รักเร่ร่อน...ของคนจรจัด 1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย tor_8915 เมื่อ 2020-3-30 00:03bymod-cup
เร่ร่อน1
ผมชื่อ ‘ปุญมนัส’ ชื่อนี้ปู่เป็นคนตั้งให้แปลว่า ‘มีใจสะอาด’ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่านิสัยผมเป็นอย่างชื่อหรือเปล่าแต่เพื่อนๆชอบบอกว่าผมใจดีขี้ใจอ่อน ไอ้ใจดีนี่ไม่รู้ แต่อีใจอ่อนนี่แน่ๆจำได้ว่าช่วงเรียนมหาวิทยาลัยไม่ว่าเพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องขอร้องให้ช่วยอะไรผมก็ไม่เคยจะปฏิเสธได้สักหน
ชื่อเล่นของผมคือ ‘คนเล็ก’ ผมถามแม่ว่าทำไมผมต้องชื่อคนเล็กไม่เห็นคล้องจองกับพี่ชายของผมทั้งสองคนเลยที่ชื่อ ไมล์กับเมตรแม่บอกว่าพ่ออยากได้ชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ม.ม้า และมีความหมายไปในทางเดียวกันกับพี่ชายแต่ยังหาชื่อที่ถูกใจไม่ได้เลยเรียกกันว่าคนเล็กๆไปก่อนเพราะว่าผมเป็นลูกชายคนสุดท้องของบ้าน (พ่อแม่ผมตกลงกันว่าจะมีลูกแค่สามคน) สุดท้ายก็เลยเรียกคนเล็กมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
บ้านเกิดผมอยู่ระยองอาศัยอยู่ตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 17 ปีก่อนได้เข้าไปเป็นเด็กเทพในเมืองใหญ่เพราะสอบติดมหาวิทยาลัยที่นั่นพอเรียนจบก็ผันตัวมาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์เนื่องจากเพื่อนชวนมาทำงาน
แล้วนี่ก็เป็นวันแรกของการทำงานถือว่าเป็นงานที่โอเคเลยทีเดียว
ผมกับเพื่อนเช่าคอนโดอยู่คนละห้อง อย่าถามว่ารวยหรอหรือว่าโกส่วนตัวสูงทำไมถึงไม่แชร์ห้องอยู่ด้วยกัน ทั้งหมดไม่ใช่เหตุผลที่เราแยกห้องกันแต่เพื่อนผมมันอยู่กับแฟน ผมที่ไม่อยากจะไปเป็นกระดูกหรือก้างขวางคอใครเลยเช่าอยู่อีกห้อง ตอนแรกพ่อและพี่ชายโวยวายจะเอาตัวผมกลับระยองให้ได้แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่ระยองไม่พ้นได้ไปทำงานบริษัทพ่อแน่ๆหรือถ้าผมไม่ยอมจริงๆพ่อก็จะเป็นคนหาให้ซึ่งก็อีกนั่นแหละไม่พ้นคำว่าเด็กเส้นอยู่ดี ผมอยากเจอรสชาติของความยากลำบากของนักศึกษาจบใหม่
ผมเลยต้องใส่ลูกอ้อนลูกขออยู่นานกว่าพ่อจะยอมให้ผมมาทำงานกับเพื่อน ดีนะที่ผมมีแม่หนุนหลัง นี่แหละข้อดีของการเป็นลูกคนเล็กโดนตามใจตลอดอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนกันทั้งบ้านแล้ว ไหนจะเรื่องบริษัทที่มีพี่ชายดูแลผมเลยไม่ต้องรับภาระได้ทำในสิ่งที่อยากทำ จำได้ว่าพี่ไมล์กับพี่เมตรเรียนจบปุ๊บก็โดนลากคอเข้าบริษัททันทีไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์
สุดท้ายผมก็ได้มาทำงานที่จังหวัดนครสวรรค์ยะฮู้วววววว
เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ดปลารสเด็ดปากน้ำโพ!!!
