การเป็นคนอวบหนามันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ขาดความมั่นใจ ผมยืนมองตัวเองในกระจกเงาสะท้อนของห้องน้ำ หลังเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ยังดีที่ผมไม่เตี้ยและเค้าโครงหน้าก็พอดูได้ แอบหลงตัวเองเหมือนกันสินะเรา ผมมองตัวเองในกระจกแล้วแอบคิดเปรียบเทียบถึงตัวเองหุ่นดีแบบเพื่อนสนิท หน้าตารูปร่างตัวเองจะเปลี่ยนไปยังไง ระหว่างมโนในจินตนาการถึงรูปร่างตัวเองอยู่ ก็แอบรู้สึกเสียวท้อง หลงตัวเองขึ้นมาสะได้ สงสัยจะบ้า ว่าไปแล้วก็รู้สึกอยากเอาน้ำออกเหมือนกัน เพราะไม่ได้เอาออกมาหลายวัน เพราะมัวติดเกมออนไลน์ที่ดูดพลังชีวิตจนไม่ได้ทำอะไรเลย มือที่ลูบคลำก่อนจะบีบนวดจนลำเอ็นที่อ่อนค่อย ๆ แข็งชูชันขึ้นมา ผมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูคลิปสาวน้อยในชุดหนังสัตว์ที่กำลังโดนหนุ่มควยใหญ่เย่ออย่างเมามัน เสียงร้องสาวเจ้าบอกถึงรสชาติที่ได้รับ ถึงในเรื่องจะมีบทพูดไม่เยอะและก็ฟังออกอยู่เพียงสองสามคำ ด้วยความเสียวที่ผมมโนภาพว่าตัวเองเป็นพระเอกเอเชียตะวันออกคนนั้น เพียงไม่กี่นาทีท่อนลำของผมก็กระตุกพ่นน้ำสีขาวขุ่นข้นออกมาเป็นสาย มันเยอะอย่างที่คิด เพราะเล่นสะสมมาตั้งหลายวันจนเขื่อนเกือบเต็ม
"อ้น อาบน้ำนานไปแล้ว เดี๋ยวไปส่งข้าวกล่องให้เจ้พลอยร้านเสริมสวยด้วย"
ผมที่เพิ่งสำเร็จความใคร่ไปหมาด ๆ จึงรีบล้างตัวไปทำงานช่วยแม่ที่เป็นเจ้าของร้านข้าวมันไก่ชื่อดังในย่านนี้ แน่ละครับเพราะที่บ้านผมทำร้านอาหารจะโทษก็ต้องโทษตัวเองที่อดกินของในร้านตัวเองไม่ได้ เพราะมันอร่อยจริง ๆ ไม่ได้เข้าข้างแม่นะครับ และถึงผมจะหุ่นไม่ดีแต่ก็ยังมีอะไรดี ๆ ในตัวอีกเยอะ อย่างน้อย ๆ ผมก็สูงถึง 187 เซนติเมตร เรื่องน้ำหนักช่างมันครับ ถึงผมจะอวบหนาเป็นหมีหมู แต่ก็ขอเป็นหมีหมูที่แข็งแรงแล้วกัน
พอไปส่งของให้แม่เสร็จกำลังจะเข้าร้านมาก็เห็นเพื่อนสนิทส่งยิ้มยิงฟันมาให้แต่ไกล แต่แปลกที่วันนี้มีคนมานั่งโต๊ะร่วมกับมันด้วย ยังไม่ทันไรมันก็กวักมือเรียกผมพร้อมกับแนะนำน้องคนหนึ่งให้รู้จักหลังผมเพิ่งทักมันไป แต่ทำไมคุ้นหน้าน้องเขาจังวะ
"อ้นนี่ น้องกูชื่อเบสรู้จักไว้สะไหว้น้องกูด้วย" เชี้ยแล้วไงเล่นกูอีกแล้วไอ้เพื่อนรัก แต่ก็เล่นกับมันแบบนี้บ่อย ๆ
"หวัดดีครับน้องเบส" ไหน ๆ ก็ไหว้ประกอบพร้อมไปเลย...
