แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย virgogun เมื่อ 2018-8-17 23:03
ก่อนอื่นก็ขอรวบรวมลิ้งตอนเก่าๆไว้ให้ไปตามอ่านกันนะครับ ก็เด็กมันหิว 08 http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=117682&fromuid=150129 (ที่มา: จีโฟกาย.คอม)
. . ก็เด็กมันหิว 09
จบเปรียญธรรม 6 ไม่สามารถนำวุฒิเพื่อไปเทียบเกณฑ์ทหารได้ ทางที่ทำได้เพื่ออยู่ในกองทัพให้สั้นที่สุดคือทิดต้อมต้องขอสมัครเข้ารับเลือกเพื่อเป็นทหารเลย โดยไม่ต้องเสี่ยงจับใบดำใบแดงเพราะเมื่อปรึกษาผู้ใหญ่ที่นับถือ ก็จะได้รับคำแนะนำมาแบบนั้นแทบทั้งสิ้น ส่วนแม่และแม่ใหญ่ยังคงคิดว่าน่าจะลองเสี่ยงจับใบดำใบแดงดู เผื่อได้ใบดำ ก็เท่ากับว่าไอ่ทิดไม่ต้องไปเป็นทหารและยังกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครวได้ แต่ทิดต้อมกลับไม่คิดแบบนั้น เพราะถ้าหากจับได้ใบแดงขึ้นมาเล่า นั่นก็เท่ากับว่า เขาต้องเขาไปอยู่ในกองทัพสองปีเต็มๆนี่ถ้าเฒ่าทองยังอยู่ คงจะพอมีหนทางอะไรบ้าง เพราะตาแก่เป็นคนกว้างขวาง ลูกหนี้เยอะ มีอยู่ในทุกวงการ
สำหรับชายหนุ่ม คำว่าลองเสี่ยง ไม่มีในหัวแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่ปรึกษาจากคนหลายคน หลายความเห็น รวมทั้งที่ลองๆถามไถ่จากน้องเขยเช่นชำนาญที่เคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อนไอ่ทิดก็ปลงตกแล้วว่า คงจะต้องสมัครเข้าไปอยู่ในกองทัพ แทนที่จะลองเสี่ยงดวงจับใบดำใบแดง เวลาหนึ่งปี ไม่นานเท่าไหร่หรอก แต่ก็นานพอที่จะทำให้อะไรหลายอย่างไม่เหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะกรณีของไอ่ทิด กับเด็กแอม ซึ่งนอกจากที่จะกลายเป็นวัตถุทางเพศให้กันและกันจนเคยชินแล้ว สำหรับทิดต้อม สถานการณ์แบบนี้ก็เรียกว่าผะอืดผะอมได้เช่นกัน แม้ว่าเค้าจะมีความสุขจากการปรนเปรอของเด็กแอมแค่ไหน แต่จิตใต้สำนึกมันก็ฟ้องตัวเขาเองตลอดเวลาว่าเด็กแอมคือญาติสนิท และเป็นญาติสนิทที่อายุยังอยู่ในวัยเด็ก และที่สำคัญคือ เป็นเด็กผู้ชายอีกต่างหากไอ่ทิดเลยกะจะใช้โอกาสนี้ตัดความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวนี้เสียเลย
วันเวลาปีเศษที่ผ่านมานั้น มันยิ่งทำให้เด็กแอมชัดเจนในการเป็นตัวของมันเองมากยิ่งขึ้น ทิดต้อมและญาติๆสังเกตเห็นความรักสวยรักงามของเด็กแอม ตั้งแต่การชอบใช้แป้งเด็กผัดหน้าให้ขาว กางเกงนักเรียนที่ถูกรัดเอวจนกิ่ว เริ่มมีสังคมเล็กๆกับเพื่อนเล่นวัยเดียวกันนอกบ้านไอ่ทิดเคยไปพบว่าเด็กแอมกับเพื่อนเล่นวัยเดียวกันเล่นประกวดนางงามอยู่แถวทุ่งนาใกล้ๆเถียงในบ่ายของวันเสาร์– อาทิตย์ ซึ่งชายหนุ่มก็ลอบแอบดูพฤติกรรมการเล่นของมันอยู่ พบว่าเวลาที่อยู่นอกบ้าน โดยเฉพาะเวลาที่เด็กแอมอยู่กับเพื่อนเล่นวัยเดียวกัน มันจะแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองสูง และใช้คำพูดแก่แดดแก่ลมเกินวัยจนน่าตกใจ เด็กน้อยไม่เคยถูกต่อว่าจากญาติคนใดในบ้านเลย ด้วยความที่แม่ใหญ่เป็นผูเลี้ยงดูมันมา และญาติๆในรั้วบ้านเดียวกันก็ไม่ได้เอาใจใส่มันขนาดที่จะต้องมาวิตกกังวลอะไรกับพฤติกรรมที่มันแสดงออก อย่างดีก็แค่ล้อเลียน หรือดุมันซักคำสองคำ แต่จะโดนเด็กน้อยปากจัดเถียงคืนทุกครั้ง จนไม่มีใครอยากยุ่งกับมันนัก คนที่ปรามมันได้ก็มีอยู่แค่คนเดียวคือทิดต้อม เด็กแอมจะเชื่อฟังคำพูดของไอ่ทิดดั่งคำประกาศิต
