#### เรื่อง “ รักของเราสามคน ” ๑๔ ####
มารื้อฟื้นความหลังกันหน่อย...........................................
พอเราจุ๊บเสร็จภีมมันก็พูดว่า
“ ได้คืบจะเอาศอกนะเราเนี่ย..... ” มันไม่พูดป่าวมันพูดไปบีบจมูกเราไปด้วย....
“ เออๆ...ถ้าไม่ชอบทีหลังจะไม่แล้ว.....” เราแกล้งพูดพร้อมกับแกล้งทำเป็นเนียนงอนมัน...
“ เค้าไม่ง้อหรอกนะ....แกก็รู้ว่าเค้าง้อคนไม่เป็น ” ภีมพูด
“ จร้า....... หล่อเหลือเกินเน้อะ... ไม่เคยง้อใครเนี่ย ????” เราพูดกระทบกระเทียบมัน....................
“ หืม....ปากดีนัก.... มานี่ม่ะ... ” ภีมมันพูดแล้วก็ดึงเราเข้าไปหามัน..........เรากะมันก็เลยล้มทับกันไปบนเตียง ( ฉากนี่คุ้นๆเหมือนเห็นในหนังไทยบ่อยๆ)
“ ภีม....ไม่เอา.... ” เราพูดพร้อมกับเอามือดันตัวมันออก.....
“ อยู่เฉยๆดิ.......... อย่าดิ้น....” ภีมมันพูดในขณะที่มือมันข้างนึงพยายามล็อคแขนเราไว้ทั้งสองข้าง
*****************************************************************************
“ ไม่เอา...... ” เราพูดแล้วพยายามผลักมันออกจากตัว
“ ลามกนะแกเนี่ย..... เค้ายังไม่ได้บอกแกเลยว่าจะเอา...” ภีมมันพูดยิ้มๆแล้วก็เอาหัวมันหัวหัวเรา
“ แกแหละ...ลามก..ลุกขึ้นเลย..หนัก ” เราพูดเขินๆ
“ ไม่ลุก.... ” มันพูดเสียงแข็งแล้วทำหน้าล้อเลียนเรา
“ โอเค.... งั้นแกโดนเค้าข่มขืนแน่....” เราทำเสียงแข็งทำแรงแข่งกะมันบ้างเผื่อมันจะเลิกแกล้งเรา
“ จะทำไร..... ทำดิ... ” มันพูดท้าทายเราแล้วทำลอยหน้าลอยตา......
“ แกท้าเค้าเองนะ............. ” เราทำเป็นใจแข็งพูด
“ อืม..... เอาดิ ” มันลอยหน้าลอยตาพูดอ่ะ...มันคงคิดแหละว่าเราคงไม่กล้า.......
แต่อยากมาท้ากันล่ะก็.....เราก็เลยจัดไปอย่าให้เสีย......มันอยากมาทำเป็นลอยหน้าลอยตาเราก็เลยยื่นแขนทั้งสองข้างไปกอดคอมันโน้มคอมันลงมาอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนั้นหน้าของเราสองคนก็อยู่ห่างจากกันไม่มากแล้วเราก็จูบปากมันเลย....ตอนนั้นเราเห็นมันทำหน้าเหวอๆแล้วก็สะดุ้งนิดหน่อย.... แต่แล้วจากตอนแรกที่เราเป็นฝ่ายรุกล้ำมันก่อนกลับกลายเป็นมันซะได้ที่กำลังลุกล้ำเรา....
จากตอนแรกที่คิดไว้ว่าแค่จะจูบมันแต่ที่ไหนได้มันลุกลามไปไกลกว่าที่คิดในตอนนั้นเราทั้งคู่ปล่อยให้อะไรๆมันเลยเถิดไปเสื้อของเราทั้งคู่ถูกถอดออกไปแล้วเหลือเพียงแค่กางเกง...จากตอนแรกที่เพียงแค่แลกลิ้นกันเฉยๆภีมมันก็ค่อยจูบล่วงล้ำลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ใบหูลามลงมาถูกซอกคอและลงมาเรื่อยๆจนถึงตรงบริเวณหน้าอก.......แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปไกลก็มีเสียงเรียกชื่อเราดังขึ้นมาซะก่อน......
“ ปอ........ พาเพื่อนออกมากินสละเร็ว...พ่อตัดมาจากในสวนกำลังหวานๆเลย..... ”พอเสียงพ่อเราดังขึ้นทั้งเราและภีมก็เลยหยุดทุกอย่างลงเหมือนว่าตัวเองกลับมาสู่อารมณ์ปกติกันอีกครั้ง....เรามองหน้ากันซึ่งต่างก็รู้ว่าทั้งเราและมันกำลังเขินกันอยู่......เราก็เลยพูดแก้เขินว่า
“ ออกไปกินสละกันดีกว่า......”
“ อืม.... ”ภีมมันตอบเขินๆแบบไม่มองหน้าเรา... ตอนนั้นเราเห็นว่าหูมันแดงมากๆมันคงจะเขินจัดอ่ะ
เราก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วควานหาเสื้อที่เหวียงไปไหนก็ไม่รู้พอหาเจอเราก็เลยใส่เสื้อพร้อมกับหยิบเสื้อภีมที่มันตกอยู่ใกล้ๆเรายื่นให้มันมันก็รับเสื้อไปใส่.... แล้วก็ไม่พูดอะไร......เราก็เลยชิงแซวมันขึ้นมาก่อน
“ เงียบเชีย.....ทำไม...อายจนไม่กล้าพูดไรเลยเหรอ???? ” เราพูดโดยพยายามทำเสียงล้อเลียนมันให้มากที่สุดเพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“ ป่าวซะหน่อย” มันปฏิเสธทั้งๆที่หน้ามันยังแดงอยู่
“ เชื่อเลยเนี่ย....แกหน้าแดงขนาดนี้เนี่ยนะ” เราพูด
“ แกเนี่ย....ไม่อายเลยมั้ง....ทำเป็นเนียน ” ได้ทีมันบ้างแล้ว....
“ อะไรๆ....ก็บอกแล้วว่าอย่ามาท้า...เป็นไงล่ะ.... ” เราพูด
“ เออๆ.... ขอให้ยุขึ้นแบบนี้ทุกทีเห้อ.. ” มันลุกขึ้นยืนมาพูดยิ้มๆใกล้หน้าเรา แล้วมันก็เปิดประตูเดินออกไปจากห้องเรา.....
เรากะภีมก็ออกมานั่งกินสละกันที่หน้าบ้านเรา...
“ ปอ.... แกะให้หน่อยดิ..... เค้าแกะไม่เป็นอ่ะ ” ภีมพูดเสียงอ้อน
“ แกะไม่เป็นหรอกเหรอ..ไรว้า..เค้าอุตส่าจะทำเป็นเนียนให้แกแกะให้กินซะหน่อย...” เราพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ อดแล้วแหละ...เพราะเค้าแกะไม่เป็นแล้วแกนั่นแหละที่ต้องแกะให้เค้ากิน ...” ภีมมันพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ โอเคๆ....ก็ได้” เรากะภีมก็นั่งคุยกันไปนั่งกินสละกันไปจนถึงประมาณตอนเที่ยงพ่อเราก็เดินมาที่หน้าบ้านแล้วพูดว่า...
“ ปอ...เที่ยงแล้วพาเพื่อนไปกินข้าวป่ะ... ” เราก็หันไปสบตาภีมแล้วก็พูดว่า
“ เดี๋ยวมันจะกลับแล้วพ่อ... พอดีมันมีนัดกะเพื่อนมัน ” เราพูด
“ ใช่ครับ...อีกเดี๋ยวผมก็กลับแล้วครับเดี๋ยวไปกินกะเพื่อนทีเดียวเลย ” ภีมพูด
“ งั้นเหรอ...งั้นก็ตามสบายนะเดี๋ยวพ่อเดินเข้าไปดูสวนหน่อย”พ่อพูดแล้วก็เดินไป
“ จะไปเลยใช่ม่ะ...นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว ” เราพูด
“ อืม...เดี๋ยวพวกนั้นมันจะรอกัน ” ภีมพูด
“ งั้นเดี๋ยวเราค่อยโทรคุยกันนะ ” เราพูด
“ ตกลงแกจะไม่ไปใช่ม่ะ???” ภีมถามเรา
“ ก็อย่างที่เค้าบอกแกแหละ...แกไปเหอะ ” เราพูด
“ จะไม่ลองคิดดูอีกทีเหรอ ” ภีมถามเรา
“ คงไม่อ่ะ...แกก็รู้ว่าเค้าคิดยังไง แกไปเหอะ ” เราพูด
“ โอเค...ตามใจแกแล้วกัน ” ภีมพูด
“ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวเค้าเอาไปให้นะ.... จะให้เค้ารีดไปให้เลยป่ะ ” เราพูด
“ เค้ารีดเองดีกว่า..... นี่ๆเค้ารีดผ้าเป็นล่ะนะ ” ภีมมันพูดแบบเบ่งๆหน่อย......