พอผมกลับเข้ามาในห้องก็มานึกเรื่องต่าง ๆ ที่เพื่อนสนิทเคยเล่าให้ฟังกับความทรงจำในอดีตของผม ผมที่กำลังนึกถึงอยู่ก็หลุดยิ้มกับความทรงจำสมัยก่อน...
♫ย้อนไปกว่า 6 ปี ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนในปีนั้น♪
"พี่ ๆ พอรู้จักร้านเกมเปล่า" เด็กคนหนึ่งหน้าตี๋ขาวใสปากชมพูแก้มแดง ทักผมที่หน้าปากซอย
"จะไปร้านเกมเหรอ เดี๋ยวพาไป นีก็กำลังไปเล่นเหมือนกัน ซ้อนท้ายมาเลย..." ผมตอบออกไปเพราะแท้จริงแล้ว ผมก็กำลังหนีแม่ไปเช่าชั่วโมงเล่นเกมเหมือนกัน จากนั้นก็ปั่นจักรยานคันเก่งพาเพื่อนใหม่ที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ พอไปถึงเครื่องเล่นเกมเหลือให้เล่นแค่เครื่องเดียวสะงั้น
"นาย เราเล่นเกมด้วยกันมะจะได้เล่นเกมที่เล่นสองคนได้" ผมถามออกไปเพราะยังไงก็อยากเล่นเกม
"ได้ ๆ พี่เลือกเกมมาเลยผมออกเงินให้ก่อนเองชั่วโมงแรก"
"ถามหน่อย นายอายุเท่าไหร่" ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้อายุเท่าไหร่กันแน่
"10 ขวบ พี่อะ..."
"10 ขวบ เหมือนกัน"
"อย่างนี้ก็รุ่นเดียวกันดิ โธ่..." ไอ้ตี๋หน้าใสบ่นหน้าตาย
"เราชื่ออ้น นายชื่ออะไรจะได้รู้จักกันไว้" ผมตัดสินใจถามชื่อ แต่ทำไมแอบรู้สึกเขิน ๆ กับไอ้ตี๋คนนี้วะ
"เบส"
การแนะนำตัวแบบเด็ก ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย ผมรู้สึกถูกชะตากับไอ้ตี๋นี่เหมือนกัน พวกเราคุยกันหลายเรื่อง มีความสุขที่ได้เจอเพื่อนใหม่ แถมมันเป็นความรู้สึกเดียวแบบที่ผมมีต่อไอ้เนส เลยเราเล่นเกมด้วยกันถึง 4 ชั่วโมงก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน มันเป็นแบบนี้อยู่ 2 วันที่เราเล่นเกมด้วยกัน
"อ้น พรุ่งนี้เรากลับต่างจังหวัดแล้วปีหน้าเราจะมาเล่นกันใหม่นะ" ไอ้ตี๋มันบอกผมหลังที่เพิ่งออกจากร้านเกม ผมแอบรู้สึกใจหาย อุส่าได้เพื่อนใหม่ที่นิสัยดีถูกชะตาแล้วแท้ ๆ ทำไมมันเหมือนจุก ๆ หน่วง ๆ เหมือนกำลังจะร้องไห้ มองดูหลังเพื่อนใหม่ที่เดินห่างออกไปแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้พบกับมันอีกเลย...
♫6 ปีให้หลัง...♪
หลังผมนึกถึงความหลังสมัยเด็กจบ ในความทรงจำความรู้สึกเก่า ๆ มันก็กลับมา ที่แท้ไอ้ตี๋คนนั้นมันก็คือเบสคนเดียวกับที่ไอ้เนสเล่าให้ผมฟังมาตลอด มันไม่ได้ห่างหายจากผมไปไหนเลย ผมกลับรับรู้เรื่องของมันผ่านจากปากเพื่อนสนิทอีกคนมาตลอด ผมเปิดตู้หนังสือเก่า ๆ เอาออกมาทบทวน ก่อนที่เย็นนี้จะไปบ้านไอ้เนสและเจอไอ้เบสอีกครั้ง พอตกเย็นผมก็รีบบึ่งมอไซค์ลัดเลาะไปถึงบ้านเพื่อนสนิทโดยใช้เวลาไม่นาน
"สวัสดีครับ น้าปลา" ผมรีบทักทายเจ้าบ้านก่อนที่จะขอเข้าไปข้างใน
"ดีจ้า อ้น มาติวหนังสือให้น้องใช่มะ ขึ้นไปเลย" ผมรีบเดินขึ้นไปอย่างว่องไว ในใจก็แอบคิดถึงไอ้เบสที่ไม่ได้พูดคุยกันมานาน แอบนึกสงสัยว่ามันจะจำผมได้ไหม
ก๊อก...ก๊อก... ก๊อก...