ส่วนไม้เบื่อไม้เมาขอเด็กแอม จะมีอยู่สองคนหลักๆในบ้าน คนแรกคือ บักโต้ง น้องชายของไอ่ทิด ตัวอ้วนดำสูง ที่มักจะแกล้งเด็กแอมแรงๆ จนบางทีถึงกับเสียน้ำตาก็มี เด็กแอมจะเหม็นขี้หน้าบักโต้งมาก เรียกว่าอยู่กันคนละมุมเป็นดีที่สุด
คนที่สอง เห็นจะเป็นคู่ปรับหน้าใหม่คือ ชำนาญ ชำนาญมักแหย่เด็กแอมเล่นขำๆ พอให้มันได้ออกอาการสะดีดสะดิ้งใส่ให้ไดขำเล่น เช่นล้อว่าเป็นตุ๊ด ซึ่งเด็กแอมจะกรี๊ดใส่ทุกครั้ง แล้วปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นตุ๊ด นับว่าย้อนแย้งกันดีทีเดียวกับพฤติกรรมที่มันแสดงออก เด็กแอม ไม่ค่อยกล้าชวนชำนาญทะเลาะนัก เพราะบ้านน้าชาย ซึ่งเป็นบ้านพ่อตาของชำนาญ เป็นบ้านหลังเดียวที่มีโทรทัศน์ มันต้องไปอาศัยเขาดูที่นั่น ไม่ใช่เด็กแอมคนเดียวที่ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านน้าชาย เด็กและผู้ใหญ่ในละแวกนั้นหลายบ้านก็มาอาศัยดูที่บ้านนั้นด้วย คนที่หัวใสเกิดไอเดียทำรายได้คือฝน ในเมื่อคนละแวกบ้านมาดูโทรทัศน์ที่บ้านมันดีนัก ก็ถือโอกาสเปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายของชำเสียเลย ก็ทำรายได้อย่างงามทีเดียว ยิ่งวันไหนมีมวย เช่นบ่ายวันอาทิตย์ หรือวันที่มีนัดชิงแชมป์โลกของเขาทราย ถึงกับต้องติดประกาศชักชวนดูมวย แถมพ่วงลดราคาสุราขาวเป็นเป้กขายดิบขายดีกันทีเดียว
เด็กแอมพอได้ยินอยู่บ้าง เรื่องพี่ต้อมของมันต้องไปเป็นทหาร แต่ด้วยความไม่รู้เดียงสา ก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลยังไงกับตัวเอง และเข้าใจไปเองว่า ทิดต้อมจะไปทำงานเป็นทหาร ก็คือแต่งตัวเป็นทหาร ไปทำงานเช้า ตอนเย็นก็กลับบ้านแม่ใหญ่ คราวนี้ก็โก้ไปเลย พี่ต้อมจะได้เป็นทหาร เอาไปคุยอวดเพื่อนแถวบ้านได้สบาย
และแล้ววันหนึ่งในต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กแอมปิดเทอมใหญ่ก่อนจะขึ้นชั้นประถม 3 แม่ใหญ่ กับ ป้า และครอบครัวของพี่ทิดต้อมก็ตื่นแต่เช้า แม่ใหญ่อาบน้ำแต่งตัวด้วยผ้าซิ่นผืนที่สวยที่สุดที่แม่ใหญ่มี เด็กแอมจะเห็นแม่ใหญ่ใส่ผ้าซิ่นไหมผืนนี้เฉพาะวันงานบุญใหญ่ของหมู่บ้าน ไม่กี่ครั้งต่อปีเท่านั้น ทุกคนที่บ้านป้า แม่ใหญ่ และพี่ทิดต้อมของมัน ขึ้นรถกะบะสองแถวของหมู่บ้านซึ่งถูกเหมาว่าจ้างมาเพื่อเดินทางไปไหนซักที่ ซึ่งเด็กแอมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปกับพวกเขาด้วย โดยเหตุผลที่ว่า “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” แม้มันจะร้องไห้ลงไปดิ้นกับลานดิ้นหน้าบ้านแม่ใหญ่ มันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วย
ใจน้อยๆของเด็กวัยแปดขวบกว่า เข้าใจว่าพวกญาติๆ และแม่ใหญ่ รวมทั้งพี่ต้อม ไม่รักไม่เอ็นดูมันเหมือนเดิมแล้ว เด็กน้อยเก็บความเสียใจไว้เต็มอก หนีไปนั่งขดตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นในดงกล้วยหลังบ้านแม่ใหญ่ตั้งแต่เช้าโดยที่มันตั้งใจมั่นว่า จะหลบซ่อนตัวที่สวนกล้วยไม่ให้ใครหาเจอ เป็นการประท้วงที่ไม่ได้เข้าไปเที่ยวในเมืองกับคนอื่นๆเขา เมื่อหิวก็หาเด็ดกล้วยน้ำว้าสุกลงมาแอบกินเป็นหวีๆกินไปสะอึกสะอื้นไปจนหยุดร้องไห้ไปเอง แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจของมันยังไม่ได้หายไปง่ายๆเหมือนการหยุดสะอื้นเลยยังนั่งจุมปุกภายในกอกล้วยหนากอหนึ่งจนในที่สุดก็เคลิ้มหลับไป
