายจัดสถานที่กันต่อเลยครับ ตรงนี้พวกพี่จะรับช่วงต่อเองเห้ยไอ้เติร์กเดี๋ยวมึงกับไอ้เอกพากันไปห้องเก็บของข้างห้องนี่นะเว้ย กูจำได้ว่ามีกระดาษปรู๊ฟเก็บอยู่บนชั้นกระป๋องสเปรย์สีน่ะพวกมึงเอามาให้กูม้วนหนึ่ง” ไอ้ตี๋ที่กำลังยกบานประตูไม้อยู่ถึงกับหันมาพูดแซวไอ้เฟิร์ส“แหมๆ ได้ทีก็สั่งใหญ่เลยนะท่านอดีตประธานนักเรียน ถ้าท่านว่างนักงั้นกระผมขอเรียนเชิญท่านมาช่วยกวาดห้องให้สะอาดด้วยครับท่าน ไม้กวาดกับที่ตักผงวางอยู่ตรงนั้นครับท่าน”เฟริส์พยักหน้าและทำตาโตใส่ไอ้ตี๋ ก่อนที่มันจะเดินไปหยิบไม้กวาดกับที่ตักผงท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆลั่นห้อง เจ้าเติร์กและไอ้เอกเดินเข้าไปที่ห้องเก็บของ “ไอ้เอกกูถามจริงไอ้เฟิร์สมันนิสัยชอบสั่งแบบนี้หรอวะ” ไอ้เอกหันมามองเจ้าเติร์กพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อ อย่าไปถือสามันเลยเติร์ก ไอ้เฟิร์สมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ม.1 ล่ะ แต่เนื้อแท้มันก็เป็นคนดีนะเติร์ก ถึงมันจะขี้สั่งและเอาแต่ใจเป็นบางครั้งแต่มันก็จริงใจกับพวกกูมาโดยตลอดก็อย่างว่าแหละมันเป็นเด็กค่อนข้างเก็บกด เห็นแล้วอดสงสารมันไม่ได้” “ยังไงหรอไอ้เอก ไอ้เฟิร์สมันเก็บกดเรื่องอะไร?” “ก็ที่บ้านของมันค่อนข้างเข้มงวดมากโดยเฉพาะแม่กับยายของมันที่ชอบบงการชีวิตของมันเกือบทุกอย่างและชอบเอามันไปเปรียบเทียบกับพี่สาวกับของมันอยู่ตลอดด้วย ไอ้เฟิร์สเวลาอยู่ที่บ้านมันเลยมักจะถูกพี่สาวมันใช้ทำโน่นทำนี่อยู่บ่อยครั้งและมันมักจะชอบถูกพ่อกับแม่มันคิดแทนตลอดขนาดถึงขั้นห้ามไม่ให้มันมีแฟนและชักว่าวในบ้านด้วย งี้ก็มี เป็นกูนี่คงอยู่ไม่ได้แหละ” “ถ้าถึงขั้นขนาดห้ามทำเรื่องส่วนตัวของผู้ชายกูว่า ครอบครัวมันก็ทำเกินไป กูเข้าใจล่ะ ว่าทำไมมันมันถึงไป…” ไอ้เอกถึงกับจ้องเขม็งมายังเจ้าเติร์ก “ไป…อะไร ไปไหน?” เจ้าเติร์กทำหน้าเจือนๆพร้อมกับแหงนหน้ากวาดสายตาขึ้นไปบนชั้นเก็บสีสเปรย์ที่สูงเกือบ 4 เมตร “เออ ไม่มีไร ช่างเถอะ ไอ้เอกกูเห็นกระดาษปรู๊ฟล่ะ ใครวะเอาไปเก็บซะสูงเชียว งั้นเดี๋ยวกูจะขึ้นยืนบนเก้าอี้นะและมึงช่วยจับเก้าอี้ไห้กูด้วย” หลังจากที่ทั้งสองได้ของที่ต้องการแล้วเจ้าเติร์กกับไอ้เอกเดินปรี่จากห้องเก็บของกลับไปยังห้องศิลปะและยืนกระดาษปรู๊ฟสีเทาม้วนใหญ่ๆให้กับมือของเฟิร์สเอง เฟิร์สยิ้มด้วยความพอใจก่อนที่จะแกะเชือกรัดม้วนกระดาษและคลี่กางออกมา “เห้ย ไอ้ตี๋ ไอ้เอก ไอ้เวฟพวกมึงมาเอาไปเลยคนละแผ่น เดี๋ยวพวกมึงไปเปิดในกูเกิลนะลองหาภาพญี่ปุ่นยุคโบราณและลองร่างดินสอ2Bลงในกระดาษปรู๊ฟดูก่อนเดี๋ยวกูกับไอ้เติร์กจะมาเลือกๆดูว่ารูปไหนผ่านหรือไม่ผ่าน เอาตามนี้” ไอ้ตี๋หันไปมองไอ้เอก ไอ้เวฟ ไอ้เจต และไอ้เฟรมพร้อมกับหัวเราะกันคิกคัก “รับทราบครับ พ่อปีกัสโซ่คนเก่ง” ไอ้ตี๋ทำวันทยาหัตถ์และเดินมาคว้ากระดาษปรู๊ฟจากมือเฟิร์สอย่างรวดเร็วแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทันที “ไอ้เฟิร์ส ขอกูแผ่นหนึ่ง”เจ้าเติร์กใช้มือตบเข้าที่ไหล่ของเฟิร์สเบาๆจนเฟิร์สหันมามอง “หืม มึงวาดรูปเป็นด้วยหรอวะไอ้เติร์ก” “เออน่ามึงเอามาให้กูแผ่นหนึ่ง เดี๋ยวกูจะลองวาดดูน่ะ” เฟิร์สทำหน้านิ่งๆจ้องมองเจ้าเติร์กด้วยสายตาที่ลังเลก่อนที่มันจะค่อยๆส่งให้กระดาษในมือให้กับเจ้าเติร์ก“วาดออกมาให้จ๊าบๆล่ะกันไอ้เติร์ก” ทันที่พูดจบเฟิร์สหยิบกระดาษจากม้วนขึ้นมา1 แผ่นและเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะไม้พร้อมกับลงมือร่างภาพทันที จนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 19.34 น. ในขณะที่เจ้าเติร์กกำลังเพ่งสมาธิไปกับการร่างภาพลงบนกระดาษอยู่นั้นแสงไฟจากเพดานห้องได้ส่องกระทบเข้ากับใครบางคนที่เดินเข้ามายืนอยู่หลังเจ้าเติร์กจนเกิดเป็นเงาไปตกกระทบลงบนกระดาษที่เจ้าเติร์กกำลังวาดอยู่ทำเอาเจ้าเติร์กถึงกับรีบหันกลับไปมอง “โหๆๆ อุต๊ะ มึงนี่วาดสวยเหมือนกันนี่หว่าไอ้เติร์ก” เจ้าเติร์กเงยหน้าขึ้นมองไอ้เวฟ มันทำหน้างงสักพักก่อนที่จะใช้มือถอดหูฟังออก “เดี๋ยวไอ้เวฟ ตะกี้มึงพูดไรวะ” “กูว่ามึงน่ะวาดรูปสวยดี” “สวยตรงไหนวะ มึงก็พูดเกินไปฝีมือกูยังอ่อนกว่าพวกมึงเยอะ” ไอ้ตี๋กับไอ้เฟิร์สที่ได้ยินเจ้าเติร์กพูดกับไอ้เวฟนั้นมันรีบลุกจากโต๊ะและเดินเข้ามาดู“ไหนๆกูดูดิ เอ่อ สวยจริงว่ะไอ้เวฟฝีมือมึงพอๆกับกูเลยนิไอ้เติร์ก มึงคิดเหมือนกูป่าววะไอ้เฟิร์ส” “อืม ช่ายๆ งั้นกูขอโทษด้วยวะมึงที่กูทำหน้าเหมือนไม่เชื่อฝีมือมึง สุดยอดว่ะมึง กูยกนิ้วให้เลย งั้นปีนี้มึงมาลงแข่งทักษะภาพลายเส้นกับพวกกูไหมไอ้เติร์ก”เจ้าเติร์กรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “เห้ยๆพวกมึงใจเย็นก่อนดิกูไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น” ไอ้ตี๋หยิบเก้าอี้มานั่งข้างเจ้าเติร์กพร้อมกับเอื้อมแขนไปกอดคอเจ้าเติร์ก“เอาน่าเติร์ก คิดไว้เหอะปีนี้พวกกูไม่อยากพลาดเหรียญทองระดับประเทศเหมือนปีที่แล้ว เหอะน่ะมาลงทีมกับพวกกูเหอะ” “ช่ายๆ เสียดายปีแล้วถ้าไอ้ยูโรไม่ลาออกกลางคันพวกกูคงได้เหรียญทองระดับประเทศไปแล้ว”เจ้าเติร์กหันมองมองเฟิร์สด้วยท่าทีสงสัย “ยูโร?