ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 2583|ตอบกลับ: 42

โมษะน้อยกลอยสวาท (Amateur Thief) อัพเดทตอนที่ 11: สวาท

[คัดลอกลิงก์]

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jera เมื่อ 2014-11-18 22:12

นิยายเรื่อง โมษะน้อยกลอยสวาท ผม Jera แต่งขึ้นเอง และเอามาโพสต์ที่นี่ด้วยตัวเอง




งานเขียนชิ้นนี้อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตแบบครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 (Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0) ซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะ นำงานเขียนชิ้นนี้ไปทำสำเนา เผยแพร่ รวมทั้งแก้ไข ดัดแปลง ปรับปรุงงานเขียนชิ้นนี้ได้ตามต้องการ อีกทั้ง ยังสามารถใช้ประโยชน์ในทางพาณิชย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต หรือจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องระบุว่าผม Jera, Jera Rune, เจรา หรือ เจรา รูน เป็นเจ้าของผลงาน รวมทั้งหากมีการแก้ไขดัดแปลงผลงาน ต้องระบุจุดที่แก้ไขดัดแปลงให้ชัดเจน และใช้สัญญาอนุญาตแบบเดียวกัน นั่นก็คือ สัญญาอนุญาตแบบครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-อนุญาตแบบเดียวกัน 4.0 (Creative Commons Attribution-ShareAlike 4.0) หรือสัญญาอนุญาตอื่นใดที่เข้ากันได้ (ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี)

ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องเคารพในสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ ความเป็นส่วนตัว ของเจ้าของผลงานนั้น ๆ ด้วย เพราะนี่คือสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ทุกผู้ทุกคน หาได้มีข้อยกเว้นไม่




อนึ่ง ถ้าหากตัวละครไปละม้ายคล้ายใครเขา ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรืออุปนิสัยใจคอ ขอบอกก่อนเลยว่า มันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น ผมมิได้จะกล่าวล่วงเกินผู้ใดทั้งสิ้น ด้วยความเคารพจากใจจริง

หมายเหตุ ผมอยากจะใส่ข้อมูลทางกฎหมายลงไปด้วยเพื่อเป็นความรู้ หากท่านใดอยากจะโต้แย้งตรงนี้ โปรดชี้แจงด้วย เพราะผมเองไม่ได้เรียนมาด้านกฎหมาย อาศัยเพียงความรู้เท่าที่มีอยู่เท่านั้น หากผิดพลาดโปรดอย่างเกรงใจ และทักท้วงด้วยตามสะดวก แต่ดูเหมือนทางเว็บจะไม่อนุญาตให้ใส่ลิงก์ลงโพสต์เยอะ ๆ ดังนั้น คงทำอะไรมากไม่ได้...

และ เนื่องจากนี่เป็นงานเขียนครั้งแรก ๆ ของผม หากมีข้อใดผิดพลาด อยากจะติ หรือแนะนำโปรดทำด้วยความสบายใจ ไม่ต้องเกรงใจว่าผมจะน้อยใจ เพราะผมต้องการแต่งนิยายให้ออกมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น หากคุณอ่านนิยายมาเยอะ และสนใจจะติ หรือแนะนำ ผมยินดีรับฟังเสมอ แต่ผมคงไม่อาจจะเปลี่ยนพล็อตเรื่องให้เป็นดั่งใจท่านได้ เพราะผมวางพล็อตเรื่องไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้น

หมายเหตุ: ผมเปิดเพจส่วนตัว ซึ่งจะโพสต์นิยายเรื่องเดียวกันนี้ และเรื่องอื่น ๆ ในอนาคตไว้บน Facebook ชื่อเพจว่า Will of Fate หากท่านใดสนใจจะติดตามก็เชิญได้ตามสะดวก ทั้งนี้ทั้งนั้น งานเขียนจะเหมือนกัน อีกทั้งหากไม่มีอะไรผิดพลาด (คือผมติดธุระด่วน) จะโพสต์ในเวลาไล่เลี่ยกันเสมอ

ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้




สารบัญ





โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 1: ขโมย!

ค่ำ ๆ วันศุกร์กลางเดือนธันวา ผมกำลังขับรถกลับบ้าน ที่อยู่อีกอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปกติแล้วผมมักจะนอนที่สำนักงานเสียมากกว่า แต่วันนี้ผมรู้สึกไม่ดียังไงบอกไม่ถูก เลยตัดสินใจขับรถกลับบ้าน พอเข้าเขตอำเภอที่ผมอยู่ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา เสียงเรียกเข้าเป็นที่คุ้นหูผมอย่างดี ทำให้รู้ทันทีว่าใครโทรหา ผมจอดรถข้างทาง และรับสาย

“หวัดดีครับเดช มีอะไรหรือเปล่า” ผมทักเพื่อนรักของผมตามปกติ
“โทรหามึงต้องมีธุระด้วยเหรอวะ” น่าน มาถึงก็กวนบาทาเลย
“แหม เดี๋ยวเหอะ” อีกฝ่ายได้ยินเข้าก็หัวเราะคิกคัก น่าหมั่นไส้
“ตอนนี้มึงอยู่ไหน” เดชถาม
“ขับรถอยู่จะกลับบ้าน” ผมบอกไปตามจริง
“ป่านนี้อ่ะนะ สามทุ่มกว่านี่นะ ไปแวะอยู่ที่ไหนหวะ” เจ้าเดชสงสัย เพราะปกติแล้ว ถ้าผมจะกลับบ้าน ผมจะออกมาตั้งแต่เย็น ๆ
“เปล่า เบื่อจะอยู่ที่สำนักงานหน่ะ” ผมไม่รู้แก้ตัวกับมันยังไงดี
“อ้าว เวร กูอุตส่าห์มาหามึงที่สำนักงาน ไม่บอกกันบ้างว่าไม่อยู่” อ้าว ทำไมกลายเป็นความผิดของผมเสียอย่างนั้นล่ะเนี่ย
“แล้วเดชไม่บอกผมก่อนล่ะว่าจะมา ผมจะได้รอ” ผมย้อน
“ก็กูไม่รู้นี่หว่า กะว่ามาคุยกับพี่ใจนิดนึงแล้วกลับ แต่โดนไอ้พวกหลาน ๆ มันชวนไปโน่นไปนี่เลยค่ำ กูมาถึงสำนักงาน เห็นไฟปิดอยู่ นึกว่ามึงจะไปข้างนอกเลยโทรหาดูนี่แหละ” มันอธิบาย
“งั้นเดี๋ยวผมกลับรถไปหาละกัน” ผมมองหาที่กลับรถ
“เฮ่ย ไม่ต้องหรอก มึงกลับบ้านไปเหอะ เดี๋ยวกูหารถกลับไปบ้านพี่ใจ หรือให้หลานมารับ แล้วนอนที่นั่นก็ได้” มันปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
“อืม ๆ ก็ได้ ๆ” ผมตอบตกลง
“มึงขับรถดี ๆ ละกัน กูเป็นห่วง”
“ครับผม”
“คิดถึงนะโว้ย แล้วไว้เจอกันวันหลัง หวัดดีครับ” เดชมันบอกลาผมแบบนี้บ่อย ๆ บางทีก็เขินที่จะต้องตอบกลับไปบ้างเหมือนกัน
“คิดถึงครับ หวัดดีครับ” แล้วผมก็วางสายไป

ผมกับเดชรู้จักกันสมัยปวช. ตอนแรกไม่ถูกกันสักเท่าไหร่ แต่อยู่ ๆ ผมก็กลายเป็นลูกพี่ของกลุ่มเพื่อนมัน มีองค์รักษ์ปกป้อง เริ่มรักมัน มันรักตอบ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ หรือผมคิดไปเองคนเดียวก็ไม่รู้เหมือนกัน จนถึงที่สุดเราเกือบจะมีอะไรกัน แต่ก็แค่เกือบ แล้วก็คบกันแบบนี้มาหลายปีแล้ว จนตอนนี้ก็บอกไม่ถูกว่าระดับความสัมพันธ์มันเป็นแบบไหน ต่างฝ่ายต่างดำเนินชีวิตของตัวเอง มีแฟน มีคนรักกันไป เดชเป็นคนหื่นกาม เซ็กส์จัด มีอะไรกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย ไม่ว่าชายหรอกหญิง แต่ผมไม่เคยเห็นมันจะจริงใจกับใครเลยสักคน คบกันสองสามเดือนก็เลิกรากันไป สำหรับผม ก็ยังรู้สึกดี ๆ กับมันเหมือนเดิม ส่วนมัน ผมไม่รู้หรอกนะ

ผมมาถึงที่บ้านตอนเกือบจะสี่ทุ่ม บ้านหลังเล็ก ๆ สองชั้น ที่อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่น ๆ พอสมควร หันหลังให้กับถนน หันหน้าให้ทะเล ด้านหนึ่งเป็นป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ ส่วนมากจะเป็นต้นสน ไม่ได้รกอะไร อีกด้านเป็นสวนมะพร้าว หน้าบ้านเป็นสนามหญ้ายาวไปถึงชายหาด มีต้นสน ต้นมะพร้าวบังทางลมอยู่นิดหน่อย ผมสร้างบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอ จำได้ว่า ตอนแรกที่แฟนผมเห็นที่นี่ เธอบ่นว่ามันรกไปสักหน่อย ผมเลยสัญญาว่าจะทำให้มันโล่ง และเป็นระเบียบขึ้น พอสร้างบ้าน และตกแต่งจนเสร็จ เธอชอบมันมาก บอกว่าอยากอยู่ที่นี่ไปทั้งชีวิต ตอนนั้นผมดีใจมากที่สุดเลยล่ะครับ

หญ้าแถวบ้านถูกตัดเรียบร้อย มีกลิ่นใบหญ้าจาง ๆ ดูสภาพแล้วน่าจะถูกตัดเมื่อตอนเย็นนี้เอง ไฟในบ้านปิดหมด เหลือไฟดวงเล็ก ๆ ที่หน้าบ้านดวงเดียวที่เปิด-ปิดอัตโนมัติอยู่ดวงนึง

ผมจอดรถในโรงรถ ไขกุญแจเข้าไปทางห้องครัวซึ่งอยู่หลังบ้าน เปิดไฟ เอาของกินที่ขนมาจากสำนักงานไปเก็บ เพราะกะว่าไหน ๆ ก็กลับมาแล้วขออยู่ที่นี่ แล้วค่อยกลับไปวันจันทร์โน่นเลยละกัน ผมเปิดไฟในห้องนั่งเล่น แล้วเปิดประตูไปนั่งที่หน้าบ้าน

ผมยิ้มเศร้า ๆ ให้กับตัวเอง ลมทะเลพัดเบา ๆ มาเหมือนจะโอบกอดผมไว้เหมือนจะปลอบโยนผม ให้คลายความกังวล ผมนั่งจนรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยก็ลุกไปอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอน

บ้านหลังนี้ ที่เมื่อก่อนมีแต่ความรัก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคนสองคน ส่วนตอนนี้มันกลายเป็นบ้านที่เกือบจะร้าง และเหลือเพียงแต่ผมเดียว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยิ้มได้อยู่ และยังมีชีวิตอยู่ได้ แม้ว่ามันจะไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมก็ชินกับการอยู่คนเดียวเสียแล้ว เศร้าบ้าง เหงาบ้าง มันก็ปกติของชีวิตล่ะ ใครจะมีความสุขได้ตลอด ต่อให้เป็นคนบ้า ก็คงมีความทุกข์บ้างแหละ

พอเที่ยงคืนกว่า ๆ ผมรู้สึกเหมือนมีเสียงกึก ๆ กัก ๆ ดังมาจากชั้นล่าง แล้วมันก็เงียบไป ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเสียงลม เสียงอะไร หรือจริง ๆ แล้วผมฝันไปกันแน่ เลยตั้งใจจะหลับต่อ แต่สักพักก็ได้ยินเสียงแบบนั้นอีก รู้สึกไม่ชอบมาพากล เลยตัดสินใจ ลุกขึ้นจากเตียง เดินลงไปดูข้างล่างสักหน่อย

ชั้นล่างมีแสงมีเหลืองส้มของไฟฉายส่องออกมาจากห้องทำงานของผม ใจผมเต้นตึกตัก ไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ผมค่อย ๆ ย่องลงไป แล้วหลบอยู่ในห้องอีกห้อง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับห้องทำงาน เจ้าหัวขโมยมันรื้อของที่พอจะมีค่ามาวางไว้บนโต๊ะทำงานกลางห้อง ดูเหมือนมันจะหงุดหงิดไม่น้อยที่หาของมีราคาไม่ค่อยได้เลย ก็แหงล่ะครับ ผมไม่นิยมเก็บของมีค่าไว้ในบ้านสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

เท่าที่ผมดู ขโมยคนนี้ค่อยข้างผอม และไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับผมแล้ว ผมคงจะเอาชนะมันได้ไม่ยาก เลยอาศัยจังหวะที่มันกำลังหยิบของใส่กระเป๋า แล้วหันหลังให้ประตู ค่อย ๆ ย่องเข้าไปจนใกล้จะประชิดตัว...

