ก็เด็กมันหิว 09
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย virgogun เมื่อ 2018-8-17 23:03ก่อนอื่นก็ขอรวบรวมลิ้งตอนเก่าๆไว้ให้ไปตามอ่านกันนะครับ.
ก็เด็กมันหิว 01
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117028&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว...02
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117047&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว 03
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117127&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว 04
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117161&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว 05
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117288&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว 06
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117403&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.
ก็เด็กมันหิว 07
http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117535&fromuid=150129
(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
.ก็เด็กมันหิว 08http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117682&fromuid=150129(ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
..ก็เด็กมันหิว 09
จบเปรียญธรรม 6 ไม่สามารถนำวุฒิเพื่อไปเทียบเกณฑ์ทหารได้ ทางที่ทำได้เพื่ออยู่ในกองทัพให้สั้นที่สุดคือทิดต้อมต้องขอสมัครเข้ารับเลือกเพื่อเป็นทหารเลย โดยไม่ต้องเสี่ยงจับใบดำใบแดงเพราะเมื่อปรึกษาผู้ใหญ่ที่นับถือ ก็จะได้รับคำแนะนำมาแบบนั้นแทบทั้งสิ้นส่วนแม่และแม่ใหญ่ยังคงคิดว่าน่าจะลองเสี่ยงจับใบดำใบแดงดูเผื่อได้ใบดำ ก็เท่ากับว่าไอ่ทิดไม่ต้องไปเป็นทหารและยังกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครวได้ แต่ทิดต้อมกลับไม่คิดแบบนั้นเพราะถ้าหากจับได้ใบแดงขึ้นมาเล่า นั่นก็เท่ากับว่า เขาต้องเขาไปอยู่ในกองทัพสองปีเต็มๆนี่ถ้าเฒ่าทองยังอยู่ คงจะพอมีหนทางอะไรบ้าง เพราะตาแก่เป็นคนกว้างขวาง ลูกหนี้เยอะ มีอยู่ในทุกวงการ
สำหรับชายหนุ่มคำว่าลองเสี่ยง ไม่มีในหัวแม้แต่นิดเดียวหลังจากที่ปรึกษาจากคนหลายคน หลายความเห็น รวมทั้งที่ลองๆถามไถ่จากน้องเขยเช่นชำนาญที่เคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อนไอ่ทิดก็ปลงตกแล้วว่า คงจะต้องสมัครเข้าไปอยู่ในกองทัพ แทนที่จะลองเสี่ยงดวงจับใบดำใบแดงเวลาหนึ่งปีไม่นานเท่าไหร่หรอก แต่ก็นานพอที่จะทำให้อะไรหลายอย่างไม่เหมือนเดิมได้โดยเฉพาะกรณีของไอ่ทิด กับเด็กแอมซึ่งนอกจากที่จะกลายเป็นวัตถุทางเพศให้กันและกันจนเคยชินแล้วสำหรับทิดต้อม สถานการณ์แบบนี้ก็เรียกว่าผะอืดผะอมได้เช่นกันแม้ว่าเค้าจะมีความสุขจากการปรนเปรอของเด็กแอมแค่ไหนแต่จิตใต้สำนึกมันก็ฟ้องตัวเขาเองตลอดเวลาว่าเด็กแอมคือญาติสนิทและเป็นญาติสนิทที่อายุยังอยู่ในวัยเด็กและที่สำคัญคือ เป็นเด็กผู้ชายอีกต่างหากไอ่ทิดเลยกะจะใช้โอกาสนี้ตัดความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวนี้เสียเลย
