#### เรื่อง “ รักของเราสามคน ” ๑๒ ####
ช่วงนี้ไม่ค่อยจะว่างเท่าไหร่.................... https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/serius2.gifเลยมาลงเรื่องให้ช้าหน่อย.................. https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/16.gif
เพิ่งจะมีเวลามานั่งพิมให้อ่ะนะ........................... https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/m25.gif
*********************************************************************
หลังจากช่วงหมดกิจกรรมรับน้องก็เข้าสู่ช่วงการเรียนอย่างเต็มที่
ความสัมพันธ์ของเรากะภีมก็ยังดำเนินไปเหมือนเดิมยังคุยโทรศัพท์กันทุกวัน............
ลักษณะการคบกันของเราอาจจะไม่เหมือนกับของคนอื่นๆ คือ อาจจะไม่ได้มีการไปกินข้าวด้วยกัน ไปดูหนังกัน หรือไปไหนต่อไหนด้วยกันแบบคู่รัก
แต่ถ้าถามเราจริงๆ....ตัวเราเองรู้สึกว่าการคบกันเป็นแฟนมันไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัวว่าจะต้องไปกินข้าวดูหนังหรืออะไรมากมายเยอะแยะอย่างที่ใครๆเค้าทำกันเราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งคู่มากกกว่าว่าอยากให้รักของเราทั้งคู่มันออกมาเป็นแบบไหนซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ต้องการที่จะไปไหนต่อไหนด้วยกันและด้วยความที่เราทั้งคู่เป็นคนที่คนส่วนใหญ่รู้จักถ้ายิ่งไปไหนด้วยกันแล้วจะต้องมีเรื่องปวดหัวตามมาอีกมากมายแน่นอน
การที่คนเป็นแฟนกัน......
แล้วต้องไปดูหนังด้วยกันเหรอ?????
ต้องไปกินข้าวด้วยกันเหรอ????
ต้องไปขี่รถเล่นด้วยกันเหรอ ???????????
นี่คือคำถามที่เรากะภีมเคยเอามาคุยกัน.........
ซึ่งคำตอบของมันก็คือ.....
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่าเราเป็นแฟนกัน...... และก็ไม่ได้หมายความว่า.. คนเป็นแฟนกันต้องทำแบบนี้ทุกคู่
เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการเป็นแฟนกันเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งๆที่คนเป็นแฟนกันมักทำด้วยกันหรือเป็นเพียงวิธีการแสดงออกถึงพฤติกรรมาว่า.... เราเป็นแฟนกัน....
ดังนั้น เรากะภีมจึงไม่ได้มีการแสดงตัวใดๆทั้งสิ้นว่าเราคบกันเวลาที่เราอยู่ต่อหน้าคนอื่นเราแทบไม่เคยไปไหนกันสองคน.....เพราะเราไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเราคบกัน
คนอ่านอาจจะคิดว่าทำไมเราถึงไม่แสดงตัวให้ใครรู้สำหรับตัวเราเราคิดว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมากมายที่เราจะต้องไปประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าภีมเป็นแฟนเราเราทั้งคู่คิดว่าการคบกันมันเป็นเรื่องที่คนสองคนตกลงพร้อมใจ....แล้วความรักแบบเราทั้งคู่มันไม่ใช่ความรักที่ใครๆยอมรับกันนัก
เพราะงั้น.. การที่คนรอบข้างยิ่งรู้เรื่องของเรามากเท่าไหร่มันจะยิ่งเป็นการสร้างปัญหาให้มากขึ้นเท่านั้นและที่สำคัญลำพังเราทั้งคู่แล้วเราก็พอใจที่เราทั้งคู่จะคบกันแบบรู้กันสองคน...
และอีกอย่างนึง.... สำหรับเราด้วยความที่เรากะเทยเรารู้สึกว่า... การที่ผู้ชายสักคนจะมาคบกะเทยแบบจริงๆจังๆมันไม่ใช่เรื่องที่คนปกติทั่วไปจะรู้สึกเคยชิน
ลำพังคนสองคนจะคบกันมันก็ต้องมีปัญหาที่เกิดจากคนสองคนอยู่แล้วถ้ายิ่งคนอื่นมารู้เรื่องเราอีกปัญหามันก็ต้องมาจากคนอื่นมันจะยิ่งให้คนสองคนมีปัญหากันมากขึ้น...