“มึงทำอะไรของมึง หา!” ผมตะโกนใส่มัน ดูเหมือนมันจะตกใจพยายามจะวิ่งแต่ผมก็เข้าไปประชิด จนตัวมันชิดกับขอบโต๊ะ หนีไปไหนไม่ได้ ผมจับแขนมันไว้ พยายามหันหน้ามันมาดูสักหน่อย แต่มันแข็งขืน เล็บยาว ๆ ของมันทำแขนผมเป็นรอยหลายรอยเลยทีเดียว และพอมีช่วงที่ผมเผลอ มันดิ้นหลุดออกไปจนได้ เห็นทีผมต้องจับให้แรงกว่านี้สักหน่อย

มันพยายามวิ่งหนี แต่ผมก็ยังไวพอที่จะคว้าแขนอีกข้างไว้ทัน กระชากจนมันลื่นล้มลงกับพื้น เท่าที่ดู เหมือนจะไม่ใช่เด็กแถวนี้ เพราะผมรู้จักเด็กแถว ๆ นี้ดีทุกคน และพวกมันไม่กล้าทำอย่างนี้กับผมแน่

ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ มันเลยใช้เท้าถีบเข้ามาที่เป้ากางเกงผม แต่มันกะระยะพลาดไปหน่อย ถึงโดนไม่เต็มแรง แต่รู้สึกจุกนิดหน่อย แล้วมันลุกขึ้นจะวิ่งอีกครั้ง คราวนี้ผมคว้าตัวมัน แต่ติดที่ขอบกางเกงขาสั้นที่ใส่ให้สูงกว่าเอว แล้วใส่กางเกงยืนส์ทับ แต่ใส่ให้ต่ำกว่าปกติ เห็นเด็กแถว ๆ นี้ใส่กัน ผมมองว่ามันตลก ๆ ดี แต่มันเป็นแฟชั่น ซึ่งก็แปลก ๆ ดีเหมือนกัน

“ปล่อยกูนะโว้ย” มันตะโกนออกมา ผมไม่ปล่อยให้โง่หรอก ผมมองเห็นก้นขาว ๆ ในแสงสลัว ๆ จากไฟฉาย ความคิดอกุศลก็เริ่มเข้ามาในหัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รู้สึกแสบบริเวณสีข้าง มันใช้มีดสั้นที่พกมาด้วยหมายจะแทงผม แต่พลาด เสื้อบาง ๆ ที่ใส่อยู่ขาดเป็นรอยยาว พร้อมกับแผลที่ไม่ลึกนัก ผมคว้าข้อมือที่จับมีดของมันเอาไว้ แล้วบีบสุดแรง จนมันต้องปล่อยมีดทิ้ง

"ทำกูเจ็บแสบมากนักมึง" ผมใช้เข่ากระแทกเข้าไปที่หน้าท้องของมันจนมันจุกตัวงอทรุดลงกับพื้น มันน้ำตาไหลเลยทีเดียว สงสัยผมจะหนักมือไปหน่อยแฮะ ในเมื่อมันสิ้นฤทธิ์แล้ว ผมรีบเปิดไฟแล้ว หยิบเชือกสำหรับผูกกล่องพัสดุที่ผมมักเก็บไว้เป็นประจำ มาผูกข้อมือข้อเท้ามันไว้ กันมันหนี หรือทำร้ายผมได้อีก

ผิวขาว ๆ ผมทรงสกินเฮดที่เริ่มจะยาวออกมาหน่อย หนวดก็เริ่มขึ้น ตัวเล็ก รูปร่างผอม หน้าใส ๆ แบบเด็กมัธยมปลาย แต่ดูคล้ำแดดไปสักนิด ริมฝีปากแดงระเรื่อ แต่กลับมีสีหน้า แววตาที่โกรธแค้น ผมยิ้มเหี้ยมให้แก่มันอย่างผู้มีชัย

“ปล่อยผมไปนะพี่ ผมขอโทษต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมทำครั้งนี้ครั้งแรกเองนะพี่ ได้โปรดเถอะพี่ ผมก็ร้องล่ะ” มันอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ ที่ฟังดูแล้ว ไม่น่าจะใช่คนใต้ แม้จะพยายามทำหน้าให้น่าสงสาร แต่แววตาไม่ได้บ่งบอกว่าตัวเองกำลังพ่ายแพ้เลยสักนิด มันไม่ได้ทำให้ผมใจอ่อนลงได้เลย ถึงผมไม่คุ้นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้เลยสักนิด แต่... น่ารักดี

“พรุ่งนี้ กูจะจับมึงส่งตำรวจ” ผมพูดเรียบ ๆ
“อย่านะพี่ ได้โปรด อย่าจับผมส่งตำรวจนะพี่ ผมขอร้อง จะให้ทำอะไรก็ได้ แต่อย่าจับผมส่งตำรวจนะพี่” เข้าทางผมล่ะ ผมยิ้มกริ่ม
“แน่นะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ จ้องมองที่ตัวมันด้วยสายตาหื่นกระหาย พอมันได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นโกรธทันที
“ไอ้เหี้ย มึงปล่อยกูนะ ถ้ากูหลุดไปได้ กูเอามึงตายแน่” มันด่า
“หึหึ กูยอมให้มึงเอาจนตายก็ได้นะ ถ้ามึงหลุดไปได้ และถ้า... กูไม่เอามึงตายซะก่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมเน้นคำว่า 'เอา'
“ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ ถ้ามึงทำอะไรกู กูจะฆ่ามึง ไอ้เหี้ย” มันยังด่าไม่หยุด แต่ผมรู้แล้วว่ามันกลัวอะไร

บอกตามตรงนะครับ ผมไม่เคยขืนใจใครเลยสักครั้ง และที่แย่ไปกว่านั้น ผมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลยสักครั้ง แต่ผมก็รู้นะว่าควรจะทำอะไร ยังไง ก็แหม เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันไปถึงไหนกันแล้ว อินเทอร์เน็ตมีทุกสิ่งที่คุณอยากรู้อยากเห็นนะครับ

ถึงแม้ว่า ผมมีโอกาส และสามารถหาใครมามีเซ็กส์ด้วยได้ไม่ยากนัก แต่ผมกลับไม่ได้ทำมันอย่างจริงจังสักครั้ง ไม่รู้เพราะว่า ลึก ๆ แล้ว ผมอยากจะให้เดชเป็นคนแรกของผม หรือเพราะผมกลัวกันแน่

ผมเข้าไปหอมแก้ม และจูบปากหนุ่มน้อยที่ดิ้นรนอยู่ตรงหน้า มันพยายามเบือนหน้าหนี แต่ผมกดมันเอาไว้ มันเลยจำต้องให้ผมลวนลามมันไป ต่อให้ผมอยากจะข่มขึนเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่ถ้าพรุ่งนี้ผมเอามันไปโรงพัก แล้วมันเล่าเรื่องนี้ออกไป จากที่เคยเป็นโจทก์ จะกลายเป็นจำเลยไป ผมจึงหาวิธีแก้แค้นมันด้วยวิธีอื่นให้สาสมกับรอยแผลตรงสีข้างของผมแทน

ผมใช้กรรไกรค่อย ๆ ตัดเสื้อมันออก จนท่อนบนมันเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างที่เป็นกางเกงยีนส์เก่า ๆ ซึ่งก็ไม่ใช้ปัญหาอะไร เพราะกรรไกรเล่มนี้ มันเอาไว้ตัดของแข็ง ๆ หนา ๆ อยู่แล้ว ผมค่อย ๆ ตัดกางเกงยีนส์ออก "ขืนมึงดิ้นไม่หยุดแบบนี้ ระวัง 'ไอ้นั่น' มันจะหายไปทั้งพวงนะมึง" มันเลยหยุดดิ้น และยอมให้ผมตัดกางเกงยีนส์ออกแต่โดยดี แล้วกวาดเสื้อผ้า กับข้าวของของมันรวม ๆ กันเอาไว้ที่มุมห้อง เพียงเท่านี้หนุ่มน้อยผู้นี้ก็เปลือยเปล่าต่อหน้าผม แม้จะผอม แต่มีรอยกล้ามเนื้อให้เห็น เอวคอด มีร่องอย่างที่เขาเรียกว่าวีเชฟ ซึ่งถูกใจผมเป็นที่สุด หมอยที่ขึ้นบาง ๆ ควย และพวงไข่ที่หดเกร็ง แสดงถึงความกลัว แต่ดวงตาไร้ซึ่งน้ำตา และแววตาแห่งความโกรธแค้น เจ้าเด็กคนนี้เก็บอาการหวาดกลัวได้เก่งแฮะ อยู่ดี ๆ ผมก็รู้สึกชื่นชมมันเสียอย่างนั้น

ผมเดินหายเข้าไปในโรงรถ ซึ่งเป็นที่เก็บของ และหยิบเชือกมัดใหญ่มามัดนึง มันยังคงดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากพันธนาการอยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ดูเหมือนมันไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเสียด้วยซ้ำ

ทีแรก ผมกะจะโยงมันไว้กับขื่อ แต่มันไม่มีขื่อเสียนี่ เพราะมันเป็นบ้านสองชั้น ผมเลยจับมันนั่งเก้าอี้ มัดมือมันไว้หลังเก้าอี้ มันลำตัวมันติดกับเก้าอี้อีกที แก้เชือกที่ข้อเท้าออก แล้วยกขามันขึ้นทั้งสองข้าง ผูกแยกไว้กับที่วางแขนทีละข้าง

ตอนนี้ผมสามารถเห็นรูก้นขาวเนียน กับพวงไข่ที่หดเกร็ง และควยที่เล็กนิดเดียวของมันได้เต็มตา มันยังร้องอ้อนวอนไม่หยุด ผมเลยหยิบกางเกงในของมันมายัดปากไว้ มันจะได้สงบปากสงบคำเสียที

ผมกะจะพอแค่นี้ แต่ก็นึกอะไรแผลง ๆ ขึ้นมาได้อีกอย่าง สองอย่าง ผมจับหน้าจอคอมพิวเตอร์หันมา แล้วเปิดหนังเอ็กซ์เกย์ให้มันดู ผมลากใส่ในรายการ (เพลย์ลิสท์) ไว้หลายเรื่อง กะว่าถึงเช้าก็คงไม่จบ จากนั้นก็เร่งเสียงจนดัง จัดท่าให้มันไม่สามารถหันหนีไปจากหน้าจอได้ แล้วก็เดินออกจากห้อง ปิดประตู ปล่อยเจ้าโจรหนุ่มน้อยไว้อย่างนั้น

เคยมีงานวิจัยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นพวกเกลียดเกย์เข้าไส้ขนาดไหน คุณก็มีอารมณ์ทางเพศเมื่อดูหนังเอ็กซ์เกย์ หรือแม้ว่าคุณจะเป็นเกย์ ฉากการร่วมรักของเลสเบี้ยนก็กระตุ้นอารมณ์ของคุณได้เช่นกัน ผมอยากพิสูจน์ด้วยตัวเองสักหน่อยว่ามันจะเป็นยังไงกับเด็กน้อยคนนี้

ผมหยิบเบตาดีนในตู้ยามาใส่แผล รอยถาก ๆ แค่นี้ ใส่ยาก็คงพอล่ะมั้ง หลังจากนั้น ผมก็ขึ้นไปนอนอย่างสบายอารมณ์ เฝ้ารอดูผลงานในวันรุ่งขึ้น

ผมตื่นเอาตอนสาย ๆ รีบลุกขึ้นจากที่นอน แล้วลงมาดูผลงานในห้องทำงานด้านล่าง ผลที่เกิดขึ้นทำให้ผมอึ้งอยู่ไม่น้อย...


คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 3พลังน้ำใจ +94 Zenny +835 ย่อ เหตุผล
cokebundit + 30 + 500 กระทู้นี้ยอดเยี่ยม!
Medmayom + 20 + 220 ขอบคุณครับ
คุณหญิงอบเชย + 44 + 115 ขอบคุณค่ะ

ดูบันทึกคะแนน

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-27 09:20:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บุกรุกเคหสถานยามวิกาล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 และ 365 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทำร้ายผู้อื่น แต่ไม่เป็นเหตุให้อันตรายต่อร่างกาย หรือจิตใจ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ลักทรัพย์ในยามวิกาล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 และ 335 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาท


ในกรณีที่เป็นเยาวชนอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี จะมีกฎหมายพิเศษรองรับ ตามมาตรา 75 ให้ศาลพิจารณาว่าเห็นควรลงโทษหรือไม่ หากไม่ให้ปฏิบัติตามมาตรา 74 แต่หากเห็นควรต้องลงโทษแล้วให้ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
154
Zenny
648
ออนไลน์
48 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-7-27 21:13:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
รอลุ้นอีกครับ
ศาสตราจารย์ (Admin) อธิการบดี
โพสต์ 2014-7-27 22:21:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมายเหตุ ผมอยากจะใส่ข้อมูลทางกฎหมายลงไปด้วยเพื่อเป็นความรู้ หากท่านใดอยากจะโต้แย้งตรงนี้ โปรดชี้แจงด้วย เพราะผมเองไม่ได้เรียนมาด้านกฎหมาย อาศัยเพียงความรู้เท่าที่มีอยู่เท่านั้น หากผิดพลาดโปรดอย่างเกรงใจ และทักท้วงด้วยตามสะดวก แต่ดูเหมือนทางเว็บจะไม่อนุญาตให้ใส่ลิงก์ลงโพสต์เยอะ ๆ ดังนั้น คงทำอะไรมากไม่ได้...


ขอชี้แจงดังนี้นะคะ
เรื่องโพสลิงก์ เราอนุญาตให้โพสค่ะ แต่เนื่องจากว่า จขกท.เป็นสมาชิก น้องใหม่เฟรชชี่ ซึ่งพึ่งสมัคร ดังนั้นโพสที่มีลิงก์
ประกอบผู้ดูแลจึงต้องขอตรวจสอบก่อนที่จะทำการโพสเผยแพร่ก่อนนะคะ เพราะพักหลังๆมีสมาชิกสมัครใหม่หลายคน
โพสลิงก์เจตนาป่วนเว็บ จึงต้องทำการตรวจสอบก่อนเผยแพร่โพสนั้นๆค่ะ

ขอบคุณค่ะ
ผู้ดูแลระบบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
2036
พลังน้ำใจ
31804
Zenny
176906
ออนไลน์
2543 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-7-27 22:23:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
จบแล้วเหรอครับ เหมือนขาดๆ
กระทู้ไหนที่รปไม่ขึ้นขอเวลาแก้ไขนะครับ พอดีเว็บฝากรูปที่ผมลงไว้ (ohozaa) เขาปิดตัวกระทันหัน เซ็งเลย!!!

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
4110
Zenny
9687
ออนไลน์
802 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-7-27 22:31:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับผม

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
32472
Zenny
40634
ออนไลน์
3894 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-7-28 07:59:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-28 08:51:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-30 19:48:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jera เมื่อ 2014-7-30 20:50

โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 2: อาย...

ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันสามารถหลับในท่าที่ผมมัด พร้อมเสียงครวญครางของเหล่านักแสดงหนังเอ็กซ์ที่ดังขนาดนั้นได้ ควยใบน้อยของมันตื่นขึ้นตามปกติของผู้ชายยามเช้า ๆ ใบหน้าที่ยังหน้ารักยิ่งกว่าเดิมเมื่อนอนหลับ ผมยืนมองใบหน้าของมันอยู่นาน นานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบ แต่พอรู้สึกตัว ผมก็ขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วลงมาเตรียมอาหารเช้า ซึ่งเป็น ไส้กรอก และไข่ดาว ที่ทอดในน้ำ พร้อมกับผักสลัดที่ผมซื้อมาเมื่อวาน ตอนแรกผมคิดจะทำกินคนเดียว แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ทำเผื่อไอ้เด็กนี้ด้วยก็แล้วกัน อยู่ ๆ ผมก็ใจดีกับเด็กคนนี้ขึ้นมาเสียเฉย ๆ

ผมเข้าไปหอมแก้มมันฟอดนึง แล้วตามด้วยการตบหน้าเบา ๆ เพื่อให้มันตื่นขึ้นมา มันงัวเงียตื่นขึ้น แล้วก็ทำท่าตกใจ คงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันเสียกระมัง

มันก้มมองดูตัวเอง แล้วอายหน้าแดงขึ้นมา ระหว่างที่ผมเดินไปปิดโปรแกรมเล่นหนังในคอมพิวเตอร์ และขยับมันออกไป ผมยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อนึกวิธีแกล้งมันได้อีกอย่าง

"ถนัดซ้ายหรือขวา" ผมถาม
"ห๊ะ" มันยังงง ๆ กับคำถาม
"กูถามว่า มึงถนัดซ้ายหรือขวา" ผมเน้นเสียงให้ดังขึ้น
"ซ้า ซ้าย..." มันตอบ

ผมเลยแกะเชือกมือขวาของมันออก แล้วก็เดินไปหยิบจานอาหารที่เตรียมไว้มาวางไว้ข้างหน้ามัน ผมก็นั่งกินไปพร้อมกับดูมันกินแบบทุลักทุเลไป โดยทั่วไปแล้วคนถนัดซ้าย มักจะใช้มือขวาได้คล่องพอ ๆ กับมือซ้ายนั่นแหละ ยกเว้นงานบางอย่างที่ต้องใช้กำลังมาก ๆ หรือความแม่นยำสูง ๆ เท่านั้น ผมเองซึ่งถนัดซ้ายเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่ถึงอย่างไรเสีย การแกะเชือกออกจากตัว คงใช้มือเดียวทำไม่ได้ง่าย ๆ อยู่ดีนั่นแหละ