สายๆวันนั้นเอง ขณะที่เด็กแอมนั่งซ่อนตัวหลับตื่นๆอยู่ในกอกล้วยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินฝ่าดงกล้วยเข้ามาใกล้ ผู้บุกรุกเดินย่ำใบกล้วยแห้งเข้ามาอย่างอุกอาจ ครั้งแรกเด็กน้อยแอบลึกๆว่าจะเป็นพี่ทิดต้อมหรือแม่ใหญ่ของมันคงกลับมากันแล้วก็คงกำลังออกตามหามันกันจ้าละหวั่น หึ ไม่มีวันโผล่ออกไปให้เห็นหรอกเด็กน้อยมุ่งคิดในใจ
แต่เมื่อได้เห็นถนัดตาว่าร่างของผู้บุกรุกนั้นไม่ใช่ใครในสองคนที่มันหวังใจไว้ก็ทำให้เด็กแอมออกจะผิดหวังเล็กน้อย กลายเป็นว่าชายผู้บุกรุก ที่กำลังก้มๆเงยๆตามต้นกล้วยต้นต่างๆกลับเป็นพี่ชำนาญ เขยใหม่ของบ้าน คู่ปรับใหม่ของมันไปเสียนี่ หึ! ชังน้ำหน้าจะตายชัก เด็กแอมรีบเบียดซ่อนตัวในกอกล้วยเสียมิดชิด
ชำนาญ ผู้โดนคำบัญชาจากฝนให้มาหากล้วยสุกและห่ามในนี้เพื่อเอาไปบดเลี้ยงลูกน้อย ของแถมจากการนี้ได้สำรวจหาต้นกล้วยโทรมๆเพื่อตดหยวกกล้วยไปผสมรำเป็นอาหารหมูด้วยอีกต่อหนึ่ง ก้มๆเงยๆอยู่นานก็ยังไม่เห็นว่ากล้วยเครือไหนพอจะแก่นำไปบ่มได้ ไอ้หนุ่มจุดบุหรี่ขึ้นสูบยืนแหงนหน้า กวาดสายตาตามยอดต้นกล้วยต้นต่างๆ โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเด็กแอมซุกตัวแอบมิดชิดอยู่ในกอกล้วยกอใหญ่ใกล้ๆตัวนั่นเอง ชำนาญพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองปวดท้องเบาตั้งแต่ก่อนออกมาจากบ้านแล้ว ไม่ทันเข้าห้องน้ำที่ปลูกนอกตัวบ้านก็พอดีฝนผู้เป็นเมียสั่งให้เข้ามาหากล้วยน้ำว้าไปบ่มเสียก่อน ไอ้หนุ่มทิ้งอิโต้ลงข้างตัว แล้วล้วงเอา “ชำนาญน้อย ศิษย์น้ำฝน” ออกมาตรงรอยแหวกผ้าขาวม้า แล้วปลดปล่อยน้ำค้างกระเพาะปัสสาวะออกมาเต็มเหนี่ยว โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองทั้งหมดไม่ได้พ้นสายตาของเด็กแอม ที่ลอบมองออกมาจากในกอต้นกล้วยน้ำว้าข้างตัวอย่างสนอกสนใจ
ไอ่หนุ่มพ่อลูกอ่อนผิวปากประกอบการเยี่ยวพร้อมกับกวาดสายตามองหากล้วยไปเรื่อยๆพลันสายตาก็ไปประสานกันกับสายตาของเด็กแอม ที่จ้องกล้วยหนังของเขาเขม็งจากในดงต้นกล้วย ชำนาญตกใจสะดุ้งโหยงจนเยี่ยวแทบหดเบี่ยงตัวหลบสายตาเด็กแอมทันควัน เขาไม่สามรถหยุดการปล่อยน้ำปัสสาวะได้ จนมันเลอะเทอะเรี่ยราดไปหมด
“แอม!! ตกใจหมด มาแอบอะไรอยู่ตรงนี้? แล้วนี่ไม่ไปในเมืองกับพวกเขาหรือไง?” พ่อลูกอ่อนทั้งถามทั้งหลบ ทั้งฉี่ หันรีหันขวาง รีบตัดจบการฉี่สลัดเก็บแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กแอมที่ทำตาแดงๆแสดงถึงความสะเทือนใจบางอย่างออกมาให้เห็น เด็กแอมกรอกตาอย่างเอือมระอาใส่ทีหนึ่ง แล้วหันหลังหลบหน้าชำนาญอย่างขี้คร้านจะอธิบายอะไร
เด็กแอมเล่นนิ่งเงียบเข้าใส่ ชำนาญสังเกตเห็นเปลือกกล้วยทิ้งเรี่ยราดอยู่แถวๆนั้นก็ให้นึกสงสัย
“นี่มาแอบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาแอบอะไรตรงนี้?” ชายหนุ่มถามพลางสืบเท้าเข้าไปนั่งยองๆอยู่ต่อหน้าเด็กน้อย พลางสอดสายตามองลอดต้นกล้วยเข้าไปเผื่อที่จะได้เห็นเด็กน้อยถนัด
“อ่าว...แล้วนี่ร้องไห้ทำไม?เป็นอะไร?”
