toptop0110 โพสต์ 2019-11-20 16:40:04

บิ้กบอส 35 CP

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย toptop0110 เมื่อ 2019-11-20 16:44

ณอีกด้านหนึ่งของเมืองหลวง นรากรสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อโทรมท่วมกายสะบัดหน้าอยู่เร่า ๆ เพื่อขับไล่ความง่วงของตน
“ภู...!อาอยากรู้เหลือเกินว่าขณะนี้ภูอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรและกำลังทำอะไรอยู่กับใคร อาร้อนใจและสังหรณ์ใจเหลือเกิน”
เป็นความคิดที่อยู่ภายในของเขาคนเดียวกิริยาภายนอกเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ไม่สามารถที่จะทำใจให้หลับลงได้เดินกลับไปกลับมาในห้องรับแขก ดื่มเหล้าแก้วต่อแก้ว ตาจับมองอยู่สองสิ่งนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่มุมห้อง มองดูเข็มมันค่อย ๆ กระดิกไปทีละนิด ๆแต่ละวินาทีมันช่างช้าเหลือเกินในความรู้สึกอีกอย่างคือเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของตนคอยอยู่ด้วยใจจดจ่อว่าเมื่อไหร่มันจะถูกเรียกขึ้นเสียที แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม...
อย่างสุดที่จะทนรอคนเดียวต่อไปไหวเขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาใครอีกคนซึ่งสามารถจะรับฟังเรื่องราวและให้คำแนะนำตนเองได้
“ฮัลโหล !ผมสุรเชษฐ์พูดครับ”
“ขอโทษครับ..! พี่ภูมินี่ผมกรนะ”
“โอ...! หวัดดีไอ้กรมึงหาที่ระบายออกไม่ได้หรือไง ถึงได้โทร.หากันกลางดึกแบบนี้”
เสียงฝ่ายโน้นพูดช้าๆ เหมือนคนกำลังอยู่ในอาการงัวเงียอยู่
“มีธุระสำคัญอะไรถึงได้โทร.มากลางดึกแบบนี้ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะหลับจะนอนบ้างเลยหรือเองนี่...กูแก่แล้วนะโว้ย..ไม่ได้หนุ่มเหมือนเมื่อก่อนต้องพักผ่อนให้ตรงเวลา มีอะไรก็ว่ามา คนยิ่งง่วง ๆ อยู่ด้วย”
“จะไปรู้เรอะ..นึกว่านอนกอดสาวที่ไหนอยู่ละสิ”
นรากรเน้นเสียงอย่างหงุดหงิดเช่นกันขณะอีกฝ่ายปรับอารมณ์ความรู้สึกได้ ส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแต่ก็รอฟังอยู่โดยไม่พูดอะไรแทรกขึ้น
“เย็นวันนี้...ภูไม่ได้กลับบ้านผมนั่งรอเขาอยู่ที่บ้านตลอดคืน ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไรจากเขาเลย”
“มันคงไปเที่ยวอาบอบนวดหรือนอนกอดสาว ๆ ที่ไหนสักแห่ง เช้าเดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ”
“ถ้าเขาไปอย่างนั้นจริงผมจะสบายใจมาก แต่นี่กลัวมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะสิ”
“ไหนมีเรื่องอะไรกัน...เล่าให้พี่ฟังบ้างสิตั้งแต่เป็นข่าว เจ้าภูมันก็ไม่ยอมโทรศัพท์คุยกับพี่ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆของมันบ้างเลย มันกำลังมีปัญหาอะไรดูท่าเองถึงได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจยิ่งกว่าเมียมันเสียอีก”
สุรเชษฐ์ยังคงพูดมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ นุ่ม ๆ ระคนไปกับเสียงหัวเราะอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องจริงจังอะไรแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปนานจึงย้อนถาม
“ได้ยินพี่ถามหรือเปล่า? ไอ้กร!”
“ก็นิดหน่อย...ภูเขากำลังมีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อย”
“แล้วทำไมไม่เห็นมันโทร.หาพ่อของมันบ้างเลยหรือเห็นว่าพ่อคนนี้ไม่มีความหมายสำหรับมันอีกแล้ว”
“พี่ภูมิก็...เขาคงคิดว่าสามารถจัดการได้ด้วยตนเองมั้ง”
“แล้วไง...จัดการได้ด้วยตนเองทำไมเองถึงเดือดร้อนแทนมัน ถึงขนาดต้องโทร.หาพี่ด้วย ว่าแต่ไม่รู้จริง ๆหรือว่าตอนนี้มันอยู่ไหน?”
ภูมิยิงคำถามเร็วปรื๋อราวกับปืนกล
การพูดคุยกันทางโทรศัพท์ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าและแววตาของกันได้แต่จากลีลาท่าทางและน้ำเสียงแสดงอาการร้อนรน พูดอ้อมแอ้มไม่เต็มปากและการนิ่งอึก ๆอัก ของนรากร ทำให้ภูมิสามารถจับสำเนียงได้ว่าสหายรุ่นน้องของตนมีความลำบากใจบางอย่างที่จะพูด
“เฮ้ย...! จะพูดไม่พูดมัวแต่อ้า...ง่า....อยู่นั่นแหละ ไอ้กร!”
ภูมิตวาดดังลั่น
“พี่ถามว่ายังไงเอ็งไม่ได้ยินหรือไง...ตอนนี้เจ้าภูมันอยู่ไหน? ทำอะไรและมันมีปัญหาอะไร? ที่พี่ยังไม่รู้อีก”
“ผม...ก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่”
“เอ็งกับเจ้าภูมีอะไรปิดบังพี่หรือเปล่าดูท่าเอ็งลำบากใจเหลือเกินที่จะกล่าวหรือจะเล่ารายละเอียดให้พี่ทราบหากไม่พูดพี่วางสายนะ จะได้นอนต่อ นี่เพิ่งตีสองกว่า ๆ เอง”
