เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 11 (100%)
XI( 100% )“เอ่อ ..ขอโทษนะ ไม่รู้ว่า...กำลัง......”
ผมถูกคนใต้ร่างดึงต้นคอให้ซุกซบลงบนอกของเขาในขณะที่เพราตายังคงนอนอยู่นิ่งๆในท่าเดิม แน่นอนว่ามือนุ่มของเขายังคงสอดอยู่ในกางเกงสแลคของผม ..ไม่พอ เขายังไม่เลิกขยับมือเล่นกับมันด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้ผมเลยเลือกที่จะกัดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้
รู้สึกถึงรสเลือดเค็มปร่าน้อยๆที่ปลายลิ้นอาจจะเพราะกัดปากตัวเองแรงไปหน่อย....
“ตอนนี้ก็รู้แล้ว แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่อีกล่ะ”
“ก็...อาจารย์กำลังจะมา.........”
“อึก...”
“อ้ะ!”
ผมเบนเป้าหมายจากปากของตัวเองไปกัดลำคอขาวระหงของอีกฝ่ายแทน เพราตาคนขี้แกล้ง รู้ทั้งรู้ว่าผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้วยังจะแกล้งบี้คลึงหัว ...เอ่อ นั่นหละ ของผมเล่นอีก ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอของเขา..... ขณะที่มือเริ่มขยับรูดลำเนื้อของผมเร็วขึ้นจนผมแทบจะทนไม่ไหว
“อะ..อ๊ะ”
.
.
หมับ
“พะ...พอก่อนเถอะ .....นะ”
ผมร้องห้ามไปหอบไป มืออันสั่นระริกจับรั้งที่ข้อมือเล็กของอีกฝ่ายพลางผงกใบหน้าขึ้นมองอย่างเว้าวอน กลีบปากอิ่มแย้มยิ้มขำขันทั้งที่หน้าของตัวเองแดงก่ำด้วยพิษไข้อยู่แท้ๆยังจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นมองคนอื่นให้เขารู้สึกวูบวาบเล่นอีก
“วันนี้ขอเรานอนที่ห้องของน้ำนะ เห็นทีเราคงกลับเรือนเล็กเองไม่ไหว.....”
ผมเป็นคนขี้ใจอ่อน ยิ่งเห็นสภาพภายนอกที่เรียกได้ว่าหมดเรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์ไข้ผนวกกับน้ำเสียงออดอ้อนในแบบของเพราตา ...ปกติไม่ต้องไม่สบายผมก็ใจอ่อนให้เขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาคราวนี้ยิ่งแล้วใหญ่
เพราตามักจะจี้ผมได้ตรงจุดเสมอ .....ร้ายกาจมากจริงๆ
ผมผละตัวออกจากร่างเล็กหลังจากที่มือนุ่มปล่อยส่วนกลางลำตัวของผมให้เป็นอิสระ แต่ตัวผมกลับเหมือนกับถูกอีกฝ่ายจองจำเอาไว้ในห้วงของตัณหาอันหวานหอมที่เขามอบให้เมื่อครู่ ....หากไม่เพราะตอนนี้เราอยู่ที่ไหนและมีใครอื่นอยู่ด้วยผมคงปล่อยให้เขาทำอะไรได้ตามใจชอบอีกอย่างเคย
ไม่เคยขัดใจเขาได้เลยสักครั้ง
...หรือเพราะผมไม่เคยคิดที่จะขัดเขาตั้งแต่แรกกันแน่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
.
.
