แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Elenai เมื่อ 2020-4-3 13:22
ความรู้สึกแรกของการเปลี่ยนที่เรียนใหม่ทุกคนคงจะเคยเป็นเช่นเดียวกับผม มันทั้งหวาดวิตกลุ้นระทึกและตื่นตาตื่นใจว่าที่แห่งใหม่นี้จะทำให้เราได้พบเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเราว่าที่แห่งใหม่นี้มันจะทำให้เราดีขึ้นกว่าเก่าหรือแย่ลงยิ่งกว่าเดิม แต่ในสำหรับหลายๆคนการละทิ้งสิ่งเก่าๆไปและมาเริ่มต้นชีวิตในที่แห่งใหม่อาจเป็นทางเลือกและหนทางที่ดีกว่าการจมปลักและยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ ผมชื่อ ภีมรักษ์ หรือจะเรียกง่ายๆก็ โอลาฟ พ่อของผมเป็นคนญี่ปุ่นขนานแท้ นานๆครั้งถึงจะกลับมาอยู่กับแม่ที่ไทย ส่วนแม่ของผมเป็นคนไทย และยังเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษด้วย เดิมทีผมกับแม่เป็นคนจังหวัดพิษณุโลกแต่พอแม่สอบบรรจุได้ที่ปทุมธานีผมเลยต้องย้ายตามแม่มาเรียนต่อม.2 ที่นี่ด้วยความจำยอม หากอยากรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไงน่ะเหรอมันก็อธิบายยากนะ “แม่เห็นครีมกันแดดของผมไหมอะที่วางอยู่บนโต๊ะอะ/ แม่คืนนี้ขอนอนด้วยคนดิครับ ตะกี้ผมดูรายคนอวดผีมาอะ / แม่รองเท้าคู่นี้สีส้วยสวยเวลาใส่มันเบาสบายเท้าดีนะแม่ ซื้อให้ผมหน่อยดิครับ /แม่ใครมาแอบเด็ดกุหลาบที่ผมปลูกไว้หน้าบ้านซะเกลือบเกลี้ยงต้นเลยอะ” นั่นแหละครับคือตัวผมเพื่อนเก่าหลายๆคนมักมองว่าผมขี้จุกจิกไปบ้างแต่สำหรับผมแล้วผมมองตัวเองว่าเป็นคนละเอียดมากกว่า ซึ่งการที่ผมเป็นคนแบบนี้มันก็เป็นการดีกับแม่ผมนะที่ไม่ต้องมาคอยปวดหัวกับผมเรื่องความสะอาดหากถามว่าเป็นเป็นลูกคนเดียวใช่รึป่าว ซึ่งก็ต้องบอกว่าเกือบใช่ คือจริงๆแล้วผมมีพี่ชายอยู่อีก 1 คนนะ มันชื่อ ลีฟ มันอายุมากกว่าผม 6 ปีเป็นลูกคนละพ่อน่ะ ก่อนที่แม่จะมีผม แม่เคยมีคนรักอยู่ก่อนหน้านั้นคนหนึ่ง ซึ่งก็คือพ่อของพี่ลีฟนั่นแหละพออยู่กินกันไปได้เกือบ 2 ปี พ่อของพี่ลีฟดันทิ้งแม่ผมไปมีเมียใหม่ซะงั้นเล่นเอาแม่ของผมเฮิร์ทอยู่เป็นปีๆ ก็เกือบจะฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งนะแต่อาจเป็นเพราะบุญทำกรรมแต่งกับพี่ลีฟด้วยแหละมั้งเลยทำให้แม่ทำได้แค่คิดแต่ไม่กล้าทำ “ลีฟเล่นดีๆสิลูกเห็นไหมเตะบอลไปโดนคนอื่นเค้าแล้วน่ะลูก เอ่ออพี่คะหนูขอโทษค่ะเจ็บตรงไหนรึป่าวคะ” จนท้ายที่สุดแม่ที่อกหักก็ดั้นมาเจอพ่อผมที่อกหักด้วยความบังเอิญเลยทำให้ทั้งคู่ต่างกลายเป็นกาวตราช้างดามใจกันและกันให้กลับมามีความหวังใหม่ในการใช้ชีวิตได้อีกครั้ง พี่ลีฟมันเคยถูกแม่เอาใจมันมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้นิสัยของมันค่อนข้างจะเอาแต่ใจเป็นอย่างมากและนั่นก็ทำให้มันไม่เป็นที่ถูกใจผมเลยแม้แต่น้อย หากวันใดที่ผมอยู่บ้านกับพี่ลีฟและไม่ทะเลาะหรือขัดใจกันนะครับ วันนั้นแหละแม่งคือวันสุดมหัศจรรย์ที่ยิ่งกว่าถูกหวยซะด้วยซ้ำ ถามว่าทำไมน่ะเหรอ ก็ดูซิครับ “เฮ้ย โอลาฟกูขอยืมสบู่ก้อนของมึงไปใช้หน่อยนะเว้ย เดี๋ยวกูมาคืนให้” ลีฟเปิดประตูห้องโอลาฟเข้ามามันพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและหยิบเอาสบู่ก้อนวิ่งออกจากห้องไปทันควันโอลาฟซึ่งกำลังก้มอ่านนิยายอยู่ถึงกับรีบหันมองตามแทบไม่ทัน “เดี๋ยวก่อนพี่ลีฟ เอาสบู่ไรไปน่ะ” โอลาฟรีบลุกจากเก้าอี้และวิ่งตามไปยังห้องนอนของพี่ชายมันโอลาฟเดินตรงไปที่ห้องน้ำและพบกับลีฟนั่งยองๆและกำลังเอาสบู่ก้อนกลมๆสีขาวถูๆซักกางเกงในอยู่ “อี๋ยยยย พี่ลีฟ ไอ้พี่บ้า ทำไรน่ะ นั่นมันสบู่ที่ผมเอาไว้ล้างหน้านะ” “อ้าวงั้นหรอ เอ่อโทษๆพี่เห็นมันกลมๆก้อนเล็กๆน่ะเลยนึกว่าเป็นสบู่ไม่ใช้แล้ว แต่กลิ่นสบู่มึงนี่แม่งหอมใช้ได้เลยว่ะ แบบนี้พี่คงได้เป้าหอมไปหลายวันแน่ๆ” “อึยยยยย และทำไมไม่เอามาให้ผมดูก่อนล่ะพี่ รู้ไหมว่าสบู่ก้อนนั้นน่ะผมยังใช้ได้ไม่ถึงอาทิตย์เลย ราคามันตั้ง 3 ร้อยกว่านะเว้ยไอ้ชิบหายเอ้ยยยไอ้เวรรร” “โถ่ไอ้น้องรัก ได้ทีด่าใหญ่เลยนะ จะไรนักหน๋าวะก็แค่สบู่ก้อนเดียวเอางี้เดี๋ยวใช้เสร็จแล้วพี่จะล้างให้สะอาดเลยอะ” “อึยยยยไม่เอาโว้ยมึงเอาไปใช้เลย อึยยยยสมมุติถ้ากูเอาแปรงสีฟันมึงไปแปรงตีนและให้เอาไปใช้ต่อมึงจะกล้าใช้แปรงปากมึงไหมล่ะไอ้พี่เวร” “นี่โอลาฟพี่จะบอกไรแกนะผู้ชายน่ะเค้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้หรอกเว้ย ก็แค่ใช้เสร็จแล้วและเอามาล้างทำความสะอาดนะมันแม่งก็ใช้ได้ตามปกตินั่นแหละ แม่งไม่เห็นจะเป็นไรเลยด้วยซ้ำ มีแต่มึงนั่นแหละคิดมากไปได้ขนาดพี่ยังเคยเอาสบู่อาบน้ำของเจ้าดุ๊กดิ๊ก มาสระผมเลยนะมึง” “อึยยยยบ้าบอคอแตก ถึงจะเป็นผู้ชายแต่อย่างน้อยกูก็ไม่ซกมกเหมือนหรอกมึงเว้ยยยย……แม่ แม่ พี่ลีฟเอาสบู่ผมไปซักกางเกงในอีกแล้วอะ” ก็อย่างที่ได้อ่านไปแหละครับนี่ก็เป็นหนึ่งในการทะเลาะกันของผมกับพี่ลีฟในเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่ไม่ว่าจะทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องเป็นผมเองนี่แหละที่ต้องเป็นฝ่ายไปง้อขอคืนดีกับมันตลอด นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยแหละมั้งที่มันชอบทำอะไรแล้วไม่เคยเกรงใจผมเลยสักครั้ง และหากจะถามว่าทำไมผมถึงต้องยอมมันล่ะ อืมมมก็ไม่รู้ซินะ ตั้งแต่เด็กผมก็มีมันคอยเล่นเป็นเพื่อนอยู่ตลอดถึงแม้ว่าผมมักจะถูกมันแกล้งให้ร้องไห้อยู่บ่อยครั้งแต่มันก็คือพี่ชายและคนที่ไว้ใจที่สุดเพียงคนเดียวของผม หากผู้อ่านอยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไงน่ะเหรอจะอธิบายให้เห็นภาพไงดีนะ อืมม เอาเป็นว่า พี่ลีฟเป็นคนตัวสูงสัก 179 ซม.มั้ง ผิวค่อนข้างขาว ตัวค่อนข้างมีกล้ามนิดๆส่วนหน้าตาถามว่าหล่อไหม หากเป็นคนอื่นมองนะ เห็นเค้าบอกว่ามันหล่อมากยิ่งเวลามันไว้ผมยาวเมื่อไหร่เห็นคนอื่นๆชอบบอกว่าหน้ามันคล้ายๆกับWu yifan แต่สำหรับผมแล้วหน้าตามันก็งั้นๆนะอาจเป็นเพราะผมเห็นมันมาตั้งแต่เล็กๆแล้วมั้งเลยทำให้รู้สึกแบบนั้นไปส่วนเรื่องผู้หญิงคงไม่ต้องพูดอะไรมากครับด้วยนิสัยของมันเป็นคนง่ายๆเถื่อนๆสไตน์เด็กช่างยนต์แถมยังเฟรนลี่กับคนอื่นๆโดยเฉพาะผู้หญิงได้ดีเลยทำให้แต่ละเดือนของผมต้องคอยลุ้นว่ามันจะแอบพาแฟนสาวแบบไหนเข้าบ้านมาบ้างมันทำให้ผมได้อารมณ์แบบคนนั่งรอดูซีรี่ย์ตอนใหม่ๆที่จะออนแอร์ในแต่ละเดือนยังไงอย่างงั้นซึ่งแต่ละคนที่มันมาพานี่บอกได้เลยว่าคัดสวยๆกันมาเน้นๆ และหากย้อนถามตัวผมเองล่ะไม่อยากมีแฟนเหมือนกับพี่ชายบ้างเหรออืมมอันนี้ผมยังไม่ขอตอบนะครับเพราะเรื่องราวของผมมันเพิ่งจะเริ่มเอง ผมย้ายมาเรียนที่นี้ได้เกือบ 2 เดือนกว่าล่ะ ส่วนวิถีชีวิตที่โรงเรียนน่ะเหรอ มันก็เหมือนกับโรงเรียนอื่นๆทั่วๆไปนะเพียงแต่ว่าที่นี้คนเยอะและมีอาหารตาให้สอดส่องเยอะขึ้นอีกนิดถึงผมจะเป็นเด็กใหม่ที่ย้ายมาแต่ผมก็ไม่ได้ตัวคนเดียวนะครับ เพราะเวลาผมอยู่ที่โรงเรียนผมก็มีก๊กหน่อไร้สาระเอาไว้เกาะกลุ่มเช่นกันโดยหน่อแรกต้องบอกเลยว่าเป็นหน่อหลักของกลุ่มนี้เลย มันชื่อดิวซึ่งเพื่อนๆมันเรียกมันว่าอีดิวผู้หิวกระหาย นอกจากมันจะอ้วนตัวใหญ่ ชอบดิ้นเข้าหารุ่นพี่ผู้ชายหล่อๆอย่างหน้าด้านๆคนแล้วคนเล่าไม่จบไม่สิ้น