รักเร่ร่อน...ของคนจรจัด...ตอนพิเศษ bymod-cup
ตอนพิเศษวันลอยกระทง“ไม่โกรธใช่ไหม” คนตัวใหญ่เข้าสวมกอดผมจากด้านหลังให้ผมที่ออกมานั่งพักขาหันไปยิ้มให้เต็มแก้ม
“ไม่หรอกเล็กไม่ใช่คนงี่เง่านะ”
ฟอด
“ขอบคุณครับ”
แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้
ใหญ่คงกังวลกลัวว่าผมจะโกรธเรื่องที่ไม่ได้พาไปลอยกระทงทั้งที่เป็นวันลอยกระทงปีแรกของเรา แต่ที่ทุกอย่างต้องผิดพลาดไปหมดเนื่องจากว่าร้านอาหารของใหญ่ขาดคนพนักงานลาหยุดพร้อมกันจนคนไม่พอ ไอ้ครั้นจะปิดร้านของก็ซื้อมาหมดแล้ว ทีแรกใหญ่ก็คิดจะปิดแต่เป็นผมที่คัดค้านเอาไว้
ของที่ซื้อมาก็คือเงิน ปิดร้านเท่ากับของเสียก็เหมือนกับทิ้งเงินแล้วผมจะให้เขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร
สุดท้ายแล้วในคืนพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 เราสองคนรวมกับนายปาวพนักงานอีกหนึ่งก็หัวหมุนกับงานที่ร้าน โดยมีพ่อครัวหัวป่าคือนายหมาตูบที่ห่างหายจากการโชว์ฝีมือไปนานหลังจากจ้างเชฟฝีมือดีมาประจำที่ร้าน ส่วนผมกับน้องปาวก็ช่วยเสิร์ฟกับรับออเดอร์เรียกได้ว่าขาลากเลยล่ะครับ
แต่พอเห็นรอยยิ้มของเหล่าลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นที่มากันแบบคู่รักมากับเป็นกลุ่มก๊วนเพื่อนฝูง หรือยกกันมาเป็นครอบครัวก็ทำให้ผมหายเหนื่อยได้ ยิ่งถูกชมเรื่องรสชาติอาหารว่าอร่อยถูกปากผมนี่ยิ้มแก้มปริ พลังงานเหลือเฟือให้เดินเสิร์ฟทั้งคืนก็ไหว
แต่ใหญ่ก็แซวนะบอกว่าแค่ร้านเปิดเที่ยงตรงถึงสี่ทุ่มก็แย่แล้ว เพราะกว่าจะทำความสะอาดปิดร้านเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืน เรียกได้ว่าเดินขาลากกลับบ้านคลานขึ้นเตียงกันเลยทีเดียว
จะดีหน่อยที่กลับบ้านมาหลังจากอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน จะมีหมอนวดตัวใหญ่เอากะละมังใส่น้ำอุ่นมาแช่เท้าพร้อมบีบนวดให้รู้สึกผ่อนคลาย แม้ผมจะบอกว่าไม่ต้องเพราะใหญ่ก็เหนื่อยเหมือนกันเผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ใหญ่ก็ไม่เคย...ที่จะละเลยหรือไม่ใส่ใจกัน...
“ไว้พรุ่งนี้ผมจะปิดร้านแล้วเราไปลอยกระทงกันนะ” ใหญ่โยกตัวผมไปมาในอ้อมกอดพลางพูดเสียงนุ่มผมยิ้มบาง ซุกหน้าลงกับแผงอกอุ่น ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ต้องหรอกเสียดาย”
“ผมไม่สนใจเงินเท่าความสุขคุณหรอก...”