"กูเอง" พอเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือไอ้ตี๋ที่ผมกำลังคิดถึงอยู่ กำลังถอดเสื้อโชว์หุ่นขาวใส คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ เผลอมองอยู่นานจนอีกฝ่ายยิ้มมาให้ บ้าเอ๊ยให้ตายเหอะ ผมอยากรู้ใจจะขาดว่ามันจะจำผมได้ไหม แต่ก็ไปสะดุดสายตาเจ้าของห้อง ที่ตอนนี้ส่งไอจิตสังหารมาเต็ม ๆ ลืมไปเลยว่าไอ้นี่มันเป็นบราคอน(หลงน้องชายตัวเอง) ผมเลยรีบเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของห้องก่อน รอให้เบสแต่งตัวเสร็จ
"เบสนายไม่ถนัดวิชาไหน..." ผมถามเพราะยังไม่รู้ถึงพื้นฐานการเรียนของมัน
"คิดว่า น่าจะพวกภาษาอังกฤษเพราะโรงเรียนเก่ามันเป็นโรงเรียนรัฐบาล ไม่มีครูต่างประเทศครับ" คำพูดฉะฉานแบบที่ผมรู้จักดีมันไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ขนาดผ่านมาตั้งนานแล้วแอบรู้สึกดีที่มันยังเหมือนเดิม
"โอเค งั้นเรามาติวอังกฤษกันก่อนลองทำเทสอันนี้ดูนะ" ผมส่งหนังสือแบบฝึกหัดเล่มเก่าผมไปให้เบสทำ มันดูเหมือนไอ้เนสอยู่หลายส่วน สูงขาวตี๋ต่างกันนิดหน่อยเอง สมแล้วที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ระหว่างที่เบสมันทำแบบฝึกหัดผมก็ขึ้นเตียงไปนอนเม้ากับเพื่อนสนิท
"พวกมึงจะเอาอะไรเปล่ากูจะไปซื้อขนมที่มินิมาร์ท" อยู่ ๆ ไอ้เนสมันก็ดีดตัวลุกขึ้นมาถามพวกผม เลยสั่งเอานู่นนี่นั่นตามที่ผมกับมันชอบกิน พอไอ้เนสมันออกไปแล้ว ผมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ผมมองไอ้เบสมันจากบนเตียงที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำแบบฝึกหัดอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ไม่รู้ว่ามองมันอยู่นานแค่ไหน จนอีกฝ่ายหันมามองจนสายตาเราสบกัน ผมรู้สึกเหมือนลืมตัวหน้าแดงขึ้นมาช้า ๆ
"พี่อ้น คือว่า..."
"พี่เพ่ออะไรเราอายุเท่ากันไม่ใช่เหรอ มีอะไรไม่เข้าใจปะ"
"คือ เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?" เบสมันถามขึ้นมา ในใจผมกลับดีใจจนจะระเบิด แถมอยากจะร้องไห้สะงั้น เพราะแค่มันจำผมได้
"ใครก็ไม่รู้บอกว่าปิดเทอมจะมาเล่นเกมด้วยกัน ไอ้เราก็รอแล้วรออีก นึกว่าลืมกันไปแล้ว..."