หลังจากที่ผมเอาจานเข้าไปเก็บในห้องครัว แล้วกำลังคิดว่า น่าจะพามันไปส่งตำรวจได้แล้วมั้ง ก็ได้ยินเสียงมันเรียกด้วยเสียงอ่อย ๆ

"พี่... พี่ครับ..." มันเรียก
"มีอะไรวะ มึงอย่ามาอ้อนวอนกูให้ยาก ก็ไม่ใจอ่อนกับมึงหรอก" แต่ผมก็ทำอาหารให้มันกิน...
"คือ... แบบ... ผม... เอ่อ... คือ..." มันพูดตะกุกตะกัก
"อะไรวะ!" ผมชักโมโห
"ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม ผมปวดอึ ปวดฉี่จะไม่ไหวอยู่แล้ว นะพี่นะ ผมขอล่ะ" ผมพูดรัว ๆ

เอาล่ะสิ ทำไงดีล่ะทีนี้ ถึงผมจะเคยอ่านนิยายซาดิสม์มาโชติสท์มาบ้าง แต่ไอการให้อึฉี่ต่อหน้า แล้วต้องมาทำความสะอาดนี่ ผมรับไม่ไหวแฮะ สุดท้าย ผมเลยต้องแก้เชือกที่ผูกมันกับเก้าอี้ไว้ แล้วผูกเชือกที่ขาให้เดินลำบากหน่อย แล้วไม่ลืมที่จะผูกข้อมือจูงเข้าห้องน้ำสำหรับแขกไป

ผมเปิดประตูห้องน้ำ และปล่อยให้มันทำธุระส่วนตัวไป และเฝ้ามองเป็นระยะ ๆ กลัวว่ามันจะแกะเชือกหนี มันคงอายอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น แต่ช่างมันสิ เวลามันหน้าแดงก็น่ารักดีออก

ระหว่างที่รอมันทำธุระอยู่ ผมหยิบข้าวของ ๆ มันมากองไว้ที่ในห้องรับแขก ผมก็ค้นกระเป๋าของมันไปพลาง ในกระเป๋าสตางค์มันมีเงินอยู่แปดสิบบาท และธนบัตรใบสิบบาทรุ่นเก่า และใบห้าสิบบาทรุ่นเก่าที่ถูกพับเก็บอย่างดีซ่อนไว้ข้างในอีกสองใบ ผมดูบัตรประชาชนมัน... "เทวาผู้อยู่เหนือเทวาองค์ใดในเขลางค์นคร" งั้นเหรอ หึหึ อายุแค่สิบหกปีกว่า ๆ แต่กล้าเดินทางคนเดียวมาถึงนคร ก็เก่งใช่ย่อยเหมือนกันนะเนี่ย ผมอดทึ่ง และชื่นชมมันเล็ก ๆ ไม่ได้

นอกจากนี้ยังมี เสื้อผ้าสองสามชุดเริ่มมีกลิ่นอับ ๆ คงไม่ได้ซักล่ะมั้ง กับของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย ก็มีส่วนของที่มันขโมยผมมา เป็นปากกาที่ดูมีราคาหน่อย มือถือรุ่นเก่าอีกเครื่อง ที่ผมเก็บเป็นเครื่องสำรองเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แว่นตากันแดด เงินประมาณสองพันบาทที่ผมมักเก็บไว้ในบ้านเผื่อฉุกเฉินเช่นกัน มีดพกเล่มหนึ่ง ที่มันคิดจะใช้แทงผมเมื่อคืน ตอนแรกผมคิดว่าเป็นมีดของมัน แต่แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นมีของผมเอง กลับกลายเป็นว่า ของที่ผมคิดจะเก็บไว้ใช้ป้องกันตัวกลับเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายผมเสียเอง ดีนะที่เป็นแค่มีด จะว่าไปมีดเล่มนี้ไม่มีค่างวดอะไรมาก แต่เป็นของที่เดชให้ผมมา มันจึงเป็นของสำคัญอีกชิ้นนึงของผม เท่าที่ดูมันเลือกของชิ้นเล็ก ๆ เพื่อที่จะพาออกไปได้ง่าย ๆ และขายออกได้ง่าย ๆ โดยไม่มีใครสงสัยเสียมากกว่า

"พี่..." ไม่ทันที่ผมจะค้นของให้กระเป๋าจนทั่ว ไอ้โจรน้อยก็เรียกผมเสียก่อน มันคงทำธุระของมันเสร็จแล้วกระมัง
"มีไร" ผมถามกลับไป
"ผมเสร็จแล้วพี่" มันตอบกลับมา แล้วผมควรเอาไงต่อดีล่ะทีนี้ มีอะไรสนุก ๆ ให้ทำอีกไหมหว่า หรือจะพาส่งตำรวจเลยดี ผมครุ่นคิดอยู่พักนึงก็ได้ไอเดียมาอีกอย่าง

"งั้น ไปนั่งรถเล่นกันมะ กูไม่คิดว่าจะมีคนมาอยู่เพิ่ม ไม่ได้เตรียมกับข้าวไว้หว่ะ" ที่จริง ผมมีของในตู้เย็นเหลือพอที่จะกินได้สักสองสามวันเลยล่ะ เพียงแต่ผมอยากลองอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาก็เท่านั้น
"ครับ..." มันตอบรับอย่างผู้ปราชัย สงครามครั้งนี้ ผมไม่มีทางพลาดพลั้งแน่ ๆ

ผมพาตัวมันทั้งที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้า แล้วจับมันมัดไว้กับเบาะที่นั่ง มันไม่มีท่าอิดออดใด ๆ คงยอมจำนนต่อผมแล้วกระมัง หรือไม่มันอาจจะเป็นพวกมาโชติสท์ ที่ชอบให้ทรมานก็เป็นได้ เพราะเหมือนกับว่าควยมันจะแข็งขึ้นหน่อย ๆ เสียด้วยซ้ำ

ผมขับรถช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ มีผู้คน และบ้านเรือนอยู่ไม่มากนัก เพราะเป็นชนบท ผมใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงตลาด เพราะขับรถอ้อมไปทางโน้นทีทางนี้ที ทั้งที่ตลาดนั้นห่างจากบ้านผมแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางเจ้าโจรหนุ่มก็นั่งนิ่งเงียบมองข้างทางเป็นระยะ ๆ รวมทั้งคอยก้มหลบบ้าง เมื่อมีใครมาใกล้ ๆ รถ

เมื่อถึงตลาด ผมก็จอดรถในบริเวณที่ผู้คนมักจะเดินผ่านพร้อมกับบอกมันว่า จะตะโกนให้ใครช่วยก็ได้นะ ถ้าไม่อาย และคิดว่า จะมีคนมาช่วยจริง ๆ หน่ะ แล้วผมก็ลงจากรถไป

อันที่จริง รถผมติดฟิล์มหนาพอสมควร หากไม่เข้าไปส่องมองใกล้ ๆ ก็มองไม่เห็นข้างในหรอก ผมจึงมั่นใจว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นคนที่อยู่ในรถเป็นแน่

ผมเดินไปซื้อแกงถุงจากแม่ค้าเจ้าประจำของผม และยืนคุยอยู่นาน ก่อนจะเดินไปทักคนโน้นทีคนนี้ที เพื่อถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ พอผมเดินกลับมายังรถ ก็แกล้งมันด้วยการเปิดประตูฝั่งคนนั่ง ออกแป๊บนึง แล้วปิดกลับ มันตกใจใหญ่ ทำเอาผมหัวเราะคิก แล้วไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วขับรถกลับบ้าน คราวนี้ผมขับตามเส้นทางปกติ เพื่อให้มันรู้ว่า ขาไปผมก็แกล้งมันอีกเช่นกัน

ระหว่างทาง ผมหันไปดูควยมันเป็นระยะ เหมือนควยมันจะแข็งขึ้นอย่างที่ผมคิด และหน้ามันก็แดงขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนของผมหน่ะ มันแข็งรออยู่ตั้งนานแล้ว แต่ผมก็ยังควบคุมตัวเองได้อยู่ การมีเซ็กส์กับเยาวชนนี่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเกินไป ผมยังเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองอยู่นะ

"มึงชอบแบบนี้เหรอ ชอบโชว์ ชอบโดนมัดเหรอ" ผมถาม แต่มันไม่ตอบอะไรผม จนมาถึงบ้าน ผมก็แก้เชือกให้มันออกมาจากรถ แต่มันอาศัยช่วงที่ผมเผลอ วิ่งหนีเข้าไปในสวนมะพร้าว ที่มันยอมนั่งในรถเงียบ ๆ คงจะคิดหาวิธีหนี และมองเส้นทางเพื่อจะได้รู้ทางหนีทีไล่นี่เอง ประมาทไม่ได้เลยจริง ๆ เด็กคนนี้

"แหม มึงจะไม่หมดฤทธิ์อีกนะ" ผมสบถออกมา ผมน่าจะพามันไปหาตำรวจเสียตั้งแต่ทีแรก จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไล่จับมันอีกครั้งแบบนี้ ผมคว้าเชือกที่วางอยู่ใกล้ ๆ แล้ววิ่งไล่ตามมันไป มันคล่องแคล่วเหลือเชื่อเลยแฮะ วิ่งซ้ายทีขวาที หลบหลังต้นมะพร้าวต้นโน้นต้นนี้ จนผมต้องเหนื่อยหอบ ไม่ได้วิ่งเยอะ ๆ แบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน แต่ถึงยังไงเสีย เด็กอย่างมันก็ยังวิ่งเร็วสู้ผมไม่ได้ อย่างน้อยช่วงขาผมก็ยาวกว่าล่ะ จนสุดท้ายผมก็วิ่งทันมัน คว้าตัวมันไว้ได้ กดมันลงกับพื้น เราทั้งคู่มะรุมมะตุ้มชกต่อยกันอยู่พักใหญ่ ผมไม่อยากจะทำร้ายอะไรเด็กคนนี้มาก ขอแค่จับให้อยู่ก็พอ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชกต่อย ข่วนกัดผมไม่ยั้ง ผมหลบได้บ้าง โดนบ้างแล้วแต่โชค จนผมเผลอหรือจงใจต่อยมันที่ท้องไปสองทีซ้อน มันร้องอ๊ากเสียงดัง แล้วล้มลงนอนตัวงอน้ำตานองหน้า

มันทำให้ผมเหนื่อย เจ็บตัว มันทำให้ผมเหลืออดกับมันเต็มที สติสัมปชัญญะผมขาดหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ผมใช้เชือกที่ถือติดมือมา มัดมันไว้ ถอดเสื้อมามัดปากมันไว้ อุ้มมันขึ้นไปบนห้อง ศีลธรรมจรรยาที่ผมเคยยึดถือขาดลงแล้ว ผมจับมันนอนคว่ำ จับมือทั้งสองแยกออกจากกันแล้วมัดแต่ละข้างไว้กับขาเตียงแต่ละด้าน ยกก้นมันขึ้นพร้อมทั้งมัดขามันเอาไว้ ไม่ให้มันอ้าหรือหุบได้มากกว่าที่ผมทำไว้ ตอนนี้มันถูกมัดหัวแนบกับหมอน แต่ก้นตั้งโด่ขึ้นมา ขยับไปไหนไม่ได้ หูตาผมอื้ออึงไปหมด ผมไม่สนความผิดชอบชั่วดีอะไรทั้งสิ้นแล้ว ผมจำได้เพียงลาง ๆ ว่า

"พี่ ๆ พี่ขอโทษ พี่ปล่อยผมไปเถอะนะ" มันพูดทั้งน้ำตา มันขอร้องอ้อนวอนผม
"มึง ไอ้สัตว์ มึงทำกูเจ็บขนาดนี้ มึงยังจะให้กูปล่อยอีกเหรอวะ ทีแรกกูว่าจะสั่งสอนมึงนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วให้ตำรวจส่งมึงกลับบ้านไป แต่ตอนนี้มึงทำกูแสบมาก มึงต้องตาย..."

มันยังร้องอ้อนวอนด้วยเสียงอู้อี้เพราะผ้าที่คาดปากอยู่ หากแต่ผมไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้ว ผมไม่แคร์อะไร ก็แค่ได้แก้แค้นให้สาสมกับที่มันทำผมก็พอ

ผมถอดกางเกงตัวเองออกแล้วก็พยายามยัดควยของผมเข้าไปในก้นเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย แต่มันไม่เข้า แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม ผมค้นลิ้นชักที่อยู่หัวเตียง หยิบเควายออกมา แต่พอเห็นถุงยาง ผมก็ฉุกคิดขึ้นมานิดนึงว่า ควรจะป้องกันตัวไว้สักหน่อยท่าจะดี ถึงมันจะเก่าไปหน่อย แต่ยังไม่หมดอายุ ผมเก็บของพวกนี้เอาไว้ เผื่อว่าสักวันผมจะพาใครมาที่นี่แล้วเริงรักกันให้สมอยาก แต่ผมกลับไม่เคยทำเลยสักครั้ง...