“เปล่าเล็กไม่ได้หมายถึงเรื่องเงิน”
“...??” ใหญ่ผละมาขมวดคิ้วจ้องหน้าให้ผมยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสแผ่วบนแก้มสากพร้อมกับส่งยิ้มละมุนไปให้
“เล็กเสียดายรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ของคนที่มากินอาหารร้านเรา เล็กมีความสุขนะเวลาเดินผ่านโต๊ะต่างๆแล้วได้ฟังเรื่องเล่าว่าไปลอยกระทงกันที่ไหนมา ไปกับใคร มีอะไรน่าตื่นเต้นบ้างมันเหมือนกับเล็กได้ไปกับพวกเขาด้วย”
มันเป็นเรื่องที่สำหรับบางคนอาจจะอิจฉาว่าทำไมเราไม่มีโอกาสอย่างเขาบ้าง คนบางคนที่แม้แต่เวลาว่างสิบนาทีเพื่อเจียดเวลาไปลอยกระทงกับครอบครัว เพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนรักก็ยังไม่ได้เนื่องจากข้อจำกัดมากมายของชีวิต แต่สำหรับผมแล้ว...ความสุขหาได้รอบตัวอยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหนต่างหาก
“แต่ลอยกระทงครั้งแรกของเรา...”
“เอาไว้พนักงานที่ลากลับมาทำงานเราค่อยไปก็ได้เนอะ ^^” ใหญ่เจอรอยยิ้มพิฆาตละลายใจของผมเข้าไปจะต้านทานไหวเหรอ สุดท้ายก็ต้องตามใจแถมท้ายด้วยหอมกระหม่อมอุ่นๆอีกหนึ่งที
“คุณใหญ่...พี่เล็ก...” ผมหันไปตามเสียงก็เจอกับหนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีพนักงานเสิร์ฟของร้านที่ขยันทำงานไม่สายไม่ลาจนเป็นที่เอ็นดูของทั้งผมและใหญ่ เพียงแค่ใหญ่ไม่แสดงออกเท่านั้น
“ว่าไงปาว” ผมผละออกจากอ้อมแขนอุ่นเดินแยกมาหาปาว
“ผมเก็บร้านเสร็จแล้วยังไงขอตัวกลับก่อนนะครับ”ปาวยกมือไหว้ลา
“กลับดีๆนะ” เทศกาลด้วยรถก็เยอะ ผมล่ะเป็นห่วงจริงๆ
“เดี๋ยวก่อน” ปาวที่กำลังจะเดินออกไปหยุดกับเสียงทุ้มขรึมหันมามองอย่างหวาดๆ มาทำงานก็ได้หลายเดือนปาวก็ยังไม่ชินกับท่าทางน้ำเสียงนิ่งๆของใหญ่สักที
แล้วนายหมาตูบก็ไม่ยอมพูดอะไรนอกจากคว้ามือผมเดินเข้าไปในห้องทำงานผมเลยกวักมือเรียกปาวให้เดินตามมาด้วย
“ครับ??” อย่าว่าแต่ปาวมันงงเลย ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีๆก็มายื่นซองน้ำตาลให้ ให้ผมเดาน่าจะเป็นซองเงิน
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานนะ”
ห๊ะ!!
ผมหันไปมองหน้าคนพูดทันที ส่วนปาวก็หน้าเหวอตัวซีดไปแล้ว
“คะคุณใหญ่จะไล่ผมออกเหรอ...”
