"หนึ่งด้าวฟ้าเหลือง" ep2
“ฉันถูกอ้ายพวกอังวะมันไล่ล่า หนีรอดมาได้คนเดียว อ้ายพวกที่เหลือ ตายหมดสิ้นแล้ว”เณรขันทองห่วงพ่อสุดๆ “แล้วโยมพ่อเล่า โยมพ่อขุนทองเป็นอย่างไรบ้าง”หาญทั้งเจ็บทั้งอ่อนเพลีย “พี่ขุนทองเป็นคนตีฝ่ามาให้ฉันแต่แรก ฉันไม่รู้ว่าพี่เป็นอย่างไรแต่เมื่อรุ่งสางฉันได้ข่าวว่า” หาญเสียใจอย่างที่สุด “พี่ขุนทองถูกพวกอังวะฆ่าเสียแล้ว พ่อเณรเอ๋ย”เณรขันทองตกใจสุดๆ ทำอะไรไม่ถูก หาญร้องไห้ทั้งแค้นทั้งเสียใจ“พวกเราโดนอังวะ มันซ้อนกลเพราะมีไส้ศึก เราต้องลากตัวมันออกมาล้างแค้นให้พี่ขุนทองให้ได้นะพ่อเณร”เณรขันทองน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจ แต่กลับขบกรามแน่น แววตาแข็งกร้าวด้วยความเจ็บแค้น หลวงตายืนดูอยู่ ห่างออกไปพอสมควรหลวงตาได้แต่ถอนใจออกมา ด้วยรู้สึกกังวลว่าเณรขันทองจะต้องสึกไปล้างแค้น แทนพ่อในเวลาอันใกล้นี้แน่ๆค่ายพระเจ้าอลองพญา หน้าเมืองอยุธยา ทหารอังวะกำลังระดมยิงปืนใหญ่นับร้อยกระบอกใส่กรุงศรีอยุธยาเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นไปทั่ว พระเจ้าอลองพญาเดินคุยมากับพระราชบุตรมังระ พระราชบุตรมังระกังวล“เราระดมปืนใหญ่ยิงใส่อโยธยามาหลายวันทั้งวันทั้งคืนลูกเกรงว่าปืนใหญ่ของเราจะทนไม่ไหว”พระเจ้าอลองพญาหน้าเครียด “พ่อรู้แต่เราไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเร่งตีอโยธยาให้เร็วที่สุด ก่อนที่น้ำเหนือจะหลากลงมา จนเราตั้งค่ายไม่ได้”ขณะนั้นเองพระเจ้าอลองพญาทรงเหลือบพระเนตรไปเห็นทหารยิงปืนใหญ่ แต่กระสุนปืนใหญ่ไปตกที่หน้ากำแพง เข้าไปไม่ถึงในตัวเมือง พระเจ้าอลองพญาทรงกริ้วมาก “พวกเอ็งทำกระไรกัน ยิงไม่ถึงกำแพงเมืองเสียด้วยซ้ำคิดจะให้ข้าสิ้นเปลืองลูกปืนใหญ่รึ” พวกทหารกลัวมาก รีบใส่ดินปืนอัดเต็มที่ แล้วจุดชนวนยิงปืนใหญ่ออกไป ลูกปืนใหญ่ถูกยิงด้วยความแรง ลอยละลิ่วไปโดนยอดปราสาทของพระบรมมหาราชวังหักโค่นลงมาในจังหวะเดียวกันนั้นเองปืนใหญ่กระบอกนั้นก็ระเบิดออกเพราะทนแรงดินปืนไม่ไหว ประกอบกับปืนยิงติด ต่อกันนานเกินไปไม่ได้พักด้วยแรงระเบิดอัดกระแทกทั้งทหารที่ยิงและพระเจ้าอลองพญาที่ทรงประทับอยู่ใกล้บาดเจ็บสาหัสทันที พระราชบุตรมังระตกพระทัยสุดขีด “สมเด็จพ่อ”พระราชบุตรมังระทรงรีบเข้าไปทอดพระเนตรทันทีพบว่าอาการของพระเจ้าอลองพญาสาหัสมาก พระราชบุตรมังระทรงหันไปตรัสสั่งทหาร “รีบไปตามหมอมาเร็ว”พวกทหารรีบวิ่งไปทันทีพระราชบุตรมังระทรงชี้หน้าทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนรับสั่งด้วยสุรเสียงเฉียบขาด “ส่วนพวกมึง หากใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป กูจะตัดหัวให้สิ้นเสียทั้งโคตร” 3 ปี ผ่านไป ตอนบ่าย บริเวณลานกว้างในวัดแห่งหนึ่ง บรรยากาศภายใน ดูสงบร่มรื่น เห็นชาวบ้านกำลังฝึกซ้อมเพลงอาวุธบ้าง เรียนหนังสือบ้าง โดยมีพระเป็นคนสอน เห็นด้านหลังของชายสามคน หนึ่งในนั้นคือพันหาญ ที่หลังจบศึกอลองพญา หาญเข้ารับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็น “พัน” กำลังก้มลงกราบหลวงตาที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้แน่นและพันหาญเงยหน้าขึ้นมา ขันทองค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย ขันทองผมยาว เป็นหนุ่มหล่อวัย20-21ปี “กระผมจะมากราบลา แลขอพรให้กระทำการสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีขอรับ”หลวงตาสีหน้าไม่สบายใจนัก “ข้าให้พรเอ็งไม่ได้ดอก เพราะสิ่งที่เอ็งกำลังจะไปกระทำนั้นขัดต่อกิจของสงฆ์แต่ข้าขอให้สติเอ็งแทนก็แล้วกัน สติมาปัญญาเกิด คนเราเมื่อมีสติอยู่กับตัวไม่ว่าจะเผชิญภัยอันตรายใดก็สามารถแก้ไขได้ทั้งสิ้น”ขันทองพนมมือไหว้ “ขอบพระคุณขอรับ” ขันทองยิ้มรับพรอย่างมีกำลังใจ
ผ่านมา 2-3 วันท่าเรือเมืองธนบุรีตอนกลางคืนบรรยากาศรอบๆ ดูคึกคัก เพราะธนบุรีเป็นเมืองท่าสำคัญสมัยอยุธยามีคนมาค้าขายมากมาย แม้จะตกกลางคืนแล้วก็ยังคึกคัก มีการตั้งวงกินข้าว กินเหล้า เสียงพูดคุยร้องรำทำเพลงดังลั่นไปหมด ขันทองในชุดโทรมๆ กำลังนั่งกินข้าวจากใบตองอยู่ที่มุมหนึ่งคนเดียวเงียบๆ ขณะกิน สายตาก็คอยสอดส่องตลอดเวลา ขณะนั้นเองพันหาญ และแน่น ซึ่งสวมชุดแบบเดียวกันกับขันทอง ก็เดินเข้ามาหา โดยในมือถือห่อผ้าห่อใหญ่มาด้วย ขันทองร้อนใจ “ว่าอย่างไรบ้างน้าพันหาญ”“ไม่ต้องห่วง ออกพระราชาข่านรับสินบนเราไปแล้ว อย่างไรเราก็ได้ เข้าไปแน่”“มีขันทีจากเมืองโต้ระกี่มาใหม่สองคน ออกพระท่านให้พวกเราปลอมตัวเป็นทาสของขันทีทั้งสองเพื่อเข้าสู่วัง”ขันทองหน้าเครียด “เป็นทาสอย่างมากก็อยู่ได้ประเดี๋ยวเดียว จะไปทันสืบกระไร”พันหาญปลอบ “ได้เข้าไปก่อนเถิดพ่อขันทอง ออกพระราชาข่าน มีอำนาจสูงสุดในบรรดาขันทีฝ่ายใน แม้จะให้เราอาศัยอยู่วังในไม่ได้ แต่ก็คงให้เราเข้านอกออกในฐานะทาสของขันทีใหม่ได้ ถึงตอนนั้น โอกาสก็คงมาเอง”
