ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 5115|ตอบกลับ: 70

ความลับกับลูกพี่ลูกน้อง ตอน19 : จากญาติกลายเป็นน้องชาย [ตอนจบ]

 มาแรง [คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
23
พลังน้ำใจ
4187
Zenny
24637
ออนไลน์
538 ชั่วโมง
- ข้อความ/รูปภาพทั้งหมดถูกโพสโดยอัตโนมัติจากสมาชิก ผู้ดูแลไม่มีส่วนรู้เห็น หากท่านพบว่าข้อความ/รูปภาพ ไม่เหมาะสมหรือสร้างความเสียหาย ท่านสามารถกดแจ้งลบได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่อยู่มุมล่างขวาของข้อความนั้นๆ หรือ อีเมล์ G4GuysTeam@yahoo.com ขอบคุณค่ะ
- โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านหมวดนี้ เพราะทางเราไม่สามารถสรุปได้ว่าเรื่องที่สมาชิกนำมาโพสเป็นเรื่องจริงหรือแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะคะ เพราะสังคมเรายังดำรงอยู่ด้วยศีลธรรมจารีตประเภณีอันดีงามและไม่เปิดกว้างเรื่องแบบนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Recs เมื่อ 2022-6-17 16:07

อ่านตอนก่อนหน้า

ตอน 19 : จากญาติกลายเป็นน้องชาย [ตอนจบ] (เสียวระดับ +4)
        ตอนนี้ถือเป็นตอนสุดท้ายบทสรุปเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซึ่งอาจจะดราม่าหน่อย ช่วงเสียว 18+ อาจไม่เยอะเท่าตอนอื่นๆ ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบครับ

        หลังจากที่ผมได้เผลอข่มขืนน้องกายญาติตัวเองวัย 12 ปี จนทำให้น้องโกรธและเกลียดผมเป็นอย่างมาก แถมน้องยังได้ย้ายไปอยู่กับน้ากิ่งแม่ของน้องที่กรุงเทพกันสองคน โดยไม่มีน้าเติ้ลแฟนสุดหื่นของน้ากิ่งมาคอยรังควานแล้ว และในที่สุดผมก็ได้ขอน้องตังค์เด็กแถวบ้านมาคบเป็นแฟนเพื่อให้ลืมความเศร้าระหว่างผมกับน้องกาย


        ครบรอบ 1 ปีที่ผมได้คบกับน้องตังค์เด็กแถวบ้านแบบลับๆ โดยไม่ให้ใครรู้ เป็นช่วงที่ผมอายุครบ 15 ปีพอดี ได้เรียนจบ ม.3 กำลังจะเตรียมเข้าสู่ ม.ปลาย ส่วนน้องกายคงกำลังเริ่มโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งน่าจะกำลังขึ้นชั้น ม.2 แล้ว
        "อื้มมม... อ่าาา... ซี้ดดด... เสียวจังครับบ..." เสียงเริ่มแตกหนุ่มของน้องตังค์ครางเบาๆ ที่ตอนนี้กำลังนอนหงายให้ผมเย็ดตูดอยู่บนเตียงในห้องนอนของผม เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ในวันที่แม่ของผมไม่อยู่บ้าน เลยพาน้องตังค์สุดที่รักมาระบายความเงี่ยนช่วงปิดเทอมที่บ้านของผมสักหน่อย
        "อ้าา... ซี้ดดด... โคตรเสียวเลย..." ผมครางไปพร้อมกันกับน้อง นอนคร่อมโยกเอวกระเด้าตูดแฟนตัวเองอยู่จนเตียงโยกดังเอี๊ยดๆ สลับกับก้มหน้าลงไปดูดปากแลกลิ้นเพิ่มความเงี่ยนระหว่างเอากันไปด้วย สัมผัสถึงรสชาติจูบอันหอมหวาน หลับตาจินตนาการไปเหมือนว่ากำลังจูบกับน้องกายญาติตัวเองอยู่
        "อืมม... อ้าาา... แรงๆ เลยครับ... เอาผมแรงๆ เลย..." น้องตังค์ถอนปากจากจูบออกมาครางต่อ ยั่วยุเร้าอารมณ์ให้ผมเงี่ยนมากยิ่งขึ้น ผมเลยจับเอวน้องกระแทกควยรัวใส่ตูดแบบไม่ยั้ง เห็นน้องก็รัวมือนอนชักแท่งควยของตัวเองไปด้วย ที่ตอนนี้เริ่มมีขนาดใหญ่ยาวประมาณเกือบ 5 นิ้ว และมีขนขึ้นเยอะเกือบเท่าของผมแล้ว
        "จะแตกแล้ว...ซี้ดดด... อ้าาา... พี่จะแตกแล้วกาย... อ่าาา..." ผมครางเสียงดังด้วยความเสียวแบบสุดขีดเพราะทนไม่ไหวกับรูตูดที่ตอดรัดแท่งควยผมแน่น จนผมต้องรีบชักควยออกมาจากรูและพ่นน้ำว่าวแตกพุ่งใส่ลงบนแท่งควยของน้องตังค์ที่นอนหงายอยู่ กลายเป็นน้ำหล่อลื่นให้น้องชักควยตัวเองได้ง่ายขึ้น และก็น้ำแตกตามผมมาแบบติดๆ ทำเอาผมหมดแรงนอนฟุบลงบนหน้าอกนุ่มๆ ของน้องตังค์ จนน้องต้องดึงปากผมให้ไปประกบจูบดูดลิ้นกันต่อแบบเพลินๆ หลังจากเอากันเสร็จแตกไปคนละหนึ่งน้ำแล้ว

        "พี่ยังคิดถึงไอกายอยู่เหรอ?" น้องตังค์ถอนปากออกจากการจูบมาถามผม
        "เปล่าหนิ ทำไมตังค์ถึงคิดแบบนั้นอ่ะ?"
        "ก็เห็นพี่ดูใจลอยยังไงไม่รู้ตอนจูบกับผมอ่ะ รู้สึกไม่ค่อยเหมือนเดิมเลย แถมเมื่อกี๊ตอนพี่แตกยังครางชื่อไอกายด้วยอะ"
        "ใช่เหรอ? พี่ขอโทษนะ..." ผมตอบน้องแบบเสียงอ่อย รู้สึกผิดที่เวลาเอากันยังคงคิดถึงคนอื่นได้ จนบางทีก็ชอบเผลอจินตนาการว่ากำลังเอากับน้องกายอยู่
        "เป็นไรอ่ะพี่? ยังลืมมันไม่ได้เหรอ?" น้องตังค์ถามพลางใช้มือลูบหัวผมเบาๆ
        "ก็ใช่แหละ... พี่แค่ห่วงกายมันนิดหน่อย ไม่รู้ป่านนี้มันจะเป็นไงบ้าง"
        "ไม่ต้องไปห่วงไอกายมันหรอกพี่ มันฉลาดจะตาย เอาตัวรอดได้อยู่ละ" น้องตังค์พูดจบพร้อมก้มมาหอมที่หัวของผมหนึ่งที
        "พี่ก็ว่างั้นแหละ... แต่พี่ขอโทษจริงๆ นะ"
        "ไม่เป็นไรครับพี่... ช่างมันเถอะ..." น้องตังค์ตอบให้ผมได้อุ่นใจ และดีใจที่น้องดูไม่โกรธผมมาก เลยพากันนอนดูดปากกันต่ออีกสักพักนึง ก่อนจะพาน้องไปอาบน้ำด้วยกัน ล้างตัวเอาคราบน้ำกามออกก่อนที่แม่ผมจะกลับมา

        "อ่าวตังค์... จะกลับแล้วเหรอ ฝากขนมไปให้แม่เอ็งหน่อย ป้าซื้อมาฝาก" เสียงแม่ผมทักขึ้นขณะน้องตังค์กำลังจะเดินไปเอาจักรยานเตรียมปั่นกลับบ้าน
        "ขอบคุณครับป้า" น้องตังค์ยิ้มให้แม่ผมและรับถุงขนมไว้
        "ให้พี่ไปส่งมั้ย?" ผมถามน้องขณะเดินมาส่งตรงหน้าประตูบ้าน
        "ไม่เป็นไรพี่ ไว้เดี๋ยววันหลังมาเล่นด้วยใหม่นะ"
        "ได้ๆ เจอกัน" ผมโบกมือให้น้องและมองตามเด็กชายวัย 14 ปีปั่นจักรยานออกไปจนสุดซอยในหมู่บ้าน ซึ่งช่วงนี้แม่ผมไม่ว่าอะไรแล้วที่จะชวนน้องมาเล่นที่บ้าน เพราะคงกลัวผมจะเหงาที่ไม่มีน้องกายเล่นด้วยกันเหมือนแต่ก่อนแล้ว ทำให้ผมเลยมีโอกาสพาน้องตังค์มาเอากันที่บ้านอยู่บ่อยๆ ในตอนที่แม่ผมไม่อยู่ หรือบางทีก็พากันออกไปเอากันแถวริมน้ำคลองนอกหมู่บ้านที่ประจำของผมกับน้องตังค์ แต่ไม่ได้พากันไปหมู่หรือเอากับใครคนอื่นอีกแล้วตั้งแต่เราได้คบกันเป็นแฟน