“ไอ้เล็กจะออกไปข้างนอกหรอ” ไอ้ปอนด์เพื่อนสนิทที่ผมขนผ้ามาทำงานกับมันโผล่เปิดประตูห้องฝั่งตรงข้ามออกมาถาม อื้อหืออออทั้งกายมีผ้าเช็ดตัวพันเอวอยู่ผืนเดียวผมโอเค แต่รอยข่วนที่อกกับรอยแดงจางๆที่ต้นคอผมไม่โอเคเท่าไหร่
อิจฉาอ่ะ!! เมียมันร้อนแรงเว่อออออออออ
“เออจะไปหามื้อเย็นแถวนี้แหละ”แถวนี้ก็คือร้านอาหารตามสั่งใต้คอนโดนี่แหละครับ
“ฝากสอง”
“ถึงขั้นหมดแรงออกไปหาข้าวกินไม่ได้เลยหรอมึง” ผมแซว ทุกทีแหละทำการบ้านกับเมียทีไรแบบนี้ตลอดมันยิ้มกริ่มยักคิ้วกลับมา
“อิจฉาอ่ะดิ๊!!”
“ไม่โว้ยยยยอยู่โสดๆแบบนี้แหละ”
“ให้จริงถึงมึงจะชอบผู้ชายแต่ก็ใช่จะหาคนจริงใจไม่ได้นะโว้ยย อย่าปิดตัวเองดิ”
ผมพยักหน้าอย่างขอไปทีก่อนโบกมือว่าจะไปแล้ว ผมก็อยากมีนะไอ้คนรักเนี่ยแต่มันหาง่ายซะเมื่อไหร่ไอ้คนจริงใจรักเราจริง ยิ่งผมมีรสนิยมแบบนี้จะหาคนรักจริงยิ่งยาก ไอ้ความสัมพันธ์แบบข้ามคืนก็ไม่ใช่แนวผมซะด้วย ดูจากรูปร่างผอมบางสูงร้อยเจ็ดสิบห้ากล้ามก็ไม่มีอย่างคนอื่นเขา หน้าตาก็กระแดะไปทางแม่ซะส่วนใหญ่แบบผมคบเล่นๆไปก็มีแต่เสียกับเสีย ของเก็บไว้ให้คนที่ผมคิดว่าใช่ถ้าชาตินี้ไม่เจอก็เก็บไว้ให้เนื้อคู่ที่รออยู่ชาติหน้าแล้วกัน
“กระเพราะไข่ดาวสี่กล่องครับ” ผมสั่งข้าวสิ้นคิดเสร็จก็วิ่งเหยาะข้ามถนนทางรถสวนไปยังเซเว่น-อีเลเว่นอีกฝั่งเพื่อเข้าไปซื้อนมกับน้ำผลไม้ที่หมดตู้เย็นเข้าไปกักตุนไว้ ผมต้องดื่มนมทุกเช้าและน้ำผลไม้ก่อนนอน แม่ผมให้ดื่มมาตั้งแต่เด็กๆเลยกลายเป็นความเคยชิน
ผมปิดตู้บรรจุเครื่องดื่มตรงหน้าเมื่อได้น้ำผลไม้กล่องใหญ่กับนมขวดขนาดหนึ่งกิลอนแล้วเปิดเข้าไปใหม่เพื่อหยิบน้ำเปล่าขวดใหญ่มาหนึ่งขวด ชำระเงินเสร็จก็ข้ามถนนกลับไปเพื่อไปเอาข้าวแต่ก่อนจะเดินกลับคอนโดผมเลี้ยวเข้าไปซอยที่ตั้งแต่ต้นยันท้ายซอยเป็นร้านขายผ้าทั้งหมด พอถึงสุดซอยก็เลี้ยวซ้ายผ่านตึกแถวสามห้องจะมีตรอกแคบๆเพียงเดินต่อแถวเข้าได้ทีละคนลึกเข้าไปประมาณสักหนึ่งร้อยเมตรจะเป็นทางตัน
ผมไม่ได้เดินเข้าไปในตรอกแค่หยิบข้าวออกจากถุงมาหนึ่งกล่องวางลงบนพื้นปูนซีเมนต์ตามด้วยน้ำเปล่าขวดใหญ่วางไว้คู่กัน เพ่งมองเข้าไปยังตรอกทั้งแคบทั้งมืดและมีกลิ่นเหม็นอับชื้นเห็นเงาตะคุ่มๆให้รู้ว่ามีคนอยู่ผมก็เปล่งเสียงตะโกนเข้าไป
“นาย!!ฉันเอาข้าวมาให้นะ!!”