ผมสวมถุงยางให้กับตัวเองแล้ว ใช้นิ้วทาเควายสอดเข้าไปในรูตูดของเด็กหนุ่ม มันแน่นกระชับยิ่งกว่าที่คิดไว้ ผมพยายามขยายรูมัน จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว แล้วพูดกับมันว่า "ชอบไหม เสียวไหม มันล่ะสิ" แต่ผมไม่ได้สนใจหรอกว่า มันจะตอบว่าอะไร แต่ถ้าจะให้ผมเดา มันคงทรมานมากกว่าเสียว แต่ผมไม่สนหรอก

เมื่อมันผ่านเข้าไปได้สามนิ้ว ผมก็ยัดควยผมเข้าตูดมันอีกครั้ง คราวนี้มันเข้าได้ แม้จะไม่ได้ง่ายนัก ผมกระหน่ำทำอย่างรุนแรง โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดแค่ไหน รูก้นมันตอดรัดท่อนลำของผมอย่างดี แต่ผมก็อดกลั้น และพยายามทำให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเสียวเกินไปผมก็ผ่อนแรง ผ่อนความเร็วลง จะได้ระดับหนึ่งผมก็เร่งเครื่องขึ้นไปใหม่ ทำแบบซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ จนสุดท้าย ผมทนไม่ไหว ก็ปลอดปล่อยน้ำว่าวที่คั่งค้างมานานเข้าไปในรูตูดเด็กหนุ่มผู้นั้น มันสะใจผมยิ่งนัก


แต่เมื่อความเงี่ยน และความโกรธจางหายไป สติผมก็กลับมา ผมค่อย ๆ ดึงควยพร้อมถุงยางที่เต็มไปด้วยน้ำอสุจิ มันเคลือบด้วยรอยเลือดจาง ๆ แต่บนผ้าปูที่นอน มีหยดเลือดหยดอยู่หลายจุด และยังมีรอยเลือดไหลออกมาจากรูก้นของหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้า ทั้งมือและข้อเท้าเริ่มมีสีเขียวคล้ำขึ้น ไม่รู้ว่าผมรัดแน่นไป หรือเพราะมันเองดิ้นจนทำให้เชือกรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ หนุ่มน้อยผู้นี้สลบไปแล้ว หากแต่จะยังโชคดีอยู่บ้าง ตรงที่ยังมีลมหายใจอยู่ ผมรีบแกะเชือกออกจากจากแขนขามันอย่างรวดเร็ว เลือดค่อย ๆ ไหลเวียนจนไม่น่าเป็นห่วง แต่ยังคงเห็นรอยเชือกชัดเจนอยู่ ใจหนึ่งผมอยากจะปลุกเด็กคนนี้ขึ้นมาขอโทษ แต่อีกใจผมก็กลัวเกินไป หรือการปล่อยให้เด็กคนนี้นอนไปอย่างนี้ก่อนน่าจะดีกว่ากันแน่ ผมสับสนไปหมด ผมรู้สึกผิดอย่างมาก ที่ปล่อยให้ด้านมืดเข้าครอบงำตัวเองอีกครั้ง ผมทรุดลงกับพื้นข้างเตียง นั่งพิงฝาผนังอย่างเหม่อลอยอยู่นาน ในหัวผมบางครั้งก็ว่างเปล่า บางครั้งก็วุ่นวายสับสนไปหมด บางครั้งผมก็คิดว่า เด็กคนนี้อาจจะแค่แกล้งหลับเพื่อให้ผมตายใจ และหาทางหนีไปก็ได้ หรือต่อให้เขาลุกขึ้นมาทำร้ายผม ผมก็ยอม ผมจะไม่ตอบโต้อะไรอีก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น หรือมันจะสลบไปจริง ๆ กันแน่ ผมควรทำยังไงดีกับเรื่องนี้ ผมควรทำยังไงถึงจะถูก...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-7-30 20:20:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กระทำให้ผู้อื่นอับอายต่อหน้าธารกำนัล ถือเป็นความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนั่งพันบาท หรือทั้งจำและปรับ

กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สีปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

กระทำอนาจารต่อบุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-2 08:22:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
pipi1 ตอบกลับเมื่อ 2014-8-1 22:45
มาเร็วนะครับตอนต่ยไปจะคอยอยู่ครับ ...

น่าจะประมาณวันจันทร์วันอังคารนะครับ สามวันนี้ติดงานครับ แฮ่ะ ๆ

นิสิตสัมพันธ์

โสด อยากมีแฟนนะ

กระทู้
430
พลังน้ำใจ
19444
Zenny
111403
ออนไลน์
1375 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-8-2 23:21:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เอ๊ะ แนวเซ็กหรือเปล่าวครับ บทที่ 2 เริ่มมีเล่าเกี่ยวกะท่วงท่าการมีเซ็กแล้ว

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-3 07:56:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
zantiga ตอบกลับเมื่อ 2014-8-3 00:21
เอ๊ะ แนวเซ็กหรือเปล่าวครับ บทที่ 2 เริ่มมีเล่าเกี่ยว ...

มีแค่ไม่กี่ตอนแหละครับ ผมไม่ชำนาญด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่อยากลองเขียนบทอัศจรรย์บ้าง

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
1402
Zenny
772
ออนไลน์
230 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-8-6 06:52:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค้าบบบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-10 10:10:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ช่วงนี้มีงาน และมีเรื่องต้องคิดนึดหน่อยนะครับ อภัยที่ตอนต่อไปมาช้า ถ้าเคลียร์ปัญหาได้ แล้วจะมาโพสต์ต่อนะครับ หวังว่าจะไม่นาน :)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-11 18:33:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 3: ความทรงจำ

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้น ตอนเข้ามาผมไม่ได้ปิดประตูห้องนอน เสียงภายนอกจึงเข้ามาได้ สติผมเริ่มกลับมา ผมหยิบกางเกงขาสั้นที่ถอดโยนไว้เมื่อกี้มาใส่อย่างลวก ๆ แล้วเดินลงไปเปิดประตูหน้าบ้าน

"ว่าไงน้าบน" ผมถามขึ้น เมื่อพบหน้ากัน แต่สีหน้าน้าบนแปลก ๆ เหมือนจะงง ๆ กับการแต่งตัว หรืออาการแปลก ๆ ของผมก็ไม่แน่
"เอ่อ... อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเห็นรถจอดอยู่ คิดว่า คุณแทนกลับมาบ้าน เลยจะเอาเงินค่ามะพร้าวที่ขายได้มาให้หน่ะครับ" น้าบนบอกจุดประสงค์ชองเขา ผมรับเงินมา แล้วแบ่งส่วนหนึ่งกลับไปให้
"อันนี้เป็นค่าจ้างของน้านะ ขอบคุณมาก อ้อ ขอบคุณที่มาตัดหญ้าให้ด้วยนะครับ แล้วมีอะไรอีกไหมครับ" น้าบนรับเงินไป ทำท่าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามผม
"เอ่อ ขอบคุณนะครับ เอ่อ... ไม่มีแล้วครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ" น้าบนบอกลาผม แล้วเดินออกไป ก่อนจะหันกลับมาดูผมอย่างสงสัยอีกรอบ แล้วเดินพ้นหน้าบ้านผมไป

"น้าแกเป็นอะไรของแกหว่า" ผมบ่น เกาหัวแกรก ๆ อยู่คนเดียว

เจอเรื่องเครียด ๆ แบบนี้ ผมคิดว่า ไปอาบน้ำสักหน่อย น่าจะดีขึ้น แต่ผมไม่กล้าเดินขึ้นไปอาบน้ำในห้องชั้นบน ผมเลยเข้าไปอาบน้ำในห้องสำหรับแขกที่อยู่ชั้นล่างแทน ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่า ทำไมน้าบนถึงทำสีหน้าแปลก ๆ อย่างนั้น กางเกงสีฟ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้มีรอยดิน และรอยเศษหญ้าเลอะเทอะไปหมด นอกจากรอยแผลที่สีข้าง แล้ว ยังมีรอยกัดรอยข่วนเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นที่อก ที่ท้อง หรือแม้แต่แขน แม้จะรู้สึกแสบนิด ๆ ที่รอยแผลเวลาโดนน้ำโดนสบู่ แต่มันคงไม่เจ็บปวดเท่ากับที่ผมทำกับเด็กน้อยคนนั้นหรอกมั้ง ผมเดินไปหยิบเสื้อห่านคู่สีขาว ตัวบาง ๆ สำหรับเอาไว้ให้แขกใส่ยามจำเป็น แล้วหยิบกางเกงเลมาอีกตัวใส่ไปพลาง ๆ ก่อน เพราะผมยังไม่กล้าขึ้นไปชั้นบน

ตอนนี้บ่ายคล้อยแล้ว ผมชักหิว เพราะเสียแรงไปเยอะ ผมออกไปหยิบข้าวแกงที่ซื้อมาจากตลาด แม้ว่ามันจะเป็นแกงเผ็ดที่รสจัดจ้านตามสไตล์คนใต้ แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันสักเท่าไหร่นัก ผมกินแค่พอหายหิว แล้ววางแกงที่เหลือทิ้งไว้อย่างนั้น หลังจากได้กินอะไรนิดหน่อยแล้ว ผมทำใจกล้า ฝืนขึ้นไปดูในห้องนอนของผม เด็กหนุ่มคนนั้นยังนอนหลับ หรือไม่ก็ยังสลบอยู่อย่างนั้น มีเพียงหน้าอกที่เคลื่อนไหวช้า ๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่ ผมถึงได้โล่งใจขึ้นมาอีกหน่อย

ผมลงมาเก็บกวาดข้าวของต่าง ๆ ที่ถูกรื้อระเกะระกะ ข้างล่างให้เรียบร้อยอยู่เป็นเวลานาน เพราะผมไม่ชอบให้อะไรรก ๆ ระหว่างนั้น ผมก็ขึ้นไปดูเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นระยะ ๆ หากแต่เขาก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา จนเวลาใกล้ค่ำ ผมกลับไปค้นกระเป๋าของหนุ่มน้อยคนนั้นอีกครั้ง เพื่อดูว่ายังเหลืออะไรอยู่บ้างที่เป็นของผม และเก็บของของมันใส่กระเป๋ากลับไป แต่แล้ว ผมก็พบเข้ากับกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องหนึ่ง กล่องที่มันเคยถูกเก็บอยู่ในส่วนลึกสุดของลิ้นชักที่เต็มไปด้วยเอกสารที่ไม่มีความสำคัญใด ๆ ในโต๊ะทำงานของผม กล่องที่ผมไม่อยากจะเห็นมันอีก แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะเอามันไปทิ้ง หรือเก็บไว้ที่อื่นนอกจากที่บ้านแห่งนี้ กล่องที่เต็มไปด้วยความสุข และความเจ็บปวดกล่องนี้ หรือนี่คือบทลงโทษของการกระทำทั้งหมดของผมในวันนี้

ผมหยิบกล่องกำมะหยี่กล่องนี้ออกไปหน้าบ้าน นั่งห้อยขาบนที่นั่งบริเวณหน้าบ้าน หันหน้ามองทะเลอันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า แล้วก็เปิดกล่องกำมะหยี่ออกมาดู ภายในยังมีแหวนเงินสองวงอย่างที่มันควรจะเป็น แหวนเงินแท้ 999.9 ที่เรียบไร้รอยสลักใด ๆ นอกจากส่วนหนึ่งของแหวนถูกเจาะเป็นช่อง สำหรับฝังเพชรที่ทำให้มันเรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวน เพชรที่ฝังไว้นั้น หากใครสังเกตจะรู้ว่ามันเป็นตัวอักษรรูนโบราณของชาวนอร์สที่ชื่อว่า 'เจรา' ซึ่งแปลว่า ฤดูแห่งการเก็บเกี่ยว อันหมายถึง ช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ 'เรา' ช่วยกันเลือก...

เมื่อผมเห็นแหวนน้ำตาผมก็ไหลออกมา พร้อมกับวันวานในอดีตที่ย้อนกลับมาหาผมอีกครั้ง วันวานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขที่เหมือนจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันทร์ หากแต่สุดท้ายมันก็พังทลายลงไป แล้วกลายเป็นความโศกเศร้าที่ไม่อาจจะลบเลือนออกไปจากใจผม แม้ว่าผมจะพยายามฝังมันไว้ในก้นบึ้งแห่งจิตใจลึกแค่ไหนก็ตาม เพียงมีใคร หรืออะไรมาสะกิดเพียงเบา ๆ มันก็พร้อมกลับมาทำร้ายผมได้อีกครั้งเสมอ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การสะกิด แต่เป็นเหมือนการเอาก้อนหินขนาดยักษ์ปาใส่หน้าผมเสียด้วยซ้ำ...

เมื่อหกปีก่อน ผมกลับมาถึงบ้าน ปรากฎว่ามีลุงเชิดเพื่อนรักเพื่อนสนิทของพ่อผมนั่งเสวนาอย่างออกรสอยู่กับพ่อผม ผมทักทายลุงเชิดนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกไปบ้านหลังเล็กซึ่งเป็นบ้านพักของผม แล้วก็เจอเข้ากับผู้หญิง ผมยาว ผิวเหลืองค่อนไปทางขาวคนหนึ่งกำลังชื่นชมอยู่กับต้นไม้ใบหญ้าในสวนที่ผมเป็นคนปลูกเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ผมคุ้นตาเป็นอย่างมาก เลยเข้าหมายจะไปทักใกล้ ๆ แต่สาวเจ้าดันหันมาเห็นผมเสียก่อน

"ดีค่ะพี่แทน ไม่เจอกันนานเลย" เธอทักผมด้วยรอยยิ้ม และความดีใจ
"อ้าว นุ่น มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย ไหนว่าจะอยู่สิงคโปร์ แล้วทำงานที่นั่นเลยไง" ผมถามเธอ แต่ผมก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยยังเด็กอีกครั้งเช่นกัน

สมัยเด็ก เราเล่นด้วยกันบ่อย ๆ จนเด็กรุ่นเดียวกันหาว่าผมกับเธอเป็นแฟนกัน ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น เราไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้ด้วยกันทั้งหมด นุ่นมักโดนแกล้งจากเหล่าเด็กชายคนอื่น ๆ และผมก็มักจะทำตัวเป็นฮีโร่คอยช่วยเหลือเธอเป็นประจำ ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอคือลูกสาวของเพื่อนสนิทของคุณพ่อของผมนั่นเอง

หลังจากที่เราทักทายกันก็นั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้มากมายด้วยเสียงหัวเราะ และสนุกสนาน จนถึงเวลาอาหารค่ำ ผมชวนนุ่นไปทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้าน พร้อม ๆ กับพ่อแม่ ลุงเชิด และป้าเขียน แม้ว่าวันนี้มันจะดูแปลก ๆ และพิเศษไปกว่าปกติ แต่ตอนนั้น ผมกลับคิดว่า คงเป็นการเลี้ยงตอนรับนุ่นที่กลับมาล่ะมั้ง

หลังจากทานอาหารกันเสร็จ พ่อก็เรียกให้ผมกับนุ่นเข้าไปคุยกันในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

"คือ จริง ๆ พ่อควรจะบอกแกตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ แต่พ่อก็เห็นแกยังไม่มีใครเป็นพิเศษก็เลยเก็บเงียบมาตลอด" พ่อผมเริ่มพูดแปลก ๆ ทำให้ผมกังวลเล็กน้อย
"คือ พ่อ กับลุงเชิด พ่อของนุ่น ได้ตกลงกันไว้ว่า หากแกอายุครบ 25 ปีแล้วยังไม่มีแฟน ลุงเชิดจะให้แกมาแต่งงานกับหนูนุ่นลูกสาวของแก" พ่อพูดต่อ
"แต่ว่า... คือ ผม..." ผมอึกอักลำบากใจ
"มีอะไรรึ พ่อก็เห็นแกชอบพอกับนุ่นเขาอยู่ไม่น้อย เมื่อกี้ก็ยังคุยกันกระนุงกระหนิง นุ่นเองก็มีใจให้แกอยู่ ใช่ไหม" พ่อหันมาทางนุ่น แต่เธอนั่งเงียบ หน้าแดงเขินอายอยู่ตรงนั้น
"แต่ว่า..." ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนุ่นหรอกนะ เธอเป็นผู้หญิงที่ดี สวยด้วย แต่ผมคิดว่า ผมเป็นเกย์ ผมไม่ควรจะทำแบบนี้ มันเป็นการทำร้ายนุ่นเองเปล่า ๆ
"ชั้นขอแกแค่นี้ แกให้ชั้นไม่ได้รึไง ตลอดที่ผ่านมา แกอยากได้อะไร อยากทำอะไร ชั้นทำให้แกทุกอย่าง แล้วนี่แกจะปฏิเสธงั้นรึ" พ่อผมงัดท่าไม้ตายมาใช้ทันทีที่เห็นว่าผมมีท่าทีจะปฏิเสธ
"เอ่อ... ก็ได้ครับ แต่ว่า ผมขอลองคบกันดูก่อนได้ไหม ถ้าไปด้วยกันได้จริง ๆ ก็ตามใจพ่อ แต่ถ้า... เอ่อ เราเข้ากันไม่ได้ ก็ยกเลิกเรื่องนี้นะครับ" ผมต่อรอง พ่อผมทำท่าจะขึ้นเสียงใส่ผม แต่ลุงเชิดกลับตอบตกลงตามที่ผมขอเสียก่อน เป็นอันรอดตัวไป

