รักเร่ร่อน...ของคนจรจัด 12 bymod-cup
เร่ร่อน12การเปิดร้านขายอาหารมันไม่ง่ายสักนิด
นี่ขนาดเปิดแค่ร้านเล็กๆไม่ได้ใหญ่โตยังต้องจัดการอะไรมากมาย
อย่างแรกเลยคือ...จะให้ใหญ่ขายอะไรแน่นอนว่าต้องเป็นอาหาร แต่อาหารประเภทไหนล่ะ
ผมเปิดคัมภีร์อาหารยอดยุทธ์กวาดตามองเมนู(อ่านไม่ออกหรอก)พลางเสนอความคิดไปด้วย
“ขายข้าวราดแกงดีมั้ย”ผมเสนอ พ่อครัวใหญ่นิ่งคิด
“ถ้าทำกับข้าวแค่สามสี่อย่างคงสู้ร้านปากซอยที่มีอาหารเป็นสิบไม่ได้อีกอย่างต้องรีบขายให้หมดในช่วงเช้าด้วยเพราะร้อนๆแบบนี้บ่ายมาจะบูดเอา”
ผมก็เข้าใจนะ ปากซอยมีร้านข้าวแกงร้านใหญ่เป็นที่รู้จักของคนแถวนี้อยู่แล้วซะด้วย ผมก็เคยไปทานอยู่สองสามครั้ง อร่อยนะเพียงแค่ผมทานอาหารตามสั่งมากกว่าเลยไม่ค่อยได้ไปทานร้านนี้
“งั้นอาหารตามสั่งล่ะ”
“ผมกำลังชั่งใจระหว่างอาหารตามสั่งกับก๋วยเตี๋ยว” ใหญ่คิดไปในทางเดียวกับผมซึ่งผมก็บอกเขาว่าไม่ต้องรีบค่อยๆตัดสินใจ ยังไงก็ต้องรอให้เขาหายดีก่อนซึ่งก็อีกประมาณสองเดือน
แต่สองวันต่อมาเขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะขายก๋วยเตี๋ยวเนื่องจากต้นทุนที่ใช้น้อยกว่าการเปิดร้านอาหารตามสั่งทั้งในด้านอุปกรณ์และวัตถุดิบ
โดยระหว่างนั้นใหญ่ก็วานให้ผมซื้อไหมาให้เขาสองใบ ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะเอามาหมักปลาร้ารึขายก๋วยเตี๋ยวหมักปลาร้าทำไม แต่ไม่ใช่ เขาหมักน้ำอะไรไม่รู้มันเป็นสีเหลืองทองเหมือนน้ำซุปในโฆษณาผงปรุงรสยี่ห้อหนึ่งผมขอลองชิมใหญ่บอกต้องหมักให้ได้สามสิบวันขึ้นไปถึงจะได้รสชาติ
เราคุยกันค้างไว้แค่นี้ สรุปได้แค่ว่าจะขายอะไร ผมกลับไปทำงานและใหญ่ก็พักรักษาตัวเลยพับโครงการนี้ไปชั่วคราว มีคุยกันบ้างอยู่เป็นเนืองๆ
ระหว่างนั้นผมก็มองหาที่ทางในการค้าขายไว้บ้างอาศัยช่วงตอนขับรถไปทำงานหรือออกงานนอกสถานที่ถึงไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็รู้หรอกน่าว่าการค้าขายต้องหาทำเลดีๆ
ซึ่งตรงไหนผมคิดว่าเหมาะว่าเจ๋งก็ไปสอบถามราคาค่าเช่าถึงกับเงิบครับ แพงมากกกกกกกกกกกกกกก