ทำเอาบางคนถึงกับร่ำลือว่าผู้ชายหล่อๆในแถบนี้ถูกมันอ่อยให้ท่าจนเป็นที่รู้จักกันแล้วทุกคนแต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่เคยได้กินใครๆเหมือนกับความพยายามมันหรอกนะส่วนคำพูดของมันนี่ต้องขอบอกเลยว่าสามแยกปากหมาเรียกพี่เพราะจากจะพูดเสียงดัง ขวานผ่าซากจนทำให้ฟังแล้วปวดใจจี๊ดดดแต่ลึกๆมันก็เป็นคนที่มีความจริงใจอยู่ไม่น้อยส่วนหน่อที่สองคนนี้เป็นชายในร่างผู้หญิง เธอชื่อ แคท เป็นทอมสาวที่เฟี้ยวสุดๆเพราะนอกจากจะทำตัวลุคในแบบผู้ชายแล้ว แถมยังชอบทำอะไรพิเรนทร์ๆอยู่ตลอด “เห้ย แคท ทำไรว่ะนั่นน่ะ” “จุๆๆ เงียบดิวะโอลาฟเดี๋ยวน้องเค้าก็รู้ตัวกันพอดี” “เอาอีกแล้วหรอแคทมึงนี่โรคจิตรึไงวะ” “เราไม่ได้โรคจิตนะเว้ยมึง มันก็แค่ความชอบในแบบผู้ชายๆเว้ยมึงสนใจจะมาดูด้วยกันกับเราไหมล่ะ เนี่ยๆกางเกงในบางเฉียบเลยนะมึง” “เหอๆ เออพอดีกูไม่ได้มีรสนิยมไรแบบนี้ว่ะมึง” “นี่ๆๆโอลาฟยืมกาวใสหน่อยดิ” “อืมอะนี่ มึงจะเอาไปทำไรวะนั่น” “เดี๋ยววันนี้ห้องเราจะมีดูช็อตเด็ดเว้ยเดี๋ยวกูจะเอากาวนี่ไปทาบนเก้าอี้ตรงนั้นและตอนที่ครูพรสุดสวยเข้ามาสอนพวกเราและนั่งลงไปนะ หากครูเค้าลุกขึ้นเมื่อไหร่ล่ะก็นะ แค่นึกภาพก็ขำแล้วว่ะมึง” “เอ้ยๆยัยแคททำไรไปเรื่อยเดี๋ยวมึงก็ซวยอีกหรอก เอากาวกูคืนมาเลย” หรือแม้แต่การนัดดวลตบกับรุ่นน้องที่ไม่เข้าตาจนมันต้องเข้าห้องปกครองหลายต่อหลายครั้งและเกือบทุกครั้งที่มันจะลงมือทำเรื่องพิเรนทร์ๆอะไรก็ตามมันก็มันจะหาแนวร่วมอุดมการณ์ไปด้วยกับมันเสมอต้องบอกเลยว่าอยู่กับมันนี้ชีวิตมีเรื่องน่าตื่นเต้นและเสี่ยงภัยอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนหน่อที่สามอันนี้มาแนว Secret Love Puppy Honey มันชื่อ เจมส์ เป็นคนขี้เล่น อินเนอร์แรงและแคร์ความรู้สึกแบบสุดโต่งผมกับมันจะเข้ากันได้ดีอาจเป็นเพราะผมกับมันอาจมีบางสิ่งที่เหมือนๆกันเจมส์มีพี่คนอยู่หนึ่งคนชื่อเจนเรียนอยู่ชั้น ม.5 ต้องขอบอกเลยว่าเจนกับเจมส์นี้นิสัยต่างคนละขั้วเลยทีเดียวซึ่งบ่อยครั้งหากเจมส์กับพี่สาวของมันทะเลาะกันเมื่อไหร่ก็ไม่พ้นผมที่ต้องคอยมานั่งปรับทุกข์ให้มันเกือบทุกครั้ง และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมกับเจมส์รู้ความลับของกันและกันดีที่สุดในก๊กโดยเจมส์นั้นมันแอบคบกับรุ่นพี่ม.6 อยู่คนหนึ่งชื่อพี่โฟรทั้งสองคบกันแบบลับๆโดยที่มีแค่ผมกับมันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ซึ่งบ่อยครั้งมันก็มักจะเอาเรื่องความสัมพันธ์ของมันกับพี่โฟรมาเล่าและไถ่ถามกับผมจนผมรู้สึกรำคาญบ้างมี ส่วนตัวของผมน่ะเหรอหน่อที่สี่นี้คงไม่มีอะไรให้น่าสนใจหรอกเพราะผมเป็นคนกลางให้กับทุกฝ่ายและคอยเป็นผู้รับฟังและให้คำปรึกษาที่ดีกับทุกๆคนในกลุ่มแม้จะเป็นปัญหาโลกแตกก็ตามเหอะซึ่งหากอ่านมาถึงจุดนี้หลายๆคนอาจสงสัยว่าอ่าว โอลาฟ ถ้าเป็นงั้นจริงแล้วแกทนอยู่ได้ยังไงการเป็นภาวะคนกลางมันโคตรอัดอัดและปวดหัวแบบสุดๆเลยนะเว้ย สิ่งเดียวที่ทำให้ผมมีพลังในการใช้ชีวิตและเป็นแรงกระตุ้นให้อยากมาโรงเรียนทุกวันก็คือการที่ชีวิตของผมได้พานพบเจอรุ่นพี่ ม.5 คนหนึ่ง ที่เค้าเป็นถึงประธานนักเรียนไฟแรงและเป็นที่หมายปองของผู้ทั้งหลายในโรงเรียนเอ้แล้วเค้าเป็นใครน่ะเหรอ….ชื่อนี้ไม่เอ่ยไม่ได้แล้วซิ เค้าชื่อพี่เฟิร์ส หนุ่มตี๋หล่อขาวสูง แถมดูมีเสน่ห์ในถูกสัดส่วนอีกทั้งพี่เฟิร์สเป็นถึง No.1 ครองตำแหน่งรุ่นพี่ที่อยากหมายปองของโรงเรียนมาตั้งแต่ม.4 ซึ่งแว็บแรกที่ผมเห็นได้พี่เค้ามันทำให้โลกของผมเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะราวกับว่าตัวของผมได้มอบหัวใจดวงนี้ให้กับพี่เฟิร์สไปโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นทุกสิ่งของผมเพราะในตอนนี้ผมมีเป้าหมายใหม่นั่นคือผมจะต้องเข้าหาและตีสนิทกับพี่เฟิร์สให้ได้ วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน เวลา 6.43 น. วันเริ่มต้นสัปดาห์ที่สองของเดือนวันแห่งความเกลียดของหลายๆคนที่ต้องต่อสู้กับความง่วงและภาวะเตียงดูดในทุกๆเช้าซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น “โอ๊ยยยแม่งโคตรง่วงเลยวุ้ยยย ทำไมวันหยุดแม่งมีน้อยกว่าวันไปโรงเรียนจังวะ” โอลาฟบ่นพึมอยู่บนเตียงพร้อมกับบิดยืดตัวไปมาจากนั้นมันจึงลงจากเตียงและเดินไปยังห้องน้ำตามปกติ หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว มันรีบหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายหลังและเดินออกจากห้องตรงไปยังครัว “แม่ปุ้ย ทำไรกินอะ กลิ่นห้อมหอม” แม่ปุ้ยที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่นั้นรีบหันมามองโอลาฟที่กำลังเดินมาที่โต๊ะ “หืมมวันนี้ลงมาก่อนพี่ลีฟแหะ!!” “ชอบทำเสียงประหลาดใจอยู่เรื่อยนะแม่ปุ้ยว่าแต่แม่ปุ้ยทำไรกินอะ ให้ผมช่วยมะ” “ไม่ต้องโอลาฟ นั่งตรงนั้นแหละดีแล้วเดี๋ยวน้ำมันกระเด็นเลอะเสื้อนักเรียนหมด แล้วก็เช้านี้โอลาฟกับพี่กินครอกเก้กุ้งอีกมื้อนะลูก” โอลาฟถึงกับทำหน้าเบี้ยวใส่แม่มัน “แม่ปุ้ยอะ อีกแล้วเหรอ แต่นี่มันของกินตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะแม่ปุ้ย เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอแม่” แม่ของมันได้แต่ยิ้มๆ “ถึงมันจะเป็นของกินเมื่อวานแต่มันก็ยังไม่เสียนะโอลาฟจำที่แม่เคยพูดไว้ไม่ได้เหรอ ว่าเราจะกินทิ้งกินขว้างไม่ได้ อีกอย่างครอกเก้กุ้งนี่มันก็ของโปรดของลูกด้วยนี่น่า” “คงจะของโปรดพี่ลีฟมากกว่านะแม่ปุ้ย” “แหมโอลาฟลูกพูดแบบนั้นดูไม่น่ารักเลยนะ ที่แม่ทำเนี่ยก็ตั้งใจทำให้โอลาฟกับพี่ลีฟนั่นแหละ แต่ถ้าลูกไม่อยากกินครอกเก้กุ้งจริงๆนี่ เห็นไหม แม่ทำซุปมิโซะไว้ให้อีกหม้อหนึ่ง เดี๋ยวอีกแปปหนึ่งก็เสร็จล่ะ จะชิมดูก่อนก็ได้นะ มาสิมะ” โอลาฟลุกเดินไปหยิบเอาทัพทีตักเอาน้ำซุปในหม้อต้มที่มีไอร้อนลอยขึ้นกรุ่นๆมันใช้ปากเป่าไปมาก่อนจะใช้ริมฝีปากจิบชิมรสชาติ “ไงลูกอร่อยไหมรึต้องเติมอะไรเพิ่มอีก” โอลาฟรีบหันไปมองแม่ของมันที่กำลังใช้ที่หนีบคีบครอกเก้กุ้งขึ้นมาพักใส่จาน “ก็โออยู่นะแม่ปุ้ย อร่อยดีครับเห็นอย่างงี้แล้วนึกถึงพ่อเลยเนาะแม่” “อืมนั่นสินะ เอาจริงสิ เห็นพ่อบ่นๆว่าช่วงนี้ลูกไม่ติดต่อหาพ่อเลยนิมีปัญหาไรกันรึป่าว” “ก็..ช่วงนี้ผมไม่อยากรบกวนพ่อทำงานสักเท่าไหร่เลยไม่ค่อยได้ติดต่อไปน่ะแม่ติดต่อกันบ่อยๆเดี๋ยวพ่อจะเบื่อเอา” “แหม โอลาฟก็…อย่าคิดแทนพ่อแบบนั้นสิพ่อไม่เป็นคนนิสัยแบบนั้นสักหน่อย ติดต่อไปบ้างนะ พ่อจะได้ไม่เหงา” “ครับแม่ปุ้ย” “อะนี่เดี๋ยวโอลาฟยกจานครอกเก้กุ้งนี่ไปวางที่โต๊ะหน่อยนะและเป็นไปได้โอลาฟช่วยไปตามพี่ลีฟลงมาหน่อยก็ดี นี่มัน 6.55 น.