ตอนแรก ผมก็คิดจะหาทางที่จะทำให้เธอไม่ชอบผมอยู่หรอก แต่นุ่นเป็นคนน่ารัก และใจเย็นเอามาก ๆ เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี วิธีที่ผมสรรหามา เทือบจะทำให้เธอโกรธเคืองไม่ได้เลย จนเวลาผ่านไป เราได้ใกล้ชิดกัน พบปะกันบ่อยขึ้น เที่ยวด้วยกันบ่อยขึ้น แม้จะเป็นการบังคับกลาย ๆ จากฝ่ายพ่อผมเสียเป็นส่วนใหญ่ จนระยะหลังผมเริ่มชอบเธอขึ้นมาจริง ๆ ไม่ใช่สิ เรียกว่ารักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยดีกว่า เราเข้ากันได้ดีในหลาย ๆ เรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ ทะเลาะกันบ้าง เถียงกันบ้าง ง้องอนกันบ้าง แต่เราก็ยังรักกันอยู่ มันทำให้ผมลืมเดชไปเสียสนิท และคิดว่านี่แหละ รักแท้ที่ค้นหามานาน จนสุดท้าย ผมขอเธอแต่งงาน

ก่อนที่จะถึงงานหมั้น แม่เข้ามาถามผมว่า "ลูกคิดดีแล้วหรือ แน่ใจแล้วนะ" ผมไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่แม่ต้องการจะสื่อมากนัก แต่ด้วยความรักที่ผมมีต่อนุ่น ผมจึงตอบด้วยความมั่นใจว่า "ครับ ผมมั่นใจว่านุ่นคือรักแท้ของผม" แม่ผมเหมือนจะอึ้งกับคำตอบของผม ก่อนจะยิ้มให้แล้วกอดผมไว้ด้วยความรัก

ผมกับนุ่นหมั้นกันไว้ก่อน เพราะผมต้องเตรียมเรือนหอ แม้ว่าพ่อบอกว่าอยู่ที่บ้านหลังเล็กก็ไม่เสียหายอะไร แต่งกันก่อนแล้วค่อยสร้างบ้าน แล้วค่อยย้ายไปอยู่กันทีหลังก็ได้ แต่ผมมองว่า โอกาสที่จะเป็นแบบนั้นเกิดขึ้นได้ยาก อีกทั้งนุ่นบอกว่าอยากได้บ้านริมทะเล ผมจึงอยากจะทำให้เธออย่างที่เธอต้องการ และอีกอย่าง ผมก็อยากได้บ้านริมทะเลเหมือนกัน

ผมให้ลุงเกียรติเพื่อนสนิทของพ่อผมอีกคนช่วยเหลือเรื่องนี้ ท่านเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดินอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้จึงไม่เกินความสามารถของท่าน ผมได้ตำแหน่งที่ดินที่ประกาศขาย และติดต่อขอซื้ออยู่หลายแห่ง ผมเดินทางไปดูที่ดินเหล่านั้นพร้อมกับลุงเกียรติอยู่หลายแห่ง แต่ไม่เจอที่ดินผืนที่ขอบเลย ลุงเกียรติปลอบใจผมว่า เดี๋ยวก็เจอสักที่ที่ถูกใจเองแหละ ไม่ต้องรีบร้อน

จนวันนึงผมคิดว่า ผมน่าจะลองตระเวนขับรถหาดูบ้าง เผื่อจะเจอสักที่เหมาะ ๆ แล้วให้ลุงเกียรติไปติดต่อซื้อเขาดู ผมขับรถตามเส้นทางเรียบชายหาดมาเรื่อย ๆ จนเจอที่แห่งหนึ่ง มีป้ายประกาศขายอยู่ แต่ไม่มีเบอร์อะไร ผมเดินไปถามคนละแวกนั้น จนเขาบอกบ้านหลังที่ประกาศขายที่ดินให้ เนื่องจากผมไม่ถนัดเรื่องนี้ กลัวทำอะไรผิดพลาดไป ผมเลยโทรไปบอกลุงเกียรติให้จัดการให้ผมแทน และกำชับลุงเกียรติว่า อย่ากดราคามากนัก เอาให้อยู่ในระดับราคาที่ดินบริเวณนี้ทั่ว ๆ ไปก็พอแล้ว ซึ่งลุงเกียรติก็รับปากผมด้วยความเต็มใจ

ผลปรากฏว่า เจ้าของที่เขายินดีจะขายให้ แต่ขอราคาสูงกว่าราคาที่ดินบริเวณนั้นนิดหน่อย โดยอ้างว่า มีสวนมะพร้าวที่พร้อมจะให้ผลิต ผมเห็นว่าราคาพอรับได้ก็ตกลงซื้อขายกัน เมื่อถึงวันทำสัญญา เจ้าของที่พบกับผมก็ตกใจ แล้วบอกว่า "ถ้ารู้ว่าเป็นคุณแทนจะลดราคาให้ตามที่ขอไปแล้ว" แต่ผมปฏิเสธไป เขาก็ขอบคุณผม และบอกว่าจะมาช่วยดูแลที่ให้ ผมเลยขอให้แกช่วยทำป่าสนให้มันรถน้อยลงกว่าเดิมสักหน่อย แต่อย่าโค่นต้นไม้ใหญ่นะ ผมเสียดาย ซึ่งแกก็รับปากผมด้วยความเต็มใจ

ระหว่างเดินทางกลับ ผมยื่นซองซึ่งเป็นเงินค่านายหน้าให้แก่ลุงเกียรติ และก็เหมือนเคย ท่านปฏิเสธเงินของผม

"ลุงรับไว้ไม่ได้หรอก พ่อลูกรู้ ลุงโดนเหน็บตายเลย ถือว่าเป็นของขวัญวันแต่งงานก็แล้วกัน"
"ถึงลุงไม่รับไว้ตอนนี้ ผมก็มีวิธีทำให้ลุงรับมันอยู่ดี อย่าทำให้ผมเสียเวลาคิด เสียเวลาทำเลยนะ รับไปเถอะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้นนิดหน่อย ลุงเกียรติจึงรับซองเงินไป และขอบคุณผมที่มาส่งที่บ้าน

หลังจากได้ที่ดินมา ผมพานุ่นมาดูที่ เธอชอบมันมากอย่างที่ผมคิดไว้ เพียงแต่บ่นนิดหน่อยว่า ที่ทางมันออกจะรกไปหน่อย โดยเฉพาะป่าสนฝั่งขวามือ แต่เจ้าของที่คนเดิมเขารับปากผมไปแล้ว ก็คงไม่มีปัญหาอะไร หลังจากดูที่เสร็จ เราก็ช่วยกันออกแบบบ้าน ผมขอเป็นบ้านสองชั้น ห้องนอนด้านบนสามห้อง และพื้นที่สำหรับนั่งเล่นเล็ก ๆ อีกหนึ่ง และมีด้านฟ้าเล็ก ๆ อีกส่วน ส่วนชั้นล่างขอเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องครัว ห้องทำงาน และห้องว่าง ๆ ที่ใหญ่เป็นพิเศษ สามารถนอนกันได้หลายคนหน่อย และขอห้องน้ำในตัวในทุกห้องนอน ส่วนการตกแต่ง ผมยกให้เธอ

นุ่นสงสัยว่า ทำไมผมต้องการห้องว่าง ๆ ที่นอนได้หลายคนด้วย ผมตอบไปว่า เผื่อมีกิจกรรมอะไร แล้วจะได้มีที่พักกัน เธอก็เห็นด้วย และเลือกการตกแต่ง กับแก้ไขแบบบ้านให้ออกมาอย่างที่เราทั้งคู่พอใจ โดยไม่ลืมทำชั้นเก็บของขนาดใหญ่ในห้องว่าง ๆ ของผม สำหรับเก็บของ กับเครื่องนอนด้วย

หลังจากเขียนแบบบ้านกันคร่าว ๆ เราก็เอาไปให้สถาปกนิกที่รู้จักดู และให้เขาปรับปรุงให้อีกหน่อย เขาแนะนำผมให้ทำโรงรถ และใช้มันเป็นพื้นที่เก็บเครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา เราก็ตอบตกลงไป

หลังจากได้แบบบ้านมา ผมก็ไปว่าจ้างบริษัทรับเหมาที่ไว้ใจได้ให้มาสร้างให้ แต่ผมเข้ามาดูงานเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มันได้คุณภาพ และเป็นอย่างที่เราต้องการจริง ๆ จนบ้านของเราเสร็จ นุ่นเป็นคนเลือกของที่จะมาตกแต่งอะไรเองทั้งหมด โดยถามความเห็นผมในบ้างเรื่อง โดยเฉพาะห้องทำงาน ซึ่งผมขอเป็นห้องส่วนตัวของผม ส่วนห้องครัวก็เลยเป็นห้องส่วนตัวของเธอไปโดยปริยาย นุ่นทำอาหารเก่ง และอร่อยมาก บอกตามตรง ผมหลงใหลในรสมือเธอมาก ๆ

งานแต่งงานของผม จัดขึ้นที่เรือนหอหลังที่พึ่งสร้างเสร็จ และตกแต่งเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันแต่งงานมาถึง มีผู้คนที่เป็นแขกมากันมากมาย แต่ผมเองก็มีเพื่อนสมัยเรียนหลายคนมาช่วยดูแลเพิ่มเติมจากที่ผมจ้างมา คนแถวนี้มางานผมกันหลายคน ผมพยายามให้งานแต่งนี้ออกมาดีที่สุด เพราะผมรู้ดีกว่า นี่คือความภูมิใจของใครหลาย ๆ คน รวมทั้งนุ่น ผู้ที่จะเป็นภรรยาของผมในไม่กี่ชั่วโมงนับจากนี้

เดช ทศ และโชคมาช่วยงานผมอย่างเต็มที่ ประหนึ่งมือซ้ายมือขวาของผม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนค่ำแขกเหรื่อหลายคนยุให้ผมขึ้นไปร้องเพลงบนเวที แทนนักร้องที่เราจัดมาแสดง ผมปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ ผมเลยขึ้นไปร้องเพลง "I Do (Cherish You) ของ 90 degree" ส่วนนุ่นร้อง "Lover's Concerto ของ Kelly Chen" เนื่องจากมันเป็นเพลงฝรั่งนุ่นกับผมเลยร้องเพลง "แต่ปางก่อน ของ อ๊อด คีรีบูน กับ โอ ปุยฝ้าย" คู่กันแถมให้อีกเพลง ซึ่งทุกคนก็ชอบใจกันใหญ่ แต่อยู่ดี ๆ เดชก็ขึ้นมาบนเวที และพูดออกไมค์ว่า "ผมมีเพลงเพลงนึงที่จะมอบให้เพื่อนรักผมคนนี้ และนุ่น ผู้เป็นสุดที่รักของเพื่อนผม เพราะผมเห็นว่าตั้งแต่มันเจอนุ่นอีกครั้ง มันก็เป็นแบบนี้มาตลอด"

นักดนตรีเริ่มเล่นเพลงด้วยทำนองเศร้าโศกจนผมหวั่นใจว่ามันจะร้องเพลงอะไร แต่ผ่านไปได้ไม่นาน ทำนองเพลงก็เปลี่ยนไป เดชร้องเพลง "เพ้อ ของ ลาบานูน" ขึ้นมาในทำนองว่าจะแซวผม ทำให้นุ่นยิ้มให้กับความขี้เล่นของเดช ผมแปลกใจไม่น้อยที่มันร้องเพลงแนวนี้ออกมาได้ เพราะเท่าที่รู้ เดชมันถนัดแต่เพลงเพื่อชีวิตอะไรแบบนั้นเสียมากกว่า ผมมารู้ทีหลังจากเจ้าทศว่า เดชมันฝึกร้องเพลงนี้อยู่นานนับเดือนโดยที่ปิดบังเรื่องนี้กับผมไว้ หลังจากนั้นก็มีหลายคนแวะเวียนมาร้องเพลงโน้นเพลงนี้กันเป็นที่สนุกสนาน

เมื่อถึงเวลาเข้าหอ บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่มากันพร้อมหน้า รวมทั้งเพื่อนสนิทของผมอย่าง เดช ทศ และโชค หลังจากที่ผู้ใหญ่เขากล่าวคำอวยพรตามธรรมเนียมจบไป เดชก็ขออวยพรให้พวกเราด้วย ท่าทีของมันทำให้ผมกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็เชื่อมั่นในเพื่อนรักของผมคนนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า ตอนนี้มันเมา...