        ในช่วงวันเกิดครบ 13 ปีของน้องกายตรงกับช่วงปิดเทอมพอดี ผมพยายามเปิดเฟสเช็คดูว่าน้องจะรับแอดเป็นเพื่อนผมหรือยัง แต่ก็ยังนิ่งสนิทไม่มีการตอบรับเหมือนเดิม เฟสน้องกายเป็นรูปโปรไฟล์การ์ตูนไม่เคยเห็นลงรูปหน้าตัวเองเลย ซึ่งผมก็อยากรู้ว่าน้องกายหน้าตาจะเปลี่ยนไปขนาดไหนบ้างแล้ว เลยไปดูที่เฟสน้ากิ่งแม่ของน้องเห็นน้าโพสอวยพรวันเกิดให้ลูกชายตัวเองอยู่ เป็นรูปเค้กเล็กๆ ที่ปักเทียนเขียนหน้าเค้กว่า H.B.D. Sky 13 และโพสท์ข้อความอวยพรไว้ว่า 'สุขสันต์วันเกิดสกายลูกชายของแม่ โตขึ้นมาอีกปีแล้วนะ ขอให้หนูเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนตลอดไปนะครับ คิดถึงคนบนสวรรค์ อยากให้พ่อหนูมาเห็นจัง'
        ผมอ่านข้อความของน้ากิ่ง แต่ก็มาสะดุดตรงคำว่า 'คิดถึงคนบนสวรรค์' ตกใจคิดว่าน้องกายเป็นอะไรไป แต่ก็มาเอะใจตรงประโยค 'อยากให้พ่อหนูมาเห็นจัง' แสดงว่าน้ากิ่งพูดถึงพ่อน้องกาย แต่ผมจำได้ว่าแม่เคยเล่าให้ฟังว่าพ่อน้องทิ้งไปตั้งแต่เล็ก ไม่คุ้นว่าแม่เคยเล่าเรื่องพ่อน้องเสียชีวิตแล้ว
        "แม่ว่างมั้ย? ขอถามอะไรหน่อยสิ" ผมลงจากชั้นสองเพื่อมาถามแม่ของผม ที่ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง
        "มีอะไรเหรอ?"
        "ที่แม่เคยบอกว่าพ่อกายทิ้งไปนี่ ตอนนี้เขาอยู่ไหนเหรอ?"
        "แม่ก็ไม่รู้สิ เขาทิ้งไปตั้งแต่ไอกายมันตัวเล็กอยู่เลย ถามทำไมอ่ะเรา?"
        "แต่ทำไมน้ากิ่งโพสท์ในเฟสเหมือนพ่อกายเสียไปแล้วเลยอ่ะ มันยังไงกันแน่เหรอแม่?" ผมเริ่มขึ้นเสียง เพราะเริ่มรู้ว่าแม่เหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่
        "น้ากิ่งบอกแบบนั้นเหรอ?" แม่ผมถามกลับทำหน้าตาตื่นตระหนกเหมือนกลัวผมจะรู้ความจริง
        "ก็ไม่ได้บอกตรงๆ อ่ะ แต่มันยังไงกันแน่อะแม่? สรุปพ่อไอกายตายไปแล้วจริงเหรอ?" ผมเค้นถามความจริงจากแม่ของตัวเองต่อ เพราะตอนแรกไม่คิดว่าน้องกายจะกำพร้าพ่อเหมือนกับผม ซึ่งพ่อจากผมไปนานแล้วด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ผมยังเด็กๆ สมัยตอนยังเรียนอยู่อนุบาล
        "คือ... แม่มีเรื่องนึงที่สำคัญมากที่จะต้องบอกลูก" แม่พูดพร้อมกับปิดทีวี ทำเอาผมตื่นเต้นอยากรู้ไปด้วยว่าแม่จะบอกเรื่องอะไร
        "เรื่องอะไรเหรอแม่?"
        "แต่มิกห้ามโกรธแม่นะ ที่แม่ต้องปิดบังเรื่องนี้มานานเพราะตอนนั้นแกยังเด็ก กลัวว่าจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เห็นลูกเริ่มโตแล้ว แม่ควรจะบอกความจริงกับลูกซักที" แม่ผมเริ่มพูดแบบหลบตาเหมือนไม่กล้าสู้หน้าผม ยิ่งทำเอาผมลุ้นกับเรื่องที่แม่จะบอกเป็นอย่างมาก
        "ความจริงอะไรเหรอครับ? ลองบอกดูครับ ผมจะพยายามไม่โกรธ"
        "ความจริงที่แม่ว่าก็คือ... จริงๆ แล้ว... มิกกับกาย... มีพ่อคนเดียวกันนะลูก..."
        "ว่าไงนะแม่!? นี่พูดจริงใช่มั้ย?"
        "จริงลูก... แม่ขอโทษนะที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับลูกตั้งนานแล้ว" แม่พูดแล้วน้ำตาไหล ทำเอาผมทั้งช็อคและตกใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก็อยากจะโกรธที่แม่เพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ แต่ในหัวผมทั้งสับสนและงุนงงไปหมด แสดงว่าน้ากิ่งกับแม่มีลูกกับผู้ชายคนเดียวกันนั่นก็คือพ่อของผม ที่ตอนนี้เสียไปนานแล้ว และแสดงว่าน้องกายก็เปรียบเสมือนน้องชายแท้ๆ ของผม เป็นเหมือนน้องชายคนละแม่ ไม่ใช่แค่ลูกพี่ลูกน้องแบบที่ผมเคยเข้าใจผิดมาตลอด

        หลายวันต่อมาหลังจากที่ผมได้รู้ความจริง ทำให้รู้สึกผิดอยากหาโอกาสแก้ตัวที่ทำให้น้องกายเสียใจ เลยพยายามหาวิธีที่จะกลับไปดูแลและทำหน้าที่พี่ชายที่ดีให้กับน้องกายให้ได้
        "ยังไม่หายโกรธแม่เหรอลูก?" แม่ถามขึ้นขณะกำลังนั่งกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่ ซึ่งผมก็ยังคงโกรธแม่ที่บอกช้าเกินไป เพิ่งมาบอกเอาตอนที่ไม่ได้อยู่กับน้องกายแล้ว ผมเลยนั่งเงียบๆ ไม่ได้ตอบอะไร
        "แม่ต้องทำยังไงให้ลูกหายโกรธกันล่ะ? แม่อยากให้เรากลับมาคุยกันดีๆ เหมือนเดิมอ่ะลูก" แม่พูดดูเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ไปด้วย
        "ถ้าอยากให้ผมหายโกรธ งั้นย้ายไปอยู่กรุงเทพกัน อยากไปอยู่ด้วยกันกับน้องอ่ะ" ผมนึกได้พอดีเลยบอกแม่ไป หวังว่าแม่จะยอมทำตาม
        "แล้วบ้านหลังนี้ล่ะลูก?"
        "ก็ขายไปเลยก็ได้แม่ ค่อยเอาไปซื้อใหม่อยู่กันที่กรุงเทพ ให้น้ากิ่งกับกายมาอยู่ด้วยกันเลย"
        "แต่บ้านนี้พ่อเขาอุตส่าซื้อไว้นะลูก"
        "ไม่เป็นไรหรอกแม่ ขายไปเถอะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน ผมก็อยากเรียนต่อ ม.4 ที่กรุงเทพด้วยอ่ะ" ผมพูดจบก็สังเกตุเห็นแม่เริ่มน้ำตาไหล คงจะยังคิดถึงพ่อผมอยู่
        "งั้น... เดี๋ยวแม่จะขอลองไปคิดดูก่อนแล้วกันนะ แล้วก็ต้องไปคุยปรึกษากับน้ากิ่งเค้าก่อนด้วยแหละ" แม่เริ่มยิ้มให้ผม พลางใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองออก
        "ได้แม่... งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวเราไปกรุงเทพกันมั้ยอ่ะ ไปคุยแบบเจอตัวจริงเลยน่าจะดีกว่า ผมก็อยากคุยเรื่องนี้กับไอกายมันด้วยเหมือนกัน" ผมบอกแม่ไปด้วยความใจร้อน อยากเจอน้องกายอีกครั้งไวๆ แล้ว
        "พรุ่งนี้เลยเหรอ? เดี๋ยวลองถามน้าดูก่อนว่าจะว่างหรือเปล่า"
        "ครับ... ขอบคุณนะแม่" ผมพูดจบลุกเดินไปโอบกอดแม่ด้วยความดีใจแบบมีความหวัง และดีใจที่จะได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันต่อ ไม่อยากมัวจมปรักอยู่กับอดีตอีกต่อไปแล้ว จนทำแม่ร้องไห้น้ำตาไหลออกมาอีกรอบ

