ผมชื่อเบสปัจจุบันอายุ 16 ปี เป็นบุตรคนที่ 2 มีพี่สาว 1 คน ครอบครับของผมเป็นครอบครัวที่อบอุ่นทั้งพ่อและแม่ให้ความรักกับลูก ๆ ด้วยดีเสมอมา แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งผมกลับถูกส่งตัวไปอยู่กับคนอื่นสะอย่างงั้น เหตุเพราะป้าของผม ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่ได้โทรมาบอกกับครอบครัวผมว่า อยากให้ผมไปเรียนกรุงเทพฯ ช่วงแรกพ่อแม่ผมยังคงปฏิเสธอยู่ แต่แล้วเมื่อโดนป้าตื๊อหนักเข้า ทั้งสองคนเลยใจอ่อน ผมที่เป็นเด็กไม่เข้าใจป้าของผมสักนิด ที่จะให้ผมไปอยู่ด้วย ในเมื่อบ้านเขามีลูกชายตัวแสบอยู่ทั้งคน เมื่อทราบเรื่องถึงผลการตัดสิน ผมทั้งเสียใจที่อยู่ ๆ ผมจะต้องจากครอบครัวที่รัก ไหนจะเพื่อนฝูงที่โรงเรียน ผมอดสงสัยไม่ได้ ถึงการตัดสินใจของครอบครัว เลยถามพ่อแม่ไปตามตรง พวกท่านจึงอธิบายถึงความจำเป็นบางอย่าง ผมที่ได้รับฟังจึงเริ่มเข้าใจสถานการณ์ ถึงปัญหาของครอบครัวป้า สรุปง่ายเรืองคือ ป้าเขามีปัญหาสามีถึงขั้นหย่าขาดกัน บ้านของป้าเลยเหลือเพียงป้ากับพี่เนสลูกชาย แล้วที่บ้านนั้นมีคนงานผู้หญิงอีก 2 – 3 คน เลยอยากให้ผมที่เป็นผู้ชายไปอยู่ในบ้านเพิ่มอีกคน รวมถึงเป็นเพื่อนลูกชายเขา เพื่อความอุ่นใจสบายใจของป้า ผมเลยตกลงกับการย้ายไปเรียนกรุงเทพฯ แต่เอาเข้าจริงผมกับไอ้พี่เนสเราไม่ถูกกันเท่าไหร่นัก ต่างกับลูกพี่ลูกน้องคนอื่น ซึ่งผมจะสนิทสนมมากกว่า นั่นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตมา ไอ้พี่บ้าคนนี้มันแกล้งผมให้เจ็บตัวมาโดยตลอด ผมเคยพยายามเอาคืนมันหลายครั้ง แต่แล้วก็กลายเป็นปัญหาเด็กน้อยตีกัน ทำให้ผมโดนพ่อแม่ทำโทษ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ทำใจไว้ แต่คงต้องรอผมสอบเสร็จปิดเทอมก่อน ถึงจะทำเรื่องย้ายที่เรียนได้ พอเอาเข้าจริง ผมกับไอ้พี่เนสพวกเราก็ไม่พบกันกว่า 2 ปีแล้ว ขนาดช่วงะตรุษจีน เช็งเม้ง หรือเทศกาลวันหยุดสำคัญ ๆ มันก็ไม่กลับมาเที่ยวหาญาติพี่น้องคนอื่น ๆ เลย ผมก็ไม่รู้ว่ามันติดธุระอะไรนักหนา มีเพียงป้ากับลุงที่แวะมาเยียมพวกเรา...
