ผมเข้ากับกลุ่มเพื่อน ๆ และโรงเรียนใหม่ได้แล้วครับ ใช้เวลาอยู่หลายวันกว่าจะจำชื่อเพื่อนทั้งห้องได้ ส่วนตอนนี้ผมกำลังนั่งฟังเพื่อนกลุ่มวินพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ไม่รู้ว่าพวกนี้มันไปสรรหาอะไรต่ออะไรมาพูดคุยกันได้โดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ผมที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ทีหลัง เลยได้แต่เป็นผู้ฟังสะส่วนใหญ่ แล้วจะให้พูดคุยเรื่องอะไรละ ชีวิตผมสมัยโรงเรียนเก่ามันก็ราบเรียบธรรมดา จะมีก็แต่เรื่องผมกับแนนที่จะพอเล่าให้สนุกปากได้ แต่มันก็ไม่น่านึกถึงเท่าไหร่ ส่วนเรื่องปัจจุบันมีแต่เรื่องส่วนตัว จะเล่าให้คนอื่นฟังก็คงไม่ดีต่อคนอีกหลายคน การฟังคนอื่นคุยเลยเป็นสิ่งบันเทิงของผมในช่วงนี้ แต่ก็นั่นละ ยิ่งผมอยู่เงียบ ๆ ไอ้เพื่อนกลุ่มนี้ก็ยิ่งอยากรู้เรื่องของผม โดยเฉพาะไอ้คุณวิน ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าเรื่องของพี่ชายผมมากกว่า ผมดูเวลาตอนนี้ใกล้เข้าเรียนภาคบ่ายแล้วจึงเตรียมตัวกลับเข้าห้อง พอมองไปยังอีกฟากของสนามบาส ร่างสูงของสองหนุ่มที่ผมรู้จักดีกำลังยืนส่งยิ้มหวานมาให้ ผมก็แอบเขินอยู่เหมือนกัน คงทำอะไรมากไม่ได้นอกจากส่งยิ้มกลับไปให้เท่านั้น
"มามองมึงกันอีกละ กูละอิจฉาที่พี่มึงมาคอยแอบส่องแอบดูแลจริง ๆ" ไอ้วินที่เดินมากอดคอผมพูดพร้อมมองไปยังไอ้รุ่นพี่สองคนนั้น
"ก็กูเป็นน้องรักเขา ทำไงได้" ผมทำทีพูดกวนอีกฝ่ายเพราะมันชอบมาแขวะผมบ่อย ๆ
"พวกมึง จารย์ต้นให้มาถามเรื่องสมัคร ร.ด."
ไอ้ภูมิวิ่งเข้ามาถามพวกผม เลยช่วยดึงความสนใจจากไอ้วินได้พอดี ส่วนเรื่องนี้พวกผมเคยพูดคุยกันมาแล้วบ้าง แต่มันติดตรงที่ถ้าเรียน ร.ด. มันต้องตัดผมสั้นนี่สิ อุส่าได้ไว้ผมยาวแล้ว ถึงจะแค่รองทรงสูงที่สั่งตัดแบบพิเศษจนหล่อกว่ารองทรงปกติ มันเลยทำใจยากที่จะต้องกลับไปหัวเกรียนอีกครั้ง คงต้องเอาเรื่องนี้กลับไปปรึกษาสองคนนั้นดูก่อน
"จารย์บอกว่าถ้าใครจะสมัครให้เตรียมตัวไว้ พุธหน้าจะพาไปทดสอบ"
"อีก 6 วันเองแล้วต้องทดสอบอะไรบ้าง" รู้สึกจะเป็นไอ้บีมที่ถามแทนพวกเรา
"เห็นว่า มี วิดพื้น 22 ครั้ง จับเวลาเท่าไหร่ไม่แน่ใจ ซิตอัพ 34 ครั้ง จับเวลาเหมือนกัน แล้วก็วิ่ง 800 เมตร จับเวลา 3 นาที 15 วิ"
พอพวกผมฟังที่ไอ้ภูมิบอกเสร็จก็เริ่มคิดหนัก เพราะสองอย่างแรกผมน่าจะพอไหวแต่ไอ้วิ่งนี่สิ คงต้องมีซ้อมกันหน่อยถ้าจะสมัคร พอพวกผมเข้าเรียนก็ใช้ชีวิตของนักเรียนไปตามปกติไม่มีอะไรมาก หากแต่เพื่อนพวกนี้ถึงจะดูกวน ๆ แต่ทุกคนกลับตั้งใจกับการเรียน แตกต่างกับช่วงเวลาพักเป็นคนละคนกันเลย สมแล้วที่เป็นเด็กทับหนึ่ง...