ดังนั้นถ้าคนอื่นๆรู้ถึงความสัมพันธ์ของเราแล้วเราไม่อยากให้ใครมาตั้งแง่หรือมารังเกียจภีมมันเพราะคนอื่นๆมักจะคิดว่า... “ ผู้หญิงมีตั้งมากมายคิดยังไงมาเอากะเทย......”และหลังจากนั้นความคิดในแง่ลบการจะตามมาอีกมากมายซึ่งจะส่งผลเสียต่อภีมและความสัมพันธ์ของเรา...
*********************************************************************
ช่วงปิดเทอม ( ปี 1 เทอม 1 )
ช่วงปิดเทอมเราก็กลับบ้าน... ซึ่งภีมก็กลับบ้านเหมือนกัน
ช่วงที่กลับบ้านเรากะภีมก็ยังคงโทรคุยกันทุกวันเหมือนเดิมที่ต่างออกไปก็คือ เนื่องจากบ้านภีมเป็นร้านขายของตอนกลางวันภีมมันก็เลยต้องนั่งอยู่หน้าร้านคอยขายของกว่าจะปิดร้านก็ประมาณสามทุ่มภีมมันก็จะบอกเราว่าให้โทรไปหาได้ช่วงไหนช่วงไหนที่ภีมมันขายของไม่คุยยุ่งเท่าไหร่มันก็จะยิงมาหาเราเราก็จะโทรไปหา..
ช่วงที่เราอยู่ที่บ้านเราก็มักจะใช้โทรศัพท์บ้านโทรซึ่งภีมก็เหมือนกันเพราะว่ามันถูกกว่า และอีกอย่างแม่ภีมมักจะชอบเช็คเบอร์โทรศัพท์ภีมเวลาที่มันจะโทรหาเรามันก็จะใช้วิธีการเอาโทรศัพท์บ้านมันยิงมาที่โทรศัพท์บ้านเราเราก็ต้องคอยสังเกตว่าถ้าเมื่อไหร่โทรศัพท์บ้านเราดังแค่ครั้งสองครั้งแล้วเงียบไปให้รู้ว่าคนนั้นคือภีมเราจะได้โทรกลับ...
เรากะภีมช่วงที่คบกันเราสองคนไม่เคยโกหกกันเลยเวลามีเรื่องอะไรก็จะไม่ปิดบังกันอีกเมื่อใครมีปัญหาอะไรก็จะใช้การพูดคุยกันตรงๆเลยซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เราเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนทำให้ลักษณะการคบกันของเราคุยกันง่ายขึ้น
***************************************************************************
มีอยู่ครั้งนึงตอนประมาณบ่ายๆ.....
ภีมมันใช้โทรศัพท์บ้านมันยิงมาที่บ้านเราเราก็เลยโทรไปหามันมันบอกว่าวันนี้เบื่อๆแล้วคนก็เข้าร้านไม่เยอะเท่าไหร่มันเลยโทรมาหาเรา
คุยๆกันไปได้สักพักนึงพอมีคนเข้าร้านมันก็จะบอกให้เราถือสายรอไว้ก่อนมันก็ไปขายของพอมันขายของเสร็จเราก็คุยกันต่อพอคุยกันไปได้สักพักนึงก็มีคนมาเติมน้ำมันที่ร้านมันมันก็บอกให้เรารอแป๊ปนึงเหมือนเคยพอมันมาพูดสายมันก็บอกเราว่า...
“ แก... คนที่มาเติมน้ำมันที่ร้านเค้าเมื่อกี๊... มันมองเค้าใหญ่เลยอ่ะ... ”
“ ผู้ชายหรือผู้หญิงเหรอ???” เราถามไปแบบไม่ค่อยสบอารมณ์แล้ว
“ มากันสามคน... มีผู้หญิงสองคน... แล้วก็กะเทยคนนึง ” ภีมพูด
“ แกไปยิ้ม..หรือไปส่งตาหวานให้เค้ารึป่าว???เค้าถึงมองแบบนั้นอ่ะ ” เราถาม
“ ก็ไม่เชิงนะ... แต่เค้าก็ยิ้มให้มันด้วยนะ...ปกติแล้วเค้าก็ยิ้มให้ทุกคนแหละที่เข้าร้านเค้าอ่ะ ” ภีมพูด
“ เออๆงั้นช่างมันเหอะ ” เราพูด
“ แกมันขี่รถผ่านหน้าร้านเค้าอีกแล้วอ่ะ...... ” ภีมพูดด้วยเสียงตื่นเต้นๆ
“ จริงดิ.. ” เราก็ตอบไปด้วยเสียงตกใจ
“ แกมันชะลอรถแล้วยิ้มให้เค้าด้วยอ่ะ..... แกมันโบกมือให้เค้าด้วย....” ภีมพูดแบบตื่นเต้นเหมือนเดิม
“ ไรเนี่ย.... แกรู้จักมันป่าว ” เราเริ่มยั๊วแล้ว....อารมณ์เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว...