น้ำเสียงเฉียบขาดหนักแน่น
“ผม...ไม่สามารถเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ฟังทางโทรศัพท์ได้ขอความกรุณาจากพี่ได้ไหม ผมจะแวะไปบ้านพี่ตอนนี้เลยกะว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้าน แล้วผมจะเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พี่ฟังโดยไม่ปิดบังเลย”
“แปลกดีนี่...ยิ่งเอ็งพูดแบบนี้พี่ก็ยิ่งร้อนใจเหมือนกันนะ”
ภูมิร้องขึ้นอย่างเอะใจ‘
“มันยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“โปรดเถิดครับ!ผมจะไปพบพี่และเล่าให้พี่ฟังด้วยตนเอง อย่าให้พูดทางโทรศัพท์เลยและถ้าอนุญาตให้ผมไปพบหลังจากวางสายแล้ว ผมจะรีบไปทันทีเลย”
นรากรกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“พี่รู้สึกว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับเจ้าภู”
น้ำเสียงเรียบช้าๆ พยายามระงับอารมณ์บางอย่างไว้
“เอ็งจะมาพบพี่ก็ได้จะรอ แต่ก่อนอื่นขอให้ได้รู้คร่าว ๆ สักนิดได้ไหมว่าเรื่องมันเป็นมายังไงพี่งงไปหมดแล้ว”
“ผมก็อธิบายอย่างละเอียดให้พี่ฟังตอนนี้ไม่ได้เหมือนกันเพราะผมเองก็มึนงงสับสนเหมือนกัน”
“เอาล่ะ..พี่อยากรู้ว่าเอ็งรู้ได้ไงว่าภูไม่กลับบ้าน”
“เขาหายไปตั้งแต่หัวค่ำผมโทร.ติดต่อเขาไม่ได้เลย โทร.ไปหาหนูรจ ทางโน้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปไหนผมจึงมารอที่บ้านของเขา เผลอนอนหลับกระทั่งสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกแล้วก็โทร.หาพี่นี้แหละ”
“เจ้าภูไม่กลับบ้าน.....”
อีกฝ่ายย้อนถามอย่างไม่อยากเชื่อหูของตนเพราะตั้งแต่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ภูไม่เคยทำตัวเหลวไหลกับลูกเมียต่อให้ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะกลับบ้านเสมอ แล้วกระซิบเบา ๆเหมือนจะรำพึงกับตนเอง
“หวังว่าเอ็งคงไม่ประสบอุบัติเหตุระหว่างทางจากบ้านเจ้าภูมาบ้านพี่นะ...พี่จะคอยฟังข่าวที่บ้าน”
“ครับ..ผมขออาบน้ำสักครู่จะรีบไปพบพี่ทันที”
“ไม่ต้องรีบร้อน...ขับรถเร็วล่ะเดี๋ยวรถคว่ำกลางทางตายเสียก่อน”
ภูมิสั่งเสียงเฉียบขาดแล้วก็วางโทรศัพท์ ทิ้งกายอย่างหมดเรี่ยวแรงลงบนเตียงนอนนุ่ม ๆ
หลังจากวางสายจากนรากรแล้วเขาก็ลุกขึ้นจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นชุดลำลองสำหรับการอยู่กับบ้าน เดินลงไปรอสหายรุ่นน้องที่ห้องรับแขกด้านล่าง
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรถของอีกฝ่ายมาจอดที่หน้าบ้านจึงเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้เอง ไม่อยากให้พวกคนรับใช้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงไม่ได้ปลุกใครให้ตื่นมารับใช้สักคน
“มาเร็วเหมือนกันนี่รับอะไรแก้ง่วงดี เหล้าเย็น ๆ หรือกาแฟร้อน ๆ”
“ขอกาแฟร้อน ๆ แล้วกัน”
“โน่นในครัวจัดการชงมาให้พี่ด้วย ไม่อยากปลุกพวกคนใช้”
สักพักนรากรก็เดินออกมาจากครัวพร้อมกับกาแฟดำร้อนๆ สองแก้ว นั่งลงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ตนรับทราบ
อย่างอดไม่ได้ภูมิได้ถลันปราดเข้าถึงตัวสหายรุ่นน้องคำรามออกมาต่อหน้า
“ฮึ่ม!ไอ้กรนะไอ้กร....ถ้าหากเจ้าภูไม่หายออกจากบ้านไปแบบนี้เอ็งกับนายภูจะไม่คิดเล่าเรื่องนี้ให้พี่ทราบบ้างเลยหรือไงพอพี่ประกาศรีไทร์ตนเองจากงาน เอ็งกับภูถึงกับเห็นพี่เป็นคนแก่ไร้น้ำยาไปแล้วหรือไงวะ”
นรากรได้แต่นั่งหน้าซีดจ๋อยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“อุตส่าห์เราไว้ใจเห็นว่าเป็นคนมีความสามารถให้เข้าไปช่วยแนะนำหลานบ้าง ดันชวนกันเสียคนทั้งหัวดำหัวขาว”
“ผมก็ไม่ทราบจะพูดอย่างไรดีถ้าจะว่าเป็นความบกพร่องของผม ผมก็ยอมรับ สุดแต่พี่จะว่าอย่างไรผมยอมรับทุกอย่าง....”
“ก็เอ็งนี้น้า...”
“จริงอยู่ที่ภูเขาขอร้องไม่ให้เอ็งเล่าอะไรให้พี่ฟัง แต่เอ็งก็เคร่งครัดต่อคำสั่งมันเหลือเกินนะเรื่องเกิดขึ้นขนาดนี้ โดยไม่ยอมแพร่งพรายอะไรให้พี่รู้บ้างเลยถึงแม้ความคิดเห็นบางอย่างเราจะไม่ตรงกันบ้างก็ตาม แต่พี่ก็เป็นพ่อของภูนะ....”
น้ำเสียงผู้อาวุโสพูดเบาๆ แต่หนักแน่น และมีความหมายชัดเจนทุกประโยค
นรากรแม้จะเก่งกล้าสามารถ ฉลาดไหวพริบ ไม่เคยเกรงกลัวใครไม่ว่าเรื่องใดแต่สำหรับสุรเชษฐ์แล้ว เขารักและเคารพเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเพราะที่ตนเองมีวันนี้ได้ ก็เพราะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากหนุ่มใหญ่คนนี้เมื่อได้ยินการตำหนิแบบนี้ ได้แต่โคลงศีรษะไปมา ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกันที่ลืมคิดถึงพี่ เราสองคนมั่นใจว่าสามารถจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้จึงไม่ได้นำมาปรึกษาพี่”