♥แป๊บ ๆ ก็เย็น เวลาเลิกเรียนจึงมาถึง...♥
ผมที่กำลังนั่งพักอยู่ที่ม้าหินหลังเล่นบาสกับพวกเพื่อน ตอนนี้หลายคนกลับบ้านไปบ้างแล้ว จะมีเพียงไอ้วินกับผมที่กำลังนั่งพักให้เหงื่อแห้งแถมผมก็ต้องรอไอ้พี่เนสกับอ้นด้วย ส่วนไอ้วินที่ไม่รีบกลับนี่ผมเดาออกอยู่แล้วมันก็แค่อยู่รอเจอไอ้เนสเท่านั้น ถึงปากจะบอกว่าอยู่เป็นเพื่อนผมก็เถอะ
"มึงเอาน้ำอัดลมปะ" ไอ้วินถามผมเหมือนทุกวันที่มันจะออกไปหาซื้อน้ำมากิน
"ไม่เอาหรอก วันนี้กูลืมเอาเป๋าเงินมา โชคดีว่ากูปล้นพี่กูมาหน่อยเลยรอดไป..." ผมตอบไปเพราะเงินไม่เหลือติดตัวแล้ว
"แค่นี้เอง กูเลี้ยง มึงเอาน้ำอะไร"
ผมตอบมันไปตามสิ่งที่ชอบ ระหว่างนั้น ก็นั่งเล่นมือถือไปเพลิน ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเย็น ๆ มาแนบแก้ม ผมที่หลบหน้าออกเพราะมันเย็นจึงเหล่ตามองน้ำแดงต้นเหตุ
"ขอบใจวิน" ผมพูดพร้อมมองไปยังหน้าเพื่อนที่ซื้อน้ำแดงมาให้แต่...
"เสียใจด้วย ผิดคน"
ใบหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มแววตาที่ดูหื่นหน่อย ๆ กับเสียงอ้อนอ่อย ๆ ไม่ต้องบอกว่าเป็นใครก็คงเดาได้ไม่ยาก เป็นไอ้พี่เนสนั่นเอง มันวางแก้วน้ำบนโต๊ะที่ด้านหน้าผม ก่อนจะคร่อมนั่งม้าหินจนตัวชิดติดกัน ใบหน้ามันโน้มมาเหมือนจะทักทายอย่างทุกทีเหมือนตอนอยู่กันสองคน ผมเหมือนจะนึกอะไรได้เลยเอามือเบรกปากมันได้ทัน แทบจะทันทีสายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้วินที่เพิ่งเดินผ่านมุมตึกเข้ามา เกือบไปแล้วไอ้พี่เนส หน้าตาตื่นตกใจของผม ทำให้เนสมันพอจะรับรู้ได้ ก่อนจะหันหลังไปมองเพื่อนร่วมชั้นผมที่กำลังเดินกึ่งวิ่งเมื่อมันเห็นว่ามีพี่ชายผมอยู่ด้วย เนสมันหันกลับมายิ้มแบบสำนึกผิดหน่อย ๆ ก่อนจะทำหน้าเขินใส่ แล้วจึงหันหน้าไปนั่งแบบปกติชน แต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนแนบติดสนิทเช่นเดิม เพราะในสายตาคนอื่นไม่ได้มีความหมายอะไรกับพี่น้องที่สนิทและรักกันดี พอไอ้วินมาถึงมันก็มองแก้วน้ำแดงบนโต๊ะ มันเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็...