♥ เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ♥
และแล้ววันที่ผมต้องย้ายสำมะโนครัวจากเด็กต่างจังหวัดมากลายเป็นเด็กเมืองกรุงฯ มันไม่ได้ย้ายแค่ตัว แต่ย้ายยันทะเบียนบ้าน บ้านของป้าผมเป็นอาคารพาณิชย์ในย่านชุมชนแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพ ตัวตึกมี 3 ชั้น 3 คูหา เปิดขายของ 2 อีก 1 คูหาไว้เป็นที่เก็บของ พวกคนงานชายก็มี แต่ป้าเขาไม่ให้พวกนั้นนอนในร้าน เลยให้ไปหาเช่าห้องเช่าบ้านกันเอง ซึ่งมีค่าเช่าให้เพิ่มคนละ 1500 ทำให้คนงานหลายคนแชร์ค่าห้องกันแล้วเช่าที่ดี ๆ อยู่ ส่วนพวกคนงานผู้หญิงป้าเขาให้พักด้วยที่ร้าน แต่แยกให้พักคนละส่วนของอาคารพาณิชย์ เมื่อพ่อแม่มาส่งผมเสร็จพวกท่านก็กลับกันเลย ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเขามากรุงเทพจะพักค้างกับป้า 1 คืนก่อนแล้วค่อยกลับ พอผมลงจากรถได้ พี่ชายตัวดีผมก็เดินยิ้มแป้นเข้ามาหา
"ไง... เบส"
"ดีพี่เนส ป้าละ"
"เข้าห้องน้ำมั้ง แล้วน้าปูกับน้าบูมละ กลับกันไปแล้วเหรอ?"
"อืม พอส่งเสร็จก็รีบกลับเลย เห็นบอกว่าตอนเย็นมีงานเลี้ยงแถวบ้านเลยต้องรีบกลับไปรวมงาน...” ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก ป้าผมก็เดินออกมาจากหลังร้านพอดี
"สวัสดีครับป้าปลา"
"สวัดดีจ่ะ พ่อแม่เรากลับเลยสินะ เห็นโทรมาขอโทษ แทนที่จะอยู่คุยกันให้หายคิดถึง แย่ ๆ " ป้าบ่นยาวตามนิสัยก่อนจะหันไปสั่งลูกชายตัวดี
"เนสพาเบสไปเก็บของเร็ว เดี๋ยวแม่จะพาน้องไปช็อปปิ้ง รับขวัญน้องเข้าบ้าน" เอาจริงถึงป้าผมจะดุแต่ก็ใจดีกับลูกหลานทุกคน ตรุษจีนแต่ละปีซองแดงไม่ต่ำกว่า 5000
"เบสนอนห้องไหนรึ" ผมถามทันทีหลังลับหลังป้า
"นอนกับกูนิละ"
"เห้ย!! จริงดิ? นี่นึกว่าจะได้ห้องส่วนตัว..."
"ห้องอื่นแม่เอาเก็บของหมดแล้ว"
"เซงเลย ห้องพี่เนสอย่าซกมก จะอยู่ได้ไหมเนี้ย" ผมที่นึกถึงภาพเก่าในความทรงจำของห้องพี่ชาย แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
"ฮ่า ๆ อยู่ไปเหอะ เดี๋ยวก็ชินเอง" พอพวกผมเดินถึงชั้น 3 ห้องแรกซ้ายมือ ซึ่งปกติจะเป็นห้องใหญ่สุดในชั้นนี้ ซึ่งต่อไปจะเป็นห้องที่ผมต้องใช้ซุกหัวนอน ส่วนป้าของผมพักอยู่ที่ชั้น 2 พอเนสเปิดประตูเท่านั้นละ ความคิดจากความทรงจำในหัวแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว
"นี่ทำห้องใหม่เลยหรอ?"
"อืม... แม่กูกลัวว่ามึงจะไม่ชอบ อยู่ไม่สบายเลยทำให้ใหม่ยกห้อง"
เมื่อก่อนที่ผมเคยมาเที่ยวเล่น ห้องเนสมันไม่ได้ดูน่าอยู่แบบนี้ เพราะผนังห้องมีแต่ลายพ่นสีสเปรย์เต็มไปหมด เป็นแนวกราฟฟิตี้อาร์ท ที่ดูรกตาไม่สวยเลยสักนิด แถมยังรกสกปรกโคตร แต่ภาพที่ผมเห็นตอนนี้กลับดูสะอาดตาจากสีขาวควันบุหรี่ มีเตียง 6 ฟุต อันใหญ่โตมาแทนเตียง 3 ฟุต อันเก่า พวกตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ก็เปลี่ยนใหม่หมด มันดูเป็นคู่เหมือนห้องนอนของพวกลูกแฝด...
