บิ้กบอส 33 CP
ระหว่างรับประทานอาหารทุกคนต่างก้มหน้า ก้มตากินกันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะสูญเสียพลังงานไปอย่างมากเมื่อครู่นี้ ไม่มีใครกล่าวถึงเซ็กส์แบบหนักหน่วงและรุนแรงที่ผ่านมาเมื่อครู่หรือเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาค้างคาที่ยังขบคิดกันไม่ออกอยู่ขณะนี้นอกจากกินจนอิ่มชะเอมเป็นคนจัดการเก็บไปล้างส่วนเขาเดินไปหยิบเครื่องดื่มเบียร์เย็น ๆ พร้อมกับน้ำแข็งจากตู้เย็นเดินนำมาวางที่ห้องรับแขกอันเป็นสังเวียนแห่งกามยุทธ์เมื่อครู่นี้
“เอาล่ะ....เมื่อภูตอบสนองความต้องการอาและเอ็มจนสมอารมณ์หมายแล้วเข้ามาสู่เรื่องที่ค้างกันอยู่ดีกว่า เอ็มว่าไงนะตอนนั้น”
“ผมถามพี่ภูว่า ทุกครั้งที่ไปบ้านนั้นได้สังเกตอาการผิดปกติพ่อลูกสองคนนั้นหรือเปล่า”
“พี่ก็เห็นว่าเขาปกติดีนะไม่มีอาการพิรุธอะไร ไม่ว่ายามกินหรือยามดื่ม”
“เปล่าครับ...ผมหมายถึงการแต่งตัว”
“เออจริงด้วยภู...แก้วเครื่องดื่มนั่นมันต้องมาจากบ้านนั้นแน่ๆ”
นรากรสมทบมาอีกครั้ง
ภูริเชษฐ์นั่งหลับตานึกอยู่สักพักก็คิดออก ร้องออกมาอย่างดีใจ
“เออ.....! อากรผมคิดออกแล้ว....ทุกครั้งที่ผมไปบ้านนั้นไอ้ก้อนการ์ดคนสนิทคุณภาณุพลจะสวมถุงมือสีขาวตลอด :ซึ่งผมเคยถามครั้งหนึ่งว่าทำไมไอ้ก้อนต้องแต่งตัวเหมือนบริกรตามโรงแรมด้วย”
“เค้าตอบว่าไง”
“ก็บอกว่าเป็นปกติของบ้าน ที่พนักงานทุกคนไม่ว่าตำแหน่งไหน เวลาบริการแขกต้องแต่งตัวเรียบร้อยสะอาดสดใส”
“ถ้างั้นใช่เลย....”
“ใช่อะไรอา....”
“ก็แก้วใบนั้นมันมาจากบ้านไอ้ภาณุวัฒน์นะสิ”
นรากรกล่าวอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ภู...บอกเองไม่ใช่หรือว่าตำรวจที่เชิญตัวเราไปให้ปากคำ เคยเป็นการ์ดส่วนตัวภาณุวัฒน์ลูกชายภาณุพลมาก่อนแล้วพอเกิดเรื่อง มันยังเจาะจงมาที่ภูเป็นคนแรกพร้อมกับแสดงหลักฐานตั้งข้อสงสัยเราอย่างง่าย ๆก็เพราะมันเป็นพวกเดียวกันอย่างไรล่ะ”
“จริงด้วยอา...แก้วนั้นต้องเป็นไอ้ก้อนแน่ๆ ที่เป็นคนดำเนินการจัดฉากตามคำสั่งเจ้านาย เพราะมันใส่ถุงมือทุกครั้งที่รินเหล้าให้ผมแล้วไวน์ล่ะ”
“ไวน์เหรอ...ภูจำวันที่คุยกับอาที่บริษัทไม่ได้เหรอ”
“ใครจะจำได้ล่ะอา...พักนี้เรื่องวุ่นวายผ่านเข้ามาในชีวิตผมเหลือเกินจนไม่อยากจำอะไรแล้ว”
“ก็ภูนำไวน์ที่สั่งซื้อไปเป็นของขวัญเขายังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายสูงวัยภูถึงกับถอนหายใจยาว เอนกายลงพนักพิงอย่างเหนื่อยใจสุดท้ายเขาก็พลาดท่าให้สองพ่อลูกนั้นจนได้ ด้วยวิธีการตื้น ๆ ที่เขาคาดไม่ถึงก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม
“หากเป็นจริงอย่างอาว่าจริงๆ พวกมันไม่อาศัยจังหวะนี้เล่นงานผมถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลเลยเหรอ หลักฐานชัดเจนขนาดนั้น”
“ไม่หรอก....มันแค่ต้องการสร้างข่าวฉาวให้ภูเท่านั้นเองหลักฐานแค่นี้ เอาผิดเราไม่ได้หรอก และไอ้แก่โง่นั่นก็ไม่ได้ตายเสียหน่อยซึ่งเป็นโชคของเรา”
“แล้วผมควรทำยังไงดีล่ะ”
“อยู่นิ่ง ๆเหมือนเดิม รอดูแผนขั้นแรกของอาเสียก่อนว่าจะได้ผลไหม”
“ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะสำเร็จนอกจากอยู่นิ่ง ๆ อาจะให้ผมทำไงอีก”
“ขอความร่วมมือกับเลขาฯ สาวของภู”
“มลนะเหรอ?”
“นั่นแหละ....คนนี้ถือว่าเป็นหมากเด็ด”
“จะให้ทำยังไง....อย่าให้เธอต้องเสี่ยงนะเพราะผมรักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง”
“ไม่เสี่ยงหรอก ‘และด้วยความสามารถของเธออาคิดว่าเธอเอาตัวรอดได้”
“ลองว่าแผนของอามา...ผมจะรับไว้พิจารณาไปพูดคุยกับเธอแต่ผมจะไม่บังคับหรือขอร้องเธอเป็นอันขาด ขืนเมียผมรู้โกรธตายเลยเพราะรจรักมลเหมือนน้องสาวเช่นกัน”
“เถอะน่า...แค่แกล้งทำเป็นทะเลาะกับเธอแล้วไล่เธอออกจากงาน จากนั้นให้เธอไปสมัครทำงานกับสองพ่อลูกนั่น”
“แล้วสองคนนั้นจะรับเหรอ....เพราะมลถือว่าเป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากที่สุดในบริษัทคนหนึ่งเลยนะ”
“นั่นแหละยิ่งดี...มันเล่นข่าวชู้สาวกับเราเราก็เอาเรื่องชู้สาวไปเล่นกับมัน”
“ยังไง...”
เขากล่าวอย่างงงๆ
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง...ว่าแต่ช่วยโทร.หาเธอตอนนี้เลยนะจะได้เข้ากับสถานการณ์หน่อย”
“สถานการณ์อะไร?”
“โอ๊ย....แกล้งโง่เปล่านี่โทร.หาเถอะ แล้วนัดเธอมาหาที่บ้านด้วย อาจะคุยด้วยเอง”
กล่าวกลับภูจบนรากรก็หันมาทางชะเอม
“เอ็ม....นายกลับบ้านก่อนเพราะคุณมลไม่สนิทกับนาย พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้ดำเนินตามแผนได้เลยนายต้องใช้เสน่ห์ของนายแยกสองสาวออกจากสองพ่อลูกนั้นให้ได้”
“เสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพลเลยนะพี่กร”
ชะเอมมองหน้าสองหนุ่มต่างวัยกล่าวยิ้ม ๆ อย่างไม่มีความหมายอะไร
“เสร็จบ้าบอที่ไหน...เพิ่งเริ่มลงมือไถเองทำงานให้สำเร็จแล้วกัน รับรองขุนพลอย่างนาย จะได้รับผลตอบแทนอย่างงามแน่นอนถ้าไม่สำเร็จ พี่นี่แหละ จะเป็นคนแฉว่าแกเป็นเกย์ ดูสิว่าแกจะไปทำอะไรกิน”
เจอผู้ประสบกามมากกว่าขู่แบบทีเล่นทีจริงอย่างนี้ชะเอมไม่กล้าหงอ
"เชอะ...อย่าแอบกินพี่ภูคนเดียวแล้วกัน"
ลุกขึ้นเดินเปิดประตูออกไปทันที
"อย่าไปสนใจมันรับรองมันทำตามแผนได้ดีแน่นอน"
นรากรหันมากล่าวกลับชายอีกครั้ง
"แล้วอาจะทำยังไง"
"ก่อนอื่นภูต้องยอมเปลืองตัวอีกครั้ง"
"ไม่มีไรต้องเสียแล้วนี่อา...."