"ผม เดช ในฐานะเพื่อนของไอ้แทนมันมาตั้งแต่สมัยเรียนปวช.ด้วยกัน แต่..." มันเว้นวรรค
"แต่ เรานั้นไม่ใช่เป็นแค่เพื่อนกันอย่างเดียว มันยังเป็น..." มันหยุดอีกครั้ง
"มันยังเป็นเพื่อนซี้ เพื่อนตายของผมด้วยเช่นกัน วันนี้เป็นวันที่มันมีความสุข ผมก็มีความสุข และดีใจมากที่สุดเช่นเดียวกัน ในที่สุดมันก็มีเมียกับเขาสักที ผมนึกว่ามันจะอยู่เป็นโสดไปทั้งชาติเสียอีก" มีเสียงถอนหายใจเบา ๆ สองเสียงดังมากจากข้างหลัง ส่วนนั้นผมโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
"นุ่น ไอ้แทนมันเป็นผู้ชายที่ดีมาก ซึ่งน้องคงจะรู้อยู่แล้ว พวกมึง เอ่อ พวกคุณทั้งคู่ต้องดูแล และรักษาความรักให้ดี ๆ นะ ขอให้รักยืนยาว ตราบตายจากกันไป พี่ฝากแทนด้วยนะนุ่น" ผมไม่คิดว่าเดชมันจะพูดอะไรซึ้ง ๆ แบบนี้ได้ด้วย วันนี้ผมเห็นเดชในมุมมองที่ต่างออกไปจากวันก่อน ๆ เยอะทีเดียว

หลังจากเข้าห้องหอ ผมกับนุ่นอาบน้ำด้วยกัน และนอนกอดกัน ตอนแรกอยากจะมีอะไรกันด้วยอยู่หรอก แต่มันเพลีย ๆ แล้วก็หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบเที่ยง ผมเห็นนุ่นนอนมองหน้าผมอยู่ และยิ้มให้ ทำเอาผมเขิน อายม้วนไปเลยทีเดียว

ผมลงมาดูข้างล่าง เจ้าของเต้นท์เช่า และวงดนตรีเก็บข้าวของต่าง ๆ ไปเกือบหมดแล้ว และเห็นเดชที่นอนหลับคาโต๊ะ ร่วมกับทศ และโชค ผมเรียกทั้งสามคนขึ้นมา มีแต่โชคคนเดียวที่ตื่นขึ้นมา และบอกว่า เดชมันดื่มเหล้าเป็นน้ำหลังจากที่ผมเข้าหอไปแล้ว และเมาพับหลับคาโต๊ะอยู่ตรงนี้ ส่วนทศ กับมันก็ดื่มไปเยอะเหมือนกัน จะลากเดชเข้าไปนอนในบ้านก็ไม่ไหวเลยนอนมันเสียตรงนี้เลย ผมส่ายหน้าให้กับความบ้าบอของพวกมัน แล้วให้โชคพยุงทั้งทศ และเดชเข้าไปนอนในบ้าน

ความรักของผมกับนุ่นนั้นดูสดใสดี ผมกลับบ้านทุก ๆ เย็นหลังจากเลิกงาน โดยไม่ลืมแวะซื้อดอกกุหลาบสีต่าง ๆ ตามที่ผมชอบมาฝากเธอวันละดอก ทุก ๆ วันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ยกเว้นวันศุกร์ที่จะเป็นกุหลาบสีโอรส เพราะเธอชอบกุหลาบสีนี้เป็นพิเศษ ผมลาหยุดในวันเสาร์ - อาทิตย์เพื่ออยู่กับเธอ และหากช่วงไหนที่งานไม่เยอะนัก ผมจะพานุ่นไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ใครต่อใครที่พบเห็น ต่างอิจฉาในความรักที่มีให้กันของเราสองคน

นุ่นเป็นคนทำอาหารเก่ง และขอให้ผมช่วยทำอาหารเป็นเพื่อนอยู่เสมอ ๆ ผมเลยเรียนรู้การทำอาหารง่าย ๆ จากเธอ เพราะเธอมักจะบอกว่า ผมหน่ะชิมรสชาติอาหารได้แม่นยำ ขาดอะไร ควรเพิ่มอะไร หรือควรมีรสชาติแบบไหน แต่ทำไมถึงทำอาหารไม่เป็นเสียได้ นุ่นเลยพยายามสอนผมทำอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพตามที่เธอชอบ ผมเองแรก ๆ ก็ไม่ชอบนักหรอก แต่หลัง ๆ มาผมก็ชิน และรู้สึกว่าดีที่ได้ดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง แต่ใช่ว่าเราจะกินอะไรแบบนี้กันทุกมื้อหรอกนะครับ ผมเองก็สนุกไปกับการทำอาหาร เพราะได้เห็นรอยยิ้มเวลาที่ผมทำได้ หรือหน้าตาบูดบึ้งที่แฝงความน่ารักเอาไว้ เวลาผมทำแล้วออกมารสชาติไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย มันทำให้เราทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกันด้วย เธอเองก็ทำข้าวกล่องให้ผมมากินตอนเที่ยงเกือบทุกวันเช่นกัน ถ้าเป็นที่ฮือฮาที่สุดในสำนักงานก็คือ ชุดเบนโตะแบบญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้น่ารักสวยงามจนใคร ๆ ต้องอิจฉา และผมก็รู้สึกดีทุกครั้งหากเธอทำข้าวกล่องเป็นชุดเบนโตะให้ และในบางครั้งเธอก็ทำกับข้าวเผื่อทุก ๆ คนในสำนักงานด้วย ก็ถือเป็นลาภปากกันไป

แม้เวลาจะผ่านมาเกือบสามปีแล้ว แต่เราก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน ใช่ว่าผมจะไม่ทำการบ้าน หรือเราทั้งคู่มีความผิดปกติใด ๆ นะ แต่เพราะช่วงจังหวะไม่ดีด้วยกระมัง เราเลยยังไม่มีลูกด้วยกัน อีกทั้งเราก็ไม่ได้รีบร้อนจะมีลูก และอยากให้เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า จนมาวันหนึ่ง นุ่นมีท่าทีต่อผมเปลี่ยนไป แรก ๆ ผมไม่ค่อยใส่ใจท่าทีเหล่านั้นสักเท่าไหร่นัก แต่มันชักจะยังไง ๆ อยู่ เมื่อผมเข้าไปถาม เธอก็บอกเพียงแต่ "เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่แทนหน่ะคิดมาก" ผมว่า ผมเองไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้นหรอกนะ


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-15 13:06:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 4: เกย์

อยู่มาวันหนึ่ง ผมยังจำได้ดี มันเป็นวันอาทิตย์ วันที่นุ่นมักจะออกไปเดินห้าง เพื่อซื้อเสื้อผ้า หรืออะไรตามประสาของสาว ๆ ซึ่งปกติผมมักจะตามไปกับเธอด้วย แต่เธอกลับบอกว่า วันนี้มีนัดกับเพื่อนสาวด้วยกัน ไม่อยากให้ผมนั่งแกร่วอยู่คนเดียว สุดท้ายผมเลยต้องมานั่งแกร่วอยู่บ้านคนเดียวแทน

แต่เหมือนโชคจะเข้าข้าง พลลูกชายของน้าบนแวะหาผม และชวนผมเล่นเกม ซึ่งผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งว่าง ๆ เล่นเกมอยู่คนเดียวล่ะ เราแข่งเกมฟุตบอลที่กำลังฮิตในช่วงนั้นกันอยู่ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นเกมฟีฟ่าสองพันหนึ่งบนเครื่องเพลย์สเตชั่นสองนะ พลแพ้บ้างชนะบ้าง ก็ทับถมกันไป แต่ถ้าเอาเข้าจริง ๆ หากไม่ดวงดีมาก ๆ พลคงยากที่จะชนะผม แต่การที่ผมแกล้งทำเป็นแพ้บ้าง มันช่วยให้เกมสนุกขึ้นเยอะ ผมเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อย

เรานั่งเล่นกันอยู่นานจนลืมเวลา ผมกระเซ้าเหย้าแหย่เจ้าพลที่มันเล่นแพ้ผมไปเรื่อย จนครั้งสุดท้าย ผมจับมันกดลงกับโซฟา หมายจะจั๊กจี้มันเหมือนทุกที เพราะพลเป็นคนบ้าจี้ แต่ก่อนที่ผมจะจี้เอว จี้รักแร้มัน นุ่นก็ไขประตูเข้ามาเห็นพอดี... เธอตกใจ ทำถุงเสื้อผ้าตก ทำให้ผมกับพลชะงัก และหันมาดู เราทั้งสามนิ่งเงียบก่อนที่นุ่นจะเดินออกจากบ้าน และขับรถออกไป โดยไม่สนใจเสียงตะโกนอธิบายของผมแม้แต่น้อย

พลเองรู้สึกอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากผม ปกติแล้วผมมักจะเล่นอะไรแผลง ๆ เป็นประจำ และนุ่นก็ไม่เคยแปลกใจอะไรกับพฤติกรรมเหล่านี้ แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้ขับรถหนีไปอย่างนี้ ผมมึนงงไปหมด แต่แล้วผมก็ตัดสินใจขับรถอีกคันตามออกไป ผมเดาว่าเธอต้องกลับไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอแน่ แต่ผมคิดผิด เพราะเมื่อไปถึง ลุงเชิดออกมาทักทายกับผมตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่าเธอคงไม่ได้มาที่นี่ ผมลาลุงเชิด และป้าเขียน พ่อตาแม่ยายของผม แล้วเอารถมาจอดหลบมุม หวังว่านุ่นจะมาบ้าน แต่ก็เปล่า คืนนั้น เธอไม่ได้กลับมาบ้านอย่างที่ผมคิดไว้

ผมตื่นขึ้นมาหลังจากเคลิ้มหลับในรถไปตอนไหนไม่รู้ เพราะเสียงโทรศัพท์ เดชโทรมาหาผม

"ไอ้แทน มึงแย่แล้ว" มันพูดเสียงดัง
"หืม อะไรอีกเหรอ" ผมงัวเงียตอบมัน
"มีคนปล่อยข่าวว่ามึงเป็นเกย์... มีอะไรกับกู แล้วก็... เด็ก ๆ แถว ๆ บ้านมึง ตอนนี้เขาซุบซิบ และลือกันไปทั่วเมือง" มันทำให้ผมตาสว่างขึ้นทันที
"นอกจากนี้นะ พวกมันจะบอกว่า ที่มึงแต่งงานกับนุ่นเพราะมึงอยากจะปิดบังเรื่องนี้ไม่อยากให้ใครรู้ มึงจะได้ตีสนิทกับพวกเด็ก ๆ แล้วแอบมีอะไรกับพวกมันได้สะดวก ๆ" อ้าวเวรแล้ว ถ้าอย่างนั้น ที่นุ่นหนีไปเพราะเรื่องนี้สินะ
"มิหน่าล่ะ" ผมพูดขึ้น
"มิหน่าอะไรของมึงวะ กูไม่เข้าใจ" เดชสงสัย
"ก็เมื่อวาน ผมเล่นกับพลอยู่ นุ่นมาเจอ แล้วเธอก็ขับรถหนีออกไปข้างนอก นี่ผมมารอเฝ้าหน้าบ้าน แต่ก็ไม่เจอ" ผมอธิบายกับมัน
"เวร แล้วมึงทำเหี้ย ๆ อะไรแบบนั้นทำไมวะ" มันด่า
"เฮ้ย ผมไม่ได้ทำอะไร แต่เล่น ๆ แกล้งมันเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่เดชคิดนะ ตั้งแต่แต่งงาน ผมไม่เคยยุ่งกับใครเลย เดชก็รู้" จริง ๆ ก่อนแต่งงานก็ไม่เคยยุ่งกับใครเหมือนกัน อาจจะจีบ ๆ บ้าง แต่ไม่ได้ยืดยาว หรือมีสัมพันธ์อะไรกันลึกซึ้ง
"เออ กูรู้ แต่ว่า แล้วมึงจะเอาไงล่ะทีนี้" มันถาม
"ผมก็ไม่รู้แฮะ คิดอะไรไม่ออก" ผมมึนงง มืดแปดด้านไปหมด เรื่องที่มันไม่น่าจะเกิดทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะเนี่ย
"กูต้องหาตัวคนปล่อยข่าวให้เจอก่อน" มันตอบ
"เฮ้ย เดช เดชอย่าไปทำอะไรเขาเลย ช่างมันเถอะ เดี๋ยวสักพักเรื่องมันก็คงเงียบ แล้วเดี๋ยวมีโอกาสผมคงปรับความเข้าใจกับนุ่นได้แหละหน่า เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง" ผมห้ามเดชไว้ก่อนที่มันจะทำอะไรเกินเลย
"อะไรไม่ใช่เรื่องจริงวะ เรื่องที่มึงไม่ได้มีอะไรกับกู ไม่ได้มีอะไรกับไอ้พล... หรือเรื่องที่มึงไม่ได้เป็นเกย์ มึงไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน" มันถามกลับ ทำเอาผมอึ้ง
"ต่อให้ทั้งกู และไอ้พลเป็นพยาน หรือให้เด็กคนอื่นมาเป็นพยานว่าไม่ได้มีอะไรกับมึง แล้วมึงบอกกับนุ่นว่ามึงไม่ได้เป็นเกย์ นุ่นจะเชื่อมึงไหม" มันใส่ต่อ
"แล้วเดชมาว่าผมอะไรตอนนี้" ในเมื่อผมตอบมันไม่ได้ ผมก็ต้องชิงหนีก่อนล่ะ
"กู... กูหงุดหงิดหว่ะ ขอโทษแล้วกัน เดี๋ยวกูตามหานุ่นให้มึงก่อนแล้วกัน แค่นี้ละกัน หวัดดีครับ" แล้วมันก็วางหูไป

ผมเอาหัวโขกพวงมาลัยไปสองสามครั้งเพราะคิดอะไรไม่ออก ผมอยากไปหาแม่ผม อยากคุยกับท่าน เวลาผมมีปัญหาอะไร แม่มักจะให้คำแนะนำที่ดีเสมอ ๆ ผมเลยขับรถกลับบ้านพ่อแม่ของผม แต่แทนที่ผมจะได้คุยกับแม่ พ่อผมซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นผมก็หยิบปืนลูกซองที่ผมซื้อให้ หันมาทางผม แล้วยิงใส่ผมทันที

โชคยังดีอยู่บ้างที่ท่านอายุมากแล้ว สายตาไปค่อยดี กระสุนเลยไปโดนกระถางที่อยู่ข้าง ๆ แทน แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ผมคงกลายเป็นศพอยู่ตรงนั้น

"ไอ้ลูกเหี้ย กูไม่เคยคิดว่า มึงจะทำอะไรแบบนี้ นุ่นมันลูกเพื่อนรักกู มึงหลอกลวงน้องเขา หลอกกู หลอกเพื่อนกู แล้วยังทำตัวเหี้ย ๆ เป็นตุ๊ดเป็นกระเทย เป็นผู้ชายดี ๆ ไม่ชอบนะมึง มึงอย่าอยู่เลยดีกว่า กูอายชาวบ้านเขา" พ่อด่าผมเสร็จก็เล็งปืนมาที่ผมอีกครั้ง แต่โชคดีที่แม่ผมวิ่งมาแล้วคว้าปืนไว้ทัน ก่อนที่จะบอกให้ผมหนีไปก่อน

คราวนี้ผมไม่มีที่ไปอื่นอีก นอกจากบ้านของผมเอง เวลาเจอเรื่องอะไรแบบนี้มันทำให้ผมคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ผมไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าสำนักงานเพื่อทำงาน ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ได้แต่นอนนิ่ง ๆ อยู่บนโซฟาหน้าทีวี ผมนอนได้พักใหญ่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

"ไอ้แทน กูรู้แล้วว่าใครปล่อยข่าวเรื่องนี้ มันชื่ออีอ้อย เพื่อนของนุ่นมัน เท่าที่รู้อีอ้อยมันไม่ได้สนิทกับนุ่นเท่าไหร่ แต่ก็อยู่ก๊วนเดียวกัน" เดชเล่า
"อ้อยไหนหว่า" ผมสงสัย
"มึงไม่เคยเจอเหรอหวะ อ้อ งั้นมึงจำไอ้รง คนขับรถตู้ที่มึงไล่มันออก แล้วให้ไปทำงานกับเฮียกวงแทนได้ไหมวะ" เดชพยายามช่วยผมนึก
"อ๋อ ดำรง แล้วยังไงต่อ" ผมจำรงได้ นุ่นฝากให้รงมาทำงานกับผม บอกว่า เพื่อนเธอขอมา แต่รงมีนิสัย ชอบให้ลูกค้าเหมารถตู้ของเขา และรับงานนอกโดยไม่บอกล่วงหน้าเป็นประจำ ซึ่งนั่นผิดกฎของบริษัท ผมเลยไล่มันออกตามกฎ แล้วก็แอบฝากมันไว้กับเฮียกวงซึ่งแกไม่ค่อยจะเคร่งเรื่องนี้เหมือนผม
"เออ ไอ้รงมันเป็น ผัวอีอ้อย มันคงไม่พอใจที่มึงไล่ผัวมันออก มันคงหาทางจับผิดมึง และเห็นว่ากูกับมึงสนิทกันเกินพอดี มันเลยไปถามไอ้เหี้ยอูด แล้วไอ้เหี้ยนี้ก็บอกอีอ้อยว่า สมัยเรียนปวช. มึงกับกูเลยคบกันเป็นแฟน แต่เรื่องเด็ก ๆ นั่น กูว่ามันแต่งเรื่องมากกว่า แต่บังเอิญมึงก็เล่นพิเรนทร์กับไอ้พลอยู่พอดี เลยเข้าทางมัน" เดชอธิบาย