วันเวลาปีเศษที่ผ่านมานั้น มันยิ่งทำให้เด็กแอมชัดเจนในการเป็นตัวของมันเองมากยิ่งขึ้นทิดต้อมและญาติๆสังเกตเห็นความรักสวยรักงามของเด็กแอม ตั้งแต่การชอบใช้แป้งเด็กผัดหน้าให้ขาวกางเกงนักเรียนที่ถูกรัดเอวจนกิ่วเริ่มมีสังคมเล็กๆกับเพื่อนเล่นวัยเดียวกันนอกบ้านไอ่ทิดเคยไปพบว่าเด็กแอมกับเพื่อนเล่นวัยเดียวกันเล่นประกวดนางงามอยู่แถวทุ่งนาใกล้ๆเถียงในบ่ายของวันเสาร์– อาทิตย์ ซึ่งชายหนุ่มก็ลอบแอบดูพฤติกรรมการเล่นของมันอยู่พบว่าเวลาที่อยู่นอกบ้าน โดยเฉพาะเวลาที่เด็กแอมอยู่กับเพื่อนเล่นวัยเดียวกันมันจะแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองสูงและใช้คำพูดแก่แดดแก่ลมเกินวัยจนน่าตกใจเด็กน้อยไม่เคยถูกต่อว่าจากญาติคนใดในบ้านเลยด้วยความที่แม่ใหญ่เป็นผูเลี้ยงดูมันมา และญาติๆในรั้วบ้านเดียวกันก็ไม่ได้เอาใจใส่มันขนาดที่จะต้องมาวิตกกังวลอะไรกับพฤติกรรมที่มันแสดงออกอย่างดีก็แค่ล้อเลียนหรือดุมันซักคำสองคำแต่จะโดนเด็กน้อยปากจัดเถียงคืนทุกครั้งจนไม่มีใครอยากยุ่งกับมันนัก คนที่ปรามมันได้ก็มีอยู่แค่คนเดียวคือทิดต้อม เด็กแอมจะเชื่อฟังคำพูดของไอ่ทิดดั่งคำประกาศิต
ส่วนไม้เบื่อไม้เมาขอเด็กแอมจะมีอยู่สองคนหลักๆในบ้าน คนแรกคือบักโต้ง น้องชายของไอ่ทิด ตัวอ้วนดำสูง ที่มักจะแกล้งเด็กแอมแรงๆ จนบางทีถึงกับเสียน้ำตาก็มี เด็กแอมจะเหม็นขี้หน้าบักโต้งมาก เรียกว่าอยู่กันคนละมุมเป็นดีที่สุด
คนที่สองเห็นจะเป็นคู่ปรับหน้าใหม่คือชำนาญ ชำนาญมักแหย่เด็กแอมเล่นขำๆ พอให้มันได้ออกอาการสะดีดสะดิ้งใส่ให้ไดขำเล่นเช่นล้อว่าเป็นตุ๊ดซึ่งเด็กแอมจะกรี๊ดใส่ทุกครั้งแล้วปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตุ๊ด นับว่าย้อนแย้งกันดีทีเดียวกับพฤติกรรมที่มันแสดงออกเด็กแอม ไม่ค่อยกล้าชวนชำนาญทะเลาะนัก เพราะบ้านน้าชาย ซึ่งเป็นบ้านพ่อตาของชำนาญ เป็นบ้านหลังเดียวที่มีโทรทัศน์ มันต้องไปอาศัยเขาดูที่นั่น ไม่ใช่เด็กแอมคนเดียวที่ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านน้าชาย เด็กและผู้ใหญ่ในละแวกนั้นหลายบ้านก็มาอาศัยดูที่บ้านนั้นด้วยคนที่หัวใสเกิดไอเดียทำรายได้คือฝนในเมื่อคนละแวกบ้านมาดูโทรทัศน์ที่บ้านมันดีนัก ก็ถือโอกาสเปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายของชำเสียเลยก็ทำรายได้อย่างงามทีเดียวยิ่งวันไหนมีมวยเช่นบ่ายวันอาทิตย์หรือวันที่มีนัดชิงแชมป์โลกของเขาทรายถึงกับต้องติดประกาศชักชวนดูมวย แถมพ่วงลดราคาสุราขาวเป็นเป้กขายดิบขายดีกันทีเดียว
เด็กแอมพอได้ยินอยู่บ้างเรื่องพี่ต้อมของมันต้องไปเป็นทหารแต่ด้วยความไม่รู้เดียงสาก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลยังไงกับตัวเองและเข้าใจไปเองว่าทิดต้อมจะไปทำงานเป็นทหารก็คือแต่งตัวเป็นทหารไปทำงานเช้า ตอนเย็นก็กลับบ้านแม่ใหญ่ คราวนี้ก็โก้ไปเลย พี่ต้อมจะได้เป็นทหารเอาไปคุยอวดเพื่อนแถวบ้านได้สบาย
และแล้ววันหนึ่งในต้นเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กแอมปิดเทอมใหญ่ก่อนจะขึ้นชั้นประถม 3แม่ใหญ่ กับป้าและครอบครัวของพี่ทิดต้อมก็ตื่นแต่เช้าแม่ใหญ่อาบน้ำแต่งตัวด้วยผ้าซิ่นผืนที่สวยที่สุดที่แม่ใหญ่มีเด็กแอมจะเห็นแม่ใหญ่ใส่ผ้าซิ่นไหมผืนนี้เฉพาะวันงานบุญใหญ่ของหมู่บ้านไม่กี่ครั้งต่อปีเท่านั้นทุกคนที่บ้านป้าแม่ใหญ่ และพี่ทิดต้อมของมัน ขึ้นรถกะบะสองแถวของหมู่บ้านซึ่งถูกเหมาว่าจ้างมาเพื่อเดินทางไปไหนซักที่ ซึ่งเด็กแอมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปกับพวกเขาด้วยโดยเหตุผลที่ว่า“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” แม้มันจะร้องไห้ลงไปดิ้นกับลานดิ้นหน้าบ้านแม่ใหญ่มันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วย