“ว่าแต่ระหว่างเอ็งกับภูมีความลับพิเศษที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า”
นรากรก้มหน้านิ่งเหงื่อแตกซิก
“ความจริงเอ็งก็น่าจะรู้พิษสงอำนาจ อิทธิพลของภาณุพลเป็นอย่างดี ว่าเขาร้ายกาจแค่ไหน อยากได้อะไรเป็นต้องได้ยิ่งมีไอ้วชิระหน้าโง่นั่น คอยเป็นหมารับใช้อีก”
“เพราะเหตุนี้แหละภูจึงขอร้องผมไม่ให้นำเรื่องนี้มาเล่าให้พี่ฟังเกรงว่าจะสร้างความไม่สบายใจให้พี่เปล่า ๆ”
“พี่ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเอ็งดีว่ะไอ้กรนอกจากอยากชมเชยจากใจเหลือ...เกินว่า เอ็งเก็บรักษาความลับได้ดีม๊ากมาก...แล้วก็ขอบใจด้วยที่หวังดีต่อพี่ เกรงว่าจะมีปัญหากับภาณุพล”
นรากรเจอคำพูดแบบนี้เข้าไปถึงกับควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ผุดออกมาเม็ดใหญ่ ๆ
“ไหนลองเล่าแผนการที่เอ็งกับภูวางกันไว้ให้พี่ฟังหน่อยสิ”
เหงื่อที่พึ่งเช็ดแห้งเมื่อครู่กับแตกพลักออกมาอีกราวกับก๊อกน้ำแตกรินอาบตามร่องแก้มจนแทบเช็ดไม่ทันเลยทีเดียวจะให้บอกได้อย่างไรว่าตนเองวางแผนไว้อย่างไรบ้าง ขืนบอกไป เป็นโดนเตะกลิ้งคว่ำแน่ๆ
สภาพภายในห้องตอนนี้จึงเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศดังเบา ๆ ทั้งคู่ไม่มีใครพูดหรือเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับคนทั้งคู่กลายเป็นใบ้ไปชั่วขณะ โดยเฉพาะนรากรที่มีแต่เสียงถอนหายใจยาวลึกที่กล่าวขมุบขมิบเหมือนจะรำพึงกับตนเอง
“อ้าว...ใบ้กินเสียแล้วพ่อสาลิกาลิ้นทอง”
ภูมิเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นก่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“เอาล่ะ...ในเมื่อเอ็งไม่เล่าพี่ก็ขอเป็นฝ่ายถามแล้วกัน แต่เอ็งต้องสัญญาว่า จะเล่าแต่ความจริงกับพี่ โอเค...?”
“ครับ..ผมยินดีเล่าทุกเรื่องให้พี่ฟัง”
“นับจากที่ภูรู้ว่าหนูรจตกเป็นที่หมายปองภาณุพล เขารู้สึกหรือมีทีท่าอย่างไรบ้าง”
“ตอนแรกก็รู้สึกโกรธแค้นมากๆ เต็มไปด้วยความหงุดหงิดพลุ่งพล่าน แต่ด้วยความสุขุมของเขา เขาจึงแค่มองผ่าน ๆมันไป กระทั่งวันหนึ่งภาณุพลเชิญเขาไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านโดยเชิญหนูรจไปด้วย แต่เจ้าตัวไปคนเดียวแล้วอาทิตย์ต่อมาก็มีข่าวฉาวออกมาอย่างที่พี่คงเห็นนั่นแหละ”
“พี่เห็นแล้ว...และรอคำอธิบายจากภูเหมือนกันแต่มันนอกจากไม่ยอมมาหาแล้ว ยังไม่ยอมโทร.หาอีกด้วยเลยรู้แค่ข่าวและจากที่หนูรจเล่าให้ฟัง”
“นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องตอนแรกก็คิดแค่ว่าฝ่ายโน้นคงต้องการสร้างความร้าวฉานให้เกิดการเข้าใจผิดกันระหว่างหนูรจกับภูเท่านั้นเมื่อหนูรจเข้าใจเรื่องทุกอย่างดี ภูเขาจึงไม่วิตกกังวลอะไรนอกจากเรามารู้ว่ากันภายหลังว่า มันมีความนัยบางอย่างซ่อนอยู่”
“ความนัยอะไรของเอ็งวะ”
“การต้องการหนูรจเป็นแค่ผลพลอยได้ของภาณุพลนะสิ แต่สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คือบริษัทของพี่นั่นแหละ”
“ยังไง..พี่รู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว”
“ไอ้วชิระยังไงล่ะเป็นตัวแปรที่แทรกเข้ามา มันคงต้องการเอาคืนพี่ จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือจากภาณุพลถึงขนาดยอมขายลูกสาวตัวเองให้กับภาณุพลเลยทีเดียว”
“เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้เอ็งยังกล้าเก็บไว้ ไม่ยอมเล่าให้พี่ฟังนะกร.....เสียแรงพี่รักเอ็งเหมือนน้องชายคนหนึ่ง”
น้ำเสียงกึ่งตัดพ้อพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างใช้ความคิด
“แกคิดว่าภูหายไปไหน?”
“โดนอุ้มแน่ ๆ ครับ”
“เฮ้ย..!มันยุคไหนแล้วเอ็ง เป็นไปไม่ได้หรอกที่ภาณุพลจะส่งคนมาอุ้มภูถึงบ้าน”
“ไม่ได้มาอุ้มถึงบ้านหรอกครับภูเขาขับรถออกจากบ้านไปคนเดียว ไปพบใครที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าพอออกจากบ้านไปแล้วเขาก็ไม่ได้ย้อนกลับมาอีกเลย” “ว่าแต่เอ็งแน่ใจแค่ไหนว่าการหายตัวไปของภูครั้งนี้เกี่ยวกับภาณุพลหรือวชิระ”
“เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เว้นแต่ว่าเขาประสบอุบัติเหตุรุนแรง ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นอย่างหลังป่านนี้มีการรายงานข่าวแล้ว”