“........แม่ใหญ่ไม่ให้ไปเที่ยวในเมืองด้วย” เด็กแอมตอบเสียงแผ่ว ยังคงมีเสียงสะอื้นแทรกอยู่ในคำตอบนั้น พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ชำนาญถึงกับส่ายหน้าหัวเราะแค่นๆ ขั้นแรกก็นึกว่าเด็กตุ๊ดมันจงใจจะมาแอบดูเขาตัดกล้วย หรือเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้น เรื่องที่เขาสงสัยแต่แรกกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเด็กวัยแปดขวบกว่าๆอย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็นึกว่าเรื่องอะไร เค้าไม่ได้ไปเล่นกันเค้าพาต้อมไปสมัครทหาร เอ้อ!! เราจะตามไปให้เกะกะเขาทำไม?” “ก็อยากไปนี่ ทุกครั้งก็ได้ไป..” เด็กน้อยต่อล้อต่อเถียงเหมือนเคย ไอ่หนุ่มพ่อลูกอ่อนก็ค่อยโล่งอกหน่อย “ก็เล่นเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ใครเค้าจะให้ไปไหนด้วยล่ะ ถูกตามใจจนเสียเด็กหมด นี่ถ้าเป็นลูกมาร้องไห้ใส่เรื่องแค่นี้จะเตะกระเด็นเลย...เป็นผู้ชายจะมาร้องไห้เรื่องแค่นี้ทำไม?” ชำนาญถือโอกาสสั่งสอน
อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมายุ่ง แต่เมื่อเข้ามาเป็นเครือญาติกันแล้ว ก็ถือว่าเด็กแอมเป็นผู้อ่อนอาวุโสกว่า ญาติที่โตกว่าอย่างเขาก็มีสิทธิ์ตักเตือนได้ตามสมควร และจากการที่ได้เห็นแม่ใหญ่ และทิดต้อม เฝ้าตามใจเด็กแอมจนจะเสียเด็ก และไม่เคยห้ามปรามที่มันจะทำตัวเป็นตุ๊ดเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดใจชำนาญที่สุด เห็นแล้วอยากจะตบกะโหลกให้หายตุ๊ด แต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้แค่แหย่ให้เด็กแอมเดือดใส่ แล้วร้องกรี๊ด แค่นี้ก็สะใจชำนาญมากแล้ว
ชำนาญแปลกใจว่าทำไมทุกคนในครอบครัวนี้ถึงไม่เห็นความผิดปกติที่เด็กแอมเป็น ทุกคนดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ไม่ใส่ใจว่าเด็กแอมจะโตขึ้นมาเป็นอะไร ทั้งๆที่เด็กแอมคลุกคลีและดูสนิทสนมกับเจ้าทิดต้อม น่าจะซึมซับความเป็นผู้ชายแมนๆมาบ้าง แต่นี่เปล่าเลย นับวันเด็กแอมยิ่งดูจะออกอาการความชัดเจนในรสนิยมทางเพศมากขึ้นๆ ส่วนทิดต้อม กับแม่ใหญ่ ก็เอาแต่ตามใจ แม่ใหญ่ตามใจเด็กแอมนี่ เขาไม่แปลกใจหรอก เพราะเป็นยายกับหลาน เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เกิด แต่ทิดต้อมนี่สิ ตามใจเด็กแอม ทั้งๆที่เป็นน้องแท้ๆก็ไม่ใช่ แถมไม่เคยห้ามปรามการทำตัวผิดเพศของเด็กน้อยเลยซักนิด ข้อนี้ทำให้ชำนาญตะหงิดๆในใจ
แถมสายตาที่ลอบมองของสงวนของเขาเมื่อสักครู่นี้อีก จะว่าอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็กวัยนี้ก็ไม่ค่อยจะเข้าเค้าเท่าไหร่ มันดูเป็นความสนใจแบบที่เรียกว่า “สมอย่างใจ”หรือก็ไม่เชิง แต่ก็ดูดีใจที่มันได้แอบเห็นเจ้าท่อนเอ็นอ่อนๆของเขาเมื่อสักครู่
“อ้าว! แล้วนี่จะซ่อนแอบอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่กลัวแม่ใหญ่กลับมาแล้วตามหาไม่เจอเหรอ?” เด็กแอมได้ยินก็พลิกตัวหันหน้าหนีจากชำนาญ เป็นการแสดงออกว่า ‘อย่ามายุ่งกับฉัน’ เพื่อชำนาญจะได้ไปๆเสียที เขยใหม่เห็นแบบนั้นก็ถอนใจเปะปาก ละออกไปหาตัดกล้วยตามที่ประสงค์จะทำตั้งแต่ทีแรก แต่ก็ไม่วายจะพูดลอยๆตามลมเป็นการแหย่เด็กน้อย
“ โดนตามใจจนเคยตัวระวังเถอะ เดี๋ยวต้อมมันก็จะไปเป็นทหารแล้ว ไม่รู้จะกลับมาชาติไหน จะดูสิ ใครจะคอยมาตามใจอีก”
เด็กแอมได้ยินก็ใจหายวาบ มันคือคนละอย่างกับที่มันคิดไว้ในใจคือพี่ทิดต้อมไปเป็นทหาร ตอนเช้าใส่ชุดทหาร ไปทำงานทหาร ตอนเย็นกลับมาจากทำงานแล้วก็กลับมาถึงบ้านพร้อมๆกันกับที่มันเลิกจากโรงเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ได้อยู่ด้วยกัน ตัวติดกันเป็นตังเมเหมือนเดิม
“ไม่จริง ไปเป็นทหารตอนเช้าตอนเย็นก็กลับมาบ้านเหมือนเดิมแหละ” เด็กน้อยเถียงเบาๆแต่ไม่ยอมหันไปดูหน้าเขยใหม่ตัวดำ เกลียดขี้หน้านัก ชำนาญได้ฟังก็หัวเราะก๊ากออกมา
“ทหารเกณฑ์บ้านไหนเค้าจะไปเช้าเย็นกลับวะ นี่ได้ไปอยู่ค่ายไหนยังไม่รู้เลย ไม่รู้ต้องไป ชลบุรี ลพบุรี หรือที่ไหน จะไปโดนซ่อมตายซะเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่จริง อยู่จังหวัดเราก็มีค่ายทหารเดี๋ยวตอนเย็นก็กลับ” เด็กแอมต่อล้อต่อเถียง ทำราวกับว่าถ้ามันเถียงชำนาญจนชนะ ทุกอย่างจะเป็นจริงอย่างที่มันพูด
“ ไม่ได้กลับ”
“ได้กลับ”
“ไม่ได้กลับ” ชำนาญอารมณ์ดีมากพอที่จะชวนเด็กแอมทะเลาะเลยต่อความยาว
“ได้กลับ! ได้กลับ! ได้กลับ!ได้กลับๆๆๆๆๆๆ!!!” เด็กน้อยตะโกนเถียง อารมณ์เดือดดาล
“...........ไม่ได้กลับ”
พอสิ้นวลีนี้จากปากเขยใหม่ เด็กแอมก็ปล่อยโฮออกมาจากกอกล้วยเสียงดังลั่นใจดวงน้อยๆของมัน หายวาบไปต่อไหนถึงไหนเมื่อคิดถึงว่าจะไม่มีพี่ต้อมอยู่กับมันที่บ้านแม่ใหญ่อีกแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะกลับมา เดือนหน้า พรุ่งนี้ ปีหน้า ชาติไหนถึงจะได้เจอกันอีก
เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังลั่น ดังจนไปถึงบ้านของพี่ฝน จนฝนรำคาญต้องอุ้มลูกน้อยๆตามมาดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เมื่อมาถึงก็มาอารมณ์เสียใส่ผัวตัวเองซักไซ้ไล่เลียงสักพักพอได้ความ ก็หันเข้ามาปลอบเด็กแอม แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลอะไรแถมลูกสาวตัวเล็กๆที่อุ้มมาด้วยก็พลอยร้องไห้ตามเด็กแอมด้วย ถึงจะปลอบลูกทั้งจะปลอบน้อง ในที่สุดก็ระอาใจ ทิ้งเด็กแอมไว้ในกอกล้วยไม่ใยดี
เวลาผ่านไปจนชำนาญตัดกล้วยเสร็จ เด็กน้อยก็ยังไม่หายสะอึกสะอื้นขดตัวกอดตัวเองร้องไห้ในกอกล้วยอย่างน่าเวทนาจนชำนาญลองเรียกให้กลับบ้านอีกรอบก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับในที่สุดเด็กน้อยก็ถูกทิ้งให้ร้องไห้เดียวดายในกอกล้วยต่อไป
.....