"ดี...เย็นนี้อาจะโทร.ไปหาซ้อ ให้เขียนข่าวซุบซิบภูกับเลขาฯ แต่อาจะเล่นหนัก ๆ เลยนะจะได้ดูสมจริงมาก ๆ"
"แล้วแต่อาครับสำคัญว่า อย่าให้พ่อตาเอาปืนมายิงผมก่อนแล้วกัน"
"เชื่อมือเถอะ...รับรองงานนี้นอกจากจะได้เอาคืนสองพ่อลูกนั้นแล้ว อาสามารถหลอกพวกมันมาอัดตูดได้ด้วยนะหากเป็นความต้องการของภู รวมทั้งไอ้ตำรวจหนุ่มสองตัวนั้นด้วยเห็นแล้วน้ำลายไหล"
น้ำเสียงแสดงความมุ่งมั่นเต็มที่
“ส่วนเรื่องลายนิ้วมือนั่นอย่าไปสนใจมันเลย เพราะมันเอาผิดเราไม่ได้หรอก และพวกมันยังหละหลวมอยู่มาก จำไม่ได้เหรอผู้กองจักรภพกล่าวกับเราไว้อย่างไร?”
“จำไม่ได้ครับ”
“ก็มันบอกว่าพบลายนิ้วมือเราติดอยู่ตามแก้วและขวดไวน์เต็มไปหมดอย่างไรล่ะซึ่งความเป็นจริงแล้ว มันจะไม่มีทางทราบเป็นอันขาดว่าเป็นลายนิ้วมือของภูหากว่ามันไม่ได้เตรียมกันไว้ก่อนแล้ว ส่วนเรื่องมันแกล้งตรวจสอบลายนิ้วมือภูอีกครั้งก็แค่แก้เก้อมันเท่านั้นเอง ไอ้ตำรวจสองนายนั่น มันยังไก่อ่อนอยู่ที่มันเลื่อนตำแหน่งมาได้ก็เพราะมันเลียเก่ง”
“ครับอา...ว่าแต่ผมควรทำอย่างไรต่อไป”
“ก็เหมือนเดิมอยู่นิ่ง ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ต้องเต้นไปตามจังหวะเพลงของพวกมัน รอดูเฉยๆ ว่าแผนขั้นแรกของเราจะสำเร็จหรือเปล่า ว่าแต่ตอนนี้ช่วยโทร.หานฤมลให้อาหน่อย...จะได้คุยกันให้เสร็จๆ”
นฤมลพอได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายก็รีบขับรถออกจากห้องพักตรงมาที่บ้านเจ้านายทันที
หล่อนจอดรถไว้ด้านนอกเพราะไม่มีใครมาเปิดประตูให้ ใช้กุญแจสำรองที่รจนาเคยให้ไขเข้ามาภายในบ้านด้วยความรู้สึกแปลก ๆ เพราะบรรยากาศภายในบ้านดูเงียบเชียบไม่มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเล่น ไม่มีคนใช้เดินขวักไขว่ ไม่มีคนสวน ค่อย ๆเดินลัดเลาะกระทั่งมาหยุดที่หน้าห้องรับรองแขกที่มีภูริเชษฐ์และนรากรคุยกันหน้าดำคร่ำเครียดอยู่
ภูซึ่งนั่งมองประตูทางเข้าอยู่ตลอดเวลาส่งเสียงทักทาย
“หวัดดีมล...มาเร็วดีเหมือนกันนี่เข้ามาข้างในก่อนเถอะ”
หล่อนสำรวจดูเจ้านายแวบเดียวก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ นรากร
“ดื่มอะไรก่อนไหมมล...ผมมีเรื่องอยากขอร้องคุณเดี๋ยวอากรจะเป็นคนเล่าให้ฟัง ส่วนคุณหากไม่เต็มใจก็ปฏิเสธได้โดยไม่ต้องเกรงใจผมนะ”
“ภู...มีเรื่องอะไรเหรอฉันเข้ามาในบ้านคุณ มันดูเงียบวังเวงยิ่งกว่าป่าช้าวัดดอนเสียอีกลูกเมียคุณไปไหนกันหมด”