ใครหรอวะไอ้เฟิร์ส” “มันเป็นเพื่อนในก๊กของกูนี่แหละแต่มันลาออกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง!! ช่างมันเหอะมึงอย่าสนใจเลย แล้วตกลงที่พวกกูถาม มึงว่าไง สนใจไหม?” “อืมมมมกูคงยังให้คำตอบกับพวกมึงตอนนี้ไม่ได้ว่ะ ขอเวลาให้กูกลับไปคิดก่อนคือจริงๆปีนี้กูว่าจะลงแข่งโครงงานวิทย์กับแข่งอัจฉริยะภาพน่ะ” เฟิร์สที่สังเกตเห็นสีหน้าเจ้าเติร์กที่เริ่มลังเลมันจึงรีบพูดขึ้นมาทันที “โหยยยยไอ้เติร์กมาลงทีมกับพวกกูเถอะของสายวิทย์น่ะถึงมึงไม่ลง ครูเขาก็หาคนอื่นไปแทนมึงได้อยู่ดี แต่นี่มึงดูฝีมือของมึงนะ กูบอกตามตรงในโรงเรียนนี้มีแค่ไม่กี่คนที่วาดรูปสวยเหมือนกับพวกกู” “ก็จริงอย่างที่ไอ้เฟิร์สพูด มึงฟังนะนี่กูไม่ได้พูดยกหางหรืออวดตัวเองนะไอ้เติร์กคือแต่ตั้งพวกกูขึ้นม.2 มาพวกกูก็โดนโรงเรียนให้ทำงานเกี่ยวกับการวาดการลงสีในงานกีฬาสีและขบวนของโรงเรียนมาจนถึงม.6 และที่สำคัญนะไอ้เติร์กงานที่พวกกูทำออกมานั้นมีแต่คนชมว่าสวย ดีเลิศตลอดกูเลยอยากให้คนมีฝีมืออย่างมึงมาร่วมงานกับพวกกู อีกอย่างมึงจะได้มีรูปมีผลงานไว้ทำ Port ด้วย” “เอ่อกูเข้าใจแต่ขอกูกลับไปคิดก่อนล่ะกันไว้กูจะให้คำตอบกับพวกมึงวันหลัง” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้นยืน“เออ ว่าแต่มึงจะลุกไปจะไหนน่ะไอ้เติร์ก” “กูว่าจะไปดูพวกคนอื่นๆที่ทำงานอยู่ตึกวิทย์หน่อยน่ะพวกมึง เดี๋ยวกูมา”เจ้าเติร์กหยิบผ้าขนหนูเปียกๆบนโต๊ะขึ้นมาเช็ดคราบดินสอที่ติดตามฝ่ามือของมันและเดินออกจากห้องตรงไปยังตึกวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว เจ้าเติร์กเดินมาถึงใต้ถุนตึกวิทยาศาสตร์มันเห็นพวกเพื่อนๆของมันและรุ่นน้องสภานักเรียนที่กำลังเตรียมข้าวของและอุปกรณ์สำหรับจัดงานกันอย่างวุ่นวายมันเลยกวาดสายตามองไปมาสักพักมันเลยรีบเดินเข้าไปหาแป๋มที่ยืนดูนักเรียนหญิงคนหนึ่งแต่งชุดเกอิชาอยู่ แป๋มที่เห็นเจ้าเติร์กเดินเข้ามาถึงกับยิ้มและทักทายเจ้าเติร์กด้วยความคุ้นเคย“ไงเติร์ก งานที่ห้องศิลปะเสร็จกันแล้วหรอ” “ยังเลยแป๋ม เรากับพวกไอ้ตี๋และไอ้เฟิร์สกำลังได้แค่ร่างแบบลงบนกระดาษกันอยู่เลยน่ะแล้วแป๋มล่ะทำไรอยู่?” “ อ๋อเราไม่เคยเห็นการแต่เกอิชาน่ะ เราเห็นชุดกิโมโนสีมันสวยดีเลยอยากมาดูใกล้ๆ ดูสิสวยไหมเติร์ก” เติร์กกับแป๋มหันไปดูนักเรียนหญิงผมยาวที่ยืนหันหลังให้กับทั้งสอง“อืมมมม ว่าแต่คนนี้ใครหรอที่แต่งเป็นเกอิชาเนี่ย” “อ้าวไม่รู้จักหรอ ก็…..” ในขณะนั้นเองเจนได้เดินเข้ามายืนตรงด้านหลังเจ้าเติร์กและกวักมือเรียกแป๋มให้เข้าไปหา“เอ่อเติร์กรอเราแปปนะ เจนเรียกเราน่ะ” ทันทีที่พูดจบแป๋มรีบตรงดิ่งไปหาเจนทันทีโดยมีเจ้าเติร์กยืนมองตามหลังไปติดๆขณะที่เจ้าเติร์กตัดสินจะเดินตามแป๋มไปนั้นเอง “เฮ้ยๆ แป๋มอยู่ข้างหลังเราใช่ไหม เธอช่วยมัดผ้าโอบิตรงด้านหลังให้เราหน่อย” เจ้าเติร์กถึงกับหยุดนิ่งและหันมามองที่ต้นเสียง “เฮ้ยแป๋มเร็วดิ เดี๋ยวชุดมันจะ…..” ทันใดนั้นนักเรียนหญิงคนดังกล่าวหันกลับมามองควับเจ้าเติร์กถึงกับต้องผงะ ทำหน้าตื่นตกใจเพราะคนที่มันกำลังสบตาอยู่ ณ ขณะนั้นคือหนิง “อ้าว เติร์กหรอ เอ่อโทษทีนะ เรานึกว่าเป็นแป๋ม อะๆฝ้ายๆ ช่วยมันผ้าโอบิให้เราหน่อยมัดแน่นๆล่ะ ขอบใจนะฝ้าย ฝ้ายลองไปดูยัยโบว์แต่งตัวสิเหมือนจะใส่ชุดกลับด้านนะ”เจ้าเติร์กยังคงยืนนิ่งเงียบ “เป็นไรอะเติร์กไม่พูดไม่จา ทำตัวแปลกๆนะนาย” เจ้าเติร์กมันพยายามตั้งสติไว้ถึงกระนั้นมันคงลุกลี้ลุกลนพร้อมกับทำสายตาล็อกแล็กด้วยความประหม่า “เออ อืมมม อ่า ปะป่าวน่ะ เราไม่เป็นไร เอิ่มม หนิง ใช่ปะ”หนิงถึงกับขำอาการประหม่าของเจ้าเติร์ก “ช่าย! เรา หนิง แหมเติร์กเป็นไรเนี่ย โรงเรียนเปิดมาตั้ง 2 – 3 เดือนแล้วนี่นายยยยไม่รู้จักเราเลยหรอ” “เอ่อคือแบบรู้ ระรู้จักสิ” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับพยายามหลบสายตาของหนิงที่มองมา“เติร์ก เติร์กว่าเราใส่ชุดเกอิชาเนี่ย เราดูเป็นไงมั่ง” หนิงกางแขนออกพร้อมกับหมุนตัวไปมาให้เจ้าเติร์กดูใบหูของเจ้าเติร์กเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง มันกำมือทั้งสองไว้แน่น“ก็สะสวยมากเลยหนิง เธอดูแบบ ดูเข้ากับชุดนี้มาก เราชะชอบ ชอบเธอเอ้ยยยยหมายถึงชอบที่เธอใส่ชุดนี้มากๆ” หนิงยิ้มและส่ายหัวไปมา “อะห๊ะ นายชอบขนาดนั้นเลย แล้วเติร์กว่าต้องมีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม นี่มองเราก่อนสิ วันนี้นายดูแปลกๆนะ ทุกทีเราเห็นนายร่าเริงมากไปทำไรมาหรอเติร์กดูลุกลี้ลุกลนชอบกล?” เจ้าเติร์กหลับตาพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับหนิง“อืมมม ไม่มีไรหรอกหนิง วันนี้เราเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ตะกี้หนิงถามเราว่าอะไรหรอ?” หนิงยังคงยิ้มและถอนหายใจเบาๆ “อะ เอาใหม่นะเราถามเติร์กว่า นอกจากแต่งชุดเนี่ย เราต้องมีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม”“ถ้าหนิงเป็น เกอิชา หนิงพอเล่นซามิเซ็งเป็นไหมล่ะ คือถ้าหนิงถือซามิเซ็งแล้วเล่นให้แขกฟังไปด้วยนี่จะดูเข้ากันมาก”“อะห๊ะ คิดเหมือนเราเลย ก็จริงอย่างที่นายว่าแหละนะ พรุ่งนี้เดี๋ยวเรากับคนอื่นๆที่อยู่แผนกต้อนรับจะให้ไปครูโยริโกะสอนให้น่ะเห็นครูแกเคยเล่าให้เราฟังว่าครูแกเคยเป็นเกอิชาสมัยตอนยังสาวๆ” ในขณะที่เติร์กกำลังคุยกับหนิงเข้ากันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยนั้นเอง เจมส์ได้เดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กครับบบบบ”ทั้งคู่ถึงกับตกใจกับเสียงเรียกของเจมส์ “อะไรนิน้องเรียกซะเสียงดังเชียว” เจมส์พูดพร้อมกับยื่นห่อกระดาษสีขาวให้กับเจ้าเติร์ก“พี่เติร์กครับนี่ครับ ขนมปังฮอทดอกครับ ผมราดซอสมะเขือเทศที่พี่ชอบให้ด้วยครับ”เจ้าเติร์กกับหนิงหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง “เอิ่ม เจมส์ ไปเอาไหนมาหรอ” “ก็ตรงสนามตะกร้อไงครับพี่เติร์กก็ครูวิภาดาหัวฝ่ายหน้ากิจกรรม วันนี้เห็นคนมาช่วยงานโรงเรียนกันเยอะครูเขาเลยเลี้ยงข้าวกล่องขนมปังฮอทดอกกับโดนัทเค้กน่ะครับ พวกพี่เตอร์กับคนอื่นๆก็ไปนั่งทานที่โต๊ะหินอ่อนตรงสนามตระกร้อกันแล้วครับ ผมกลัวพี่เติร์กจะไม่ได้กินเลยเอามาให้พี่น่ะครับนี่ครับพี่ฮอทดอกยังอุ่นๆอยู่เลย” เจ้าเติร์กยิ้มและทำหน้าเจือนๆพร้อมหันไปมองหนิง“หนิงทานก่อนไหม เดี๋ยวเราไปเอาใหม่ที่สนามตระกร้อ” “ไม่เป็นไรเติร์ก ขอบใจมาก นายทานเถอะ เดี๋ยวเราว่าจะไปเปลี่ยนชุดแล้วรวดกลับบ้านเลย”เจ้าเติร์กถึงกับทำหน้าผิดหวังนิดๆ “แล้วหนิงไม่อยู่ทานข้าวกับเพื่อนๆก่อนหรอ”“อืมมไม่ล่ะ วันนี้พ่อกับแม่เราจะพาเราไปทานข้าวนอกบ้านน่ะเติร์กรีบไปทานเถอะ น้องเขายืนรอนานแล้ว เราโอเค” หนิงยิ้มๆและกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆของเธอที่กำลังเก็บชุดลงกล่องเจมส์ยืนจ้องมองเจ้าเติร์กชั่วครู่มันเลยรีบเอามือไปสะกิดแขนเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กมาเหอะ พี่พวกเตอร์รออยู่ครับ อะนี่พี่ขนมปังฮอทดอก” เจมส์รีบเดินนำเจ้าเติร์กไปสนามตระกร้อโดยมีเจ้าเติร์กเดินตามหลังไป ถึงกระนั้นเจ้าเติร์กยังคงหันกลับไปมองหนิงที่ยืนคุยกับกลุ่มเพื่อนของเธอเป็นระยะๆเมื่อเจมส์และเจ้าเติร์กเดินมาถึงสนามตระกร้อ เตอร์ที่กำลังนั่งทานข้าวกล่องอยู่กับคนอื่นๆรีบกวักมือเรียกเจ้าเติร์กเข้าไปหาทันที“เห้ย หน้าหล่อ ทางนี้ๆ มาๆ เห้ยเคนมึงขยับไปดิ มาๆมึงนั่งๆ”เจมส์ที่เดินตามมาด้วยกันมันพยายามมองหาที่นั่งร่วมวงกับพวกเจ้าเติร์ก“พี่เตอร์ครับ มีที่ให้ผมนั่งด้วยคนไหมครับ” เจนรีบพูดสวนขึ้นมาพร้อมกับยื่นถุงใส่ข้าวกล่องให้เจมส์ “เอ่อเจมส์โทษทีวะตอนนี้โควตาที่นั่งเต็มแล้ว มึงไปนั่งโต๊ะข้างพวกกูเลยปะอะนี่ข้าวกล่องมึงอย่าลืม” คำพูดเจนทำเอาเจมส์ถึงกับหน้าบูด มันเลยรีบคว้าถุงหิ้วจากมือเจนและเดินไปยังโต๊ะหินอ่อนข้างกลุ่มของเจ้าเติร์กพร้อมกับนั่งตักข้าวกล่องกินที่โต๊ะคนเดียว เจ้าเติร์กที่เห็นเจมส์นั่งทานข้าวคนเดียวถึงกับออกปากต่อว่าเจน“เฮ้ย เจน มึงก็ให้มันมานั่งกินกับพวกเราด้วยดิ มึงจะแกล้งมันไปทำไมวะ ดูดิ ทำหน้าจะร้องไห้แล้วน่ะ” “โหย ไอ้เติร์กมึงไม่ต้องไปเห็นใจมันเลย แบบนี้แหละดีแล้วแม่งถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ปล่อยมัน” “โห่เจน สงสารมัน เจมส์ก็อุตสาห์ออกใจช่วยพวกเราทำงานด้วยนะเว้ยทั้งที่มันก็ไม่ได้เป็นสภานักเรียน” “นี่จะบอกไรให้มึงรู้ นี่ถ้ากูไม่บังคับมันมันจะออกใจมาช่วยงานจริงหรอ” เจนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับก้มหน้าลงไปตักข้าวกินต่อ “แป๋มๆเออเอากระเป๋าข้างๆเธอลงไว้ที่ด้านล่างได้ไหมจะได้มีที่ว่างเห้ยเชี่ยเตอร์ มึงก็ขยับไปดิ เจมส์ๆ มานั่งกับพวกพี่ครับ” เจ้าเติร์กกวักมือเรียกเจมส์ให้เข้าไปหาเจมส์นั่งอึ้งสักพักมันเลยรีบลุกและเดินเข้ามานั่งที่ข้างเตอร์เจมส์หันมาพร้อมกับยิ้มให้กับเจ้าเติร์ก “ขอบคุณครับพี่เติร์ก” หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเสร็จแล้วต่างฝ่ายต่างก็ทยอยกันช่วยเก็บของบ้างก็ทยอยกลับบ้านกันไปทีละคนจนเหลือคนไม่มาก และในขณะที่ เจ้าเติร์กที่กำลังยืนล้างจานสีและพู่กันอยู่นั้นเองเฟิร์สกับไอ้เฟรมได้เดินเข้ามายืนล้างมือที่ข้างๆเจ้าเติร์ก “เฮ้ยเติร์กมึงล้างใกล้เสร็จยังวะกูกับไอ้เฟิร์สเคลียร์ของในห้องกันเสร็จแล้วนะมึง” “เออใกล้เสร็จแล้วไอ้เฟรมต้องล้างให้สีออกให้หมดไม่งั้นเวลาเอาพู่กันล้างไม่หมดไปจุ่มสีอื่นเดี๋ยวสีมันจะผสมกัน” “ไอ้เติร์กวันนี้มึงกลับดึกได้ไหมวะ” “ก็…..ได้อยู่ ทำไมหรอไอ้เฟิร์ส มีไรป่าว?” “คือกูว่าจะให้มึงไปเขียนแบบใส่กระดาษไว้เลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะได้วาดและลงสีจริงลงบานประตูเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างกูจะให้มึงวาด Concept art ของงานออกมาด้วยจะได้รู้ว่าต้องซื้อของอะไรหรือตกแต่งสถานที่ยังไงบ้างมึงเขียน Concept art เป็นใช่ปะไอ้เติร์ก” “อืมมเขียนได้ดิ” เฟิร์สถึงกับยิ้มและยกนิ้วให้เจ้าเติร์ก “เยี่ยมเลย ต้องให้มันได้อย่างงี้ดิกูถามจริงมีไรบ้างวะที่มึงทำไม่เป็นนิ” “สรุปคือวันนี้มึงจะให้กูอยู่ดึกกับมึงที่โรงเรียนว่างั้น” “ป่าวๆไอ้เติร์ก เดี๋ยวไปที่บ้านกูเลย เครื่องไม้เครื่องมือวาดพร้อม” “แล้วบ้านมึงอยู่แถวไหนวะไอ้เฟิร์ส ไกลป่าว” “บ้านกูแถวไทธานีน่ะมึงรู้จักป่าว” “โห รู้จักดิเคยไปส่งของร้านแถวนั้นอยู่บ้านมึงอยู่แถวนั้นหรอวะแม่งอยู่ไกลโคตรกูว่าไปบ้านกูดีกว่าไหมอยู่ใกล้ๆนี้เองขับรถไป 20 นาทีก็ถึงแล้วร้านสรุกิจพรรณไม้มึงรู้จักใช่ปะ” “สุรกิจพรรณไม้ อ๋อๆ รู้ๆนั่นบ้านมึงหรอ กูขับรถผ่านประจำ” “บ้านของอากูน่ะ แล้วตกลงจะเอาไงไอ้เฟิร์ส เปลี่ยนเป็นบ้านกูไหม” “ได้หมดถ้าสดชื่นฮ่าๆ แล้วมึงล่ะไอ้เฟรมจะไปอยู่ดึกกับพวกกูไหม” “ไม่ล่ะไอ้เฟิร์สวันนี้กูขอบาย คืนนี้กูมีนัดดวล PUBG เว้ย ไม่อยากพลาดความมันส์” “เอ่อๆปะงั้นช่วยกันปิดห้องพรุ่งนี้ค่อยมาลุยงานที่โรงเรียนกันต่อไอ้เติร์กเดี๋ยวมึงขับรถนำกูไปบ้านมึงเลยนะ” เวลา 20.30 น. เสียงรถเจ้าเติร์กและรถของเฟิร์สขับตามๆกันเข้ามาจอดที่โรงรถหลังบ้านเจ้าบิวกับเจ้าบอลที่นั่งดู SpongeBob SquarePants อยู่หน้าทีวีทั้งสองถึงกับลุกวิ่งพรวดกรูกันที่ไปหน้าต่าง แต่เจ้าบิวกับเจ้าบอลก็ต้องประหลาดใจกับชายผิวขาวตัวสูงใหญ่พอๆกับเจ้าเติร์กที่กำลังเดินตามหลังเจ้าเติร์กมา “ใครอะพี่บิวที่ตามพี่เติร์กอะ” “ไม่รู้จิสงสัยเพื่อนพี่เติร์กมั้งบอล” “พี่คนนั้นตัวใหญ่เหมือนกับพี่เติร์กเลยนะพี่บิว” “อืมม ปะบอลไปดูการ์ตูนกันต่อเถอะ” ทั้งสองรีบวิ่งกรู่กลับไปยังโซฟาหน้าทีวีต่อทันทีเจ้าเติร์กและเฟิร์สเปิดประตูเดินขึ้นมาบนบ้าน