        วันต่อมาผมกับแม่เดินทางด้วยรถตู้เพื่อไปกรุงเทพด้วยกัน ซึ่งเป็นครั้งที่ผมตื่นเต้นกว่าครั้งไหนๆ ที่จะได้เจอน้องกายอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน 1 ปีเต็ม ไม่รู้ว่าน้องจะเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้วเพราะไม่เคยได้เห็นรูปของน้องเลย และไม่รู้น้องจะหายโกรธผมบ้างหรือยัง ที่ครั้งล่าสุดก่อนเราจะจากกันนั้นผมได้เผลอข่มขืนน้องชายสุดรักของตัวเองไป
        เมื่อเดินทางถึงกรุงเทพลงจากรถตู้กันแล้ว แม่ก็เรียกแท็กซี่ต่อไปห้องพักของน้ากิ่งเลย ผมยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีกไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อได้เจอกับน้องกาย จนเริ่มรู้สึกกลัวยังไม่พร้อมจะเจอหน้าน้องในตอนนี้
        แม่ผมเดินถือกระเป๋าผ้าใบเล็กๆ เพราะกะว่าจะมาคุยแค่ไม่กี่วัน มาหยุดตรงประตูหน้าห้องของน้ากิ่ง ก่อนจะเคาะประตูห้องเบาๆ เรียกน้ากิ่งให้มาเปิดประตู
        "อ่าว... มาถึงกันแล้วเหรอ? ไม่โทรบอกล่ะจะได้ไปรับ" เสียงน้ากิ่งถามขึ้นขณะเดินมาเปิดประตูให้
        "ไม่เป็นไรหรอก พอดีเห็นมีแท็กซี่เลยนั่งกันมาเองเลย จะได้ไม่ต้องลำบากแก" แม่ผมตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ซึ่งก็นานมากแล้วที่แม่กับผมไม่ได้มากรุงเทพด้วยกัน ผมพยายามมองส่องผ่านช่องประตูหาน้องชายของผม แต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้อง
        "กายไม่อยู่เหรอครับ?" ผมหันไปถามน้ากิ่งที่ตอนนี้ดูยิ้มแย้มสดใสขึ้น หลังจากได้เลิกกับน้าเติ้ลแล้ว
        "อ๋อ วันนี้มันไปเรียนพิเศษน่ะ น้าว่าจะออกไปรอรับมันพอดี ไปด้วยกันมั้ยล่ะ?"
        "ไปด้วยก็ได้ครับ"
        "งั้นเอาของไปเก็บก่อน แล้วค่อยไปกับน้าเขานะลูก แม่ขอนอนพักก่อนเมื่อยมากนั่งรถมาหลายชั่วโมง" แม่ผมพูดพลางเดินเข้าไปในห้อง
        "ครับ" ผมตอบและเดินตามแม่เข้าห้องเอากระเป๋าไปเก็บ รู้สึกโล่งใจที่ยังไม่ได้เจอน้องกายในตอนนี้ แต่ก็ต้องเตรียมใจให้พร้อมและเตรียมคำพูดที่จะได้คุยกับน้องชายที่ผมรักมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่รู้ความจริงเรื่องพ่อของน้องแล้ว

        ผมนั่งอยู่เบาะหลัง โดยมีน้ากิ่งเป็นคนขับอยู่เบาะหน้า กำลังเดินทางไปรับน้องที่ตอนนี้เรียนพิเศษอยู่ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากห้องพักมากนัก
        "เป็นยังไงบ้างมิก? เหงามั้ยหนิไม่มีไอกายคอยอยู่กวนแล้ว" น้ากิ่งถามขณะกำลังขับรถไปด้วย
        "ก็มีบ้างนิดหน่อยครับ แรกๆ ก็ไม่ค่อยชิน แต่ตอนนี้เริ่มปรับตัวพอได้แล้วครับ"
        "เห็นไอกายก็ดูซึมๆ อยู่ตอนย้ายมานี่ใหม่ๆ หนูสองคนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก?"
        "ก็... มีนิดหน่อยครับ วันนี้ก็เลยอยากคุยเรื่องพ่ออ่ะครับ"
        "เรื่องพ่อของกายเหรอ?" น้ากิ่งดูตกใจนิดหน่อย คงยังไม่รู้ว่าผมได้รู้ความจริงแล้ว
        "ครับ... คือแม่ผมเล่าให้ฟังหมดแล้วอ่ะครับเรื่องน้ากับแม่ แต่ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องนั้นนะครับ ผมแค่อยากลองคุยกับน้องผมเฉยๆ"
        "ได้สิ งั้นมีอะไรก็ลองคุยกับน้องมันดูนะลูก น้าก็อยากให้ไอกายกลับมาร่าเริงเหมือนแต่ก่อนอีก"
        "ครับน้า..." ผมพูดจบก็กลับมารู้สึกผิดอีกครั้ง คิดว่าตอนนี้น้องคงจะเศร้าและเสียใจมาก จนขนาดน้ากิ่งยังสังเกตุเห็นได้ว่าน้องกายดูผิดปกติไปจากเดิม

        ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงหน้าโรงเรียนกวดวิชา มีเด็กที่มาเรียนพิเศษและผู้ปกครองเดินไปมากันเต็มไปหมด
        "แม่มาถึงแล้วนะลูก รถจอดอยู่แถวหน้าทางเข้า เดินมาขึ้นรถเลยลูก" เสียงน้ากิ่งคุยโทรศัพท์บอกน้องกาย ทำเอาผมใจเต้นรัวแบบสุดๆ จินตนาการไม่ออกเลยว่าน้องจะโตขึ้นขนาดไหนแล้ว ได้แต่มองหาว่าคนไหนคือน้องกาย จนกระทั่งผมไปสะดุดตากับเด็กผู้ชายคนนึง ผิวขาวเด่นกว่าใครใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมอันใหม่ ไม่ใช่แว่นกลมๆ ที่น้องเคยใส่เป็นประจำแล้ว แต่งตัวหล่อสมกับเป็นเด็กกรุงเทพ โดยใส่เสื้อฮูดสีเทากางเกงขาสั้นสีขาวกับรองเท้าผ้าใบสุดเท่ ผมรองทรงสั้น ตัวสูงขึ้นจากปีก่อนน่าจะประมาณ 155 - 160 ซม. กำลังเดินจ้ำมาทางรถเพื่อมาเปิดประตูนั่งตรงเบาะหน้า ที่ตอนนี้วางเต็มไปด้วยของกินที่น้ากิ่งซื้อเอาไว้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ผมได้เจอน้องชายสุดน่ารักคนนี้อีกครั้ง
        "กายไปนั่งเบาะหลังนะวันนี้ เบาะหน้าแม่ขอใช้วางของก่อน" น้ากิ่งชะโงกบอกน้อง เห็นน้องกายมองมาทางผมทำเอาผมต้องหลบหน้าด้วยความกลัวยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าน้องอยู่ดี จนเด็กชายเดินมาเปิดประตูรถแล้วขึ้นมานั่งข้างผมตรงเบาะหลัง แต่นั่งห่างๆ กันอยู่คนละฝั่งของประตู

        บรรยากาศในรถดูตึงเครียดขึ้น เพราะต่างคนต่างไม่ได้ทักทายหรือพูดอะไรกันสักคำ ผมก็ยังคงนั่งตัวเกร็งไม่กล้าจะทักน้องก่อน ได้แต่แอบชำเลืองมองน้องที่ตอนนี้นั่งเงียบขรึมมองออกไปนอกหน้าต่างรถอยู่ ไม่มีแม้แต่จะหันมองมาทางผมเลยสักนิด ผมเลยคิดว่าน้องคงยังเกลียดผมอยู่แน่ๆ เลยยิ่งทำให้ผมร้อนรนใจขึ้นไปอีก ไม่รู้จะแก้ตัวกับน้องกายยังไงดี
        "เดี๋ยวแม่แวะทำธุระธนาคารแป๊ปนึงนะลูก รออยู่ในรถกันก่อนนะ" น้ากิ่งมองมาทางผมและลูกชายผ่านกระจกมองหลัง และจอดรถไว้ตรงลานจอดรถหน้าธนาคาร
        "กายไปด้วยดิแม่..." เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงน้องกายพูดในรอบปี ซึ่งยังคงเป็นเสียงเล็กใสๆ ที่ผมคุ้นเคย แม้เสียงจะดูโตขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นแตกหนุ่มแบบน้องตังค์
        "รออยู่นี่แหละลูกแม่ไปแป๊ปเดียว ชวนพี่เขาคุยหน่อยสิ เขาอุตส่ามาเที่ยวหาแหนะ"
        "ครับ..." น้องกายตอบเสียงอ่อยเบาๆ คงจะอึดอัดมากที่ต้องนั่งอยู่ใกล้ผมแบบนี้ เมื่อน้ากิ่งได้ลงจากรถเดินตรงไปที่ธนาคาร ก็ปล่อยให้ผมนั่งอยู่ในรถกับน้องกายแบบเงียบๆ กันสองคน จนน้องต้องหยิบโทรศัพท์ออกมานั่งเล่นรอเพื่อไม่ให้อึดอัดไปมากกว่านี้
        ผมจึงรวบรวมความกล้าที่จะเริ่มเปิดใจคุยกับน้อง เพราะคงไม่มีจังหวะไหนเป็นใจเท่าตอนนี้อีกแล้ว
        "เรียนที่กรุงเทพเป็นไงบ้างอ่ะ?" ผมเริ่มถามไปอย่างตื่นเต้น รอดูปฏิกิริยาลุ้นว่าน้องจะยอมคุยกับผมบ้างมั้ย
        น้องกายหันมามองผมจนได้สบตากันไม่นานนัก ก่อนจะหันกลับไปสนใจที่จอมือถือต่อและพูดตอบกลับมาว่า "ก็ดีครับ..." ถึงแม้จะเป็นคำตอบสั้นๆ แต่ทำเอาผมโล่งใจเป็นอย่างมากที่อย่างน้อยน้องกายก็ยังคุยด้วย
        "แล้ว... มีเพื่อนใหม่บ้างป่ะที่โรงเรียน?" เป็นครั้งแรกที่ผมกล้ามองหน้าของน้องแบบชัดๆ สังเกตุว่าหน้าน้องดูเรียวยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยังคงความน่ารักไว้ไม่ต่างจากเดิม ต่างก็ตรงที่สีหน้าของน้องจะดูเศร้าๆ ไม่สดใสร่าเริงเหมือนตอนที่อยู่กับผมแล้ว
        "ก็พอมีครับ... แต่ไม่ได้สนิทมาก" น้องยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตายังคงจ้องจอมือถืออยู่
        "แล้วกาย... ยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่าเหรอ?" ผมเริ่มเข้าเรื่องโดยไว แต่ก็เห็นน้องกายยังนั่งนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา
        "พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ... พี่ยอมรับว่าพี่ผิดเองแหละ สมควรแล้วแหละที่กายจะโกรธพี่" ผมเริ่มน้ำตาคลอพยายามกลั้นไว้ไม่ให้ร้องไห้ และรวบรวมสติเรียบเรียงคำพูดที่อยากจะบอกกับน้อง
        "กายจะโกรธพี่ต่อไปพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะบอกก่อนอ่ะ"
        "เรื่องอะไรเหรอครับ?" น้องกายหันมาถามผม
        "คือ... พี่เพิ่งรู้มาว่าจริงๆ แล้ว... กายกับพี่เป็นพี่น้องกัน และมีพ่อคนเดียวกันอ่ะ" ผมพูดจบจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง พยายามกลั้นยังไง ก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว
        "เรื่องนั้นผมรู้นานแล้วครับ..." น้องยังคงหลบหน้าผม และหันไปดูจอมือถือต่อ
        "จริงเหรอ? รู้ตั้งแต่ตอนไหนอ่ะ?" ผมยิ่งตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ ไม่คิดมาก่อนว่าน้องจะรู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน
        "แม่เคยเล่าให้ผมฟัง หลายปีมาแล้วครับ..." น้องพูดจบสังเกตุเห็นเริ่มมีน้ำตาคลอเล็กน้อย ถึงว่าที่ผ่านมาน้องถึงได้รักผมมาก รักจนยอมให้ผมหมดทุกอย่างในตอนนั้น
        "งั้น... พี่ไม่มีอะไรแล้วล่ะ... พี่ขอโทษจริงๆ นะ" ผมพยายามตัดจบ ไม่อยากทำให้น้องร้องไห้ออกมา เพราะอีกไม่นานน้ากิ่งก็คงเสร็จธุระกลับมาแล้ว รีบเช็ดน้ำตาตัวเองพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ จนไม่นานนักน้ากิ่งก็เดินมาขึ้นรถและหันมามองที่ผม ผมเลยยิ้มให้น้าเป็นการขอบคุณที่ให้ได้ผมได้พูดเคลียร์เรื่องที่คาใจกับน้องกายในวันนี้ ทำเอาผมโล่งเป็นอย่างมากที่ได้ระบายความในใจจากความอัดอั้นที่สะสมมานาน ส่วนน้องกายก็ยังคงนั่งเงียบไปตลอดทาง จนกระทั่งเรากลับไปถึงห้องพักของน้ากิ่งด้วยกัน