“อย่าเพิ่งถามอะไรผมตอนนี้เลย...ผมเองก็มืดแปดด้านไปหมดแล้วเหมือนกันจึงต้องขอให้อากรมาอยู่เป็นเพื่อนยังไงล่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นเชิญคุณพูดเรื่องของคุณมาก่อนดีกว่า เผื่อฉันจะช่วยได้บ้าง”
หล่อนกล่าวง่ายๆ หยิบแก้วเครื่องดื่มที่นรากรผสมอ่อน ๆ ให้ยกขึ้นดื่มด้วยอาการสงบปกติ
“คุณคิดเช่นไรบ้างเมื่อเห็นข่าวภูกับสาว ๆ เป็นที่โจทก์ขานกันทั่วเมือง”
นรากรเป็นคนเปิดประเด็นสนทนาด้วยน้ำเสียงอันเยียบเย็นก่อให้เกิดปริศนาเร้นลับแก่หญิงสาว
“ฉันคิดอะไรไม่ออกบอกอะไรไม่ได้จริง ๆ คะคุณนรากร”
“คุณเชื่อว่ามันเป็นข่าวจริงหรือเปล่า”
หล่อนแสดงอาการชะงักเล็กน้อยแล้วหยิบน้ำเย็นขึ้นมาจิบแทน
“อะไรทำให้คุณถามฉันเช่นนั้น”
นรากรไม่สนใจอาการของหญิงสาวยังคงพูดเรื่อย ๆ ต่อไป
“คุณได้ข่าวภูเมื่อเช้าหรือยัง?”
“ข่าวไรหรือคะ”
หล่อนขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้งทำหน้าฉงนอย่างงง ๆ
“เมื่อเช้านี้ภูเพิ่งโดนตำรวจเชิญตัวไปให้ปากคำที่โรงพัก”
“เรื่องไรคะมลไม่เห็นได้ข่าวเลย”
“ผมขอร้องไม่ให้เป็นข่าวก็เลยยังไม่เป็น แต่คงปิดไว้ได้ไม่นานหรอก คุณคงทราบข่าวคุณกฤษฎานักธุรกิจชื่อดังประสบอุบัติเหตุปางตาย นอนพักรักษาตัวที่รพ. ทางตำรวจสงสัยว่าไม่ใช่อุบัติเหตุโดยมุ่งเป้ามาที่ภู”
“แล้วมันเกิดจากอะไรล่ะคะ”
“มีคนจำพวกหนึ่งต้องการทำลายเครดิตทางสังคมของภูเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ และหากเรายังปล่อยให้พวกนี้รังแกภูอยู่ฝ่ายเดียวมันจะยิ่งได้ใจทำอะไรที่ก่อให้เกิดผลร้ายแก่ภูมากขึ้นกว่านี้ผมจึงอยากจะขอร้องคุณแทนภู เพราะภูเขาคัดค้านไม่อยากให้คุณเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
“ว่าเรื่องของคุณมาก่อนเถอะคะดิฉันจะรับไว้พิจารณา แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ผมจะลงข่าวชู้สาวระหว่างคุณกับภูให้กลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับวันพรุ่งนี้มันเป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้ภูฟันผ่าอุปสรรคตอนนี้ไปได้ชีวิตและชื่อเสียงของภูถูกคุกคามมาโดยตลอดดังที่คุณทราบตามข่าวนั้นแหละเมียต้องไปพักที่บ้านพ่อตา ลูกไม่กล้าไปโรงเรียน เพราะอายที่เพื่อนล้อเลียนเรื่องพ่อ”