ด้วยหนึ่งตึกแถวบ้านเช่าย่านนี้ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแดนเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด ทุกซอกทุกมุมซอยเล็กซอยน้อยจึงราคาสูงลิ่วไปหมด อย่างที่ผมไปสอบถามตึกแถวเปิดให้เช่าบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาคิดราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาทต่อเดือน นี่คือราคากลางๆนะ!!ขนาดยังไม่เข้าไปในตัวเมืองจริงๆ แบบถูกสุดๆเลยที่เจอคือแปดพัน...แปดพันบาท!! อยู่สุดซอยอีกต่างหาก ไหนจะค่ามัดจำ ค่าประกันห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ บลาๆๆ อีก เดือนๆหนึ่งคงไม่เหลือกำไร
ถ้าขายดิบขายดีมันก็ยังพอสู้ได้ แต่นี่ยังไม่รู้ลูกผีลูกคน จะจ่าหรือหมู่ ขืนลงตู้มไปเจ๊งขึ้นมาได้หมดตัวกันจริงๆก็คราวนี้ (บรรทัดนี้ใหญ่พูดตอนผมเอาไปบอกเล่าเก้าสิบให้เขาฟัง)
อีกสาเหตุที่ผมต้องคิดมากคิดเยอะคือ ใหญ่ไม่ยอมให้ผมช่วยเรื่องเงินเลย เขาจะใช้เงินตัวเองทั้งหมดที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่หนึ่งหมื่นสองพันบาทถ้วน เขาจะเหลือเงินเยอะกว่านี้ถ้าไม่จ่ายค่าห้องเช่า(ห้องรูหนูอยู่)เดือนละแปดร้อยบาทไม่รวมค่าไฟ ค่าน้ำ(มีห้องน้ำรวมอยู่ชั้นสอง)และค่าอาหารทั้งของเขาและตี๋น้อย ซึ่งสำหรับผมเขาใช้เงินน้อยมากกกกเดือนละไม่ถึงสามพันด้วยซ้ำ
หรือถ้าเขาจำเป็นจะต้องใช้เงินผมจริงๆ เขาก็จะยืมและนำมาใช้คืนภายหลัง โดยต้องลงรายละเอียดจำนวนเงินเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน มีลายเซ็นผมและเขากำกับทุกครั้งเพื่อป้องกันผมโกง
ใช่...เขาบอกเดี๋ยวผมขี้โกงหาว่าเขาไม่ได้ยืมเงินไปสรุปลูกหนี้กลัวเจ้าหนี้โกงสินะ เป็นงั้นไป เฮ้อ
“ใหญ่อาบน้ำ” ผมตะโกนจากในห้องน้ำเพิ่งกลับมาจากทำงานเมื่อกี้แวะไปดูตึกแถวสองชั้นหลังห้างสรรพสินค้าแฟรี่แลนด์ฯมา โอ๊ยยยแพงอ่ะ
เสียงกุกกักดังสักพักนายหมาตูบในชุดผ้าขาวม้าพันเอวผืนเดียวก็เดินเข้ามา
“ผมอาบน้ำเองได้แล้วนะ” ถูกของเขา แผลตามร่างกายเริ่มแห้งแล้วแผลผ่าตัดก็ปิดสนิท เดินเหินอย่างช้าๆได้ด้วยตัวเอง มีขัดๆเจ็บๆบ้างตอนนั่งนานๆแล้วเริ่มเคลื่อนไหว สรุปเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้วแต่...