"โห ป้าเขาหมดไปกี่บาทเนี่ย..."
"อย่าคิดมาก แม่กูรวยกลัวอะไร แค่นี้เขาทำให้มึงได้อยู่แล้ว"
"แต่ถ้าได้ห้องส่วนตัวจะดีกว่านี้นะ" ผมได้ทีบ่นให้เนสฟัง มันก็ยิ้มขำ ๆ ไม่พูดอะไร
พอผมเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ พี่ชายผมก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ถึงจะเรียกว่าพี่ แต่เอาเข้าจริงพวกเราอายุห่างกันแค่ 1 ปีกว่า ๆ แต่ความรู้สึกผมเห็นมันเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน จะเรียกมันว่าพี่บ้างตามอารมณ์ ถึงแบบนั้นผมก็ยังชอบมันน้อยที่สุดในจำนวนลูกพี่ลูกน้องทั้งหลาย...
♥แป๊บ ๆ ก็เย็น♥
ผมกับเนสเดินถือถุงต่าง ๆ เต็มไม้เต็มมือ พวกเราที่ไปเดินช็อปปิ้งในห้างราวกับหยิบจับของฟรี ของส่วนมากจะเป็นของผมที่ป้าเขาเลือกซื้อให้เป็นพิเศษ จะมีของลูกชายป้าเขาตึดมานิดหน่อย ใช่ว่าผมอยากได้ของพวกนี้ แต่ป้าเขาไม่ยอมเลยซื้อมาจนได้ สุดท้ายพวกผมเลยต้องถือของที่ซื้อ มันเป็นเสื้อผ้าแฟชันกับของใช้ส่วนตัวผม ในจำนวนนั้นมีโน๊ตบุคใหม่เอี่ยมไว้ให้ผมใช้ส่วนตัว ถึงตอนแรกผมจะปฏิเสธ แต่เนสอ้างว่ามันไม่อยากให้ผมใช้ของมัน เลยเป็นอย่างที่เก็น จะว่าไปบัตรเครดิตนี่มันเนรมิตข้าวของได้ดังใจจริง ๆ มันต้องพกเงินสดให้ยุ่งยากเลย
"เหนื่อยเป็นบ้า"
เนสวางถุงของที่แบกมาไว้ข้างเตียง ก่อนจะกระโดดทิ้งตัวนอนเปิดแอร์ตามด้วยทีวี ผมที่เดินตามมาติด ๆ ก็มีสภาพไม่ต่างกับเนสมากนัก พอปิดประตูเสร็จก็ค่อย ๆ เดินเอาของไปวาง ก่อนจะปีนขึ้นเตียงไปนอนข้างเนส แอร์มันเป่ามาที่เตียงเต็ม ๆ มันเย็นสบาย เตียงก็นิ่ม แถมรู้สึกหอมสะอาดเหมือนเพิ่งซักเปลี่ยนมาใหม่ มันผ่อนคลายมาก ผมที่เหนื่อยล้าเลยไม่อาจทนความหนักของหนังตาได้ จนเผลอหลับไปทั้งแบบนั้น...
"เบส เบส ไปอาบน้ำ กูเหม็น..."