เพียงได้ยินคำเกริ่นนำของนรากรโดยไม่จำเป็นต้องขยายความหรือพูดอะไรออกมาโดยตรงก็สามารถทำให้ผู้หญิงฉลาดอย่างเธอเข้าใจได้แจ่มแจ้ง จึงตกปากรับคำอย่างง่ายดาย
“แล้วแต่คุณนรากรค่ะสำหรับฉันเพื่อภูแล้ว ทำได้ทุกอย่าง”
ทุกสิ่งทุกอย่างได้ดำเนินไปด้วยแผนการอันเกิดขึ้นจากฝีมือและสมองของนรากรเขาบอกให้หล่อนทราบถึงบุคคลที่หล่อนต้องเข้าไปตีสนิทและขอทำงานด้วยขณะเดียวกันก็ให้ข้อมูลข่าวสำหรับการตีพิมพ์พรุ่งนี้ โดยเพ่งจุดสงสัยเต็มที่ไปยังการกระทำเชิงชู้สาวของภูริเชษฐ์กรณีแวดล้อมต่าง ๆ ตอนนี้ ทำให้มองเห็นได้เด่นชัด
บอสหนุ่มรูปงามที่อยู่บ้านคนเดียวอย่างเปล่าเปลี่ยวนัดเลขาฯ สาวสวยมาพบที่บ้าน พร้อมกับเล่นบทเริงรัก เริงสวาทกันบนห้องนอนตนเองกระทั่งเมียกลับมาพบและยื่นคำขาดให้เลือกระหว่างตัวเธอซึ่งเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายกับเลขาฯสาวที่เป็นนางบำเรอสุดท้ายภูริเชษฐ์ตัดสินใจเลือกภรรยา และจัดการไล่เลขาฯผู้ซึ่งไม่มีความผิดอะไรออกจากงานซึ่งสร้างความเจ็บซ้ำน้ำใจให้กับนฤมลสาวสวยเป็นอย่างยิ่งที่เธออุตส่าห์มอบกายถวายใจให้กับบอสหนุ่มด้วยดีเสมอมาแต่พอภรรยาจับได้ เขากลับเขี่ยเธอพ้นเส้นทางอย่างไม่ใยดี
เมื่ออธิบายแผนการทุกอย่างให้นฤมลทราบแล้วนรากรจึงจัดให้สองคนอยู่ในท่าสวมกอดกันแบบรักใคร่ มีการประกบปากจูบกันด้วยพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปจากนั้นก็สั่งให้นฤมลจัดเสื้อผ้าให้ยับยู่ยี่เหมือนเพิ่งโดนปู้ยี่ปู้ยำมาจริง ๆพร้อมขอให้หล่อนแสร้งทำสีหน้าเศร้า ๆ มีน้ำตาไหลออกมาด้วยจะได้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น กดถ่ายภาพอีกครั้ง ก่อนกล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“เอาล่ะ...ตกลงว่าเป็นไปตามนี้ก่อนส่วนภูไม่ต้องออกไปไหนอีกล่ะ เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านนี้แหละ”
“ถ้างานนี้ไม่เป็นไปตามแผนผมมีหวังได้โดนฟ้องหย่าแน่ ๆ”
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเหลือเพียงเจ้าของบ้านคนเดียว
ภูเดินออกไปส่งแขกที่ประตูหน้าบ้านแล้วย้อนกลับมาทำงานที่คั่งค้างอยู่ด้วยสภาพจิตใจที่ว้าวุ่นกระทั่งไม่สามารถฝืนทำต่อไปได้ จึงเดินไปยังห้องรับแขก เปิดทีวีดูรายการบันเทิงพลันได้ยินเสียงโทรศัพท์บ้านดังติด ๆ กันสี่ห้าครั้ง จึงเดินไปรับด้วยเข้าใจว่าเป็นภรรยาโทร.มา
“ใช่คุณภูหรือเปล่าครับนี่โรแบร์นะ!”