“ไม่เดี๋ยวแผลนายโดนน้ำ” ผมยังไม่ยอมก็เท่านั้น
ไม่ได้หรอก นี่มันช่วงเวลาทำคะแนนของผมเลยนะ
ถึงลึกๆจะอดยอมรับไม่ได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาลวนลามเขาก็เถอะ แต่ไม่!! ผมเป็นนายปุญมนัสผู้มีใจใสสะอาดจิตบริสุทธิ์ ผู้ปรารถนาดีต่อสัตว์โลก
ใหญ่โคลงหัวยอมแพ้เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ซักผ้าที่ทำจากไม้ เมื่อก่อนใช้เก้าอี้พลาสติก แต่ใหญ่นั่งหักไปสองตัวเลยซื้อแบบทำจากไม้มาใช้ กะว่าถ้าหักอีกจะให้นั่งบนพื้นแล้ว
ผมหยิบฝักบัวพลางเปิดน้ำให้ไหลเบาๆแล้วราดบนไหล่ขวาของเขาให้น้ำไหลลงไปตามร่างกายอย่างระวังไม่ให้ถูกแผลทางด้านซ้าย มืออีกข้างกดสบู่เหลวลงบนฝ่ามือก่อนลูบไล้ไปบนร่างกายเพื่อให้เกิดฟองเริ่มจากแผงอกแน่นไล่ขึ้นไปบนช่วงไหล่ผายเลื้อยผ่านลงมาตามแผ่นหลังกว้างก่อนวกกลับมาตามแนวแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามลามมายังแผ่นท้องลอนนูนให้สัมผัสเพลินมือ
ให้ตายเถอะ อาบน้ำให้เขาทุกวันใจยังสั่นเป็นบ้า นี่พัฒนาบังคับมือไม่ให้สั่นได้แล้วนะ ลูกตานี่กรอกไปมาตลอดเวลาไม่สามารถจดจ้องอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งได้นานไม่อย่างนั้นกำเดากระฉูดแน่
ภูมิคุ้มกันด้านการมองของผมแน่นหนาแล้วนะใจอาจจะแกว่งบ้างแต่ก็ควบคุมพฤติกรรมภายนอกได้ปกติแต่ด้านการสัมผัสนี่สิ...
“คุณเล็กมือคุณเลื่อนต่ำไปแล้วนะ”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก สาบานเลยว่าผมไม่ได้ตั้งใจเพียงแต่สติมันกระเจิงมากเกินไปเลยไม่รู้ตัว T_T
“ขะขอโทษ...มือมันลื่น” เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวได้เข้าไปเที่ยวเล่นในร่มผ้าขาวม้าแล้ว ไม่น่าท้วงเลย ไม่สิ!!...ผมคือนายปุญมนัสผู้มีใจใสสะ...อาด....
“วันนี้คุณจะสระผมด้วยมั้ย”ขอบใจนะใหญ่ที่ช่วยกู้หน้าร้อนฉ่าให้ ฉันว่าน่าจะเป็นนายมากกว่าที่มีใจใสสะอาดไม่ถือโทษคนใจบาปอย่างฉันฮือ
แต่จะดีมากถ้านายไม่อมยิ้มด้วยใบหน้านิ่งๆนั่น!!
“คะคงไม่...ฉันเพิ่งสระให้นายไปเมื่อวาน” อยากยกมือตบปากชะมัด เสียงจะสั่นเพื่อ...!!
“ถ้างั้นล้างฟองออกเถอะครับเอี่ยมแล้ว”
“อะโอเค”
แล้วสงครามประสาท(แตก)สำหรับผมคนเดียวในห้องน้ำก็สิ้นสุดลง เป็นแบบนี้ทุกวัน บางวันก็เผลอไปจ้องตา จับหน้าบีบจมูก ลูบหัวนมเลยก็มีT^T คือเอาจริงๆผมไม่ได้ตั้งใจนะแต่อย่างที่บอกมันไปเองโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เช็ดตัวผลัดเปลี่ยนเป็นกางเกงเอวยางยืด(ออกแนวย้วยเพื่อไม่ให้กดทับแผล) ผมก็ประคอง(เขาเดินได้แต่ผมอยากทำ)เขามานั่งบนโซฟาเพื่อทำแผล บริเวณแผลที่ถลอกไม่ต้องปิดด้วยผ้าก๊อซแล้วเพียงแค่เช็ดด้วยน้ำยาล้างแผลและทายาแบบเนื้อครีมสีขาวเช่นเดียวกับแผลผ่าตัด อ้อ ต้องทานยา symphytum6c ที่เกี่ยวเนื่องจากการผ่าตัดกระดูกด้วย