ใจน้อยๆของเด็กวัยแปดขวบกว่าเข้าใจว่าพวกญาติๆและแม่ใหญ่ รวมทั้งพี่ต้อมไม่รักไม่เอ็นดูมันเหมือนเดิมแล้วเด็กน้อยเก็บความเสียใจไว้เต็มอกหนีไปนั่งขดตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นในดงกล้วยหลังบ้านแม่ใหญ่ตั้งแต่เช้าโดยที่มันตั้งใจมั่นว่า จะหลบซ่อนตัวที่สวนกล้วยไม่ให้ใครหาเจอ เป็นการประท้วงที่ไม่ได้เข้าไปเที่ยวในเมืองกับคนอื่นๆเขาเมื่อหิวก็หาเด็ดกล้วยน้ำว้าสุกลงมาแอบกินเป็นหวีๆกินไปสะอึกสะอื้นไปจนหยุดร้องไห้ไปเอง แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจของมันยังไม่ได้หายไปง่ายๆเหมือนการหยุดสะอื้นเลยยังนั่งจุมปุกภายในกอกล้วยหนากอหนึ่งจนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไป
สายๆวันนั้นเองขณะที่เด็กแอมนั่งซ่อนตัวหลับตื่นๆอยู่ในกอกล้วยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินฝ่าดงกล้วยเข้ามาใกล้ ผู้บุกรุกเดินย่ำใบกล้วยแห้งเข้ามาอย่างอุกอาจครั้งแรกเด็กน้อยแอบลึกๆว่าจะเป็นพี่ทิดต้อมหรือแม่ใหญ่ของมันคงกลับมากันแล้วก็คงกำลังออกตามหามันกันจ้าละหวั่นหึ ไม่มีวันโผล่ออกไปให้เห็นหรอกเด็กน้อยมุ่งคิดในใจ
แต่เมื่อได้เห็นถนัดตาว่าร่างของผู้บุกรุกนั้นไม่ใช่ใครในสองคนที่มันหวังใจไว้ก็ทำให้เด็กแอมออกจะผิดหวังเล็กน้อยกลายเป็นว่าชายผู้บุกรุก ที่กำลังก้มๆเงยๆตามต้นกล้วยต้นต่างๆกลับเป็นพี่ชำนาญ เขยใหม่ของบ้าน คู่ปรับใหม่ของมันไปเสียนี่หึ! ชังน้ำหน้าจะตายชักเด็กแอมรีบเบียดซ่อนตัวในกอกล้วยเสียมิดชิด
ชำนาญผู้โดนคำบัญชาจากฝนให้มาหากล้วยสุกและห่ามในนี้เพื่อเอาไปบดเลี้ยงลูกน้อยของแถมจากการนี้ได้สำรวจหาต้นกล้วยโทรมๆเพื่อตดหยวกกล้วยไปผสมรำเป็นอาหารหมูด้วยอีกต่อหนึ่งก้มๆเงยๆอยู่นานก็ยังไม่เห็นว่ากล้วยเครือไหนพอจะแก่นำไปบ่มได้ ไอ้หนุ่มจุดบุหรี่ขึ้นสูบยืนแหงนหน้า กวาดสายตาตามยอดต้นกล้วยต้นต่างๆ โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเด็กแอมซุกตัวแอบมิดชิดอยู่ในกอกล้วยกอใหญ่ใกล้ๆตัวนั่นเอง ชำนาญพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองปวดท้องเบาตั้งแต่ก่อนออกมาจากบ้านแล้วไม่ทันเข้าห้องน้ำที่ปลูกนอกตัวบ้านก็พอดีฝนผู้เป็นเมียสั่งให้เข้ามาหากล้วยน้ำว้าไปบ่มเสียก่อนไอ้หนุ่มทิ้งอิโต้ลงข้างตัวแล้วล้วงเอา “ชำนาญน้อย ศิษย์น้ำฝน” ออกมาตรงรอยแหวกผ้าขาวม้า แล้วปลดปล่อยน้ำค้างกระเพาะปัสสาวะออกมาเต็มเหนี่ยวโดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองทั้งหมดไม่ได้พ้นสายตาของเด็กแอมที่ลอบมองออกมาจากในกอต้นกล้วยน้ำว้าข้างตัวอย่างสนอกสนใจ
ไอ่หนุ่มพ่อลูกอ่อนผิวปากประกอบการเยี่ยวพร้อมกับกวาดสายตามองหากล้วยไปเรื่อยๆพลันสายตาก็ไปประสานกันกับสายตาของเด็กแอม ที่จ้องกล้วยหนังของเขาเขม็งจากในดงต้นกล้วย ชำนาญตกใจสะดุ้งโหยงจนเยี่ยวแทบหดเบี่ยงตัวหลบสายตาเด็กแอมทันควัน เขาไม่สามรถหยุดการปล่อยน้ำปัสสาวะได้จนมันเลอะเทอะเรี่ยราดไปหมด
“แอม!! ตกใจหมด มาแอบอะไรอยู่ตรงนี้? แล้วนี่ไม่ไปในเมืองกับพวกเขาหรือไง?” พ่อลูกอ่อนทั้งถามทั้งหลบ ทั้งฉี่ หันรีหันขวาง รีบตัดจบการฉี่สลัดเก็บแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กแอมที่ทำตาแดงๆแสดงถึงความสะเทือนใจบางอย่างออกมาให้เห็นเด็กแอมกรอกตาอย่างเอือมระอาใส่ทีหนึ่ง แล้วหันหลังหลบหน้าชำนาญอย่างขี้คร้านจะอธิบายอะไร
เด็กแอมเล่นนิ่งเงียบเข้าใส่ชำนาญสังเกตเห็นเปลือกกล้วยทิ้งเรี่ยราดอยู่แถวๆนั้นก็ให้นึกสงสัย
“นี่มาแอบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วมาแอบอะไรตรงนี้?” ชายหนุ่มถามพลางสืบเท้าเข้าไปนั่งยองๆอยู่ต่อหน้าเด็กน้อย พลางสอดสายตามองลอดต้นกล้วยเข้าไปเผื่อที่จะได้เห็นเด็กน้อยถนัด
“อ่าว...แล้วนี่ร้องไห้ทำไม?เป็นอะไร?”
