tor_8915 โพสต์ 2020-4-19 22:42:46

รักเร่ร่อน...ของคนจรจัด 12 bymod-cup

เร่ร่อน12



การเปิดร้านขายอาหารมันไม่ง่ายสักนิด


นี่ขนาดเปิดแค่ร้านเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตยังต้องจัดการอะไรมากมาย


อย่างแรกเลยคือ...จะให้ใหญ่ขายอะไรแน่นอนว่าต้องเป็นอาหาร แต่อาหารประเภทไหนล่ะ


ผมเปิดคัมภีร์อาหารยอดยุทธ์กวาดตามองเมนู(อ่านไม่ออกหรอก)พลางเสนอความคิดไปด้วย


“ขายข้าวราดแกงดีมั้ย”ผมเสนอ พ่อครัวใหญ่นิ่งคิด


“ถ้าทำกับข้าวแค่สามสี่อย่างคงสู้ร้านปากซอยที่มีอาหารเป็นสิบไม่ได้อีกอย่างต้องรีบขายให้หมดในช่วงเช้าด้วยเพราะร้อนๆแบบนี้บ่ายมาจะบูดเอา”


ผมก็เข้าใจนะ ปากซอยมีร้านข้าวแกงร้านใหญ่เป็นที่รู้จักของคนแถวนี้อยู่แล้วซะด้วย ผมก็เคยไปทานอยู่สองสามครั้ง อร่อยนะเพียงแค่ผมทานอาหารตามสั่งมากกว่าเลยไม่ค่อยได้ไปทานร้านนี้


“งั้นอาหารตามสั่งล่ะ”


“ผมกำลังชั่งใจระหว่างอาหารตามสั่งกับก๋วยเตี๋ยว” ใหญ่คิดไปในทางเดียวกับผมซึ่งผมก็บอกเขาว่าไม่ต้องรีบค่อยๆตัดสินใจ ยังไงก็ต้องรอให้เขาหายดีก่อนซึ่งก็อีกประมาณสองเดือน


แต่สองวันต่อมาเขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะขายก๋วยเตี๋ยวเนื่องจากต้นทุนที่ใช้น้อยกว่าการเปิดร้านอาหารตามสั่งทั้งในด้านอุปกรณ์และวัตถุดิบ


โดยระหว่างนั้นใหญ่ก็วานให้ผมซื้อไหมาให้เขาสองใบ ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะเอามาหมักปลาร้ารึขายก๋วยเตี๋ยวหมักปลาร้าทำไม แต่ไม่ใช่ เขาหมักน้ำอะไรไม่รู้มันเป็นสีเหลืองทองเหมือนน้ำซุปในโฆษณาผงปรุงรสยี่ห้อหนึ่งผมขอลองชิมใหญ่บอกต้องหมักให้ได้สามสิบวันขึ้นไปถึงจะได้รสชาติ


เราคุยกันค้างไว้แค่นี้ สรุปได้แค่ว่าจะขายอะไร ผมกลับไปทำงานและใหญ่ก็พักรักษาตัวเลยพับโครงการนี้ไปชั่วคราว มีคุยกันบ้างอยู่เป็นเนืองๆ


ระหว่างนั้นผมก็มองหาที่ทางในการค้าขายไว้บ้างอาศัยช่วงตอนขับรถไปทำงานหรือออกงานนอกสถานที่ถึงไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็รู้หรอกน่าว่าการค้าขายต้องหาทำเลดีๆ


ซึ่งตรงไหนผมคิดว่าเหมาะว่าเจ๋งก็ไปสอบถามราคาค่าเช่าถึงกับเงิบครับ แพงมากกกกกกกกกกกกกกก


ด้วยหนึ่งตึกแถวบ้านเช่าย่านนี้ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแดนเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด ทุกซอกทุกมุมซอยเล็กซอยน้อยจึงราคาสูงลิ่วไปหมด อย่างที่ผมไปสอบถามตึกแถวเปิดให้เช่าบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาคิดราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาทต่อเดือน นี่คือราคากลางๆนะ!!ขนาดยังไม่เข้าไปในตัวเมืองจริงๆ แบบถูกสุดๆเลยที่เจอคือแปดพัน...แปดพันบาท!! อยู่สุดซอยอีกต่างหาก ไหนจะค่ามัดจำ ค่าประกันห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ บลาๆๆ อีก เดือนๆหนึ่งคงไม่เหลือกำไร