        ผมกับน้องกายก็ยังไม่ได้มีโอกาศได้คุยกันอีกเลย ถึงแม้จะนอนห้องเดียวกันในห้องพัก ซึ่งน้องจะนอนบนเตียงกับน้ากิ่ง ส่วนผมก็ปูที่นอนด้านล่างเตียงกับแม่ ตรงที่ผมเคยแกล้งหลับตามแผนน้องกายในการให้น้องไปอมของน้าเติ้ลเพื่อให้ผมลบคลิปในมือถือ พอนึกย้อนกลับไปก็นึกโกรธตัวเองที่ดันยอมให้น้องชายผมไปทำอะไรแบบนั้น รวมถึงการที่พาน้องไปลองเสียวกับทั้งลุงป้องและลุงชัย เพื่อสนองตัณหาของตัวผมเอง
        จนไม่กี่วันผมกับแม่ก็ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดกัน ซึ่งผมก็ถามแม่เรื่องย้ายบ้านแล้วได้ความว่าน้ากิ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่ขอคุยปรึกษากับน้องกายก่อน ว่าจะเอายังไงเดี๋ยวจะโทรมาบอกอีกที ทำเอาผมใจชื้นไปอีกหนึ่งขั้น รอลุ้นข่าวดีที่ตอนนี้ขึ้นอยู่กับน้องกายแล้วว่ายังจะอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผมต่ออีกหรือไม่

        ในระหว่างรอคำตอบอยู่นั้น ผมก็เปิดคอมเล่นเฟสไปเรื่อย และมาสะดุดตากับการเห็นแจ้งเตือนขึ้นว่ามีคนรับแอดเป็นเพื่อนแล้ว เป็นรูปโปรไฟล์การ์ตูนสไปเดอร์แมน ชื่อเฟสก็เป็นชื่อนามสกุลจริงของน้องกายน้องชายของผมนั่นเอง แต่น้องนั้นยังใช้นามสกุลเดียวกันกับน้ากิ่งอยู่ ผมเลยไม่รอช้ารีบทักไปคุยกับน้องทันที
        ผม: 'หวัดดีกาย นี่พี่มิกเองนะ นี่กายเล่นเฟสนี้เองเลยใช่มั้ย' ผมพิมพ์ไปไม่นานก็ขึ้นว่ามีคนอ่านแล้ว แสดงว่าน้องยังเปิดเฟสเล่นอยู่พอดี
        น้องกาย: 'ใช่ครับ เล่นเอง'
        ผม: 'ขอบคุณที่รับแอดพี่นะ นึกว่ากายไม่ได้เล่นเฟสแล้ว'
        น้องกาย: 'ครับ'
        ตอนนี้ผมดีใจเป็นอย่างมาก ที่น้องเริ่มยอมรับและคุยกับผมต่อ พยายามนึกคำพูดอยู่ว่าจะพิมพ์บอกน้องยังไงดีให้น้องยอมย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับผมที่กรุงเทพ
        ผม: 'แล้วทำไรอยู่เหรอ'
        น้องกาย: 'นอนเล่นอยู่ครับ'
        ผม: 'ว่างคุยป่าวอ่ะ'
        น้องกาย: 'ก็ว่างครับ ทำไมเหรอครับ'
        ผม: 'แม่กายได้คุยเรื่องที่จะย้ายไปอยู่กับพี่ที่กรุงเทพยังเหรอ'
        น้องกาย: 'คุยบ้างแล้วครับ'
        ผม: 'แล้วกายล่ะ อยากย้ายมาอยู่ด้วยกันมั้ย'
        ในแชทผมขึ้นว่าน้องอ่านข้อความแล้ว แต่เงียบไปไม่มีพิมพ์ตอบอะไรกลับมาทำเอาผมลุ้นเป็นอย่างมาก แต่การที่ได้พิมพ์คุยกับน้องกายแบบนี้นั้นง่ายกว่าคุยแบบต่อหน้าเยอะเลย ไม่เกร็งเท่าตอนวันที่เจอกันคราวก่อนแล้ว
        ผม: 'พี่ยังอยากอยู่กับกายนะ พี่ขอโอกาสแก้ตัวได้มั้ยอ่ะ'
        น้องกาย: 'พี่มิก'
        ผม: 'อะไรเหรอกาย'
        น้องกาย: 'ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้วอ่ะ'
        ผม: 'พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้กายเสียใจอีกแล้ว สัญญาว่าจะเป็นพี่ชายที่ดี มีอะไรก็จะบอกกายทุกเรื่องเลย พอรู้ว่ากายเป็นน้องชายพี่ก็ยิ่งรักกายมากกว่าเดิมอีกจริงๆ นะ'
        น้องกาย: 'ผมขอถามไรได้มั้ย'
        ผม: 'ได้สิ ถามอะไรเหรอ'
        น้องกาย: 'ถ้าพี่ไม่รู้ว่าผมเป็นน้องชาย พี่ยังจะรักผมอยู่มั้ย' น้องเหมือนจะถามลองใจ ผมเลยพยายามไม่โกหก ลองตอบตามความรู้สึกจริงๆ โดยหวังว่าน้องคงจะเข้าใจ
        ผม: 'ไม่ว่ากายจะเป็นใครพี่ก็รักกายหมดแหละ แต่หลังจากพี่รู้ว่ากายเป็นน้องแล้ว เลยรู้สึกผูกพันธ์มากกว่าเดิม อยากอยู่ใกล้ๆ จะได้คอยดูแลกายได้อ่ะ'
        น้องกาย: 'ครับ งั้นผมไปกินข้าวก่อนนะครับ'
        ผม: 'เคๆ งั้นไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ'
        เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อจากนั้นเลย ปล่อยให้น้องใช้เวลาในการตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง ผมไม่อยากเซ้าซี้หรือบังคับอะไรน้องอีกแล้ว เพราะกลัวน้องจะรำคาญ

        วันถัดมาผมก็ได้ยินเสียงแม่คุยโทรศัพท์กับน้ากิ่ง คงคุยกันเรื่องที่ผมกับแม่จะย้ายไปกรุงเทพ พอแม่วางสายผมเลยรีบตรงดิ่งไปถามแม่ด้วยความตื่นเต้น
        "สรุปเขาตกลงยังอ่ะแม่? น้ากิ่งว่ายังไงบ้าง?" ผมถามด้วยความลุ้นแบบสุดขีด แต่ถึงผลสรุปจะเป็นยังไงก็ทำใจเอาไว้อยู่แล้ว
        "น้าเขาบอกมาแล้ว ว่าเขากับน้องกายโอเคนะ เดี๋ยวเขาจะช่วยผ่อนบ้านด้วย และบอกให้แม่ประกาศขายบ้านที่นี่ได้เลย แล้วเดี๋ยวจะมาช่วยขนของย้ายไปกรุงเทพ" แม่ตอบและยิ้มให้ผม ทำเอาผมดีใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก และดีใจที่น้องกายยอมยกโทษให้ผมแล้ว
        "จริงเหรอแม่? ขอบคุณมากนะครับ" ผมพูดจบรีบโอบกอดแม่ด้วยวามดีใจ
        "แล้วแม่โอเคแล้วใช่มั้ย ถ้าจะขายบ้านหลังนี้อ่ะ?"
        "อื้ม... แม่ตัดใจได้แล้วแหละ ดีเหมือนกันจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่สักที" แม่ยิ้มให้แบบน้ำตาคลอเบ้า คงจะเศร้านิดๆ เพราะบ้านหลังนี้ถือเป็นความทรงจำดีๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ระหว่างพ่อกับแม่