บ่ายคล้อย...เด็กแอมหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในกอกล้วยได้ยินเสียงแห่ยพร่าพร้อมสัมผัสอันอ่อนโยนของแม่ใหญ่มาเชย่าเบาๆที่หัวไหล่
“บักหล่า...บักหล่าน้อย...โอ้ยยเป็นจั๋งได๋น้อนี่...ผู้ใด๋ว่าหล่าน้อยกูน้ออ?”
เด็กน้อยงัวเงียตื่น เมื่อเห็นแม่ใหญ่มาเรียกอยู่ใกล้ๆและเบื้องหลังแม่ใหญ่มีใบหน้าที่คุ้นเคยของทิดต้อมอยู่ข้างๆ เด็กแอมก็ปล่อยโฮอีกรอบโผเข้ากอดแม่ใหญ่ที่เฝ้าประโลมลูบหัวอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนเหี่ยวย่นเรี่ยวแรงน้อยนิดของแม่ใหญ่พยายามเหนี่ยวอุ้มเด็กแอมขึ้นมาจากกอกล้วยขึ้นมาอุ้มจนสำเร็จ พลางบ่นกระปอดกระแปดให้เขยใหม่
“ผู้ใด๋มันมาว่าลูกกูเป็นหยังคือบ่รู้จักความ เด็กน้อยมันกะแม่นเด็กน้อย...เซาๆ บักหล่าเซาไห้” แม่ใหญ่ปลอบเด็กแอมอ่อนโยน
ไอ่ทิดที่เฝ้ามองดูเงียบแต่แรกโผมารับตัวเด็กแอมมาอุ้มไว้กับตัว เพราะกลัวแม่ใหญ่จะหนักจนอุ้มไม่ไหว พอมาอยู่ในอ้อมกอดทิดต้อม เด็กแอมก็ปล่อยโฮดังอีกรอบน้ำตาเม็ดเป้งๆเกาะเต็มแพขนตางอน
“เซาๆ จุ๊ๆ แอมเซาไห้” ไอ่ทิดบอกเสียงแผ่วสีหน้าบ่งบอกถึงความหนักใจ แต่เมื่อได้เห็นเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยที่ได้ถามสาเหตุจากฝนมาก่อนก็รู้สึกสงสารเด็กแอมจนจับใจ เด็กน้อยซบลงตรงไหล่ของไอ่ทิด ปากดูดนิ้วโป้งจุ๊บๆทั้งๆที่มันเลิกนิสัยนี้ได้พักใหญ่แล้ว เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่ขาดในขณะที่ไอ่ทิดอุ้มมันกลับบ้านไปพร้อมกับแม่ใหญ่
.............