แล้วนะ เผื่อกินข้าวหรือทำอะไรอีกล่ะ ขืนชักช้าเดี๋ยวได้สายกันพอดีปะลูกแม่วานหน่อย” โอลาฟพยักหน้าพร้อมกับเดินเอาจานครอกเก้กุ้งไปวางยังโต๊ะก่อนที่ตรงขึ้นบันไดไปชั้นบนและเมื่อไปถึงหน้าห้องโอลาฟไม่รอช้ามันรีบยกมือทุบประตูห้อง ตึ้งๆๆ “พี่ลีฟ ตื่นยัง แม่บ่นแล้วนะ” ตึ้งๆๆ “พี่ลีฟ ได้ยินปะ หรือว่าตายแล้ว” ไม่นานนักเสียงขานรับพี่ชายมันได้ดังขึ้นมา “กูตื่นนานแล้วเว้ย มึงมาก็ดีล่ะเปิดประตูเข้ามาหน่อยดิ๊กูมีเรื่องอยากถามมึงวะ” โอลาฟทำหน้าเซ็งๆก่อนจะบิดลูกบิดประตูห้องเปิดเข้าไปและทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกมันเห็นพี่ชายของมันสวมเสื้อช๊อปสีกรมเทา กางเกงสแลคขายาวดำยืนส่องกระจกที่สูงเกือบเท่าตัวอยู่ตรงมุมห้องพร้อมกับหวีผมยุ่งๆบนหัวของมันไปมา “โถ่พี่ลีฟก็มัวแต่ทำไรไร้สาระแบบนี้ไงถึงได้ช้าเนี่ย” “อะโด่ดูตัวเองมั้งไอ้น้องชายทีมึงอาบน้ำเกือบชั่วโมง กูยังไม่เคยว่าให้มึงสักคำ” โอลาฟที่ได้ยินแบบนั้นมันถึงกับแอบเบ้ปากใส่พี่ชายมัน “เช้านี่แม่ทำไรกินวะมึง กลิ่นแม่งลอยโชยขึ้นมาถึงบนห้อง” “จะอะไรซะอีกล่ะ ก็ของโปรดพี่เมื่อวานนั่นแหละ” “ครอกเก้กุ้งน่ะเหรอ? ก็นึกว่ามึงแดกหมดไปแล้วซะอีก แต่ก็ดีล่ะรับรองว่าไม่เหลือให้มึงได้แดกต่อแน่นอน” “อ้อเหรอออ แต่เผอิญว่าแม่ทำกับข้าวสองอย่างน่ะยังไงซะก็เชิญกินของเหลือเมื่อวานไปคนเดียวเหอะไอ้พี่ลีฟ” “หืมมปากเก่งแต่เช้าเลยนะมึงนี่” “อ๊าวถ้าปากไม่เก่งก็ไม่ใช่ผมล่ะครับพี่ชาย ว่าแต่จะถามกูเรื่องไรถ้าไม่มีไรเดี๋ยวกูจะลงไปล่ะ” “เดี๋ยวๆ จะรีบร้อนไมวะ มานี่หน่อยดิโอลาฟ” ลีฟที่ยืนอยู่หน้ากระจกกวักมือเรียกมันเข้าไปหาโอลาฟที่เห็นแบบนั้นทำยืนนิ่งและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่พี่ชายมัน “ไอ้โอลาฟ เลิกกวนตีนกูได้ล่ะ มึงจะมาเองหรือจะให้กูเดินเข้าไปหา” โอลาฟมันเลยทำหน้าเซ็งและเดินตรงเข้าไปหาลีฟที่ยืนมองมันอยู่ “มีไรพี่ลีฟ” “มึงได้กลิ่นไรไหมวะไอ้น้องชาย” “กลิ่นไร?? อย่าบอกนะว่ามึงใส่น้ำหอม” “อย่างกูนี่นะใส่น้ำหอม มึงบ้าป่าวนี่มึงยืนใกล้กูขนาดนี้ยังไม่ได้กลิ่นอีกเหรอวะห๊ะ” “ก็ไม่นะมีก็แต่กลิ่นอับเสื้อมึงนั่นแหละ หัดซักแล้วผึ่งแดดนานๆซะบ้าง” “โถ่เอ้ยทุกทีแม่งจมูกไวยังกะหมาแต่วันนี้ดันจมูกฟ่อซะงั้น” ลีฟเดินเข้ามาประชิดโอลาฟพร้อมกับเอามือทั้งสองจับหัวของโอลาฟพร้อมกับกดให้ใบหน้าโอลาฟเข้าไปแนบกับเป้ากางเกงของมันอย่างรวดเร็ว โอลาฟมันถึงกับตกใจใหญ่มันพยายามดิ้นไปมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองทุบตีไปทีขาและลำตัวของลีฟ “ปล่อย!!ปล่อย!! ปล่อยนะเว้ย!! ” ลีฟจับเอาหน้าของโอลาฟกดแนบกับเป้ากางเกงอยู่นานพอตัวก่อนที่มันจะปล่อยมือทั้งสองออก และทันทีที่หัวของโอลาฟหลุดจากพันธนาการโดยมือของพี่ชายโอลาฟใช้มือทั้งสองผลักตัวพี่ชายของมันให้ออกห่างไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยืนจ้องมองพี่ชายใบด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด “ทำเหี้ยไรของมึงนิไอ้พี่ลีฟ” โอลาฟพูดพร้อมกับเอามือขวาขึ้นมาสีจมูกไปมาจนเกิดเสียงดังฟุตฟิตๆ ทำเอาลีฟถึงกับยิ้มและหัวเราะชอบใจ “ไงสรุปมึงได้กลิ่นไหมวะ” โอลาฟยังคงยืนจ้องมองพี่มันด้วยสีหน้าไม่ค่อยชอบใจ “ไม่รู้เว้ย ไอ้เหี้ยย แม่งชอบทำไรบ้าบอนะมึงนิ” “โห่ยยยโครตผิดหวังว่ะนี่กูอุตส่าห์เอาสบู่ราคาแพงตอนนั้นของมึงมาซักกางเกงตัวนี้กับกางเกงในที่กูใส่อยู่จนหมดก้อนไงหอมไหมมึง” “ไอ้บ้า” โอลาฟตะโกนด่าพร้อมกับรีบวิ่งออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างทันที ไม่นานนักในขณะที่โอลาฟกำลังนั่งตักซุปจากถ้วยกินอยู่พร้อมกับแม่ของมันที่กำลังนั่งจิบกาแฟกับขนมปังไปพลางๆลีฟมันเดินลงจากบันไดลงและตรงเข้ามานั่งยังเก้าอี้ข้างโอลาฟจนแม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเอ่ยปากถาม “มัวทำไรอยู่ข้างบนล่ะลีฟไมไม่รีบลงมา” ลีฟได้แต่ยิ้มเจือนๆใส่แม่ “ก็นิดหนึ่งครับแม่ วันจันทร์ทั้งทีอยากแต่งตัวดีๆสักหน่อย” “คราวหลังก็รักษาเวลาหน่อยลูกเห็นไหมว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ช่วงหลังๆนี่เห็นครูที่วิทยาลัยโทรมาแจ้งนะว่าแกเข้าชอบเรียนสายตลอด” “จริงอยู่ว่าผมสายแต่ผมก็เข้าเรียนตลอดนะแม่ไม่เคยโดดสักครั้ง” “ยังจะเถียงแม่อีกนะแกนิ อะรีบๆกินซะ ตอนที่ครอกเก้ยังร้อนๆอยู่ ดูท่าน้องมันคงไม่กินละแกเองก็จัดการที่เหลือให้หมดๆก่อนไปวิทยาลัยซะ” ลีฟได้แต่ยิ้มๆพร้อมกับรีบหยิบเอาส้อมไปจิ้มครอกเก้กุ้งมาใส่จานของตัวเอง “ว่าแต่เมื่อกี้แกกับน้องทำไรกันน่ะ เสียงดันซะเกือบสั่นบ้าน” ทำเอาโอลาฟที่ก้มตักกินอยู่นั้นปากอยู่รีบเงยหน้าขึ้นมามองยังแม่ก่อนที่มันจะไปชำเลืองมองลีฟที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือมัน ลีฟที่เห็นโอลาฟชำเลืองตาเขม็งมองมามันยิ้มที่มุมปากพร้อมยักคิ้วใส่ ก่อนที่มันจะหันไปพูดกับแม่ “ไม่มีไรหรอกแม่ ก็แค่เล่นสนุกกันยามเช้าตามประสาพี่น้อง” แม่ของมันถึงกับส่ายหัวไปมา “คงจะแกล้งน้องอีกล่ะสิท่า ได้ยินน้องด่าเสียงดังแบบนั้นคงไม่ใช่เล่นแล้วล่ะลีฟ ถามจริงทำไมถึงชอบไปแกล้งน้องตลอดห๊ะลูก ไม่สงสารน้องบ้างเหรอแกก็รู้อยู่ว่าน้องมันไม่ชอบให้ใครแกล้งแกกับน้องนี่จะอยู่กันดีๆสักวันให้บ้านสงบๆไม่ได้รึไง” ระหว่างแม่พูดอยู่นั้นมือได้เผลอปัดไปโดนช้อนที่วางอยู่หล่นไปที่พื้นจนแม่ที่พูดๆอยู่นั้นต้องรีบก้มตัวลงไปเก็บช้อนที่หล่นบนพื้นทันใดและทันทีเอนตัวขึ้นมามันเห็นโอลาฟแลบลิ้นและทำหน้าเยาะเย้ยใส่พี่ชายของมันที่เพิ่งถูกแม่ด่าไปหมาดๆ “แหน่ๆ พูดยังไม่ทันขาดคำ พอๆกันทั้งสองคนเลย" เวลา 8.23 น. ในระหว่างที่โอลาฟกับแคทกำลังยืนคุยกันหน้าห้องสหการโรงเรียน“โอลาฟ การบ้านคณิตมึงเสร็จยังวะ” “เสร็จแล้วไมวะจะยืมไปลอกเหมือนทุกครั้งอีกล่ะสิท่า” “ปิ้งป่อง ถูกต้องนะครับ แกรู้ใจเรามาก ขอยืมหน่อยนะโอลาฟเพื่อนเลิฟๆๆ” “อื้มมถึงกูไม่ให้ยืมไงมึงก็หาทางเอาของกูไปลอกอยู่ดี” “ก็นะ เราก็แค่ขอไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ” “เอ่อ ขอบใจว่ะฟังแล้วชื้นชื่นใจกูจริงๆ” ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันนั้นเจมส์เดินออกจากห้องสหการพร้อมกับขวดอิชิตันในมือ “ปะ โอลาฟ แคท เรียบร้อยล่ะ” “อื้มเรากับโอลาฟเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ยว่ายืนรอแกอยู่ ถามจริงเวลาซื้อเครื่องดื่มเนี่ยทำไมแกชอบยืนเลือกนานจังวะเจมส์” “เอ่อนั่นน่ะสิคราวก่อนตอนที่กูไปส่งมึงซื้อโกโก้ปั่นที่ร้านข้างโรงเรียนกูนั่งรอมึงจนเกือบจากรากงอกติดเก้าอี้แหน่” “โห่ มันก็นิดหนึ่งว่ะพวกมึงสองคนก็น่าจะรู้อยู่ว่ากูพิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้ แล้วอีดิวล่ะไม่ยักกะเห็นแหะ” “ถ้าอีดิวล่ะก้อแจ้นไปห้องน้ำชายตั้งแต่หลังเลิกแถวโน่นล่ะมึงก็รู้อยู่ว่าทำไม” เจมส์กับโอลาฟถึงกับหันมองหน้าและยิ้มขำใส่กัน “กูก็อยากรู้ว่ะหากวันไหนที่ผู้ชายหายไปหมดโลกจนเหลือแค่ผู้หญิงแล้วมันจะทำไงหนิแคท” “มันก็คงจะลงแดงตายเหมือนคนขาดยาสักวันแหละมั้ง โอลาฟ” ทันใดนั้นเองเสียงไลน์จากโทรศัพท์แคทที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อดังขึ้นแคทถึงกับรีบหยิบขึ้นมากดดู “เอ่อพวกมึงสองคนเดี๋ยวกูไปหาอีมุกก่อนนะเว้ย” “มีไรเรื่องรึป่าวแคท” “ไม่มีไรหรอกเจมส์เดี๋ยวเจอกันบนห้องเรียนเว้ย กูไปล่ะ” แคทเดินผละออกจากทั้งสองไปอย่างรวดเร็วทิ้งไห้เจมส์และโอลาฟยืมมองตามหลังด้วยความงุนงง “เจมส์ มึงว่าช่วงนี้แคทมันทำตัวแปลกๆป่าววะ” “ก็ไม่นะโอลาฟไมมึงถึงคิดงั้นล่ะ” “กูก็แค่…ช่างมันเหอะ สงสัยกูคงคิดไปเอง” “โอลาฟมึงนิก็ พูดมาให้หมดๆดิวะทำกูอยากรู้แต่จู่ๆจะมาตัดจบซะได้ เร็วพูดๆๆ” “กูก็แค่สังเกตเห็นมันชอบแอบมองรุ่นพี่ม.4 คนหนึ่งเกือบทุกเย็นหรือช่วงพักเที่ยงน่ะถึงแม้ว่ามันจะพยายามทำเนียนไม่ให้พวกเรารู้แต่กูก็สังเกตมันทันนะเว้ยว่ามันแอบมองจริงๆ” “แล้วรุ่นพี่คนที่ว่าใครเหรอวะนั่น” “พี่ลูกตาลน่ะ มึงรู้จักใช่ปะที่สวยๆขาวๆ อยู่ชมรมเชียร์ลีดเดอร์น่ะ” เจมส์มันถึงกับทำหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ “พี่ลูกตาลเหรอ เอ้เดี๋ยวก่อนนะ อ้อๆ จำได้ล่ะ เห็นพี่เจนเคยเล่าให้ฟังอยู่ แหม่ๆ ยัยแคทนี่เล่นของสูงซะจริงๆ” “มึงก็อย่าเพิ่งไปบอกมันนะเว้ยไว้รอให้แน่ใจจริงๆซะก่อน บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นเหมือนที่กูคิดก็ได้” “โอลาฟ พี่ลูกตาลนะเว้ยทั้งพวกผู้ชาย ผู้หญิง ม.