ผมรู้สึกตัวเพราะได้ยินคนเรียก แต่โพรงจมูกผมกลับเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่างถึงไม่รู้ว่าคืออะไร มันยังตกค้างในโพรงจมูก ไม่นานหลังจากนั้นมันกลับกลายเป็นกลิ่นหอมสะอาดของครีมอาบน้ำ ผมค่อย ๆ ลืมตา เห็นหน้าพี่ผมลอยอยู่ไม่ไกลมากนัก มันกำลังชันแขนนอนอยู่ข้าง ๆ ตัวมันขาวสะอาดตามแบบชายหนุ่มเชื้อสายจีน ดวงตาชั้นเดียว แต่กับกลมโต มันแตกต่างจากผมที่มีดวงตาคล้ายเส้นเดียว ที่ดูเล็กกว่า เนสมันยิ้มให้ผม ผมมองริมฝีปากมันที่มีสีอ่อนของชมพูแกมแดง แต่ไม่นานผมต้องขมวดคิ้ว เพราะใบหน้าของพวกเราทั้งสองคนมันใกล้กันมาก เพียงอีกนิดเดียวก็จะชนกันอยู่แล้ว พอผมนึกได้จึงตกใจรีบดีดตัวเด้งลุกมานั่งทันที เอาเข้าจริงผมไม่เข้าใจว่าตัวเองว่าจะตกใจทำไม แต่ความรู้สึกของผมเมื่อกี่มันเหมือนผมโดนคุกคาม แถมหัวใจผมเองก็เต้นผิดจังหวะ พอหันไปมองมันที่กำลังนอนอยู่ ทำให้เห็นรูปร่างสัดส่วนของมันเต็มตา หุ่นแบบนักกีฬามีลอนท้องชัดเจน แขนขายาวสมส่วนพอให้เห็นมัดกล้ามกระชับ แล้วที่สำคัญมันนุ่งเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ภาพของมันที่เกือบโป๊นี้กลับทำให้ผมรู้สึกใจเต้นถี่รัว นี่ผมเป็นผู้ชายแท้นะ แล้วทำไมเหมือนตัวเองกำลังหน้าแดง ทำไมหัวใจผมมันหวิว ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ได้แต่เอามือเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะรีบลุกไปถอดเสื้อตัวเอง ผมเพิ่งสังเกตว่าตะกร้าใส่เสื้อที่ควรมี 2 อัน กลับเพียงอันเดียว ผมยืนโง่งมอยู่นาน จนเจ้าของห้องจับสังเกตได้
"ใส่รวมกันไปเหอะ เดี๋ยวเอาไปซักด้วยกัน..."
เอาเข้าจริงผมไม่ถือที่จะซักผ้าร่วมกัน เนสมันก็ไม่ใช่ใครอื่น ผมเลยรับได้ ผมทำตามที่มันบอก ก่อนจะหยิบมือถือเข้าห้องน้ำไปด้วย โดยปกติผมเป็นคนที่อาบน้ำไปพร้อมกับฟังเพลง เลยเปิดเพลงโปรดไปด้วยขณะอาบน้ำ พออาบไปได้สักพักระหว่างที่ชำระทำความสะอาดอาวุธประจำตัวอยู่ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอารมณ์แปลก ๆ รู้สึกเสียวกว่าปกติเป็นพิเศษ ผมค่อย ๆ บรรจงถอกหนังหุ้มที่ตอนนี้เปิดหมดแล้ว มันเริ่มขยายตัวเบ่งบานเหมือนดอกเห็ดที่มีหัวสีแดงอมชมพู ที่อยู่บนก้านยาวหนาแข็งแรง สายน้ำจากฝักบัวที่ไล่ผ่านแผ่นหลัง สร้างความรู้สึกสยิวหัวใจเป็นพิเศษ น้ำอุ่นร้อนที่ไหลตามแรงจากแผ่นหลังลงสู่แก้มก้น เหมือนเพิ่มให้อารมณ์ขับดันส่วนตัวของผมอย่างมาก ผมค่อย ๆ รูดถอกแก่นเอ็นตามจังหวะ ส่วนอีกมือลูบไล้แผ่นหน้าอกลากยาวไปถึงหน้าท้อง ข้อมือตวัดจากช้าจนเร็ว อารมณ์ผมใกล้จะถึงขีดสุด ชักมือรัวเร่งเร้าไปตามแรงผลักดัน จนสุดขอบของขีดสุดอารมณ์ กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งตัวจนถึงลำเอ็น มันส่งน้ำขาวขุ่นพุ่งเป็นสายโด่ง มันออกมาเยอะกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา กว่าจะตัวกระตุกหมดระลอก ผมได้แต่หายใจหอบเหนื่อยอยู่นาน ก่อนจะล้างทำความสะอาดอีกครั้งแล้วเช็ดตัวออกจากห้องน้ำ