ผมพูดไปยิ้มไปมีความสุขแปลก ๆ เหมือนได้เพื่อนที่หายไปกลับคืนมา มันดันเก้าอี้ลุกเดินมานั่งข้างผม รอยยิ้มกับใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้กลับมาอยู่ใกล้ ๆ อีกครั้ง ภาพเงาในอดีตซ้อนทับกับโครงหน้าปัจจุบัน เบสมันไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย ตอนเด็กน่ารักยังไงโตมาก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ผมรู้สึกหมั่นไส้เลยเอามือหยิกแก้มมันไปที
"โอ้ยยยย เจ็บ นี่ก็ลุ้นอยู่ว่าใช่อ้นคนเดียวกันหรือเปล่า ดีใจเหมือนกันที่พบกันอีก" แล้วมันก็ทำสิ่งที่ผมอยากจะทำแต่ไม่กล้า มันโน้มตัวมากอดผมครับ ผมทำตัวไม่ถูกเลย แล้วดันร้องไห้ออกมาอีก
"แล้วกันร้องไห้ทำไม?" มันหน้าตายถามออกมาได้ ผมที่น้ำตาแตกยิ่งไหลมากกว่าเก่า
"กูคิดถึงมึงอะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่าแค่เป็นเพื่อนกัน 2 วันกูจะชอบมึงขนาดนี้" ผมพูดความในใจออกไป เพราะมันเป็นคนแปลกหน้าคนเดียวที่ผมยกให้มันเป็นเพื่อน รอยยิ้มที่มันสวนกลับมาหลังฟังผมพูด ทำให้ผมเบรกน้ำตาไม่อยู่จริง ๆ
"พอ ๆ หยุดร้องก่อน จริง ๆ เบสก็คิดถึงอ้นนะ แต่ปิดเทอมหลัง ๆ พ่อแม่เบสไม่ยอมพามาส่งบ้านป้าเลย"
เบสมันพูดไปพร้อมกับเดินไปหยิบทิชชูมาส่งให้ผมเช็ดหน้าเช็ดตา แอบรู้สึกอายเหมือนกันที่ร้องไห้ต่อหน้าเพื่อน ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีเพียงไอ้เนสที่ผมมักจะมาร้องไห้กับมัน เพื่อนคนอื่นยิ่งไม่เคยเห็น พอผมสงบสติได้แล้ว มันก็ชวนคุยเรื่องในอดีต ผมยิ่งดีใจเพราะมันจำได้ละเอียดในทุกความทรงจำ
"มึงไม่ต้องมาเรียกกูพี่นะ เพราะตั้งแต่ตอนนั้นกูนับมึงเป็นเพื่อนแล้ว" ผมไม่อยากให้เกิดความเหินห่างอีก อะไรที่ทำให้พวกเรากระชับได้ ผมยอมทั้งนั้น...
"ได้ครับพี่อ้น... แฮร่... ล้อเล่น ๆ "
มันพูดแกล้งผม จนผมเผลอทำหน้างอใส่มัน เราคุยกันต่อไม่นานไอ้เนสมันก็กลับมาพร้อมขนม ผมสอนหนังสือไอ้เบสต่อจนดึก ตอนแรกว่าจะกลับบ้านแต่ไอ้เบสมันก็บอกให้ผมนอนด้วยกัน ผมหันไปมองหน้าเจ้าของห้องเหมือนทำหน้าไม่พอใจอยู่หน่อย ปกติผมมานอนบ้านไอ้นี่บ่อยอยู่นะ แต่พอน้องมันมาเหมือนมันจะหวงน้องมากกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ
"กูจะโดนพี่มึงกินหัวไหมเนี่ย มองกูแรงสะขนาดนั้น..."
"ช่างเนสมัน อยากให้อยู่คุยชดเชยที่เราไม่ได้เจอกันนานเฉย ๆ เอง" เบสมันบ่นเหมือนประชดให้พี่มันหึงเล่นอยู่แหะ
"ไม่ได้ว่าอะไร นอนก็นอนสิ ก็ไม่ได้ห้ามสะหน่อย..." ดู ๆ เพื่อนผม ปากก็พูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงมันใช่ที่ไหน แต่ก็เอาเถอะตัดสินใจแล้วว่าจะนอนด้วยคืนนี้...
