คำสาปรักเลือดขาว ตอนที่ 1
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Maximam เมื่อ 2021-10-18 08:09นิยายนี้เขียนจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิงและผ่อนคลายให้กับผู้อ่าน
ณ ดินแดนแห่งอาณาจักรทิพย์(จินตนาการสมมติขึ้น) ยังมี 2 แคว้นใหญ่ที่กำลังแข่งอำนาจในการปกครอง
โดยแคว้นแรกคือ เกาะฮัทไซยฺ ปกครองโดยท่านประมุขฮัทไซยฺและประไหมสุหรีรัชนียามหารานี ท่านประมุข
ยังมีรานีที่เป็นชายาอีก 3 คน คือรานีจิตตรา รานีสุมาลา และรานีวิกานดา ถึงประไหมสุหรีจะเทียบที่เป็นถึง
อัครมเหสี แต่ก็ใช่ว่าจะมีพร้อมทุกอย่าง เมื่อเทียบกับรานีจิตตราที่ให้กำเนิดเจ้าชายไซญ่า พระราชโอรสที่
ท่านประมุขทรงรักมากที่สุด จนมีตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาทเจ้าชายไซญ่า มกุฎราชกุมารแห่งเกาะฮัทไซยฺ
เจ้าชายได้ร่ำเรียนวิชากฎหมายและการปกครองรวมทั้งศิลปะการป้องกันตัวจนเป็นที่น่าเกรงขามจนไม่มีใคร
กล้าประลองเทียบฝีมือ และตอนนี้เจ้าชายไซญ่าได้เจริญวัย 20 ปี มีรูปร่างสง่างาม กำยำ แข็งแกร่งเป็นที่
หมายตา หมายใจของเจ้าหญิงหลายเมือง จนในที่สุดเจ้าชายก็ได้มีชายาถึง 3 ท่าน ซึ่งก็มาจากการบังคับ
จากท่านแม่ของท่านเอง 2 คนคือ พระชายามินตยา และพระชายามัสยา ส่วนอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม
ที่เจ้าชายมีจิตเสน่หาด้วย ถึงแม้จะขัดต่อกฎแต่ด้วยความที่เจ้าชายเป็นที่รักของท่านประมุข ท่านประมุข
จึงไม่อยากขัดใจ จึงอนุญาตให้เจ้าชายคบกับ เจ้าชายจัสติน เจ้าชายสายเลือดลูกครึ่งดั้งขอ แต่ก็ใช่ว่าความ
สงบในวังเจ้าชายจะเกิด เพราะต่างฝ่ายก็ต่างอยากเป็นที่ 1 ในใจเพื่อให้ได้ไปถึงที่ประไหมสุหรีในอนาคต
ณ ห้องว่าการ วันนี้ท่านประมุขเรียกทุกฝ่ายเข้ามาพูดคุยเพื่อต้องการที่จะดึงเมืองเวตาลนครเข้ามาเป็น
พันธมิตร
"ที่ข้าเรียกทุกท่านเข้ามาปรึกษาในวันนี้ก็เนื่องด้วยข้า ฮัทไซยฺได้ข่าวมาว่าเวตาลนครมีใจที่จะเข้าร่วมกับ
เมืองไกยบุรี ข้าจึงอยากให้ทุกคนระดมความคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อมิให้เวตาลนครไปร่วมมือกับไกยบุรี"
"ท่านประมุข ข้าเองก็มาจากเวตาลนคร ท่านทำราวกับว่าเวตาลนครจะแปรพรรคเป็นอื่น"
"นั่นสิท่านพ่อ ประไหมสุหรีก็เปรียบกับผู้สานไมตรีให้ 2 แคว้นเป็นเหมือนเครือญาติ ท่านพ่อจะมิหักหาน
น้ำใจประไหมสุหรีหรือขอรับ"
"องค์รัชทายาทแม่ว่า การนี้ไม่เกี่ยวกับลูกนะ ลูกควรจะเสนอแนวทางให้ท่านพ่อ ดีกว่าเสนอช่วยคนอื่น"
"นั่นสิท่านพี่ ท่านแม่พูดถูกจริงไหมมัสยา จัสมิน"
พระชายามินตยาเร่งพูดเอาใจเพื่อที่จะให้เจ้าชายเชื่อตนแต่แล้วก็........