"อาบน้ำ หรือ แอบว่าววะ นานชิบ" เนสถามผมทันทีหลังผมเดินออกมา
"ว่าวดิ มีไรปะ" เรื่องนี้ผมไม่อายนะ เพราะมันปกติของวัย แถมอีกคนก็ผู้ชายเหมือนกัน
"อืม... กูลง Windows กับโปรแกรม office ให้แล้ว โปรแกรมอื่น ๆ พรุ่งนี้ค่อยดึง Account กูไปแชร์"
"ลงเกมให้ด้วยดิ"
"ค่อยไปหาโหลดจาก Steam เอาละกัน กูไปโทรศัพท์ละ" เนสมันลุกจากโต๊ะผม ก่อนออกจากห้องไป
ผมจัดแจงแต่งตัวใส่ชุดนอนด้วยกางเกงบอลกับเสื้อกล้ามสีขาว มันเป็นชุดที่ผมใส่นอนประจำ และสะดวกหากจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน พอแต่งตัวเสร็จก็ไปนั่งเล่นคอมฯ ของตัวเอง ผ่านไปหลายนาทีกว่าเนสมันจะกลับเข้ามา มันเดินไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ปิดประตู เสียงฉี่ของมันดังรอดออกมาภายนอก ตามด้วยเสียงกดน้ำ ก่อนจะเดินเป้าเปียกหน่อย ๆ ออกมา ผมที่หันไปพอดีก็ยักคิ้วให้มันตามนิสัย มันเดินเข้ามาหาผมจนห่างกันแค่คืบ สายตาผมที่อยู่ระดับลำตัวมันมองเห็นซิกแพคชัดเจน ก่อนจะเงยขึ้นไปมองหน้ามัน
"ไม่เจอกันตั้ง 2 ปี ไม่คิดถึงกูบ้างเหรอ ถามจริง" อยู่ ๆ เนสมันก็เปิดคำถามใส่ผม
"คิดถึงอยู่มั้ง แต่กูไม่ค่อยอยากโดนมึงแกล้ง" ผมตอบไปตรง ๆ
"มึงรู้เปล่าเพราะอะไร กูชอบแกล้งมึง"
"จะไปรู้รึ..."
"เพราะกูชอบมึงไง ตอนนั้นกูชอบใครเลยอยากแกล้ง กูยังเด็กยังคิดไม่เป็น..."
"เหรอ..." ผมก็ไม่รู้ว่ามันมาพูดเรื่องนี้ทำไม แต่ผมก็เปิดอกคุยกับมันไป แต่ไอ้พี่คนนี้ก็เอามือมาโบกหัวผมเต็มแรง
"ทักทาย...ต้อนรับเข้าบ้าน"
"เจ็บนะ..." ผมสวนหมัดใส่ท้องมัน แต่มันกลับรับมือผมไว้ได้ทัน
"ไม่ทันกูหรอก ไม่น้องรัก" พูดจบมันก็บิดแขนผมจนเจ็บด้วยท่างัดแขนแบบที่มันชอบใช้ประจำ แน่ละมันเรียนเทควันโดมาแต่เด็ก แล้วผมจะเอาอะไรไม่สู้มันได้ละ
"พอ ๆ กูยอมแล้ว..." มันปล่อยมือผมแล้วส่งยิ้มให้อีกรอบ
"ยิ้มอยู่ได้... นี่มึงคงอยากให้กูมาอยู่กับมึงด้วยสิถ้า" ผมโกรธที่สู้มันไม่ชนะ แต่ก็ถามมันไปตามความเข้าใจ
"อืม... กูขี้เหงา" คำพูดมันที่เปล่งออกมาผมรับรู้สึกได้เลยว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
"มาม่า สลัดผัก ก็มา" ผมลุกยืนจนมันต้องขยับตัวถอยไม่ให้ชน ก่อนที่ผมจะยกแขนกวาดคอมันลากไปที่เตียง มันก็ฝืนตัวอยู่บ้างแต่ก็ยอมโดนลากคอตามมาโดยดี (มาม่า = ดราม่า)
"มานอนคุยกันหน่อยครับ พี่เนส” ผมจงใจเน้นเสียงสุภาพเพื่อกวนตีนมัน