ถ้าขายดิบขายดีมันก็ยังพอสู้ได้ แต่นี่ยังไม่รู้ลูกผีลูกคน จะจ่าหรือหมู่ ขืนลงตู้มไปเจ๊งขึ้นมาได้หมดตัวกันจริงๆก็คราวนี้ (บรรทัดนี้ใหญ่พูดตอนผมเอาไปบอกเล่าเก้าสิบให้เขาฟัง)


อีกสาเหตุที่ผมต้องคิดมากคิดเยอะคือ ใหญ่ไม่ยอมให้ผมช่วยเรื่องเงินเลย เขาจะใช้เงินตัวเองทั้งหมดที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่หนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน เขาจะเหลือเงินเยอะกว่านี้ถ้าไม่จ่ายค่าห้องเช่า(ห้องรูหนูอยู่)เดือนละแปดร้อยบาทไม่รวมค่าไฟ ค่าน้ำ(มีห้องน้ำรวมอยู่ชั้นสอง)และค่าอาหารทั้งของเขาและตี๋น้อย ซึ่งสำหรับผมเขาใช้เงินน้อยมากกกกเดือนละไม่ถึงสามพันด้วยซ้ำ


หรือถ้าเขาจำเป็นจะต้องใช้เงินผมจริงๆ เขาก็จะยืมและนำมาใช้คืนภายหลัง โดยต้องลงรายละเอียดจำนวนเงินเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน มีลายเซ็นผมและเขากำกับทุกครั้งเพื่อป้องกันผมโกง


ใช่...เขาบอกเดี๋ยวผมขี้โกงหาว่าเขาไม่ได้ยืมเงินไปสรุปลูกหนี้กลัวเจ้าหนี้โกงสินะ เป็นงั้นไป เฮ้อ


“ใหญ่อาบน้ำ” ผมตะโกนจากในห้องน้ำเพิ่งกลับมาจากทำงานเมื่อกี้แวะไปดูตึกแถวสองชั้นหลังห้างสรรพสินค้าแฟรี่แลนด์ฯมา โอ๊ยยยแพงอ่ะ


เสียงกุกกักดังสักพักนายหมาตูบในชุดผ้าขาวม้าพันเอวผืนเดียวก็เดินเข้ามา


“ผมอาบน้ำเองได้แล้วนะ” ถูกของเขา แผลตามร่างกายเริ่มแห้งแล้วแผลผ่าตัดก็ปิดสนิท เดินเหินอย่างช้าๆได้ด้วยตัวเอง มีขัดๆเจ็บๆบ้างตอนนั่งนานๆแล้วเริ่มเคลื่อนไหว สรุปเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้วแต่...


“ไม่เดี๋ยวแผลนายโดนน้ำ” ผมยังไม่ยอมก็เท่านั้น


ไม่ได้หรอก นี่มันช่วงเวลาทำคะแนนของผมเลยนะ


ถึงลึกๆจะอดยอมรับไม่ได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาลวนลามเขาก็เถอะ แต่ไม่!! ผมเป็นนายปุญมนัสผู้มีใจใสสะอาดจิตบริสุทธิ์ ผู้ปรารถนาดีต่อสัตว์โลก


ใหญ่โคลงหัวยอมแพ้เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ซักผ้าที่ทำจากไม้ เมื่อก่อนใช้เก้าอี้พลาสติก แต่ใหญ่นั่งหักไปสองตัวเลยซื้อแบบทำจากไม้มาใช้ กะว่าถ้าหักอีกจะให้นั่งบนพื้นแล้ว


ผมหยิบฝักบัวพลางเปิดน้ำให้ไหลเบาๆแล้วราดบนไหล่ขวาของเขาให้น้ำไหลลงไปตามร่างกายอย่างระวังไม่ให้ถูกแผลทางด้านซ้าย มืออีกข้างกดสบู่เหลวลงบนฝ่ามือก่อนลูบไล้ไปบนร่างกายเพื่อให้เกิดฟองเริ่มจากแผงอกแน่นไล่ขึ้นไปบนช่วงไหล่ผายเลื้อยผ่านลงมาตามแผ่นหลังกว้างก่อนวกกลับมาตามแนวแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลามมายังแผ่นท้องลอนนูนให้สัมผัสเพลินมือ