“ ไม่รู้จักอ่ะ... มันคงมาหาเพื่อนแถวนี้มั้ง..ช่างมันเหอะ ” ภีมพูด
หลังจากนั้นเรากะภีมก็คุยกันอีกเรื่อยเปื่อยสักพักภีมมันก็พูดขึ้นมาอีกว่า
“ แก..... มันขี่ผ่านหน้าร้านเค้าอีกแล้วอ่ะ ” เรานี่เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว
“ เฮ้ย... ไงเนี่ย????แกถามมันดิ๊...ว่ามันเป็นไรมากป่าว??? ” เราพูด
“ แก... มันจอดรถแล้วอ่ะ.... มันเดินมาที่เค้าด้วย....” ภีมพูด
“ เออ... งั้นแค่นี้นะ... เดี๋ยวไปหา ” เราพูดแล้วก็วางสายโทรศัพท์ไปเลย...
เราก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็หยิบมือถือกระเป๋าตังค์แล้วก็รีบขับรถไปบ้านภีมอย่างด่วนเราใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ขับรถมาถึงที่บ้านภีม....เราจอดรถที่หน้าบ้านมันแล้วก็เดินลงไปที่หน้าร้านมันภีมมันเห็นเราก็ก็ทำหน้างงๆแล้วก็ยิ้มออกมาแล้วก็พูดว่า................
“ เฮ้ย.... นี่แกมาจริงๆเหรอ ”
“ เออดิ.... ไหนสามคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ ??? ” เราพูดแล้วก็มองหาแต่ก็ไม่มีเราเลยถามภีมว่า
“ หรือว่าต้องรอให้มันขี่รถผ่านหน้าบ้านแกอีก ”
“ ไหนสามคนไหน..... ไม่มี๊ ” ภีมพูดด้วยหน้างงๆ
“ ก็สามคนนั้นไง... ที่แกบอกว่ามันมางั้นงี๊กะแกอ่ะ” เราพูด
“ ไม่เห็นมีใครเลย... ” ภีมมันพูดแล้วก็หัวเราะ...
“ อย่าบอกนะ... ว่าอำเค้าอ่ะ..” เราพูดด้วยหน้าเซ็งๆที่โดนมันหลอกจนได้ภีมมันหัวเราะแล้วก็พูดว่า..
“ ก็เค้าอยากให้แกมาหาเค้าที่บ้านอ่ะ... ชวนตั้งหลายที่แล้วก็ไม่เห็นแกมาซะที” ภีมพูด
“ เอ๊า......... ไรว๊า.... เค้าก็อุตส่าห์รีบมา.... ” เราบ่น
“ ทำไม... ถ้ามีสามคนนั้นจริงแกจะมาทำไรมัน ” ภีมถามด้วยหน้าเปื้อนยิ้ม
“ ป่าว... ก็แค่มาดูหน้าเฉยๆว่าหน้าตาเป็นไง ” เราพูดด้วยหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“ โถ่เอ่ย.... นึกว่าจะทำไร ” ภีมพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ พอๆ...ไม่ต้องหัวเราะเลยแล้วนี่ที่บ้านแกไปไหนกันหมดอ่ะ ” เราพูด
“ พ่อไปตลาดแม่ส่งพิงค์ไปตัดผมส่วนยายก็อยู่ในบ้าน ” ภีมพูด
“ เหรอ.... ” เราพูด
“ กินหนมไรป่าว...” ภีมถาม
“ อะไรก็ได้... เอามาเหอะกินได้หมด ” เราพูด
ภีมมันก็เดินไปหยิบขนมๆมาให้เรากินแล้วมันก็หยิบน้ำแป๊ปซี่มาให้เราขวดนึงเรากะภีมก็นั่งคุยกันที่หน้าร้านมันไปเรื่อยๆพอมีคนมาซื้อของเราก็ช่วยมันขายช่วยมันคิดเงิน...