ผมรับฟังมันพูดระบายสิ่งต่าง ๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกีฬา เรื่องแฟน จนมาถึงเรื่องพ่อมัน ผมรับรู้เลยว่าพี่ชายผมคนนี้เจออะไรมาหนักกว่าชีวิตผมเยอะมาก ผมเลยพยายามไม่ถือเรื่องในอดีตอีก แถมแอบรู้สึกเห็นใจมันนิดหน่อย พวกเราคุยกันอยู่นาน ทางผมเองก็โม้เรื่องผมให้มันฟังไปบ้างตามภาษาพี่น้องที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน จนพวกเราพากันหลับอย่างไม่รู้ตัว
ตะวันสายโด่งเลยมานานมากแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกหนักที่ตัว พอลืมตาสำรวจตัวเอง เลยพบสาเหตุของอาการผีอำ เป็นไอ้พี่เนส มันคงละเมอมานอนกอดผมแทนหมอนข้างมัน ผมพยายามแกะแขนขามันออกจากตัวผมอย่างเบามือ ก่อนจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน พอออกมาเนสมันตื่นพอดี
"กูล้างหน้าแป๊บ เดี๋ยวกูพาไปกินข้าว"
"กินที่ไหน" ผมถามอย่างสงสัย แต่ว่าทำไมไม่กินที่บ้าน
"ร้านข้าว บ้านเพื่อนกูเอง" พอมันล้างหน้าใส่กางเกงบอลเสื้อยืดเสร็จ มันก็เดินมากอดคอผมลากออกไปหาอะไรกินทันที
"เห้ย ๆ เดี๋ยว กูยังไม่ใส่เกงใน" ผมรีบบอกมันก่อนจะเหวี่ยงตัวหมุนออกจากวงแขนไปตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ด้วยความรีบร้อนเพราะคิดว่าเนสมันออกจากห้องไปแล้ว เลยถอดกางเกงหยิบกางเกงในมาใส่ พอหันกลับมาเห็นมันยืนพิงประตูมองอยู่พอดี จะนึกอายก็อายแต่ก็เนียน ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
"ก้นขาวดี" นั่นละนิสัยของมัน แซวได้ก็แซว
"สัด" แล้วนี่ก็ปากผมไวพอ ๆ กันกับมัน
แต่ไม่ใช่แค่ปากผมเดินไปใกล้รอจังหวะหวังเตะสูงใส่ลำตัวมัน นี่ละเขาเรียกว่าเจ็บไม่จำ เพราะมันรับได้ แถมยกกระชับให้สูงขึ้นพร้อมกับดันตัวเข้าหาผมจนผมเสียงจังหวะเซเกือบหงายหลัง แต่มันเอาอีกมือมาโอบได้ทัน พร้อมกับปล่อยมือที่จับขาผมออกก่อนจะดึงตัวผมเข้ามาใกล้ เพื่อไม่ให้เสียหลักพากันล้ม ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ไป ๆ มา ๆ ตอนนี้เหมือนผมเป็นสาวน้อยในอ้อมกอดหนุ่มหล่อสะงั้น เรามองหน้ากันนาน ก่อนที่ผมจะหลุดขำในสิ่งที่ผมนึกอยู่ พอผมตั้งหลักได้มันก็ปล่อยเอวผม แล้วกลับมากอดคอลากออกจากห้องไปผมทักทายป้าที่หน้าร้าน ก่อนพากันออกไปร้านข้าวเพื่อนเนส เราเดินเลาะตามฟุตบาทไม่ไกลก็มาถึงอาคารพาณิชย์อีกแห่งเป็นร้านข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกในร้านเดียวกัน มันยกมือไหว้ผู้หญิงมีอายุคนหนึ่ง ผมจึงยกมือไหว้ตาม
"หวัดดีครับแม่ วันนี้ขอมาฝากท้องอีกวันครับ แถมพาลูกค้าใหม่มาเพิ่มด้วย นี่น้องผมชื่อเบส"
"สวัสดีครับ" ผมรีบไหว้ แม่เพื่อนพี่ชายอย่างเคารพ
"พี่น้องคู่นี้หล่อเหมือนกันเลย ถ้าลูกน้าไม่อ้วนมันคงจะหล่อพอสู้พวกลูก ๆ ได้บ้างละมั้ง..."