หลังจากนั้นผมก็เข้าไปยกอาหารเย็นที่ใหญ่ทำเตรียมไว้ให้ เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงซี่โครงหมูอ่อน เขาใส่เครื่องทุกอย่างไว้ในชามแล้วเหลือแค่เติมน้ำซุปหอมควันฉุยในหม้อที่ตั้งอยู่บนเตาแก๊ส
ใหญ่บอกจะทดลองฝีมือก่อนออกขาย
ผมสงสัยก็อีตรงทำไมหม้อน้ำซุปต้องมีสองหม้อเขาบอกให้ตักใส่อย่างละชาม
ผมทำตามคำสั่งพ่อครัวหัวหมี่ก่อนยกชามที่มีควันหอมฉุยเข้ามาในห้องนั่งเล่นวางลงบนโต๊ะอาหารของเราชามหนึ่งวางตรงหน้าใหญ่ อีกชามของผม
แต่ก็ต้องงุนงงเมื่อใหญ่เลื่อนชามตรงหน้าเขามาให้ผม
“นายจะแลกหรอ”
“เปล่าผมให้คุณชิมทั้งสองชามนี้”ผมมองสองชามสลับกันอย่างงงๆ สองชามเลยเหรอผมทานไม่หมดหรอก
“อ้าว ทำไมล่ะแล้วของนายอ่ะ”
“ผมให้ลองชิมรสชาติดูเดี๋ยวผมก็กินชามนี้แหละ”
อ่อ แค่ต้องการให้ผมชิมเฉยๆแล้วมันไม่เหมือนกันเหรอแต่น้ำซุปมาจากคนละหม้อแสดงว่าใหญ่อยากให้ผมชิมว่าสูตรไหนอร่อยกว่างั้นสิ
ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนชิมชามของใหญ่ก่อน อืมอร่อยดี หมูแดงนุ่ม เส้นบะหมี่เด้ง เกี๊ยวไม่เละ สรุปกลมกล่อม
ลองตักจากอีกชามขึ้นมาชิม อืม ก็เหมือนๆกันนะ หมูแดงนุ่ม เส้นบะหมี่เด้งเกี๊ยวไม่เละ...แต่!! มันนุ่มลิ้นอ่ะ ทั้งเนื้อหมูแดงและหมูสับในเกี๊ยวจะให้ความหวานของเนื้อออกมามากกว่า แล้วยังมีกลิ่นหอมของน้ำซุปด้วย ชามก่อนหน้าก็หอมนะแต่มันไม่ได้หอมแบบชวนน้ำลายสอเหมือนชามนี้
ความหอมที่เพิ่มให้เจริญอาหาร
“ใหญ่!ชามนี้อร่อยมากเลย!!” ผมบอกอย่างตื่นเต้นตาเป็นประกาย มันอร่อยมากจริงๆใบหน้าคมลุ้นระบายยิ้มบางพลางปล่อยลมหายใจพรูก่อนอธิบาย
“ชามนี้ใส่น้ำหมัก ชามนี้ไม่ได้ใส่” ใหญ่ชี้ประกอบคำ คำว่าน้ำหมักพานให้ผมนึกไปถึงของเหลวสีเหลืองทองในไหที่ถูกปิดผนึกไว้...อืม วันนี้วันที่....ใช่แล้ว! ครบสามสิบวันพอดี!!
“ใส่น้ำหมักนั่นแล้วช่วยให้อร่อยมากขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ!”
“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ทุกสูตรอาหารที่ผมไล่อ่านจะมีน้ำหมักเป็นส่วนผสมทั้งสิ้นและวิธีการทำน้ำหมักก็อยู่หน้าสุดท้ายของเล่ม...และเป็นตัวอักษรสีทองทั้งหมด ผมเลยลองทำดู”
มันคือคัมภีร์ของแดจังกึมใช่มั้ย! โอ้วววใหญ่ก็คือท่านซังกุงสูงสุดปลอมตัวมา
แต่จะอะไรก็ช่างเถอะผมรู้แค่ว่า...
“รับรองวิถีพ่อค้าขายบะหมี่ของนายรุ่งแน่!!”
คราวนี้แหละ ผมจะพาเขาไปออกรายการเชฟกะทะเหล็ก!
หลังจากโซ้ยบะหมี่เกี๊ยวไปสามชามจนอิ่มท้อง(ใหญ่ทานชามเดียว) เราก็ต่อด้วยดูหนังแผ่นเรื่อง saw เกมตัดต่อตาย ความจริงผมควรหาหนังโรแมนติกกุ๊กกิ๊กมาดูอ่ะนะ หรือถ้าจะดูหนังแนวสยองขวัญผมก็ควรใส่จริตปิดตาหวาดผวาทำท่าหวาดกลัวเสียหน่อยเพื่อเรียกคะแนนสงสารให้เขามากอดปลอบ แต่ทำไมผมถึงนั่งดูเฉยๆด้วยอาการตื่นเต้นทำนองสนุกสนานเสียเต็มประดา คงเป็นเพราะมันเป็นหนังเรื่องโปรดของผมล่ะมั้งแล้วผมก็ดูมาแล้วสี่ภาคก่อนหน้านี้ เลยรู้สึกลุ้นตามมากกว่าจะสยองกลัว T^T
ส่วนเขาก็นั่งดูด้วยใบหน้านิ่งเฉยมีแสยะยิ้มบ้างเมื่อตัวละครหลงเข้าไปในแผนการที่ซอลวางไว้
ในช่วงตัดจากฉากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจผมก็เรียกร้องความสนใจจากใหญ่ด้วยการค่อยๆขยับนิ้วชี้กับนิ้วกลางปูไต่ตามพื้นผิวนุ่มของโซฟาไปใกล้มือหนาสอดนิ้วมือทั้งห้าลงไปช่องว่างระหว่างนิ้วมืออีกฝ่ายก่อนทาบฝ่ามือประกบชิดกัน
ใหญ่หันมามองแต่ไม่ได้ว่าอะไรเขายิ้มบางก่อนหันกลับไปสนใจหน้าจอสี่เหลี่ยมดังเดิม ได้ทีผมเลย
อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ~ ร้องเพลงในใจให้จังหวะพลางขยับก้นเข้าประชิดอีกมือกอดท่อนแขนพลางซบหน้าลงไป
“หนาวเหรอ เบาแอร์มั้ย”
เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆแค่เธอยิ้มมาก็สั่นไปทั้งหัวใจ~
“เปล่าขอนั่งแบบนี้ได้มั้ย”
“อืม”
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล~
โอ๊ยยยยย ไม่ไหวแล้ว มีความสุขที่สุดเลย>O<
ติ๊ดๆ
และความสุขก็มักมีมารมาผจญเสมอ
ฝันดีครับ วันนี้อาหารอร่อยมาก...
ติ๊ดๆ
ถ้าได้ไปทานด้วยกันในฐานะคนรักคงอร่อยกว่านี้เมื่อไหร่คุณจะรับรักผมสักที
เป็นข้อความจากคุณพชร...
ผมลอบถอนหายใจอย่างหนักใจ ทุกวันนี้ผมยังไปทานมื้อเที่ยงกับคุณพชรเหมือนเดิม และทุกครั้งที่เห็นหน้าเขาก็รู้สึกลำบากใจทุกครั้ง อยากพูดอยากบอกให้เขาตัดใจเลิกหวังในตัวผมสักทีแต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก ไม่ใช่ในเชิงเสียดายอะไรทำนองนั้นนะผมแค่กลัว...
ถ้าผมบอกไปแล้วเขาเข้าใจ มันก็แล้วไป
แต่ถ้าไม่ล่ะ ถ้าเขาไม่เข้าใจไม่ยอมจบถ้ามันบานปลาย ถ้าเขาเข้ามาระราน...