“...” ถึงไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่เงาเคลื่อนไหวให้รู้ว่าคนด้านในรับรู้ก็ให้ผมยิ้มบางออกมาได้
“ฉันวางไว้ตรงนี้นะ รีบกินล่ะวางไว้นานๆเดี๋ยวมดขึ้น” ผมตะโกนเข้าไปอีกครั้งก่อนจะเดินกลับทางเดิมเพื่อกลับห้องพัก เดินมาถึงปากซอยที่เดินทะลุออกมาเมื่อครู่ก็หันไปมองอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในซอยร้านผ้าเพื่อกลับห้องพักจริงๆสักที
ผมเอาอาหารมาให้ชายเร่ร่อนวันนี้ก็วันที่สามแล้ว ผมจะเอาข้าวมาให้เขาทุกเย็น แม้ผมจะสงสารแต่ก็มีขอบเขตพอที่จะเซฟความปลอดภัยของตัวเองด้วย บอกตรงๆว่าผมไม่กล้าจะเข้าไปให้เขาข้างในตรอกนั่น ยอมรับว่ากลัวก็เขาน่ากลัวจริงๆตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นถ้าทำอะไรขึ้นมาผมคงสู้แรงไม่ได้
ผมยังจำวันที่ให้ข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ชายเร่ร่อนคนนั้นได้ ตอนนั้นเขาอยู่ริมฟุตบาทเพิ่งโดนเด็กมัธยมผลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกับพื้น เอาจริงๆผมว่าเพราะเขาไม่ค่อยมีแรงมากกว่าถ้าร่างกายแข็งแรงปกติคงไม่ล้มได้ง่ายๆแบบนี้
ผมเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าก่อนยื่นถุงหมูปิ้งไปให้ เขาเงยมองหน้าก่อนจ้องมาที่ถุงหมูปิ้งแล้วกระชากมันออกไปจากมือผมชันตัวลุกขึ้นก่อนวิ่งหายเข้าไปในซอยผ้า
ตกเย็นฝนเกิดตกระหว่างเดินออกมาจากธนาคารหลังจากไปถอนเงินมา ผมเลยเข้าไปหลบฝนหน้าตึกแถวห้องหนึ่งหันซ้ายแลขวาเพื่อหาทางกลับห้องโดยให้ตัวเองเปียกน้อยที่สุดเพราะดูท่าฝนบ้านี่คงตกอีกนาน
แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเงาตะคุ่มผลุบๆโผล่ๆอยู่ตรงซอกตึกที่ผมจำได้ลางๆว่าเป็นทางตันพอมองดีๆหัวใจก็กระตุกวาบ
ชายเร่ร่อนที่ผมให้หมูปิ้งเมื่อเช้าอยู่ในท่าคลานเข่าแหงนหน้าขึ้นอ้าปากแลบลิ้นออกมาเพื่อรับน้ำฝนที่ไหลลงมาจากกันสาด
ผมรู้สึกหดหู่กับภาพที่เห็นเหลือเกิน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาผมก็เอาอาหารมาให้ทุกเย็นที่ตรอกนี้ ตอนแรกกลัวว่าเขาจะไปที่อื่นแล้วหรือเปล่าแต่ก็โล่งใจที่ยังอยู่ที่เดิม ถึงตรอกนี้จะเหม็นอับแต่ก็มีหลังคาจากตึกสองฝั่งเกยกันพอจะเป็นที่หลบแดดหลบฝนได้
เฮ้อ ผมคงช่วยเขาได้เพียงเท่านี้
“ไปนานจังวะ”