"แล้วมันไปอยู่ไหมครับ?"
"แม่ให้มันออกไปส่งข้าวมันไก่ขาประจำ เดี๋ยวคงกลับ ว่าแต่เนสกับเบสอยากกินอะไรเดี๋ยวแม่เพิ่มพิเศษให้"
"เอาเมนูเด็ดของร้านเลยครับ น้องผมมันจะได้ติดใจ"
"เดี๋ยวจัดให้ ไปนั่งรอเลย" ไม่นานข้าวมันไก่จานโตที่มีหมูกรอบแยกอย่างละครึ่ง พร้อมถ้วยน้ำแดงกับน้ำจิ่มมาให้ราดใส่เอง มีซุปต้มไก่ร้อน ๆ อีกถ้วยใหญ่ให้กินด้วยกัน มันอร่อยสมคำโม้ของพี่ผมจริง ๆ ไม่นานเพื่อนเนสก็กลับมา
"ไง" เสียงผู้ชายรุ่น ๆ ผมทักมาที่โต๊ะ
"อ้นนี่ น้องกูชื่อเบส รู้จักไว้สะไหว้น้องกูด้วย"
"หวัดดีครับน้องเบส" เขาพูดพร้อมยกมือไหว้อย่างสวยงาม ที่ดูยังไงมันก็คือการตบมุก "ถุย สัดเหอะ ดีเบสเราอ้นนะเพื่อนสนิทไอ้เหี้ยนี้มัน"
"ยังอุส่ารับมุก เพื่อนกูนี่ดีจริง ๆ"
"สวัสดีครับพี่อ้น" ผมทักตามศักดิ์
"เบสมึง อย่าไปเรียกมันพี่เลย จริง ๆ มันอายุเท่ามึง แค่หน้ามันแก่เฉย ๆ"
"สัดปากดี เบสมันเรียกพี่เพราะกูมีความน่านับถือไง เบสมันจะเรียกพี่ก็ถูกแล้ว ไม่เหมือนมึงหรอก"
"ส้นตีน พอ ๆ กูจะกินข้าว ไป ๆ เดี๋ยวตอนเย็นมึงไปห้องกูด้วย"
"อ้าวไอ้นี่ แทนที่จะชวนกูนั่งโต๊ะไล่เฉย... พอมีน้องทิ้งเพื่อนเลยนะ" ไอ้เนสไม่พูดอะไร แต่ยกนิ้วกลางส่งให้ลูกเจ้าของร้านข้าวมันไก่แทน จนอีกฝ่ายส่ายหัวให้กับความเกรียนของเพื่อนสนิท
"เบสรู้อะไรปะ จริง ๆ ไอ้เนสมันนับวันรอเบสมาอยู่ด้วยเลยนะ เห่อน้องขนาดไหนคิดดู" พูดเสร็จอ้นก็รีบหลบตีนของคนที่ถูกแซวได้ทัน เห็นตัวใหญ่อวบอ้วนแบบนั้น กลับสามารถหลบอดีตนักกีฬาเทควันโดได้เฉย แล้วอ้นมันก็วิ่งหนีเข้าไปหลังร้าน
"อายุเท่ากันกับเบสเหรอ" ผมถามอย่างสงสัย ในใจแอบคุ้นเคยอ้นเหมือนกัน
"อืมใช่ มันเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ เห็นแบบนี้ แต่เรียนเก่งโคตร ๆ เลยนะ ที่หนึ่งของห้อง ไม่ใช่สิ ที่หนึ่งของระดับชั้น ที่จะให้มันมาบ้านเรา ก็เรื่องนี้ละ"
"เรื่อง?"
"ติวข้อสอบ ก่อนไปสอบเข้าโรงเรียนกูไงไอ้น้อง..."