“ รีดเรียบป่ะเหอะ...เดี๋ยวเค้ารีดให้แล้วกันแกจะได้ไม่เสียเวลา ” เราพูด
“ เอาตามนั้นก็ได้....ตามใจแกแล้วกัน ” ภีมพูด
“ งั้นรีบไปเหอะ.... ” เราพูด
“ อืม... ไปแล้ว ” ภีมมันพูดแล้วก็ขับรถออกไป....เราก็ยืนมองมันจนมันออกไป...
*******************************************************************
หลังจากวันนั้นมาเรากะภีมก็ไม่ได้เจอกันเลย ก็มีแต่คุยโทรศัพท์กันทุกวันแบบเดิม.จนถึงช่วงที่ภีมมันต้องกลับมอเพื่อเรียนซัมเมอร์และฝึกปฏิบัติภาคสนาม.....
แต่บังเอิญว่าเราดันมีปัญหาเรื่องที่จะกลับมอพอดีเรื่องมันมีอยู่ว่า................
“ พรุ่งนี้อ่ะพ่อ....” เราพูดทั้งที่ตายังจ้องโทรทัศน์อยู่
“ อ้าว...ปอจะกลับพรุ่งนี้ได้ไง ก็วันพุธพ่อต้องไปประชุมที่กทม.สองวัน....” (วันที่คุยกันเป็นวันจันทร์)
“ เหรอ... ” เราหันมามองหน้าพ่อ
“ ทำไมรีบกลับจังล่ะ...เลื่อนไปก่อนไม่ได้เหรอจะได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนน้องมันก่อน” คือน้องเรามันยังเด็กอ่ะพ่อเราเลยอยากให้เราอยู่กะน้องก่อนเพราะพี่ชายเรามันไม่อยู่อ่ะช่วงนั้นเหมือนว่ามันจะไปเที่ยวกะแฟนมันที่ไหนสักอย่าง
“ อ้าว.... คือพอดีเพื่อนปอมันฝากของไว้ที่ปออ่ะพ่อ... แล้วมันต้องใช้วันอังคารนี้ปอก็เลยว่าจะกลับวันพรุ่งนี้เลยอ่ะพ่อ ” เราพูด
“ เพื่อนที่ว่านี่ใช่คนที่มาวันนั้นรึป่าว..... ชื่ออะไรนะ...” พ่อพูด
“ ช่าย... คนนั้นแหละมันชื่อภีมพ่อ...” เราพูด
“ อ๋อ...คนนี้นี่เอง...ใช่คนที่คบๆกันเมื่อตอนมอปลายใช่ป่าว ” พ่อพูด....นี่พ่อยังจำได้อีกเหรอ....