“แวะไปธุระนิดหน่อย” ผมส่งถุงข้าวไปให้ไอ้ปอนด์ก่อนชะโงกหน้าผ่านไหล่เข้าไปในห้อง
“พิณอ่ะ”
“อาบน้ำอยู่”
ผมพยักหน้า ดูแล้วระหว่างผมไปต้องมีซัมติงเกิดขึ้นอีกยกแน่ๆ ถ้าไม่ป้องกันดีๆเชื่อผมสิไม่เกินปีนี้ไอ้ปอนด์ได้เป็นพ่อคนแบบไม่ได้ตั้งตัวแหงๆ
“ธุระที่ว่าของมึงนี่อะไรวะ”
“ก็แวะเอาข้าวไปให้คนเร่ร่อน” ผมบอกมันไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบัง
“คนตัวใหญ่ๆนั่นอ่ะนะ”
“อืม”
“ระวังตัวด้วยนะเว้ยกูไม่ได้รังเกียจนะ แต่ของอย่างนี้มันไม่แน่ไม่นอน”
“รู้แล้วน่า”
“ใจดีตลอดเลยน้าน้องคนเล็กเนี่ย” มันส่งมือมาโยกหัวผมพร้อมล้อเลียนผมปัดมือมันออกพลางแยกเขี้ยวใส่
“ฮ่าๆได้ยินแม่บ้านพูดกันว่ามาอยู่แถวนี้ได้สองอาทิตย์แล้วนี่หว่าก่อนเราจะย้ายมาอยู่อีก”
“อืมกูสงสารเขาว่ะแต่คงช่วยได้เท่านี้”
“เท่านี้ของมึงนี่ก็ดีกว่าคนอื่นๆแล้ว ให้อะไรก็ไม่เหมือนใช้ชีวิตโว้ย มึงให้มันได้อิ่มท้องทุกวันแบบนี้ก็เหมือนต่อชีวิตให้แล้วโอ้โห สร้างบุญครั้งใหญ่นะเนี่ย ฮ่าๆ”
เซ็งมัน!! พูดอะไรเป็นเล่นตลอด!!!
“คุยกับมึงแล้วปวดกบาลเข้าห้องดีกว่า”
ผมเข้าห้องมาได้ก็จัดการเอาข้าวจากหล่อเทลงจานเทน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อนมานั่งกินหน้าทีวี ดูรายการโปรดเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำขึ้นมานอนอ่านหนังสือเล่นบนเตียงจบไปได้สองบทก็ปิดไฟนอน
ถึงจะหลับตาลงแล้วผมก็ยังอดคิดไปถึงชายเร่ร่อนคนนั้นไม่ได้
ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่คนสติไม่ดี คนติดยาอะไรแบบนั้นแต่จะว่าเป็นคนปกติเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ก็ไม่ใช่อีก แววตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้ามอมแมมกลับดูว่างเปล่า
มันต่างจากแววตาของคนเร่ร่อนทั่วไปที่ผมเคยเห็นความเศร้า หมดหวัง หว่าเหว่ ผมไม่เห็นในดวงตาคู่นั้นเลย
แววตาคู่นั้นไม่สะท้อนอะไรเลย...นอกจาก ‘ความว่างเปล่า’ จริงๆ
ขอบคุณครับ{:5_119:} น่าสนใจดีครับ รอตอนต่อไปอยู่นะครับ ขอบคุณครับ รอลุ้น ตอนต่อไปนะครับ{:5_130:} ขอบคุณครับ ชอบ เหมือนเคยอ่านเมื่อนานแล้ว แต่ยังอยากอ่านอีก ขอบคุณครับ รอติดตามนะครับ ขอบคุณครับ ชอบนะ รอต่อ ขอบคุณครับ น่าสนใจๆ รอตอนต่อไปเด้อ ขอบคุณครับ เอาใจช่วย ชอบครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
น่าติดตามๆครับ