แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 20:40
ความเดิม ผมขับรถกลับมาบ้านเช่า คิดถึงเรื่องน้องชิน แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ผมคงจะต้องสู้รบกับความเอาแต่ใจตัวเองของน้องชินไป อีกหลายตั้งเป็นแน่ หลังจากจบกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือแล้ว แต่ละโรงเรียนก็เร่งเรื่องการเรียนการสอน เพราะใกล้ที่จะสอบปลายภาคเพื่อเลื่อนชั้น กิจกรรมเสริมอื่นๆจึงไม่มี แต่โรงเรียนของน้องตั๊กน้องชิน ยังมีกิจกรรมเล็ก ๆ คือ กิจกรรมแนะแนวเพื่อการศึกษาต่อสำหรับนร.ม.3 ที่จะจบ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับงานของผม ผมจึงไม่ค่อยมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ จะไปหาน้องตั๊ก น้องชินก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรไป จึงทำให้ผมห่างจากน้องทั้ง 2 ไประยะหนึ่ง ปลายเดือนมกราคม ผมกลับจากทำงานนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คที่บ้านเช่า มีเสียงโทรศัพท์เข้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก “สวัสดีครับ” ผมพูดไป “หวัดดีพี่...ผมชินเองนะ” “อ้าวนึกว่าใคร เอาโทรศัพท์ใครโทรมา...แล้วรู้เบอร์พี่ได้ไงเนี่ย” “ ของพี่เชนครับ เบอร์พี่หาไม่ยากอ่ะประกาศในหนังสือพิมพ์ เดี๋ยวก็เจอ” พูดจบก็หัวเราะ “กวนตีนแระ บอกมา...ได้มาไง” “โด่...พี่ ไม่เห็นจะยากตรงไหน ถามครู....เอาดิ่” “แหม..ร้ายนักนะเรา”(ครูที่น้องชินถามคือครูสอนคอมฯที่ลาคลอด) “แล้วโทรมาไม มีธุระไรป่าว” “โทรมาหาเมีย ต้องมีธุระด้วยเหรอ”แล้วน้องชินก็หัวเราะเสียงดังลั่น จนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู “ ถ้าพูดแบบนี้อีก จะวางสายแล้วนะ” “อ่ะ ๆ ไม่พูดแล้วคร้าบบบ” จากนั้น น้องชินก็พูดคุย ว่าคิดถึงมาก ไม่ได้เจอหน้ากันเลย อยากให้ผมไปหาที่บ้าน แต่ผมตอบไปว่า ไม่ค่อยว่าง งานเยอะ ครั้งนั้น น้องชินโทรคุยกับผม ครึ่งค่อนชั่วโมง จนผมบอกให้วางสายได้แล้ว จึงได้หยุด หลังจากวันนั้น เป็นต้นมา น้องชินก็โทรมาทุกวัน วันละ นาน ๆ เกือบชั่วโมง บางทีผมแกล้งไม่รับ ก็โทรเข้ามาจนรำคาญเลยต้องรับ ผมบอกให้น้องชินโฟกัสเรื่องการสอบ แต่น้องชินก็ตอบมาอย่างชิวๆว่า สบายอยู่แล้วเรื่องสอบ ผมเอง ก็รู้ว่าน้องชินไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน เพราะเรียนเก่งอยู่แล้ว แต่อยากให้น้องได้เกรดดี ๆ ขึ้นไปอีก จึงขู่ว่าถ้าโทรมาบ่อย ๆ จะเปลี่ยนเบอร์ แต่น้องชินก็เถียงกลับมาว่า ถ้าเปลี่ยนเบอร์ โทรไม่ได้ก็จะไม่อ่านหนังสือ และถ้าสอบตก ผมนี่แหละเป็นต้นเหตุ (ผมล่ะอ่อนใจกับเด็กคนนี้จริง ๆ ) ผมจึงต้องค่อยๆ ตะล่อมพูดให้น้องชินอ่านหนังสือเยอะๆ เพราะรู้ว่า น้องชินที่เป็นน้องคนเล็ก ถูกตามใจจนเคยตัว ไม่สามารถใช้ไม้แข็งได้ (ที่ผมรู้ดี....