ให้ตายเถอะ อาบน้ำให้เขาทุกวันใจยังสั่นเป็นบ้า นี่พัฒนาบังคับมือไม่ให้สั่นได้แล้วนะ ลูกตานี่กรอกไปมาตลอดเวลาไม่สามารถจดจ้องอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งได้นานไม่อย่างนั้นกำเดากระฉูดแน่


ภูมิคุ้มกันด้านการมองของผมแน่นหนาแล้วนะใจอาจจะแกว่งบ้างแต่ก็ควบคุมพฤติกรรมภายนอกได้ปกติแต่ด้านการสัมผัสนี่สิ...


“คุณเล็กมือคุณเลื่อนต่ำไปแล้วนะ”


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก สาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่สติมันกระเจิงมากเกินไปเลยไม่รู้ตัว T_T


“ขะขอโทษ...มือมันลื่น” เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวได้เข้าไปเที่ยวเล่นในร่มผ้าขาวม้าแล้ว ไม่น่าท้วงเลย ไม่สิ!!...ผมคือนายปุญมนัสผู้มีใจใสสะ...อาด....


“วันนี้คุณจะสระผมด้วยมั้ย”ขอบใจนะใหญ่ที่ช่วยกู้หน้าร้อนฉ่าให้ ฉันว่าน่าจะเป็นนายมากกว่าที่มีใจใสสะอาดไม่ถือโทษคนใจบาปอย่างฉันฮือ


แต่จะดีมากถ้านายไม่อมยิ้มด้วยใบหน้านิ่งๆนั่น!!


“คะคงไม่...ฉันเพิ่งสระให้นายไปเมื่อวาน” อยากยกมือตบปากชะมัด เสียงจะสั่นเพื่อ...!!


“ถ้างั้นล้างฟองออกเถอะครับเอี่ยมแล้ว”


“อะโอเค”


แล้วสงครามประสาท(แตก)สำหรับผมคนเดียวในห้องน้ำก็สิ้นสุดลง เป็นแบบนี้ทุกวัน บางวันก็เผลอไปจ้องตา จับหน้าบีบจมูก ลูบหัวนมเลยก็มีT^T คือเอาจริงๆผมไม่ได้ตั้งใจนะแต่อย่างที่บอกมันไปเองโดยไม่รู้ตัว


หลังจากที่เช็ดตัวผลัดเปลี่ยนเป็นกางเกงเอวยางยืด(ออกแนวย้วยเพื่อไม่ให้กดทับแผล) ผมก็ประคอง(เขาเดินได้แต่ผมอยากทำ)เขามานั่งบนโซฟาเพื่อทำแผล บริเวณแผลที่ถลอกไม่ต้องปิดด้วยผ้าก๊อซแล้วเพียงแค่เช็ดด้วยน้ำยาล้างแผลและทายาแบบเนื้อครีมสีขาวเช่นเดียวกับแผลผ่าตัด อ้อ ต้องทานยา symphytum6c ที่เกี่ยวเนื่องจากการผ่าตัดกระดูกด้วย


หลังจากนั้นผมก็เข้าไปยกอาหารเย็นที่ใหญ่ทำเตรียมไว้ให้ เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงซี่โครงหมูอ่อน เขาใส่เครื่องทุกอย่างไว้ในชามแล้วเหลือแค่เติมน้ำซุปหอมควันฉุยในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาแก๊ส


ใหญ่บอกจะทดลองฝีมือก่อนออกขาย


ผมสงสัยก็อีตรงทำไมหม้อน้ำซุปต้องมีสองหม้อเขาบอกให้ตักใส่อย่างละชาม


ผมทำตามคำสั่งพ่อครัวหัวหมี่ก่อนยกชามที่มีควันหอมฉุยเข้ามาในห้องนั่งเล่นวางลงบนโต๊ะอาหารของเราชามหนึ่งวางตรงหน้าใหญ่ อีกชามของผม