“เอาล่ะ...!หากภูไม่กลับมาพรุ่งนี้ เราค่อยคิดหาวิธีการติดตามต่อไปส่วนเอ็งก็ดำเนินการตามแผนที่เอ็งไม่กล้าเปิดเผยให้พี่รู้ได้ตามปกติแต่จุดแรกที่เราต้องค้นหาคือหารถของเขาให้พบก่อน”
แม้ภายนอกจะไม่แสดงอาการเป็นห่วงแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น กัดริมฝีปากตนเองเบา ๆ
“แต่เราคงทำอะไรตอนนี้ไม่ได้เพราะกลางดึกแบบนี้ ต่อให้เราแจ้งความไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไรพรุ่งนี้พี่จะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจจัดการติดตามเรื่องรถให้ก่อน”
“ผมว่าเราบุกไปบ้านภาณุพลหรือวชิระรีดเอาความจริงจากพวกมันเลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“พูดโง่ ๆชอบแบกหญ้าให้งูตื่นอยู่เรื่อยเลยเอ็ง”
ภูมิสั่นศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“เราต้องสงวนท่าทีของเราไว้ก่อนดีกว่าคอยดูว่าพวกนั้นจะดำเนินแผนการอย่างไรบ้างพี่เชื่อว่าภูคงไม่เป็นอันตรายอะไรมากหรอก อย่างมากก็แค่โดนจับตัวไปกักไว้ที่บ้านพักสักแห่งของภาณุพลซึ่งมีอยู่ทั่วทุกมุมของกรุงเทพฯ เอาล่ะ...สว่างเมื่อไหร่เราจึงจะมีโอกาสติดตามภูได้ สำหรับตอนนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากสวดภาวนาขอให้ภูรอดปลอดภัย”
นรากรที่คิดว่าตนเองเป็นคนเก็บความรู้สึกได้เก่งแล้ว แต่เมื่อสังเกตเห็นสหายรุ่นพี่อย่างพินิจกลับเห็นใบหน้านั้นสงบเยือกเย็น ไม่มีวี่แววของรอยวิตกกังวลอะไรเลยอย่างอดไม่ได้จึงถามขึ้น
“นี่..พี่ภูมิ!ถามจริง ๆ เถอะ ลูกชายหายไปทั้งคน ผมสังเกตดูว่าพี่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรนักกับการหายสาบสูญไปเฉย ๆของภูแบบนี้ ไม่คิดเป็นห่วงลูกชายสักนิดเลยเหรอ”
“ถามโง่ ๆ อีกแล้วเอ็งมีพ่อที่ไหนไม่ห่วงลูก ถึงลูกคนนั้นมันจะโตขนาดไหน เมื่อเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับลูกพ่อทุกคนล้วนเป็นห่วงทั้งนั้นแหละ แต่ไม่รู้จะทำยังไง จะออกตามหากลางดึกอย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ จะโทร.ไปขอให้คนอื่นช่วย เขาจะได้หาว่าเอ็งไม่มีมารยาทโทร.ไปรบกวนเขากลางดึก อีกอย่างหนึ่ง พี่เลี้ยงภูมาด้วยตนเองรู้นิสัยและความสามารถของมันดี เราสองคนพ่อลูกเจอเรื่องร้าย ๆ ด้วยกันหนักกว่านี้แต่ก็สามารถผ่านมาได้ พี่กล้ารับรองว่าถึงเวลาเราก็ตามพบหรือไม่ภูก็หาทางกลับมาเองได้นั่นแหละเอ็งอย่าวิตกเกินกว่าเหตุไปเลย ภูถึงจะเป็นหนุ่มแต่เขาก็รู้วิธีเอาตัวรอดเป็นอย่างดีไม่งั้นไม่สามารถบริหารบริษัทประสบความสำเร็จอย่างนี้หรอก”
“เออ...พี่ภูมิภูเขาได้แจ้งหรือเปล่าว่าวันจันทร์นี้เขามีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารบอร์ดชุดใหม่ โดยเขาเป็นคนเลือกเองทั้งหมด”
“เหรอ...ไม่รู้หรอกก็อย่างที่บอก ภูไม่ได้ติดต่อพี่เป็นเดือนแล้ว”
“พ่อลูกกันอีท่าไหน..ไม่ติดต่อพูดคุยกันเป็นเดือน”
นรากรกล่าวรำพึงรำพันกับตนเอง
“นี้..ถือว่าน้อยไปสมัยภูเรียนมหาลัย บางทีเราไม่ได้คุยกันเป็นครึ่งปีด้วยซ้ำ ก็อย่างนี้แหละ ลูกชายที่ไม่มีแม่และต้องอยู่กับพ่อที่เจ้าชู้อย่างพี่แถมตอนเรียนมัธยมต้นยังอยู่โรงเรียนประจำเป็นส่วนใหญ่อีก สำหรับเจ้าภูกับพี่มันมีวีรกรรมเด็ด ๆ ด้วยกันเยอะ”
“อย่างใช้ผู้หญิงคนเดียวกันตั้งแต่เรียนมัธยมต้นงั้นเหรอ...”
อีกฝ่ายกล่าวเหมือนประชดเพราะทราบการดำเนินชีวิตของสองพ่อลูกนี้ซึ่งมีความคิดเห็นไม่ค่อยลงรอยกันตั้งแต่ภรรยาของภูมิตายไป ขณะที่ภูยังเป็นเด็กอยู่ “ปากดีนะเอ็ง....ว่าแต่พี่แล้วเอ็งล่ะ คบกับเจ้าภูนาน ๆ ไม่เคยใช้ผู้หญิงคนเดียวกันกับมันหรือไง”
เจอผู้อาวุโสกว่าทุกด้านย้อนถามมาอย่างนั้นนรากรได้แต่นั่งนิ่ง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ จะให้ตอบได้อย่างไรว่านอกจากเคยใช้ผู้หญิงคนเดียวกันแล้วแม้แต่ผู้ชายก็ใช้ร่วมกันบ่อยยิ่งกว่าผู้หญิงอีกด้วยซ้ำ เกรงว่าอีกฝ่ายจะถามย้ำจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“สมมติว่าภูไม่กลับมาภายในวันพรุ่งนี้ วันจันทร์พี่ต้องเข้าบริษัท ทำหน้าที่แทนภูเค้าด้วยเพราะถึงยังไงพี่ก็ยังเป็นประธานที่ปรึกษา คณะกรรมการคนอื่น ๆ คงเกรงใจพี่บ้างสำหรับคนที่กำลังคิดเอาใจออกห่าง ส่วนผมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่ได้เป็นอะไร อย่างไรพรุ่งนี้ผมจะให้เลขาฯภู เอาเอกสารเตรียมประชุมบางส่วนมาให้พี่ได้ศึกษาแต่ข้อมูลหลักอยู่กับภูคนเดียว”