ผมไม่รู้เลย ไม่รู้จักเขาดีพอที่จะกล้าตัดสินใจ
ผิดไหม...ที่ผมอยากจะรักษาพื้นที่ส่วนตัวของ ‘เรา’ เอาไว้
อีกหนึ่งเดือนต่อมาใหญ่ก็หายดี ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ วันเสาร์เราสองคนเลยมาตะเวนหาพื้นที่ในการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกัน ไปกันหลายที่มากแต่ก็ไม่ได้ที่ตรงใจสักทีตรงที่ทำเลดีก็แพงราคาถูกหน่อยก็อยู่ในมุมอับเกินไป
“เที่ยงแล้ว หาอะไรกินกันก่อนมั้ย” ตอนนี้เราหยุดยืนพักเหนื่อยกันอยู่หน้าตึก 3BB อากาศร้อนมากจนเหงื่อโทรมกายทั้งคู่ ผมควักผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อตามใบหน้าให้ใหญ่ เขาหยุดชะงักก่อนส่ายหน้าแล้วแย่งผ้าเช็ดหน้าในมือผมไป
“หน้าที่นี้ควรเป็นของผม” เขาเอ่ยเสียงนุ่มก่อนใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวกันซับมาตามใบหน้าของผมเช่นเดียวกับที่ผมทำให้เขา ผมจ้องมองใบหน้าเขาด้วยรอยยิ้มเต็มแก้มการปฏิบัติอันอ่อนโยนที่ให้ผมหายเหนื่อยทันที
“ไปกินข้าวกันเถอะ”
“อื้ม!!”
เรามาทานอาหารกันในร้านอาหารกึ่งหรู เคยมากับไอ้ปอนด์รสชาติอาหารธรรมดาแต่บรรยากาศดีและเป็นห้องแอร์ ข้อหลังนี่แหละที่ผมต้องการในตอนนี้
ระหว่างทานข้าวกันอยู่สายตาใหญ่ก็มองออกไปนอกกระจกไม่ได้มองผ่านๆแต่จ้องเหมือนกำลังสนใจบางสิ่งอยู่
คงไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ
ผมหันไปมอง ขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นว่าจะมีอะไร ฝั่งตรงข้ามเป็นหนองสมบุญสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ มีร้านค้าตั้งเรียงรายบนฟุตบาทบริเวณรอบนอกกำแพงของหนองสมบุญ ทั้งร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านขายอาหารปลาและอีกจิปาถะ ยามเที่ยงแบบนี้มีลูกค้าพอสมควร อาจไม่พลุกพล่านเท่าช่วงเย็นแต่ก็มีเรื่อยๆตลอดวันไม่ขาดสาย
“นายสนใจเหรอ” ผมพอจะเดาได้ว่าใหญ่คิดอะไรเขาละสายตากลับมาที่ผมก่อนพยักหน้า
“แต่มันเป็นที่บนฟุตบาทเปล่าๆหาเป็นห้องไม่ดีกว่าเหรอ”
“ถ้าราคาถูกกว่ากันมากผมว่ามันก็พอมีทางออก”สายตาเขาบ่งบอกว่าได้คิดหาทางออกต่อจากนี้ไว้แล้ว
“งั้นกินข้าวเสร็จแล้วไปดูกัน”
ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ราคาค่าที่บริเวณขอบหนองคิดเป็นบล็อก หนึ่งบล็อกเท่ากับสามพันบาทต่อหนึ่งเดือน ซึ่งบล็อกหนึ่งก็มีพื้นที่มากพอให้เปิดร้านขายอาหารและตั้งโต๊ะได้ประมาณแปดโต๊ะ ซึ่งก็โอเคอยู่
เราจึงขับรถกลับคอนโดทันที อย่าลืมว่าคอนโดผมอยู่บริเวณหนองสมบุญเหมือนกัน เพียงแค่อยู่อีกฝั่งของที่เราไปสอบถามก็เท่านั้นแต่ก็มีร้านค้าและปริมาณคนพลุกพล่านพอกัน