พร้อมกับยกมือไหว้อาปลื้มกับน้าเอมที่กำลังนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร“อ่าๆหวัดดีจ๊ะลูก แล้วนี่เติร์กพาใครมาล่ะลูก” “อันนี้เฟิร์สครับน้าเอม เพื่อนที่โรงเรียนผมน่ะครับน้าพอดีวันนี้เฟิร์สกับผมจะมาช่วยกันเขียนแบบงานที่จะทำกันพรุ่งนี้ต่อน่ะครับคือผมอยากเขียนแบบให้มันเสร็จวันนี้ไปเลย พรุ่งนี้จะได้เอาแบบที่เขียนวันนี้ไปวาดลงจริงๆเลยครับ” “แล้วนี่เติร์กพาเพื่อนมาทำงานกันดึกดื่นแล้วพ่อกับแม่เพื่อนเค้าจะไม่ว่าเอาหรอ” “ไม่ว่าครับอาปลื้มก่อนมาที่นี่เฟิร์สโทรบอกกับทางบ้านไว้แล้วครับว่าจะกลับดึก” อาปลื้มกับน้าเอมทั้งสองพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “งั้นเติร์กกับเฟิร์สทานอะไรกันมารึยังลูกวันนี้น้าทำทอดมันปลากรายกับผัดหอยลายของโปรดเติร์กด้วยนะลูก สองคนมานั่งทานด้วยกันก่อนไหม” “อ่าผมกับเฟิร์สทานที่โรงเรียนกันมาแล้วครับน้าเอม ตอนนี้ยังอิ่มกันอยู่เลยครับ” “จ๊ะลูกงั้นเดี๋ยวน้าฝากเติร์กดูน้องด้วยนะวันนี้น้ากับอาปลื้มจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่หมู่บ้านข้างๆน่ะคงกลับดึกๆ ไงน้าฝากเติร์กด้วยนะลูกและเติร์กก็อย่าลืมให้บอลทานยาก่อนเข้านอนด้วยลูก” ระหว่างที่เจ้าเติร์กกำลังยืนคุยกับน้าเอมกับอาปลื้มอยู่นั้นเฟิร์สได้แอบกวาดสายตามองบรรยากาศในตัวบ้านเจ้าเติร์กและสายตามันก็ไปสะดุดเข้ากับเจ้าบิวกับเจ้าบอลที่แอบดูเฟิร์สกับเจ้าเติร์กอยู่หลังตู้โชว์ เฟิร์สยิ้มอย่างเป็นมิตรและพยักหน้าทักทายให้กับทั้งสองหนึ่งทีก่อนที่ทั้งสองจะรีบเบี่ยงตัวหลบไปที่หลังตู้โชว์เช่นเดิม “ถ้างั้นเดี๋ยวผมกับเฟิร์สขอตัวขึ้นไปทำงานกันที่ห้องนะครับ ถ้าน้าเอม อาปลื้มมีไรเรียกผมได้นะครับ” เจ้าเติร์กเดินขึ้นบันไดไปโดยมีเฟิร์สตามหลังขึ้นไปติดๆ “เอม เธอว่าเด็กสมัยนี้ตัวมันโตกันจริงๆนะ ดูสิ แถมหล่อไม่เกรงใจอามันเลยทั้งเติร์กและเพื่อนของมัน” “แหมพี่ปลื้มก็ อิจฉาเด็กมันรึไง ก็อย่างว่านะอาหารการกินเด็กสมัยนี้ยุคนี้มันดีกว่าของยุคเราเยอะนิน่า ทั้งนมเอย ผลไม้เอย อาหารเสริมเอย มันหาซื้อกินง่ายกว่า เราสองคนได้แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว” “นั่นสินะเอม บิวกับบอลอีกหน่อยโตขึ้นมันจะตัวสูงและหล่อเหมือนเติร์กไหมนะ” “ใจเย็นพี่ของแบบนี้มันไปตามกรรมพันธุ์ของแต่ละคนยังไงเราก็ต้องเลี้ยงให้เค้าโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและสมบรูณ์แข็งแรงอยู่แล้ว” เฟิร์สที่เดินขึ้นมาถึงบนห้อง ทันทีได้มันได้เห็นห้องของเจ้าเติร์กทำเอามันถึงกับตกตะลึงในความสวยงามและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของห้องนอน “โหยยยยไอ้เติร์ก นี่ห้องมึงจริงหรอวะ ไม่น่าเชื่อแม่งเรียบร้อยและดูดีกว่าห้องของกูซะอีก” เจ้าเติร์กที่ยืนกดรีโมทเปิดแอร์ถึงกับหันมามองเฟิร์ส “มึงนี่ชอบพูดเหมือนประหลาดใจอยู่เรื่อยถามจริงนี่มึงชมหรือพูดประชดกูวะไอ้เฟิร์ส” เฟิร์สถึงกับคิ้วขมวด“อ๊าว มึงนี่หูหาเรื่องไงวะ นี่กูพูดจากใจจริงเว้ย” “เอ่อๆ ขอบใจที่ชม แล้วบ้านมึงล่ะไม่ดูดีหรอ เห็นไอ้เจตบอกว่าบ้านมึงเป็นบ้านปูนสองชั้นไม่ใช่หรอ” “อืมช่าย แต่ป๊ากับม๊ากูไม่ได้หัวทันสมัยเหมือนบ้านมึงหรอกแม่งหัวยุคโบราณชัดๆ สมัยเรียนม.4 กูแต่งห้องซะดิบดีแม่งสั่งให้กูรื้อห้องให้เป็นแบบเดิมซะงั้น กูนี่โครตเฟลเลยวะ” เฟิร์สพูดด้วยน้ำเสียงที่กดดันและแสดงอาการหัวร้อนขึ้นมาเจ้าเติร์กถึงกับรีบเดินเข้ามาตบที่ไหล่ของมัน “เห้ยใจเย็นดิเฟิร์ส เป็นไรของมึงวะ อยู่ๆก็หัวร้อนขึ้นซะงั้นโอเครึป่าวมึง” “เออโทษทีวะเวลากูนึกถึงเรื่องนี้ทีไรแม่งหัวร้อนทุกที ช่างแม่งวะกรรมของกู ว่าแต่มึงนี่แต่งห้องได้จ๊าบเหมือนกันว่ะแม่งโมเม้นยังกะอยู่ร้านกาแฟ ได้ใจกูเลย” เฟิร์สยังคงมองสำรวจไปรอบๆห้องจนมันไปเห็นผ้าปูที่นอนลายการ์ตูน BEN10 เข้า “เอ่อแต่บางอย่างนะ ฮ่าๆอะไรน้าที่ไม่เข้าพวก!! ไอ้เติร์กถ้าไม่มาเห็นกูไม่รู้นะเนี่ยว่ามึงชอบไรแบบนี้ด้วย ฮ่าๆๆ” เจ้าเติร์กยิ้มด้วยความเขินอาย“พอเลยมึงไอ้เฟิร์สมึงอย่าทำหน้าแบบนั้นนี่เป็นผ้าปูที่นอนของบิวกับบอลเว้ย มึงก็รู้ว่ากูย้ายจากเชียงใหม่มาเรียนที่นี้และห้องนี้จริงๆอาปลื้มกับน้าเอมสร้างไว้ให้บิวกับบอลไว้นอนตอนเรียนชั้นประถมด้วยกันน่ะบางอย่างกูเลยจำเป็นต้องใช้ของที่นี่เอา” “โถ่ๆๆมึงก็หาผ้าปูที่นอนลายทั่วไปมาใช้ก็ได้นี่หว่า” “เฮ้อ ลาย BEN10นี่ดีที่สุดแล้วล่ะมึง” “มีแย่กว่านี่อีกหรอวะ” “เออดิวะ มีทั้งลายหมีพู ลายคิดตี้ ลายพิงแพนเตอร์ ก็ล่ะโอ้ลายอื่นๆอีก 5-6 อย่าง มึงอยากเห็นไหมล่ะ เดี๋ยวกูจัดให้” “เออๆไม่ล่ะ กูก็แซวมึงขำๆไปงั้นล่ะวะว่าแต่มึงมาอยู่บ้านที่มีเด็กแบบนี้มึงไม่หนวกหูหรอวะแม่งต้องวุ่นวายเสียงดังแน่นอนวะ” เจ้าเติร์กถึงกับถอนหายออกมายาวๆ “เฮ้อ เหมือนว่ากูจะผ่านจุดนั้นมาได้ล่ะวะไอ้เฟิร์สกูคงชินไปแล้วล่ะ แต่มันก็ครึกครื้นดีไปอย่างนะ มีเพื่อนเล่นถึงจะเด็กไปหน่อย แม่งไม่เหงาดี ปะมึงช่วยกูยกโต๊ะหน่อย จะได้มานั่งทำงานให้มันเสร็จๆ” เฟิร์สถอดกระเป๋าสะพายวางที่โต๊ะคอมและเดินไปช่วยเจ้าเติร์กยกโต๊ะญี่ปุ่นที่วางตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้ามาไว้ยังกลางห้องจากนั้นมันจึงเดินย้อนกลับไปหยิบกระบอกใส่แบบสีดำที่วางอยู่กับกระเป๋าสะพายของมันขึ้นมา “อะไอ้เติร์กกูเอาแบบของพวกเราที่วาดกันที่ห้องศิลปะตะกี้มาด้วยไงมึงลองดูๆล่ะกันว่าอันใช้ได้หรือไม่ได้” 10 นาทีผ่านไป ขณะที่เจ้าเติร์กกับเฟิร์สนั่งวาด Concept art งานลงบนกระดาษA4 อย่างใจจดใจจ่อแม้ว่าจะมีเสียงรถที่วิ่งผ่านหน้าบ้านเล็ดลอดเข้ามาเป็นช่วงๆแต่มันก็ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบจนเฟิร์สต้องวางดินสอและเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆห้องแทน “เห้ยไอ้เติร์กแม่งเงียบไปวะ มึงเปิดเพลงสร้างบรรยากาศหน่อยดิ๊” “หึ มึงไม่ชอบหรอวะเงียบๆแบบนี้” “ช่วงแรกมันก็โออยู่นะไอ้เติร์กแต่หลังๆมาแม่งกดดันไงไม่รู้ว่ะ” “อืมงั้น เดี๋ยวขอกูเอาลําโพงบลูทูธแปป” เจ้าเติร์กวางดินสอลงและเดินไปเปิดรื้อลิ้นชักที่โต๊ะคอม ไม่นานนักเจ้าเติร์กหยิบลำโพงบูลทูธขึ้นมาเปิดเชื่อมกับโทรศัพท์ของมัน “ไอ้เฟิร์ส มึงฟังเพลงแนวที่กูฟังได้ใช่ไหมวะ” “มึงเปิดๆมาเหอะจะเพลงไรก็ช่างแม่ง ขอให้ห้องไม่เงียบก็พอ!” “อะอะกูเปิดดังไม่ได้นะเว้ย เดี๋ยวอาปลื้มกับน้าเอมจะว่าเอา” เจ้าเติร์กวางลำโพงบูลทูธไว้ที่โต๊ะคอมและเดินกลับมานั่งก้มเขียน Concept art ต่อทันที พร้อมนึกขำในใจ “โถ่เอ้ย แม่งทำเป็นวางมาดเท่ห์กลบเกลื่อนความใจอ่อนของตัวเอง” เฟิร์สนั่งฟังเพลงไปพร้อมกับโยกหัวไปตามจังหวะเพลงไปมา “ฮืมมมมไอ้เติร์กชื่อเพลงไรวะเนี่ย แม่งได้อารมณ์ชิลๆดีว่ะ” “เดี๋ยวกูดูชื่อแปป” เจ้าเติร์กหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาสไลด์ดู “อ๋อชื่อเพลง Feel Like Home ของพี่อะตอมน่ะ” “ซิงเกิลมาใหม่หรอวะไอ้เติร์ก เพิ่งเคยได้ยิน” “ไม่รู้ดิวันนี้กูนั่งฟังเพลงในยูทูปอยู่ดีๆ มันก็ขึ้นมาตอนโฆษณา กูเห็นเมโลดี้เพลงมันเพราะดีกูเลยนั่งฟังจนจบและหาโหลดลงเครื่องมานี่แหละ ทำไม? ชอบหรอวะ” “อืม เข้าท่าๆ เมโลดี้ฟังเพลินดีวะได้โมเม้นร้านคอฟฟี่ช็อปเลย เดี๋ยวกูโหลดไว้ฟังมั้ง” เจ้าเติร์กถึงกับหน้าเหวอ “งั้นหรอ เอ่ออออมึงนี่เห็นแมนๆแบบนี้แม่งก็มีมุมอ่อนโยนด้วยหรอวะ” “มึงนี่ก็พูดไรแปลกๆ กูก็คนนะเว้ยไม่ใช่พระอิฐิพระปูนมันก็ต้องมีบ้างดิวะ” เจ้าเติร์กถึงกับอมยิ้มขำขึ้นมา “ขำไรของมึงวะไอ้เติร์ก” “ป่าวไม่มีไร กูแค่นึกไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ เอ้า ทำงานๆ” ไม่นานนักเจ้าบิวกับเจ้าบอลได้มาเคาะประตูพร้อมกับขานเรียก “พี่เติร์กค๊าบบบบ เปิดประตูให้บิวหน่อยค๊าบ” เจ้าเติร์กรีบเงยหน้าขึ้นมาและตะโกนตอบกลับไป “เปิดเข้ามาเลยบิวพี่ไม่ได้ล๊อกครับ” เมื่อสิ้นเสียงเจ้าเติร์กพูดเจ้าบิวกับเจ้าบอลเปิดประตูเข้ามาโดยในที่ในมือของเจ้าบิวนั้นถือถาดพลาสติกสีเขียวที่มีแก้วน้ำส้มคั้น2 ใบและเค้กบราวนี่ชิ้นใหญ่ 2 ชิ้นวางอยู่ในถาดพร้อมกับเจ้าบอลที่เดินถือขวดนมตามหลังเจ้าบิวมาติดๆ “พี่เติร์กค๊าบบบแม่เอมบอกให้บิวเอาน้ำส้มคั้นกับเค้กช็อกโกแลตมาให้พี่เติร์กกับเพื่อนพี่เติร์กค๊าบบ” เจ้าบิวที่เดินเข้ามาถึงมันรีบวางถาดลงบนโต๊ะที่เจ้าเติร์กกับเฟิร์สกำลังนั่งทำงานอยู่ “โห พี่ขอบใจมากบิว แหมวันนี้มาบริการให้ถึงห้องเลยนะ แล้วยกขนมมาเนี่ยแอบกินมาด้วยรึป่าว” เจ้าบิวกับเจ้าบอลรีบมานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆเจ้าเติร์ก “ม่ายยยยย บิวกับน้องอาบน้ำแปรงฟันมาแล้ว เดี๋ยวแมงกินฟัน” “มิน่าละถึงตัวหอมกันมาเชียว” เจ้าบอลหันไปหาเฟิร์สมันใช้สองมือยกแก้วน้ำส้มคั้นกับจานบราวนี่ในถอดและนำไปวางตรงหน้าเฟิร์ส “อันนี้ของพี่นะคัฟ” “ขอบใจไอ้ตัวเล็ก” เฟิร์สยิ้มให้กับเจ้าบอลและก้มหน้าลงไปสนใจงานของมันต่อ ส่วนเจ้าบอลมันรีบหันกลับมาหาเติร์กอีกครั้งพร้อมกับชะโงกหัวไปที่ภาพวาด “พี่เติร์กวาดไรอะคัฟ” เจ้าบิวรีบพูดเสริมขึ้นต่อทันที “นั่นจิ พี่เติร์กจะประกวดวาดภาพหรอค๊าบ แล้วภาพที่วางกองตรงนะล่ะค๊าบอันนี้พี่เติร์กวาดคนเดียวหมดเลยหรอค๊าบ” เจ้าเติร์กหันมองทั้งสองไปมาและหัวเราะเบาๆ “ อืมภาพพวกนั้นพี่ไม่ได้วาดหรอกครับพวกเพื่อนพี่ที่โรงเรียนเขาวาดกันไว้น่ะ คือที่โรงเรียนพี่จะจัดงานกัน พี่กับพี่เฟิร์สเลยต้องมาช่วยกันออกแบบงานก่อนว่าจะจัดออกมายังไง” เจ้าบอลรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “งาน? งานเลี้ยงเต้นรำหรอคัฟพี่เติร์ก” “ฮ่าๆไม่ใช่หรอกบอลมันเป็นงานสัมมนาวิชาการของโรงเรียนน่ะ” คำพูดเจ้าเติร์กทำเจ้าบิวกับเจ้าบอลมองหน้ากันด้วยความงุนงงเฟิร์สที่ก้มหน้าก้มตาเขียนภาพอยู่นั้นถึงกับเอ่ยปากแซว “แหมไอ้เติร์กอธิบายให้เด็กมันเข้าใจง่ายๆหน่อยดิมึง บิวบอลจริงๆมันก็เป็นงานเลี้ยงนั่นแหละน้อง แต่ไม่มีเต้นรำเหมือนในหนังหรอกนะ แต่มีอาหาร มีขนม มีดนตรี และมีการแสดงให้ดูด้วยน้อง”เจ้าบิวกับเจ้าบอลที่ได้ฟังเฟิร์สพูด ทั้งสองถึงกับตาโตและตื่นเต้น “โอ้โหหหหห บิวไปงานที่โรงเรียนพี่เติร์ก ได้ไหมค๊าบ” “บอลด้วยพี่เติร์กบอลไปด้วยคนนะ” เจ้าบิวกับเจ้าบอลมันใช้มือจับเสื้อแขนเติร์กเขย่าไปมาแรงสั่นจากการเขย่าทำเอาเจ้าเติร์กถึงกับต้องรีบวางดินสอลงพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างมาจับแขนเจ้าบิวกับเจ้าบอลไว้แน่น “อย่าเขย่าพี่สิทั้งสองคน พอๆๆ ถ้าบิวอยากไป บิวก็ต้องไปคุยกับพ่อแม่ก่อนถ้าพ่อแม่ไปได้ บิวกับน้องก็จะได้ไปด้วย แล้วนี่พ่อกับแม่ออกไปกันหรือยังบิว” “พ่อกับแม่ออกไปครับพี่เติร์ก” “จริงสินะ พี่ก็ลืมถามไปเลย บอลครับ ตอนนี้บอลเป็นไงบ้างครับเมื่อคืนไปทำไรมาหรอร้องไห้ซะลั่นบ้านเลย” เจ้าเติร์กเอานิ้วชิ้ไปสะกิดหลังเจ้าบอลที่กำลังนั่งดูเฟิร์สวาดภาพอยู่ “คัฟฟฟ ไม่รู้อะพี่เติร์ก มะคืนบอลนอนอยู่ดีๆมันก็ปวดตรงนี้ขึ้นมาเลยคัฟ”เจ้าบอลถลกชายเสื้อขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปตรงท้องน้อย “แล้วตอนนี้บอลดีขึ้นยังครับ ยังปวดอยู่ไหม” “ดีขึ้นแล้วครับพี่เติร์กนี่เห็นไหมบอลแข็งแรงแล้ว” เจ้าบอลยิ้มและทำท่าแบ่งกล้ามให้เจ้าเติร์กดู“โหมีแบ่งกล้ามโชว์ด้วย ไหนๆไม่เห็นมีกล้ามขึ้นมาเลย นี่แน่ะ”เจ้าเติร์กใช้มือจั๊กจี้เอวเจ้าบอลทำเอาเจ้าบอลหัวเราะและดิ้นไปมาจนมันต้องรีบวิ่งหนีเจ้าเติร์กไปอีกทาง “เห้ยเฟิร์สเดี๋ยวกูลงไปข้างแปปนะ เช็คความเรียบร้อยเผื่ออาเขาลืมล็อกประตูบิว บอลอยู่เป็นเพื่อนพี่เฟิร์สนะ เดี๋ยวพี่มา” เจ้าเติร์กค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไป เจ้าบิวรีบหันมาคุยกับเจ้าบอลทันที “บอลพี่จะลงไปหาพี่เติร์กนะ บอลอยู่ข้างบนกับพี่เฟิร์สนะ” ทันที่ที่บิวพูดจบมันรีบเดินตามเจ้าเติร์กลงไปอีกคนปล่อยให้เฟิร์สกับบอลอยู่กันในห้องสองคนตามลำพัง “ไงตัวเล็กชอบวาดรูปหรอ เห็นตั้งใจดูพี่วาดตั้งแต่เมื่อกี้ล่ะ” เจ้าเติร์กเดินลงมายังชั้นล่างมันเดินเช็คความเรียบร้อยของประตูหน้าต่างประตูหน้าบ้านและประตูหลังบ้านว่าลงกอนหรือไม่ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เจ้าเติร์กจึงเดินไปเปิดตู้เย็นพร้อมหยิบถุงขนมโปเต้มาแกะเทใส่จานอยู่นั้นเจ้าบิวเดินย่องๆเข้ามาทางด้านหลังและกระโจนเข้าใส่เจ้าเติร์กทันที “แฮร่รรร” เจ้าเติร์กถึงกับตกใจจนอุทานออกมา “เอ้ยยยยเชี่ยยย”ด้วยความตกใจทำให้เจ้าเติร์กเผลอใช้เอาเท้าเตะขาทั้งสองของเจ้าบิวจนมันล้มทั้งยืนกระแทกกับพื้นดังตึงงงงเมื่อตั้งสติได้เจ้าเติร์กดิ่งตรงเข้าไปพยุงเจ้าบิวขึ้นมา “บิว!พี่ขอโทษ เจ็บตรงไหนป่าวเนี่ย”เจ้าเติร์กรีบใช้มือจับพลิกดูเนื้อตัวของเจ้าบิวไปมา “บิวไม่เป็นอะไรครับพี่เติร์ก” เจ้าเติร์กถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งใจ“ดีแล้วบิว ที่ไม่เป็นอะไรมาก คราวหลังบิวอย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะรู้ไหมเห็นไหมเนี่ยได้เจ็บตัวเลย แล้วบิวลงมาทำไมครับเนี่ยตะกี้พี่บอกให้อยู่ข้างบนกับน้องไม่ใช่หรอ” “ก็บิวอยากลงมาเป็นเพื่อนพี่เติร์กน่ะค๊าบบบ”“เนี่ย!เห็นไหมบิว ผลจากการไม่ฟังพี่ ถ้าบิวไม่ลงมาแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว” “บิวขอโทษค๊าบบพี่เติร์กบิวก็แค่อยากทำให้พี่เติร์กตกใจบ้างอะค๊าบบบ” “อืมมงั้นบิวได้เห็นแล้วนิ และยังได้ความเจ็บเป็นของแถมด้วย ดีใจไหม ปะบิวขึ้นห้องกันครับ”เจ้าเติร์กถือจานใส่ขนมและเดินกลับขึ้นห้องพร้อมเจ้าบิวทันทีที่ทั้งสองเปิดประตูห้องเข้ามามันเห็นเฟิร์สกับเจ้าบอลที่นั่งคุยหัวเราะคิกคักๆกันอยู่ที่โต๊ะทำเอาเจ้าเติร์กถึงกับอดแซวไม่ได้ “แหมๆๆๆบอล สนิทกับพี่เขาเร็วจริงนะต่างจากเมื่อกี้ลิบลับเลย เฟิร์สทำหน้ากวนๆเย้ยเจ้าเติร์ก “ช่วยไม่ได้ว่ะก็กูคนมันเฟรนลี่ดีนิหว่า เลยเข้ากับใครก็ง่ายไปหมด” “เออๆพ่อนักการทูตดีเด่น เอ้านี่กูเอาขนมโปเต้มาด้วย เผื่อมึงไม่ชอบบราวนี่” เจ้าเติร์กเดินเข้ามาพร้อมกับวางจานลงบนโต๊ะ“บิว บอล เดี๋ยวพี่กับพี่เฟิร์สจะทำงานกันล่ะ ปะ บิวกับน้องเอา ipad กับหูฟังของพี่ที่วางบนโต๊ะคอมไปนอนดูการ์ตูนกันที่เตียงของพี่นะจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ด้วย” เฟิร์สรีบพูดแทรกขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอกไอ้เติร์ก มึงก็ให้บิวกับบอลนั่งดูเงียบๆก็ได้นิ” “เชื่อกูดิ เงียบได้แค่ 3 นาทีแรกเท่านั้นแหละ ถ้าเอาตามมึงว่านะรับรองคืนนี้ยังไงงานก็ไม่เสร็จ ให้บิวกับบอลไปนอนดูการ์ตูนที่เตียงโน่นแหละดีแล้วเชื่อกู ปะบิวพาน้องไปด้วยเลยครับนี่ก็เริ่มดึกแล้วด้วย” “ค๊าบพี่เติร์ก”เจ้าบิวพยักหน้าและลุกไปจูงมือเจ้าบอลและพากันเดินไปหยิบ ipad กับ หูฟังบนโต๊ะคอมจากนั้นทั้งสองพี่น้องจึงพากันไปนอนเปิดดูการ์ตูนที่เตียงของเติร์กอย่างว่าง่ายจนเวลาล่วงเลยไป 21.43 น. เสียงท้องเจ้าเติร์กกับเฟิร์สร้องดังจ๊อก จ๊อก ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองกันและหัวเราะจนเจ้าบิวที่นอนดูการ์ตูนอยู่ที่เตียงต้องหันมามองด้วยความสงสัยว่าทั้งสองหัวเราะอะไรกัน“ไอ้เติร์กดูท่าว่าน้ำส้มคั้น บราวนี่และโปเต้จะไม่อยู่ท้องวะ”“เออนั่นดิตอนที่โรงเรียนกูว่ากูกินเยอะแล้วนะ งั้นกูว่าเราหาไรกินก่อนดีไหม” “เออดีๆ” “งั้นมึงรอนี่เดี๋ยวกูลงไปดูว่ามีไรในตู้เย็นที่พอกินได้อีกไหม”เฟิร์สยกจานกับแก้วที่มันวางซ้อนๆไว้ข้างตัวของมันยื่นให้กับเจ้าเติร์กเจ้าบิวที่นอนดูทั้งสองอยู่นั้นรีบถอดหูฟังออกแล้วลุกลงมาจากเตียงดิ่งตรงเข้ามาช่วยทั้งสอง “พี่เติร์ก บิวช่วยยกนะค๊าบ”เจ้าเติร์กยิ้มและส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรครับบิว บิวไปนอนเถอะ” “นะพี่เติร์กให้บิวช่วยแบ่งกันๆ” “อะอะโอเค งั้นบิวถือจานพลาสติกกับถาดนะเดี๋ยวแก้วสองใบนี้พี่ถือเองครับ เดี๋ยวกูมา” ทันที่เติร์กกับบิวเดินออกจากห้องไปเฟิร์สลุกยืนขึ้นบิดตัวยึดเส้นยืดสาย มันเดินไปเปิดน้ำล้างหน้าพร้อมกับล้างมือที่อ่างในห้องน้ำเพื่อคลายความเมื่อยล้า จากนั้นมันจึงเดินออกจากห้องน้ำมาหยุดยืนดูยังหนังสือในตู้ที่อยู่ข้างหัวเตียงเฟิร์สหยิบหนังสือออกมาเปิดดู “โห่ มิน่าล่ะไอ้เติร์กมันถึงหัวไบร์ตซะขนาดนี้แม่งแต่อ่านหนังสือเข้าใจยากๆทั้งนั้น ตัวเลขห่าไรของมันวะเนี่ยเหอะอ่านแล้วเครียดวะ” เฟิร์สรีบปิดหนังและยัดคืนกลับตู้ไว้เช่นเดิมเฟิร์สหันไปมองเจ้าบอลที่นอนคาบขวดนมไว้กับปากและหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเฟิร์สเดินไปนั่งที่ขอบเตียงและใช้มือดึงขวดนมออกจากปากเจ้าบอลมาวางไว้ที่หัวเตียงเฟิร์สนั่งมองดูความน่ารักและความน่าเอ็นดูของเจ้าบอลขณะนอนหลับเฟิร์สมองหน้าเจ้าบอลพร้อมคิดในใจ “ไอ้เด็กนี่ดูหน้าดีๆแล้วถ้าโตขึ้นไปนี่คงหล่อและมีสาวติดตรึมแน่นอนตระกูลไอ้เติร์กนี่แม่งเชื้อหล่อแรงรึไงวะ” เฟิร์สมันเลยแกล้งเจ้าบอลโดยเอานิ้วมาเขี่ยๆปลายจมูกเจ้าบอลไปมาสักพักเจ้าบอลเอามือขึ้นมาปัดและถูจมูกไปมา เฟิร์สหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความชอบใจเมื่อมันเห็นเจ้าบอลยังคงหลับสนิท