“ เออ....มันนั่นแหละ.... ” เราตอบพ่อเขินๆ
“ คบกันดีๆล่ะ...อย่าพากันเสียคน ” พ่อพูด
“ อืม.... ” เราพยักหน้ารับ
“ แล้วตกลงว่าจะเอาไง...เรื่องที่จะกลับหนะ ” พ่อพูด
“ งั้นเดี๋ยวปอคุยกะมันก่อนแล้วกัน ” เราพูด
จากนั้นเราก็เลยโทรไปหาภีมเพื่อที่จะคุยเรื่องเอาเสื้อไปให้
ตอนแรกเราก็เรียบเคียงถามมันประมาณว่ามันต้องใช้วันไหน.... แล้วมันมีเสื้อผ้าสำรองไว้รึป่าว...ซึ่งสรุปแล้วว่าไม่มี
เราก็เลยเล่าให้มันฟังว่าเรายังกลับไม่ได้เพราะเรื่องที่พ่อต้องไปประชุมที่กทม.มันก็กังวลว่าจะเอาชุดที่ไหนฝึกเราก็เลยบอกมันว่า..เดี๋ยวเราจะนั่งรถเอาชุดไปให้มันที่มอแล้วก็นั่งรถกลับ
ตอนแรกมันก็ไม่ยอม...เพราะมันบอกว่าเราจะเหนื่อยปล่าวๆเพราะต้องนั่งรถไปกลับตั้งหกชั่วโมงเรากะมันเถียงกันอยู่พักนึงเลย...กว่ามันจะยอมฟังเรา....
วันรุ่งขึ้น......
เราก็ขึ้นรถไปพร้อมพ่อเพราะพ่อเราจะออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่ประมาณเจ็ดโมงพ่อก็แวะไปส่งเราที่คิวรถตู้เราใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงเราก็มาถึงที่มอ....
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดแล้วที่ทำตัวเป็นนางเอกนั่งรถเอาของมาให้มันแล้วก็จะนั่งรถกลับเพราะว่าตอนนั้นเราเมื่อยมากๆ
เราก็เดินเข้าไปที่หอในแล้วก็เอากระเป๋าที่ใส่ของภีมวางไว้บนเตียงแล้วเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัวมากๆพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราก็เอาเสื้อผ้าของภีมมารีด
พอเรารีดผ้าให้ภีมเสร็จเราก็โทรหามันเพื่อที่จะให้มันมาเอาเสื้อผ้า....แต่เราโทรหามันอยู่นานมากๆมันก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย....
ตอนนั้นก็ประมาณบ่ายโมงกว่าแล้วมันก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์เราโทรหามันอยู่ประมาณสองชั่วโมงมันก็ยังไม่รับโทรศัพท์
จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงประมาณบ่ายสามโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะโทรกลับหรือว่ารับโทรศัพท์มันเลย....ตอนนั้นเราเริ่มโมโหมันขึ้นมาแล้ว....ทั้งๆที่มันก็รู้ว่ามันนี้เราจะต้องเอาของมาให้มันแต่มันก็ดันหาบหัวไปเลยเราโทรไปเป็นร้อยๆสายแล้วแต่มันก็ไม่รับและไม่โทรกลับเลย
เราก็เลยตัดสินใจเดินไปดูมันที่ห้องมันซึ่งอยู่คนละหอกะเราพอเราเดินขึ้นไปแคะที่หน้าห้องมันก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เราเลยเรายืนแคะหน้าห้องอยู่พักนึงก็ยังไม่มีใครมาเปิด.....
ตอนนั้นเราก็เลยเดินกลับไปที่ห้องตัวเองแล้วก็หยิบเสื้อผ้าภีมที่เราจัดการรีดและใส่ไม้แขวนไว้แล้ว....เดินไปที่ห้องมันแล้วก็แขวนเสื้อผ้ามันทั้งหมดไว้ที่หน้าห้องมันแล้วก็เขียนจดหมายน้อยไว้ด้วยมีข้อความประมาณว่า
.....................................
เค้าเอาของมาให้แล้วนะ.... โทรไปหาตั้งหลายครั้ง...ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์....
เค้าไม่รอแล้วนะ... ไม่อยากถึงบ้านดึก..........................
ก่อนจะออกมาเราก็ลองโทรหามันอีกสองสามครั้ง.........
แต่มันก็ยังไม่รับโทรศัพท์เราอยู่ดี.....
ตอนแรกเราว่าจะไม่รู้สึกแย่หรือน้อยใจมันแล้วนะ....
แต่ว่าตอนนั้นเราก็อดไม่ได้ที่จะโกรธมัน....
แต่ยังไงก็คงต้องรอให้มันโทรกลับมาหาเราก่อน....แล้วค่อยคุยกันให้รู้เรื่อง.....
หลังจากนั้นเราก็ไปขึ้นรถกลับบ้าน......................
####################################################################
หน้า:
[1]