“........แม่ใหญ่ไม่ให้ไปเที่ยวในเมืองด้วย”เด็กแอมตอบเสียงแผ่วยังคงมีเสียงสะอื้นแทรกอยู่ในคำตอบนั้น พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรชำนาญถึงกับส่ายหน้าหัวเราะแค่นๆ ขั้นแรกก็นึกว่าเด็กตุ๊ดมันจงใจจะมาแอบดูเขาตัดกล้วยหรือเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น เรื่องที่เขาสงสัยแต่แรกกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเด็กวัยแปดขวบกว่าๆอย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็นึกว่าเรื่องอะไรเค้าไม่ได้ไปเล่นกันเค้าพาต้อมไปสมัครทหารเอ้อ!! เราจะตามไปให้เกะกะเขาทำไม?” “ก็อยากไปนี่ ทุกครั้งก็ได้ไป..” เด็กน้อยต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย ไอ่หนุ่มพ่อลูกอ่อนก็ค่อยโล่งอกหน่อย “ก็เล่นเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ใครเค้าจะให้ไปไหนด้วยล่ะถูกตามใจจนเสียเด็กหมด นี่ถ้าเป็นลูกมาร้องไห้ใส่เรื่องแค่นี้จะเตะกระเด็นเลย...เป็นผู้ชายจะมาร้องไห้เรื่องแค่นี้ทำไม?”ชำนาญถือโอกาสสั่งสอน
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมายุ่งแต่เมื่อเข้ามาเป็นเครือญาติกันแล้วก็ถือว่าเด็กแอมเป็นผู้อ่อนอาวุโสกว่า ญาติที่โตกว่าอย่างเขาก็มีสิทธิ์ตักเตือนได้ตามสมควรและจากการที่ได้เห็นแม่ใหญ่และทิดต้อม เฝ้าตามใจเด็กแอมจนจะเสียเด็ก และไม่เคยห้ามปรามที่มันจะทำตัวเป็นตุ๊ดเด็กซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดใจชำนาญที่สุดเห็นแล้วอยากจะตบกะโหลกให้หายตุ๊ดแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่แหย่ให้เด็กแอมเดือดใส่ แล้วร้องกรี๊ด แค่นี้ก็สะใจชำนาญมากแล้ว
ชำนาญแปลกใจว่าทำไมทุกคนในครอบครัวนี้ถึงไม่เห็นความผิดปกติที่เด็กแอมเป็นทุกคนดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนไม่ใส่ใจว่าเด็กแอมจะโตขึ้นมาเป็นอะไรทั้งๆที่เด็กแอมคลุกคลีและดูสนิทสนมกับเจ้าทิดต้อมน่าจะซึมซับความเป็นผู้ชายแมนๆมาบ้างแต่นี่เปล่าเลย นับวันเด็กแอมยิ่งดูจะออกอาการความชัดเจนในรสนิยมทางเพศมากขึ้นๆส่วนทิดต้อม กับแม่ใหญ่ก็เอาแต่ตามใจ แม่ใหญ่ตามใจเด็กแอมนี่ เขาไม่แปลกใจหรอก เพราะเป็นยายกับหลานเลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เกิดแต่ทิดต้อมนี่สิตามใจเด็กแอม ทั้งๆที่เป็นน้องแท้ๆก็ไม่ใช่ แถมไม่เคยห้ามปรามการทำตัวผิดเพศของเด็กน้อยเลยซักนิดข้อนี้ทำให้ชำนาญตะหงิดๆในใจ
แถมสายตาที่ลอบมองของสงวนของเขาเมื่อสักครู่นี้อีก จะว่าอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ก็ไม่ค่อยจะเข้าเค้าเท่าไหร่มันดูเป็นความสนใจแบบที่เรียกว่า “สมอย่างใจ”หรือก็ไม่เชิงแต่ก็ดูดีใจที่มันได้แอบเห็นเจ้าท่อนเอ็นอ่อนๆของเขาเมื่อสักครู่
“อ้าว! แล้วนี่จะซ่อนแอบอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหนไม่กลัวแม่ใหญ่กลับมาแล้วตามหาไม่เจอเหรอ?”เด็กแอมได้ยินก็พลิกตัวหันหน้าหนีจากชำนาญเป็นการแสดงออกว่า ‘อย่ามายุ่งกับฉัน’เพื่อชำนาญจะได้ไปๆเสียที เขยใหม่เห็นแบบนั้นก็ถอนใจเปะปาก ละออกไปหาตัดกล้วยตามที่ประสงค์จะทำตั้งแต่ทีแรกแต่ก็ไม่วายจะพูดลอยๆตามลมเป็นการแหย่เด็กน้อย
“ โดนตามใจจนเคยตัวระวังเถอะ เดี๋ยวต้อมมันก็จะไปเป็นทหารแล้ว ไม่รู้จะกลับมาชาติไหนจะดูสิ ใครจะคอยมาตามใจอีก”
เด็กแอมได้ยินก็ใจหายวาบมันคือคนละอย่างกับที่มันคิดไว้ในใจคือพี่ทิดต้อมไปเป็นทหาร ตอนเช้าใส่ชุดทหาร ไปทำงานทหาร ตอนเย็นกลับมาจากทำงานแล้วก็กลับมาถึงบ้านพร้อมๆกันกับที่มันเลิกจากโรงเรียนเสาร์อาทิตย์ก็ได้อยู่ด้วยกันตัวติดกันเป็นตังเมเหมือนเดิม
“ไม่จริง ไปเป็นทหารตอนเช้าตอนเย็นก็กลับมาบ้านเหมือนเดิมแหละ” เด็กน้อยเถียงเบาๆแต่ไม่ยอมหันไปดูหน้าเขยใหม่ตัวดำ เกลียดขี้หน้านักชำนาญได้ฟังก็หัวเราะก๊ากออกมา
“ทหารเกณฑ์บ้านไหนเค้าจะไปเช้าเย็นกลับวะนี่ได้ไปอยู่ค่ายไหนยังไม่รู้เลยไม่รู้ต้องไป ชลบุรีลพบุรี หรือที่ไหน จะไปโดนซ่อมตายซะเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่จริงอยู่จังหวัดเราก็มีค่ายทหารเดี๋ยวตอนเย็นก็กลับ” เด็กแอมต่อล้อต่อเถียงทำราวกับว่าถ้ามันเถียงชำนาญจนชนะ ทุกอย่างจะเป็นจริงอย่างที่มันพูด
“ ไม่ได้กลับ”
“ได้กลับ”
“ไม่ได้กลับ”ชำนาญอารมณ์ดีมากพอที่จะชวนเด็กแอมทะเลาะเลยต่อความยาว
“ได้กลับ! ได้กลับ! ได้กลับ!ได้กลับๆๆๆๆๆๆ!!!” เด็กน้อยตะโกนเถียง อารมณ์เดือดดาล
“...........ไม่ได้กลับ”
พอสิ้นวลีนี้จากปากเขยใหม่เด็กแอมก็ปล่อยโฮออกมาจากกอกล้วยเสียงดังลั่นใจดวงน้อยๆของมัน หายวาบไปต่อไหนถึงไหนเมื่อคิดถึงว่าจะไม่มีพี่ต้อมอยู่กับมันที่บ้านแม่ใหญ่อีกแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะกลับมา เดือนหน้า พรุ่งนี้ปีหน้าชาติไหนถึงจะได้เจอกันอีก
เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังลั่นดังจนไปถึงบ้านของพี่ฝน จนฝนรำคาญต้องอุ้มลูกน้อยๆตามมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นเมื่อมาถึงก็มาอารมณ์เสียใส่ผัวตัวเองซักไซ้ไล่เลียงสักพักพอได้ความ ก็หันเข้ามาปลอบเด็กแอม แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไรแถมลูกสาวตัวเล็กๆที่อุ้มมาด้วยก็พลอยร้องไห้ตามเด็กแอมด้วย ถึงจะปลอบลูกทั้งจะปลอบน้อง ในที่สุดก็ระอาใจ ทิ้งเด็กแอมไว้ในกอกล้วยไม่ใยดี
เวลาผ่านไปจนชำนาญตัดกล้วยเสร็จเด็กน้อยก็ยังไม่หายสะอึกสะอื้นขดตัวกอดตัวเองร้องไห้ในกอกล้วยอย่างน่าเวทนาจนชำนาญลองเรียกให้กลับบ้านอีกรอบก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับในที่สุดเด็กน้อยก็ถูกทิ้งให้ร้องไห้เดียวดายในกอกล้วยต่อไป
.....