เพราะผมก็เป็นลูกคนเล็ก พอจะได้เป็นพี่ น้องผมก็มาตายไปเสียก่อนเลยไม่ได้เป็นพี่กับเค้า ตอนเด็ก ๆผมก็เป็นแบบน้องชินนี่แหละ เอาแต่ใจตัวเอง) ผมแกล้งพูดให้ความหวังกับน้องชินว่าถ้าสอบได้ที่ 1 จะไปหาที่บ้านและนอนค้างด้วย แต่น้องชินก็ต่อรองว่า ที่ 1 มันยากเพราะเพื่อนที่ได้ที่ 1 ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ขอแค่เลื่อนขึ้นมาอีก 1 หรือ 2 อันดับแทนได้มั้ย (น้องชินได้ที่ 5 ก็จะเป็นที่ 4 หรือ ที่ 3) ผมก็บอกไปว่า ได้...จะไปหาที่บ้านแต่ไม่ค้าง น้องชินก็โอดครวญไปตามนิสัยของน้องชิน
น้องชินโทรมาคุยกับผมติดต่อกันเกือบ 2 อาทิตย์ได้ จนถึงเช้าวันเสาร์ ผมนั่งฟังเพลงอยู่ที่บ้านเช่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รีบหยิบมาดู เป็นเบอร์ที่น้องชินใช้โทรมา (ผมเมมชื่อว่าน้องชิน) พอรับแล้ว ผมแกล้งพูดเสียงดุๆ ว่า “โทรมาไมทุกวัน ทำไมไม่อ่านหนังสือทบทวน ถือว่าเก่งแล้วหรือไง เดี๋ยวเกรดตกจะมาโทษพี่ไม่ได้นะ” (ผมพูดแค่นี้ น้องชินไม่สะทกสะท้านหรอกนะครับ เพราะน้องชินชอบตีลูกมึนเป็นประจำ และมักกวน...กลับมาเสมอ แต่ครั้งนี้ ผมผิดสังเกต ที่น้องชินนิ่งเงียบไป ไม่กวนกลับมา) “เอ้า....เงียบทำไมล่ะ ทำไมไม่พูดถ้าไม่พูดจะวางสายแล้วนะ” “เอ่อ.....ผมไม่ใช่ชินหรอกครับ ผมเชน” “อ้าว...โทษที พี่คิดว่าน้องชิน” “ชินคงโทรมารบกวนพี่มากนะครับ” เชนถาม “ก็มีบ้างนะแต่ก็ไม่มากเท่าไรหรอก”.....“เชนมีธุระไรกับพี่หรือป่าวถึงโทรมา” “ผมอยากคุยเรื่องชินอ่ะครับ”พอเชนบอกว่าจะพูดเรื่องน้องชิน ผมจึงตั้งใจฟังและลุ้นว่าเชนจะพูดเกี่ยวกับผมด้วยหรือปล่าว แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด “คือ...ผม....รู้นะครับ ว่าพี่เป็น...เหมือนผม ผมมีน้องคนเดียว ผมไม่อยากให้น้องเป็นแบบผม อยากให้เค้าเป็นผู้ชายเต็มตัว โตขึ้นจะได้มีครอบครัว มีเมีย มีลูก” เชนยังพูดไม่ทันจบ ผมก็รีบพูดแทรกขึ้นทันที “เชน...พี่ไม่ได้คิดอะไรกับชินนะ พี่รักชินเหมือนน้องคนหนึ่ง และก็มีความคิดเหมือนเชนน่ะแหละ ที่อยากให้ชินเป็นผู้ชาย ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แบบผู้ชายทั่วๆไป” “แต่ผมเห็นชินติดพี่มาก ติดมากกว่าผมที่เป็นพี่แท้ ๆ เสียอีก...และก็ผมเคยได้ยินชินคุยโทรศัพท์กับพี่ แล้วพูดว่า เมีย ๆ อะไรทำนองนี้แหละ......ผมขอถามพี่ตรงๆ เลยนะครับ พี่เคยมีอะไรกับน้องผมหรือป่าว” ผมอึ้งไปกับคำถามตรง ๆ ของเชน เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็เป็นคนตรง ๆจึงยอมรับ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ระหว่างผมกับน้องชินให้เชนฟัง เชนฟังจบก็พูดกลับมาว่า“ผมผิดเอง ที่เก็บหนังสือกับหนังไว้ไม่ดี ทำให้ชินไปเจอ แอบเอาออกมาดูเลยเกิดความอยากลอง แล้วก็ไปลงกับพี่” เชนพูดอย่างสำนึกผิด “ไม่เป็นไรหรอกเรื่องมันผ่านไปแล้ว