แต่ก็ต้องงุนงงเมื่อใหญ่เลื่อนชามตรงหน้าเขามาให้ผม


“นายจะแลกหรอ”


“เปล่าผมให้คุณชิมทั้งสองชามนี้”ผมมองสองชามสลับกันอย่างงงๆ สองชามเลยเหรอผมทานไม่หมดหรอก


“อ้าว ทำไมล่ะแล้วของนายอ่ะ”


“ผมให้ลองชิมรสชาติดูเดี๋ยวผมก็กินชามนี้แหละ”


อ่อ แค่ต้องการให้ผมชิมเฉยๆแล้วมันไม่เหมือนกันเหรอแต่น้ำซุปมาจากคนละหม้อแสดงว่าใหญ่อยากให้ผมชิมว่าสูตรไหนอร่อยกว่างั้นสิ


ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนชิมชามของใหญ่ก่อน อืมอร่อยดี หมูแดงนุ่ม เส้นบะหมี่เด้ง เกี๊ยวไม่เละ สรุปกลมกล่อม


ลองตักจากอีกชามขึ้นมาชิม อืม ก็เหมือนๆกันนะ หมูแดงนุ่ม เส้นบะหมี่เด้งเกี๊ยวไม่เละ...แต่!! มันนุ่มลิ้นอ่ะ ทั้งเนื้อหมูแดงและหมูสับในเกี๊ยวจะให้ความหวานของเนื้อออกมามากกว่า แล้วยังมีกลิ่นหอมของน้ำซุปด้วย ชามก่อนหน้าก็หอมนะแต่มันไม่ได้หอมแบบชวนน้ำลายสอเหมือนชามนี้


ความหอมที่เพิ่มให้เจริญอาหาร


“ใหญ่!ชามนี้อร่อยมากเลย!!” ผมบอกอย่างตื่นเต้นตาเป็นประกาย มันอร่อยมากจริงๆใบหน้าคมลุ้นระบายยิ้มบางพลางปล่อยลมหายใจพรูก่อนอธิบาย


“ชามนี้ใส่น้ำหมัก ชามนี้ไม่ได้ใส่” ใหญ่ชี้ประกอบคำ คำว่าน้ำหมักพานให้ผมนึกไปถึงของเหลวสีเหลืองทองในไหที่ถูกปิดผนึกไว้...อืม วันนี้วันที่....ใช่แล้ว! ครบสามสิบวันพอดี!!


“ใส่น้ำหมักนั่นแล้วช่วยให้อร่อยมากขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ!”


“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ทุกสูตรอาหารที่ผมไล่อ่านจะมีน้ำหมักเป็นส่วนผสมทั้งสิ้นและวิธีการทำน้ำหมักก็อยู่หน้าสุดท้ายของเล่ม...และเป็นตัวอักษรสีทองทั้งหมด ผมเลยลองทำดู”


มันคือคัมภีร์ของแดจังกึมใช่มั้ย! โอ้วววใหญ่ก็คือท่านซังกุงสูงสุดปลอมตัวมา


แต่จะอะไรก็ช่างเถอะผมรู้แค่ว่า...


“รับรองวิถีพ่อค้าขายบะหมี่ของนายรุ่งแน่!!”


คราวนี้แหละ ผมจะพาเขาไปออกรายการเชฟกะทะเหล็ก!


หลังจากโซ้ยบะหมี่เกี๊ยวไปสามชามจนอิ่มท้อง(ใหญ่ทานชามเดียว) เราก็ต่อด้วยดูหนังแผ่นเรื่อง saw เกมตัดต่อตาย ความจริงผมควรหาหนังโรแมนติกกุ๊กกิ๊กมาดูอ่ะนะ หรือถ้าจะดูหนังแนวสยองขวัญผมก็ควรใส่จริตปิดตาหวาดผวาทำท่าหวาดกลัวเสียหน่อยเพื่อเรียกคะแนนสงสารให้เขามากอดปลอบ แต่ทำไมผมถึงนั่งดูเฉยๆด้วยอาการตื่นเต้นทำนองสนุกสนานเสียเต็มประดา คงเป็นเพราะมันเป็นหนังเรื่องโปรดของผมล่ะมั้งแล้วผมก็ดูมาแล้วสี่ภาคก่อนหน้านี้ เลยรู้สึกลุ้นตามมากกว่าจะสยองกลัว T^T