บรรยากาศในพระบรมมหาราชวังยามบ่าย สวยงาม โอ่โถง นางข้าหลวงกลุ่มหนึ่งกำลังเดินสวนกันมาโดยถือพานใส่ดอกไม้ อาหารคาวหวานมาด้วย ทันใดนั้นเองขบวนของเจ้าจอมเพ็ญก็เดินผ่านมา เจ้าจอมเพ็ญนั่งอยู่บนเสลี่ยงคานหามโดยมีโขลนหลายคนเป็นคนแบกหาม และมีนางข้าหลวงอีกจำนวนหนึ่งห้อมล้อมมา พวกข้าหลวงเห็นเจ้าจอมเพ็ญ ก็รีบคุกเข่าลงทันทีก้มหน้าไม่กล้าสบตา แสดงถึงอำนาจบารมีของเจ้าจอมเพ็ญเจ้าจอมเพ็ญแต่งตัวสวย สง่า นั่งอยู่บนเสลี่ยงคานหาม ด้วยมาดดุจนางพญา และยิ่งให้โขลนมาแบกหามอีก ก็ยิ่งแสดงถึงอำนาจของเจ้าจอมเพ็ญที่มีมากเกินเจ้าจอมทั่วไป
ศาลาในวัง เจ้าจอมอำพันกำลังรับขวดน้ำหอมจากหลวงศรีมะโนราชที่นั่งพับเพียบอยู่ โดยมีขุนเทพชำนาญขุนเทพรักษานั่งพับเพียบอยู่ห่างออกไป หลวงศรีมะโนราชขุนเทพชำนาญและขุนเทพรักษา เป็นขันทีจากตุรกีเช่นเดียวกับพระราชาข่าน ขณะที่เจ้าจอมเพ็ญนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเจ้าจอมอำพันมีขันทอง และแน่น นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆคอยรับใช้ที่แท้ขันทองและแน่น ปลอมตัวมาเป็นขันทีจากตุรกี
เจ้าจอมอำพันอวดเต็มที่ “นี่เป็นน้ำปรุงจากเมืองฝาหรั่ง ที่พ่อค้าชาวจีนนำเข้ามาขาย ทั้งอโยธยามีไม่ถึงสิบขวดฉันทราบมาว่าแม่เพ็ญชอบ ก็เลยหามาฝากจ้ะ”เจ้าจอมอำพันส่งขวดน้ำหอมให้ แน่นรีบคลานเข่ามารับไปให้เจ้าจอมเพ็ญ เจ้าจอมเพ็ญปั้นยิ้ม“ขอบน้ำใจแม่อำพันนัก ที่สู้อุตส่าห์เอาของหายากมาให้ฉัน ฉันไม่มีกระไรตอบแทน นอกจากของเล็กๆน้อยๆ ขอแม่อำพันโปรดรับไว้เถิด” ขันทองคลานเข่า เอาตลับแป้งหอมไปให้เจ้าจอมอำพันเจ้าจอมอำพันรับตลับแป้งมา “แป้งหอมรึเอามาจากที่ใดกันเล่า หลวงศรีขันทิน”“นำมาจากร้านแม่ทิพย์ที่ขายเครื่องหอมเจ้าค่ะ”หลวงศรีมะโนราชขุนเทพรักษาขุนเทพชำนาญหันไปสบตากันแล้วยิ้มเยาะ“ร้านนี้ฉันรู้จัก นับว่าขึ้นชื่อที่สุดในอโยธยาเทียวใครพอมีเบี้ย มีอัฐล้วนไปซื้อหาที่นี่ทั้งสิ้น”ขุนเทพรักษาปั้นยิ้ม “ออกหลวงท่านเป็นคนไปซื้อหามารึ ช่างเข้าใจซื้อนัก”เจ้าจอมอำพันยิ้มเล็กน้อยแม้จะเป็นของดี แต่ก็ไม่ใช่ของหายาก มีเงินก็ซื้อได้แสดงว่าตนชนะใสๆ“แต่แป้งตลับนี้ ไม่เหมือนแป้งตลับอื่นขอเพียงเปิดตลับออกดู ก็จะทราบว่าแตกต่างกันอย่างไร”เจ้าจอมอำพันยิ้มขำๆ “ถึงขั้นนั้นเชียวรึออกหลวง” เจ้าจอมอำพันเปิดตลับแป้งออก แล้วเอามาดม แปลกใจ“ประหลาดกลิ่นหอมนัก แต่ก็ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อน” เจ้าจอมอำพันลองจับแป้งดูทึ่ง “เนื้อละเอียดเหลือเกิน ทำได้อย่างไรกัน” “แป้งตลับนี้ เจ้าของร้านเพิ่งปรุงขึ้นมาใหม่ ยังไม่เคยขายมาก่อนมีเพียงตลับเดียวเท่านั้นในอโยธยาแต่แรกก็ไม่ยอมขาย ดีฉันต้องอ้อนวอนอยู่นานกว่าจะได้มาเจ้าค่ะ”เจ้าจอมอำพันกับพวกอึ้งไป นึกว่าจะข่มได้แต่กลับเจอเจ้าจอมเพ็ญข่มกลับ เอาของหายากกว่ามาให้แทนหลวงศรีมะโนราชหน้านิ่งๆ “คุณหลวงช่างมีอุตสาหะนัก ของเช่นนี้ ก็ยังหามาได้อีก มิน่าเล่า มาอยู่ไม่นาน ก็ได้บรรดาศักดิ์เท่ากันกับฉันแล้ว”“ออกหลวงท่านชมเชยเกินไปแล้วดีฉันยังด้อยนัก ต้องขอ คำสั่งสอนจากออกหลวงท่านด้วย”ขันทองคลานเข่ากลับไปหาเจ้าจอมเพ็ญตามเดิม เจ้าจอมเพ็ญยิ้มข่ม“ฉันหวังว่าคงถูกใจแม่อำพันนะจ๊ะ แลเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจของแม่อำพันหากมีสิ่งใดขาดเหลือ ก็บอกฉันได้” เจ้าจอมเพ็ญยกมือไหว้ “ฉันจะกราบทูลพระพุทธเจ้าอยู่หัวให้”เจ้าจอมเพ็ญข่มกลับ นอกจากจะเอาของดีกว่าให้ไปแล้วยังข่มว่าตนเป็นคนโปรดอีกต่างหากเจ้าจอมอำพันหน้าบึ้งตึงไม่พอใจมากแต่ต้องระงับอารมณ์ “ขอบน้ำใจจ้ะ”เจ้าจอมเพ็ญยิ้มบางๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ
เจ้าจอมเพ็ญออกจากศาลา มาที่ทางเดิน ซึ่งมีเหล่าโขลน นางข้าหลวง รอเจ้าจอมเพ็ญอยู่ที่เสลี่ยงขันทอง และแน่น ตามมาด้วย เจ้าจอมเพ็ญยิ้มแย้ม“หิ่งห้อยไม่ควรแข่งแสงกับพระจันทร์ ครานี้ แม่อำพันคงจะได้รู้แล้วกระมัง”แน่นปั้นยิ้ม “คาดว่าคงเข็ดไปอีกนาน ดีไม่ดี อาจจะไม่กล้าอีกเลยเจ้าค่ะ”เจ้าจอมเพ็ญหัวเราะเล็กน้อย “ท่านขุนพูดถูกใจฉัน เอาไว้ฉันจะบำเหน็จให้ท่านทั้งสองเอง”เจ้าจอมเพ็ญหันไปพูดกับขันทอง “โดยจำเพาะคุณหลวง ครานี้ มีความชอบนัก ฉันจะบำเหน็จให้อย่างงาม”“เป็นพระคุณเจ้าค่ะ”เจ้าจอมเพ็ญขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยงพวกโขลนหามเสลี่ยงขึ้น แล้วเคลื่อนขบวนออกไป โดยมีนางข้าหลวงเดินห้อมล้อม ขันทอง และแน่น มองตามแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทาง หลวงศรีมะโนราช และพวกมองตามขันทองไปด้วยสายตาเกลียดชัง ขุนเทพรักษาริษยาจับใจ “อ้ายพวกขี้ประจบประแจงน่ารังเกียจนัก”ขุนเทพชำนาญค่อน “เราอยู่มานานกว่าแท้ๆ จะปล่อยให้พวกมันแย่งความดีความชอบไปอย่างนี้รึคุณหลวง”หลวงศรีมะโนราชเจ็บใจ “ถ้าไม่ใช่ เพราะออกพระราชาข่านคอยปกป้องมันล่ะก็ มีรึ มันจะอยู่ถึงป่านฉะนี้ได้” หลวงศรีมะโนราชขบกรามแน่น
“แต่พวกเอ็งคอยดู ไปเถิด ข้าจะทำให้มันถูกส่งกลับโต้ระกี่ให้จงได้” สีหน้าหลวงศรีมะโนราชแววตาเกลียดชัง
รอต่อไปเลยครับ รอครับ ขอบคุณครับ สนุ สนุกดีนะครับ ขอบคุณครับ ชอบมากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ{:5_118:} ขอบคุณครับ สองตอนแล้ว ยังไม่ได้เสียวเลย ลุ้นๆ สองๆๆ
ขอบคุณมากครับผม
ขอบคุณคร้าฟฟ ขอบคุณมากๆๆๆเลยนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2