เรามาคิดเรื่องข้างหน้าดีกว่านะ เป้าหมายของเรามันอันเดียวกัน มาช่วยกันคิดหาวิธี แก้ปัญหาเรื่องน้องชินดีกว่านะ” ผมพูดปลอบเชนไป เราทั้ง 2 คน จึงตกลงวางแผนด้วยการที่เชน จะจดเบอร์ในโทรศัพท์ทั้งหมดเก็บไว้ก่อน แล้วจะรีเซ็ทโทรศัพท์ใหม่ เบอร์ผมก็จะหายไป แล้วอ้างกับน้องชินว่าโทรศัพท์เสีย เอาไปซ่อมมา เบอร์หายหมด และผมก็จะเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เพื่อกันน้องชินจะไปถามที่ครูได้อีก (แต่ผมจะให้เบอร์ใหม่กับเชนไว้ เผื่ออาจจะมีเรื่องของน้องชินที่ต้องช่วยกันแก้ไขอีก) หลังจากที่เราดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้ว น้องชินก็ไม่ได้โทรมาหาผมอีกเลย เพราะไม่รู้เบอร์ผม ผมก็เบาใจลงและก็คิดว่าเชนเองก็คงจะเบาใจเหมือนกัน....ผ่านไป 2อาทิตย์แล้ว ที่น้องชินโทรมาไม่ได้ แต่แล้ว.....เย็นวันศุกร์นั้น หลังจากผมกลับจากทำงาน มาถึงบ้านเช่าแล้ว เชนโทรมาหาผม บอกว่าน้องชินไม่สบาย เป็นไขหวัดใหญ่ ไม่ได้ไปโรงเรียนมา 3 – 4 วันแล้ว ผมจึงถามกลับไปว่า พาไปหาหมอหรือยัง ซึ่งเชนก็ตอบกลับมาว่ายัง ชินไม่ยอมไป เชนจะพาไปก็ไม่ไป ปู่กับย่าจะพาไป ก็ไม่ไป พอเชนรบเร้าน้องชินให้ไปหาหมอมาก ๆ เข้า น้องชินบอกกับเชนว่า ถ้าผมมาพาไปถึงจะยอมไป (ผมนึกในใจว่า ไอ้เด็กคนนี้มันร้ายจริง ๆ มันต้องป่วยการเมือง แกล้งประท้วงแน่ๆ เฮ้อ...ไม่น่าหลวมตัวไปรู้จักเล้ยยย) เชนจึงขอร้องผม ให้ผมมาพาชินไปหาหมอ เพราะกลัวน้องขาดเรียนเยอะ ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน แล้วจะสอบได้คะแนนไม่ดี และเชนเองก็จะโดนพ่อแม่ตำหนิ ที่ดูแลน้องไม่ดีด้วย ผมจึงตอบตกลง รีบขับรถไปบ้านน้องชิน.....เมื่อไปถึงบ้านน้องชิน เชนพาผมเข้าไปดูน้องชินที่ห้องของน้องชิน น้องชินหลับอยู่ ผมจึงเอามือไปแตะที่หน้าผากน้อง เพราะอยากรู้ว่าแกล้งป่วยหรือปล่าว แต่ก็ต้องตกใจ...เพราะตัวร้อนจี๋ ปลุกให้ตื่น ก็ตื่นขึ้นมาแบบสลึมสลือ พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงให้เชนอุ้มน้องชินไปขึ้นรถของผม แล้วผมก็รีบขับรถพาน้องชินมาหาหมอที่คลินิก หลังจากที่หมอได้ทำการตรวจและฉีดยาให้น้องชินแล้ว หมอให้นอนพักที่คลินิกสักครู่ เพื่อดูอาการว่าแพ้ยาหรือปล่าวและอาการจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ดีขึ้น หมอจะทำใบส่งตัวให้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล เพราะถ้าทำใบส่งตัวจากหมอไป จะได้รับการรักษาที่เร็วกว่าปกติ ผมจึงฝากน้องชินไว้กับหมอ แล้วออกมาหาข้าวเย็นทาน พร้อมกับซื้อโจ๊กไปเผื่อน้องชินด้วย เสร็จแล้วจึงกลับไปที่คลินิกอีกครั้ง เมื่อไปถึง...หมอบอกว่าไม่เป็นไร....