มันเลยเอานิ้วไปบีบจมูกเจ้าบอลเบาๆสักพักเจ้าบอลขยับตัวไปมาเล็กน้อยและเปลี่ยนมาหายใจทางปากแทนจนเกิดเสียงลมพัดผ่านริมฝีปากเข้าออกดังฟืดฟาฟืดฟา เฟิร์สมันเลยปล่อยนิ้วที่บีบจมูกออกและเอานิ้วชี้มาจิ้มๆตรงริมฝีปากเจ้าบอลต่อในระหว่างที่นิ้วมันกำลังจิ้มและลูบๆไปมานั้น ริมฝีปากเจ้าบอลค่อยๆขยับดูดปลายนิ้วเจ้าเฟิร์สเข้าไปเฟิร์สถึงกับสะดุ้งและรีบชักมือออก “เฮ้ย!!” เฟิร์สรีบเอานิ้วที่เปื้อนน้ำลายเช็ดกับผ้าปูที่นอนไปมา เฟิร์สหันกลับไปมองเจ้าบอลอีกครั้งและเอาปลายนิ้วกลับไปแตะที่ริมฝีปากเช่นเดิม สักพักริมปากของเจ้าบอลก็เริ่มดูดปลายนิ้วเฟิร์สอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เฟิร์สมันไม่ได้ชักมือกลับแต่อย่างใด มันปล่อยให้เจ้าบอลดูดปลายนิ้วชี้ต่อไปเรื่อยๆ แรงดูดหน่วงๆจากปากของเจ้าบอลทำให้เฟิร์สรู้ทันทีว่า เจ้าบอลคงคิดว่านิ้วมือของมันคือขวดนมที่มันใช้ดูดก่อนนอน แรงดูดหน่วงๆจากปากที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทำเอาเฟิร์สสยิวแปลบๆไปทั่วทั้งตัวจนมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เฟิร์สปล่อยให้เจ้าบอลดูดนิ้วอยู่ได้พักใหญ่ มันจึงเกิดความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว มันเลยรีบดึงนิ้วออกจากปากเจ้าบอลอย่างรวดเร็วพร้อมกับเดินไปเปิดประตูชะโงกหัวดูว่าเจ้าเติร์กกับบิวขึ้นมาหรือไม่ เฟิร์สสายตาทอดไปตามทางเดินหน้าห้องจนสุดทางเดิน มันได้กลิ่นเนยหอมอ่อนๆลอยฟุ้งขึ้นมาจากชั้นล่างแต่มันก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เมื่อเติร์กกับบิวไม่มีทีท่าจะขึ้นมาง่ายๆ มันเลยรีบปิดประตูและเดินกลับไปหาเจ้าบอลที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง เฟิร์สก้มตัวใช้มือทั้งสองค่อยๆอุ้มเจ้าบอลที่นอนอยู่กลางเตียงให้เลื่อนมาอยู่ฝั่งริมสุดตรงที่เฟิร์สกำลังยืนอยู่ เมื่อเจ้าบอลที่ยังคงหลับสนิทและมาอยู่ในตำแหน่งที่มันต้องการแล้ว มันจึงใช้มือรูดซิปกางเกงนักเรียนลงและควักเอาท่อนลำที่ยังแข็งท้วมๆออกมา เฟิร์สใช้มือรูดหนังหุ้มปลายลงจนสุดคอยักจนหัว K สีชมพูอ่อน มนๆปลายแหลมปรากฏเด่นชัด มันย่อตัวให้ต่ำลงและใช้มือจับโน้มท่อนลำเอาปลายหัว Kไปถูกกับริมฝีปากของเจ้าบอลไปมา ลมหายใจอุ่นๆที่พ่นออกจากจมูกเจ้าบอลพัดผ่านปลายหัวK ทำเฟิร์สตัวสั่นจนขนลุกไม่นานนักมันรับรู้ได้ถึงความเสียวแปล๊บๆบริเวณปลายหัวK มันรู้สึกอุ่นๆแฉะๆจากริมฝีปากที่ค่อยดูดปลายหัวKของเฟิร์สเข้าไปทีละนิดๆท่อนลำของมันค่อยๆขยายพองเต็มอุ้งมือที่จับไว้จนกลายเป็นท่อนลำใหญ่ยาว 7 นิ้ว ที่กำลังถูกเจ้าบอลใช้ริมฝีปากดูดส่วนหัวจนเกิดเสียงดังจ๊วบๆไปทั่วห้อง เฟิร์สถึงกับหลับตา ซูดปากด้วยความเสียวออกมาเบา ซูดดดดดอาหหหหหห์หลายต่อหลายที เฟิร์สเพลิดเพลินอยู่กับความเสียวได้ไม่นานทันใดนั้นหูของมันค่อยๆได้ยินเสียงเจ้าเติร์กกับเจ้าบิวที่เดินคุยขึ้นมาจากชั้นล่างเฟิร์สรีบชักปลายหัวKที่ถูกดูดไปได้เกือบครึ่งหัวออกจากปากเจ้าบอลและยัดกลับไว้ที่เดิมอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นมันรีบหยิบขวดนมจากหัวเตียงมายัดไว้ที่มือเจ้าบอลและพาตัวเองดิ่งกลับไปนั่งที่โต๊ะที่มันทำงานค้างไว้ เจ้าเติร์กเปิดประตูเข้ามาพร้อมบิว โดยในมือเจ้าเติร์กถือจานใส่ขนมปังปิ้งและบิวที่ถือนมเมจิขวดใหญ่ตามเข้ามา “ไงเฟิร์สโทษทีวะที่ช้า พอดีกูไปเจอขนมปังแผ่นกับเนยในตู้เย็นน่ะ กูเลยจับทำขนมปังปิ้งซะเลย เป็นไงกลิ่นหอมไหมมึง” “เอ่อหอมดีๆ มะมะกูหิวแล้ว” เฟิร์สรีบตอบส่งเจ้าเติร์กไป แต่ในใจมันยังนึกถึงความเสียวที่มันเพิ่งเผชิญไปหมาดๆมันรู้สึกพลาดและเสียดายกับความเสียวเป็นอย่างมาก เจ้าเติร์กเห็นเฟิร์สทำหน้าเหม่อๆถึงกับเอ่ยปากถาม “ไอ้เฟิร์สเป็นไรวะใจลอยคิดถึงใครอยู่รึไง” เฟิร์สรีบดึงสติกลับมา มันรู้ตัวเองว่าตอนนี้มันกำลังอารมณ์ค้างอย่างสุดๆ มันเลยรีบหยิบขนมปังปิ้งจากจานขึ้นมาสองแผ่นยัดและเข้าปากมันทันทีทันใด เจ้าเติร์กกับบิวที่ได้เห็นถึงกับทำหน้าตกใจใหญ่ “เห้ยๆๆๆๆ!ไอ้เฟิร์สเดี๋ยวแม่งก็ติดคอหรอกมึง ค่อยๆกินดิวะ อะไรจะขนาดนั้น บิวเทนมใส่แก้วให้พี่เฟิร์สหน่อยเร็ว” หลังที่มันกลืนขนมปังทั้งสองแผ่นลงคอแล้วเฟิร์สรีบยกนมที่เจ้าบิวเพิ่งเทใส่แก้วขึ้นมาดื่มตามจนหมดแก้วในครั้งเดียว “เติร์กกูขอตัวกลับก่อนวะ กูรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ ขอตัวนะ พี่ไปล่ะบิว” เฟิร์สรีบลุกขึ้นและเดินไปหยิบกระเป๋าเป้สะพายขึ้นหลังและเดินออกจากห้องลงไปชั้นล่างทันที เจ้าเติร์กยืนอั้มอึงอยู่ชั่วครู่มันจึงรีบเดินตามเฟิร์สลงไปเช่นกัน “บิวๆ ดูห้องให้พี่แปปนะ เดี๋ยวพี่มา” เจ้าเติร์กตรงดิ่งไปหาเฟิร์สที่กำลังนั่งสวมรองเท้าอยู่ตรงบันไดหลังบ้าน “ไอ้เฟิร์สมึงเป็นไรวะ คิดอยากจะกลับก็จะกลับซะงั้นแล้วงานที่วาดยังไม่เสร็จล่ะจะเอาไงวะ” “เออพรุ่งนี้กูกับมึงค่อยไปวาดต่อกันที่โรงเรียน ขอบใจมึงมากขนมที่บ้านมึงอร่อยดี กูไปล่ะ” “เดี๋ยวก่อนไอ้…..” ไม่ทันที่เจ้าเติร์กจะพูดจบเฟิร์สรีบเดินไปควบรถและขับออกไปทันที“เอ่อออ บ้าบอไรของมันวะ ไอ้เฟิร์ส แม่งผีเข้ารึไงวะ ช่างเหอะ ปะบิวเดี๋ยวช่วยพี่เก็บห้องนะดูท่าคืนนี้บิวกับน้องและพี่คงจะได้นอนด้วยกันอีกคืนแน่นอน ไป่เดี๋ยวพี่ล๊อคประตูก่อน” เวลา 02.14 น. ขณะที่เจ้าบอลนอนหลับสบายๆอยู่นั่นเอง บางสิ่งค่อยๆคลานบนเตียงนอนผ่านตัวเจ้าบอลที่กำลังนอนอยู่จนมันต้องตกใจลืมตาตื่นขึ้นมา ท่ามกลางความมืดสลัวๆเจ้าบอลที่ยังอยู่ในอาการงัวเงียมันพยายามเพ่งสายตามองหาสิ่งที่เพ่งคลานผ่านตัวมันไปไม่นานนักพอสายตามันเริ่มปรับ มันจึงค่อยๆเห็นเจ้าบิวพี่ของมันกำลังคลานเข้าไปหาเจ้าเติร์กที่นอนห่มผ้าผืนใหญ่ๆอยู่ริมเตียงเจ้าบอลที่มองๆอยู่นึกขึ้นในใจว่า เจ้าบิวคงจะไปห้องน้ำกลางดึกแน่นอน มันเลยละความสนใจและหรี่ตาลงเพื่อจะนอนต่อ ขณะที่หนังตากำลังจะปิดลงนั้นเองเจ้าบอลก็ต้องรีบลืมตามาอีกครั้ง เพราะเมื่อเจ้าบิวคลานไปถึงจุดเจ้าเติร์กที่นอนอยู่มันใช้มือทั้งสองยกผ้าห่มที่ปกท่อนล่างเจ้าเติร์กขึ้นและพาตัวของมันเองแทรกลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ๆนั้นอย่างรวดเร็ว เจ้าบอลนอนดูด้วยความสงสัยว่าพี่ของมันกำลังทำอะไร ซึ่งมันเห็นเจ้าบิวที่อยู่ใต้ผ้าห่มมันค่อยๆก้มตัวต่ำลงและนอนราบลงไปที่หว่างขาเจ้าเติร์กโดยยังคงเห็นส่วนหัวของมันนูนๆอยู่ได้ผ้าห่ม เจ้าบอลแหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าเติร์กและเอื้อมมือไปสะกิดที่แก้มเจ้าเติร์กแต่เจ้าเติร์กยังคงหลับสนิทและมีเสียงกรนเบาๆจากลำคอ เจ้าบอลพยายามจิ้มที่ใบหน้าปลุกเจ้าเติร์กให้ตื่นและคอยหันไปมองเจ้าบิวที่ยังคงแน่นิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มตรงหว่างขา เมื่อเจ้าเติร์กไม่มีทีว่าท่าจะตื่นขึ้นมา เจ้าบอลเลยคิดที่จะลุกไปเปิดผ้าห่มดูว่าพี่ชายของมันเข้าไปกำลังอะไรตรงนั้น และทันใดนั้นเอง เจ้าบอลเห็นหัวของเจ้าบิวที่อยู่ใต้ผ้าเริ่มผงกขึ้นๆลงๆ ช้าๆพร้อมกับเสียงดูดจ๊วบจ๊าบดังอยู่ใต้ผ้าห่ม เจ้าบอลถึงกับผงะและเริ่มกลัวกับสิ่งที่มันกำลังเห็นอยู่จนมันไม่กล้าขยับตัวแต่อย่างใดมันเลยนอนดูไปทั้งแบบนั้นและคอยเอื้อมมือขึ้นไปจิ้มๆที่แก้มเป็นครั้งคราวโดยหวังจะปลุกเจ้าเติร์กให้ตื่น เจ้าบิวที่อยู่ใต้ผ้าห่มยังดูดท่อนลำอย่างต่อเนื่องโดยหารู้ไม่ว่ากำลังถูกน้องชายของมันนอนจ้องมองอยู่ภายนอกส่วนเจ้าบอลที่นอนดูอยู่ ด้วยความที่มันเป็นเด็กอนุบาล1 มันเลยคิดว่า “พี่บิวคงแอบกินขนมแน่เลยแต่ทำไมต้องไปกินตรงนั้นด้วย? หรือว่าพี่บิวไม่อยากแบ่งให้บอลกินพี่บิวเลยแอบเข้าไปนอนกินอยู่ตรงนั้นคนเดียวแน่นอน” ยิ่งนึกเจ้าบอลก็ยิ่งน้อยใจที่เจ้าบิวไม่ชักชวนมันเหมือนทุกครั้งกระนั้นมันก็ยังไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาแต่อย่างใดนอกจากพยายามข่มความนึกคิดของมันเอาไว้ 5 นาทีผ่านไป ระหว่างที่เจ้าบิวกำลังดูดอมท่อนลำอยู่ใต้ผ้าห่มเนืองๆนั้น มันค่อยๆเร่งจัดหวะผงกหัวขึ้นลงให้เร็วขึ้นพร้อมกับเสียงจ๊วบจ๊าบที่ดังกังวานไปทั้งห้องเป็นครั้งคราว เจ้าบอลนอนนิ่งด้วยความตื่นตกใจ เพราะหูของมันได้ยินทั้งเสียงลิ้นที่เคลื่อนที่ไปมาในปากของเจ้าบิวที่ดังเล็ดลอดออกมาพร้อมกับเสียงหายใจถี่ๆของเจ้าเติร์กที่ค่อยๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงครางเบาๆ “อือออ” ในลำคอดังแทรกปนกับเสียงหายใจถี่ๆเป็นครั้งๆ เจ้าบอลถึงกับค่อยๆขยับดันตัวของมันให้ออกห่างจากเจ้าเติร์กด้วยความกลัวและความสังสัยว่านี่พี่บิวทำอะไรกับพี่เติร์กอยู่ใต้ผ้าห่ม ทำไมพี่เติร์กถึงเป็นแบบนี้นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ด้วยความวิตกจริตนั้นทำให้เจ้าบอลจ้องมองทั้งสองอย่างไม่วางตาและมันพร้อมที่จะร้องตะโกนหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับมันไม่นานนักเสียงหายใจถี่ๆของเจ้าเติร์กและเสียงครางเบาๆค่อยหยุดเบาลงพร้อมกับเจ้าบิวที่ค่อยลดจังหวะการผงกหัวขึ้นลงจนหยุดนิ่งไปเหลือแต่เพียงเสียงหายเข้าออกยาวๆด้วยความเหนื่อยอยู่ใต้ผ้าห่ม เจ้าบิวนิ่งอยู่ได้สักพักมันจึงใช้มือเปิดผ้าห่มออกมาและรีบพาตัวมันลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำทันที เจ้าบอลที่นอนดูเหตุการณ์อยู่นั้นค่อยๆใช้มือทั้งสองดันตัวมันขึ้นมาและคลานไปเปิดผ้าห่มดูตรงจุดที่เจ้าบิวมุดเข้าไปเมื่อครู่ แสงสลัวจากนอกหน้าต่างยังพอเห็นลางๆมันจึงใช้ตามองกวาดไปมา ไม่ว่ามันมองสักกี่รอบเจ้าบอลก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากกล้ามขาใหญ่ๆและขาวของเจ้าเติร์กที่อยู่ในลักษณะกางออกเล็กน้อยทำให้เจ้าบอลพูดขึ้นมาเบาๆ “พี่บิวกินไรอะ ไม่เห็นมีซองหรือเศษขนมตกอยู่เลยนิ” สักพักเสียงน้ำจากก๊อกที่อ่างในห้องน้ำเงียบลงเจ้าบอลรีบคลานกลับมานอนในที่เดิมของมันอย่างรวดเร็วพร้อมกับหรี่ตาดูเจ้าบิวที่เดินจากห้องน้ำและขึ้นมาบนเตียง มันค่อยๆคลานอ้อมผ่านเจ้าบอลตรงกลางไปนอนยังหมอนที่วางอยู่ข้างๆเจ้าบอลเจ้าบิวหายใจเข้าออกยาวๆและทำปากดังจั๊บๆ 3 ครั้งก่อนที่มันจะนอนแน่นิ่งไปจนบรรยากาศในห้องเงียบสงบเป็นปกติเจ้าบอลหันไปมองเจ้าบิวกับเจ้าเติร์กอีกครั้งและมันก็ผล็อยหลับไป จนกระทั่งเวลา 6.34 น. ที่เจ้าบอลสะดุ้งตื่นและพบว่าเหลือมันเพียงคนเดียวที่ยังนอนอยู่บนเตียงมันจึงค่อยๆลุกขึ้นพร้อมกับขยี้ตาไปมา ก่อนจะหันไปมองเจ้าเติร์กที่ยืนจัดหนังสือเรียนใส่กระเป๋าอยู่ที่โต๊ะคอมมันเลยรีบลงจากเตียงและเดินเข้าไปหาเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กคัฟ พี่บิวไปไหนแล้ว” “อ้าว!ตื่นแล้วหรอบอลพี่กะว่าถ้าจัดหนังสือนี่เสร็จแล้วจะไปปลุกบอลอีกรอบเนี่ย พี่บิวตื่นและเพิ่งเดินออกจากห้องพี่ไปก่อนหน้านี้นี่เองบอล ไหนๆก็ตื่นแล้วบอลรีบกลับห้องและจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเลยนะครับ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนไม่ทันน้า” ทันทีที่พูดจบเจ้าเติร์กรีบหันกลับไปหยิบหนังสือที่วางบนโต๊ะใส่กระเป๋าต่อ ส่วนเจ้าบอลที่ยืนดูอยู่นั้น มันเดินเข้าไปหาพร้อมกับใช้มือกระตุกชายเสื้อของเจ้าเติร์กอย่างแรง “ฮึม?? อะไรหรอบอล” “พี่เติร์ก!!” “ครับ มีรึป่าวบอล ทำไมมองพี่อย่างงั้นล่ะ??” ไว้มาต่อครับ……..
|