♫หลายวันผ่านไป♪
วันนี้อีกวันที่ผมทำหน้าที่ของลูกกตัญญู คอยขับรถไปส่งของให้ลูกค้าเจ้าประจำ ผมก็อยากรู้ข่าวเหมือนกันนะว่าไอ้เบสมันจะสอบติดโรงเรียนผมไหม แต่ผมก็แอบมั่นใจว่ามันต้องติดและเป็นห้องทับหนึ่งแน่ ๆ เห็นมันเป็นแบบนั้นแต่พอผมทดสอบพื้นฐานมันดูมันไม่ธรรมดาเลย นี่มันเพชรน้ำงามดี ๆ นี่เอง ผมเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรหาไอ้เบส
"ไง ติดไหม ห้องอะไร" ผมยิงคำถามทั้งที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์แล้วเอาแนบหูหรือยัง
"ใจเย็น ๆ ติดห้องหนึ่งด้วยละ..." เสียงสดใสของเพื่อนรุ่นน้องคนนี้ ทำให้ผมพอใจกับการลงแรงที่ช่วยมันสอนหนังสือ คุ้มค่าจริง ๆ
"อืมมมม ดีแล้วรุ่นพี่คนนี้พอใจอย่างมาก แค่นี้นะ ไปส่งของต่อละ"
ผมชิงตัดสายก่อนจะขับรถกลับร้านไปรับข้าวกล่องไปส่งลูกค้าต่อ ไม่นานผมก็เห็นไอ้เพื่อนตัวดีสองคนกำลังหัวเราะคิกคักมือไม้จับกุมเหมือนเพิ่งเดินกุมมือกันมา ทำไมพวกนั้นทำตัวเหมือนเป็นแฟนกันเลยวะ แล้วกันกอดกันเฉย รู้สึกตกใจแปลก ๆ แต่ก็ขอเข้าไปแซวมันสักหน่อย
"เห้ยยย พวกมึงสองคนจะสวีทไปถึงไหน" แซวไปแต่กลับโดนประชดใส่สะงั้น ไอ้เนสมันคงคิดว่าผมมาขัดจังหวะแหง ๆ เห้ออออ ทำไมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งแปลก ๆ วะ
เวลาผ่านไปพวกนั้นเหมือนมันกันผมออกห่าง ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมา เหมือนผมกลายเป็นคนนอก ถึงผมไปมาหาสู่พวกมันปกติ แต่พักหลังผมยิ่งเหมือนถูกทิ้ง โทรไปมันก็ไม่รับสายทักข้อความไปก็นานกว่าจะตอบ พอได้เจอพวกนั้นก็เหมือนไม่เห็นผมอยู่ในสายตา มันรู้สึกเหงาแปลก ๆ อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดผมแล้ว ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันจะไปกินนมกับผมไหม คิดไว้นานแล้วว่าอยากจะเลี้ยงวันเกิดกับพวกนั้นกันแค่ 3 คน
♫คืนวันเกิดผม♪
ผมรีบแต่งตัวออกจากบ้านไปยังร้านนมที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดของแถวนี้ แน่นอนว่าผมนัดไอ้สองพี่น้องให้ไปเจอกันที่ร้าน พอมาถึงก็เห็นมันสองคนสวีทกันอีกแล้วอิจฉาวะ แถมผมก็โดนไอ้เชี้ยสองตัวนี้ปั่นหัวจนร้องไห้กลางเลี้ยงวันเกิดตัวเอง ผมก็ไม่โกรธหรอกนะ เพราะของขวัญวันเกิดผมที่พวกนี้ให้ดันเป็นสิ่งที่ผมอยากได้มานานแล้ว แต่พ่อแม่ไม่ยอมซื้อให้สักที ผมใส่มันที่ข้อมือ รอยยิ้มของพวกมันที่เกิดจากการแกล้งผมจนร้องไห้ กลับทำให้ผมมีความสุขมากกว่าการเสียน้ำตา ถือว่าเป็นวันเกิดที่ดีของผมอีกปี
"อ้น มึงนอนบ้านกูไหมคืนนี้... " ผมถูกเจ้าของห้องชวนให้ค้างคืนด้วย หลังเพิ่งเข้ามาเอากล่องของ Smart Watch ของของขวัญวันเกิด
"อืมมม ได้อยู่ กูโทรบอกแม่แป๊บ" ผมหยิบมือถือขึ้นมากโทรบอกที่บ้าน
"เออให้กูกลับบ้านไปเอาเสื้อมาก่อนไหม..." ผมเหมือนนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้เตรียมตัวมานอนเล่นบ้านเพื่อนเหมือนทุกที เพราะไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา
"ไม่ต้อง ๆ มันมีเสื้อมึงที่ลืมทิ้งไว้อยู่" พอผมมานึกดูก็เหมือนจะมีเหตุการณ์แบบนั้นจริง ๆ ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้แบบแปรงสีฟันนี้ไม่ต้องห่วง มันมีสำรองให้ผมอยู่แล้ว
"ทำไมชวนกูนอนวะ" ผมล้มตัวนอนบนเตียงใหญ่ ก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย
"พวกกูรู้ว่ามึงเหงา ใช่ไหมอ้น..." เบสอยู่ ๆ ก็พูดแทงใจดำผมตรงเป้ากลางใจพอดิบพอดี แน่นอนว่าน้ำตาผมเอ่อล้นจนเกือบจะไหลออกมาอีกตามเคย ทำไมผมถึงขี้แยแบบนี้วะ
"กูก็รู้ว่ามึงเหงา ที่พวกกูลืมตัวมัวแต่เห่อควยกันอยู่..." คำพูดไอ้เนสมึงจะตรงไปไหมกูอายแทนพวกมึงแล้วเนี่ย แต่มันก็ทำให้ผมหยุดร้องไห้ได้
"อืมมม กูรู้แค่พวกมึงไม่ลืมกูก็ดีใจแล้ว" ผมตัดบทเพราะไม่อยากให้ตัวเองอ่อนไหวกับบทสนทนาที่เพื่อนสองคนอยากจะสื่อขอโทษ
"งั้นมึงมาอาบน้ำกับพวกกูมา..." เห้ยเดี๋ยว ๆ ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม ไอ้เนสมันพูดอะไรนะ ทำไมผมรู้สึกหัวหมุน พูดใหม่ดิ
"เร็ว พวกกูจะเข้าไปอาบน้ำแล้ว"
ไอ้เนสอยู่ ๆ ก็ถอดเสื้อผ้าเหลือแต่บ๊อกเซอร์ แต่เดี๋ยวก่อนมันจะทำอะไรนะ มึงถอดปราการด้านสุดท้ายทำไม ผมที่มัวตกตะลึงอยู่พอจะหันไปหาไอ้เบสเพื่อจะถามความเห็น แต่ภาพไอ้น้องชายสุดที่รักของไอ้เนส มันก็ไม่ต่างกันเลย มันกำลังถอดเสื้อจนไม่เหลืออะไรปิดเหมือนกัน
"นี่กูฝันอยู่ใช่ไหม..." ผมหลุดปากพูดออกไปด้วยความลืมตัว ไอ้สองคนนั้นมองหน้ากันก่อนจะหลุดขำออกมา
"เร็ว ๆ กูไม่ได้แก้ผ้าอาบน้ำกับมึงมาตั้งแต่ ป.5 แล้ว..." ไอ้เนสพูดความหลังสมัยผมยังเด็ก ๆ ที่อะไร ๆ ก็ไม่ได้เหมือนสมัยนี้ ผมที่ยังยืนนิ่งอยู่ก็ต้องตกใจขึ้นมา เพราะไอ้ลูกเจ้าของบ้านกับน้องของมันเหมือนพร้อมใจเข้ามาจับผมแก้ผ้า
"เดี๋ยว ๆ กูทำใจก่อน..." แต่ไม่ทันแล้ว ผมถูกจับอยู่ในชุดวันเกิดในวันคล้ายวันเกิด ทำกันได้ไอ้เพื่อนบ้า
"อ้น มึงกำลังลดความอ้วนเหรอวะ..." เนสมันถามผมทันทีหลังจับผมแก้ผ้าสำเร็จ จริง ๆ มันควรจะทักผมนานแล้วเพราะตลอดหลายวันมานี่ ผมเริ่มออกกำลังกายลดพุงลดน้ำหนัก ตอนนี้ก็เบิร์นไป 3กิโลกรัมแล้ว
"อืม ลดมาได้ 3 กิโล แล้ว" ผมพูดไปตามจริง
"กูก็คุยกับไอ้เนสอยู่ว่าช่วงนี้เหมือนมึงดูดีขึ้น..." ดีใจแหะที่ไอ้เบสสังเกตผมด้วย ก็แน่ละพอมีเพื่อนหุ่นดี ๆ ตั้งสองคนผมยังจะมัวปล่อยตัวอ้วนต่อได้ไง เดี๋ยวขายไม่ออกกันพอดี
"เพราะมึงใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ ๆ มันเลยดูไม่ออก พอมึงแก้ผ้ากูถึงเห็นว่าไขมันพุงมึงหายไปบางส่วน เอางี้สิพรุ่งนี้มึงมาออกกำลังกายกับพวกกูที่ห้องยิม..." เนสมันชวนผมเข้ายิมดีใจจัง
"เออกูว่าจะบอกมึงเรื่องนี้เหมือนกันแต่ลืมตลอด" ผมตอบตามตรง เพราะอยากมาใช้เครื่องออกกำลังกายบ้านมันอยู่ แต่ดันลืมไปเสียสนิท
"มึงไม่อายพวกกูแล้วใช่ปะ"
เบสอีกแล้วครับ ชอบถามอะไรตรงจุดเกิดเหตุตลอด แต่ก็จริงคุยนั่นคุยนี่จนผมลืมไปแล้วว่ากำลังอายอยู่ จากนั้นไอ้พี่น้องสองคนก็มาดึงผมให้เข้าไปในห้องน้ำ พอผมมายืนพิจารณาร่างกายกำยำของไอ้สองคนนั่น เห้ยยยย พวกมึงนี้เทพบุตรกันชัด ๆ โอ้ยอิจฉาหุ่น...