ส่วนเขาก็นั่งดูด้วยใบหน้านิ่งเฉยมีแสยะยิ้มบ้างเมื่อตัวละครหลงเข้าไปในแผนการที่ซอลวางไว้


ในช่วงตัดจากฉากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจผมก็เรียกร้องความสนใจจากใหญ่ด้วยการค่อยๆขยับนิ้วชี้กับนิ้วกลางปูไต่ตามพื้นผิวนุ่มของโซฟาไปใกล้มือหนาสอดนิ้วมือทั้งห้าลงไปช่องว่างระหว่างนิ้วมืออีกฝ่ายก่อนทาบฝ่ามือประกบชิดกัน


ใหญ่หันมามองแต่ไม่ได้ว่าอะไรเขายิ้มบางก่อนหันกลับไปสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมดังเดิม ได้ทีผมเลย


อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ~ ร้องเพลงในใจให้จังหวะพลางขยับก้นเข้าประชิดอีกมือกอดท่อนแขนพลางซบหน้าลงไป


“หนาวเหรอ เบาแอร์มั้ย”


เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆแค่เธอยิ้มมาก็สั่นไปทั้งหัวใจ~


“เปล่าขอนั่งแบบนี้ได้มั้ย”


“อืม”


ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล~


โอ๊ยยยยย ไม่ไหวแล้ว มีความสุขที่สุดเลย>O<



ติ๊ดๆ


และความสุขก็มักมีมารมาผจญเสมอ


ฝันดีครับ วันนี้อาหารอร่อยมาก...

ติ๊ดๆ

ถ้าได้ไปทานด้วยกันในฐานะคนรักคงอร่อยกว่านี้เมื่อไหร่คุณจะรับรักผมสักที


เป็นข้อความจากคุณพชร...


ผมลอบถอนหายใจอย่างหนักใจ ทุกวันนี้ผมยังไปทานมื้อเที่ยงกับคุณพชรเหมือนเดิม และทุกครั้งที่เห็นหน้าเขาก็รู้สึกลำบากใจทุกครั้ง อยากพูดอยากบอกให้เขาตัดใจเลิกหวังในตัวผมสักทีแต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่ใช่ในเชิงเสียดายอะไรทำนองนั้นนะผมแค่กลัว...


ถ้าผมบอกไปแล้วเขาเข้าใจ มันก็แล้วไป


แต่ถ้าไม่ล่ะ ถ้าเขาไม่เข้าใจไม่ยอมจบถ้ามันบานปลาย ถ้าเขาเข้ามาระราน...


ผมไม่รู้เลย ไม่รู้จักเขาดีพอที่จะกล้าตัดสินใจ


ผิดไหม...ที่ผมอยากจะรักษาพื้นที่ส่วนตัวของ ‘เรา’ เอาไว้




อีกหนึ่งเดือนต่อมาใหญ่ก็หายดี ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ วันเสาร์เราสองคนเลยมาตะเวนหาพื้นที่ในการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกัน ไปกันหลายที่มากแต่ก็ไม่ได้ที่ตรงใจสักทีตรงที่ทำเลดีก็แพงราคาถูกหน่อยก็อยู่ในมุมอับเกินไป


“เที่ยงแล้ว หาอะไรกินกันก่อนมั้ย” ตอนนี้เราหยุดยืนพักเหนื่อยกันอยู่หน้าตึก 3BB อากาศร้อนมากจนเหงื่อโทรมกายทั้งคู่ ผมควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อตามใบหน้าให้ใหญ่ เขาหยุดชะงักก่อนส่ายหน้าแล้วแย่งผ้าเช็ดหน้าในมือผมไป


“หน้าที่นี้ควรเป็นของผม” เขาเอ่ยเสียงนุ่มก่อนใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันซับมาตามใบหน้าของผมเช่นเดียวกับที่ผมทำให้เขา ผมจ้องมองใบหน้าเขาด้วยรอยยิ้มเต็มแก้มการปฏิบัติอันอ่อนโยนที่ให้ผมหายเหนื่อยทันที


“ไปกินข้าวกันเถอะ”


“อื้ม!!”