“ขอบใจมากน้องรัก...ไม่ต้องวิตกกังวลเกินกว่าเหตุหรอกพี่เชื่อว่าภูคงไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกตั้งหลายชั่วโมง กว่าจะสว่างเราคงทำอะไรกันไม่ได้มาก สู้นอนพักดีกว่า สมองจะได้ปลอดโปร่งตอนตื่นขึ้นเอ็งจะขึ้นไปนอนกับพี่ด้านบนหรือเปล่า”
“ตามสบายครับสถานการณ์อย่างนี้ ผมคงทำใจเย็นนอนหลับอย่างพี่ไม่ได้หรอกผมขอนั่งดูอะไรที่ห้องนี้ดีกว่า หากร่างกายทนไม่ไหวจริง ๆ ก็หลับไปเองแหละ”
“แล้วแต่เอ็งอย่าคิดอะไรมาก ไม่มีไรมากหรอก”
นรากรแม้จะไม่รู้สึกง่วง แต่การตรากตรำเย็ดกับภูมาตลอดบ่ายของวัน ประกอบกับการนอนหลับ ๆตื่น ๆ ไม่สนิทมากนัก ทำให้เขาผล็อยหลับไปทั้งที่เปิดทีวีค้างอยู่
ภูริเชษฐ์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนเช้าของวันหนึ่ง ในลักษณะครึ่ง ๆ กลาง ๆเนื่องจากเวลานอนก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่เคยหลับได้อย่างสนิทเลยสักคืนเดียวตลอดหลายวันที่เขาถูกกักตัวอยู่ที่นี้ เขาไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนหรือตะวันไม่ได้พบหน้าโรแบร์สหายชาวต่างชาติ แม้แต่ภาณุพลหรือวชิระสองคนนั้นก็ไม่มาปรากฏให้เขาเห็นอีก นอกจากตำรวจหนุ่มสองคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาเร้นลับบางอย่าง
ลักษณะของเขาไม่ต่างจากคนกำลังป่วยเป็นไข้หนักและกำลังโดนพิษไข้สำแดงเดชต่าง ๆกลางคืนก็ต้องทนอยู่กับความฝันอันวกวนของตนราวกับคนป่วยใกล้มรณกาลเต็มที
ภายในห้องอันโอ่โถงหรูหราสมกับเป็นบ้านพักส่วนตัวผู้มีอิทธิพลบรรยากาศภายในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่นั้นทำให้เขารู้สึกสบายกายพอสมควร จึงทำให้ไม่เข้าใจว่า ภาณุพลจะตัดสินใจเอาอย่างไรกับเขากันแน่ มันเป็นเกมจิตวิทยาที่หากเขาไม่ควบคุมสติให้ดีมีสิทธิ์คุ้มคลั่งเสียสติเอาง่าย ๆ เลยทีเดียว
อาหารสำหรับเขามีพร้อมอยู่ตลอดเวลาไทยบ้าง ฝรั่งบ้าง และมันจะมาตรงเวลาทุกครั้งเป็นอาหารค่อนข้างจะหรูหราพอสมควรกับสภาพการเป็นเชลยแบบนี้และนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารแล้ว ตำรวจหนุ่มสองนายคนใดคนหนึ่งคงกำลังจะนำอาหารมาให้เขาตามหน้าที่ จึงตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น พร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่อไปจนกว่าลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง
ภายในห้องครัวสองหนุ่มซึ่งกำลังเตรียมอาหารให้แขกหรือเรียกอีกอย่างว่าเชลยของภาณุพลเจ้านายเหนือหัวของตนตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
“พี่ก้องพี่คิดว่าคุณภูเป็นไงบ้าง”
ธีร์หนุ่มตำรวจรุ่นน้องเรียกชื่อเล่นจักรภพเปรยขึ้นลอย ๆ
“ก็น่าสงสารออกมีเรื่องกับใครไม่มี ดันมามีกับท่านภาณุพลก็เป็นอย่างนี้แหละไม่ถูกขังลืมก็มีสิทธิ์ประสาทกินแน่ ๆ”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย”
“แล้วนายหมายถึงเรื่องไรล่ะ”
“ผมหมายถึงรูปร่างเขาเห็นแล้วขนาดผมเป็นตำรวจยังอิจฉาเลยวะ โดยเฉพาะเวลาเจ้าตัวเดินออกจากห้องน้ำนะเซ็กซี่สุด ๆ เลยพี่”
“เอ็งเคยเห็นเหรอ”
“ก็เห็นสิเห็นทุกวันด้วย ทุกวันที่ผมเอาอาหารขึ้นไปให้ตอนเช้ามักเจอช่วงเขากำลังอาบน้ำพอดีเป็นประจำ”
“อยากอัดตูดเขาละสิเอ็ง”
“โธ่! พี่..แล้วพี่ล่ะไม่คิดอยากลองทำอะไรแก้เซ็งกับคุณภูบ้างเหรอ”
“ไอ้เซี๊ยะเอ็งอย่าได้คิดทำอะไรเกินคำสั่งนะโว้ย..ท่านภาณุพลรู้เข้า มึงมีสิทธิ์ถึงตายได้นะ”
ธีระจะหวั่นคำพูดรุ่นพี่ก็หาไม่ แบมือห่อไหล่ หยิบผลไม้ที่วางอยู่ในจานโยนเข้าปากแล้วยิ้มพรายอย่างมีเลศนัย
“ท่านภาณุพลไม่มีวันรู้หรอกอีกอย่างเราเอาชื่อท่านไปขู่ยังได้เลย บางทีท่านอาจจะชอบใจด้วยซ้ำก็ได้กับการที่เราทำอะไรสนุก ๆ กับเชลยของท่าน พี่ไม่อยากลองดูบ้างเหรอท่อนเนื้อของคุณภูขนาดว่าขดอยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ๆ ยังดูเป็นนูนสันเลยนะพี่สำคัญว่ารับเก่ง ๆ อย่างพี่ หากโดนเข้าจริง ๆ อย่าติดใจแล้วกัน สำหรับผมการได้อัดตูดผู้ชายแมนๆ แบบคุณภู เป็นความใฝฝันเลยนะคร๊าบ...อีกอย่างท่านก็ไม่อยู่ที่นี้ด้วย เราทำอะไรใครจะไปรู้”
“ท่านไม่อยู่แต่เอ็งไม่เห็นลูกน้องของท่านที่อยู่ด้านนอกเป็นสิบเหรอกูว่าแทนที่มึงคิดจะอัดตูดคุณภู มึงไปขออัดตูดไอ้พวกหน้ายักษ์ด้านนอกยังจะง่ายกว่า” ก้องแม้จะรู้สึกอยากทำแบบรุ่นน้องเหมือนกัน แต่ก็เก็บอาการไว้นิ่งเพราะคิดว่าหากจะมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นนักธุรกิจหนุ่มน่าจะยอมตนง่ายกว่ารุ่นน้องที่เป็นเกย์คิง จึงกล่าวตัดบทไป
“เอ็งเลิกความคิดห่ามๆ นี้ไปเลย”