"มองพวกกูนี่อิจฉาหรือหลงใหล" ไอ้เนสมันคงแซวผมที่กำลังสำรวจร่างกายพวกมันอยู่แน่ ๆ
"เออ อิจฉา นอกจากที่กูอ้วนแล้วนอกนั้นกูไม่มีอะไรแพ้พวกมึงเลย" ก็ส่วนอื่น ๆ ของผมมันก็สู้ได้หมดทุกอย่าง อ้นน้อยก็ยาวใหญ่พอ ๆ กับพวกมัน แถมหุ่นผมก็สูงกว่าตั้งหลายเซนฯ ชนะเห็น ๆ
"รอกูผอมก่อนพวกมึงหนาวแน่"
"ครับ ๆ อย่ามองนานมากพวกกูยิ่งสตาร์ทติดกันง่ายอยู่" เนสมันพูดอะไรของมันวะ ผมไม่เกตเท่าไหร่
"ก็มีเพื่อนหุ่นดีมองนิดมองหน่อยไม่เสียหายหรอก" ผมทำทีบ่นออกไป แต่พอหันไปทางไอ้เบสเท่านั้นละอะไรวะนั่น...
"โทษที กูเผลอคิดอะไรทะลึ่งไปหน่อย..." เวรแล้วไง ไอ้เบสมึงจะมาแข็งตอนนี้ทำไม ผมยิ่งเซ็นซิทีฟด้านอารมณ์อยู่ พอเจอคนเอาควยชี้หน้าผมก็เหมือนคุมตัวเองไม่ได้ พอจะหันไปทางไอ้เนส ก็เหมือนเจอภาพซ้ำซ้อน มึงก็อีกคนไอ้เพื่อนเวร แล้วนั้นพวกมึงสองคนกำลังจะทำอะไรกัน...
"พวกมึง!!"
ผมที่ทำอะไรไม่ถูกกำลังยืนมองอาตี๋หล่อสองคนดูดปากกันอยู่ ผมที่ตอนนี้ขนลุกแปลก ๆ มันยิ่งกว่าดูหนัง AV ที่ผมชอบแอบดูประจำ อ้นน้อยที่ตอนแรกกรึ่ม ๆ กำลังขยายตัวตื่นเต้นกับภาพคมชัดระดับ Full HD เต็มทั้งสองตา ผมถึงกับต้องกลื่นน้ำลายยืนตัวสั่นเป็นลูกนก กับอารมณ์ตื่นเต้นจนเหมือนจะหน้ามืด แล้วพวกมันก็หยุดดูดปากกันก่อนจะหันมามองผมตาเชื่อม
"เวรแล้วไง" พวกมันเข้ามาผลักผมจนติดผนัง
"อ้น มึงอยากลองเล่นอะไรเสียว ๆ กับพวกกูปะ" เบสมึงทำไมพูดแบบนั้น กูไม่เข้าใจ ผมได้แต่ส่งสายตาออกไปเพราะน้ำลายเหนียวจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ไม่ทันแล้ว...