"วิน นั่นน้ำแดงไอ้เบสปะ" เนสมันชิงยิงคำถามใส่เพื่อนผมก่อนด้วยรอยยิ้มกวน ๆ แบบปกติของมัน
"ใช่พี่..." คำตอบงง ๆ ของไอ้วินทำให้รอยยิ้มของไอ้เนสดูมีเรื่องราว
"ขอได้ปะพอดีไอ้เบสมันกวนเอาน้ำแดงกูไปกิน"
"ครับ"
วินมันส่งน้ำแดงให้ไอ้เนสด้วยอารมณ์เหม่อลอยเหมือนคนดีใจ แต่พยายามเก็บอาการไว้ แล้วความซวยก็บังเกิดกับไอ้เนส แก้วน้ำแดงที่ควรจะส่งถึงมือ แต่กลับหลุดมือก่อนถึงที่หมาย เพียงระยะห่าง 2000ไมโครเมตร (2 มิลลิเมตร) เย็นไปยันไข่แฝดไอ้เนสแน่ ๆ ผมรับรู้ได้โดยไม่ต้องเดาให้มากความ
"เห้ย! ผมขอโทษ... "
ไอ้วินถึงกับตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะเสื้อนักเรียนสีขาวกับกางเกงสีดำตอนนี้ถูกย้อมไปด้วยน้ำแดง ไอ้เนสมันก็ลุกยืนตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงอารมณ์โกรธเพื่อนผมออกมา ออกจะดูเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกมากกว่า จนผมต้องให้สติไอ้สองคนนี้
"แล้วกัน ยืนงงอยู่ได้ รีบไปล้างดิพี่ เดี๋ยวมันก็ไหลลงไปยันไข่หรอก" ผมพูดออกจะตั้งใจแซวให้ไอ้พี่บ้ารู้ตัว แต่เหมือนไอ้วินจะรู้ตัวไวกว่า
"ปะพี่ ไปห้องน้ำกันเดี๋ยวผมช่วยล้าง ขอโทษจริง ๆ พี่เนส"
ไอ้วินพูดพร้อมกับดึงร่างพี่ผมให้ขยับ ถึงมันจะฝืนตัวไว้แต่ก็ยอมเดินตามไปจนได้ พวกนั้นเดินไปไม่นาน อ้นก็เดินสวนเข้ามาพร้อมรอยยิ้มขำ ๆ
"น้ำแดงหกใส่ได้พอดีเลยเน๊อะ..." อ้นมันพูดหลังนั่งม้าหิน ไม่บอกก็รู้ว่ามันคงเจอสองคนนั้นที่เดินสวนไปมาแน่ ๆ
"อืมมม สงสัยไข่เหนียวไปหมดแล้วมั้ง" ผมก็พูดติดตลกเล่นกับอ้นตามนิสัย อ้นได้ทีแซวคนไม่อยู่เหมือนกัน แต่ออกจะดูเป็นห่วงมากกว่า
"คงต้องถอดซัก ทั้งเสื้อกับกางเกงไม่งั้นคงโดน FC เอาไปแซวแน่ ๆ มันยิ่งหน้าบางกับคนอื่นอยู่ แค่ซักแล้วสะบัดนิดหน่อยก็แห้งแล้ว..."
เอาเข้าจริงช่วงนี้พอมองอ้นที่ไรผมก็แอบคิดถึงเรื่องในคืนวันเกิดของมันตลอด เบสน้อยเองก็ดูจะตึง ๆ เหมือนสายตาผมจะถูกอีกฝ่ายจับได้
"มึงมันหื่นเหมือนที่ไอ้เนสบอกไม่ผิด คิดทะลึ่งกับกูอีกแล้ว... กูไม่ไหวแล้วนะ...กูไม่อยากนอนเป็นไข้แบบวันนั้นแล้ว"
"ใช่เหรอ คืนนั้นใครกัน ครางอยู่ดี ๆ น้ำกระฉูดเองได้"
ผมที่ลุกไปนั่งข้างมันพร้อมกับกระซิบใส่หูมันเบา ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไอ้อ้นมันก็เริ่มหน้าแดง ชอบตรงที่ผมแกล้งมันง่ายนี่ละ สนุกดี แล้วพอแอบลอบมองเป้าอ้นน้อยก็เหมือนจะตื่นจากเรื่องในอดีตขึ้นมา พอผมแกล้งมันจนพอใจแล้ว ก็เริ่มมองหาสองหนุ่มที่ไปเข้าห้องน้ำ พอเริ่มมองดูเวลา นี่ก็ใกล้เวลาที่พวกเราต้องกลับบ้านแล้ว เพราะผมเองก็อยากกลับไปเล่นอะไรเสียว ๆ กับพี่ชาย ผมเคยลองชวนไอ้อ้นอยู่เหมือนกันแต่ก็โดนปฏิเสธ มันบอกว่ามันก็ชอบ แต่ตอนนี้ขอให้หุ่นดีก่อนเพราะมันไม่อยากเอาพุงมาอวดพวกผม ทำไมถึงคิดแบบนั้นก็ไม่รู้ เพื่อนกันไม่เห็นต้องอายเลย ผ่านไปหลายนาทีผมเลยว่าจะไปดูไอ้พวกนั้น แต่เห็นเนสกับวินเดินกลับมาพอดี
"เบสกูกลับละ ไปก่อนครับพี่เนสพี่อ้น"
วินเดินมาเอากระเป๋าแล้วออกไปทันทีผมมองหน้าไอ้เนสหน่อยว่ามันไปทำอะไรเพื่อนผมมาหรือเปล่า ทำไมดูรีบแปลก ๆ
"เนสมึงไปแกล้งอะไรไอ้วินมา..." ผมแกล้งยิงคำถามจากการคาดเดาตามนิสัย สายตาไอ้เนสเหมือนจะยอมรับผิด ก่อนเปิดปากพูดความจริง
"แกล้งมันนิดหน่อยเอง กูรู้ว่ามันปลื้มกูอยู่ พอกูถอดเสื้อ เหมือนมันจะตื่นเต้นอยู่หน่อย ๆ แถมอาสาซักเสื้อให้อีก กูเลยถอดกางเกงมาซักบ้าง โชว์หุ่นตอบแทนให้มันดูเอง..."