เสียงของเขายังคงห้วนๆ เต็มไปด้วยความกระด้าง จัดอาหารใส่จานจนเสร็จเรียบร้อย พร้อมที่จะยกขึ้นไปให้เชลยของภาณุพลทั้งสอง
“ยิ่งพูดยิ่งเงี่ยนเลยพี่ก้องเดี๋ยวผมขึ้นไปกับพี่ด้วยดีกว่า”
“แล้วอาหารของไอ้ฝรั่งขี้นกนั่นล่ะ”
“เรียกไอ้พวกที่อยู่ด้านนอกเอาขึ้นไปให้แทนแล้วกัน อยากดูคุณภูตอนเดินออกจากห้องน้ำ”
“แล้วแต่เอ็ง”
ยื่นหน้าออกไปเรียกการ์ดนายหนึ่งซึ่งแต่งตัวเหมือนคนสวนทั่วไป
“นายเอาอาหารนี่ไปให้ฝรั่งคนนั้นทีฉันกับนายธีร์จะขึ้นไปดูคุณภูหน่อย”
“ครับผู้กอง”
ดวงตาของสองตำรวจหนุ่มสบกันนิ่งแล้วหรี่ให้กันนิดหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าใจกันดีด้วยสัญชาตญาณ ก้องถือของคาวส่วนธีร์ถือของหวานและผลไม้
“พี่ไม่คิดจะเอากับผมจริงๆ หรือ”
เสียงของธีร์กระซิบข้างหูระหว่างเดินขึ้นไปพร้อมกันชูคอขึ้นมองออกรอบ ๆ ด้าน อย่างหวาดระแวงเหมือนกันแล้วหยุดจ้องหน้านายตำรวจรุ่นพี่นิ่ง กล่าวต่อมาอย่างระมัดระวัง
“ผมอยากเย็ดคุณภูจริงๆ นะพี่ กระแทกตูดชายแมน ๆ มันคงมันส์สะใจมาก ๆ เลยทีเดียวพี่ไม่คิดว่าการที่เราสองคนหันหน้าเข้าหากัน โดยมีคุณภูอยู่กลางหันหน้าเข้าหาพี่หันตูดให้ผม ผมกระแทก พี่ร่อนรับ แค่คิดยังมันส์โคตร ๆ เลยนะพี่”
เสือมันจะต้องเป็นเสืออยู่เสมอ!
และเสือหนุ่มอย่างธีร์ก็สามารถอ่านชั้นเชิงมนุษย์ประเภทเดียวกันกับตนได้ทุกกระบวนรอยยิ้มพรายตรงมุมปากผุดขึ้นเมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่มรุ่นพี่เริ่มคล้อยตาม
“สมมติว่ากูกับเอ็งร่วมมือกันจริงเอ็งคิดว่าคุณภู เค้าจะยอมง่าย ๆ หรือวะ”
ธีร์ยิ้มแยกเขี้ยวมองเห็นไรฟันขาวทั้งสองแถว จับมือก้องบีบแน่น ๆ กระซิบแผ่วเบาอีกครั้ง
“ผมรู้ว่าพี่ก็อยากกินคุณภูเหมือนกันในเมื่อความต้องการเราตรงกัน เจ้านายก็ไม่อยู่ จะปล่อยเหยื่อให้หลุดไปง่าย ๆหรือพี่ เรื่องนั้นอย่าห่วง หากไม่ยอมโดยดี ก็จัดการจับมัดมือ มัดเท้า ปิดปาก แทงดากเลย”
พร้อมกับล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกุญแจมือโซ่ แส้เฆี่ยนม้า ออกมาโชว์
ก้องยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วก้อยของธีร์อย่างเข้าใจความหมายของกันและกันยิ้มเหี้ยม ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ขณะที่ธีร์หัวเราะฝ่ามือของคนทั้งคู่สัมผัสกันอีกครั้งอย่างแน่นกระชับ
“เอาวะ เป็นไงเป็นกันพี่เอง เห็นคุณภูแล้ว ก็คันตูดยิก ๆ เหมือนกัน ปกติเคยแต่แอ่นตูดให้พวกนักการเมืองแก่ๆ เพื่อนท่านภาณุพลแทง ยังไม่ทันได้เสียว พวกนั้นก็น้ำแตกแล้วเปลี่ยนเป็นข่มขืนนักธุรกิจหนุ่มรูปงามเป็นที่หมายปองของสาวทั้งเมืองอย่างคุณภูบ้าง มันส์คงสะใจไปอีกแบบ”
ทั้งคู่หยุดการสนทนากันเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องกักขังของภู
“คุณภูครับผมเอาอาหารมาให้”
“ผมอาบน้ำอยู่เชิญผู้กองเอามาวางไว้ก่อน ผมหิวเดี๋ยวผมทานเอง”
สองตำรวจหนุ่มยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจกันเกินกว่าจะต้องพูดออกมา
“พี่จะเอาอาหารไปวางไว้เหมือนเดิมส่วนเอ็ง แอบอยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำ พอคุณภูออกมา ก็จัดการเก็บเงียบได้เลย อย่าให้คุณภูส่งเสียงเอะอะขึ้นนะประเดี๋ยวลูกน้องพ่อเอ็งข้างล่าง ได้แห่กันขึ้นมาร่วมสนุกด้วยแน่ ๆ”
“ไว้ใจได้พี่มือระดับไหนแล้ว”
“เอาละพร้อม...”
ทั้งคู่ค่อยเปิดประตูห้องแง้มเข้าไปเบาๆ ก่อนจะทำการล็อกทันทีเมื่อแทรกกายเข้าไปเรียบร้อย เฝ้ารอคอยเวลาภูออกจากห้องน้ำด้วยใจเต้นระทึกๆ รัวเร็ว เมื่อภูก้าวออกจากห้องน้ำเท่านั้นเสียงหนึ่งก็ตะโกนขึ้นเรียกชื่อขึ้น
“มาได้เวลาเลยครับคุณภู...”
สิ้นเสียงกล่าวทำให้ภูชะงักหันหน้ามาตามต้นเสียง ธีระซึ่งรอคอยโอกาสอยู่แล้วก็กระโจนเข้ารวบตัวภูไว้ได้อย่างง่ายดาย จับมือสองข้างไขว้หลังพร้อมสับกุญแจมือด้วยความชำนาญขณะที่ก้องรีบลุกขึ้นสะบัดผ้าเช็ดตัวผืนที่ภูนุ่งอยู่อุดปากไว้ทันทีแล้วทั้งคู่จึงประคองหนุ่มนักธุรกิจไปยังเตียงนอน
“คนอะไรวะน่าหม่ำน่ากินไปทั้งเรือนร่างเลย”
“พวกนายจะทำอะไรฉัน”
เสียงอู้อี้ในลำคอพอจับใจความได้บ้างเล็กน้อย
“เราก็จะมอบความสุขให้คุณนะสิเห็นคุณแต่ในทีวีและนิตยสาร ไม่คิดว่าตัวจริงเวลาเปลื้องผ้าล่อนจ้อนอย่างนี้จะน่ากินแบบนี้”
“พวกนายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉันนะถ้าท่านภาณุพลรู้ พวกนายสองคนมีสิทธิ์ตายทั้งเป็นแน่”
“อย่าขู่พวกเราเลยคุณภูบางทีท่านอาจชอบก็ได้กับการที่เราสองคนทำกับคุณแบบนี้”