เสียงนั้นเร็วปรื๋อกระหืดกระหอบมาตามสาย
“ผมพูดเองมีไรหรือโรแบร์ น้ำเสียงดูตื่นเต้นจัง”
“ผมโทร.เข้ามือถือคุณตั้งหลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้ มีเรื่องสำคัญมาก ๆ จะเล่าให้ฟัง”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องคุณกฤษฎาประสบอุบัติเหตุ!”
ภูริเชษฐ์เบิกตาโพลงใจเต้นเร่า ๆ หลายคำถามของเขาได้พรั่งพรูออกจากปากและเขาก็ได้รับคำตอบจากสหายชาวฝรั่งเศสด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักพอ ๆ กัน
“ผมได้ข่าวเกี่ยวกับการประสบอุบัติเหตุของคุณกฤษฎาโดยมีชื่อคุณเข้าไปเกี่ยวด้วยสาบานว่าหูผมไม่ได้ฝาดแน่นอนเมื่อบ่ายนี้ผมไปทานอาหารที่ร้านอาหารฝรั่งเศสกับลูกค้าระหว่างนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ได้มีนักการเมืองไทยมากับแขกอีกสองคนแต่ผมไม่รู้จัก ทั้งคู่พูดกันด้วยธุระรีบร้อนเป็นภาษาไทยผมกล้าเอาหัวเป็นประกันได้ว่า
พวกเขาพูดถึงคุณอยู่ตลอดเวลายิ่งกว่านั้นผมยังได้ยินพวกเขาพูดถึงแผนการที่จะเล่นงานคุณอีกด้วยคนเหล่านั้นคงไม่รู้ว่าผมฟังภาษาไทยรู้เรื่องและเป็นเพื่อนกับคุณจึงพูดคุยปรึกษาหารือกันอย่างเปิดเผยและชะล่าใจ ผมได้ยินทีแรกใจหายหมดเมื่อออกจากร้านอาหารนั้นผมก็โทร.เข้ามือถือคุณตลอดเวลาเลย แต่ก็โทร.ไม่ติดกระทั่งกลับถึงบ้าน ไปค้นหาเบอร์บ้านคุณจากสมุดโน้ตถึงได้โทร.ติดนี้แหละ”
ภูริเชษฐ์ตะลึงพรึงเพริดทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ น้ำเสียงและสำเนียงเล่าของสหายต่างชาติก็จับใจความยากเขาอยากซักถามอีกฝ่ายไปหลายคำ แต่ก็ถูกคัดค้าน
“คุณว่างหรือเปล่ามาพบผมที่ร้านอาหารที่เราเคยเจอกันครั้งแรกมีหลายเรื่องที่ผมอยากเล่ารายละเอียดให้คุณฟัง”
กล่าวจบโรแบร์ก็วางหูโทรศัพท์อย่างร้อนรน ภูริเชษฐ์เองใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนลืมที่จะต่อโทรศัพท์คุยกับนรากรหรือเมียรัก
เขาตัดสินใจเด็ดขาดที่จะไปพบโรแบร์ตามนัดเพื่อสืบหาความจริงทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเอง
ภูริเชษฐ์ปลิวตัวออกจากบ้านในชุดลำรอง พอรถของเขาวิ่งลับประตูบ้านออกไปเพียงนิดเดียวโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก ครั้งแรกเป็นเสียงเรียกจากรจนาหล่อนตั้งใจจะโทร.มาถามสารทุกข์สุขดิบสามี เป็นยังไงบ้างอยู่บ้านคนเดียวแต่หล่อนก็ต้องผิดหวัง เพราะมือถือเขาก็ยังคงปิดเครื่องเหมือนเดิม