“เปล่าให้หยุดวันนึง”
ฟู่วววว
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของปาวแรงมาก อย่างว่าเด็กมันต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน ทำงานแบบพาร์ทไทม์แต่ได้เงินเท่าพนักงานประจำใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เป็นผมเองที่ขอให้ใหญ่ช่วยเหลือ
“คุณใหญ่จะให้ผมหยุดเหรอครับ”
ใหญ่พยักหน้า
“แต่งานที่ร้านยุ่งมาก”
“ให้หยุดก็หยุดไปเถอะ”
“คะครับ”
ผมแทบจะหลุดขำปาวมันคงคิดว่าใหญ่รำคาญเริ่มหงุดหงิด มีแค่ผมที่รู้ว่าใหญ่หมายความว่า ‘อยากให้ปาวได้พักผ่อนหลังจากที่ทุ่มเทช่วยเหลืองานที่ร้านมาอย่างเหน็ดเหนื่อย’ แต่เพราะเป็นคนพูดไม่เก่ง แสดงอารมณ์ไม่เป็นมันเลยออกมาดูห้วนๆจนพาลให้คนอื่นเขากลัวไปหมด
พอปาวกลับไปแล้ว ใหญ่ก็ตรวจดูความเรียบร้อยที่ร้านก่อนกลับบ้านกัน นี่ก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้วระหว่างทางผมก็ถามใหญ่อย่างอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมให้ปาวลาล่ะพรุ่งนี้เชฟกุ้งกับพนักงานคนอื่นๆยังไม่มาทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ผมไปได้ยินปาวคุยโทรศัพท์ที่หลังร้านน่ะ แม่คงโทรแม่...เห็นบอกว่าคงกลับไปหาไม่ได้ติดงาน...” พูดแค่นี้ผมก็เข้าใจแล้ว ผมยิ้มกว้างก่อนจะห้ามใจไม่ไหวที่จะชะโงกหน้าไปหอมแก้มคนตัวโตท่าทางหยาบกระด้างแต่จิตใจละเอียดอ่อน
“น่ารัก”
ผมรู้สึกเหมือนรถกระตุกไปชั่ววินาทีเมื่อผมเอ่ยชมพร้อมทั้งนายหมาตูบที่แก้มมีเลือดฝาดฝ่าความมืดขึ้นมาฮ่าๆ น่ารักจริงๆ
…………………………………………………………….
“เอ๊ะรถพี่เมตรนี่” เมื่อมาถึงบ้านผมก็เจอกับรถคันคุ้นตาจอดติดเครื่องอยู่หน้าบ้านผมลงจากรถและเดินเข้าไปเคาะกระจก
ก๊อก ก๊อก
“พี่เมตร”
คนข้างในรถขยับตัวยุกยิกก่อนลดกระจกลง
“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” พี่เมตรลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือก่อนมองเลยไปข้างหลังที่ใหญ่กำลังเดินมาหลังจากเอารถไปจอดเก็บแล้ว “ทำไมเพิ่งกลับวะ” พูดกับใหญ่ไม่เพราะตลอดๆ
“เข้าบ้านก่อนพี่” พี่เมตรพยักหน้าตามคำบอกของใหญ่ไอ้ท่าทีเหมือนจะตีกันเมื่อกี้คืออะไร
พอเข้ามานั่งกันในห้องรับแขกเหมือนนายหมาตูบจะเดาใจพี่เมตรออกว่าคงมีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างไม่อย่างนั้นคงไม่มาจอดรถรอดึกๆดื่นๆ ไม่สินี่ก็เข้าเช้าวันใหม่แล้วไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องของตัวเอง ใหญ่เลยเดินไปหยิบเบียร์มายื่นให้หนึ่งกระป๋องถือไว้เองหนึ่งกระป๋อง
พี่เมตรก็ไม่มีขัดรับมาเปิดฝากระดกอึกๆทันที
“เบาๆพี่” ผมคว้าข้อมือพี่ชายไว้ ส่วนใหญ่เพียงแค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเงียบๆ
“ทะเลาะกับพี่หญิงมาเหรอ” พี่เมตรกับพี่หญิงยังไม่ถึงขั้นคบกันเป็นแฟน แต่ก็เป็นผู้หญิงที่สองเดือนมานี้พี่เมตรตามจีบอยู่และเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่เมตรจริงจังด้วย
“มีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย”
“เรื่องผู้หญิงอีกสิ” ผมสวนทันที เลยเจอพี่เมตรมองหน้าแล้วขยี้หัวอย่างหมั่นไส้
“รู้ดีอดีตทั้งนั้นเหอะ”
“ก็เหมือนกันหมด” ผมบัดมือออก
“แค่กๆ” ส่วนใหญ่ก็สำลักเชียว ชิ
“เป็นเด็กเป็นเล็กไปนอนไป” นั่นไง รู้ทันเข้าหน่อยก็ไล่ให้ไปนอน
“แล้วพี่มาทำไม”
“มาหาเพื่อนดื่ม” พี่เมตรชำเลืองมองไปทางใหญ่
“แต่พรุ่งนี้ใหญ่ต้องเข้าบริษัทแต่เช้าไหนตอนบ่ายจะต้องเข้าร้านอีก” ถ้าให้ใหญ่มานั่งดื่มกับพี่เมตรพรุ่งนี้เป็นผีดิบแทนหมาตูบแน่
“มึงไม่ไหว??” พี่เมตรก็นิสัยเสียว่ะถ้าผมลูกคนเล็กที่แสนเอาแต่ใจ พี่เมตรก็เป็นพี่ชายคนโตแสนบ้าอำนาจ!