เรามาทานอาหารกันในร้านอาหารกึ่งหรู เคยมากับไอ้ปอนด์รสชาติอาหารธรรมดาแต่บรรยากาศดีและเป็นห้องแอร์ ข้อหลังนี่แหละที่ผมต้องการในตอนนี้


ระหว่างทานข้าวกันอยู่สายตาใหญ่ก็มองออกไปนอกกระจกไม่ได้มองผ่านๆแต่จ้องเหมือนกำลังสนใจบางสิ่งอยู่


คงไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ


ผมหันไปมอง ขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นว่าจะมีอะไร ฝั่งตรงข้ามเป็นหนองสมบุญสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ มีร้านค้าตั้งเรียงรายบนฟุตบาทบริเวณรอบนอกกำแพงของหนองสมบุญ ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านขายอาหารปลาและอีกจิปาถะ ยามเที่ยงแบบนี้มีลูกค้าพอสมควร อาจไม่พลุกพล่านเท่าช่วงเย็นแต่ก็มีเรื่อยๆตลอดวันไม่ขาดสาย


“นายสนใจเหรอ” ผมพอจะเดาได้ว่าใหญ่คิดอะไรเขาละสายตากลับมาที่ผมก่อนพยักหน้า


“แต่มันเป็นที่บนฟุตบาทเปล่าๆหาเป็นห้องไม่ดีกว่าเหรอ”


“ถ้าราคาถูกกว่ากันมากผมว่ามันก็พอมีทางออก”สายตาเขาบ่งบอกว่าได้คิดหาทางออกต่อจากนี้ไว้แล้ว


“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วไปดูกัน”


ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ราคาค่าที่บริเวณขอบหนองคิดเป็นบล็อก หนึ่งบล็อกเท่ากับสามพันบาทต่อหนึ่งเดือน ซึ่งบล็อกหนึ่งก็มีพื้นที่มากพอให้เปิดร้านขายอาหารและตั้งโต๊ะได้ประมาณแปดโต๊ะ ซึ่งก็โอเคอยู่


เราจึงขับรถกลับคอนโดทันที อย่าลืมว่าคอนโดผมอยู่บริเวณหนองสมบุญเหมือนกัน เพียงแค่อยู่อีกฝั่งของที่เราไปสอบถามก็เท่านั้นแต่ก็มีร้านค้าและปริมาณคนพลุกพล่านพอกัน


ซึ่งเราคุยกันแล้วว่าถ้าอยู่ใกล้ๆคอนโดจะสะดวกกว่า


แล้วก็ได้ที่ขายสักที กว่าจะติดต่อเจ้าหน้าที่ทำสัญญา(ต้องใช้ชื่อผมเช่า) จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าสามเดือนก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว


หลังจากนั้นเราก็ไปตรอกลิเกกันต่อ(มีลิเกหลายคณะฯอยู่ในซอยนี้เลยเรียกกันติดปากว่าตรอกลิเก) ผมไม่รู้หรอกว่ามาทำไมแค่ตามเขามาเท่านั้น ใหญ่เดินไปเคาะประตูไม้บานพับของบ้านหลังหนึ่ง สักพักก็มียายแก่ๆคนหนึ่งเดินออกมายิ้มทักทายเหมือนรู้จักกันมาก่อน ใหญ่คุยกับยายอยู่สักครู่เท่าที่จับใจความได้คือเขามาขอติดต่อซื้อรถเข็นขายของเก่าๆที่จอดทิ้งร้างไว้หน้าบ้าน




แล้วสุดท้ายเขาก็ได้รถเข็นขายของมาด้วยราคาสองพันบาท และนี่เป็นสถานที่สุดท้ายของวันนี้ กลับไปถึงห้องเราก็อาบน้ำแล้วหลับด้วยความอ่อนเพลีย ซึ่งใหญ่ย้ายกลับไปนอนโซฟาได้สองสัปดาห์แม้ใจผมอยากจะให้เขานอนด้วยกันเอ่อ หมายถึงเขานอนบนฟูกผมนอนบนเตียงอ่ะนะ โอเคผมควรใช้คำว่านอนห้องเดียวกัน แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลกากๆว่าอยากไปนอนเป็นเพื่อนตี๋น้อย