เสียงที่สองเป็นเสียงเรียกจากนรากรที่กลับถึงบ้านแล้ว ต้องการติดต่อแจ้งให้ชายหนุ่มได้รับทราบ จะได้ไม่เป็นห่วงและต้องการย้ำให้ชายหนุ่มอยู่กับบ้านอย่างเดียว ไม่ต้องออกไปข้างนอก ไม่ว่าจะไปพบใครที่ไหนก็ตาม
“พี่ภู...ทนอยู่บ้านคนเดียวไม่ไหวออกไปเที่ยวนอกบ้านอีกแล้วละสิ”
รจนาพึมพำอย่างเข้าใจพฤติกรรมสามีเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันนรากรกลับรำพึงด้วยความเป็นห่วงกังวลแทน
“ภูเอ๋ย...อาบอกให้อยู่แต่ในบ้านแล้วนี่ออกไปพบกับใครอีกละนี่ ประเดี๋ยวก็เดือดร้อนหนักกว่าเดิมหรอก”
ตกค่ำนรากรได้ลองติดต่อไปยังบ้านภูอีกครั้ง แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีใครรับสายยิ่งสร้างความกระวนกระวาย วิตกกังวลแก่เขาเป็นอย่างยิ่ง จึงเสี่ยงโทร.ไปบ้านพ่อตาของชายหนุ่มสอบถามรจนาว่าภูแวะมาที่นี่บ้างหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าชายหนุ่มไม่ได้แวะไปและเธอเองก็โทร.ติดต่อเขาเหมือนกัน แต่ติดต่อไม่ได้
“เอาแบบนี้นะรจ...เดี๋ยวอาจะไปคอยฟังข่าวภูที่บ้านส่วนรจก็พักอยู่บ้านคุณพ่อต่อไปตามสบาย มีอะไรอาจะโทร.แจ้งข่าวให้ทราบอย่าให้ท่านรู้เป็นอันขาดว่าภูไม่อยู่บ้าน”
“ค่ะ..ขอบคุณมากอากร”
“ไม่เป็นไรคนกันเองทั้งนั้น”
วางหูจากรจนานรากรลองโทร.ติดต่อสอบถามกับบรรดาเพื่อนนักธุรกิจลูกค้าคนสำคัญว่ามีใครได้นัดเจรจาอะไรกับภูหรือเปล่าแต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าไม่มีใครพบเห็นภูริเชษฐ์เลย จึงโทร.ไปหานฤมลสอบถามตารางการนัดพบลูกค้า
“คุณภู...ไม่ได้นัดเจรจากับใครค่ะ”
เป็นคำตอบที่หญิงสาวให้แก่เขาซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย กระทั่งขับรถเข้ามาจอดภายในบ้านภูริเชษฐ์โดยใช้กุญแจที่ชายหนุ่มให้ไว้ไขเข้ามา
“ภูเอ๋ย....ไปไหนมาไหนถึงไม่บอกกันบ้างเลย”
นั่งรอชายหนุ่มภายในห้องรับแขกกระทั่งเที่ยงคืนเจ้าตัวก็ยังไม่กลับมาขี้เกียจนั่งรอประกอบกับบรรเลงเพลงกามมาอย่างหนักหน่วงตลอดบ่ายวันนี้ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียจึงทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาหลับไปด้วยความว้าวุ่นใจ หลับ ๆ ตื่น ๆตลอดคืนกระทั่งรุ่งเช้า ภูริเชษฐ์ก็ยังไม่กลับมา......
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ภูนี่ยังกระดูกอ่อนกว่าอากรมาก ไม่รู้ไปพลาดท่าอะไรอีกหรือป่าว ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