        ผมเตรียมเก็บข้าวของในห้องนอน ตื่นเต้นดีใจที่จะได้ย้ายบ้านใหม่แล้ว แต่ยังมีเรื่องที่ต้องสะสางให้จบอยู่ นั่นก็คือน้องตังค์แฟนของผมที่ยังคงไม่รู้เรื่องนี้ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไปพูดคุยกับน้องแบบตรงๆ
        "ตังค์... อยู่บ้านป่าว?" ผมปั่นจักรยานมาตะโกนเรียกน้องอยู่หน้าบ้าน หิ้วเอาของฝากที่แม่ซื้อให้ตอนไปกรุงเทพมาด้วย
        "อ่าวพี่ กลับมาแล้วเหรอ?" เสียงเด็กชายทักขึ้นพร้อมเดินมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน เห็นน้องยิ้มแป้นดีใจที่ได้เห็นผม
        "กลับมาสักพักแล้ว อ่ะนี่ของฝากแม่พี่ซื้อมาให้"
        "ขอบคุณนะพี่" น้องตังค์รับของกำลังจะเดินเอาไปเก็บในบ้าน
        "ตังค์ว่างป่ะ? ไปนั่งจักรยานเล่นด้วยกันหน่อยสิ"
        "ได้พี่ เดี๋ยวเอาของไปให้แม่ก่อนนะ" น้องเดินเอาของไปเก็บ และกลับออกมาซ้อนท้ายจักรยานผม ทำผมตื่นเต้นอย่างมากไม่รู้จะบอกน้องยังไงไม่ให้เสียใจดี

        "ตังค์... พี่มีเรื่องอยากจะบอกอ่ะ" ผมพูดขณะพาน้องปั่นจักรยานวนเล่นช้าๆ อยู่รอบหมู่บ้าน
        "มีอะไรเหรอพี่?"
        "คือ... อีกไม่กี่วันเดี๋ยวพี่จะย้ายบ้านแล้วนะ"
        "จริงเหรอพี่? แบบย้ายถาวรเลยเหรอ?"
        "อืมใช่... พี่เพิ่งรู้ว่าไอกายเป็นน้องแท้ๆ ของพี่อ่ะ เลยว่าจะชวนแม่พี่ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ"
        "อ่อ... แล้วอย่างงี้... เราก็ต้องเลิกกันอ่ะสิ?" น้องตังค์ดูเสียงอ่อยๆ จนผมเริ่มสงสารน้องขึ้นมาจับใจ
        "คงต้องแบบนั้นอ่ะ... เพราะพี่คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว... พี่ขอโทษนะตังค์..."
        "ไม่เป็นไรพี่... ขอบคุณที่มาบอกผมนะ ดีแล้วที่พี่ไม่หายไปเฉยๆ อะครับ" น้องโอบกอดผมแน่นขณะซ้อนท้ายอยู่ และสัมผัสได้ว่าน้องเอาหน้าซบที่หลังของผมไปด้วย
        "พี่ต้องบอกอยู่แล้ว... ขอบคุณเหมือนกันที่มาเป็นแฟนพี่นะ..." ผมเอามือข้างนึงมากุมมือน้องที่ตอนนี้โอบรัดรอบเอวผมอยู่ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าน้องตังค์
        "อิจฉาไอกายเนอะ... ที่มีพี่ชายแบบพี่อ่ะ" น้องพูดพร้อมยกหัวขึ้นจากที่ซบหลังผม
        "ไม่ต้องอิจฉาหรอก เดี๋ยวตังค์ก็หาคนที่ดีกว่าพี่ได้อยู่ละ" ผมหันหน้าไปยิ้มให้กับน้อง เห็นน้องยิ้มตอบกลับมาก็ชื่นใจ
        "ถ้าได้จริงก็ดีสิพี่ ฮ่าๆ" น้องยังคงขำได้เบาๆ ทำเอาผมเริ่มอุ่นใจเมื่อรู้ว่าน้องคงไม่เป็นไรมาก จากนั้นก็ปั่นไปส่งน้องที่หน้าบ้าน
        "วันไหนถ้าพี่ขนของ อยากมาช่วยพี่ขนด้วยมั้ย? เผื่อเจอไอกายมันอาจจะมาด้วย"
        "ได้พี่ ผมอยากเจอไอกายเหมือนกัน... งั้นผมเข้าบ้านแล้วนะ..." น้องยิ้มให้ผมอีกรอบก่อนจะปิดรั้วเดินเข้าบ้านไป ผมรู้สึกดีและโล่งใจที่เรายังจากกันด้วยดี น้องอาจจะยังเด็กคงไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น
        ผมได้แต่ปั่นจักรยานกลับบ้านแบบเศร้าๆ รีบขึ้นบ้านถอดเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ แต่ก็ต้องสะดุดตากับรอยเปื้อนบางอย่างที่เสื้อของผม คงเป็นคราบน้ำตาน้องตังค์ที่ตอนมาซบหลังผมแน่ๆ ทำเอาผมไม่รอดเหมือนกันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ และทิ้งตัวนั่งร้องไห้ระบายความเศร้าออกมาอยู่บนพื้นห้องน้ำไปสักพัก นึกเสียดายเหมือนกันที่ต้องเลิกกับแฟนที่นิสัยดีแบบน้องตังค์ เพราะในตลอดเวลาที่คบกันมาแทบว่าไม่เคยมีเรื่องให้เราต้องทะเลาะกันรุนแรงเลย และถือว่าน้องเป็นแฟนผู้ชายคนแรกในชีวิตของผมอีกด้วย

       ไม่กี่วันต่อมาก็ได้ข่าวจากน้ากิ่งว่าได้ทำเรื่องซื้อบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่น้ากับแม่ของผมได้ช่วยกันเลือกและส่งภาพบ้านมาให้ดู เป็นบ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่มากแบบทาวเฮาส์ มีสองห้องนอนพอสำหรับอยู่ด้วยกัน 4 คนแม่ลูก จากนั้นก็ขับรถพาน้องกายมาที่บ้านของผมเพื่อช่วยกันขนของ พร้อมกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จ้างมา ผมเลยโทรชวนน้องตังค์มาด้วยตามที่บอกกับน้องไว้
        "โหไอตังค์... ไม่เจอปีเดียวตัวสูงขึ้นเยอะเลยนะมึง" เสียงเล็กๆ ของน้องกายลงมาจากรถพูดทักทายน้องตังค์ตามประสาเพื่อนเก่า
        "แล้วมึงอ่ะ ทำไมยังเตี้ยเหมือนเดิมเลยวะ ฮ่าๆๆ"
        "ปากหมาไม่เปลี่ยนเลยไอสัตว์นี่ ฮ่าๆ" น้องกายดูร่าเริงขึ้นจากคราวก่อนมาก ทำเอาผมชื่นใจที่ได้เห็นรอยยิ้มน้องอีกครั้ง
        บรรยากาศการขนของก็ดูกระอักกระอ่วนนิดหน่อย เพราะผมกับน้องกายยังคงไม่กล้าคุยอะไรกันมากเท่าไหร่ ส่วนน้องตังค์ก็ยิ่งไม่กล้าคุยอะไรเพราะเพิ่งบอกเลิกกันมา แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ขนของขึ้นรถจนหมด ผมยังคงยืนลำลึกดูห้องนอนโล่งๆ ที่ไม่เหลือของใช้อะไรแล้ว เหลือไว้เพียงตู้เสื้อผ้ากับเตียงเก่าๆ ที่ผมเคยใช้นอนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเป็นที่เคยได้ใช้ช่วงเวลาอันมีความสุขกับน้องกาย
        "พี่มิก แม่ให้มาเรียกอะ... จะไปกันแล้ว" ผมหันไปตามเสียงเล็กๆ เห็นน้องกายเดินขึ้นชั้นสองมาเรียกผม ก่อนจะรีบกลับลงไปชั้นล่าง คงเพราะน้องอาจจะมีความทรงจำที่ไม่ดีกับห้องนี้ไปแล้ว ห้องที่ผมเคยได้ขืนใจน้องในคืนนั้น
        พอผมลงไปถึงด้านล่างเห็นน้องกายกำลังยืนบอกลาเพื่อนเก่าที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ และยื่นมือถือให้น้องตังค์ดูเหมือนกำลังแลกเฟสเอาไว้คุยกัน นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้าน้องตังค์แล้ว เลยกะว่าจะเดินไปบอกลาน้องเช่นกัน
        "ตังค์... พี่ไปแล้วนะ มีอะไรก็ทักเฟสมาคุยได้นะ"
        "ครับผม... โชคดีนะพี่..." น้องยืนสบตากับผมและยิ้มให้กันแบบเศร้าๆ เห็นน้องกายแอบมองทำหน้าสงสัยอยู่ ผมเลยรีบเปิดประตูขึ้นรถแก้เขิน สายตามองตามน้องตังค์ที่กำลังปั่นจักรยานออกจากซอยบ้านผมไป ทำเอาผมน้ำตาคลออีกครั้งเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ แต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ พยายามทำตัวปกติเพื่อไม่ให้แม่กับน้องกายสังเกตุเห็นและสงสัยเอา