“เดี๋ยวผมมาพี่ดื่มไปก่อนแล้วกัน” เข้าขากันได้ดีเหลือเกิน นายหมาตูบบ้า!ไม่ต้องทำมาเป็นประคองเลย
พอเข้ามาในห้องนอนผมก็กระแทกตัวลงบนเตียงอย่างให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจอย่างแรง
“ไม่น่าเชื่อเนอะว่าจะเคยเกือบฆ่ากันตาย” ผมประชดประชันใส่ แผลเป็นยังจารึกอยู่บนตัวแท้ๆแล้วดูตอนนี้สิซี้กันจนผมนึกหมั่นไส้
ใหญ่ไม่เถียงไม่แย้งเพียงแค่นั่งลงข้างๆเข้ามากอดและวางคางลงบนไหล่พลางลูบต้นแขนผมเบาๆ
“พี่คุณเขามีปัญหาอยู่”
“ก็เห็นดื่มกันได้ตลอดดีใจ เสียใจ กลุ้มใจ เมื่อวันก่อนก็เพิ่งมาชวนดื่มไป” เอาเข้าจริงๆพี่เมตรก็ไม่ได้เครียดขนาดนั้นหรอกเพราะพี่หญิงเท่าที่ผมรู้จักก็เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลพอ แล้วคนใจร้อนอย่างพี่เมตรน่ะเหรอ ถ้าเป็นเรื่องที่รบกวนจิตใจจริงๆไม่มานั่งดื่มชิวๆอยู่อย่างนี้หรอก ป่านนี้บุกถึงบ้านสาวเจ้าแล้ว อ้างมากกว่าเหอะ
ฟอด!!
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย” ผมเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากอุ่นที่เข้ามาหอมอ้อนใจเริ่มอ่อนไปแล้วสามสิบเปอร์เซ็นต์
จุ๊บ
“เอ๊ะ” คราวนี้มาจุ๊บหน้าผาก
จุ๊บ!
“อื้อ! ก็ได้ๆห้ามเกินตีสามนะ”
ต้านทานไม่ไหวก็ตรงจุ๊บปากนี่แหละ!
“ขอบคุณครับ”
สุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้ ใหญ่ยิ้มบางแล้วโน้มตัวลงมาจรดริมฝีปากบนขมับผมแช่ไว้นานหลายนาทีอย่างขอบคุณผมได้โอกาสเลยประกบมือเข้าที่สองแก้มสากก่อนจับมาจ้องตากันตรงๆ
“จำที่ตกลงกันได้ใช่ไหมครับอยากไปนอนเล่นที่หาดสักสองสามคืนไหม??”
“ตีสามขึ้นมานอนเลย” ไม่ต้องมาทำเป็นยกมือสองข้างยอมแพ้เลยแต่ก่อนที่ใหญ่จะผละออกจากห้องไปผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
“ฝากพี่เมตรด้วยนะใหญ่”
ใหญ่พยักหน้าก่อนก้มลงมาจูบหน้าผากผมอีกครั้ง
“อาบน้ำนอนนะดึกมากแล้ว”
…………………………………………….