ผมอึ้ง และนิ่งเงียบ เดชเรียกผมอยู่หลายครั้ง ผมตอบไปว่าไม่เป็นอะไร อยากจะพัก มันก็วางสายไป

ตอนเย็น ๆ โชคขับรถมารับผมที่บ้าน พร้อมกับเดช และทศ เราไปนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เดชคงอยากจะช่วยผมเรื่องนี้ แต่ข่าวร้ายคือ มันหานุ่นไม่เจอ ผมคิดว่า คงเป็นเพราะเจ้านนท์น้องชายของนุ่นที่ช่วยเหลือเรื่องนี้ พอเริ่มเมาทศมันก็หลุดปากออกมาว่า

"ไอ้เดช เรื่องไอ้เหี้ยอูดเรียบร้อยไปแล้ว แล้วจะเอาไงต่อกับอีอ้อย" มันหันไปถามแบบเมา ๆ
"เฮ่ย มึง ไอ้เหี้ย" เดชหันไปด่าทศเบา ๆ

"เดช..." ผมเรียกชื่อมันด้วยน้ำเสียงดุดันกว่าปกติ
"ไอ้เหี้ยทศ มึงนะมึง ทำกูซวยอีกแล้ว" แล้วเดชก็หันไปเขกกบาลทศไปทีนึง
"อธิบายมาเดี๋ยวนี้" ผมพูดเสียงเรียบ ซึ่งนั่นหมายความว่า หากชายที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ไม่ให้คำตอบเรื่องนี้ มันจะต้องโดนหนัก
"กู... ก็แค่ไปอัดไอ้เหี้ยอูดที่มันปากเสียพูดเรื่องนี้มา" มันพูดอ่อย ๆ แบบสำนึกผิด
"เดช... ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่า การใช้กำลังไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แก่จนเด็กเรียกลุงแล้ว เดชยังไม่เลิกทำตัวแบบนี้อีกรึไง" ผมสอนมันอย่างเซ็ง ๆ
"กูขอโทษ" มันพูดแบบนี้ทุกครั้งที่โดนจับได้ แต่มันไม่เคยเลยที่จะทำหยุดทำเรื่องแบบนี้หลับหลังผม ผมล่ะเหนื่อยใจจริง ๆ
"เอ่อ แล้วเรื่องอ้อย ผมว่าพอแค่นี้เถอะ เวลาผู้หญิงแค้นขึ้นมา มันน่ากลัวนะ อย่าต่อความยาวสาวความยืดดีกว่า เดช ทศ แล้วก็โชค พวกคุณสัญญากับผมนะว่าจะไม่ไปทำอะไรอ้อยมัน นี่เป็นคำสั่ง เข้าใจตรงกันนะ" ผมพูดเด็ดขาดกับพวกมัน และหวังว่าพวกมันจะเชื่อฟังคำสั่งของผม

แต่เปล่าเลย หลังจากนั้นไม่นาน เดชก็ไปจัดการกับอ้อย ผู้ปล่อยข่าวเรื่องผมเป็นเกย์จนได้ เดชกำชับทุกคนเป็นอย่างดีว่า ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ความลับมันไม่มีในวงเหล้าหรอก คุณก็รู้ ผมล่ะเหนื่อยใจกับไอ้เพื่อนคนนี้จริง ๆ ตอนนั้นเดชมันสารภาพว่า มันแอบติดตามดูพฤติกรรมของอ้อยอยู่หลายวัน และเจอเรื่องราวอะไรดี ๆ เข้า เพราะอ้อยเองแอบไปมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง มันถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเพื่อจะแบล็กเมลเธอ

และเดชก็พบว่า ในวันพุธอ้อยมักจะมาที่ตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งหากเดินทางลัดจะเข้าซอยแคบ ๆ ที่เดินสวนกันได้ลำบาก และมันค่อนข้างลับตาคน เดชให้ แก้วน้องของโชคปิดทางเข้า หลังจากที่อ้อย และเดชเดินเข้าไปแล้ว ส่วนอีกฝั่ง โชคก็ปิดทางนั้นเสีย โดยอ้างว่า มีการซ่อมหลังคาตึกข้าง ๆ กลัวว่าวัสดุจะหลุ่นใส่ เป็นอันตราย...

"หวัดดีจะ อ้อย" เจ้าทศทักขึ้นมาอ้อยเดินมาถึงเขา
"คะ" อ้อยทักตอบ แต่มีท่าทีไม่แน่ใจว่ารู้จักผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าไหม แม้ว่าจะคุ้นตาอยู่บ้างก็ตาม
"ดูท่าอ้อยจะจำพี่ไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ" ทศตอบอย่างใจเย็น และยิ้มเหี้ยม
"แค่คงจำพี่ได้" เสียงเหี้ยมของเดชดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้อ้อยตกใจไม่น้อย
"พวกมึงต้องการอะไร" อ้อยเริ่มกลัว แต่เธอก็สู้
"กูดีใจที่มึงจำกูได้ มึงทำเพื่อนกูเจ็บแสบมากนะมึง อยู่ดี ๆ ไม่ชอบ ชอบแส่หาเรื่องให้เจ็บตัวเล่น ๆ" เดชยิ้มขู่
"ไอ้พวกเหี้ย พวกตุ๊ด พวกหลอกผู้หญิงอย่างพวกมึงก็สมควรโดนแล้วไม่ใช่เหรอ! แหม ทำเป็นแมน ทำเป็นนักเลง แต่พอขึ้นเตียงหันตูดให้คนอื่นเย็ด" เดชสะดุ้งกับคำด่าของอ้อยไม่น้อย มันไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงปากจัดอย่างนี้ เพราะรง ผัวของอ้อยถึงทำตัวแย่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนปากหมาแบบนี้
"แล้วผู้หญิงสำส่อนอย่างมึง มันดีกว่าตุ๊ดอย่างพวกกูตรงไหนวะ" พูดแล้ว เดชก็ยื่นรูปถ่ายใบหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปที่อ้อยโอบเอวหนุ่มน้อยน่ารักผู้หนึ่งเข้าม่านรูด
"มึง... มึงเอารูปพวกนี้มาจากไหน ว่าแต่กู มึงก็แส่เรื่องชาวบ้านเหมือนกันแหละวะ" อ้อยย้อน แต่เธอมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็คว้ารูปถ่ายในมือเดชไป ก่อนจะฉีกทิ้งไป
"กูว่า เผาทิ้งดีกว่าหว่ะ เดี๋ยวใครเก็บไปแล้วเอามาต่อกันมึงจะซวยหว่ะ อ่ะ นี่ไฟแช็ค ฮ่า ฮ่า" เดชหัวเราะหยาม พร้อมกับยื่นไฟแช็คให้

อ้อยรับไฟแช็คมาแล้วจุดหมายจะเผารูปถ่ายทิ้งอย่างที่เดชบอก แต่พอจุดไฟขึ้นมา เธอถึงกลับตกใจ และเดือดดานไปพร้อม ๆ กัน ก็อะไรเสียอีก ไฟแช็คอันนี้ถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อให้มันเป็น 'ไฟลอย' นั่นเอง
"นี่พวกแก..." อ้อยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเหลืออด
"ถ้ามึงไม่อยากให้ผัวควยใหญ่ ลีลาเด็ดของมึงรู้ว่า ควยใหญ่ ๆ ยาว ๆ กับลีลาสุดยอดของมัน ยังทำให้มึงไม่ถึงใจ จนต้องไปหาเด็กมารุมเย็ดให้หายคัน รวมทั้งเล่นเมท แถมยังจัดหา 'ของ' ให้พวกมันเล่นกันอีก มึงก็สงบปากสงบคำเรื่องที่ไอ้แทนเป็นเกย์เสีย และเลิกกระจายข่าวนี้ กูขอแค่นี้ กูไม่อยากทำร้ายผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมึง มันเป็นเสนียดมือ เสนียดตีนก็เปล่า ๆ แล้วก็... ถ้ามึงคิดจะแก้แค้นกู เพื่อนกู รูปของมึง นอกจากจะว่อนทั่วเน็ต กูก็จะส่งให้โรงพักต่าง ๆ  แถมติดให้ทั่วเมือง ไม่เชื่อก็ลองดูได้" เดชโยนรูปถ่ายที่เหลือใส่อ้อย แล้วเดินออกไป ทศส่งสัญญาณให้โชครู้ ก่อนที่ทั้งคู่จะแทรกตัวผ่านอ้อยที่ยืนอึ้งอยู่

"ขอบใจมากนะแก้ว ไว้วันหลังจะเลี้ยงเหล้า" เดชขอบคุณแก้วน้องชายของโชคที่ยืนอยู่ปากทาง
"โถพี่ เรื่องเล็กน้อยเอง แต่พี่เลี้ยงเหล้าผมจริง ๆ นะ"
"อะ ไอ้นี่ เล็กน้อยก็ไม่ต้องเลี้ยงสิวะ"
"ไหงงั้นล่ะพี่" แก้วทำหน้าจ๋อยไปเลย

"แล้วมึงรู้ได้ไงวะ ว่าไอ้รงควยใหญ่ ลีลาเด็ด" เจ้าโชคถามขึ้น
"กูรู้ก็แล้วกันหน่า หรือมึงนึกสนใจไอ้รงขึ้นมารึไง ไอ้โชค หือ" เดชเลี่ยงที่จะตอบ
"เฮ่ย ไอ้เดช มึงก็นะ กูไม่ได้แบบเดียวกับมึงนะโว้ย ไอ้เหี้ย" โชคด่าเดชกลับมาแบบไม่คิด
"เอ... หรือว่า มึงจะ... โอ้ย! เจ็บนะไอ้เ..." เจ้าทศร้องโอดครวญ มีทีท่าจะด่ากลับ แต่พอรู้ว่าคนเขกกบาลตัวเองเป็นเดชจึงได้หุบปากลงเสียก่อน ไม่งั้นมันจะต้องโดนอีกหลายดอกเป็นแน่
"หยุดคิดเหี้ย ๆ เลยนะพวกมึง กูเย็ดตูดผู้ชายได้ ไม่ได้หมายความว่ากูจะยอมให้คนอื่นเย็ดนะมึง กูมีวิธีก็แล้วกันหน่า พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก แต่ถ้าพวกมึงยังสงสัยเรื่องนี้ไม่เลิก มึงโดนดีแน่" เดชอธิบาย พร้อมทั้งขู่ไปในตัว

ว่าแต่ว่า เดชรู้เรื่องรงได้ยังไงหว่า ผมเองก็สงสัย แต่ไม่กล้าถาม เพราะถ้าเรื่องไหน เดชไม่ยอมปริปากพูดออกมา นั่นหมายความว่า ไม่ว่าจะทำยังไง เขาก็ไม่ยอมพูดเด็ดขาด แม้แต่กับผมก็ตาม ถึงมันก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่กับเรื่องไร้สาระแบบนี้

สุดท้ายทั้งเดช ทศ โชค และแก้วก็ไปนั่งก๊งเหล้ากันต่อ ฉลองที่ข่มขู่อ้อยได้สำเร็จ หรืออย่างน้อยก็ทำให้เธอหุบปากได้ล่ะ ส่วนอ้อยก็เงียบหายไป ข่าวลือเรื่องของผมก็ค่อย ๆ เบาบางลงไป คนในสำนักงานของผมก็เริ่มกลับมาทำตัวปกติ แม้จะดูขัด ๆ เขิน ๆ อยู่บ้าง แต่พวกเขาก็รู้ดีว่า ผมไม่เคยทำอะไรหมิ่นแหม่หรือเกินเลยต่อใครเลย ส่วนคนที่ไม่ปกติที่สุดก็มีแต่ผมนี่แหละ ผมเหมือนตกอยู่ในเขาวงกตอันมืดสนิท หาทางออกไม่ได้สักที


"นุ่น... เธออยู่ที่ไหนหนอ..."


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-15 13:21:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หมิ่นประมาทผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร หรือภาพวาด หรือป่าวประกาศ เป็นต้น จะผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท

ทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้ระหว่างบุคคลสามคนขึ้นไป ไม่ว่าบุคคลที่ร่วมชุลมุนต่อสู้นั้นจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากจะพิสูจน์ได้ว่า เข้าร่วมเพื่อห้ามการชุลมุนนั้น

ข่มขู้ให้ผู้อื่นให้กระทำ หรือไม่กระทำสิ่งใด โดยเกรงว่าจะอันตรายต่อชีวิต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-23 19:19:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โมษะน้อยกลอยสวาท ตอนที่ 5: เจรา

ตลอดสองเดือนที่พวกผมเฝ้าตามหานุ่นกลับไร้ร่องรอยใด ๆ คงเป็นเพราะเจ้านนท์คอยอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ แต่อยู่มาวันหนึ่ง เหมือนโชคจะเข้าข้างผม วันนั้นในช่วงใกล้ค่ำ ผมนั่งจิบเหล้าผ่อนคลายจากความรู้สึกเครียด ๆ หลาย ๆ เรื่อง อยู่ในห้องส่วนตัวของผม แล้วก็มีโทรศัพท์จากเจ้าโชค โทรมาบอกว่าแฟนมันเห็นป้าเขียนพานุ่นไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล... เพียงเท่านั้น ผมก็ลุกออกจากที่ และวิ่งออกไปนอกห้องทันที พอณีเลขาของผมเห็นเข้าจึงร้องทัก

"นายหัวจะไปไหนคะ ดูดีใจผิดปกติ" เธอถามขึ้น
"ผมรู้แล้วว่านุ่นอยู่ไหน" ผมพูดออกมาอย่างดีใจ จนทุกคนหันมามองผมกันหมด
"ดีใจด้วยค่ะนายหัว" ณีจับมือผมแล้วพูด
"งั้นก็ไปง้อเธอเลยสิครับ" คนขับรถคนหนึ่งพูดขึ้นมา
"ใช่ ไปเลย ๆ" อีกหลายคนพูดขึ้น
"แล้วช้าอยู่ทำไมล่ะ นายหัว ไปหาเธอเลย ไปง้อให้เธอกลับมาคืนดีกับนายหัวของพวกเราเลยสิครับ" อีกคนพูดขึ้นมาบ้าง
"สู้ ๆ นะนายหัว" หลายคนตะโกนเชียร์ผม ทำให้ผมมีใจฮึกเหิมสุดตัว งานนี้ต้องสำเร็จแน่ ๆ ผมวิ่งออกไปที่รถ แล้วขับรถไปยังบ้านของพ่อตาแม่ยายผมอย่างรวดเร็ว