"เจ้านครทรงมีพระราชธิดานี่ขอรับ ถ้าเราทูลขอพระราชธิดามาเป็นองค์ประกันข้าว่า....."
"ไม่ ไม่ได้นะท่านพี่ข้าไม่ยอม นี่ก็ 3 คน เเล้วนะเจ้าค่ะ" พระชายามินตายาถึงกับลุกขึ้นทักท้วงท่ามกลาง
เสนาบดีผู้ใหญ่ และขุนนาง ท่านประมุขจึงพูดขึ้นว่า......
"นั่งลงมินตยา กฎมณเฑียรได้ระบุไว้ชัดว่ารัชทายาทสามารถมีชายาได้ถึง 4 คน เอาหละไซญ่า"
"ขอรับท่านพ่อ"
"พ่อให้เจ้าไปทำการครั้งนี้..."
"ช้าก่อนเจ้าค่ะท่านพี่"
"มีอะไรประไหมสุหรี เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะยกพลไปบุกเมืองเจ้า"
"หาไม่เจ้าค่ะ เพียงแต่ว่าพระราชธิดาขององค์ราเชนธิราชยังเยาว์นักข้าเกรงว่า"
"ก็ใช่ว่าจะมีแค่เจ้าหญิงองค์น้อย ยังมีพระธิดาของเจ้านครองค์ก่อนที่เกิดจาพระราชเทวี และก็ยังมี.......
น้องชายเจ้าอีกคนที่อายุก็น่าจะพอๆกับลูกข้า"
"ไม่ได้นะเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าหายอมไม่ที่จะให้ลูกมีเมียเป็นชายเพิ่มอีก"
"นั่งลงจิตตรา ขนาดเจ้าชายจัสมินข้ายังอนุญาต แล้วทำเชื้อพระวงศ์ของประไหมสุหรีจะมาในที่ชายาลูก
ข้าไม่ได้"
"เจ้าพี่...."
"ประไหมสุหรี"
"เจ้าค่ะ องค์รัชทายาท"
"พระอนุชาของท่านให้นามว่าอันใด"
"เจ้าชายรามินเจ้าค่ะ ในรัชกาลของสมเด็จพ่อพระองค์ขอออกจาฐานันดร แต่ในรัชกาลนี้หม่อมฉันไม่ทราบ
ว่าฐานันดรของพระองค์คืออะไร"
"เจ้าชายรามิน นามเพราะนัก เอาเป็นว่าข้ารับปากท่านจะไม่ทำร้ายบ้านเมืองของท่านแต่อย่างใดขอประไหม
สุหรีอนุญาตให้ข้าพาพระอนุชาท่านมาในฐานะพระชายา"
"เรื่องความรัก และหัวใจ ข้าเองหาตัดสินใจได้ไม่ รามินค่อยข้างดื้อ องค์รัชทายาทจักต้องทำให้รามินโอนอ่อน
ต่อท่านเอง"
"สำคัญตัวเองซะเหลือเกินนะเจ้าค่ะพระพี่นาง"
"รานีจิตตรา หูท่านไม่หนวกก็คงเข้าใจนะว่าองค์รัชทายาท ขอน้องชายข้าจากข้าเอง ข้าหาได้เอาใส่พานทอง
มาทูลถวาย อย่างเช่น"
"พระชายามินตยา พระนัดดาในรานีจิตตรา มารดาแห่งองค์รัชทานยาท" พระชายามัสยาและเจ้าชายจัสมินพูด
ขึ้นพร้อมกัน
หลังจากเสร็จราชกิจ เจ้าชายก็ใครอยากเห็นหน้าของเจ้าชายรามินน้องชายของประไหมสุหรีรัชนียามหารานี
ขนาดประไหมสุหรียังสิริโฉมขนาดนี้ พระอนุชาก็คงไม่ต่างจากพี่สาว เจ้าชายและกองทัพก็ออกเรือเดินทะเล