ผมพอนึกภาพออก แต่ให้เดาไอ้วินมันคงเขินมากเลยรีบกลับ ส่วนเรื่องชอบอ่อยมันเป็นนิสัยพี่ชายผมมานานแล้ว ซึ่งผมกับอ้นชินชากับเรื่องนี้ แล้วแถมวันนี้มันใส่กางเกงในทรงบิกีนีสีขาวมาอีก อาหารตาให้ไอ้วินเต็ม ๆ พอผมจินตนาการไอ้เนสตัวเปียกที่ซักผ้าอ่อยไอ้วินก็แอบแข็งขึ้นมาเหมือนกัน กลับไปต้องโดนทำโทษแล้วครับพี่ชายตัวแสบ ทำเพื่อนผมตกใจมันไม่ดี ว่าแล้วก็ส่งยิ้มประกอบสายตาให้อีกฝ่ายรับรู้
ผมสามคนถึงบ้านในเวลาไม่นานก็เปลี่ยนชุดแล้วพากันเข้าห้องออกกำลังกาย ตอนนี้ผมถือว่าหุ่นดีกว่าเมื่อก่อนบ้างแล้ว แต่ยังต้องออกบ่อย ๆ อยู่ดี แถมช่วงนี้คงต้องเน้นกำลังขาซ้อมวิ่งบนลู่เพราะต้องไปใช้ทดสอบ ร.ด. ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเรียน ร.ด. เพราะเนสกับอ้นมันก็เรียนเหมือนกัน พอฟังมันเล่าเลยไม่มีอะไรน่ากลัวในการเรียน
♥ศูนย์ทดสอบคัดเลือกนักศึกษาวิชาทหาร♥
ผมกับเพื่อน ๆ รวมนักเรียนในระดับชั้นเดียวกันอีกกว่า 80 คน มีเพื่อนผู้หญิงมาผสมโรงอีกนิดหน่อยพวกเราคือคนที่ตัดสินใจมาทดสอบครั้งนี้แน่ละว่ากลุ่มผมที่มีไอ้วินเป็นหัวหน้ากลุ่มก็มากันครบ แถมศูนย์ทดสอบนี่ใช้พื้นที่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เลยมีนักเรียนของโรงเรียนนี้เดินไปมาตามปกติ หากนับต่างโรงเรียนที่มาทดสอบยังที่นี่ คงมี 3 - 4 โรงเรียน พอมาถึงได้ไม่นานอาจารย์ต้นก็พาพวกผมเข้ามายังอาคารหอประชุม โดยจะแยกหญิงชายไปทดสอบสมรรถภาพร่างกาย พวกผู้หญิงผมไม่รู้ว่าเขาต้องทำอะไรกันบ้างเพราะพวกนั้นแยกไปอีกอาคารหนึ่ง โดยมีอาจารย์ผู้หญิงไปคุม ส่วนพวกผมที่โดนทหารสั่งให้ถอดเสื้อโชว์ร่างเปลือยบน รอวัดส่วนสูงและรอบอก ก่อนจะไปนั่งรอเข้ารับการทดสอบ ผมสังเกตเพื่อนผมกับเด็กต่างโรงเรียน ก็แอบภูมิใจเล็ก ๆ ว่าพวกเรานอกจากหน้าตาดูได้แล้ว หุ่นพวกเราก็โดนใจใครหลายคนในที่นี่ไม่น้อย เพราะหลายสายตามองพวกเราอย่างกับเป็นอาหารจานอร่อย ยิ่งหุ่นผมที่ชัดกว่าเพื่อนในกลุ่มดูเด่นกว่าเห็น ๆ ต้องของคุณพี่ชายผมจริง ๆ ที่กดดันผมมาถึงจุดนี้ได้ ไม่นานก็ถึงคิวโรงเรียนของพวกเรา พวกผมเข้าทดสอบพร้อมกันรอบละ 4 คน การทดสอบแรกเป็นดันพื้น(วิดพื้น) จำนวน 22 ครั้ง ในเวลา 5 นาที ผ่านกันได้อย่างสบาย ๆ พอเข้าแถวเราทดสอบอันที่สองเป็นลุกนั่ง(ซิตอัพ) 34 ครั้ง ในเวลา 5 นาทีเหมือกัน แต่ส่วนมากก็ผ่านก่อนหมดเวลาอยู่ดี