ตลอดประโยคสนทนากับภูก้องเป็นฝ่ายพูดคนเดียวตลอด กระทั่งหันมาทางสหายรุ่นน้อง
“จัดการมัดเข้ากับหัวเตียงได้เลยตรวจสอบด้วยว่าแน่นหนาดีหรือเปล่า”
เสียงห้าวๆ ดังกังวานชัดเจน ทำให้ภูได้แต่ส่ายหน้าด๊อกแดก รู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด
ลักษณาการแบบนี้สัญชาตญาณแห่งแรงขับทางเพศเป็นคุณสมบัติส่วนตัวทุกคนภูไม่รู้ว่าตนเองจะโดนอะไรบ้างจากสองหนุ่มนี้
ธีระก้มหน้าลงมาไซร้ตามติ่งหูต้นคอของเขาอย่างเร็วพลันด้วยความหิวกระหาย ราวกับเสือร้ายที่ตะครุบเหยื่อได้แล้วลงมือฉีกกินทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับก้องได้ก้มหน้าลงไปสัมผัสความเป็นชายด้านล่าง เอามือจับถอกเล่นเบา ๆก่อนจะอ้าปากอมหอกกายสิทธิ์ไว้จนเต็มกระพุ้งแก้ม กลืนเข้าไปในช่องปากจนมิดด้าม
ทั้งคู่ได้ช่วยกันเล้าโลมหนุ่มนักธุรกิจทุกรูปแบบธีระละจากการไซร้ติ่งหู ต้นคอ ไล่ต่ำลงมากัดหัวนมสีชมพูอ่อน ๆของเรือนร่างขาวเปลือยอย่างมันเขี้ยว เขางับแรง ๆโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีความรู้สึกอย่างไร ขณะที่มือก็บิดหัวนมอีกข้างเล่นแรง ๆเหมือนชาวสวนบิดผลไม้ให้หลุดจากขั้ว
“อึม....!”
ภูส่งเสียงได้เท่านั้นจริงๆ พยายามขยับกายดิ้นหนีเต็มที่ รู้สึกเหมือนว่าหัวนมทั้งสองข้างกำลังจะขาดออกจากหน้าอกเลยทีเดียวความแรงของนิ้วที่บิดและฟันที่ขบลงไปอย่างจงใจทำให้รู้เจ็บปวดที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้สึกมา ได้แต่ส่งเสียงร้องในลำคอ ดิ้นทุรนทุราย
“อือออออออออออ.......ฮึ่มมมมมมมมมม”
“เริ่มเสียวขึ้นมาบ้างยังคุณภูที่รัก...วันนี้เราสองคนจะสอนให้คุณรู้จักรสสวาทในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิตและคุณอาจติดใจ จนถอนตัวไม่ขึ้นก็ได้ แรก ๆ ก็เจ็บดิ้นทุรนทุรายอย่างนี้ทุกคนแหละแต่เวลาผ่านไป คุณจะรู้ว่าที่ผมกล่าวมานั้น ไม่เกินจริงเลย”
หมวดธีระก้มลงไปกระซิบข้างหูด้วยสีหน้าอันยิ้มพรายจ้องมองใบหน้าบูดเบี้ยวภูริเชษฐ์ผู้ถูกจับล็อกมือสองข้างติดกับหัวเตียงไว้อย่างแน่นหนานอนนิ่งหายใจหายรวยรินราวกับต้องมนต์สะกดไปชั่วขณะตาของหนุ่มนักธุรกิจขยายกว้างสว่างโพลง ตีความหมายไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
ครั้นแล้วในพริบตาหนุ่มนักธุรกิจรูปงามยกขาที่ไม่มีเครื่องพันธนาการถีบใส่ผู้กองก้องที่กำลังดูดกลืนท่อนเนื้ออย่างเอร็ดอร่อยจนร่างนั้นปลิวลงจากเตียง ได้ยินเสียงก้นสัมผัสพื้นดัง”ตุ้บ”
จังหวะนั้นจึงพอดีกับอัปเปอร์คัตได้กระทบเข้าตรงอู่ข้าวอู่น้ำของภูอย่างจัง จนตัวหงิกงอไปตามความแรง ขณะเดียวกันธีระได้หวดแส้เฆี่ยนม้าลงมาตามลำตัวขาวๆ สุดแรงเกิด แบบไม่มีไม่ยั้งทำให้ร่างขาวเปลือยเปล่าได้กระเด็นกระดอนกลิ้งกายเกลือกกลั้วไปมาตามแรงอัดตามลำตัวรอยแส้ได้ดื่มกินเนื้อขาว ๆ แดงเป็นปื้นปวดแสบปวดร้อนสุดที่จะทนทานต่อไปได้
โดยที่ภูไม่สามารถที่ขัดขืนหรือต่อต้านอย่างไรได้อีกนอกจากโดนแส้เฆี่ยนม้าของหมวดหนุ่มซึ่งปลิวมากระทบเรือนร่างราวกับห่าพายุลูกเห็บเสียง เชี๊ยะ...เชี๊ยะ....เพี๊ยะ....เพี๊ยะ...ดังสนั่นหวั่นไหว
สร้างความปวดแสบปวดร้อนสุดจะบรรยายให้กับภูแต่ยังไม่ทันคลายอาการเจ็บแสบ ร่างนั้นก็เคลื่อนเข้ามาประชิดบิดที่หัวนมทั้งสองข้างแรง ๆ อัดท้องด้วยหมัดเอามือบิดท่อนหอกกายสิทธิ์ราวกับบิดกล้วยให้หลุดออกจากหวีแม้จะพยายามต่อต้านขัดขืน แต่ก็ทำอย่างใจคิดไม่ได้
ธีระกระชากร่างหนุ่มนักธุรกิจซึ่งตอนนี้แดงปื้นไปด้วยรอยแส้ สีแดงของรอยซ้ำตัดกันกับสีผิวเนื้อขาว ๆทำให้ร่างนั้นดูสมาร์ทไปอีกแบบ
“ผมจะให้คุณภูได้มีโอกาสเลือกสองอย่าง”
เสียงประกาศขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มละไมสำหรับเชลยอย่างภูที่ถูกจับมัดมือและจุกเสียดบนเตียงนอนขณะนี้ มองเห็นใบหน้าของหมวดหนุ่มไม่ต่างอะไรจากรอยแสยะของพญามัจจุราช
“ข้อแรก คือการโดนเย็ดแบบทรมานและชาดิสต์สุดๆ เท่าที่ผมจะคิดออกได้ตอนนี้ ส่วนวิธีที่สองมีการให้ความปราณีเมตตากันบ้างโดยเพียงแค่เย็ดอย่างเดียว จะไม่มีการใช้ความรุนแรงอย่างเมื่อครู่เป็นอันขาดส่วนคุณจะเจ็บปวดหรือมีความสุขร่วมกันเป็นเรื่องของคุณที่จะทำใจรับสภาพแบบนี้ได้หรือเปล่า ผมบอกได้แต่เพียงว่าการโดนอัดถั่วดำ หากแสดงอาการขัดขืนหรือต่อต้านยิ่งจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่คนนั้นเพียงอย่างเดียวทั้งสองอย่างนี้ผมให้คุณเลือกเอา และเมื่อผมดึงผ้าออกจากปาก คุณต้องตอบทันทีภายในหนึ่งนาทีเป็นอย่างช้า”

guys4 โพสต์ 2019-11-20 19:02:00

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2019-11-20 19:04:43

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2019-11-20 19:04:45

ขอบคุณครับ

nuangnut1996 โพสต์ 2019-11-20 19:04:47

ขอบคุณครับ

eg1 โพสต์ 2019-11-20 19:36:46

ขอบคุณครับ

lovelovena โพสต์ 2019-11-20 19:41:53

ขอบคุณครับ

พุททกา โพสต์ 2019-11-20 19:54:09

ขอบคุณครับ

Kavinp โพสต์ 2019-11-20 20:39:08

ขอบคุณครับผม

transilvania โพสต์ 2019-11-20 21:42:29

ขอบคุณครับ

aomniverse โพสต์ 2019-11-20 22:26:27

ขอบคุณครับ

natthaphat.sam โพสต์ 2019-11-20 23:36:19

ขอบคุณครับ

doransan โพสต์ 2019-11-21 04:23:18

ขอบคุณครับ

Ootou โพสต์ 2019-11-21 06:06:06

ขอบคุณครับ

Intra โพสต์ 2019-11-21 06:59:23

แสดงให้มันรู้ แสดงให้มันรู้ว่าใครเป็นเสือกันแน่

namchiaw โพสต์ 2019-11-21 07:29:12

ขอบคุณครับ

jatuAAA โพสต์ 2019-11-21 07:44:23

ขอบคุณครับ

Methan โพสต์ 2019-11-21 08:13:18

ขอบคุณครับ

Sahapad โพสต์ 2019-11-21 09:54:43

{:5_146:}

CRYSTALS โพสต์ 2019-11-21 10:08:05

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2 3
ดูในรูปแบบกติ: บิ้กบอส 35 CP