ตั้งแต่ไปรับเอาเด็กแอมจากดงกล้วยจนจะถึงเวลาเข้าน้อนเด็กแอมก็ซึมไปจนไอ่ทิดสังเกตได้ชัด เขาทั้งปลอบทั้งดุจนจนปัญญาที่จะทำให้เด็กแอมกลับมาร่าเริงแบบเดิมได้แล้วจึงเลือกที่จะเฉยๆ และหวังว่าระหว่างนี้จนถึงวันที่ตนเองต้องจากไปเป็นทหารเกณฑ์ในเดือนพฤษภาคมเมื่อวันเวลาที่ผ่านไป จะทำให้เด็กน้อยชินได้ในที่สุด
แม่ใหญ่เข้าห้องนอนไปตั้งแต่สองทุ่มเหตุเพราะความเหนื่อยอ่อนที่ตามไอ่ทิดไปสมัครทหารถึงในเมืองพร้อมกับญาติพี่น้องคนอื่นๆบางทีอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ไม่ยอมให้เด็กแอมตามพวกเขาไปด้วย เพราะคิดว่ามันเป็นเด็กคงจะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซิ้งอะไร
แต่ทิดต้อมและคนอื่นๆประเมินผิดไป ญาติพี่น้องคนอื่นๆเมื่อได้รู้ถึงเหตุการณ์เด็กแอมไปซ่อนตัวอยู่ในดงกล้วยทุกคนก็ต่างเวทนา เพราะรู้ว่าเด็กน้อยผูกพันและสนิทกับทิดต้อมมากขนาดไหน ส่วนตัวไอ่ทิดเองกลับรู้สึกขนลุกปนสยองนิดๆที่เด็กน้อยรู้สึกลึกซึ้งกับเขามากขนาดนี้ เพราะนอกจากความสุขทางเพศที่เด็กน้อยปรนเปรอให้แล้ว เขาก็รักมันอย่างน้องชายคนหนึ่งเท่านั้นถึงแม้จะคลุกคลีกันมากหน่อย
แต่เมื่อประสบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้และรู้ตัวว่าจากนี้ไปอีกหนึ่งปี ชายหนุ่มอาจจะไม่ได้กลับบ้านมาอีกเลย แม้ว่าฝึกสามเดือนแรกเสร็จจะอนุญาตให้ลากลับก็เถอะ ทิดต้อมก็ตัดสินใจว่าจะทำดีกับเด็กน้อยตลอดทั้งเดือน เพื่อเป็นการส่งท้ายเสียหน่อย และเขายังเชื่อพลังบริสุทธิ์ของวัยเด็กอยู่ เขาเชื่อว่า เด็กแอมจะผ่านพ้นมันไปได้ และในที่สุดก็จะลืมเลือนไป กลายเป็นแค่เรื่องในวัยเด็กเหมือนเรื่องอื่นๆของคนทุกคน
คืนนี้ก็ร้อนอบอ้าวเหมือนอย่างคืนก่อนๆเพราะช่วงนี้ใกล้สงกรานต์เข้ามาทุกที โชคดีที่ต่อไฟฟ้ามาไว้บ้านแม่ใหญ่แล้วทิดต้อมกับเด็กแอมเลยไม่ต้องทนร้อนมากเท่าไหร่เหตุเพราะฝนยกพัดลมตัวเก่าที่นำกลับมาจากสมัยที่ทำงานโรงงานให้ สองคนเลยมีพัดลมไว้เปิดได้คลายอ้าวคนที่ต่อไฟให้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นชำนาญเขยใหม่นั่นเอง เด็กแอมเลยพลอยได้รับอานิสงส์มีไฟนิออนไว้ทำการบ้านด้วยแม้ไอ่ทิดจะขัดใจชำนาญนิดๆ เรื่องที่ธรรมชาตินิสัยของเขยใหม่ ไม่ค่อยเหมือนคนท้องถิ่นที่เขาคุ้นเคยออกจะเป็นคนโผงผาง ไม่ค่อยเกรงใจ หรือเห็นใจคนอื่นเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้ว เรื่องความมีน้ำใจชำนาญก็เป็นคนดีคนหนึ่งทีเดียว
เป็นอีกคืนที่ไอ่ทิดต้องถอดเสื้อนอนและกลับมาใช้ยูนิฟอร์มเก่าคือ ผ้าขาวม้ามัดปมทับกางเกงในเพราะอากาศอบอ้าวนักหนา ชายหนุ่มหลบเข้ามุ้งเมื่อตอนสี่ทุ่มแล้ว โดยเด็กแอมนอนดูดนิ้วหลับไปก่อน เมื่อเข้าถึงมุ้งแล้วชายหนุ่มก็ปลดผ้าขาวม้าออกเหลอแค่กางเกงในตัวเดียว ผ้าขาวม้านั้น จะใช้พันตัวอีกที เพื่อกันอุจาดเมื่อก่อนจะออกจากมุ้งในตอนเช้า
“แอม...แอม..” ไอ่ทิดเรียกเบา พร้อมกับเอื้อมมือไปเขย่าตัวเด็กแอมที่นอนคว่ำดูดนิ้วอยู่ก็เงียบไม่มีเสียงตอบ ชายหนุ่มจึงเดาว่ามันหลับไปแล้ว แต่กะจะปลอบใจมันเสียหน่อย ไอ่ทิดค่อยๆดึงนิ้วโป้งมื้อออกจากปากเด็กแอม แม้มันจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ปากก็ยังดูดจุบๆค้างตามนิ้ว โถ..เด็กหนอเด็ก
ไอ่ทิดค่อยๆงัดท่อนเอ็นออกมาทางขากางเกงในมันออกมาโงนเงนกวัดแกว่งอยู่แถวๆริมผีปากของเด็กน้อย หัวบานๆมนๆฉ่ำน้ำหล่อลื่นถูกแซะเขี่ยไปมาตรงรอยแยกริมฝีปากเล็กๆนั้นแหย่ๆ ดันๆอยู่ครู่เดียว ปากน้อยๆก็อ้ารับเข้าไปไว้ในปากแล้วดูดดุนแทนนิ้วโป้งที่ไอ่ทิดพรากออกไปจากปาก