มันไม่เหนื่อยล้ามากเพราะผมออกกำลังกายเป็นประจำ ในกลุ่มผมคนที่ดูแย่หน่อยก็จะมีไอ้บีมกับนัดที่มันไม่ใช่พวกชอบออกกำลังกาย แต่ก็ต้องยอมรับกำลังใจมันทีเดียว เพราะมันก็พยายามฝืนร่างกายตัวเองจนผ่าน พอด่านที่ 2 เสร็จ พวกผมต้องไปแต่งตัว เพราะต้องออกไปเตรียมวิ่งรอบสนามฟุตบอลในระยะทาง 800 เมตร ในเวลา 3 นาที 15 วินาที เหมือนแข่งวิ่งก็ตรงที่มีติดเบอร์เลขที่อกนี่ละ พวกเราได้จับกลุ่มกับเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน ในรอบผมวิ่งมี ผม วิน ต๊อซ โอม ที่เหลือเพื่อนห้องอื่น พอนกหวีดถูกเป่าก็วิ่งรักษากำลังกันไป พากันจับกลุ่ม พวกเราทำเวลาได้ดีพอผ่านไปได้ครึ่งทาง ระยะกลุ่มก็เริ่มห่างกันมากขึ้นกลุ่มนำยังคงเป็นพวกผม พอครบ 800 เมตร ผมรู้เวลาตัวเองที่ทำได้ ก็ภูมิใจตัวเองเหมือนกัน 2 นาที กับอีก 58 วินาที ผมเดินมาคุยกับเพื่อนอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วเหมือนทุกอย่างมืดดับไปทั้งที่ลืมตา ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ผมตื่นอีกครั้งในศาลาแห่งหนึ่ง โดยมีไอ้วินถือยาดมจ่อจมูกกับพัดกระดาษตลก ๆ คอยพัดวีเอาอากาศบริสุทธิ์แถวนั้นให้ผมหายใจ หน้ามันดูตื่นตกใจอยู่หลายส่วน ตอนผมลืมตามองมันก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มต้อนรับ ราวกลับผมเพิ่งกลับจากความเป็นตาย
"มึงเป็นลม... เมื่อคืนมึงชักว่าวมากไปเปล่าก็รู้อยู่ว่าวันนี้มีทดสอบ..."
วินมันคงแซวผม แต่ก็แซวถูกจุดไปหน่อย เพราะเมื่อคืนผมอดใจไม่ไหว เลยจัดการไอ้อ้นไปหลายดอกร่วมกับพี่ชาย ก็มันมานอนถึงห้องถ้าไม่จัดการมันก็ไม่รู้ว่ามันจะมาให้เอาอีกตอนไหนใครจะยอมพลาด แต่ก็ไม่คิดว่าแค่ไม่กี่น้ำร่างกายผมกับถึงต้องชัตดาวน์ตัวเองแบบนี้
"มึง กูขอน้ำกินหน่อย..."
ผมที่คอแห้งค่อย ๆ ลุกนั่งมองรอบ ๆ พบว่าเป็นศาลาหลังอาคารเรียนที่ไม่มีคนเดินไปมาเท่าไหร่ พอมองออกไปไกล ๆ ก็เห็นกลุ่มเพื่อนกำลังเม้ามอยกันอยู่ พอหันกลับมาไอ้วินก็ส่งน้ำดื่มในขวดพลาสติก เย็น ๆ มาให้ เหมือนว่าอาจารย์ต้นคงจะบอกมันให้รู้ว่าต้องช่วยผมยังไง
"ผ่านกันหมดปะ?" ผมที่อดถามถึงเพื่อนในกลุ่มไม่ได้เพราะขนาดผมยังเป็นลมเลย
"ผ่านกันหมด บีม นัด ก็เกือบไม่ทันเวลา ตอนนี้พวกนั้นนั่งดูดน้ำแดงกันอยู่ มีแต่มึงที่เป็นลม" มันแอบเยาะยิ้มใส่ผม แอบอายอยู่เหมือนกัน แต่ก็ตีมึนหาวแล้วนอนต่อ
"เบสมึงนอนดี ๆ หน่อยกูจะได้เช็ดตัวต่อ..."
พอมันพูดผมถึงเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังนอนเปลือยอก โดยมีเสื้อตัวเองปูรองนอน ส่วนหมอนมันเอากระเป๋าเสื้อมาให้หนุน ผมได้แต่นอนให้มันเช็ดตัวไป ความสบายตามร่างกายและความเย็นช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ก็แอบเสียวอยู่เหมือนกันตอนมันเช็ดโดนหัวนม แถมพอมานึกดูแล้วจริง ๆ ไอ้วินมันก็หล่อ ออกจะกวน ๆ แต่ทำไมวันนี้มันดูน่ารักใส ๆ วะผมที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ในใจก็โดนอีกคนดึงสติให้กลับมา
"มึงอย่ามองหน้ากูมากกูเขิน..." ไอ้ประโยคกวนของมันก็ทำให้ผมขำออกมา
"เออ ไม่มองหน้าแล้วจะให้มองควยมึงแทนไง" ผมได้ทีกวนกลับไป แต่แล้วไม่ทันตั้งตัวไอ้เชี้ยวินก็เล่นผมจนได้หมับเข้าให้...
"ไหนจับหน่อยดิ ว่าควยมึงจะใหญ่เท่าพี่เนสไหม"
ผมรู้ว่ามันแกล้ง แต่ผมนี่สิ แทนที่จะดิ้นให้หลุดกลับนอนให้มันจับหน้าตาเฉย แล้วเบสน้อยก็ขยายให้อีกฝ่ายจับแต่โดยดี ผมที่นอนมองหน้ามันมีหลากหลายอารมณ์ ช่วงแรกก็เหมือนจะทำหน้ากวน ๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปตกใจและตามด้วยอารมณ์ตื่นเต้น จนหน้ามันออกแดงขึ้นมาเรื่อย ๆ ผมที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วเลยได้แต่พูดแก้เขินมันไป
"ใหญ่กว่าพี่กูเยอะ แต่มึงปล่อยควยกูได้ละเบสน้อยกูยิ่งขี้เงี่ยนอยู่..." เหมือนมันจะรับรู้ได้เลยยอมปล่อยแต่โดยดี ผมเลยรีบดีดตัวแล้วใส่เสื้อนั่งมองหน้ามันที่ยังแดงอยู่...
"ทำควยกูแข็ง ลำบากต้องรอมันสงบอีก เสาร์หน้ามึงต้องเลี้ยงหนังกู โอเคปะ ค่าจับควยกู"
ผมแซวมันทำลายบรรยากาศแปลก ๆ นี้ แล้วก็ยิ้มขำกับมัน พอเบสน้อยกลับไปหลับ ผมเลยจะเดินไปหาเพื่อนคนอื่น ๆ แต่ยังรู้สึกมึนอยู่เลยมองไอ้วินที่ตอนนี้ยืนโง่งมอยู่ข้างผม ผมวาดแขนกอดคอทิ้งน้ำหนัก เพื่อให้มันรู้ตัวว่าต้องช่วยผมพาเดิน ถึงตอนนี้ผมเพิ่งสังเกตชัดว่า ตัวไอ้วินมีกลิ่นหอมจากน้ำหอมอ่อน ๆ แนวที่ผมอยากใช้แต่ยังหากลิ่นแบบนี้ไม่ได้ ด้วยอารมณ์สงสัยเลยลืมตัวก้มไปดมซอกคอมันโดยไม่ตั้งใจ ดมอยู่นานจนแน่ใจว่าใช่กลิ่นแนวผม เลยว่าจะถามน้ำหอมของอะไร แต่กลับเจอแววตาสวนกลับมา เวรแล้วไง หน้ามันที่แดงจนร้อน ผมมองเห็นแขนตามตัวขึ้นเม็ดเป็นหนังไก่จากขนที่ลุก...
"ตัวมึงหอมวะ กูชอบ... ใช้ของอะไร หาให้กูหน่อยดิ..."