ต้นและม.ปลายต่างก็อยากได้พี่ลูกตาลเป็นแฟนทั้งนั้น แม้แต่พวกสาวห้าว สาวดุ สาวผู้ยังอยากได้พี่ลุกตาลเป็นแฟนเลย คิดว่ายัยแคทมันจะไม่เป็นหนึ่งในนั้นหรอวะมึงลองคิดเล่นๆดิโอลาฟ” “ไม่ต้องคิดเล่นๆหรอกเจมส์ เพราะกูคิดไว้นานล่ะ ว่าแต่มึงเหอะช่วงนี้มึงกับพี่เจนไงบ้างวะ” เจมส์ถึงกับชักสีหน้าเซ็งพร้อมถอนหายใจยาวๆ “เฮ้ฮฮ ก็ไม่อยากจะพูดถึงมันหรอกเว้ยเมื่อคืนก็เพิ่งทะเลาะกันมาเนี่ยย” “อีกแล้วเหรอวะคราวนี้เรื่องไรอีกล่ะ” “ก็มันเล่นโทรศัพท์มันจนเน็ตหมดและมันก็มาขอให้กูแชร์สัญญาณให้มันแม่งโทรศัพท์กูที่เครื่องอืดอยู่แล้วยิ่งอืดขึ้นไปอีก พอกูบอกมันดีๆก็มาด่าประชดกูซะงั้น แม่ง พอๆเปลี่ยนเรื่องดีกว่า แล้วมึงล่ะวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้มึงว่างไหมล่ะ” “ทำไมเหรอเจมส์ จะหาเรื่องชวนกูไปเที่ยวรึไง” “ก็ไม่เชิงเว้ยแก แต่พี่โฟรชวนกูไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆของพี่เค้าที่ชลบุรีน่ะ กูเลยอยากชวนมึงไปด้วยกันกับกูหน่อย” “เอ๊าแล้วมึงมาชวนกูไปแบบนี้พี่เค้าจะไม่ว่ามึงรึไง อีกอย่างกูเองก็ไม่อยากจะไปเป็นกขคมึงกับพี่โฟรหรอกนะเว้ย กูว่ามึงไปคนเดียวนั่นแหละดีแล้ว” “มึงฟังกูให้จบก่อนสิโอลาฟ คือพี่เค้าเป็นคนพูดเองว่าให้ชวนเพื่อนไปด้วยได้ เพราะกูเองก็เป็นแค่เด็กม.2คนเดียวที่ไป ถึงจะไปกับพี่โฟรก็จริงแต่มันก็รู้สึกแปลกๆไงไม่รู้อยู่ดี” “ถ้างั้นเดี๋ยวกูชวนอีดิวกับแคทไปด้วยไหมล่ะจะได้ครบก๊กของเราด้วย” “ตอนแรกกูก็คิดงั้นนะเว้ยโอลาฟ แต่พอมานั่งๆคิดไปคิดอีกทีกูว่าไม่ดีกว่า” “ทำไมล่ะเจมส์” “ก็มึงคิดดูดิอย่างยัยแคทมันคงไม่ไปหรอกเพราะเพื่อนๆโฟรที่ไปด้วยมีแต่พวกผู้ชายล้วนๆส่วนอีดิวมันคงไม่ปฏิเสธแน่นอนแต่มึงก็รู้นิสัยมันอยู่ว่าถ้าไปมันจะเป็นยังไงมีหวังได้อับอายขายขี้หน้าทั้งกูและพี่โฟรกันพอดี มันก็มีแต่มึงนี่แหละที่กูคิดว่าพาไปด้วยแล้วจะไม่เป็นอะไร นะโอลาฟไปเป็นเพื่อนกูหน่อยค้างคืนแค่วันเดียวเอง” “เดี๋ยวกูลองไปถามแม่ก่อนนะว่าได้ไหมเรื่องนี้กูยังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้น่ะ” “เอ่อๆ งั้นขอคำตอบก่อนวันพุธนะเว้ยโอลาฟ จะได้คอนเฟิร์มพี่โฟรไว้ให้” “เอ่อๆ ว่าแต่มึงกับพี่โฟรนี่ สานสัมพันธ์กันไวดีเนาะ สรุปมึงกับพี่โฟรนี่ตกลงเป็นแฟนกันแล้วสินะ” “ยังหรอกโอลาฟ ไม่ถึงขั้นนั้นกูกับพี่เค้ายังคิดกันแค่พี่น้องเฉยๆ” “จริงอะ เชื่อยากแหะ” “เอ่อน่าเชื่อกูดิ”ถ้างั้นไมมึงจะยิ้มจนหน้าแดงขนาดนั้นล่ะวะเจมส์ เวลา 12.22 น. “โอลาฟจะไปไหนวะนั่นน่ะ เดินซะปลิวเป็นลมเชียว” โอลาฟหันไปมองยังเจมส์ที่กำลังเดินลงมาจากอาคาร “เจมส์!! ก็ว่ากินข้าวแล้วหายไปไหน ขึ้นไปทำไรมาน่ะ” “โทษทีๆ พอดีพี่เจนบอกให้กูซื้อขนมขึ้นไปให้ที่ห้องน่ะ” “เกินไปนะพี่มึงนิมีมือมีตีนทำไมไม่ซื้อเอง มึงนี่ก็อีกคนนะ จะกลัวพี่เจนไรมันนักหนาวะขืนเป็นแบบนี้นะ มึงก็ไม่ต่างอะไรจะทาสแหละวะเจมส์” “โอลาฟมึงก็รู้อยู่ว่าพี่เจนเป็นคนยังไงขืนกูมีปัญหากับพี่เจนนะกูคงอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับพี่เจนไม่ได้แน่ๆ” “แล้วมึงเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้พี่โฟรฟังบ้างไหมที่พี่มึงทำกับมึงหนิ” “ก็เล่าอยู่บ้างแต่ ก็ไม่ทั้งหมดนะคือกูเองก็ไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวไปใส่หัวพี่โฟรน่ะแค่เรื่องเรียนกับเรื่องงานที่บ้าน พี่โฟรก็มีภาระเยอะอยู่แล้วมึง และกูไม่อยากทำให้พี่เค้าไม่สบายใจน่ะ” “เฮ้อเนาะ เป็นกูนี่คงปรี๊ดดดแตกสักวันแน่นอนถ้าเจอคนอย่างพี่เจนนะ” “แล้วนี่มึงจะไปไหนวะ” “ห้องน้ำน่ะ ปวดฉี่ มึงจะไปด้วยกันไหมล่ะ” “ไปดิไปไป แล้วยัยแคทกับอีดิวรออยู่ทีเดิมใช่ปะ” “อืมใช่ ที่เดิมแหละมึง” ระหว่างที่ทั้งสองเดินจะถึงห้องน้ำชายอยู่นั่นเองสายตาของโอลาฟได้ไปสะดุดเข้ากับเฟิร์สที่ยืนคุยกับเพื่อนๆอีกสองคนอยู่หน้าห้องน้ำ ทำเอาโอลาฟที่เดินๆอยู่ถึงกับยืนหยุดชะงักไปทันที “โอลาฟ เป็นไรน่ะหยุดทำไม??” “ปะป่าวกูแค่เอ่ออ”เจมส์หันมามองโอลาฟด้วยความสงสัยในทีของมัน “เป็นอะไรยืนอำอึ้งไม่พูดไม่จา” “เจมส์กูว่าเราไปเข้าห้องน้ำบนอาคาร 6 ดีกว่าว่ะ” “ทำไมล่ะ ก็นี่ไงเดินอีกนิดเดียวก็จะถึงห้องน้ำแล้วเนี่ยมึงจะหาเรื่องเดินขึ้นอาคาร 6 ให้เหนื่อยอีกทำไมล่ะโอลาฟมามา” เจมส์พูดพร้อมกับจับและดึงแขนโอลาฟไปทางห้องน้ำ โอลาฟถึงกับรีบสะบัดแขนทันทีทันใดมันคว้าแขนเจมส์และออกแรงดึงพาวิ่งไปยังอาคาร 6 อย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองวิ่งขึ้นมายังหน้าห้องน้ำที่อยู่บนชั้น 3 โอลาฟปล่อยแขนเจมส์มันเดินผละไปก้มย่อตัวนั่งลงพร้อมกับเอามือขวาทาบที่หัวใจของมันมันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นของหัวใจที่เต้นรั่วตึกๆๆๆ อยู่ใต้ทรงอก โอลาฟถึงกับพูดขึ้นในใจ “ตะกี้กูทำไรวะเนี่ย ทำไมกูถึงควบคุมสติตัวเองไม่ได้เหมือนทุกครั้งล่ะเนี่ย” เจมส์ที่เห็นท่าทีของโอลาฟที่ไม่ค่อยสู้ดีมันรีบเดินเข้ามาสะกิด “เห้ยๆโอลาฟ โอเคป่าวมึง เป็นไรน่ะ” โอลาฟลุกขึ้นยืนพร้อมสูดหายใจยาวๆ ฟืดดดดก่อนจะตีสีหน้าเนียนด้วยรอยยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความตื่นเต้นเมื่อครู่ “กูสบายดี ตะกี้กูแค่อยากแกล้งมึงแค่นั้นแหละ” โอลาฟพูดพร้อมกับเดินเข้าไปยังห้องน้ำทำเอาเจมส์ยืนมองตามหลังด้วยความงุนงงกับท่าทีของมันยกใหญ่ “แน่ใจนะโอลาฟว่ามึงโอเค ไม่ใช่ว่ามึงมีไรปิดบังกูอยู่นะ” คำพูดเจมส์ทำโอลาฟหน้าเจือนๆนิดๆ “คิดมากน่ะเจมส์ปิดบังอะไรกัน” เวลา 16.44 น. ปับๆๆ เสียงฝีเท้าของแคทวิ่งขึ้นบันไดมายังห้องเรียนม.2/6 ด้วยความรีบร้อน “โอลาฟ เจมส์ พวกมึงสองคนมัวทำไรกันน่ะ ยังไม่ลงไปอีกเหรอ” เจมส์กับโอลาฟที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนถึงกับหันมองแคทที่ยืนหอบหายใจอยู่ตรงประตูห้องเรียน “โทษทีแคทพอดีเจมส์บอกกูช่วยสอนโจทย์เลขให้น่ะมันบอกว่าวันนี้คาบคณิตมันเรียนไม่รู้เรื่องเลยมาให้กูช่วยสอนอีกรอบ” แคทถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจนิดๆ“โห่ยยยพวกมึงนี่น่ะจะมาขยันอะไรกันตอนนี้วะจำไม่ได้เหรอว่าวันนี้พวกเรานัดอะไรกันไว้หลังเลิกเรียนน่ะ” “เอ่อจริงด้วยแหะนี่กูลืมไปได้ไงเนี่ย โอลาฟนี่มึงก็ลืมเหมือนกันใช่ไหม” “เออๆ” แคทถึงกับส่ายหัวไปมา “แย่มากทั้งสองคนเลย นัดสำคัญของก๊กเราแบบนี้ลืมได้ไงเนี่ยพวกมึงปะปะเก็บของเลยนี่กูให้อีดิวไปจองที่โน่นล่ะไม่งั้นเดี๋ยวโต๊ะเต็มแน่นอน