“ นี่ๆ อยากให้เค้ามาหาที่บ้านเนี่ย... คิดถึงเค้าอ่ะดิ๊....” เราแกล้งแซวมัน
“ อะไร.... ใครเค้าจะไปคิดถึงแก....” ภีมพูดพร้อมกับยิ้มอายๆ
“ จร้า... ไม่คิดถึงก็ไม่คิดถึง ” เราพูดเย้ามัน
“ อย่าทำมาเป็นแซวเค้าเลย...แกก็คิดถึงเค้าเหมือนกันแหละ...” ภีมพูด
“ เอาจริงๆก็คิดถึงแหละ.... ได้แต่คุยโทรศัพท์กันไม่ได้เจอกันมาตั้งสองอาทิตย์แล้วหนิ ” เราพูด
ทันทีที่เราพูดจบแม่ภีมก็ขี่รถเข้ามาพอดี...เราก็ไหว้แม่ภีมแล้วก็ทักทายน้องพิงค์ (น้องสาวมัน) แม่ภีมก็เลยถามเราว่า
“ ไปไงมาไงเนี่ยลูก..... มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ”
“ ก็มาได้พักนึงแล้วอ่ะแม่พอดีปอมันแวะมาหาป้ามันเลยแวะมาหาภีมที่บ้านด้วย ” ภีมมันชิงตอบให้เราคือบ้านป้าเราก็อยู่แถวๆบ้านภีมมันหนะ..... เราก็ไม่ค่อยแวะมาหาป้าเท่าไหร่หรอก... ส่วนใหญ่ก็แวะมาหาแต่ผู้ชาย (เลวจริงๆ เราเนี่ย...)
“ อ๋อ... แล้วป้าเราล่ะเป็นไงบ้าง... สบายดีมั้ย ??” แม่ภีมพูด
“ ก็ดีค่ะ... ” เราตอบ
“ อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะลูก???” แม่ภีมพูด
“ ไม่ดีกว่าค่ะแม่... เดี๋ยวจะค่ำหนูขับรถกลับคนเดียวด้วยเดี๋ยวกลับไปกินข้าวบ้านดีกว่า ” เราพูด
“ เสียดายจัง...เอาไว้ก็มากินข้าวฝีมือแม่บ้างนะลูก ” แม่ภีมพูดแล้วก็เดินไปในบ้าน
เราก็นั่งคุยกะภีมอีกพักนึงเราก็เลยเตรียมตัวจะกลับบ้านซะทีเดี๋ยวจะค่ำ
“ แกเค้ากลับก่อนนะ ” เราพูด
“ อ้าว... ตกลงจะไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหอ ?? ” ภีมพูด
“ ไม่ดีกว่า... เอาไว้ก่อนแล้วกัน ” เราพูด
“ โอเคๆตามใจ ” ภีมพูด
“ ค่าขนมเท่าไหร่เนี่ย ??? ” เราพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจะจ่ายเงิน
“ ไม่เป็นไรหรอกถือว่าเค้าเลี้ยงแล้วกัน ” ภีมพูด
“ ได้ไง... ของซื้อของขาย...” เราพูดพร้อมกับยื่นแบงค์ร้อยให้ภีม
“ ไม่เอา... บอกว่าเลี้ยงไง... แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก... ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังได้เลย ” ภีมพูดยิ้มๆ
“ อย่ามาเน่าๆเดี๋ยวแม่ก็มาได้ยินหรอก ” เราพูดเขินๆ
“ เขินอ่ะดิ๊ ” ภีมพูด
“ เอๆ... งั้นเค้าไปล่ะนะ ” เราพูด
“ ขับรถดีๆล่ะ... อย่าขับให้มันเร็วนัก ” ภีมพูดหน้าดุๆ
“ รู้แล้วน่า..... เดี๋ยวถึงบ้านจะโทรหา” เราพูด
“ อืม.... ” ภีมตอบ
ก่อนที่เราจะเดินมาที่รถเราก็มองซ้ายมองขวาตอนนั้นก็เริ่มโพล้เพล้แล้ว...เราก็เลยไปหอมแก้มภีมทีนึง แล้วก็พูดว่า
“ ไปนะ.... ”
ภีมมันก็พยักหน้าให้เราด้วยท่าทางเขินๆเราก็เดินไปที่รถแล้วก็ขับรถกลับบ้าน...........
##############################################################################
ความรักต้องค่อยเป็นค่อยไปใจตรงกัน
หน้า:
[1]