ผมที่พยายามพูดออกไปตามความคิด แต่ดันพูดไม่เป็นภาษาอย่างที่ตั้งใจ พอรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ไหวติง ผมเลยปลดวงแขนตัวเองออกและรีบเดินไปหากลุ่มเพื่อนทันที พอมองกลับไปเห็นไปวินยังยืนอยู่ที่เดิม ผมเลยตัดสินใจทำไม่รู้ไม่ชี้ จนกลับโรงเรียนผมขอลาคาบเรียนหนึ่งเพื่อนอนพัก ก่อนจะกลับมาเรียนคาบถัดไป ในห้องเรียนผมนั่งข้างไอ้วิน โดยมีต๊อซและโอมอยู่ด้านหลัง ด้านหน้ามีบีมกับนัด ส่วนไอ้ภูมิ อยู่โต๊ะแถวด้านขวามือผม นั่งกับเพื่อนอีกคนที่เป็น FC มัน แน่ละว่าไอ้ภูมิมันเป็นนักบาสโรงเรียน สูงตั้ง 183 แถมถ้ามองในมุมมองสาว ๆ มันถือว่าสเปคของใครหลายคน หน้าคมคิ้วหนาผิวสีเข้มแต่ไม่ดำ ดูมีสุขภาพดีออกจะดูแมนที่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำ ถูกใจน้องเทยกับสาว ๆ ในห้องเป็นพิเศษ พอผมนั่งที่ตัวเองก็หันไปทักกับเพื่อน ๆ ก่อนจะมองสมุดแลคเชอร์ที่ไอ้วินยื่นมาให้ ผมคงต้องไปลอกลงสมุดตัวเองคืนนี้ พอรับสมุดมันมาเลยยิ้มขอบใจตามปกติ แต่รอบนี้มันดันหลบตาผมสะงั้น คงไม่ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม? พอนึกถึงอาการเพื่อนคนนี้ เทียบกับช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไอ้วินมันมักชอบกอดคอผมบ่อย ๆ ชอบกระซิบคุยที่หูผมประจำ แต่วันนี้มันกลับเริ่มเปลี่ยนไป...
♥เช้าสาย ๆ ของของวันหยุด♥
"โหล ว่าไงวิน..." ผมที่งัวเงียรับสายทั้งที่อยู่ในวงแขนของไอ้เนส พอขยับก็ยิ่งโดนรัดไปกอด
"เบสวันนี้มึงว่างปะกูจะชวนมึงไปดูหนัง..." พอจับรูปประโยคได้ ผมเหมือนจะคิดอะไรออก เรื่องที่ผมบอกมันให้เลี้ยงหนังในหลายวันก่อน
"ช่วงบ่ายกูมีเรียนขับรถวะ ว่างอีกที 4 โมงเย็น ช่วงนั้นได้ปะ" ผมบอกไปตามตรง พร้อมกับมองดูนาฬิกาผนังห้องนอนที่บอกเวลาตอนนี้ ว่าใกล้เที่ยงวันแล้ว
"ได้ ให้กูไปรับมึงที่บ้านปะ?" วินมันถาม ผมนอนนึกอยู่ไม่นานก็ตอบมันไปว่า
"เจอที่โรงหนังเลย เดี๋ยวโทรนัดอีกทีเคนะ..."
เลยตัดสายไปก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้เนส ที่ตอนนี้ตื่นแล้ว กำลังขมวดคิ้วมองหน้าผมอยู่อย่างไม่พอใจ รู้อยู่ว่ามันหวงผม เลยบรรจงจูบอัดขี้ฟันใส่มันไป ตอบสนองดีเหมือนเคยพี่เรา พอหน้ามันหายโกรธผมก็ชวนมันไปอาบน้ำ ก่อนจะไปหาอะไรกิน ผมรับรู้ดีว่าไอ้เนสมันรักผมขนาดไหน แต่ผมก็บอกมันตลอดว่าผมรักมันแบบพี่น้องมากกว่าแบบแฟน เรามีอะไรกันก็จริง แต่ไม่เคยถึงขั้นสอดใส่ทางประตูหลัง คนที่ซวยเรื่องนี้คงไม่พ้นไอ้อ้น เพราะผมรู้ว่าอ้นมันยอมพวกเราเพราะมันรักแบบเพื่อนสนิทและเราก็เล่นสนุกด้วยกันเท่านั้น หัวใจผมตอนนี้ไม่รับใครเข้ามานั่ง ความเจ็บปวดจากรักเก่ามันยังไม่หายไป ผมไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลาเพียงใดกว่าหัวใจผมจะกลับมาพร้อมต้อนรับใครอื่น...
♥โรงหนังแห่งหนึ่งในห้างแถวบ้าน♥
ผมนั่งรอเพื่อนตัวดีที่เป็นคนนัดบัดนี้ยังมาไม่ถึงเสียที ถึงการเล่นมือถือจะฆ่าเวลาได้ แต่การคอยใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่จะพูดได้เต็มปากว่ามันสนุก โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งแต่เป็นพี่ชายผมที่โทรมา
"ตกลงว่าไอ้วินใช่ปะ ที่ชวนมึง..." เนสมันถามเป็นครั้งที่ 3 ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ผมคิดถูกไหมที่รับนัดไอ้วิน แต่ด้วยไม่อยากมีปัญหากับไอ้เนสเลยต้องอ่อนให้มันไปหลายส่วน
"อืมมม มันยังไม่มาเลยไม่รู้ช้าอะไร"
พอคุยต่ออีกพักก็วางสายไป ตามจริงแล้วเนสมันจะมาด้วย แต่ผมขอมันไว้ โดยอ้างว่าขอใช้ชีวิตปกติกับเพื่อน ถึงจะขัดใจมันอยู่บ้าง แต่มันก็ยอมปล่อยผมมาแต่โดยดี แต่ผมมีวิธีเด็ดที่จะไม่ทำให้เนสมันวุ่นวายกับผมช่วงไม่อยู่บ้าน นั่นคืออ้น ข้อดีของการมีอ้นเป็นเพื่อน คือเวลาผมขออะไรมันก็ยอมให้เกือบทุกเรื่อง เลยส่งมันไปอยู่กับเนสช่วงผมมาเที่ยว ผมนั่งรออีกไม่นานวินมันก็เดินกึ่งวิ่งมาทางผม
"โทษที มีปัญหานิดหน่อย" ผมไม่ได้บ่นอะไรแต่ก็มองดูเวลาเพราะหนังที่อยากดูฉายไปแล้ว...
"ช่างเหอะ ดูรอบหน้าเอา แต่มึงต้องเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นเป็นการชดเชย..." ผมทำทียื่นคำขาดประชดมันเล่น แต่ไม่คิดว่ามันจะยอม
"เอาดิ ร้านไหนเลือกมาเลย..."
โหเพื่อนผมใจดีกว่าที่คิดแหะ พอสำรวจมันดี ๆ ไอ้วินในชุดลำลองแตกต่างจากที่พบเจอในโรงเรียน มันดูดีไปอีกแบบ ยิ่งพอมันไม่ทำหน้ากวนแล้วมันก็ดูหล่อใส ๆ เหมือนหนุ่มเกาหลีอยู่หลายส่วน
"มองหน้ากูอีกละวันนี้กูหล่ออะสิ..." วินมันพูดตอกหน้าผม เลยได้แต่ขำว่ามันก็เดาถูกเกินไป
"มองหน้ามึงดีกว่ามองหำมึงปะ ก็มึงตอนนี้หล่อเหมือนละอ่อนเกาหลีกูเลยกำลังนึกชมอยู่" ผมพูดชมไปตรง ๆ แล้วเหมือนมันจะดีใจจนออกนอกหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ก็กูมันลูกเสี้ยวเกาหลี" ผมถึงกับขมวดคิ้วผูกโบว์บนหน้า
"ไม่เชื่อไง แม่กูเป็นลูกครึ่งเกาหลีญี่ปุ่น พ่อกูลูกครึ่งไทยจีน กูเลยได้เสี้ยว 4 ประเทศมาหล่อแบบลงตัว" เอาจริงถ้ามันไม่บอก ผมนึกว่ามันเป็นลูกเสี้ยวเชื้อจีนแบบผมนะเนี่ย เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
"เชื่อแล้ว แต่ตอนนี้กูอยากกินร้านธงภูเขาไฟ" พูดเสร็จก็ชิงลุกเดินนำไปยังชั้นร้านอาหารญี่ปุ่น มันเดินตามจนมาเทียบข้าง ๆ มันออกจะมีความสุขเกินหน้าเกินตา จนผมอดแซวมันไม่ได้
"เพื่อนไม่คบไง พอกูมาดูหนังด้วยถึงกับยิ้มเป็นคนบ้า"
"เออ กูมันบ้า"
มันพูดพร้อมยักคิ้วให้ข้าง จนอยากเอาขาสกัดมันให้ล้มจริง ๆ เดินต่ออีกไม่นานก็ถึง ผมให้มันสั่งให้กิน เอาเข้าจริงคือยังไม่กล้าสั่งเอง เพราะไม่ค่อยได้มากินเท่าไหร่ มันก็เลือกเซตปลาดิบมากินกันสองคนกับพวกขนมอีกนิดหน่อย ถูกปากบ้างไม่ถูกปากบ้างเป็นสีสันชีวิตดี พวกเรากลับมายังชั้นโรงหนังอีกครั้ง จัดแจงเลือกที่นั่งได้อิสระ เพราะหนังเรื่องนี้คนดูไม่เยอะเท่าไหร่ พวกเราเลยเลือกที่ห่าง ๆ คนอื่น ๆ จนหนังจบออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วเตรียมจะกลับบ้าน ไอ้วินมันก็ถามขึ้นมา
"เบส มึงไปนอนบ้านกูได้ปะ กูอยากได้เพื่อนคุย" มันดูแตกต่างจากเมื่อกี้อย่างชัดเจนผมไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไร แต่ผมก็ควรช่วยมัน...