ในระหว่างที่เจมส์โอลาฟและแคทกำลังเดินไปยังหน้าโรงเรียน ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกขึ้นมา “เจมส์ เจมส์ ไอ้เจมส์ มึงได้ยินกูป่าว” ทั้งสามถึงกับหันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน“เจมส์ นั่นพี่เจนเรียกมึงใช่ไหมน่ะ” “เออดูท่าจะงั้น พวกมึงสองคนมาเป็นเพื่อนกับกูหน่อยดินะแคทโอลาฟ” “ไม่เอาอะมึงดูพี่เจนมึงทำหน้าดิแม่งโครตน่ากลัว” “โห่ยัยแคท โอลาฟมาเป็นเพพื่อนกูหน่อยนะ นะโอลาฟนะนะ” “เออๆ ก็ได้แคทอย่าใจดำมาด้วยกันดิ” ทั้งสามเดินตรงเข้าไปหาเจนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าโรงอาหารเมื่อไปถึงทั้งสามรีบยกมือไหว้พร้อมกัน “หวัดดีครับ/ค่ะพี่เจน” “หวัดดีๆนี่จะไปไหนกันหึ” แคทหันไปมองโอลาฟกับเจมส์ก่อนจะรีบเอ่ยปากตอบ“พวกหนูจะไปหาอะไรกินแถวร้านนมปั่นอะค่ะพวกดีวันนี้มีนัดกันไว้” “นมปั่นเหรอ ก็น่าสนอยู่นะ”เจนยืนคิดชั่วครู่ก่อนจะหันไปถามเพื่อนๆของมันที่นั่งอยู่ด้านใน “เห้ยไอ้เคน ไอ้เตอร์ แป้ง พอดีน้องกูจะไปร้านนมปั่นข้างโรงเรียนนี่น่ะพวกมึงสามคนจะเอาอะไรไหม เอาดีๆไอ้เตอร์พูดกวนตีนได้ตลอดนะมึงนิ….อะเจมส์เอานมคาราเมล2 ชานมมุก 1 และก็ ขนมปังนมสดอีก1 นะ หิ้วมาดีๆล่ะ” “เอ่อพี่เจนคือผมกับแคทและโอลาฟจะไปนั่งกินที่ร้านน่ะพี่ถ้าจะฝากซื้อผมว่าพี่เจนจะรอนานนะ” เจนที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับชักสีหน้าใส่เจมส์ “ มึงฟังที่กูพูดนะคาราเมล 2 แก้วชานมมุก 1 แก้วและก็ ขนมปังนมสดอีก 1 อัน มึงรีบซื้อมาให้กูมึงกับกูจะได้รีบกลับวันนี้กูอยากกลับบ้านไว มึงเข้าใจไหมไอ้เจมส์” “แต่พี่เจน…” “แหน่ไอ้เจมส์นี่มึงจะเถียงกูเหรอหรือกลับไปมึงอยากโดนอีกรอบห๊ะ” คำขู่ของเจนทำเอาเจมส์ถึงกับหน้าเสีย“ก็ได้พี่เจน” “ดีมาก เจมส์อะนี่ตังค์ เหลือทอนคืนกูด้วย” เจนยื่นเงินแบงค์ร้อยสองใบให้เจมส์ก่อนที่มันจะหันหลังเดินไปนั่งคุยกับเพื่อนๆของมันต่อด้านใน เจมส์มันเดินทำหน้าเซ็งๆตรงเข้ามาหาโอลาฟกับแคทที่ยืนคอยมันอยู่ “ปะแคท โอลาฟ รีบไปกันเหอะ วันนี้กูคงอยู่นั่งกินกับพวกมึงไม่ได้นะเว้ยพวกมึงสองคนก็ได้ยินใช่ปะที่พี่กูพูดเมื่อกี้” “เจมส์ มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ คือกูเข้าใจมึงนะเว้ยเดี๋ยวไงโอกาสหน้ายังมี” “อืมๆ แต่ถึงไงกูก็ยังเฟลอยู่ดี” เมื่อทั้งสามเดินไปถึงหน้าร้านนมปั่น และทันทีที่ดิวเพื่อนของมันที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในเห็นทั้งสามยืนมองหามันมันยืนขึ้นและกวักมือเรียกให้ทั้งสามเข้าไปนั่ง “อีเจมส์ อีโอลาฟ อีแคท นี่กูนึกว่าพวกมึงจะไม่มากันล่ะมัวไปเตร่ทำไรกันอยู่ห๊ะ” “เออโทษทีดิว พอดีเราให้โอลาฟช่วยทบทวนเนื้อหาให้น่ะ เลยมาช้ากัน” “โห่ยยยอีเจมส์มึงนี่นะ ทบทวนเนื้อหาวันนี้องค์เทพเสด็จลงมึงรึไงห๊ะ มาๆนั่งๆจะเอาไรรีบสั่งนะ มึงดูดิคนเยอะสุดๆ” “แล้วมึงล่ะอีดิวไม่สั่งอะไรหน่อยเหรอ” “อีแคทระหว่างรอพวกมึงเนี่ยกูแดกไอติมไปแล้วสองก้อนกับนมปั่นอีก 1 แก้วแล้วล่ะย่ะ แล้วนั่นอีเจมส์มันจะรีบลุกไปไหนของน่ะ” “เออ ดิววันนี้มันนั่งกินกับพวกเราไม่ได้นะ คืนพี่สาวมัน….มึงก็รู้ใช่ปะว่าหมายถึงอะไร” “อะไรนะโอลาฟ อีกแล้วเหรอแล้วพี่สาวมันเป็นง่อยรึยังไงห๊ะเนี่ย เมื่อไหร่อีเจมส์จะหัดใจแข็งซะบ้างนะจะยอมไรนักหนา เป็นกูนี่จะกระโดดถีบให้หน้าหงายโน่นแหละโอ๊ยพูดแล้วอารมณ์ขึ้น” 15 นาทีผ่านไป “อีโอลาฟ เห็นตัวผอมๆอย่างมึงนี่ก็แดกเยอะเหมือนกันนะ” โอลาฟที่กำลังง่วนอยู่กับการตัดฮันนี่โทตส์ด้วยมีดอยู่นั้นมันรีบเงยหน้าขึ้นมามองดิวกับแคทที่มองมันด้วยความอึ้ง “อย่ามองกูแบบนั้นดิ ดิว แคทก็มันอร่อยนี่หว่าอีกอย่างตอนเที่ยงกูก็กินข้าวไปนิดเดียวด้วยผิดด้วยเหรอวะที่กูหิวเนี่ย” “อะไรอีโอลาฟนี่กูไม่ได้ด่ามึงนะ กูแค่พูดว่าตัวผอมๆอย่างมึงก็ทานเยอะแค่นั้นมึงเป็นไรมากปะเนี่ย” “อ้าวเหรอ โทษทีๆ ก็เวลาพูดดูมึงชอบทำหน้าทำตาสิดิว เป็นใครใครจะไม่คิดแบบกูบ้างล่ะวะ” แคทถึงกับรีบพูดเสริมขึ้นอีกคน “ก็ถูกอย่างที่โอลาฟมันพูดแหละนะดิว อย่างบางทีเวลามึงพูดชมเนี่ยเรายังแยกไม่ออกเลยว่ามึงพูดจริงรึว่าพูดประชด” ดิวยิ้มและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่มันจะยกแก้วชานมขึ้นมาดูดจนเกิดเสียงซูดดด พร้อมกับหันซ้ายขวามองดูคนในร้านอย่างใจเย็น และทันใดนั้นเอง “อีแคท อีโอลาฟพวกมึงสองคนนั่งนี่ก่อนนะ เดี๋ยวกูมา” “อะไรน่ะอีดิว มึงจะไปไหน?” “อร้ายยอีแคทตะกี้มึงไม่เห็นเหรอ พี่เซ็นน่ะ พี่เซ็น” แคทกับโอลาฟถึงกับหันมองกันด้วยความงุนงง “เดี๋ยวนะ พี่เซ็นไหน” “โอ่อีแคท ก็พี่เซ็น พี่เซ็นคนที่กูให้มึงดูรูปในไอจีเมื่อตอนนั้นน่ะ มึงจำไม่ได้เหรอดอกกก” “อ่อๆเราจำได้ล่ะคนที่หล่อๆเด็กช่างกลนั่นใช่ปะ” “เออออคนนั้นแหละอร้ายตะกี้กูเห็นพี่เค้ากับเพื่อนๆเดินผ่านหน้าร้านด้วยน่ะมึง ขนาดอยู่ไกลแบบนี้แม่งโครตขาวอะอีกแคท ดีเริศคร้าาาา อร้ายเดี๋ยวกูไปขอถ่ายรูปกับตัวจริงด้วยดีกว่า พวกมึงสองคนจะไปด้วยไหม” “ไม่อะตามสบายล่ะกันเดี๋ยวกูกับโอลาฟอยู่เฝ้าของมึงเอง” “งั้นก็แล้วแต่มึงนะ และอย่ามาอิจฉาทีหลังกูล่ะกันอร้ายยยดีใจ” ดิวยิ้มร่าด้วยความดีใจก่อนที่จะรีบวิ่งแจ้นออกจากร้านไปทันใด” “แคทไม่ไปส่งมันเดี๋ยวมันก็งอนมึงอีกหรอก” “มันไม่งอนหรอก ดูสภาพมึงก็เห็นอยู่ว่ายังไง ว่าแต่วันนี้มึงดูมีความสุขมากกว่าปกตินะมึงไปทำไรมาอัพเดทเราหน่อยดิ” “มีความสุขอะไร!! กูก็ปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละ” “โอลาฟถึงกูจะเพิ่งรู้จักมึงไม่นาน แต่เรามองออกนะว่ามึงรู้สึกยังไงอยู่ตอนนี้” “มั่วล่ะมึง มโนเก่ง อะอะ ไหนมองออกยังไง” “ก็ทุกครั้งเราสังเกตว่ามึงแดกข้าวนิดเดียวเกือบทุกครั้งแต่ถ้าวันไหนมึงเจอเรื่องอะไรดีๆหรือมีความสุขอะไรเป็นพิเศษล่ะก้อมึงน่ะก็จะแดกเยอะกว่าปกตินี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะแต่มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งเพียงแต่กูไม่ได้บอกมึงให้รู้เฉยๆ” โอลาฟถึงกับยิ้มด้วยสีหน้าเจือนๆ“คงบังเอิญมากกว่ามั้งแคท” “เกือบทุกครั้งเนี่ยนะ จะเรียกว่าบังเอิญไม่ได้แล้วแหละมั้ง…โอลาฟมึงอย่ามาตีหน้าซื่อมึงมีไรดีๆก็บอกกูให้รู้มั้งดิ แกจะปิดเราไปทำไมล่ะวะทีเรามีไรยังบอกให้มึงรู้ตลอดเลย” โอลาฟก้มหน้านิ่งเงียบไปชั่วขณะ“แคทถ้ากูถามไรมึงไป มึงอย่าเพิ่งถามไรเซ้าซี้นะ” “อ่าๆ จะถามไร?” “ถ้าเราอยากสนิทหรืออยากเข้าใกล้กับใครสักคนเราควรจะเริ่มยังไงดีวะ”คำถามดังกล่าวทำเอาแคทที่นั่งฟังอยู่ถึงกับอมยิ้มขึ้นทันใด “เออออ เดี๋ยวนะ นี่แกมาไม้ไหนเนี่ย” “มึงตอบคำถามกูก่อนดิอย่าชวนนอกเรื่อง นี่กูจริงจังอยู่นะ” เวลา18.45น. “ไอ้พี่ลีฟนี่มึงจะนั่งขัดรองเท้าอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ไมไม่มาช่วยกันเตรียมของทำข้าวเย็นล่ะวะ” ลีฟที่นั่งขัดรองเท้าอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้านมาหันมองโอลาฟพร้อมตีสีหน้ากวนๆใส่ “ใสเจียเสียใจด้วยว่ะไอ้น้องชายพอดีวันนี้ กูแดกข้าวจากข้างนอกมาแล้วน่ะอีกอย่างเรื่องกับข้งกับข้าว ไม่ใช่แนวของกูด้วย