        ผมนั่งหลับบนเบาะหลังกับน้องกายตลอดทางเพราะความเหนื่อยและเพลียจากการขนของ จนกระทั่งตื่นมาอีกทีก็เดินทางมาถึงบ้านหลังใหม่ของเรากันแล้ว เลยพาน้องกายเดินเข้าไปสำรวจภายในบ้าน และเดินดูจับจองห้องนอนกัน
        "พี่มิก อยากนอนห้องเดียวกับกายอีกป่ะ?"
        "ได้เหรอ? อยากสิ" ผมหันไปยิ้มให้น้องแบบดีใจสุดขีด แสดงว่าน้องกายคงยอมให้อภัยผมแล้วจริงๆ
        "ได้สิครับ ก็เราเป็นพี่น้องกันหนิ... งั้นเดี๋ยวกายบอกแม่ให้ไปนอนกับแม่พี่ละกัน" น้องกายยิ้มเขินจนหน้าเริ่มแดง ทำเอาผมเขินตามและโล่งใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน ที่น้องกลับมาเรียกแทนตัวเองว่า 'กาย' ไม่ใช้คำว่า 'ผม' เหมือนตอนที่ยังโกรธกันอยู่แล้ว
        วันนั้นเราต่างช่วยกันขนของลงและจัดบ้านกันถึงมืด ทำเอาผมเริ่มหมดแรงอยากจะนอนพักผ่อนคืนแรกในบ้านหลังใหม่นี้แล้ว เลยรีบอาบน้ำใส่ชุดนอน ปูผ้าสำหรับนอนบนพื้นชั่วคราวไปก่อน เพราะยังไม่ได้ซื้อเตียงใหม่เข้ามาเลย ส่วนน้องกายก็ปูที่นอนแยกข้างๆ ผมเหมือนกัน นอนกอดตุ๊กตาแพนด้าตัวโปรดที่น้องใช้กอดตอนนอนตั้งแต่ยังเด็กๆ ทำเอาผมดีใจที่ได้นอนในห้องเดียวกับน้องกายอีกครั้ง แต่เป็นแบบแยกผ้าห่มกันไม่ได้นอนติดกันเท่าไหร่นัก เพราะผมก็ยังคงแอบกลัวน้องกายอยู่ ทั้งที่ความจริงผมอยากจะเอื้อมมือไปกอดน้องให้เต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องจะคิดยังไงกับผมแน่ หรือน้องอาจจะเลิกชอบผู้ชายแล้วก็เป็นได้

        "พี่มิก... พี่เป็นแฟนกับไอตังค์เหรอ?" จู่ๆ น้องก็ถามขึ้นขณะกำลังนอนกันอยู่ในห้องนอนที่ปิดไฟมืดสลัวทั้งห้องแล้ว ทำเอาผมพูดไม่ออก แต่ก็สัญญากับน้องแล้วว่าจะเล่าความจริงทุกอย่างต่อจากนี้
        "ใช่... แต่เพิ่งเลิกกันตอนจะย้ายมานี่แหละ"
        "อ่าว... เลิกทำไมอ่ะพี่?"
        "ก็ไม่ได้อยากเลิกหรอก แต่พี่ไม่ได้อยู่ใกล้กันแล้วไม่อยากรั้งมันไว้อ่ะ จะได้ให้มันไปเจอคนอื่นที่ดีกว่าพี่"
        "อ่อ... คนดีจังเนอะ อิอิ" น้องกายขำแซวผมทำให้บรรยากาศตอนนี้ดูตึงเครียดน้อยลง
        "แหม่... ให้พี่เป็นคนดีบ้างเถอะ เป็นคนชั่วมาเยอะละ ฮ่าๆ..." ผมพูดและขำตามน้องเพื่อสร้างความสนิทสนมกับน้องกายอีกครั้ง
        "กายแซวเล่นเฉยๆ แต่ดีแล้วที่คบกับไอตังค์อ่ะ พี่จะได้ไม่เหงาตอนกายไม่อยู่" ประโยคนี้ทำเอาผมยิ่งปลื้มใจอย่างมาก ที่น้องยังคงเป็นห่วงผมด้วย
        "อืมๆ... แล้วกายอ่ะมีแฟนบ้างเปล่าหนิ?"
        "ไม่มีหรอกพี่ ผมขี้เกียจมีแฟนอ่ะ"
        "โม้เปล่า? หล่อขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบบ้างเลยเหรอ?"
        "กายเนี่ยนะหล่อ? ออกจะเอ๋อมากกว่า"
        "หล่อดิ... ได้เชื้อมาจากพี่เยอะไง อิอิ"
        "เออๆ หล่อก็ได้... คนมาจีบก็มีแหละ แต่กายแค่ไม่สนใจเฉยๆ อ่ะพี่"
        "นั่นสิ หล่อเลือกได้อ่ะเนอะ อิอิ..." ผมยังคงแซวน้องต่อ เพราะชอบเห็นเวลาน้องเขินแล้วน่ารักดี
        "เห้ออ... นอนดีกว่า" น้องเขินจนตัวม้วนดึงผ้าห่มมาคลุมโปรงจะแกล้งทำเป็นหลับ
        "รีบนอนไปไหน? ชวนพี่คุยก่อนสิ... นานๆ เราจะได้คุยกันที" ผมต้องเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มน้องลงให้คุยกับผมต่อ
        "แล้วพี่จะเรียนต่อ ม.4 ที่ไหนอ่ะ?" น้องกายยังชวนคุยต่อ โดยหันหน้ามาทางผมแบบนอนตะแคง
        "ก็ว่าจะไปลองสอบโรงเรียนเดียวกับกายอ่ะ กายจะได้มีเพื่อนกลับบ้านไง... ดีป่ะ?"
        "ก็ดีนะพี่ แต่จะสอบติดป่าวเหอะ โรงเรียนผมเข้ายากนะ"
        "อย่าดูถูกพี่สิ เพื่อกายพี่ทำได้หมดแหละ... อิอิ" ผมพูดจบพยายามตั้งสติว่าตอนนี้ผมฝันไปอยู่ไหม ยังไม่เชื่อหูตัวเองว่าผมจะได้กลับมาคุยกับน้องกายแบบนี้อีก

        "พี่มิก... อยากนอนกอดกันแบบที่บ้านพี่อีกมั้ย?" น้องกายหันหน้ามาทางผมแบบนอนตะแคง แล้วก็ถามคำถามที่ทำเอาผมอึ้งไปชั่วครู่
        "อยากสิ... กอดได้จริงเหรอ?"
        "ได้สิครับ ก็ผมเป็นน้องพี่หนิ" เมื่อน้องเปิดทางให้แบบนี้ ผมเลยไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป ขยับตัวไปนอนติดกับน้องเข้าไปอยู่ในผ้าห่มเดียวกัน และโอบกอดร่างอุ่นๆ ของน้องชายสุดรักเอาไว้ในอ้อมแขน สอดมือให้น้องได้นอนหนุนหัวไปกับต้นแขนของผม จนผมได้สูดดมกลิ่นตัวหอมๆ ของน้องกายอีกครั้ง และไม่นานนักผมเริ่มได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ดังมาจากน้องกายทำเอาผมตกใจอย่างมาก กลัวว่าผมจะทำอะไรให้น้องได้คิดมากอีก
        "เป็นไรเหรอกาย? กลัวพี่อยู่เหรอ?"
        "ป..เปล่าครับ ซิกๆ... กายแค่คิดถึงพี่มากอ่ะครับ..." น้องตอบแบบเสียงสั่น ร้องไห้จนน้ำตาไหลหยดใส่แขนของผมที่น้องหนุนอยู่
        "พี่ก็คิดถึงกายมากเหมือนกัน..." พอได้ยินแบบนั้นก็ทำผมน้ำตาคลอไปด้วยเพราะความปลื้มใจ ใช้มือลูบผมนุ่มๆ ปลอบน้องชายสุดน่ารักคนนี้ไปด้วย
        "ไม่ต้องร้องแล้วนะ... พี่อยู่นี่แล้วครับ" ผมเอื้อมมือมาปาดแก้มเช็ดน้ำตาให้กับน้อง ส่งสายตาให้กันแบบใกล้ๆ ได้แต่จ้องใบหน้าสีขาวผ่องสุดน่ารักผ่านความมืดแบบสลัวๆ กับปากสีแดงอมชมพูที่ผมเห็นแล้วอยากก้มลงไปดูดอีกครั้ง แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ไม่อยากจะเกิดอารมณ์กับน้องอีกเพราะกลัวจะยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่จู่ๆ น้องกายก็เลื่อนปากมาประกบจูบดูดไปที่ริมฝีปากของผมด้วยตัวเอง ทำเอาผมเคลิ้มตามแลกลิ้นชิมรสชาติปากอันหอมหวานของน้องกายที่คุ้นเคยไปด้วย เป็นการดูดปากที่ผมมีความสุขมากที่สุดแล้ว ทุกอย่างปลดล็อคโดยอัตโนมัติ เหมือนได้โยนทิ้งทุกเรื่องเศร้าเก็บไว้ในอดีต
        "พี่คิดมากหรือเปล่าครับ?... กายขอโทษนะครับ" น้องกายถอนปากจากจูบมาถามผมเบาๆ คงกลัวผมจะว่าอะไร
        "ไม่ต้องขอโทษหรอก กายก็รู้หนิว่าพี่ชอบจูบกายมากขนาดไหน..." ผมพูดจบก่อนก้มลงไปดูดปากกับน้องอีกครั้งเพราะยังไม่หนำใจ แถมอดอยากเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ลิ้มรสจูบน้องกายมานาน ทำเอาน้องกายเคลิ้มเผลอเอามือมาลูบคลำแถวเป้าของผมจนมันเริ่มนูนขึ้นมาในกางเกงนอน ผมเลยได้ใจลองเอื้อมมือคลำของน้องกลับไปบ้าง สัมผัสถึงแท่นเอ็นที่แข็งเต็มที่ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยจากครั้งล่าสุดที่ผมจำได้ ทำเอาผมอยากเห็นแท่งควยของน้องชายตัวเองแบบเต็มๆ ตาอีกครั้ง