บ่ายคล้อย...เด็กแอมหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในกอกล้วยได้ยินเสียงแห่ยพร่าพร้อมสัมผัสอันอ่อนโยนของแม่ใหญ่มาเชย่าเบาๆที่หัวไหล่
“บักหล่า...บักหล่าน้อย...โอ้ยยเป็นจั๋งได๋น้อนี่...ผู้ใด๋ว่าหล่าน้อยกูน้ออ?”
เด็กน้อยงัวเงียตื่นเมื่อเห็นแม่ใหญ่มาเรียกอยู่ใกล้ๆและเบื้องหลังแม่ใหญ่มีใบหน้าที่คุ้นเคยของทิดต้อมอยู่ข้างๆเด็กแอมก็ปล่อยโฮอีกรอบโผเข้ากอดแม่ใหญ่ที่เฝ้าประโลมลูบหัวอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนเหี่ยวย่นเรี่ยวแรงน้อยนิดของแม่ใหญ่พยายามเหนี่ยวอุ้มเด็กแอมขึ้นมาจากกอกล้วยขึ้นมาอุ้มจนสำเร็จ พลางบ่นกระปอดกระแปดให้เขยใหม่
“ผู้ใด๋มันมาว่าลูกกูเป็นหยังคือบ่รู้จักความ เด็กน้อยมันกะแม่นเด็กน้อย...เซาๆ บักหล่าเซาไห้”แม่ใหญ่ปลอบเด็กแอมอ่อนโยน
ไอ่ทิดที่เฝ้ามองดูเงียบแต่แรกโผมารับตัวเด็กแอมมาอุ้มไว้กับตัวเพราะกลัวแม่ใหญ่จะหนักจนอุ้มไม่ไหวพอมาอยู่ในอ้อมกอดทิดต้อมเด็กแอมก็ปล่อยโฮดังอีกรอบน้ำตาเม็ดเป้งๆเกาะเต็มแพขนตางอน
“เซาๆ จุ๊ๆ แอมเซาไห้”ไอ่ทิดบอกเสียงแผ่วสีหน้าบ่งบอกถึงความหนักใจแต่เมื่อได้เห็นเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยที่ได้ถามสาเหตุจากฝนมาก่อนก็รู้สึกสงสารเด็กแอมจนจับใจ เด็กน้อยซบลงตรงไหล่ของไอ่ทิด ปากดูดนิ้วโป้งจุ๊บๆทั้งๆที่มันเลิกนิสัยนี้ได้พักใหญ่แล้ว เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่ขาดในขณะที่ไอ่ทิดอุ้มมันกลับบ้านไปพร้อมกับแม่ใหญ่
.............
ตั้งแต่ไปรับเอาเด็กแอมจากดงกล้วยจนจะถึงเวลาเข้าน้อนเด็กแอมก็ซึมไปจนไอ่ทิดสังเกตได้ชัดเขาทั้งปลอบทั้งดุจนจนปัญญาที่จะทำให้เด็กแอมกลับมาร่าเริงแบบเดิมได้แล้วจึงเลือกที่จะเฉยๆและหวังว่าระหว่างนี้จนถึงวันที่ตนเองต้องจากไปเป็นทหารเกณฑ์ในเดือนพฤษภาคมเมื่อวันเวลาที่ผ่านไป จะทำให้เด็กน้อยชินได้ในที่สุด
แม่ใหญ่เข้าห้องนอนไปตั้งแต่สองทุ่มเหตุเพราะความเหนื่อยอ่อนที่ตามไอ่ทิดไปสมัครทหารถึงในเมืองพร้อมกับญาติพี่น้องคนอื่นๆบางทีอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ไม่ยอมให้เด็กแอมตามพวกเขาไปด้วยเพราะคิดว่ามันเป็นเด็กคงจะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซิ้งอะไร
แต่ทิดต้อมและคนอื่นๆประเมินผิดไป ญาติพี่น้องคนอื่นๆเมื่อได้รู้ถึงเหตุการณ์เด็กแอมไปซ่อนตัวอยู่ในดงกล้วยทุกคนก็ต่างเวทนา เพราะรู้ว่าเด็กน้อยผูกพันและสนิทกับทิดต้อมมากขนาดไหนส่วนตัวไอ่ทิดเองกลับรู้สึกขนลุกปนสยองนิดๆที่เด็กน้อยรู้สึกลึกซึ้งกับเขามากขนาดนี้เพราะนอกจากความสุขทางเพศที่เด็กน้อยปรนเปรอให้แล้วเขาก็รักมันอย่างน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นถึงแม้จะคลุกคลีกันมากหน่อย
แต่เมื่อประสบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้และรู้ตัวว่าจากนี้ไปอีกหนึ่งปี ชายหนุ่มอาจจะไม่ได้กลับบ้านมาอีกเลยแม้ว่าฝึกสามเดือนแรกเสร็จจะอนุญาตให้ลากลับก็เถอะทิดต้อมก็ตัดสินใจว่าจะทำดีกับเด็กน้อยตลอดทั้งเดือนเพื่อเป็นการส่งท้ายเสียหน่อย และเขายังเชื่อพลังบริสุทธิ์ของวัยเด็กอยู่เขาเชื่อว่า เด็กแอมจะผ่านพ้นมันไปได้และในที่สุดก็จะลืมเลือนไปกลายเป็นแค่เรื่องในวัยเด็กเหมือนเรื่องอื่นๆของคนทุกคน