ไงวันนี้กูขอเสียสละหน้าที่อันมีเกียรติให้มึงเลยล่ะกัน” “หื้มมมมมึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย เวลาแม่ไม่อยู่บ้านเมื่อไหร่มึงก็ชอบเป็นแบบนี้ตลอดนะมึงอะ และพอกูทำเสร็จเมื่อไหร่ก็มาแย่งกูแดกตลอด มึงมาเลย ไม่งั้นวันนี้กูฟ้องแม่จริงด้วยว่ามึงอะทำไรเหี้ยๆกับกูไว้มั้ง” “เชิญเลยครับน้องชายถึงยังไงแม่ก็แค่บ่นๆด่าๆ กูเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ กูพูดถูกไหมล่ะ” โอลาฟถึงกับยืนอึ้มอึ้งพูดไรไม่ออกมันได้แต่ทำหน้าบูดและเอื้อมมือไปหยิบมะเขือเทศในกะละมังมาทำท่าจะปาใส่พี่ชายมันที่ยังคงนั่งขัดรองเท้าอยู่ที่หัวบันได “อะอะนั่นของกินนะมึง จำไม่ได้เหรอว่าแม่ไม่ชอบให้เอาของกินมาเล่นแบบนั้นนะเว้ย แต่ถ้าแน่จริงลองปามาให้โดนกูดิ ฮ่าๆ” ลีฟยักคิ้วใส่โอลาฟก่อนที่มันจะถือรองเท้ากีฬาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ทำเอาโอลาฟที่ยืนมองอยู่ตรงห้องครัวรีบตะโกนด่าตามหลัง “ไอ้เชี้ยยยยลีฟฟ” “โอ๊ยยย โดนไปอีก 1 ดอกแล้วว่ะด่าพี่ได้เจ็บแสบจริงๆเลยวุ้ยยย ไงทำเสร็จแล้วอย่าลืมขึ้นไปเรียกกูด้วยนะมึงฮ่าๆ” “ทำให้แดกแล้วมึงก็ลงมาเองดิวะ” 30 นาทีผ่านไป โอลาฟมันถือจานผัดผักบุ้งกับชามต้มยำเห็ดมาวางไว้ที่โต๊ะมันใช้มืดปาดเหงื่อตามใบหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยก่อนที่จะมันจะเดินไปหยิบรีโมทมากดเปิดทีวีและนั่งดูไปพลางๆจนเวลาผ่านไปเมื่อพี่ชายของมันไม่มีท่าทีจะลงมามันเลยลุกยืนและจะขึ้นไปตามแต่ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงความคิดผุดขึ้นมาในหัว “จะไปตามมันไมวะแดกไม่แดกก็เรื่องของมันดิ” ถึงกระนั้นก็ยังมีอีกเสียงพูดแทรกขึ้นมาในหัว “แต่ถ้ามันไม่ได้แดกข้าวจากข้างนอกมาจริงขืนเราแดกหมดไปแบบนี้มันคงได้หิวและต้องออกไปหาไรกินข้างนอกตอนดึกๆแน่นอนเกิดมันเป็นไรขึ้นมาจะทำไง” โอลาฟยืนครุ่นคิดไปมาอยู่พักใหญ่จนท้ายที่สุดมันเลยตัดสินใจที่จะขึ้นไปเรียกพี่ชายของมันยังห้องนอนและเมื่อมันขึ้นไปถึงยังหน้าห้องโอลาฟยืนเรียกพี่ชายมันเหมือนทุกครั้ง “ไอ้พี่ลีฟ มาแดกข้าวได้แล้ว ไอ้พี่ลีฟ ได้ยินที่กูเรียกไหม” โอลาฟยืนเรียกอยู่ 4-5 รอบแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่ชายของมันจะขานรับเหมือนทุกครั้งมันเลยใช้มืดจับลูกบิดประตูห้องและเปิดเข้าไปอย่างง่ายดายโอลาฟถึงกับประหลาดที่วันนี้พี่ชายของมันไม่ได้ล็อกห้องเพราะทุกครั้งพี่ชายของมันขึ้นห้องเมื่อไหร่มันจะล็อกห้องแทบทุกครั้ง โอลาฟก้าวเดินเข้ามาด้วยความงุนงงมันเห็นเสื้อและกางเกงพี่ชายมันที่ใส่ไว้เมื่อครู่ถูกถอดใส่ในตะกร้าพร้อมกับเสียงเพลงที่เปิดจากโทรศัพท์และเสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นซ่าๆ ดังขึ้นในห้องน้ำ โอลาฟรู้เลยทันทีว่าทำไมพี่ชายของมันจึงไม่ขานรับและพี่ชายมันเองก็คงจะลืมล็อกห้องเช่นเดียวกัน โอลาฟเลยถือโอกาสกวาดสายตาไปรอบๆห้องอย่างละเอียดกว่าทุกครั้งมันมองไปพลางพร้อมกับบ่นในใจไปพลาง “ไอ้พี่ลีฟมันอยู่ได้ไงวะเนี่ยห้องรกรุงรังยังกะอะไร ดูซิเนี่ยเสื้อที่ซักแล้วไมมันไม่เอาไปเก็บในตู้ให้เป็นสัดส่วนวะมันจะมาแขวนผนังตากฝุ่นให้รกตาหาพระแสงทำไมกันนะ” ในระหว่างที่มันกำลังมองโน่นนี่นั่นไปรอบๆห้องนั่นเองเท้าของมันไปเตะใส่กองหนังสือที่วางใต้เตียงจนล่มลง โอลาฟถึงกับตกใจมันรีบก้มคุกเข่าลงเก็บหนังสือแต่ละเล่มขึ้นมาซ้อนกันเช่นเดิมแต่มันก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะในกองหนังสือนั้นมีหนังสือนิทานเล่มหนึ่งที่เคยเล่มโปรดของโอลาฟเมื่อสมัยเด็กๆโอลาฟหยิบมันขึ้นมาเป่าฝุ่นและจ้องมองปกหนังสือด้วยความคิดถึง “ถึงว่าทำไมหาเท่าไหร่ก็ไม่ยักกะเจอที่แท้ก็มาอยู่นี่เอง จริงสินะสมัยตอนเราอยู่ป.4 เราเคยให้พี่ลีฟยืมไปอ่านนี่น่า อื้มมว่าจะมาทวงคืนแต่ก็ลืมเกือบทุกครั้ง เอาไปเอามาเราก็ดั้นลืมไปจริงๆเลยซะงั้น” โอลาฟพูดพร้อมกับเปิดหน้าหนังสือแบบผ่านๆจนกระทั้งมีรูปถ่าย 1ใบ ที่แทรกอยู่ในหนังสือหน้าหนึ่งได้หลุดออกมาและหล่นไปยังพื้นห้องด้วยความสงสัยและตกใจนิดๆโอลาฟไม่รอช้ามันรีบใช้มือหยิบรูปดังกล่าวบนพื้นขึ้นมาดู และทันทีที่มันเห็นรูปดังกล่าวโอลาฟถึงกับยิ้มขึ้นทันใดอีกทั้งความทรงจำในวัยเด็กของมันได้แล่นผุดขึ้นมาในหัวอย่างต่อเนื่องซึ่งรูปดังกล่าวมันคือรูปของตัวโอลาฟวัย 3 ขวบที่ถ่ายคู่กับพี่ชายโดยที่ทั้งสองนั่นกำลังเล่นน้ำอยู่ในสระพลาสติกด้วยกันในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนทำเอาโอลาฟที่นั่งมองภาพอยู่นั้นได้พูดขึ้นในใจ “นับจากตอนนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะผ่านมาเร็วขนาดนี้เห้ออ นึกถึงความหลังในวันเก่าๆซะจริง ไอ้พี่ลีฟเองเมื่อก่อนแม่งก็ดี้ดีกับกูสุดๆแต่ทำไมตอนนั้นถึงได้เป็นแบบนี้ไปก็ไม่รู้ แถมตอนเด็กมันก็ยังอ้วนจ้ำหม้ำแต่พอโตมาหุ่นแม่งก็เปลี่ยนไปอีกแบบจริงๆถ้าดูดีๆมันก็หล่อแหละนะ ถ้าไม่ติดนิสัยชอบกวนตีนล่ะและขี้แกล้งล่ะก้อ” โอลาฟค่อยๆหันไปมองยังห้องน้ำที่พี่ชายของมันกำลังใช้งานอยู่และทันใดนั้นเองมันก็ได้บังเกิดความคิดบางสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในหัวของมันขึ้นมามันค่อยๆสอดรูปดังกล่าวใส่ลงในหนังสือเช่นเดิม ตัวของมันสัมผัสได้ถึงแรงเต้นหัวใจที่กำลังเต้นรัวตุบตั๊บๆถี่ๆอยู่ในทรงอกและเมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เดินมายืนหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำซะแล้วโอลาฟยืนนิ่งอยู่แบบนั้นในหัวของมันมีเสียงต่างๆมากมายตีกันวกวนอยู่หัวของมันไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งกลิ่นสบู่และกลิ่นแชมพูที่โชยเล้ดลอดออกมาจากบานประตูพร้อมกับเสียงถูขัดตัวที่ดังปนกับเสียงน้ำกระทบพื้นและเสียงเพลงทำเอาโอลาฟรู้สึกตื่นเต้นและอยากทำในสิ่งที่มันไม่เคยคิดจะทำ เมื่อมันตั้งสติได้โอลาฟมันเลยค่อยๆย่อตัวเอนให้หัวต่ำลงพร้อมกับเพ่งสายตามองผ่านลอดไปยังช่องซี่ไม้ที่ใช้ระบายอากาศตรงด้านลงของประตูเข้าไปด้านใน ซึ่งสิ่งที่มันเห็นคือขาวๆที่มีกล้ามขาและขนสีดำเปียกน้ำจนลู่ลงแบนกับผิวหนังยืนอยู่ โอลาฟมันถึงกับตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น มันเลยก้มหัวให้ต่ำลงอีกและพยายามเพิ่งมองส่วนขึ้นไปยังบนให้ได้มากที่สุดจนทั้งทั้งมันเห็นท้องน้อยที่มีกล้ามขึ้นเป็นลอนๆมานิดๆพร้อมทั้งพวงไข่สีขาวที่ล้อมรอบไปด้วยขนอันดกดำและท่อนลำขนาด 4 นิ้วครึ่งที่อ่อนตัวอยู่พร้อมกับสายน้ำจากฝักบัวที่ตกลงมากระทบผิวและมือที่กำลังถูกล้างเอาฟองสบู่ที่ติดอยู่ออกไป ลีฟใช้มือถูวนรอบๆท้องน้อยก่อนที่ลงไปยังพวงไข่มันจับท่อนลำขึ้นมาพร้อมทั้งถอกหนังหุ้มปลายลงและใช้น้ำฉีดควบคู่กับนิ้วที่ถูกขยี้ไปมายังหัวเห็ดสีแดงสดไปมาอยู่เช่นนั้นโดยมันหารู้ไม่ว่าการกระทำของมันทั้งหมดดังกล่าวถูกจ้องมองโดยน้องชายที่ยังคงก้มมองผ่านลอดช่องซี่ไม้ระบายอากาศตรงส่วนล่างของประตู โอลาฟที่ได้เห็นกระทำดังกล่าวมันถึงกับจ้องมองความความตะลึงและตื่นเต้นกับสรีระของพี่ชายมันแม้ว่าที่ผ่านมามันจะชอบทะเลาะกับพี่ชายอยู่บ่อยๆแต่ ณ เวลานี้ความรู้สึกอคติดังกล่าวที่เคยมีกับให้กับลีฟได้ถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นโอลาฟอุทานขึ้นในใจ “นี่ควยพี่ลีฟเหรอเนี่ย แม่งใหญ่จริงๆอะแถมตรงลำก็ตรงดีด้วย นี่ขนาดยังไม่แข็งนะเนี่ยยังใหญ่ขนาดนี้ ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่เราขึ้นป.2 มาก็ไม่เคยได้เห็นควยของพี่ลีฟอีกเลยสุดยอดอะมิน่าล่ะพวกสาวๆถึงได้ติดมันซะขนาดนี้โอลาฟก้มมองอยู่เช่นนั้นนานพอตัวจนกระทั้งลีฟได้ปิดน้ำและหันหลังพร้อมกับคว้าเอาผ้าขนหนูมาพันส่วนล่างไว้ทำให้สัญชาติญาณของโอลาฟที่กำลังก้มแอบมองพี่ชายมันอยู่หน้าประตูห้องน้ำนั้น ได้สั่งให้มันรีบลุกขึ้นอย่างช้าๆและรีบเดินออกจากห้องไปลงไปชั้นล่างด้วยความเงียบที่สุด เวลา 21.48 น. โอลาฟนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คพร้อมกับกำลังนั่งส่องดูเฟสและรูปภาพต่างๆของเฟิร์สไปมาและพลันย้อนถึงถึงคำพูดแคทตอนที่อยู่ร้านนมปั่น “มึงตอบคำถามกูก่อนดิอย่าชวนนอกเรื่อง นี่กูจริงจังอยู่นะ” “นี่จริงจังเหรอวะโอลาฟ” “ก็แน่อะดิหน้ากูตอนนี้ดูเหมือนว่ากูกำลังพูดเล่นอยู่รึไง” “อะอะ ก็ก็อย่างแรกนะมึงก็ต้องไปหาข้อมูลต่างๆของคนที่มึงต้องการเช่นเฟสไอจีหรือเพื่อนๆของคนๆนั้นว่าเค้าชอบทำอะไรกับใครที่ไหน เมื่อไหร่เพื่อที่เราจะได้ทราบแรงจูงใจ ความชอบ จุดแข็ง จุดด้อย ของเป้าหมาย มันจะทำให้เราหาวิธีตีเข้าหาได้ง่ายๆไง” “โห่ พูดยังกะในหนัง แล้วที่พูดๆมาเนี่ยเคยทำแล้วเหรอ” “อ๊าวไอ้นี่ ถ้าไม่เคยเราจะบอกมึงได้ไงล่ะวะ ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนเราแม่งไม่บอกให้รู้หรอกเว้ย” “อ่าๆแล้วๆมันจะได้ผลมากไหมล่ะวิธีที่มึงว่า” “ขึ้นกับตัวมึงล่ะว่าจะได้ผลมากแค่ไหนของแบบนี้ต้องอย่างใจร้อน ใช้เวลา ไหวพริบและความอดทนเป็นหลักเราว่าคนฉลาดๆอย่างมึงน่าจะทำได้ดีกว่าเราอีกนะโอลาฟ เชื่อเราดิอย่างแรกเริ่มจากการหาและเก็บข้อมูลก่อนเลย…” โอลาฟที่นึกๆอยู่มันรีบตั้งสติและหันไปจดจ่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “พี่เฟิร์ส ขนาดผมดูพี่ผ่านรูปแบบนี้ผมยังรู้สึกอายๆพี่ยังไงไม่รู้เลยเฮ้อออ ผมชอบพี่จริงๆนะครับ เฮ้อออโอลาฟนี่แกเพ้ออะไรของแกอยู่เนี่ยยอย่างพี่เฟิร์สคนหล่อประจำโรงเรียนแบบนั้นถ้าได้เป็นคนรู้จักของพี่เค้าก็บุญตัวมึงแล้วแหละมั้งโอลาฟ” โอลาฟยังคงบ่นพึมพรำพร้อมกับกดดูรูปต่างๆของเฟิร์สไปพลางๆ “โอ๊ยยพี่เฟิร์สหล่อจริงๆอะไม่ว่าจะมองมุมไหน แถมกลุ่มเพื่อนๆพี่เค้าก็มีเยอะด้วยแบบนี้ดูท่าจะแห้วแดกแล้วแหละมั้ง” โอลาฟนั่งได้ไม่นานจู่ๆมันเริ่มรู้สึกกระหายน้ำมันเลยเอื้อมมือไปหยิบเอาขวดน้ำที่วางอยู่ข้างโน๊ตบุ๊คขึ้นมาดื่ม “เอ๊า!! น้ำหมดนิ!! โห่ขัดจังหวะคนกำลังฟินอยู่เชียววว” โอลาฟรีบลุกขึ้นและเดินออกจากห้องลงไปยังตู้เย็นในครัวพร้อมกับเปิดและหยิบเอาขวดน้ำเย็นในตู้สองขวดออกมาก่อนที่มันจะเดินกลับขึ้นห้องไป ในระหว่างที่มันกำลังเดินขึ้นบันไดนั้นเองลีฟมันเปิดประตูห้องและเดินลงบันไดมาและทันทีที่มันเห็นโอลาฟที่กำลังเดินขึ้นบันไดสวนขึ้นมาพร้อมกับขวดน้ำในมือ 2ขวด “แหม ขอบใจมากไอ้น้องชายกูกะว่าจะลงไปเอาน้ำขึ้นมาแดกพอดี มึงนี่รู้ใจกูจริงวะ” เมื่อพูดจบลีฟมันใช้มือคว้าเอาขวดน้ำจากในมือของโอลาฟไปอย่างรวดเร็วทำเอาโอลาฟตกใจจนร้องเสียงหลง “เอ้ยยย….เห้ยยยเอามาาา” “ของแบบนี้ใครเร็วคนนั้นได้ว่ะ” ลีฟยักคิ้วใส่โอลาฟสองครั้งก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็วส่วนโอลาฟที่เห็นเช่นนั้นมันถึงกับชักสีหน้าด้วยความขุ่นเคืองลีฟอย่างถึงที่สุดมันไม่รอช้ามันรีบวิ่งตามเข้าไปยังห้องของพี่ชายทันใด “ไอ้พี่ลีฟเลิกนิสัยแบบนี้ได้ปะ มึงก็มีมือมีตีนไม่ลงไปเอาเองล่ะวะ” “เคืองเหรอไอ้น้องชายแต่ก็นะน้ำใจอะน้ำใจมึงไม่เห็นเหรอวะว่ากูยุ่งอยู่” “เออเหรอ ถ้าขนาดนั่งดูผลบอลชิลๆแบบนี้เขาไม่เรียกว่ายุ่งหรอกนะแต่เขาเรียกว่าขี้เกียจน่ะไอ้พี่ลีฟ มึงเอาขวดน้ำกูมาเลย” โอลาฟพุ่งตัวเข้าไปหาลีฟพร้อมกับเอื้อมมือไปแย่งขวดน้ำจากในมือลีฟ ลีฟที่เห็นเช่นนั้นมันจับขวดน้ำไว้แน่นพร้อมกับยืดแขนขึ้นสูง “เอามา แน่จริงมึงก็อย่ายืดแขนขึ้นสูงดิ” “เอาให้ได้ดิเก่งนักไม่ใช่เหรอฮ่าๆ ถ้าจะโกรธก็ควรโกรธที่มึงตัวเล็กกว่ากูนะ” “เอามาาา” โอลาฟยังคงพยายามกระโดดเอาขวดน้ำจากในมือพร้อมกับใช้มืออีกข้างตีเข้าที่ต้นขาลีฟหลายต่อหลายที “โอ๊ยยยเจ็บจริงๆนี่มึงตีแรงสุดๆแล้วเหรอวะ” “ไอ้พี่ลีฟทำไมมึงนิสัยเหี้ยขนาดนี้วะถามหน่อยว่ามึงมีความสุขเหรอที่แกล้งกูเนี่ย” “โห่ที่กูหัวเราะนี่กูคงเศร้าอยู่ล่ะมั้ง” “หึยยย ไม่เอาก็ได้วะ มึงเอาไปเลย” “โอ๋ๆๆเล่นแค่นี้ทำเป็นงอนไปได้นะมึงตุ๊ดวะ อะอะนี่ขวดน้ำมึง” ลีฟพูดพร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่าคืนให้โอลาฟ โอลาฟเบ้ปากพร้อมกับแลบลิ้นใส่และรีบหันเดินออกจากห้อง ลีฟที่ได้เห็นพฤติกรรมดังกล่าวถึงกับรีบเดินตรงเข้าไปคว้าแขนโอลาฟไว้แน่น “เดี๋ยวก่อนดิจะรีบไปไหนวะมึง” “ปล่อยนะ กูจะกลับห้อง ปล่อยดิ มึงจะอะไรกับกูนักหน๋าวะไอ้พี่ลีฟ ปล่อยยยย” โอลาฟพูดพร้อมกับพยายามสะบัดแขนให้หลุด “มึงนี่ขี้งอนจังวะห๊ะโอลาฟเล่นไรนิดไรหน่อยทำเป็นสำออยหงุดหงิดยังกะผู้หญิงไปได้” “จะไม่ให้กูหงุดหงิดได้ไงก็ดูที่มึงทำกับกูแต่ล่ะอย่างดิ แบบนี้ยังต้องให้พูดอีกเหรอว่าทำไม” “โอ่ยยยคำพูดคำจาของมึงนินะโอลาฟแม่งแรงสุดๆ กูจะบอกให้นะผู้ชายเค้าไม่พูดไรกันแบบนี้กันหรอกนะเว้ยเว้นเสียแต่ว่ามึงอะจะไม่ได้ผู้ชายแท้ๆ” “พูดไรของมึงวะ นี่ยังจะหาเรื่องยั่วกูอีกรึไง” “กูไม่ได้หาเรื่องยั่วหรอกแต่กูแค่อยากจะรู้ว่ามึงอะแมนจริงๆป่าว” ทันทีที่พูดจบลีฟมันใช้สองมือจับหัวโอลาฟมาแนบยังเป้ากางเกงบ๊อกเซอร์อย่างรวดเร็วโอลาฟถึงกับพยายามออกแรงผลักสู้และใช้มึงทุบตีไปมา “ปล่อยนะเว้ย ปล่อยดิปล่อย”โอลาฟพยายามร้องโดยที่ใบหน้ามันยังคงแนบชิดกับเป้ากางเกงของลีฟ “ร้องดิไปเลยยังไงแม่ก็ไม่ได้ยินอยู่ดี ไงโดนแบบนี้มึงไม่ชอบเหรอวะโอลาฟ” ลีฟพูดและยังกดออกแรงกดใบหน้าโอลาฟให้แนบกับเป้ากางเกงอยู่แบบนั้น “เออกูลืมบอกไปว่ากางเกงบีอกเซอร์ตัวนี้กูก็ใช้สบู่ราคาแพงของมึงซักด้วยนะเว้ยไงหอมปะ” “ปล่อยนะปล่อยดิไอ้พี่ลีฟ” โอลาฟมันยังคงดิ้นไปมาจนกระทั้งจมูกและใบหน้าของมันสัมผัสได้ถึงท่อนลำอ่อนๆที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้า ภาพสรีระเรือนร่างของลีฟตอนที่มันแอบดูจู่ๆผุดขึ้นในความคิดมันหลายต่อหลายช็อตโดยเฉพาะภาพท่อนลำของลีฟตอนอาบน้ำตีวกไปวนมาอยู่ในหัวของมัน ซึ่งนั่นทำให้โอลาฟที่ดิ้นขัดขืนไปมานั้นเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจมันค่อยๆหยุดการกระทำดังกล่าวลง พร้อมกับใช้มือทั้งสองโอบกอดเอวของลีฟและใช้ปากและจมูกงับและสูดดมท่อนลำเล่นไปมาจากภายนอกกางเกง ลีฟที่รู้สึกถึงการกระทำของโอลาฟมันถึงกับตกใจพร้อมกับใช้มือพยายามผลักตัวโอลาฟให้ออกห่าง “เห้ยๆๆๆ!!! ไอ้โอลาฟ ทำไรของมึงน่ะ มึงหยุดเลยนะเว้ยหยุด!” ดูเหมือนว่าคำพูดดังกล่าวจะไม่ทำโอลาฟนั้นทำตามแต่อย่างใดมันยังคงตั้งหน้าตั้งตาใช้ปากและจมูกงับและสูดดมท่อนลำไปอย่างต่อเนื่องทำให้ท่อนลำของลีฟที่อยู่ภายใต้กางเกงตอบสนองต่อการกระทำดังกล่าวด้วยการค่อยๆพองขยายตัวขึ้นกลายเป็นท่อนลำแข็งใหญ่จนมันนูนขึ้นดันใส่หน้าใบของโอลาฟที่แนบชิดอยู่ “พอก่อนโว้ย โอลาฟ…พอก่อน…..” เสียงลีฟค่อยๆแผ่วเบาลงโอลาฟมันเอาหน้าออกจากเป้ากางเกงพร้อมกับแหงนมองใบหน้าลีฟที่อยู่ในอาการงุ่นง่านและตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนที่ลีฟจะเอ่ยปากถามมัน “นี่มึง…เป็นจริงเหรอ…รึว่ามึงกำลังแกล้งอำกูอยู่กันแน่” โอลาฟยิ้มพร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองไปจับท่อนลำที่กำลังชี้โด่ใส่หน้ามันอยู่ใต้กางเกงและออกแรงชักขึ้นลงอย่างเบามือ “มาถึงจุดๆนี้มึงยังคิดว่ากูแกล้งอำอยู่ไหมล่ะรึว่าต้องให้กูทำมากกว่านี้” “มึงจะทำไร” “ถ้าอยากรู้มึงจะยอมให้กูทำไหมล่ะ” “คือกู…มึงกับกูเป็นพี่น้องกันนะเว้ยแล้วกูก็มีแฟนแล้ว” “แล้วงั้นมึงมาเล่นแบบนี้กับกูไมล่ะถ้าในเมื่อมึงคิดแบบนั้น” “กูก็แค่อยากรู้ว่ามึงแมนจริงป่าวเพราะที่ผ่านมากูนึกว่าที่มึงทำนิสัยผู้หญิงแบบนั้นก็เพราะมึงอยากเรียกร้องความสนใจ….