        "กายอยู่ที่นี่ได้ทำแบบนี้กับใครบ้างหรือเปล่า?" ผมถอนปากมาถามน้องไปด้วยความอยากรู้ กลัวน้องจะไปลองทำกับคนอื่นมั่วแบบที่น้องเคยบอกกับผมเมื่อคราวก่อน
        "ไม่เคยเลยครับ...อืมมม" น้องพูดเสร็จก็ดึงปากผมไปจูบต่อเพื่อไม่ให้ขาดตอน เหมือนน้องก็คงอดอยากมานานเหมือนกัน
        "จริงเหรอ?...อืออ...อืมมม" ผมถามสลับกับครางเบาๆ ระหว่างดูดลิ้นอุ่นๆ ของน้องไปด้วย
        "จริงครับ... ครั้งล่าสุดก็กับพี่แหละ...อ่าา..." น้องเริ่มครางดังขึ้น แข่งกับเสียงน้ำลายของเราสองคนที่ตอนนี้ผสมกันอยู่เต็มริมฝีปากแล้ว
        "แล้วพี่มิกล่ะเคยบ่อยมั้ย?" น้องกายเอาปากออกหยุดจากการจูบผมเพื่อพักหายใจ แล้วมานอนทับผมเอาหน้าซบอยู่บนหน้าอกของผมแทน
        "ก็มีบ้างกับไอตังค์อ่ะ แม่พี่ให้มันมาเล่นที่บ้านได้แล้ว"
        "อ่อ... แล้วลุงป้องล่ะ?"
        "แกย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพักแล้วอ่ะ... เห็นว่าแกเริ่มแก่ไม่ค่อยสบายละ"
        "งี้พี่ไปตัดผมที่ไหนอ่ะ?"
        "ก็ปั่นไปตัดร้านอื่นนอกหมู่บ้านกับไอตังค์แหละ"
        "อ่อครับ..." น้องพูดและก้มลงไปสูดดมแถวหน้าอกผมเบาๆ ทำเอาผมมีอารมณ์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
        "ถามทำไมเหรอ? กายอยากเหรอ?"
        "ก็อยากนะครับ แต่กายกลัวพี่จะคิดมากอะ" น้องตอบเสียงอ่อยๆ ทำเอาผมอยากไปด้วยเหมือนกัน
        "พี่จะคิดมากเรื่องไรอ่ะ?"
        "ไม่รู้สิ ก็กลัวพี่คิดว่ากายเป็นน้องแท้แล้ว จะไม่อยากทำไรกันอีกอ่ะ"
        "ไม่ต้องกลัวหรอก พี่แค่หวงกายมากขึ้นเฉยๆ นอกนั้นก็ยังเหมือนเดิมแหละ"
        "จริงเหรอครับ?..." น้องกายเงยหน้าเอาคางเกยบนหน้าอกเพื่อถามผม ยังคงนอนคว่ำควยแข็งทับอยู่บนตัว สัมผัสถึงความเงี่ยนเต็มที่ของเด็กชายที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มแล้ว
        "จริงสิ... ถ้าอยากเดี๋ยวพี่ช่วยนะ..." ผมไม่รอช้าจับน้องพลิกให้นอนหงาย ถกกางเกงนอนลงจนควยของน้องเด้งออกมาแข็งชูจ่อตรงหน้าผม ลองใช้มือคลำดูในความมืด สัมผัสได้ว่ามันใหญ่กว่าเดิมขนาดประมาณ 4 นิ้วกว่า เริ่มมีขนขึ้นตามวัยบางๆ เล็กน้อยแถวโคนแท่ง น้ำเงี่ยนไหลเยิ้มออกมาเยอะกว่าแต่ก่อนมาก น้องกายคงเงี่ยนแบบเต็มที่แล้วจนน้องต้องจับหัวผมกดลงให้ครอบปากไปดูดอมแท่งควยของเด็ก 13 ที่หนังหุ้มยังคงปิดอยู่ ใช้ปากผมรูดลงเบาๆ จนเห็นหัวชมพูน่ารักของน้อง ผมใช้ลิ้นเลียวนรอบหัวควยน้องกายด้วยความคิดถึงรสชาติน้ำเงี่ยนที่เยิ้มอยู่เต็มหัว จนน้องกายนอนดิ้นกระสับกระส่ายไปมาด้วยความเสียว
        "อื้มม...อ่าา...พี่อมเสียวเหมือนเดิมเลย...ซี้ดด..." น้องกายเผลอครางออกมาเพราะทนเสียวไม่ไหว จนผมต้องคอยบอกน้องให้เบาๆ เพราะกลัวแม่จะได้ยินเอา ยิ่งทำเอาน้องกายดิ้นแรงขึ้นที่ต้องกลั้นตัวเองไม่ให้เผลอครางออกมา
        ผมลองใช้ลิ้นไล่เลียลงมาจนถึงไข่สองใบของน้อง ที่ยังคงขาวเนียนสะอาดเหมือนเดิม ลองใช้ลิ้นแตะที่รูก้นของน้องจนต้องกระดกตูดยกขึ้นด้วยความเสียว สลับกับใช้นิ้วค่อยๆ ลองแหย่เข้าไปที่ตอนนี้มันฟิตกว่าเดิมมาก ทำให้ผมเชื่อแล้วว่าน้องไม่เคยกับใครมานานจริงๆ ยิ่งทำเอาผมเงี่ยนและรักน้องชายคนนี้มาก เร่งปากดูดแท่งควยน้องกายผงกหัวให้ไวและแรงยิ่งขึ้น นิ้วชี้ยังคงยัดเข้าออกคารูก้นน้องไปด้วย
        "จะแตก...จะแตกกแล้วครับ...อื้มม..." น้องกายกระซิบครางเบาๆ จนในที่สุดผมก็ได้ลิ้มลองรสชาติน้ำว่าวของน้องชายแท้ๆ ที่ไม่ได้กินมานานในรอบปี ที่น้องได้แอ่นควยปลดปล่อยออกมาพุ่งใส่เต็มปากของผม จนน้ำรักสีขาวของเด็ก 13 ไหลเยิ้มออกมาจากปากเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก คงเพราะน้องเริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว แถมคงจะเก็บสะสมมานานหลายวันจนได้ปลดปล่อยออกมาระบายกับพี่ชายคนนี้อีกครั้ง

        ผมปล่อยให้น้องกายนอนพักเหนื่อยหอบอยู่แบบนั้นสักพัก ที่ตอนนี้ทั้งตัวน้องเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเด็กชาย เพราะห้องนอนของเรายังไม่ได้ติดแอร์กัน มีเพียงพัดลมตั้งโต๊ะตั้งส่ายไว้อยู่แถวมุมห้อง ผมเลยถอดเสื้อให้น้องด้วยจนตอนนี้น้องกายนอนหงายตัวเปลือยเปล่าให้ผมนั่งลูบไล้สัมผัสร่างกายของน้องเล่นอยู่เพลินๆ
        "พี่ไม่แตกด้วยเหรอครับ?" เสียงน้องกายถามขึ้นมาเบาๆ ฟังดูเหมือนเริ่มจะหายเหนื่อยแล้ว
        "ยังอ่ะ... พี่ไม่กล้าทำแบบนั้นกับกายแล้วอ่ะ ยังรู้สึกผิดอยู่เลย" ภาพน้องกายนอนร้องไห้ตอนโดนผมเอาตูดครั้งล่าสุดยังคงหลอกหลอนอยู่ จนผมกลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นอีก
        "กายไม่เป็นไรหรอก พี่อยากทำก็ทำครับ..."
        "จะดีเหรอ? แล้วกายยังไม่หายอยากเหรอ?"
        "ครับ... กายอยากให้พี่มีความสุขด้วยอ่ะ"
        "แค่นี้พี่ก็มีความสุขมากแล้วนะ..."
        "งั้นเอางี้... พี่นอนเฉยๆ นะเดี๋ยวกายช่วยเอง" น้องกายลุกขึ้นนั่งมาถอดเสื้อให้ผม ตามด้วยกางเกงนอน จนผมแก้ผ้าหมดทั้งตัวเหมือนกับน้องแล้ว จับผมนอนหงาย แล้วก้มลงไปใช้ปากอุ่นๆ ครอบไปที่แท่งควยของผม จนมันค่อยๆ แข็งขึ้นแน่นอยู่ในปากของน้อง
        "อ่าา... ซี้ดด... เสียวจังกาย..." ผมครางเบาๆ กลัวแม่และน้ากิ่งที่นอนอีกห้องจะได้ยิน ก้มลงดูในความมืดเห็นเด็กชายกำลังโยกหัวขึ้นลงไปมาอยู่แถวหว่างขาผม สัมผัสถึงริมฝีปากนุ่มๆ ของน้องกำลังรูดผ่านหยักหัวควย จนผมทนไม่ไหวดิ้นตัวไปมาอยู่บนที่นอนตรงนั้น สักพักน้องกายต้องหยุดอมและขึ้นมานั่งเอารูก้นมาจ่อที่ควยผมที่ตั้งชี้อยู่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของน้อง
        "กายแน่ใจนะ?" ผมถามน้องอีกรอบเพราะกลัวน้องยังฝังใจเรื่องคืนนั้นอยู่
        "แน่ใจครับ พี่ไม่ต้องคิดมากนะ ปล่อยไปตามอารมณ์เลยครับ" น้องพูดจบก็กดตัวลงให้แท่งควยผมค่อยๆ แหย่เข้าไปในรูก้นของน้อง จนมันเริ่มยัดเข้าไปได้เกือบเต็มลำ พอเข้าที่เข้าทางน้องกายก็เริ่มนั่งขย่มควยผมช้าๆ บดรูโยกให้จนรู้สึกว่ารูฟิตๆ มันตอดรัดแน่นแท่งควยของผมมาก ทำผมเสียวเริ่มทนไม่ไหวกำแขนน้องไว้แน่นทั้งสองข้าง พยายามมนอนเด้งเอวช่วยรับกับจังหวะโยกตูดของน้อง
        "อืมม...ซี้ดด...อ่าา..." น้องกายยังคงครางเสียวเบาๆ จนผมเริ่มกลัวน้องจะเจ็บ เพราะรูน้องไม่ได้สัมผัสควยผมมานานแล้ว แต่น้องก็ไม่มีทีท่าจะผ่อนแรงเลย ยิ่งนั่งคร่อมโยกควยให้ผมเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องจับเอวน้องและกระแทกควยใส่ตูดจนมีเสียงดังผับๆ อยู่ภายในห้องนอนบ้านใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้วันแรก
        "จะแตกแล้วว...อ่าา...พี่จะแตกแล้วว...ซี้ดดด..." ไม่นานนักผมก็ทนไม่ไหวน้ำแตกใส่เต็มรูตูดน้องชายของตัวเอง จนร่างเล็กๆ อันบอบบางของน้องค่อยก้มลงมานอนซบอยู่บนหน้าอกของผม ในขณะที่ควยผมยังคงเสียบคารูของน้องกายทิ้งไว้อยู่