ปากเล็กๆดูดกินน้ำเยิ้มบนหัวบนอย่างคุ้นปากไอ่ทิดคุกเข่าแอ่นส่งหัวเอ็นเข้าปากเด็กแอมอยู่ถึงกับสะดุ้งเบาเพราะไม่ทันตั้งตัว แรงดูดดุนที่เร่าร้อนทำเอาไอ่ทิดเซถลา ต้องเอามือค้ำยันคล่อมตัวเด็กชายไว้ ส่วนอีกมือก็กดโคนท่อนลำ ให้โน้มจ่อปากเด็กแอม เพื่อให้เด็กน้อยกินหัวถนัดปาก
ความเสียวร้อนจากเรียวลิ้นและโพรงปากถาโถมเข้าสู่ปลายหัวบานเป็นริ้วๆ แรงดูดดุนเริ่มดุดันขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงนาที แสดงให้เห็นว่าเด็กแอมรู้สึกตัวแล้ว เด็กน้อยใช้ปากครอบทั้งหัวบานแล้วดูดรีดรุนแรงเพราะหมั่นเขี้ยวไอ่ทิดมาแต่หัววัน
“โอ้ยๆ..เบาก่อนแอมช้าๆมันไม่หนีไปไหนหรอก” ไอ่ทิดรีบทัดทานกระเส่า ก่อนที่เด็กน้อยจะเตลิดไปไกล เมื่อได้ยินเด็กแอมจึงค่อยๆพลิกตัวมานอนตะแคงเพื่อจะได้ดูดกินท่อนเอ็นของพี่ทิดได้ถนัด ส่วนไอ่ทิดก็เลยเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงตัวเข้าหาเด็กแอมบ้าง
พอขยับท่าได้เข้าที่เข้าทางเท่านั้น เด็กแอมก็สวมวิญญาณเป็นเด็กโมโหหิว รั้งสะเอวของทิดต้อมสวนเข้าหาใบหน้าของมันอย่างรวดเร็ว ไอ่ทิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผวาเอวแอ่นตามแรงรั้งของเด็กน้อย ท่อนเอ็นแกร่งทะลึ่งพรวดหายเข้าไปในปากเด็กน้อยเกือบมิดลำ ดังจ๊วบบบบบบ
“โอ๊ะ!!!” เด็กแอมตะโบมดูดอย่างโมโหร้ายจนไอ่ทิดทั้งเจ็บและเสียวปนกัน เผลอลืมตัวส่งเสียงร้องออกมาแอะนึงก่อนจะรีบกัดริมฝีปากเก็บเสียงทันควัน เด็กน้อยไม่สนว่าทิดต้อมจะมีปฎิกิริยายังไง สองมือมันสอดไปรั้งสะโพกของชายหนุ่มยึดมาจนหัวหน่าวเกือบชิดจมูก น้ำมูกน้ำลายไหลย้อยก็ไม่สนใจจะเช็ด แต่กลับออกแรงบีบลำคอกระชับดูดท่อนลำดุดันเอาเป็นเอาตาย ทิดต้อมเสียอีกที่ต้องกระดกก้นออกห่างใช้มือดันหน้าผากเด็กน้อยเพราะกลัวมันจะถลำลึกกว่านั้นไอ่ทิดฝืนดันหน้าผากเด็กออกจนถอนลำเอ็นออกมาได้ค่อนลำแต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมลดลาวาศอกใช้ปากอันหิวกระหายรังแกไอ่ทิดจนสะโพกกระตุกเฮือกๆทุกครั้งที่เด็กแอมออกแรงดูด
“บะเบา แอมเบา..อุ๊ก!!” ไอ่ทิดกระซิบเสียงกระเส่า รู้ตัวในทันใดว่าตกอยู่ภายใต้การแก้แค้นของเด็กแอมเข้าแล้ว
เด็กแอมดูดกลืนชอนไชลิ้นใส่ท่อนเอ็นของทิดต้อมอย่างทั้งหลงใหลและอาลัยอาวรณ์ ราวกับจะดูดซับทุกอณูของไอ่ทิดไว้ประทับในความทรงจำก่อนจะห่างกันไกล รสชาติจืดชืดของท่อนเนื้อโดยเฉพาะตรงหัวบานแดงที่มีน้ำใสเค็มคาวซึมออกมาให้ดื่มกินเป็นระยะๆผสมสผานกับกลิ่นหอมสบู่ปนฉุนอับที่ฟุ้งออกมามาจากดงขนตรงหัวเหน่า เด็กน้อยไม่รู้ว่าหลงใหลอะไรมันนัก
แต่มันเป็นความรู้สึกอบอุ่น อิ่มเอม ซ่านทราบในใจทุกครั้งที่ได้ใช้ปากครอบครองมันไว้ เหมือนชีวิตถูกเติมเต็มในความขาดทุกครั้งที่ออกแรงดูด ไอ่ทิดสุดทัดทานต่อความดื้อดึงของเด็กน้อย จึงทำได้แค่ยอมปล่อยให้เด็กน้อยดูดดื่มให้สมใจอยาก เมื่อถอยสะโพกหนียังไงก็ไม่พ้น ที่สุดจึงพลิกตัวนอนหงายอ้าซ่าโดยมีเด็กแอมพลิกตัวเข้ามานั่งอยู่ตรงกลางหว่างขา โดยไม่ยอมปล่อยให้ท่อนเนื้อหลุดจากปากไปแม้แต่วินาทีเดียว
เด็กแอมระบายความโกรธ ความคับแค้น ความน้อยใจที่เกิดขึ้นเมื่อกลางวันเป็นแรงดูดดุนที่เกรี้ยวกราดที่สุดที่ไอ่ทิดเคยได้รับมาในชีวิต หากเป็นแต่ก่อนถ้าโดนเด็กน้อยกลั่นแกล้งขนาดนี้ ไอ่ทิดคงงัดหน้าเด็กแอมออกไปให้พ้นกึ่งกลางลำตัว แล้วนอนคว่ำหน้าโกรธไปอีกสองสามวันแล้ว แต่ครั้งนี้ทิดต้อมยอมให้เด็กแอมทำตามแต่ใจทุกอย่าง ด้วยเพราะเป็นการไถ่บาปที่คิดจะทิ้งเด็กแอมไว้คนเดียวจากนี้ไปอีกหนึ่งปีเต็ม