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนดื่มกันไปหนักแค่ไหน ปรึกษากันไปถึงกี่โมง แต่ตอนตีสี่ผมสะดุ้งตัวตื่นมานายหมาตูบก็มานอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆแล้ว ส่วนพี่เมตรผมลงมาด้านล่างตอนแปดโมงเช้าก็ยังเห็นท่านรองฯประธานบริษัทนอนแอ้งแม้งหมดสภาพอยู่บนโซฟาห้องรับแขก
ผมต้องเข้าไปปลุกไปลากมาอาบน้ำเพื่อไปทำงานส่วนใหญ่ดีที่อึดและถึกเลยยังสามารถลุกมาทำงานได้ปกติ
“นี่มัน...” วันนี้ผมเข้ามาถึงร้านช้ากว่าใหญ่เพราะต้องอยู่ประชุมเรื่องแบบโฆษณาสินค้า พอเปิดประตูร้านเข้ามาก็ต้องแปลกใจกับลูกค้าจำนวนมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในร้าน ไมใช่สิ...
“สุขสันต์วันลอยกระทงครับ อาจจะเลยวันจริงไปวันนึงแต่มันคงไม่สายไป” คนตัวโตที่โผล่มายืนด้านหลังผมเมื่อไหร่ก็ไม่รู้โน้มตัวลงมากระซิบให้ผมยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่
“นะนี่มันอะไรกัน”
“คุณไม่ได้อ่านป้ายหน้าร้านเหรอ”
มะไม่...ผมไม่ทันสังเกตเพราะรีบจะเข้ามาช่วยใหญ่จัดร้านด้วยเห็นว่าวันนี้ปาวก็หยุด คนอื่นๆก็ยังไม่หมดวันลากลัวว่าเขาจะไม่มีคนช่วยแต่นี่...
ผมรีบวิ่งออกไปหน้าร้านอีกครั้งทันที ก่อนเจอเข้ากับป้ายไวนิลสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันใหญ่สะดุดตาที่ทำให้ผมกลั้นยิ้มและกลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันใจไว้ไม่อยู่
‘ด่วน! โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะวันนี้...เพียงแค่คุณเป็นคนที่ไม่มีบ้านไม่มีเงิน ไม่มีกิน คุณก็สามารถเข้ามาทานอาหารที่ร้านได้ฟรีไม่อั้นทุกเมนู พร้อมกิจกรรมลอยกระทงร่วมกันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไป’
“ห้ะๆ มีคนเชื่อใหญ่เข้ามากินด้วยเหรอ” ผมถามแม้จะเห็นผู้คนยากไร้มากมายอยู่ในร้านก็ตาม ใหญ่เข้ามาสวมกอดทางด้านหลังพลางเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนิ่งที่ใครอาจจะมองว่าเย็นชาแต่สำหรับผมมันช่างซึมลึกเข้าไปถึงหัวใจให้อุ่นซ่านเหลือเกิน
“ผมให้ปาวช่วยแจกใบปลิวมาหลายวันแล้ววันนี้ก็มาด้อมๆมองๆไม่มีใครกล้าเข้ามาคงกลัวถูกหลอกผมเลยมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง”
ผมไม่สามารถกลั้นยิ้มและน้ำตาไว้ได้อีกแล้วนอกจากหมุนตัวไปสวมกอดคนที่รู้ใจผมไว้ให้แน่นที่สุดอย่างซาบซึ้งใจ
“เมื่อคืนผมอาจจะผิดนัดคุณแต่คืนนี้เรามาลอยกระทงด้วยกันนะ ลอยพร้อมๆกับพวกเขา”
“อืม”
ผมเชื่อว่าภาพความสุขของทุกคนในค่ำคืนนี้มันจะประทับอยู่ในหัวใจผมไปอีกเนิ่นนาน ภาพของคนหลายสิบคนที่แต่งตัวมอซอทั้งที่มันอาจเป็นชุดที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้วกำลังนั่งรับประทานอาหารในร้านหรูที่แม้ใหญ่จะบอกว่าสั่งเมนูอะไรก็ได้ แต่ก็แทบไม่มีใครจะกล้าสั่งเลย ซึ่งใหญ่รู้ถึงจุดนี้ดี...เขาเลยจัดการทำอาหารขึ้นชื่อของร้านแทบทุกเมนูเป็นหม้อใหญ่ๆถาดใหญ่ๆไว้ให้ตักกินกันเองแบบบุฟเฟต์