มุ่งหน้าสู่เวตาลนครโดยใช้เวลาเดินทางอยู่ถึง 3 วันก็มาถึงชายฝั่งเขตแดนของเวตาลนคร
เมืองเวตาลนคร ท้องพระโรงว่าราชการ เจ้าชายไซญ่าทรงเข้ามาในฐานะฑูตจึงทูลสารขอเจ้าชายรามิน
"อะไรกันกัน เจ้าชายแห่งฮัทไซยฺ เจ้าชายรามินมีฐานันดรเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพญาออกพระวังหน้า
จะมาขอกันง่ายๆเช่นนี้หาได้ไม่"
"พระทัยเย็นก่อนสมเด็จอา พระองค์เองก็มีพระราชโอรสเช่นกัน ไม่นานพระโอรสก็ต้องเจริญพระชันษา วังหน้า
จะไม่วุ่นวายหรือ"
"แต่การที่พระบิดาเรายกพระพี่นางรัชนียา ให้เป็นประไหมสุหรีของพระบิดาท่านข้าว่าสายสัมพันธ์ระหว่างเมือง
ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง บรรณาการต่าง ๆ เวตาลนครก็ส่งให้ทุกปีในฐานะเมืองน้อง ยังไงข้าก็ไม่ยอมยกน้องชายข้า
ให้ท่าน"
"นั้นก็ต้องเป็นพระขนิษฐาต่างมารดาของพระองค์ หรือไม่ก็......สงคราม"
"ท่านกำลังบีบบังคับเรามากไปแล้วนะ"
"สมเด็จอาก็ลองคิดดูว่าจะเสียน้องชายหรือเสียเมือง"
"ก็ได้ ข้าพร้อมเปิดศึกกับเจ้า"
"ช้าก่อนพระเจ้าข้า ทูลกระหม่อมพี่"
"รามิน เจ้าเข้ามาทำไม"
"หากเกิดสงครามประชาชนเราจะยิ่งพากันลำบากนะพระเจ้าข้า นี่ก็เพิ่งสูญเสียทูลกระหม่อมพ่อไป จะเสียเลือด
เสียเนื้อกันอีกหาควรไม่นะพระเจ้าข้า"
"แล้วเจ้าไม่คิดถึงพี่บ้างหรือ พี่เสียพระพี่นางแล้วยังมาเสียเจ้าไปอีก จะไม่ให้พี่มีญาติสายโลหิตเดียวกันเหลือเลย
หรือไร"
"ทูลหระหม่อมพี่เป็นถึงเจ้าชีวิตของปวงประชา พระองค์ต้องรักษาชีวิตปวงประชาสิถึงจะถูก เวตาลหาได้กลัว
สงคราม แต่กลัวว่าประชาชนจะไร้ความสุขมากกว่า"
ทันทีที่เจ้าชายไซญ่า ได้พบเจ้าชายรามิน สายตาดุดันที่มีก็กลายเป็นสายตาที่โอนโยนขึ้นมาทันที "คนหรือเทพ-
บุตร กันนี้ช่างงามนัก ทั้งกิริยา น้ำเสียง" เจ้าชายไซญ่าครุ่นคิดอยู่ในใจโดยไม่ละสายตา งานนี้เวตาลนครจะทำ
อย่างไรต่อ ติดตามได้ในตอนต่อไปนะครับ.....
ข อ บ คุ ณ ค รั บ ติดตามครับ ขอบคุณครับ {:5_135:} ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยนะครับ ขอยคุณครัย ติดตามครับ คลาสิคสุดเลย ขอบคุณครับผม ต่อๆคับ สนุกมากครับ
ขอบคุณคับ สนุกคับ ขอบคุณครับ รอติดตาม
สุดยอดมาก ติดตามครับ
หน้า:
[1]