ความเสียวจากแรงดูด และความเจ็บจากแรงขบของฟันซี่เล็กๆปนประดังเข้ามาจนไอ่ทิดบอกความรู้สึกไม่ถูก ได้แต่เม้มปากกัดฟันหลับตาปี๋ ท่อนขาเกร็งยาวเหยียดนิ่งรองรับอารมณ์อารมณ์โกรธที่เด็กแอมแสดงออกผ่านการดูดดุนท่อนลำที่เหมือนราวกับกำลังจะดูดกลืนวิญญาณของไอ่ทิดให้ออกมาเก็บไว้กับตัว ทิดต้อมทำได้แค่เพียงไล้นิ้วมือสากๆไปตามพวงแก้มเล็กๆทั้งสองข้างของเด็กน้อยที่เดี๋ยวตุ่ยเดี๋ยวยุบอย่างปลอบประโลม
ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่เคยเห็นเด็กแอมเกรี้ยวกราดขนาดนี้มาก่อน บวกกับความเสียวที่เด็กน้อยปรนเปรอให้ด้วยปากและลิ้น ทำให้ไอ่ทิดเร่าร้อนจวนจะถึงจุดระเบิดโดยไว
“โอ๊ะ! อุ๊ก!!” ไม่ทันได้ออกปากเตือนใดๆ ไอ่ทิดก็พุ่งกระฉูดเข้าโพลงปากน้อยๆพรวดๆ มันรุนแรงและท่วมท้นที่สุดที่ชายหนุ่มเคยถึงจุดนี้ ทุกครั้งที่ชายหนุ่มกระฉูด หากเป็นเมื่อก่อนเด็กแอมจะหยุดดูดเพื่อเตรียมใจรอรับหยาดหยด จนชายหนุ่มกระฉูดถึงหยดสุดท้าย หากแต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง
เด็กน้อยยังคงดูดสูบอย่างกระหาย ทำเอาไอ่ทิดผวาตัวเฮือกๆ กระตุกร่าง แอ่นอกคว้างกลางอากาศ ในขณะที่ต้องเม้มปากแน่น กันเสียงที่เกือบจะเผลอร้องออกมา เสียงแห่งความซ่านเสียว จึงเป็นแค่เสียงอึกอักๆในลำคอราวกับคนละเมอฝันร้าย
แม้จะหลั่งไหลให้เด็กน้อยได้ดื่มกินจนทุกหยาดหยดแล้ว แต่ดูเหมือนเด็กแอมจะยังไม่พอใจ ยังคงโหมดูดท่อนลำต่ออย่างเอาเป็นเอาตาย ครั้งนี้นี่เองที่ความอดทนของไอ่ทิดถึงขีดสุด เผลอส่งเสียงร้องออกมาราวกับคนจะขาดใจตาย
“อี๋ยย ย๊ากกกกกกกกกกอ้ากก!!” ไอ่ทิดกระตุกเกร็งเหมือนคนใจจะขาด เด็กแอมตกใจจนสะดุ้ง เผลอคายท่อนลำออกจากปากในที่สุด
“...........”
“.....หื้อออ...แม่นหยังล่ะทางนอก...ผู้ใด๋เป็นหยัง?....ต้อม...แอม..”
แม่ใหญ่ส่งเสียงถามงัวเงีย จากข้างใน คู่กรณีทั้งสองใจหายแว๊บบ ตัวแข็งทื่อ
“...ละเมอ..แม่ใหญ่...ฝันบ่ดี..ผมละเมอเฉยๆ....” ไอ่ทิดต้อมตัดสินใจโกหกในที่สุด ทั้งๆที่มันไม่ชอบ
“.......ขวัญเอ้ย ขวัญมาบักหล่านอนๆๆ..นอนซะ...ไม่เป็นไรหรอกติดทหารปีเดียว...นอนๆๆๆ.....” เสียงแม่ใหญ่ปลอบขวัญออกมาใจในห้อง ก่อนจะเงียบเสียงเหมือนหลับไป
ไอ่ทิดรู้สึกโมโหญาติผู้น้องขึ้นมานิดๆ จึงทำโทดด้วยการตบแก้มมันเบาๆเป็นการบอกว่าเขาไม่พอใจ ก่อนที่จะเก็บท่อนลำเข้ากางเกงใน แล้วทิ้งตัวลง นอนคว่ำหน้าเพื่อเป็นการเตือนเด็กแอมว่าอย่ามายุ่งกับมันอีก
เด็กแอมนั่งสลดอยู่ในมุ้งแต่เพียงผู้เดียว ก่อนจะคิดทบทวนได้ว่า เมื่อสักครู่มันก็ทำเกินไปจริงๆ ครู่เดียว เด็กแอมจึงโถมตัวเข้าซบแผ่นหลังกว้างๆของไอ่ทิด พลางดูดนิ้วเพื่อกล่อมตัวเองให้หลับ
ไอ่ทิด รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาอีก เมื่อเห็นเด็กต้อมซบตัวลงแผ่นหลังตัวเองแบบนั้น ทิดต้อมเลยพลิกตัวหงายกลับมา แล้วจับเด็กแอมมาซุกตรงรักแร้ที่โปรดของมัน เด็กน้อยซุกไซ้รักแร้ไอ่ทิดอย่างรักใคร่แต่เพียงครู่เดียว
แล้วเด็กน้อยก็เลื้อยลงต่ำอีก มันลงไปหนุนนอนตรงหน้าขาของไอ่ทิด แล้วงัดท่อนเอ็นซึ่งตอนนี้นุ่มนิ่มหดตัวราวกับด้วงมะพร้าว ออกมาทางช่องทางเดิม คือตรงขากางเกงใน แล้วก็เอามาใส่ไว้ในปากแทนนิ้วโป้งที่มันดูดประจำตอนก่อนนอน
ไอ่ทิดจนปัญญาจะห้าม ได้แต่เลยตามเลย ในขณะที่เด็กแอมดูดดุนด้งมะพร้าวตัวนุ่มนิ่มไว้ในปากเบาๆ จนเคลิ้มหลับคาหน้าขาของทิดต้อม.............
. . .
ไว้มาต่อครับ
|