คืนนี้ก็ร้อนอบอ้าวเหมือนอย่างคืนก่อนๆเพราะช่วงนี้ใกล้สงกรานต์เข้ามาทุกที โชคดีที่ต่อไฟฟ้ามาไว้บ้านแม่ใหญ่แล้วทิดต้อมกับเด็กแอมเลยไม่ต้องทนร้อนมากเท่าไหร่เหตุเพราะฝนยกพัดลมตัวเก่าที่นำกลับมาจากสมัยที่ทำงานโรงงานให้สองคนเลยมีพัดลมไว้เปิดได้คลายอ้าวคนที่ต่อไฟให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นชำนาญเขยใหม่นั่นเองเด็กแอมเลยพลอยได้รับอานิสงส์มีไฟนิออนไว้ทำการบ้านด้วยแม้ไอ่ทิดจะขัดใจชำนาญนิดๆ เรื่องที่ธรรมชาตินิสัยของเขยใหม่ ไม่ค่อยเหมือนคนท้องถิ่นที่เขาคุ้นเคยออกจะเป็นคนโผงผาง ไม่ค่อยเกรงใจ หรือเห็นใจคนอื่นเท่าไหร่แต่โดยรวมแล้ว เรื่องความมีน้ำใจชำนาญก็เป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว
เป็นอีกคืนที่ไอ่ทิดต้องถอดเสื้อนอนและกลับมาใช้ยูนิฟอร์มเก่าคือ ผ้าขาวม้ามัดปมทับกางเกงในเพราะอากาศอบอ้าวนักหนา ชายหนุ่มหลบเข้ามุ้งเมื่อตอนสี่ทุ่มแล้ว โดยเด็กแอมนอนดูดนิ้วหลับไปก่อนเมื่อเข้าถึงมุ้งแล้วชายหนุ่มก็ปลดผ้าขาวม้าออกเหลอแค่กางเกงในตัวเดียวผ้าขาวม้านั้น จะใช้พันตัวอีกที เพื่อกันอุจาดเมื่อก่อนจะออกจากมุ้งในตอนเช้า
“แอม...แอม..” ไอ่ทิดเรียกเบาพร้อมกับเอื้อมมือไปเขย่าตัวเด็กแอมที่นอนคว่ำดูดนิ้วอยู่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ ชายหนุ่มจึงเดาว่ามันหลับไปแล้ว แต่กะจะปลอบใจมันเสียหน่อยไอ่ทิดค่อยๆดึงนิ้วโป้งมื้อออกจากปากเด็กแอม แม้มันจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ปากก็ยังดูดจุบๆค้างตามนิ้วโถ..เด็กหนอเด็ก
ไอ่ทิดค่อยๆงัดท่อนเอ็นออกมาทางขากางเกงในมันออกมาโงนเงนกวัดแกว่งอยู่แถวๆริมผีปากของเด็กน้อย หัวบานๆมนๆฉ่ำน้ำหล่อลื่นถูกแซะเขี่ยไปมาตรงรอยแยกริมฝีปากเล็กๆนั้นแหย่ๆ ดันๆอยู่ครู่เดียว ปากน้อยๆก็อ้ารับเข้าไปไว้ในปากแล้วดูดดุนแทนนิ้วโป้งที่ไอ่ทิดพรากออกไปจากปาก
ปากเล็กๆดูดกินน้ำเยิ้มบนหัวบนอย่างคุ้นปากไอ่ทิดคุกเข่าแอ่นส่งหัวเอ็นเข้าปากเด็กแอมอยู่ถึงกับสะดุ้งเบาเพราะไม่ทันตั้งตัวแรงดูดดุนที่เร่าร้อนทำเอาไอ่ทิดเซถลา ต้องเอามือค้ำยันคล่อมตัวเด็กชายไว้ส่วนอีกมือก็กดโคนท่อนลำให้โน้มจ่อปากเด็กแอม เพื่อให้เด็กน้อยกินหัวถนัดปาก
ความเสียวร้อนจากเรียวลิ้นและโพรงปากถาโถมเข้าสู่ปลายหัวบานเป็นริ้วๆแรงดูดดุนเริ่มดุดันขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงนาทีแสดงให้เห็นว่าเด็กแอมรู้สึกตัวแล้วเด็กน้อยใช้ปากครอบทั้งหัวบานแล้วดูดรีดรุนแรงเพราะหมั่นเขี้ยวไอ่ทิดมาแต่หัววัน
“โอ้ยๆ..เบาก่อนแอมช้าๆมันไม่หนีไปไหนหรอก” ไอ่ทิดรีบทัดทานกระเส่า ก่อนที่เด็กน้อยจะเตลิดไปไกลเมื่อได้ยินเด็กแอมจึงค่อยๆพลิกตัวมานอนตะแคงเพื่อจะได้ดูดกินท่อนเอ็นของพี่ทิดได้ถนัดส่วนไอ่ทิดก็เลยเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงตัวเข้าหาเด็กแอมบ้าง
พอขยับท่าได้เข้าที่เข้าทางเท่านั้นเด็กแอมก็สวมวิญญาณเป็นเด็กโมโหหิว รั้งสะเอวของทิดต้อมสวนเข้าหาใบหน้าของมันอย่างรวดเร็วไอ่ทิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัวผวาเอวแอ่นตามแรงรั้งของเด็กน้อย ท่อนเอ็นแกร่งทะลึ่งพรวดหายเข้าไปในปากเด็กน้อยเกือบมิดลำ ดังจ๊วบบบบบบ