“เดี๋ยวทานยาเสร็จแล้วนอนพักที่ห้องนี้ก่อนสักสองสามชั่วโมงนะคะ ถึงแม้จะเป็นเพียงไข้อ่อนๆแต่โลกสมัยนี้เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาดเลย ส่วนนักศึกษาสองคนจะนั่งอ่านหนังสือเฝ้าไข้เพื่อนในนี้ก่อนก็ได้แต่ห้ามรบกวนเพื่อนพักผ่อนนะคะ
เดี๋ยวอาจารย์ต้องขอตัวไปดูนักกีฬาที่สนามบาสก่อน ถ้ามีอะไรก็ไปตามอาจารย์ได้ที่นั่นเลยนะคะ”
อดโล่งอกไม่ได้ทันทีที่ได้ยินว่าคนที่แสนห่วงไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกวางใจอยู่ดี ก็อย่างที่อาจารย์บอกว่าถึงจะเป็นแค่ไข้อ่อนๆแต่ยังไงก็จะประมาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นพอคล้อยหลังอาจารย์วัยกลางไปแล้วผมถึงได้ดึงผ้าห่มห่มให้อีกคนไม่ลืมที่จะเลื่อนม่านกั้นระหว่างเตียงให้ด้วย
แต่คนป่วยที่สมควรจะนอนพักตามคำบอกของอาจารย์ประจำห้องพยาบาลกลับลุกขึ้นจากเตียงเสียอย่างนั้น ไม่พอยังคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของผมดึงจูงให้เดินตามเขาตรงไปที่ประตูห้องพยาบาลเสียอีก
ผมกระพริบตาถี่ก่อนที่จะขืนตัวเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก ร่างสูงที่ผมยังไม่รู้จักชื่อ รู้เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่ช่วยไม่ให้เพราตาตกบันไดไว้ได้อย่างหวุดหวิดเดินเข้ามาในห้องพยาบาลอีกครั้งหลังจากอาสาออกไปส่งอาจารย์ประจำห้องพยาบาล ไม่รู้ว่าไปส่งถึงตรงไหนแต่คิดว่าคงจะไม่ไกลจากที่นี่มากสังเกตจากระยะเวลาที่เขาใช้มันไม่นานเท่าไหร่นัก
คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นส่วนดวงตาคมวาวเป็นประกายแปลกๆมองผมสลับกับเพราตาไปมา
“พวกนายจะไปไหนกัน?”
“ยุ่ง”
คำเดียวสั้นๆจากคนป่วยแต่คาดว่าคงจะสะเทือนใจคนฟังไม่น้อย อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะที่เผลอสะอึกไปหลังจากคำนั้นหลุดออกมาจากกลีบปากอิ่ม
แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะมีภูมิคุ้มกันดีเกินคาด เพราะนอกจากดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรแล้วยังยิ้มรับออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย
“ต้องยุ่งแน่นอนอยู่แล้วล่ะในเมื่อฉันเป็นคนช่วยนายเอาไว้ กลับไปที่เตียงแล้วนอนพักซะเถอะเพราตา”
“จุ้นจ้านไม่เข้าท่า”
เพราตาไม่แม้แต่จะฟังคำทัดทานจากร่างสูงอีก เขาเลื่อนมือจากส่วนข้อมาจับประสานกับฝ่ามือของผมแทน คราวนี้ผมไม่อิดออดที่จะเดินตามการชักจูงจากเขาอย่างว่าง่าย ถึงจะรู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของชายแปลกหน้าที่ว่าให้เพราตานอนพักแต่ยังไง....
ผมกลับมีความคิดที่ว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้หรือพูดคุยกับเพราตาไปมากกว่านี้
ไม่คิดจะหลอกตัวเองหรอก ผมรู้ดีเลยล่ะว่าไอ้ความรู้นี้ของตัวเองมันคืออะไร
“หึงเราเหรอ?”
ก็ยังคงเป็นเขาที่มักจะอ่านสีหน้าของผมออกเสมอ
ผมเงียบ ไม่คิดที่จะปฏิเสธในเมื่อสิ่งที่เพราตาพูดมันเป็นความจริง แต่ก็ไม่อยากที่จะเอ่ยปากยอมรับออกมาตรงๆต่อหน้าเขาอยู่ดี...... สิ่งที่ผมทำคือการเลือกเหหน้าไปอีกทาง แอบได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตัวเล็กที่เดินเคียงข้างกันกับความอุ่นจนแทบจะเรียกว่าร้อนแนบเข้ากับต้นแขน
ใจกระตุกวูบเมื่อหันไปมองแล้วเห็นเสี้ยวหน้าหวานของคนตัวเล็กแนบอิงอยู่ ไม่พอเขายังถูไถแก้มนิ่มนั้นกับแขนของผมไปมาอีก ดวงตาคู่กลมช้อนมองผมอย่างหวานเชื่อม
รู้สึก........