ไข้ลดลงแล้ว ผมจับดูตัวน้องชิน รุ้สึกว่าตัวไม่ร้อนแต่มีเหงื่อซึมตามหน้าผากและตามแขน หมอให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ และกำชับให้เช็ดตัวบ่อยๆ ผมโทรบอกเชนว่า พามาหาหมอฉีดยาเรียบร้อยแล้ว กำลังจะพาน้องชินกลับบ้าน แต่เชนกลับบอกมาว่า 3 ทุ่มแล้ว ฝากให้ผมพาชินไปนอนพัก ที่บ้านผมก่อน เพราะกลัวน้องชินจะงอแงหาเรื่องให้ผมไปรับอีก วันพรุ่งนี้ถึงค่อยพากลับบ้านก็ได้ ผมจึงต้องจำใจพาน้องชินกลับมาที่บ้านเช่า อุ้มขึ้นไปที่ห้องนอนของผม จับน้องแก้ผ้า......(นั่น ๆ อย่าคิดไม่ดีกันนะครับ คนป่วยผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก) ผมเอาผ้าห่มห่มให้น้องชิน แล้วลงไปเตรียมน้ำอุ่นมาเพื่อเช็ดตัวน้อง (เพื่อนๆ คงสงสัยว่าทำไมต้องแก้ผ้า ก่อนที่จะไปเอาน้ำอุ่นมา ทำไมไม่แก้หลังจากเตรียมน้ำอุ่นมาแล้ว ใช่ไหมครับ...ที่ผมทำแบบนั้นเพราะเสื้อผ้าของน้องชินที่สวมใส่อยู่ ใส่มาหลายวันแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยน เชื้อโรคมันก็สะสมที่เสื้อผ้า จึงต้องรีบเปลี่ยนก่อน) เช็ดตัวเสร็จ ก็ลงไปอุ่นโจ๊กใส่ชามนำขึ้นมาให้น้องชิน ปลุกจนตื่น น้องชินลืมตาขึ้นมองเพดาน แล้วหันซ้าย-ขวา มองไปรอบๆ ห้อง ถามด้วยเสียงที่แหบเครือว่า นี่ที่ไหน โรงพยาบาลเหรอ พอผมบอกว่า เป็นบ้านเช่าของผม น้องชินทำหน้าแป้นแล้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ และพูดขึ้นว่า “เฮ้อ...ได้มาซะที (คงสมใจอยากเค้าล่ะซิ...) ผมก็ป้อนโจ๊กให้น้องชินกิน ขอบอกว่า กว่าจะกินหมดชามเนี่ยเหนื่อยมากกกก... อ้อนนู้นอ้อนนี่ เหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ ให้เช็ดปากมั่งล่ะ ให้หอมแก้มมั่งล่ะ ขอหอมแก้มผมมั่งละ ลีลาเยอะมากกกก...นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยนะ ผมจะซัดสักตุ๊บด้วยความหมั่นไส้ หลังจากเสร็จมหกรรมป้อนโจ๊กแล้ว ผมก็ให้น้องชินนอนต่อ ยังจะมีการขอให้ผมนั่งเฝ้า แล้วดึงแขนผมไปกอดไว้อีก.....สักพัก....น้องชินก็หลับไป (เฮ้อ...ไม่เคยเฝ้าไข้ใคร แล้วเหนื่อยขนาดนี้เลย) เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปซื้อข้าวต้มที่ตลาด มาเตรียมไว้ให้น้องชิน ถึงบ้านแล้ว ก็โทรศัพท์คุยกับเชน เล่าถึงอาการป่วยและพฤติกรรมของน้องชินให้เชนฟัง เชนบอกว่า ตอนเด็ก ๆ ถ้าน้องชินป่วยก็จะอ้อน ๆ แบบนี้ ซึ่งเชนจะเป็นคนดูแล แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่อ้อนกับผม และเชนยังพูดติดตลกกับผมว่า “ก็ต้องอ้อนไม่เหมือนกันแน่ เพราะอ้อนพี่จะเหมือนกับอ้อนเมียได้ยังไง” ผมเลยด่าเชนว่า “บ้าอ่ะดิ่....บ้าทั้งพี่ทั้งน้อง”แล้วเชนก็หัวเราะขำ ๆ แล้วฝากผมให้ดูแล ถ้ายังไม่ค่อยดี ก็ให้อยู่ต่ออีกวัน (เออ...เอาเข้าไป ไอ้พี่ก็ทำท่าจะสนับสนุนน้องซะงั้น)
อย่าลืมติดตามกันนะครับ มาดูกันว่า พรุ่งนี้ ผมจะเจอฤทธิ์เดชไอ้ตัวแสบยังไงอีกบ้าง ขอคนละเม้น ติ ชม ด้วยนะครับ ถ้าเม้นกันน้อย หมดกำลังใจก็จะเลิกเล่าล่ะคร้าบบบ
|