ซึ่งเราคุยกันแล้วว่าถ้าอยู่ใกล้ๆคอนโดจะสะดวกกว่า
แล้วก็ได้ที่ขายสักที กว่าจะติดต่อเจ้าหน้าที่ทำสัญญา(ต้องใช้ชื่อผมเช่า) จ่ายค่ามัดจำล่วงหน้าสามเดือนก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ไปตรอกลิเกกันต่อ(มีลิเกหลายคณะฯอยู่ในซอยนี้เลยเรียกกันติดปากว่าตรอกลิเก) ผมไม่รู้หรอกว่ามาทำไมแค่ตามเขามาเท่านั้น ใหญ่เดินไปเคาะประตูไม้บานพับของบ้านหลังหนึ่ง สักพักก็มียายแก่ๆคนหนึ่งเดินออกมายิ้มทักทายเหมือนรู้จักกันมาก่อน ใหญ่คุยกับยายอยู่สักครู่เท่าที่จับใจความได้คือเขามาขอติดต่อซื้อรถเข็นขายของเก่าๆที่จอดทิ้งร้างไว้หน้าบ้าน
แล้วสุดท้ายเขาก็ได้รถเข็นขายของมาด้วยราคาสองพันบาท และนี่เป็นสถานที่สุดท้ายของวันนี้ กลับไปถึงห้องเราก็อาบน้ำแล้วหลับด้วยความอ่อนเพลีย ซึ่งใหญ่ย้ายกลับไปนอนโซฟาได้สองสัปดาห์แม้ใจผมอยากจะให้เขานอนด้วยกันเอ่อ หมายถึงเขานอนบนฟูกผมนอนบนเตียงอ่ะนะ โอเคผมควรใช้คำว่านอนห้องเดียวกัน แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลกากๆว่าอยากไปนอนเป็นเพื่อนตี๋น้อย
วันรุ่งขึ้นเราสองคนก็ไปซื้ออุปกรณ์ค้าขายที่จำเป็น เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว หัวแก๊สถังแก๊ส ตู้กระจก อุปกรณ์การครัวทุกอย่างที่ต้องใช้ และสีหนึ่งกระป๋องมาบูรณะรถเข็นให้ดูดีขึ้นเป็นสีฟ้าสดใสซึ่งเขาต้องยืมเงินผมหนึ่งหมื่นบาท โดยได้ระบุจำนวนเงินและลงลายเซ็นเรียบร้อยแล้วในสมุดคัดไทย=.=
“ใหญ่ทำอะไรอยู่อ่ะ ดึกแล้วนะ” ผมออกมาดื่มน้ำเห็นไฟที่ระเบียงเปิดอยู่เลยเดินมาดู เจอใหญ่กำลังนั่งใช้กรรไกรตัดแผ่นสติ๊กเกอร์สีน้ำเงินอยู่ ตรงหน้าเป็นแผ่นพลาสติกสีขาวแผ่นยาวที่อีกด้านมีเจ้าตี๋น้อยนอนหงายโชว์พุงทับอยู่
“ทำป้ายร้าน” เขาละจากสิ่งตรงหน้ามาแวบหนึ่งเพื่อหันมาคุยกับผมก่อนก้มลงไปตัดต่อ ผมชะโงกหน้าไปดู เขาตัดเป็นรูปตัวอักษรทีละตัว คาดว่าน่าจะเอามาแปะบนแผ่นพลาสติกสีขาว
“นายตัดเป็นคำว่าอะไร”
“กินเส้น”
“หืม ชื่อร้าน ‘กินเส้น’ เหรอ”
เขาอมยิ้มพยักหน้า
ชื่อร้านดูธรรมดาแต่ก็สื่อได้ตรงดี อืมมมในเมื่อใหญ่ทำป้ายร้านผมจะช่วยทำแผ่นเมนูแล้วกัน
.สนุกครับขอบคุณ .สนุกครับขอบคุณ ขอบคุณครับ สนุกมากเลยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ{:5_130:} {:5_120:} กินเส้น นึกได้หลายอย่างเลย 555 {:5_120:} สนุกครับ{:5_119:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สนุกดี ชอบ ขอบคุณครับ{:5_119:} ชอบจังเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอให้ขายดีนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ชอบมาก สนุกมากครับ