        "พี่รักกายนะ... พี่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะกาย..."
        "กายก็รักพี่นะครับ กายไม่โกรธพี่แล้วครับ..." น้องกายเงยหน้ามาดูดปากแสดงความรักกับผมอีกครั้ง ก่อนจะหมดแรงและเผลอหลับไปคาอ้อมกอดบนตัวผม ผมเลยลองคาควยเอาไว้ในตัวน้องแบบนั้นไปเรื่อยๆ ยังไม่ดึงถอนออกมาจากตูด เพื่ออยากให้รูของน้องขยายและยัดง่ายขึ้นในคราวหน้า
        วันนี้ถือเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต ทั้งดีใจที่ได้อยู่บ้านหลังใหม่ ดีใจที่ได้น้องกายคนเดิมกลับมา ดีใจที่ได้ทั้งเมียและน้องชายในเวลาเดียวกัน โดยคราวนี้ผมจะเก็บน้องกายไว้คนเดียว ไม่พาไปเสียวกับใครอีกต่อไปแล้ว จะเก็บความรู้สึกดีๆ นี้เอาไว้ เป็นความลับระหว่างเราสองคน เป็นความลับกับน้องชายสุดที่รักของผม ไม่ใช่ความลับกับลูกพี่ลูกน้องเหมือนเดิมอีกแล้ว...        

        จบ... ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบครับ ไว้รอผลงานเรื่องอื่นๆ ต่อไปได้นะค้าบ

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +15 Zenny +250 ย่อ เหตุผล
sevenrains + 15 + 250 กระทู้นี้ยอดเยี่ยม!

ดูบันทึกคะแนน

นิสิตสัมพันธ์

มีแฟนแล้ว

กระทู้
87
พลังน้ำใจ
15509
Zenny
21506
ออนไลน์
1825 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-27 03:06:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตอนแรกคิดว่าจะจบเศร้าเสียแล้ว พอเห็นว่าแบบมีพ่อคนเดียวกัน แถมกายก็ดูโกรธอีกต่างหาก ดูแลกันไปดีๆ

ดีใจที่กายยอมกลับมาคุยและยอมปลดล็อคในใจได้

แสดงความคิดเห็น

เดี๋ยวคนอ่านไม่ฟินครับ อิอิ  โพสต์ 2022-6-27 13:08
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
โพสต์ 2022-6-17 05:57:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
จบได้แฮปปี้ใจฟูมากครับ รอติดตามผลงานต่อๆไปนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
39
พลังน้ำใจ
27100
Zenny
46557
ออนไลน์
3258 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 22:53:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย marwinnn เมื่อ 2022-6-16 22:56

อยากให้ชัวิตจริง จบแบบแฮปปี้ๆแบบนี้บ้างจัง อ่านแล้วก็อินๆนะคับ ถึงจะไม่ได้เหมือนเรื่องของผมกับน้องปืน แต่หลายๆอย่างที่ทำให้อ่านแล้วรู้เลยว่าเป็นไง ทั้งตอนที่น้องกายไม่ได้เจอกันนานแล้วมานั่งในรถข้างๆกัน ให้อารมร์เหมือนตอนผมกับน้องปืนที่น้องไม่กล้าสบตาผม ไม่ทัก ไม่กล้าคุย ตอนน้องคิดว่าผมโกรธน้องอยู่ แม้กระทั่งตอนที่น้องกายถามว่าพี่เป็นอะไรไหม ก็เหมือนที่น้องปืนถามผมตอนน้องต้องย้ายไปอยู่บ้านแม่(อีกรอบ)ล่าสุดเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังไมไ่ด้ไปพิมเล่าต่อเลย555 ตอนน้องรู้ตัวว่าต้องไปแล้วมาบอกเรา น้องก็มองตาแล้วถามว่า พี่เป็นไรไหม พอเราบอกว่าไม่เป็นไรหรอก น้องก็มายิ้มๆแล้วบอกว่า ฮั่นแหน่ ไม่เป็นไรได้ไงเศร้าขนาดนี้ ไม่เป็นไรเดี่ยวผมมาหาทุกเสาร์ทิตย์ เห้ออออ เรื่องของผมไม่รู้จะลงเอยยังไง อยากให้จบแฮปปี้ๆ แต่ดูแล้วยังไงก็เศร้าชัวๆ ทำไจๆ555

แสดงความคิดเห็น

รอติดตามอยู่นะครับ ถึงแม้ว่าจะหายไปนานก็ตาม  โพสต์ 2022-6-17 18:04
ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลยครับ เดี๋ยวลองไปอ่านดู ขอบคุณครับ  โพสต์ 2022-6-17 02:51
ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตามเรื่องของผมนะครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
96285
Zenny
51640
ออนไลน์
13830 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 12:24:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
168502
Zenny
171656
ออนไลน์
28679 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 12:38:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
6
พลังน้ำใจ
62821
Zenny
29357
ออนไลน์
9797 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 13:08:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
86098
Zenny
39160
ออนไลน์
14116 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 14:04:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
10
พลังน้ำใจ
43111
Zenny
25902
ออนไลน์
13200 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 14:08:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
25
พลังน้ำใจ
16934
Zenny
40810
ออนไลน์
2759 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 14:38:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ รอติดตามผลงานอื่นๆ ต่อไปนัครับ

แสดงความคิดเห็น

ได้ครับ ขอบคุณค้าบ  โพสต์ 2022-6-16 14:53

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
19
พลังน้ำใจ
23543
Zenny
29762
ออนไลน์
1920 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 16:54:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เข้าใจกันก็ดีแล้วครับ
ฝากติดตามผลงานครับ  หาไม่เจอก็พิมพ์ "จากอดีตสู่ปัจจุบัน" ในช่องค้นหาของเว็บเลยครับ  

ประธานนักศึกษา

กระทู้
2
พลังน้ำใจ
65473
Zenny
283
ออนไลน์
21162 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 17:01:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
35544
Zenny
11685
ออนไลน์
5325 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 17:20:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
119369
Zenny
60198
ออนไลน์
12917 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 17:37:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณ​ครับ.

นิสิตสัมพันธ์

โสด

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
26131
Zenny
15267
ออนไลน์
897 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 18:13:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
4
พลังน้ำใจ
26013
Zenny
2194
ออนไลน์
23470 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 20:09:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับติดตามมาตั้งแต่ตอนแกจนถึงตอนจบ..แฮบปี้เอนดิ้ง

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
17055
Zenny
11235
ออนไลน์
2464 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 20:43:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
37829
Zenny
31934
ออนไลน์
1919 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 20:51:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอขอบคุณมากครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
3
พลังน้ำใจ
9037
Zenny
24649
ออนไลน์
2388 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 22:15:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
จบได้ดีครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
32235
Zenny
14083
ออนไลน์
2724 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 23:25:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
19
พลังน้ำใจ
13758
Zenny
23906
ออนไลน์
2802 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 23:34:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สองคนพี่น้องจบแบบแฮบปี้เอนดิ้ง แล้วน้องตังค์ละ????? ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
18218
Zenny
12976
ออนไลน์
1018 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-6-16 23:41:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-24 07:08 , Processed in 0.166397 second(s), 27 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้