"อะ อะ " ผมกำลังถูกหนุ่มตี๋สองคนดูดเม็ดนมอยู่ ไอ้สองพี่น้องพวกนี้มันจะกล้าหน้าด้านเกินไปแล้ว ผมหมดแรงจะสู้ ได้แต่กระตุกควยตามจังหวะความเสียว มือก็ถูกล๊อกทำห่าอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ยืนตัวกระตุกเพราะร่างกายมันตอบสนองไปเอง จนเกิดรีแอคชันตามระบบประสาท ผมร้องครางออกมาเพื่อระบายความรู้สึกเหล่านี้ ไม่งั้นผมต้องหัวใจวายตายไปก่อนแน่ ๆ ผมไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้ พวกนี้มันก็เพื่อนรักผม แต่ผมไม่เคย ไอ้เนสมันก็รู้ขนาดผมยังไม่กล้าจีบสาว แล้วเรื่องอย่างว่ามันจะมีได้ไง ประสบการณ์ก็ได้จากการดูกับเรื่องเล่าของไอ้เนสทั้งนั้น...
"อ้นมึงเสียวไหม..." ไอ้เบสมึงรู้แน่ ๆ ว่ากูกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมผมเหมือนโดนมันอ่านออกตลอดเลย เกือบทุกเรื่อง
"ช่วยกูด้วย กูเสียว กูไม่ไหวแล้ว..."
ผมที่ไม่อาจต่อต้านอารมณ์ได้อีก ถูกปากไอ้เบสเข้ามาประกบ มันจูบผม แล้วผมต้องทำไงต่อ ผมลองอ้าปากออกหน่อยก็โดนลิ้นของไอ้เบสเข้ามาฉกตวัดกับลิ้นของผม มันรู้สึกดีแปลก ๆ เหมือนยิ่งทำยิ่งทำให้อารมณ์ผมกระเจิง ยังไม่ทันไรผมก็ต้องร้องครางออกมาอีกรอบ ผมพยายามก้มหน้าหาสาเหตุ ไอ้เนสเพื่อนรักของผม มันกำลังทำรักด้วยปากกับควยของผม นี่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าชีวิตของลูกร้านข้าวมันไก่จะได้เทพบุตรถึงสองคนมาบำเรอกามให้ เหมือนผมกำลังได้ขึ้นสวรรค์ ไม่นานผมก็กระตุกพ่นน้ำใส่ปากไอ้เนสไปหลายระลอกจนผมหมดแรง แต่ก็ยังถูกตรึงกับผนังโดยมีไอ้เบสค่อยจับผมไว้ไม่ให้ผมเสียการทรงตัว ไอ้เนสมันลุกยืนยิ้มให้ผม ที่ปากของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบน้ำสีขาวขุ่นอันคุ้นตา นี้ผมต้องฝันอยู่แน่ ๆ เพื่อนรักผมมันมีด้านแบบนี้ด้วยเหรอ มันโน้มมาจูบปากผมอีกคนแล้ว ผมรับรู้ถึงกลิ่นคาวและเค็มของน้ำกามตัวเอง มันถูกผลักดันให้เข้ามาในปาก นี่ผมคงต้องกลืนน้ำตัวเองจริง ๆ เหรอเนี่ย...
"โกรธพวกกูไหม..." ไอ้เนสมันถามผมทั้งที่ตอนนี้มันกำลังอาบน้ำล้างตัวให้ผมอยู่
"ไม่ กูรู้สึกดีมาก เหมือนกูไม่โดนพวกมึงทิ้งไว้ข้างหลัง เหมือนได้อยู่วงในกับพวกมึง"
ผมตอบออกไปตามความรู้สึก พอเงยหน้ามองหาไอ้ตี๋อีกคนมันได้แต่ยิ้มกวนมาให้ผม เบสเอ๋ยรู้ตัวไหมว่ามึงเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผม พวกเราอาบน้ำต่อกันอีกไม่นาน พอแต่งตัวเตรียมนอน แต่ทำไมพวกมึงยิ้มแบบนั้นกันอีกแล้ว...
ในค่ำคืนของวันเกิดผมก็รู้แล้วว่า ไอ้กล่องของขวัญกล่องแรก(ถุงยาง)มันให้มาทำอะไร ที่แท้มันเตรียมมาไว้ให้ผมแกะใส่ให้พวกมันใช้กับผมนี่เอง...