เห้ยพอแล้วไม่ต้องชักขึ้นลงแบบนั้นเว้ยโอลาฟ”โอลาฟที่ถูกลีฟพยายามแกะมือออกมันถึงกับอมยิ้มขึ้นมา “ไมวะ เงี่ยนแล้วเหรอ” “ป่าวกูแค่…” “อย่าปากแข็งดิพี่ลีฟ เงี่ยนก็บอกมาเหอะ ดูดิควยมึงกระดกสู้มือกูใหญ่ล่ะ” “พูดยังกะมึงรู้ว่าต้องทำไงแหละไอ้โอลาฟ” “ก็เพราะว่ารู้ไงถึงได้บอกเป็นนัยๆอยู่เนี่ย” “นี่จริงๆแล้วมึงก็ชอบหมกมุ่นอยู่กับเรื่องพวกนี้เหมือนกันเหรอวะ” “ไม่เชิงหมกมุ่นนะพี่ลีฟแต่ผมอยู่ม.2แล้ว เรื่องพวกนี้ยังไงผมก็ต้องรู้ปะ จริงอยู่ว่าผมน่ะเคยดูหนังอย่างว่าแต่ถ้าลงมือทำจริงๆน่ะผมยังไม่เคยหรอก...มันก็นะ....แล้วสรุปมึงเงี่ยนใช่ไหมล่ะ” คำถามดังกล่าวทำเอาลีฟถึงกับหน้าแดง “อะอะอืมมมม” “ทีงี้ทำเป็นเขิน มะเดี๋ยวกูจัดการให้” “ไม่เอาเว้ย เดี๋ยวกูจัดการของกูเองได้ มึงก็หยุดชักแบบนั้นได้แล้ว” “ก็มึงอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่ากูแมนจิงปะและนี่คือคำตอบ” ทันทีที่พูดจบโอลาฟมันใช้มือดึงขอบกางเกงบ๊อกเซอร์ของลีฟลงอย่างรวดเร็วทำเอาท่อนลำแข็งใหญ่ขนาด6นิ้วครึ่งที่อยู่ใต้กางเกงดีดผ่างเฉี่ยวใบหน้าของโอลาฟไปทันใด ลีฟถึงกับตกใจมันรีบผลักตัวโอลาฟออกห่าง “มึงทำไรน่ะ ไม่เอาเว้ยกูไม่เคยมีไรกับผู้ชาย” โอลาฟมันได้แต่นิ่งเงียบพร้อมกับออกแรงฮึดสู้พี่ชายของมันด้วยการใช้มือซ้ายโอบจับเอวลีฟให้โน้มเข้ามาส่วนมืออีกข้างก็จับท่อนลำที่แข็งโด่ตรงหน้าให้มาจ่อตรงริมฝีปากสองพี่น้องออกแรงยืดยื้อกันไปมาได้พักใหญ่ “โอลาฟมึงหยุดดิ หยุดไม่งั้นกูต่อยมึงจริงๆนะเว้ย” โอลาฟออกแรงดันให้ตัวของลีฟถอยไปชนตู้ดังตึ้งงงงและอาศัยจังหวะนั้นจับท่อนลำถอกหนังหุ้มปลายลง เผยให้เห็นหัวเห็ดใหญ่ๆสีแดงสดตรงหน้า “ควยพี่นี่มันน่าเย้ายวนจริงนะ” เมื่อพูดจบโอลาฟมันพุ่งเอาหน้าเข้าไปพร้อมกับแลบลิ้นเลียไปยังหัวเห็ดดังกล่าวไปมา ลีฟที่ยืนพิงตู้อยู่นั้นถึงกับสะดุ้งงึกและใช้มืองัดหัวโอลาฟออก “โอลาฟ ไอ้เหี้ยยยมึงอย่าเลียดิ อย่าเลียตรงนั้น อ๊ากกก อย่าเลียดิ อย่า….”ในระหว่างที่ลีฟที่กำลังเริ่มรู้สึกเสียวแปล๊บๆบริเวณปลายหัวเห็ดไปมานั่นเองทันใดนั้นมันรู้ถึงอุ่นวาบบริเวณหัวเห็ดลงไปถึงกลางท่อนลำพร้อมกับแรงดูดอย่างหนักหน่วง “โอลาฟ นี่มึงกล้าทำจริงๆเหรอ” โอลาฟปัดมือลีฟที่พยายามดันหัวของมันในตอนแรกออกพร้อมกับรีบผงกหัวเข้าออกพร้อมกับออกแรงดูดควบคู่กันไป “อื้มมอ่าหหหอ่าหหหมึงนี่อมควยเสียวเหมือนกันนี่หว่า อ่าหหห อ่าหหหซีดดดดดอื้มมมมดีมึง ดีว่ะอ่าหหห” บัดนี้ความรู้สึกที่ทั้งสองเคยเกลียดและไม่ถูกชะตากันเหมือนแต่ก่อนได้ถูกความใคร่และอารมณ์ความต้องการเข้าครอบงำจิตใจความรู้สึกต่างๆไปจนหมดสิ้น โอลาฟที่กำลังยืนตั้งตาดูดอมให้พี่ชายของมันถึงกับนึกขึ้นในใจ “นี่หรอรสชาติควยของจริง มันเป็นอย่างงี้เองน่ะเหรอที่เคยดูในหนังเวลาที่เค้าดูดให้กันมันรสชาติและสัมผัสมันเป็นงี้สินะ” โอลาฟที่กำลังอมๆให้อยู่นั้นมันค่อยๆชำเลืองตามองหน้าลีฟที่ยืนทำหน้าบิดเบี้ยวไปมาด้วยความเสียวและทั้งกัดฟันครางอยู่ในลำคอเป็นเนืองซึ่งเป็นภาพที่ได้เห็นทำให้โอลาฟถึงกับรู้สึกดีและชอบอย่างบอกไม่ถูก “โอลาฟซีดดมึงนี่แม่งงงงอ่าหหทำให้กูได้เสียวจริงๆ อ่าหหหหถ้าแฟนกูทำแบบนี้ให้บ่อยๆก็ดีสินะอ่าหหหซีดดดอ่าหหหห เสียวว่ะ เสียวจริงว่ะมึงอ่าหหหซีดดดด มึงลองห่อปากดิ อ่าหหหหช่ายยแบบนั้นแหละ ซีดด ห่อลงอีกนิดอย่าโดนฟันกูเจ็บค่อยๆห่อ อ่าหหหห อ่าหหหหห เอ่อนั่นแหละดูดตรงหัวมันอะ ซีดดดดดดอ่าหหหหนั่นแหละทำแบบนั้นๆอ่าหหหห อ่าหหหห” ลีฟถึงกับใช้มือทั้งสองลูบหัวของโอลาฟไปมาด้วยความเงี่ยน “อื้มมมซีดดดวันนี้มึงเป็นน้องที่แสนดีของกูจริงๆว่ะอ่าหหหซีดดดด” โอลาฟที่ก้มดูดอมอย่างเอาเป็นเอาตายมันสัมผัสได้ถึงอาการเริ่มเกร็งของท่อนลำและกล้ามหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเป็นลูกๆทำให้มันรู้ทันใดว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดต่อไป มันเลยถอนปากออกจากท่อนลำและเลื่อนลงมาเลียยังถุงไข่พร้อมกับออกแรงดูดพวงไข่ทั้งสองไปมาเบาๆซึ่งนั่นทำให้ลีฟมันเสียวและสยิวแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก “อ่าหหหมึงนี่แม่งทำให้กูอยากแบบสุดๆไปเลยว่ะหยุดเลียและดูดตรงนั้นก่อนเว้ยมึงตามกูมั้งเริ่มจากเบาๆก่อนว่ะ ยืนนิ่งๆนะมึง” ลีฟใช้มือทั้งสองจับหัวโอลาฟไว้มั่นก่อนที่จะเอาปลายท่อนลำที่แข็งชี้โด่ปลายหัวแดงเยิ้มไปด้วยน้ำลายมาจ่อที่ปากก่อนจะแอ่นเอวเด้ายัดหัวเห็ดเข้าไปในอุ้งปากของโอลาฟ“อ่าหหหห มึงห่อปากให้เล็กๆแบบมะกี้สิวะ เอ่อนั่นแหละอ่าหหหห ช่ายยยย” ลีฟกระเด้าท่อนลำเข้าๆออกๆจากปากโอลาฟไปมาและค่อยเร่งจังหวะเร็วขึ้นๆ“อื้มมมม แบบนี้มึงน่าจะชอบนะ อ่าหหห ใช่ไหมวะมึง อ่าหหหซีดดด อ่าหหห แม่งดีกว่าชักด้วยตัวเองอีกว่ะ อ่าหหห” ลีฟทำอยู่นานพอตัวก่อนที่มันจะเกร็งและปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งทยานเข้าสู้อุ้งปากของโอลาฟอย่างต่อเนื่อง“มึงกลืนเลยนะ กลืนเลยยย” รสชาติของของเหลวดังกล่าวที่หลั่งออกมาในอุ้งปากทันทีที่มันสัมผัสกับลิ้นของโอลาฟ มันคาวๆลื่นๆเค็มแปล่มๆ ซึ่งเป็นรสชาติที่มันไม่คุ้นเคยเอามากๆ ทำเอามันถึงกับเริ่มพะอืดพะอมขึ้นมาทีละนิดจนไม่กล้าที่จะกลืนลงคอมันเลยได้แต่อมของเหลวดังกล่าวไว้ในอุ้งปาก ทันทีที่ของเหลวจากท่อนลำของลีฟฉีดพ่นออกมาจนหมดแล้ว มันเลยค่อยๆดึงท่อนลำออกจากอุ้งปากและเดินไปนั่งยังขอบเตียงด้วยความอ่อนโรยส่วนโอลาฟมันรีบเดินตรงไปห้องน้ำก่อนที่จะคายของน้ำสีขาวขุ่นที่อยู่ในปากเป็นจำนวนมากลงในอ่างก่อนที่มันจะหยิบเอาแก้วขึ้นมาตวงน้ำจากก๊อกและบ้วนปากหลายต่อหลายที จนมันรู้สึกดีขึ้นและเดินออกจากห้องน้ำไปหาพี่ชายของมันที่เตียงเมื่อไปถึงมันเห็นพี่ชายมันนั่งก้มหน้าด้วยสีหน้าเจือนๆอายๆ “พี่ลีฟเป็นไรน่ะ โอเคป่าวพี่” “กะกูไม่เป็นไร” ลีฟมันพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับมันเหมือนทุกครั้งแต่อย่างใด “โอลาฟกูขอโทษว่ะที่กูทำไรแบบนั้นไป….” “อื้มมมกูก็....” “ไงมึงกลับห้องมึงก่อนปะคือกูเอ่อ กู…” คำพูดดังกล่าวทำเอาโอลาฟถึงกับชักสีหน้าด้วยความงุนงง “ไรของมึงนิพี่ลีฟ ตกลงเป็นไร?” “กูไม่รู้ว่ะมึงแต่ตอนนี้กูแค่ขอนั่งคิดอะไรคนเดียวก่อนว่ะ ไงมึงออกไปก่อนปะ”
ไว้มาต่อครับ…….
|