“โอ๊ะ!!!”เด็กแอมตะโบมดูดอย่างโมโหร้ายจนไอ่ทิดทั้งเจ็บและเสียวปนกันเผลอลืมตัวส่งเสียงร้องออกมาแอะนึงก่อนจะรีบกัดริมฝีปากเก็บเสียงทันควันเด็กน้อยไม่สนว่าทิดต้อมจะมีปฎิกิริยายังไง สองมือมันสอดไปรั้งสะโพกของชายหนุ่มยึดมาจนหัวหน่าวเกือบชิดจมูกน้ำมูกน้ำลายไหลย้อยก็ไม่สนใจจะเช็ดแต่กลับออกแรงบีบลำคอกระชับดูดท่อนลำดุดันเอาเป็นเอาตาย ทิดต้อมเสียอีกที่ต้องกระดกก้นออกห่างใช้มือดันหน้าผากเด็กน้อยเพราะกลัวมันจะถลำลึกกว่านั้นไอ่ทิดฝืนดันหน้าผากเด็กออกจนถอนลำเอ็นออกมาได้ค่อนลำแต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมลดลาวาศอกใช้ปากอันหิวกระหายรังแกไอ่ทิดจนสะโพกกระตุกเฮือกๆทุกครั้งที่เด็กแอมออกแรงดูด
“บะเบาแอมเบา..อุ๊ก!!”ไอ่ทิดกระซิบเสียงกระเส่ารู้ตัวในทันใดว่าตกอยู่ภายใต้การแก้แค้นของเด็กแอมเข้าแล้ว
เด็กแอมดูดกลืนชอนไชลิ้นใส่ท่อนเอ็นของทิดต้อมอย่างทั้งหลงใหลและอาลัยอาวรณ์ ราวกับจะดูดซับทุกอณูของไอ่ทิดไว้ประทับในความทรงจำก่อนจะห่างกันไกลรสชาติจืดชืดของท่อนเนื้อโดยเฉพาะตรงหัวบานแดงที่มีน้ำใสเค็มคาวซึมออกมาให้ดื่มกินเป็นระยะๆผสมสผานกับกลิ่นหอมสบู่ปนฉุนอับที่ฟุ้งออกมามาจากดงขนตรงหัวเหน่าเด็กน้อยไม่รู้ว่าหลงใหลอะไรมันนัก
แต่มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นอิ่มเอม ซ่านทราบในใจทุกครั้งที่ได้ใช้ปากครอบครองมันไว้ เหมือนชีวิตถูกเติมเต็มในความขาดทุกครั้งที่ออกแรงดูดไอ่ทิดสุดทัดทานต่อความดื้อดึงของเด็กน้อย จึงทำได้แค่ยอมปล่อยให้เด็กน้อยดูดดื่มให้สมใจอยากเมื่อถอยสะโพกหนียังไงก็ไม่พ้นที่สุดจึงพลิกตัวนอนหงายอ้าซ่าโดยมีเด็กแอมพลิกตัวเข้ามานั่งอยู่ตรงกลางหว่างขา โดยไม่ยอมปล่อยให้ท่อนเนื้อหลุดจากปากไปแม้แต่วินาทีเดียว
เด็กแอมระบายความโกรธความคับแค้น ความน้อยใจที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันเป็นแรงดูดดุนที่เกรี้ยวกราดที่สุดที่ไอ่ทิดเคยได้รับมาในชีวิตหากเป็นแต่ก่อนถ้าโดนเด็กน้อยกลั่นแกล้งขนาดนี้ ไอ่ทิดคงงัดหน้าเด็กแอมออกไปให้พ้นกึ่งกลางลำตัวแล้วนอนคว่ำหน้าโกรธไปอีกสองสามวันแล้ว แต่ครั้งนี้ทิดต้อมยอมให้เด็กแอมทำตามแต่ใจทุกอย่าง ด้วยเพราะเป็นการไถ่บาปที่คิดจะทิ้งเด็กแอมไว้คนเดียวจากนี้ไปอีกหนึ่งปีเต็ม
ความเสียวจากแรงดูด และความเจ็บจากแรงขบของฟันซี่เล็กๆปนประดังเข้ามาจนไอ่ทิดบอกความรู้สึกไม่ถูกได้แต่เม้มปากกัดฟันหลับตาปี๋ท่อนขาเกร็งยาวเหยียดนิ่งรองรับอารมณ์อารมณ์โกรธที่เด็กแอมแสดงออกผ่านการดูดดุนท่อนลำที่เหมือนราวกับกำลังจะดูดกลืนวิญญาณของไอ่ทิดให้ออกมาเก็บไว้กับตัว ทิดต้อมทำได้แค่เพียงไล้นิ้วมือสากๆไปตามพวงแก้มเล็กๆทั้งสองข้างของเด็กน้อยที่เดี๋ยวตุ่ยเดี๋ยวยุบอย่างปลอบประโลม
ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่เคยเห็นเด็กแอมเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อน บวกกับความเสียวที่เด็กน้อยปรนเปรอให้ด้วยปากและลิ้นทำให้ไอ่ทิดเร่าร้อนจวนจะถึงจุดระเบิดโดยไว