“พอกลับถึงห้องแล้วเรามา ‘ทำ’ กันเถอะ”
......ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันระรัวเสียจนกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายเอาซะก่อน
แบบนั้นไม่เอาหรอกนะ ก็ผมน่ะ.........
“อือ....”
....ยังไม่อยากตายตอนนี้นี่หน่า
.
.
เพราตากำลังไม่สบาย
เพราะคำนึงถึงความจริงในข้อนั้น
ตอนนี้ผมจึง........
“อื้ออ...น้ำ อ๊ะ”
สองขาเรียวขยับอ้าออกกว้างขึ้นพร้อมกับสะโพกเล็กที่ขยับยกขึ้นยามถูกเรียวลิ้นนุ่มหยุ่นของผมกดดุนเบาๆลงบนร่องหยักส่วนหัวที่มีน้ำเหนียวหนืดปริ่มออกมาเล็กน้อยตามห้วงอารมณ์พิศวาส
มือสองข้างไล้ลูบช่วงขาอ่อนขาวนวลด้านในของอีกฝ่ายแผ่วเบา ในขณะที่กดปากครอบกลืนกินลำเนื้อร้อนจัดของอีกฝ่ายเข้าไปจนเกือบสุดความยาวพลางช้อนตาขึ้นมองประสานกับดวงตากลมเชื่อมหวานของอีกฝ่าย ปากอิ่มเผยอออกน้ำเชื่อมใสไหลย้อนออกมาตรงมุมปากเมื่อผมส่งนิ้วชี้เรียวเข้าไปหยอกเล่นกับปลายลิ้นนุ่มในโพรงปากเล็ก
ผละปากออกดูดผนังเนื้ออ่อนรอบท่อนเนื้อร้อนแทน ขบเบาๆก่อนที่จะไล่เลียจากส่วนโคนขึ้นมาจนถึงปลายส่วนหัวสีสดสวยซึ่งผงกน้อยๆอย่างน่ารัก
อดไม่ได้......
“อ๊า...น้ำ ..เสียว ....อื้อออ”
เพราตาครางกระเส่าลั่นเมื่อถูกริมฝีปากของผมดูดหนักๆเน้นตรงส่วนหัวสีสวยน่ากิน ....ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความคิดลามกแบบนี้อยู่ในหัวเลยสักนิดแต่ว่า....... ผมอยากให้เขาใส่ ‘มัน’ เข้ามาในตัวของผมจนแทบบ้าแล้ว
ผมหยุดเล่นกับท่อนเนื้ออวบขาวของเขาพลางยกตัวยืนเข่าคร่อมตัวคนร่างเล็กกว่าเอาไว้ เสื้อนักศึกษายังไม่ได้ถอดออกจากกายของเราทั้งคู่ เหงื่อที่เปียกจนชุ่มเผยผิวเนื้อแดงระเรื่อของอีกฝ่ายให้ได้เห็นอย่างวับแวบ แต่กลับเร้าใจกระตุ้นอารมณ์อย่างที่สุด
และเขาเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันนัก
สองมือน้อยลูบจากข้อพับเข่าขึ้นมาจนถึงก้นกลมกลึง ผมครางออกมาเบาๆเมื่อถูกมือนุ่มนิ่มนั่นบีบก้อนเนื้อก้นอย่างหนักมือ .....
ข้อนิ้วของเขาถูกส่งเข้ามาในร่องทางของผมช้าๆพร้อมกันกับที่ผมโน้มตัวลงขยับถูไถลำเนื้อที่แข็งขืนของเราสองคนให้เสียดสีกันไปมา เพราตาสบประสานสายตากับผม ปากน้อยเผยอออกปลายลิ้นสีสดแลบออกมา
ไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยปากบอก....
ผมเผยอปากออกส่งลิ้นออกมาพันเกี่ยวกับลิ้นหยุ่นของอีกฝ่ายนอกริมฝีปาก มองตากลมคู่เชื่อมปรอยปรือด้วยแรงปรารถนาอย่างหลงใหล ยอมรับจริงๆว่าตอนนี้ ‘หลง’ คนคนนี้เข้าให้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว
แต่ถึงจะยังถอนตัวทันอยู่ก็ตาม... ผมก็ไม่คิดที่จะทำอย่างนั้นอยู่ดี
“อื้อออ....”
กัดปากฉับเมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นยามค่อยๆขยับสะโพกกดลงกลืนกินลำเนื้อแข็งขืนของอีกฝ่ายให้เข้ามาในตัวช้าๆ ปรือตามองคนป่วยที่มีสีหน้าเหยเก ปากอิ่มเม้มกัดชายผ้าห่มที่รองแผ่นหลังอยู่ สองมือน้อยจิกกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น
หัวนมสีชมพูอ่อนทั้งสองข้างชูชันล่อสายตาพอกันกับกายเล็กที่เคยขาวนวลแต่ตอนนี้กลับแดงระเรื่อไปทั่วทั้งตัวยั่วยวนให้ต้องโน้มตัวลงลิ้นโลมเลีย
“อ๊า...น้ำ อ๊ะ”
เพราตาช่างหวาน
“อื้อ...อ เสียว ....เราเสียว อ๊าาส์ น้ำ.....น้ำ”
หวานลิ้นไปเสียทุกส่วน
ผมขยับเอวโยกพลางส่ายหมุนช้าๆ รู้สึกถึงส่วนแข็งขืนที่ไถขูดไปทั่วผนังอ่อนนุ่มของตัวเอง ขมิบรัดเมื่ออีกฝ่ายเด้งเอวสวนขึ้นมา ส่วนที่เชื่อมต่อกันอยู่ระอุร้อนขึ้นเรื่อยๆยามเราสอดประสานขยับกายไม่มีหยุดพัก
ราวกับเสพติดซึ่งกันและกัน
เหมือนกับมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น.....
เพียงสบสายตา........
สองแขนเอื้อมคว้าเกี่ยวต้นคอ ปากอิ่มประกบจูบสอดลิ้นเกี่ยวพันในขณะที่ช่วงล่างยังคงสอดประสานกันอย่างร้อนแรง เสียงเฉาะแฉะผสมปนเปไปกับเสียงหนั่นเนื้อกระทับกันดังก้องหู เร่าอารมณ์จนต้องขย่มสะโพกถี่หน่วงหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยความใคร่กระสัน
...จนเมื่อสุดห้วงอารมณ์ของเราทั้งคู่ ความอุ่นจนเรียกได้ว่าร้อนจัดหลั่งไหลเข้ามาในกายก่อนที่จะไหลย้อนออกมาตามง่ามขา ท่อนเนื้อที่ยังคงอยู่ในร่องทางกระตุกเบาๆพอกันกับแท่งเนื้อสีหวานของผมที่ยังคงกระตุกหงึกคายน้ำขุ่นขาวออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องเรียบเนียนของอีกคน
“น้ำ.....”
ผมลืมตาขึ้นมองเมื่อมือถูกมือนุ่มดึงไปทาบแนบแก้มนิ่ม ดวงหน้าหวานของคนใต้ร่างหลับตาพริ้มพร้อมลมหายใจที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ บ่งบอกได้อย่างดีว่าตอนนี้คนตัวเล็กคงเข้าสู่ห้วงนิทราเอาซะแล้ว
หัวเราะอย่างเอ็นดูออกมาเบาๆ พลางโน้มหน้าลงแตะสัมผัสกลีบปากสีแดงชาด แตะจูบขึ้นไปเรื่อยๆจากริมฝีปากไปยังปลายจมูกโด่งรั้น จบลงที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาชื้นเหงื่อ
ถึงจะเพลียแค่ไหนแต่เพราะอยากให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนอย่างสบายตัว ผมจึงเลือกที่จะฝืนตัวเองไว้ก่อนแล้วลุกลงจากเตียงหยิบบ๊อกเซอร์ขึ้นมาใส่อย่างลวกๆก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปเตรียมน้ำอุ่นใส่กะละมังพร้อมผ้าผืนเล็ก กลับมาที่เตียงอีกครั้งเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้อีกฝ่ายอย่างเบามือจนหมดจดถึงได้สวมชุดนอนของตัวเองที่คิดว่าคงจะทำให้อีกฝ่ายสบายตัวที่สุดให้
ช้อนแผ่นหลังเล็กของอีกคนขึ้นน้อยๆเพื่อดึงผ้าห่มที่ใช้เป็นผ้ารองออกไปใส่ตะกร้า โชคดีที่ผมยังมีผ้านวมติดตู้อยู่อีกผืนเลยเอาออกมาให้อีกฝ่ายได้ห่มกันหนาวได้
เพราตาไม่ชอบนอนในที่ที่อากาศร้อนหรือแม้แต่ในอุณหภูมิห้องก็ตาม แอร์ที่ซ่อมเสร็จแล้วเลยถูกเปิดในอุณหภูมิ 20 องศาตั้งแต่ที่คนตัวเล็กก้าวเข้ามาในห้อง
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่สบายอยู่แท้ๆ.....
ผมคลุกเข่าลงข้างเตียงอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มใสของคนป่วยเล่น อมยิ้มน้อยๆเมื่อใบหน้าหวานเอียงตามปลายนิ้ว........
บางทีมันก็เหมือนกับว่ากำลังฝันไปอย่างนั้นล่ะ
คนที่ผมได้แค่มองเขาจากในที่ที่ตากลมคู่นี้ไม่เคยมองเห็นหรือแม้แต่จะมองผ่านเลยสักครั้ง บัดนี้เขากลับอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายเตียงกั้นเท่านั้น หากในวันนั้นผมไม่ตัดสินใจลองเสี่ยงดวงดู ...คิดไว้แล้วว่ามันคงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเพราะถ้าหากมันไม่สำเร็จ .......
คงต้องโดนรังเกียจหรือไม่ก็คงจะโดนเขาดูถูก
ผมคงไม่กล้าแม้แต่จะ ‘แอบมอง’ เขาอีกต่อไป
“...รอคอยมาตลอดเลยนะ”พึมพำเสียงแผ่วพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
ยังจำได้ว่าเจ็บที่อกซ้ายขนาดไหนตอนที่ได้รู้ว่าไอ้เลวเจร์มันได้เพราตาไปครอบครอง ...ทั้งที่ผมทำได้แค่มองเขาอยู่ห่างๆเท่านั้น ...ทั้งที่ผมทำได้แค่นั้น.. แต่ไอ้เลวนั่นกลับ!
.....
“อื้ออ.. น้ำ?”
ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อรู้สึกถึงไออุ่นที่แตะเบาๆลงบนเปลือกตา คนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับปรือตาฉ่ำด้วยพิษไข้มอง มือเล็กเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้
ความอ่อนโยนที่ได้รับกับตากลมโตที่มองมาแฝงไปด้วยความห่วงใยทำให้สิ่งที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้ายรู้สึกอุ่นวาบ
“หนาว.....กอดเราหน่อยสิ”
ผมปลดระวางความแค้นเคืองที่ผุดขึ้นมายามนึกถึงไอ้คนทรยศทิ้งทั้งหมด ตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญไปกว่าคนคนนี้อีกต่อไปแล้ว
ร่างเล็กขยับซุกกายซบอก ครางหวานออกมาเบาๆเมื่อผมยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมไหมนุ่มมือ ดวงตากลมปิดหลับพริ้มอีกครั้งพร้อมคำกระซิบหวานที่ผมกระซิบเสียงนุ่มแผ่วเบาชิดใบหู
“ฝันดีนะครับ เพราตา ....หนึ่งเดียวของโตยธาร”
....
ต่อไปนี้หากไอ้เจเจอร์มันจะเต้นเร้าๆอะไรก็ปล่อยให้มันบ้าไปอยู่คนเดียว ผมจะไม่สนและไม่แคร์อะไรมันอีกทั้งนั้น เพราะตอนนี้ผมมีเพราตา ได้อยู่ข้างกายเขาอย่างที่เคยนึกฝันมาตลอด และเคยคิดไว้ว่าคงจะเป็นได้เพียงแค่ความฝันลมๆแล้งๆเท่านั้น....
ถึงในวันข้างหน้าเขาอาจจะไม่ต้องการผมอีกต่อไป
แต่ขอแค่เพียงเวลานี้ที่ตรงนี้ยังเป็นของผมอยู่ ผมก็จะขอรักษาสิทธิ์นั้นที่เขาให้เอาไว้ให้นานที่สุดตราบเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้
ส่วนเรื่องของคนอื่นน่ะ.......ก็ช่างหัวมันไปเถอะ
.
.
ไอ้พ่อบ้านนรก!
ป๊าจะฆ่ามัน!!
“อ่อก ค...คุณ.....ปะ ......ปิ่น”ป๊ามองใบหน้าที่ก็ไม่ได้อยากจะยอมรับหรอกว่ามันหล่อ! ขึ้นสีเขียวคล้ำขนาดมันตาเหลือกตาโปนเพราะป๊าออกแรงบีบคอมันไม่ยั้งพละกำลังไว้เลยสักนิดมันยังหล่อ!
ไม่หรอก ป๊าไม่ได้จะฆ่ามันเพราะมันหล่อแต่ป๊าจะฆ่ามันเพราะมันทำลูกรักป๊าหายต่างหาก!!
“นายครับ ผมว่า....”
“หุบปากไปซะเฉา! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก”
เปล่า ป๊าไม่ได้ด่าไอ้ผู้ชายหน้าขาวตาชั้นเดียวในชุดสูทสากลสีเทาที่ยืนอยู่ข้างโซฟาที่ป๊าใช้สำเร็จโทษไอ้พ่อบ้านจอมสับเพล่าหรอก แต่หมอนี่มันมีสกุลว่าเฉาเป็นจีนแท้ไม่มีส่วนผสมอื่น ส่วนเรื่องทำไมไอ้ลูกหลานแผ่นดินใหญ่นี่ถึงได้มาทำงานเป็นมือซ้ายของป๊าได้เอาไว้ก่อน
ดูสิตอนนี้มันใช่เวลามาสาธยายให้ฟังซะที่ไหน!
อย่างที่รู้กันว่าวันนี้ป๊าจะมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับลูกวิวสุดที่รัก กะไว้แล้วด้วยว่าจะค้างคืนบนเตียงเดียวกันกับลูกชายสักคืนพอให้ป๊าฟินต่อชีวิตไปได้สักเดือนเพราะต้องเดินทางไกลไปไกลถึงจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยธุระส่วนตัว.. ก็ไม่เชิงว่าเป็นธุรกิจหน่อยๆด้วยล่ะ
แล้วนี่อะไร?
พอป๊ามาถึงไอ้พ่อบ้านหน้าเข้มกว่าเฉาออกไปแถบไต้หวันแต่ดันชื่อซะฝรั่งจ๋ากลับบอกว่าน้องวิวไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน? คงจะเป็นบ้านเพื่อนสักคนสองคนล่ะมั้ง? แถมยังไม่ให้ป๊าไปตามหาด้วยมีหน้ามาบอกว่าเดี๋ยวน้องวิวก็กลับมาเอง
ป๊าไม่ได้โง่ ต่อปากต่อกรกับมันมานานนับทศวรรษทำไมป๊าจะไม่รู้ว่าป๊ากำลังโดนมันกวนตีน?
“นายครับ ผมว่านายฆ่าหมอนี่ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกครับ ดีไม่ดีพอรู้ถึงคุณหนูวิวจะถูกเธอโกรธเอาได้นะครับ ...นายก็รู้ว่าเรือนเล็กสำคัญกับคุณหนูเธอขนาดไหน อย่างน้อยให้ผมเอามันไปยิงทิ้งที่อื่นที่มันห่างไกลออกไปเถอะครับ รับรองว่าไม่มีใครสาวมาถึงนายแน่ๆ”
“ไอ้อับเฉา! แค่ก..”
ป๊าชะงักสมองประมวลคำพูดของเฉาก็เห็นว่าจริงอย่างที่มันว่าจึงปล่อยมือออกจากคอหนาของอเล็กซ์พลางยืนหลังตรงจัดสูทให้เข้าที่เข้าทางหลังจากเสียรูปไปเพราะทิ่มเข่ายึดหน้าท้องคร่อมตัวของอเล็กซ์ไว้กันมันดิ้นหนี
ร่างที่สูงพอกันกับป๊าไอค่อกแค่กตาแดงก่ำ รอบคอปรากฏรอยนิ้วมือชัดเจน
ฝีมือป๊าเอง ถึงจะอายุมากขึ้นแล้วแต่ก็ใช่ว่าป๊าจะละเลยเรื่องการออกกำลังนะ ต่อให้มีกี่สิบอเล็กซ์ก็ไม่คณามือป๊าหรอก เฮอะ!
“เลิกกวนเท้านายแล้วบอกมาตรงๆดีกว่าอเล็กซ์ว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน”เฉาทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ป๊าได้ดีเสมอ
เพราะรู้ใจป๊าแถมไม่สอดรู้สอดเห็นน่ารำคาญเลยสามารถอยู่ข้างป๊ามาได้นานเป็นสิบๆปี
“เอ้า! แค่ก ..ก็บอกว่าไม่รู้”
“เฉา......เอามันไปฆ่าทิ้งซะ”
“ครับนาย”
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ โอเคผมบอกแล้วก็ได้”อเล็กซ์ที่โดดข้ามโซฟาไปหลบอยู่หลังพนักพิงยกมือขึ้นห้ามเมื่อเฉาทำท่าย่างสุมเข้าหา
หึ ต้องให้ขู่ฆ่าแบบนี้ตลอด บางทีหมอนี่มันก็ออกจะมาโซหน่อยๆ
“คุณหนูอยู่กับคุณน้ำครับ”
“แล้ว?”
“แล้ว...ก็แค่นั้นล่ะครับ ผมรู้แค่ว่าคุณหนูบอกว่าจะกลับมาเองไม่ต้องไปตาม อ้อ แถมยังฝากบอกมาอีกนะครับว่า ‘ต่อให้เป็นปะป๊า ถ้ามาขัดอีกล่ะก็จะไม่อภัยให้เด็ดขาด’ น่ะ”
“น...นี่น้องวิวหลงไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่นขนาดนั้นเลยหรือ!”
“ไม่ใช่อาการของคนที่กำลังหลงของเล่นชิ้นใหม่หรอกครับ ...ผมว่าคุณปิ่นน่าจะรู้จักลูกชายของตัวเองดีนะครับ”
ยอมรับว่าป๊าแอบสะอึกไปเล็กน้อย ก็จริงอย่างที่อเล็กซ์ว่านั่นแหละว่าป๊ารู้จักลูกชายของป๊าดี แต่ยังไง....
“เด็กนั่นไม่คู่ควรกับลูกวิวของฉันเลยสักนิด!”
“แล้วในความคิดของคุณ อะไรกันแน่ที่ควรจะเรียกได้ว่า ‘คู่ควร’ กันล่ะครับ?”
สีหน้าที่จู่ๆก็จริงจังขึ้นมาของอเล็กซ์ทำให้ป๊าเบลอไปชั่วขณะ อยากจะให้ตัวเองตาฝาดไปเองแต่แววตาคู่คมคู่นั้นกลับดู....
“หน้าตาทางสังคม ฐานะทางครอบครัว หรือทรัพย์สมบัติในครอบครอง ต้องสูงส่งมากมายมหาศาลขนาดไหนเหรอครับ คุณถึงจะเรียกว่าคู่ควรน่ะ”
............ไหวระริกและปวดร้าว
ป๊าพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าอึ้งจนพูดไม่ออกแต่.....จุกจนไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบกลับไปว่าอย่างไรมากกว่า
“คุณคงไม่เคยรักใครอย่างจริงจัง.....คุณถึงไม่เข้าใจ ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสักนิด”
“...”
.....
“ฉันจะไปจีนเดือนหนึ่ง ฝากลูกชายของฉันด้วย”ป๊าพูดโดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าอดีตมือขวาที่ป๊าเป็นคนผันให้เขามาเป็นพ่อบ้านดูแลลูกชายของป๊าด้วยตัวเองแม้แต่น้อย
“เฉา ....กลับ”
“ครับนาย....”
ป๊าหันหลังแต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกลข้อแขนของป๊ากลับถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้เสียก่อน ไม่รู้ว่ามือของเขาที่กำลังสั่นหรือตัวของป๊าเองกันแน่......
บางทีอาจจะทั้งมือของเขาและตัวของป๊า
“คุณหนู..... คงจะกลับมาพรุ่งนี้”
.....
“อยู่ค้างที่นี่ก่อนสักคืนได้ไหมครับ คุณปิ่น?”
ต่อๆชอบมากขอบคุณจากใจที่แบ่งปัน ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]