ผมเฝ้ามองจนพบว่านุ่นอยู่ที่นี่จริง ๆ ผมไม่รอช้า วิ่งเข้าไปในบ้าน ตะโกนเรียกเธอ แต่แทนที่เธอจะออกมา พ่อเชิดก็ออกมาพร้อมกับปืน แล้วไล่ผมกลับไปอย่างไม่ใยดี แต่ผมปฏิเสธเสียงแข็ง กระโดดข้ามรั้วกั้นเตี้ย ๆ เข้าไปในบริเวณบ้าน และพยายามบุกเข้าในบ้าน เพื่อไปเจอนุ่นให้ได้ แต่อยู่ ๆ ก็มีคนมาจับแขนแล้วใส่กุญแจมือ

"ผมขอจับคุณข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล" คนที่อยู่ข้างหลังผมพูดขึ้นมา
"เฮ นนท์อย่าเล่นอะไรบ้า ๆ หน่า ผมแค่ขอคุยกับนุ่นหน่อยเท่านั้นเอง" ผมอ้อน
"พี่นุ่นไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ พอสักทีเถอะพี่ ปล่อยให้มันจบไปได้แล้ว ผมขอล่ะพี่" นนท์พูดเสียงอ่อน
"ไม่ ยังไงก็ขอคุยกับนุ่นก่อน ไม่งั้นผมไม่ไปไหน" ผมขัดขืน พยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของนนท์
"เฮ้ ไอ้ต้อม มึงเอาพี่แทนไปไว้ในรถที ถ้าดิ้นมากนักก็จัดการตามสบาย" นนท์เรียกเพื่อนตำรวจที่มาด้วยให้จับผมลากเข้าไปในรถ หากแต่ผมดิ้นรนไม่ได้ยอมทำตามง่าย ๆ แต่นายตำรวจคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผมอย่างที่นนท์สั่งไว้ นอกจากใช้แรงทั้งหมดที่ตนมีลากผม แล้วจับผมยัดเข้าไปในรถ ดูท่าเขาจะเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ส่วนเจ้านนท์ก็เข้าในบ้านอยู่พักนึง แล้วขับรถพาผมไปโรงพัก

นนท์นั่งเงียบอยู่พักใหญ่ต่อหน้าผมที่ถูกใส่กุญแจมือข้างเดียวนั่งอยู่หน้าโต๊ะของเขา นนท์พิมพ์เอกสารออกมา แล้วยื่นเอกสารเหล่านั้นมาให้ผมเซ็น

"พี่เซ็นตรงนี้นะ" เขาชี้บอกผม
ผมอ่านข้อความบนกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้า โดยสรุปคือ ผมต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับนุ่น และลูก ห้ามรบกวนเธอ และลูกอีก ไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือสั่งให้คนอื่นกระทำ รวมทั้งให้ผมอยู่ห่างจากนุ่น และลูกอีกด้วย ผมไม่แน่ใจว่าในไทยมีคำสั่ง หรือกฎหมายอะไรแบบนี้ไหม ผมคิดว่า นุ่นคงบอกให้นนท์ทำสัญญาแบบนี้ขึ้นเองตามความต้องการของเธอมากกว่า ดีไม่ดี เธออาจจะเป็นคนร่าง และพิมพ์สัญญาฉบับนี้ขึ้นเองทั้งหมดก็ได้

"พี่ไม่เซ็น" ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"เฮ้อ ผมว่าแล้วเชียว" นนท์ถอนหายใจ พร้อมกับยื่นซองจดหมายซองหนึ่งให้ผม

"พี่แทนเขาไม่ยอมทำตามที่พี่ต้องการหรอก พี่นุ่น" นนท์พูดกับนุ่นหลังจากจับแทนแล้ว
"เอาจดหมายนี่ยื่นให้พี่แทน แล้วทุกอย่างจะจบ" นุ่นยื่นซองจดหมายให้นนท์ แล้วเธอก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้เงียบ ๆ ไม่พูดอะไรอีกใบหน้าอันเรียบเฉย ยากจะเข้าใจ ทำให้นนท์ไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ นอกจากเดินออกจากบ้าน แล้วทำตามที่นุ่น พี่ของเขาบอกมา


ผมเปิดซองจดหมายดู มันมีแหวนหมั้นของเธอ แล้วกระดาษที่เขียนอักษรนอร์สชื่อ 'เจรา' เอาไว้ คำนี้นอกจากจะแปลว่า 'ฤดูเก็บเกี่ยว' อันหมายถึง 'ช่วงเวลาแห่งความสุข' แล้ว มันยังแปลว่า 'วัฏจักรแห่งชีวิต' ได้อีกด้วย เมื่อผมเห็นเข้า ผมก็เข้าใจสิ่งที่นุ่นต้องการจะบอกผมทันที

เพลงแต่ปางก่อนที่เราเคยร้องร่วมกัน มีท่อนหนึ่งที่กล่าวถึงเรื่องทำนองนี้เช่นกัน แต่นั่นมันทำให้สมหวังไม่ใช่ผิดหวังอย่างนี้ เราทั้งคู่ต่างเชื่อว่า ชีวิตจะหมุนเวียนผันเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง เหมือนฤดูกาลที่แม้จะเกิดซ้ำทุกปี แต่ไม่เหมือนกันสักปี เหมือนล้อเกวียนที่แม้จะหมุนเวียนครบรอบ หากแต่อยู่อีกจุดบนเส้นทาง...

หลังจากเห็นสิ่งที่อยู่ในซองจดหมาย ผมก็เซ็นเอกสารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา แม้นนท์จะมีสีหน้างุนงงปนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรผม นอกจากขับรถพาผมมายังรถของผมที่จอดทิ้งไว้ ผมนั่งมาเงียบ ๆ ไม่ต่างอะไรจากนนท์ซึ่งเป็นคนขับ

ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผมพังทลายเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียว ชีวิตหลังจากนั้น มันเต็มไปด้วยความเหงาเศร้า และไม่เข้าใจ ผมร้องไห้กี่ครั้งไม่รู้ต่อกี่ครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนในสำนักงานก็รู้สึกแย่ที่ยุยงให้ผมทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนั้นออกไป แต่ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ซองจดหมายที่มีกระดาษเขียนคำว่า 'เจรา' ก็โดนกล่องแหวนวางทับอยู่ แต่เจ้าโจรน้อยมันไม่ได้สนใจล่ะมั้ง

ผมไม่รู้ว่าร้องไห้อยู่นานแค่ไหน ร้องดังขนาดไหน รู้เพียงแต่ว่าน้ำตามันไหลออกมาไม่ยอมหยุด ผมร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ต่างจากเด็ก ๆ ในหัวผมมีแต่ความเศร้า ความเจ็บปวดรวดร้าว และทุกข์ทรมาน ตลอดช่วงเวลาที่นึกถึงเรื่องนี้ ผมพยายามหักห้ามใจอย่างยากลำบาก ผมไม่อาจจะหยุดความคิดในแง่ลบลงได้ง่าย ๆ เหมือนคนทั่วไป แม้ว่าผมจะรู้ตัวดีก็ตาม จนท้ายที่สุด ผมก็ทำให้ใจตัวเองสงบลงจนได้ แม้ว่าจะไม่ปกตินักก็ตาม ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม จึงได้รู้ว่า เจ้าโจรน้อยที่ตัวเปลือยเปล่านั่งก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ ข้าง ๆ ผม แต่หันหน้าไปฝั่งตรงข้ามกับผม ใบหน้าเขาดูเศร้าสร้อยอยู่ไม่น้อย

"นั่งอยู่นานแล้วเหรอ" ผมถาม
"อือ..." มันตอบเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็เงียบไปอีก

ผมรู้สึกอายที่ต้องมาร้องไห้แบบนี้ต่อหน้าเด็ก จึงลุกขึ้น เอากล่องแหวนไปวางหน้าทีวี ล้างหน้าล้างตา แล้วไปหยิบเสื้อในห้องสำหรับแขก แล้วก็กางเกงบอลลงมาโยนให้เด็กหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่หน้าบ้าน

"กูมีแต่เสื้อตัวใหญ่ ไม่มีไซส์สำหรับเด็ก มึงลองใส่ดูละกัน กางเกงมีสายรูด มึงคงนุ่งได้" ผมบอกมันแล้วไปหยิบรองเท้าแตะของนุ่นมาให้มันอีกคู่ ก่อนที่จะล็อกประตู บอกให้มันเดินตามมา โดยที่ผมไม่สนใจว่ามันฟังสิ่งที่ผมพูดไหม หรือว่า มันจะวิ่งหนีไปเหมือนคราวที่แล้ว หรือจะนั่งอยู่อย่างนั้น ใจผมมีแต่ความว่างเปล่า และสับสนปะปนกันไป

ผมเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง ผมเข้ามานั่งโต๊ะประจำ โดยมีเจ้าโจรน้อยตามมานั่งอีกฝั่งของโต๊ะ มันไม่หนี แต่เดินตามมาแฮะ

เมื่อเจ้าของร้านเห็นผม ก็ยกเบียร์สองขวด น้ำแข็ง กับแกล้ม ที่เปิดขวด แก้วสองใบ แล้วก็น้ำเปล่าอีกขวด มาวางบนโต๊ะ แล้วเดินกลับไปโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากอะไรขึ้นมาเลย

ผมรินเบียร์ใส่แก้วของตัวเอง แล้วรินน้ำส่งให้เจ้าโจรที่นั่งซึมอยู่ มันคว้าแก้วไปแล้วดื่มน้ำ มันคงหิวน้ำล่ะมั้ง ตั้งแต่เช้ามาก็ไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา พอผมคิดได้ดังนั้น ก็ยกมือขึ้น เจ้าของร้านก็เดินมาหา
"น้องเขาเอาข้าวกะเพราไก่พิเศษไข่ดาวสองฟอง แล้วก็แกงจืดตำลึงเต้าหู้ไข่หมูสับนะ" ผมสั่งโดยไม่ถามคนกินสักคำ มันเงยหน้ามามองผม แล้วก็ก้มลงนั่งเงียบ ๆ ต่อไป ส่วนผมก็ซดเบียร์ไปเรื่อย ๆ หวังจะให้เบียร์ช่วยทำให้ผมผ่อนคลายลงบ้าง ถึงแม้ผมจะรู้ดีว่า มันแทบจะช่วยอะไรไม่ได้ก็ตามที แต่ตอนนี้ผมขอซดเบียร์ให้ชื่นใจหน่อยแล้วกัน

ไม่นานเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นกุ๊ก และพนักงานเสิร์ฟไปด้วยในคราวเดียว ก็เอาอาหารมาเสิร์ฟแล้วหันไปยิ้มให้เจ้าโจรน้อยก่อนเดินจากไป มันลังเลนิดนึงก่อนค่อย ๆ ชิมอาหาร ที่อยู่ตรงหน้า เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอร็ดอร่อย ร้านนี้เป็นร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในแถบนี้แล้ว แม้ว่าเจ้าของร้านจะอายุยี่สิบกว่า ๆ ก็ตาม แต่เขาเรียนจบด้านนี้มาเฉพาะ รสชาติอาหาร ความสะอาดจึงไว้ใจได้

ผมนั่งซดเบียร์ไป ดูมันกินข้าวไป เมื่อเบียร์หมดไปขวด เจ้าของร้านก็ยกอีกขวดมาวางให้อยู่เรื่อย ๆ ผมดื่มจนรู้สึกว่าเมามากไปแล้ว จึงดื่มจนหมดขวด หลังจากนั้นก็เรียกให้โจรน้อยมันลุกขึ้น

"ไป กลับบ้านกันได้แล้ว" ผมเรียกเจ้าโจรน้อย แล้วก็เดินออกจากร้านไป โดยไม่สนใจอาการเงอะ ๆ งะ ๆ ของมัน ที่เห็นผมกินแล้วชักดาบ แต่สุดท้ายมันก็เดินตามผมมา ส่วนเจ้าของร้านก็เดินมาเก็บโต๊ะผมโดยไม่พูดอะไรเลยเช่นกัน

ผมเดินมาจะเปิดประตูหน้าบ้าน เห็นขวดน้ำปลาตั้งอยู่ก็หัวเราะ
"นี่มึงกะจะตีหัวกูด้วยขวดน้ำปลาเหรอวะ ถ้ากูตายขึ้นมาคงทุเรศน่าดูหว่ะ กลิ่นศพเคล้ากลิ่นน้ำปลา มันคงเหม็นพิลึก ชาวบ้านเขาคงเอาไปนินทา หัวเราะกันหลายวันเลยนะมึง... อ้อ แนะนำอะไรมึงอย่างสิ ในครัวมีขวดน้ำผึ้งนะ มันหนากว่า แล้วก็หนักกว่าด้วย มึงน่าจะเลือกขวดน้ำผึ้งแทน ศพกูจะได้มีกลิ่นน้ำผึ้งหอม ๆ ไม่ทุเรศเกิน หึหึ" แต่ดูท่ามันจะไม่ขำกับมุกฝืด ๆ ของผมสักเท่าไหร่ ก็แหม โดนขวดฟาดแค่ทีเดียวไม่ตายหรอก ถ้าจะตายก็คงเพราะผมหล่นหัวฟาดพื้นตายเองเสียมากกว่า

ผมคิดว่า มันน่าจะไปค้นหามีด หรืออะไรที่ใช้เป็นอาวุธได้ดีกว่าขวด แต่คงหาไม่เจอล่ะมั้ง เพราะผมเก็บของมีคมต่าง ๆ รวมทั้ง อะไรที่มีน้ำหนักมากพอจะทำร้ายคนได้ไว้ในตู้ที่มีกุญแจล็อคอยู่หมดแล้ว

ผมเดินไปยังห้องนอนบนชั้นสอง โดยมีเจ้าโจรมันตามขึ้นมาด้วย หากแต่ผมไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่นักในตอนนั้น แต่พอเห็นรอยคราบเลือดบนผ้าปูที่นอน ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมา
"ขอโทษนะ กูไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้" ผมพูดออกมาอย่างสำนึกผิด เดินไปค้นแปรงสีฟันสำรอง พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวให้มัน

"ไปอาบน้ำ แล้วนอนได้แล้ว" ผมพูด แล้วชี้ไปที่ห้องน้ำ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงคิดจะให้มันนอนห้องเดียวกับผม แทนที่จะให้มันนอนในห้องสำหรับแขก ซึ่งมีอยู่ถึงสามห้อง ทั้งที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันแม้แต่น้อยอีกแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรนอกจากนอนให้มันหลับ ๆ ไป แล้วหวังว่า พอตื่นขึ้นมาเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นเพียงความฝัน หรือไม่อย่างน้อยผมน่าจะรู้สึกดีขึ้นในตอนเช้า


ระหว่างนั้นผมรื้อผ้าปูที่นอนผืนที่เลอะคราบเลือดออก แล้วไปเอาผืนใหม่มาปูแบบลวก ๆ ค้นเสื้อกับกางเกงบ็อกเซอร์ให้เจ้าโจรน้อยของผมใส่นอน พร้อมกับเตรียมของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แต่เอ... ทำไมมันอาบน้ำนานจังหว่า...

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
5
พลังน้ำใจ
19511
Zenny
11656
ออนไลน์
1248 ชั่วโมง
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-8-23 19:22:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บุกรุกเคหสถานยามวิกาล มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 และ 365 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 15:58 , Processed in 0.137017 second(s), 26 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้