“โอ๊ะ! อุ๊ก!!” ไม่ทันได้ออกปากเตือนใดๆ ไอ่ทิดก็พุ่งกระฉูดเข้าโพลงปากน้อยๆพรวดๆ มันรุนแรงและท่วมท้นที่สุดที่ชายหนุ่มเคยถึงจุดนี้ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกระฉูด หากเป็นเมื่อก่อนเด็กแอมจะหยุดดูดเพื่อเตรียมใจรอรับหยาดหยด จนชายหนุ่มกระฉูดถึงหยดสุดท้ายหากแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง
เด็กน้อยยังคงดูดสูบอย่างกระหายทำเอาไอ่ทิดผวาตัวเฮือกๆกระตุกร่าง แอ่นอกคว้างกลางอากาศในขณะที่ต้องเม้มปากแน่นกันเสียงที่เกือบจะเผลอร้องออกมาเสียงแห่งความซ่านเสียวจึงเป็นแค่เสียงอึกอักๆในลำคอราวกับคนละเมอฝันร้าย
แม้จะหลั่งไหลให้เด็กน้อยได้ดื่มกินจนทุกหยาดหยดแล้วแต่ดูเหมือนเด็กแอมจะยังไม่พอใจยังคงโหมดูดท่อนลำต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย ครั้งนี้นี่เองที่ความอดทนของไอ่ทิดถึงขีดสุดเผลอส่งเสียงร้องออกมาราวกับคนจะขาดใจตาย
“อี๋ยย ย๊ากกกกกกกกกกอ้ากก!!” ไอ่ทิดกระตุกเกร็งเหมือนคนใจจะขาด เด็กแอมตกใจจนสะดุ้ง เผลอคายท่อนลำออกจากปากในที่สุด
“...........”
“.....หื้อออ...แม่นหยังล่ะทางนอก...ผู้ใด๋เป็นหยัง?....ต้อม...แอม..”
แม่ใหญ่ส่งเสียงถามงัวเงียจากข้างใน คู่กรณีทั้งสองใจหายแว๊บบ ตัวแข็งทื่อ
“...ละเมอ..แม่ใหญ่...ฝันบ่ดี..ผมละเมอเฉยๆ....”ไอ่ทิดต้อมตัดสินใจโกหกในที่สุดทั้งๆที่มันไม่ชอบ
“.......ขวัญเอ้ยขวัญมาบักหล่านอนๆๆ..นอนซะ...ไม่เป็นไรหรอกติดทหารปีเดียว...นอนๆๆๆ.....”เสียงแม่ใหญ่ปลอบขวัญออกมาใจในห้องก่อนจะเงียบเสียงเหมือนหลับไป
ไอ่ทิดรู้สึกโมโหญาติผู้น้องขึ้นมานิดๆจึงทำโทดด้วยการตบแก้มมันเบาๆเป็นการบอกว่าเขาไม่พอใจ ก่อนที่จะเก็บท่อนลำเข้ากางเกงใน แล้วทิ้งตัวลง นอนคว่ำหน้าเพื่อเป็นการเตือนเด็กแอมว่าอย่ามายุ่งกับมันอีก
เด็กแอมนั่งสลดอยู่ในมุ้งแต่เพียงผู้เดียวก่อนจะคิดทบทวนได้ว่าเมื่อสักครู่มันก็ทำเกินไปจริงๆครู่เดียว เด็กแอมจึงโถมตัวเข้าซบแผ่นหลังกว้างๆของไอ่ทิดพลางดูดนิ้วเพื่อกล่อมตัวเองให้หลับ
ไอ่ทิดรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอีก เมื่อเห็นเด็กต้อมซบตัวลงแผ่นหลังตัวเองแบบนั้นทิดต้อมเลยพลิกตัวหงายกลับมาแล้วจับเด็กแอมมาซุกตรงรักแร้ที่โปรดของมัน เด็กน้อยซุกไซ้รักแร้ไอ่ทิดอย่างรักใคร่แต่เพียงครู่เดียว
แล้วเด็กน้อยก็เลื้อยลงต่ำอีกมันลงไปหนุนนอนตรงหน้าขาของไอ่ทิด แล้วงัดท่อนเอ็นซึ่งตอนนี้นุ่มนิ่มหดตัวราวกับด้วงมะพร้าวออกมาทางช่องทางเดิม คือตรงขากางเกงในแล้วก็เอามาใส่ไว้ในปากแทนนิ้วโป้งที่มันดูดประจำตอนก่อนนอน
ไอ่ทิดจนปัญญาจะห้ามได้แต่เลยตามเลย ในขณะที่เด็กแอมดูดดุนด้งมะพร้าวตัวนุ่มนิ่มไว้ในปากเบาๆจนเคลิ้มหลับคาหน้าขาของทิดต้อม.............
. . .
ไว้มาต่อครับ
ขอบคุณครับ เด็กน้อเด้ก รออยู่นะครับ สงสารเด็กน้อย คับขอบคุณมากนะครับ{:5_130:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากคนับ ขอบคุณมากครับ ชำนาญจะเสร็จแอมมั๊ยเนี่ยะ รอตอนต่อไปนะครับ เห็นใจทั้งคู่เลยครับ รอๆๆๆคับ...รีบมานะครับ อยากเป็นทิดต้อมเลย จะจัดเช้าจัดเย้น {:5_124:}ขอบคุณครับ{:5_124:} ขอบคุณครับ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้ครับ สงสารน้องแอมนะ และเห็นใจทิดต้อมด้วย ชำนาญมารับช่วงต่อเร็วๆนะ เด็กมันหิวเราได้เสียว ก็ช่วยๆกันไป ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ.