John001 โพสต์ 2019-12-17 00:30:21

เปิดซิงน้ำแรกเด็ก 13 ม.1 (14) ความพยายามของน้องชิน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 20:40

                   ความเดิมผมขับรถกลับมาบ้านเช่า คิดถึงเรื่องน้องชิน แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ผมคงจะต้องสู้รบกับความเอาแต่ใจตัวเองของน้องชินไป อีกหลายตั้งเป็นแน่       หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือแล้ว แต่ละโรงเรียนก็เร่งเรื่องการเรียนการสอน เพราะใกล้ที่จะสอบปลายภาคเพื่อเลื่อนชั้น กิจกรรมเสริมอื่นๆจึงไม่มี แต่โรงเรียนของน้องตั๊กน้องชิน ยังมีกิจกรรมเล็ก ๆ คือ กิจกรรมแนะแนวเพื่อการศึกษาต่อสำหรับนร.ม.3 ที่จะจบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับงานของผมผมจึงไม่ค่อยมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ จะไปหาน้องตั๊ก น้องชินก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรไปจึงทำให้ผมห่างจากน้องทั้ง 2 ไประยะหนึ่ง   ปลายเดือนมกราคม ผมกลับจากทำงานนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คที่บ้านเช่า มีเสียงโทรศัพท์เข้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก“สวัสดีครับ” ผมพูดไป   “หวัดดีพี่...ผมชินเองนะ”“อ้าวนึกว่าใคร เอาโทรศัพท์ใครโทรมา...แล้วรู้เบอร์พี่ได้ไงเนี่ย”“ ของพี่เชนครับ เบอร์พี่หาไม่ยากอ่ะประกาศในหนังสือพิมพ์ เดี๋ยวก็เจอ” พูดจบก็หัวเราะ “กวนตีนแระ บอกมา...ได้มาไง” “โด่...พี่ไม่เห็นจะยากตรงไหน ถามครู....เอาดิ่” “แหม..ร้ายนักนะเรา”(ครูที่น้องชินถามคือครูสอนคอมฯที่ลาคลอด) “แล้วโทรมาไม มีธุระไรป่าว”“โทรมาหาเมีย ต้องมีธุระด้วยเหรอ”แล้วน้องชินก็หัวเราะเสียงดังลั่น จนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู“ ถ้าพูดแบบนี้อีก จะวางสายแล้วนะ”“อ่ะ ๆ ไม่พูดแล้วคร้าบบบ”จากนั้น น้องชินก็พูดคุย ว่าคิดถึงมาก ไม่ได้เจอหน้ากันเลย อยากให้ผมไปหาที่บ้าน แต่ผมตอบไปว่า ไม่ค่อยว่าง งานเยอะ ครั้งนั้น น้องชินโทรคุยกับผม ครึ่งค่อนชั่วโมง จนผมบอกให้วางสายได้แล้ว จึงได้หยุด   หลังจากวันนั้น เป็นต้นมา น้องชินก็โทรมาทุกวัน วันละ นาน ๆ เกือบชั่วโมง บางทีผมแกล้งไม่รับ ก็โทรเข้ามาจนรำคาญเลยต้องรับ ผมบอกให้น้องชินโฟกัสเรื่องการสอบ แต่น้องชินก็ตอบมาอย่างชิวๆว่า สบายอยู่แล้วเรื่องสอบ ผมเอง ก็รู้ว่าน้องชินไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน เพราะเรียนเก่งอยู่แล้ว แต่อยากให้น้องได้เกรดดี ๆ ขึ้นไปอีก จึงขู่ว่าถ้าโทรมาบ่อย ๆ จะเปลี่ยนเบอร์ แต่น้องชินก็เถียงกลับมาว่า ถ้าเปลี่ยนเบอร์ โทรไม่ได้ก็จะไม่อ่านหนังสือ และถ้าสอบตก ผมนี่แหละเป็นต้นเหตุ (ผมล่ะอ่อนใจกับเด็กคนนี้จริง ๆ )ผมจึงต้องค่อยๆ ตะล่อมพูดให้น้องชินอ่านหนังสือเยอะๆ เพราะรู้ว่า น้องชินที่เป็นน้องคนเล็ก ถูกตามใจจนเคยตัว ไม่สามารถใช้ไม้แข็งได้ (ที่ผมรู้ดี....เพราะผมก็เป็นลูกคนเล็ก พอจะได้เป็นพี่น้องผมก็มาตายไปเสียก่อนเลยไม่ได้เป็นพี่กับเค้าตอนเด็ก ๆผมก็เป็นแบบน้องชินนี่แหละ เอาแต่ใจตัวเอง) ผมแกล้งพูดให้ความหวังกับน้องชินว่าถ้าสอบได้ที่ 1 จะไปหาที่บ้านและนอนค้างด้วย แต่น้องชินก็ต่อรองว่า ที่ 1 มันยากเพราะเพื่อนที่ได้ที่ 1 ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ขอแค่เลื่อนขึ้นมาอีก 1 หรือ 2 อันดับแทนได้มั้ย (น้องชินได้ที่ 5 ก็จะเป็นที่ 4 หรือ ที่ 3) ผมก็บอกไปว่า ได้...จะไปหาที่บ้านแต่ไม่ค้าง น้องชินก็โอดครวญไปตามนิสัยของน้องชิน
   น้องชินโทรมาคุยกับผมติดต่อกันเกือบ 2 อาทิตย์ได้ จนถึงเช้าวันเสาร์ ผมนั่งฟังเพลงอยู่ที่บ้านเช่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รีบหยิบมาดู เป็นเบอร์ที่น้องชินใช้โทรมา (ผมเมมชื่อว่าน้องชิน)พอรับแล้ว ผมแกล้งพูดเสียงดุๆ ว่า “โทรมาไมทุกวัน ทำไมไม่อ่านหนังสือทบทวน ถือว่าเก่งแล้วหรือไง เดี๋ยวเกรดตกจะมาโทษพี่ไม่ได้นะ” (ผมพูดแค่นี้ น้องชินไม่สะทกสะท้านหรอกนะครับ เพราะน้องชินชอบตีลูกมึนเป็นประจำ และมักกวน...กลับมาเสมอ แต่ครั้งนี้ ผมผิดสังเกต ที่น้องชินนิ่งเงียบไป ไม่กวนกลับมา)“เอ้า....เงียบทำไมล่ะ ทำไมไม่พูดถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ”“เอ่อ.....ผมไม่ใช่ชินหรอกครับ ผมเชน” “อ้าว...โทษที พี่คิดว่าน้องชิน”“ชินคงโทรมารบกวนพี่มากนะครับ” เชนถาม “ก็มีบ้างนะแต่ก็ไม่มากเท่าไรหรอก”.....“เชนมีธุระไรกับพี่หรือป่าวถึงโทรมา”“ผมอยากคุยเรื่องชินอ่ะครับ”พอเชนบอกว่าจะพูดเรื่องน้องชิน ผมจึงตั้งใจฟังและลุ้นว่าเชนจะพูดเกี่ยวกับผมด้วยหรือปล่าวแล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด“คือ...ผม....รู้นะครับ ว่าพี่เป็น...เหมือนผม ผมมีน้องคนเดียว ผมไม่อยากให้น้องเป็นแบบผม อยากให้เค้าเป็นผู้ชายเต็มตัว โตขึ้นจะได้มีครอบครัว มีเมีย มีลูก” เชนยังพูดไม่ทันจบ ผมก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที“เชน...พี่ไม่ได้คิดอะไรกับชินนะ พี่รักชินเหมือนน้องคนหนึ่ง และก็มีความคิดเหมือนเชนน่ะแหละ ที่อยากให้ชินเป็นผู้ชาย ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แบบผู้ชายทั่วๆไป”   “แต่ผมเห็นชินติดพี่มากติดมากกว่าผมที่เป็นพี่แท้ ๆ เสียอีก...และก็ผมเคยได้ยินชินคุยโทรศัพท์กับพี่ แล้วพูดว่า เมีย ๆ อะไรทำนองนี้แหละ......ผมขอถามพี่ตรงๆ เลยนะครับ พี่เคยมีอะไรกับน้องผมหรือป่าว” ผมอึ้งไปกับคำถามตรง ๆ ของเชน เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็เป็นคนตรง ๆจึงยอมรับ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ระหว่างผมกับน้องชินให้เชนฟัง เชนฟังจบก็พูดกลับมาว่า“ผมผิดเอง ที่เก็บหนังสือกับหนังไว้ไม่ดี ทำให้ชินไปเจอ แอบเอาออกมาดูเลยเกิดความอยากลอง แล้วก็ไปลงกับพี่” เชนพูดอย่างสำนึกผิด “ไม่เป็นไรหรอกเรื่องมันผ่านไปแล้ว เรามาคิดเรื่องข้างหน้าดีกว่านะ เป้าหมายของเรามันอันเดียวกัน มาช่วยกันคิดหาวิธี แก้ปัญหาเรื่องน้องชินดีกว่านะ” ผมพูดปลอบเชนไปเราทั้ง 2 คน จึงตกลงวางแผนด้วยการที่เชน จะจดเบอร์ในโทรศัพท์ทั้งหมดเก็บไว้ก่อน แล้วจะรีเซ็ทโทรศัพท์ใหม่ เบอร์ผมก็จะหายไป แล้วอ้างกับน้องชินว่าโทรศัพท์เสีย เอาไปซ่อมมา เบอร์หายหมด และผมก็จะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เพื่อกันน้องชินจะไปถามที่ครูได้อีก(แต่ผมจะให้เบอร์ใหม่กับเชนไว้ เผื่ออาจจะมีเรื่องของน้องชินที่ต้องช่วยกันแก้ไขอีก)         หลังจากที่เราดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้ว น้องชินก็ไม่ได้โทรมาหาผมอีกเลย เพราะไม่รู้เบอร์ผม ผมก็เบาใจลงและก็คิดว่าเชนเองก็คงจะเบาใจเหมือนกัน....ผ่านไป 2อาทิตย์แล้ว ที่น้องชินโทรมาไม่ได้   แต่แล้ว.....เย็นวันศุกร์นั้น หลังจากผมกลับจากทำงาน มาถึงบ้านเช่าแล้วเชนโทรมาหาผม บอกว่าน้องชินไม่สบาย เป็นไขหวัดใหญ่ ไม่ได้ไปโรงเรียนมา 3 – 4 วันแล้ว ผมจึงถามกลับไปว่า พาไปหาหมอหรือยัง ซึ่งเชนก็ตอบกลับมาว่ายัง ชินไม่ยอมไป เชนจะพาไปก็ไม่ไป ปู่กับย่าจะพาไป ก็ไม่ไปพอเชนรบเร้าน้องชินให้ไปหาหมอมาก ๆ เข้า น้องชินบอกกับเชนว่า ถ้าผมมาพาไปถึงจะยอมไป (ผมนึกในใจว่า ไอ้เด็กคนนี้มันร้ายจริง ๆ มันต้องป่วยการเมือง แกล้งประท้วงแน่ๆ เฮ้อ...ไม่น่าหลวมตัวไปรู้จักเล้ยยย)เชนจึงขอร้องผม ให้ผมมาพาชินไปหาหมอ เพราะกลัวน้องขาดเรียนเยอะ ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน แล้วจะสอบได้คะแนนไม่ดี และเชนเองก็จะโดนพ่อแม่ตำหนิ ที่ดูแลน้องไม่ดีด้วย ผมจึงตอบตกลง รีบขับรถไปบ้านน้องชิน.....เมื่อไปถึงบ้านน้องชิน เชนพาผมเข้าไปดูน้องชินที่ห้องของน้องชิน น้องชินหลับอยู่ ผมจึงเอามือไปแตะที่หน้าผากน้อง เพราะอยากรู้ว่าแกล้งป่วยหรือปล่าว แต่ก็ต้องตกใจ...เพราะตัวร้อนจี๋ปลุกให้ตื่นก็ตื่นขึ้นมาแบบสลึมสลือ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงให้เชนอุ้มน้องชินไปขึ้นรถของผม แล้วผมก็รีบขับรถพาน้องชินมาหาหมอที่คลินิกหลังจากที่หมอได้ทำการตรวจและฉีดยาให้น้องชินแล้ว หมอให้นอนพักที่คลินิกสักครู่ เพื่อดูอาการว่าแพ้ยาหรือปล่าวและอาการจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ดีขึ้น หมอจะทำใบส่งตัวให้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล เพราะถ้าทำใบส่งตัวจากหมอไป จะได้รับการรักษาที่เร็วกว่าปกติผมจึงฝากน้องชินไว้กับหมอ แล้วออกมาหาข้าวเย็นทาน พร้อมกับซื้อโจ๊กไปเผื่อน้องชินด้วยเสร็จแล้วจึงกลับไปที่คลินิกอีกครั้ง เมื่อไปถึง...หมอบอกว่าไม่เป็นไร....ไข้ลดลงแล้ว ผมจับดูตัวน้องชิน รุ้สึกว่าตัวไม่ร้อนแต่มีเหงื่อซึมตามหน้าผากและตามแขนหมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ และกำชับให้เช็ดตัวบ่อยๆผมโทรบอกเชนว่า พามาหาหมอฉีดยาเรียบร้อยแล้ว กำลังจะพาน้องชินกลับบ้าน แต่เชนกลับบอกมาว่า 3 ทุ่มแล้ว ฝากให้ผมพาชินไปนอนพัก ที่บ้านผมก่อน เพราะกลัวน้องชินจะงอแงหาเรื่องให้ผมไปรับอีก วันพรุ่งนี้ถึงค่อยพากลับบ้านก็ได้ผมจึงต้องจำใจพาน้องชินกลับมาที่บ้านเช่า อุ้มขึ้นไปที่ห้องนอนของผม จับน้องแก้ผ้า......(นั่น ๆ อย่าคิดไม่ดีกันนะครับ คนป่วยผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก) ผมเอาผ้าห่มห่มให้น้องชิน แล้วลงไปเตรียมน้ำอุ่นมาเพื่อเช็ดตัวน้อง (เพื่อนๆ คงสงสัยว่าทำไมต้องแก้ผ้า ก่อนที่จะไปเอาน้ำอุ่นมา ทำไมไม่แก้หลังจากเตรียมน้ำอุ่นมาแล้ว ใช่ไหมครับ...ที่ผมทำแบบนั้นเพราะเสื้อผ้าของน้องชินที่สวมใส่อยู่ ใส่มาหลายวันแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยน เชื้อโรคมันก็สะสมที่เสื้อผ้า จึงต้องรีบเปลี่ยนก่อน) เช็ดตัวเสร็จ ก็ลงไปอุ่นโจ๊กใส่ชามนำขึ้นมาให้น้องชิน ปลุกจนตื่น น้องชินลืมตาขึ้นมองเพดาน แล้วหันซ้าย-ขวา มองไปรอบๆ ห้อง ถามด้วยเสียงที่แหบเครือว่า นี่ที่ไหน โรงพยาบาลเหรอ พอผมบอกว่า เป็นบ้านเช่าของผม น้องชินทำหน้าแป้นแล้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และพูดขึ้นว่า “เฮ้อ...ได้มาซะที (คงสมใจอยากเค้าล่ะซิ...) ผมก็ป้อนโจ๊กให้น้องชินกิน ขอบอกว่า กว่าจะกินหมดชามเนี่ยเหนื่อยมากกกก... อ้อนนู้นอ้อนนี่ เหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ให้เช็ดปากมั่งล่ะ ให้หอมแก้มมั่งล่ะ ขอหอมแก้มผมมั่งละ ลีลาเยอะมากกกก...นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยนะ ผมจะซัดสักตุ๊บด้วยความหมั่นไส้ หลังจากเสร็จมหกรรมป้อนโจ๊กแล้ว ผมก็ให้น้องชินนอนต่อ ยังจะมีการขอให้ผมนั่งเฝ้า แล้วดึงแขนผมไปกอดไว้อีก.....สักพัก....น้องชินก็หลับไป (เฮ้อ...ไม่เคยเฝ้าไข้ใคร แล้วเหนื่อยขนาดนี้เลย)       เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปซื้อข้าวต้มที่ตลาด มาเตรียมไว้ให้น้องชินถึงบ้านแล้ว ก็โทรศัพท์คุยกับเชน เล่าถึงอาการป่วยและพฤติกรรมของน้องชินให้เชนฟังเชนบอกว่า ตอนเด็ก ๆ ถ้าน้องชินป่วยก็จะอ้อน ๆ แบบนี้ ซึ่งเชนจะเป็นคนดูแล แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่อ้อนกับผม และเชนยังพูดติดตลกกับผมว่า “ก็ต้องอ้อนไม่เหมือนกันแน่ เพราะอ้อนพี่จะเหมือนกับอ้อนเมียได้ยังไง” ผมเลยด่าเชนว่า “บ้าอ่ะดิ่....บ้าทั้งพี่ทั้งน้อง”แล้วเชนก็หัวเราะขำ ๆ แล้วฝากผมให้ดูแล ถ้ายังไม่ค่อยดี ก็ให้อยู่ต่ออีกวัน (เออ...เอาเข้าไป ไอ้พี่ก็ทำท่าจะสนับสนุนน้องซะงั้น)
       อย่าลืมติดตามกันนะครับ มาดูกันว่า พรุ่งนี้ ผมจะเจอฤทธิ์เดชไอ้ตัวแสบยังไงอีกบ้าง ขอคนละเม้น ติ ชม ด้วยนะครับ ถ้าเม้นกันน้อย หมดกำลังใจก็จะเลิกเล่าล่ะคร้าบบบ


aka_365 โพสต์ 2024-11-10 08:17:59

ขอบคุณ

tan2 โพสต์ 2024-11-4 09:29:07

น้องชินน่าจะรู้สึกขาดความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่รึเปล่า...

soulevan โพสต์ 2024-11-2 12:27:14

ขอบคุณครับ

Tortcj โพสต์ 2024-10-31 04:42:41

ขอบคุณครับ

Moshiy โพสต์ 2024-10-16 14:37:09

ขอบคุณครับ

0810380803 โพสต์ 2024-10-11 01:17:10

ขอบคุณครับ

New1991 โพสต์ 2024-9-28 21:06:34

มีชินอยู่ใกล้ ๆ ถึงจะแสบไปมั่งแต่ก็ไม่ทำให้เหงาให้เซ็งนะครับ 555

eakkapop โพสต์ 2024-9-9 12:49:19

ขอบคุณครับ

aoffyza โพสต์ 2024-8-10 14:26:55

ขอบคุณครับ

aoffyza โพสต์ 2024-3-24 11:34:30

ขอบคุณครับ

tose โพสต์ 2024-3-19 01:02:06

ขอบคุณครับ ชอบมากกก

kite โพสต์ 2024-3-15 00:15:21


ขอบคุณครับ

being2be โพสต์ 2024-2-13 05:43:53

เขียนดีมากครับ

LJ858 โพสต์ 2024-2-9 02:18:43

ขอบคุณครับ

ponch โพสต์ 2024-1-19 15:50:40

ขอบคุณครับ

Pnp407 โพสต์ 2024-1-17 22:56:52

ขอบคุณครับ

Nickkie7878 โพสต์ 2024-1-1 10:08:07

ขอบคุณครับ

yut7223 โพสต์ 2023-12-5 13:57:39


ขอบคุณครับ

BoJinn โพสต์ 2023-11-22 06:51:24

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9
ดูในรูปแบบกติ: เปิดซิงน้ำแรกเด็ก 13 ม.1 (14) ความพยายามของน้องชิน