วันรุ่งขึ้นเราสองคนก็ไปซื้ออุปกรณ์ค้าขายที่จำเป็น เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว หัวแก๊สถังแก๊ส ตู้กระจก อุปกรณ์การครัวทุกอย่างที่ต้องใช้ และสีหนึ่งกระป๋องมาบูรณะรถเข็นให้ดูดีขึ้นเป็นสีฟ้าสดใสซึ่งเขาต้องยืมเงินผมหนึ่งหมื่นบาท โดยได้ระบุจำนวนเงินและลงลายเซ็นเรียบร้อยแล้วในสมุดคัดไทย=.=


“ใหญ่ทำอะไรอยู่อ่ะ ดึกแล้วนะ” ผมออกมาดื่มน้ำเห็นไฟที่ระเบียงเปิดอยู่เลยเดินมาดู เจอใหญ่กำลังนั่งใช้กรรไกรตัดแผ่นสติ๊กเกอร์สีน้ำเงินอยู่ ตรงหน้าเป็นแผ่นพลาสติกสีขาวแผ่นยาวที่อีกด้านมีเจ้าตี๋น้อยนอนหงายโชว์พุงทับอยู่


“ทำป้ายร้าน” เขาละจากสิ่งตรงหน้ามาแวบหนึ่งเพื่อหันมาคุยกับผมก่อนก้มลงไปตัดต่อ ผมชะโงกหน้าไปดู เขาตัดเป็นรูปตัวอักษรทีละตัว คาดว่าน่าจะเอามาแปะบนแผ่นพลาสติกสีขาว


“นายตัดเป็นคำว่าอะไร”


“กินเส้น”


“หืม ชื่อร้าน ‘กินเส้น’ เหรอ”


เขาอมยิ้มพยักหน้า


ชื่อร้านดูธรรมดาแต่ก็สื่อได้ตรงดี อืมมมในเมื่อใหญ่ทำป้ายร้านผมจะช่วยทำแผ่นเมนูแล้วกัน

Nowa โพสต์ 2020-4-19 23:04:28

.สนุกครับขอบคุณ

Nowa โพสต์ 2020-4-19 23:04:30

.สนุกครับขอบคุณ

sex_hi_hi โพสต์ 2020-4-20 00:25:16

ขอบคุณครับ

gaybin โพสต์ 2020-4-20 00:37:20

สนุกมากเลยครับ

rowetszaa โพสต์ 2020-4-20 00:40:25

ขอบคุณครับ

minone โพสต์ 2020-4-20 00:44:35

ขอบคุณ​มาก​นะ​ครับ​{:5_130:}

uglymen โพสต์ 2020-4-20 00:53:39

{:5_120:} กินเส้น นึกได้หลายอย่างเลย 555 {:5_120:}

KBKK โพสต์ 2020-4-20 01:45:43

สนุกครับ{:5_119:}

cm_cm โพสต์ 2020-4-20 01:48:57

ขอบคุณครับ

Nws โพสต์ 2020-4-20 01:50:48

ขอบคุณครับ

lnatl โพสต์ 2020-4-20 03:12:07

สนุกดี ชอบ

sa99 โพสต์ 2020-4-20 03:15:18

ขอบคุณครับ{:5_119:}

redboy โพสต์ 2020-4-20 03:46:46

ชอบจังเลย

winwin2 โพสต์ 2020-4-20 04:01:35

ขอบคุณครับ

lieber_dich โพสต์ 2020-4-20 04:22:35

ขอบคุณครับ ขอให้ขายดีนะครับ

maravann โพสต์ 2020-4-20 04:41:18

ขอบคุณครับ

jatuAAA โพสต์ 2020-4-20 05:06:11

ขอบคุณครับ

ngeanollo โพสต์ 2020-4-20 05:07:17

ขอบคุณครับ

bbb615 โพสต์ 2020-4-20 05:27:04

ชอบมาก สนุกมากครับ
หน้า: [1] 2 3 4
ดูในรูปแบบกติ: รักเร่ร่อน...ของคนจรจัด 12 bymod-cup