ท่าทีทุกคนดูเงอะงะ มีแย่งกันบ้าง แต่พอใหญ่บอกว่าให้เข้าแถวดีๆไม่ต้องกลัวถ้าไม่พอเขาจะทำเพิ่มให้อีกเรื่อยๆ เพียงเท่านั้นทุกคนก็พร้อมใจกันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ...เริ่มช่วยกันตักอาหาร...แบ่งปัน...นั่งร่วมโต๊ะ...พูดคุย...แม่คนหนึ่งป้อนข้าวลูกด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นลูกตัวเองได้อิ่มท้อง...ชายชราที่เดินลำบากให้อีกคนเข้าไปช่วยประคองพร้อมตักอาหารให้...มันเป็นสายพานน้ำใจ ที่เพียงแค่เราเป็นผู้เริ่มต้นที่จะให้มันก็จะหลั่งไหลถ่ายทอดกันต่อไป...
จานชามลวดลายสวยสด ช้อนส้อมอย่างดี หรือแม้แต่แก้วใสทรงสูงที่ดูช่างขัดตาพิกลเมื่อมันถูกหยิบใช้ด้วยบุคคลเหล่านี้ แต่ทำไมกันนะในความรู้สึกของผมมันช่างดูลงตัว...เพียงแค่เรามองข้ามภาพลักษณ์ภายนอก....แล้วมองลึกไปถึงรอยยิ้มที่สะท้อนความสุข ประกายตาแสนสดใส หัวใจอันอิ่มเอม...
ผมอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพความสุขเหล่านี้เอาไว้...
....ความสุขที่ได้อิ่มท้อง
...ความสุขที่ได้ทานของอร่อย
...ความสุขที่ได้รับสิ่งเสมือนฝัน
...ความสุขที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข
จวบจนเวลาสองทุ่ม...งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา...เราร่วมกันลอยกระทงขนมปังหลากสีกัน โดยนายหมาตูบเหมารถบัสมารับคณะทั้งหมดไปลอยกระทงกันที่บึงขนาดกลางที่เพียงกระทงลอยเหนือผิวน้ำไม่ทันอึดใจปลาก็เข้ามาตอดกินกระทงของพวกเรากันอย่างเมามันส์ แต่ก็ไม่มีใครเศร้าใจเลยสักนิด...กลับกัน...มีเพียงเสียงหัวเราะดังก้องอบอวล...เพราะพวกเรารู้ดี...ว่าการเป็นผู้ให้มันรู้สึกดีแค่ไหน...
“ใหญ่...ขอบคุณนะวันนี้เล็กมีความสุขมากจริงๆ”
“ผมรู้...”****** จบแล้วน่ะครับ ต่อไปจะนำเรื่องอะไรมาให้อ่าน ติดตามกันน่ะครับ********
;P สนุกมาก ไม่อยากให้จบเลย ดีจัง แบ่งปันให้กันครับ ขอบคุณนะครับ{:5_119:} สนุกมากเลยครับเรื่องนี้ {:5_139:} จบแล้ว จะอ่านเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ได้อีกไหมหนอ {:5_146:} {:5_119:}ขอบคุณครับ{:5_136:} {:5_119:} เรื่องนี้ ทำให้เสียน้ำต่ สองตอน ขอบคุณครับ รออ่านเรื่องใหม่ครับ ขนาดตอนพิเศษ หุบยิ้มไม่ได้เลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ{:5_130:} น่าจะมีตอนขอแต่งงานนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ โอ้ย น้ำตารื้นเฉย เฮ้อ .. เขียนอีกนะครับ รออ่าน ขอแบบนี้หนึ่งคน หาที่ไหน ขอบคุณครับ