พี่ยักษ์ที่รัก [8]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-3-5 05:04“หืมมมม...ทำไมตัวยังร้อนมากอยู่เลย” พี่ยักษ์เอามือมาแตะหน้าผากเราเบาๆ ทำให้เรารู้สึกตัวตื่นขึ้น พอพยายามลืมตามองรอบๆ ก็รู้สึกว่ามันเช้าแล้ว
“พี่ว่าวันนี้หยุดเรียนไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ไปลาป่วยที่โรงเรียนให้แล้วกัน”
“ฮะ...” เราพยักหน้ารับ
“อยากกินอะไรมั้ยครับหมาน้อย? เดี๋ยวขากลับพี่จะได้ซื้อมาให้”
เราส่ายหัวแล้วก็นอนหลับต่อ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ไหวจริงๆ อยากจะนอนอย่างเดียวเลย พี่ยักษ์ลูบหัวเราเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป
หลังจากที่พี่ยักษ์กลับมาแล้วก็ป้อนข้าวป้อนยาเรา แล้วเราก็หลับต่อยาวเลยจนน่าจะถึงช่วงบ่ายๆ
เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้ง เพราะเหมือนจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ในห้อง
“ทำไมน้องถึงไม่สบายแบบนี้ล่ะดิน เมื่อวานพาน้องตากฝนมารึเปล่า?” เราได้ยินเสียงป้าปูเหมือนกำลังดุพี่ยักษ์อยู่ เราเลยพยายามลืมตาขึ้นมอง เห็นว่าตอนนั้นมีป้าปู แล้วก็พี่เมฆก็อยู่ในห้องด้วย
“เปล่านะฮะป้าปู... พี่ยักษ์พาหลบฝนแล้ว...แต่ผมไม่สบายเอง”
“โธ่ลูกเอ้ย... ตัวร้อนจี๋เลย ไปอนามัยมั้ยครับ? เดี๋ยวป้าให้พ่อดินเขาพาไป” ป้าปูเดินลงมานั่งบนเตียงแล้วลูบหัวเราเบาๆ
ไปอนามัยงั้นหรอ?...ไปอนามัยก็ต้องมีหมอ และถ้ามีหมอ... ก็ต้องมีเข็มฉีดยาน่ะสิ!
“ไม่เป็นไรฮะ... ผมดีขึ้นแล้ว” เราตอบป้าปูไปแบบนั้น ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ได้รู้สึกว่ามันดีขึ้นเลยก็ตาม แต่มันก็น่าจะดีกว่าโดนจับฉีดยา...
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นป้าทำข้าวต้มมาให้นะ”
“ฮะ…”
“ดิน...คอยเอาผ้าชุบเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้น้องด้วยนะ แม่ว่าตัวร้อนมากเลย”
“เออแล้วก็...เบียร์น่ะอย่าพึ่งห่วงกินกันนักเลย ดูแลน้องมันก่อน” ป้าปูทำเสียงเข้มแล้วมองค้อนไปที่พี่เมฆ ที่กำลังถือถุงหิ้วที่ข้างในมีเบียร์อยู่สามสี่ขวด ทำให้พี่เมฆได้แต่ทำหน้ายิ้มแหยๆ
“ซวยเลยกู...” พี่เมฆบ่นอุบทันทีที่ป้าปูเดินออกไป
“ก็มึงเล่นถือเบียร์มาแต่หัววัน ไม่โดนแม่กูบ่นก็แปลกแล้ว... แต่วันนี้กูไม่แดกเป็นเพื่อนมึงนะบอกไว้ก่อน ต้องคอยดูแลน้องมันวะ” พี่ยักษ์พูดจบก็ยกตัวเราลุกขึ้นนั่งแล้วค่อยๆ เช็ดตัวให้
“ไอ้ตัวเล็ก เพราะเอ็งคนเดียวเลยเนี่ย พี่เลยโดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลย” พี่เมฆวางถุงขวดเบียร์ไว้ที่มุมห้อง แล้วเดินมายืนดูเราอยู่ข้างหลังพี่ยักษ์
“อ้าวไอ้ห่านี่ พาลโทษน้องมันอีก ปั๊ด!” พี่ยักษ์ยกมือขึ้น เหมือนจะเอาหลังมือฟาดไปที่หน้าพี่เมฆที่ยืนอยู่ข้างหลัง แต่พี่เมฆกระโดดหลบทัน
“ก็มาดิไอ้ยักษ์ หึ...กูยังไม่เมา มึงไม่ได้แดกกูหรอก!” พี่แกพูดพร้อมกับยกมือขึ้น แล้วยืนโยกไปมา เต๊ะท่าเหมือนตัวเองเป็นเฉินหลงที่อยู่ในท่าพร้อมสู้ อะไรทำนองนั้น พอนั่งนึกแล้วเห็นภาพนั้น มองย้อนกลับไปนึกอยากให้พี่ยักษ์ลุกไปเตะตัดขาให้ล้มสักที หมั่นไส้มาก 55555
พี่ยักษ์ถึงกับส่ายหัวแล้วเช็ดตัวให้เราต่อ
“ไอ้ยักษ์... หรือว่าน้องมันจะโดนของวะ?” พอเห็นพี่ยักษ์ไม่ได้สนใจแล้ว พี่เมฆก็ทำทีเดินเข้ามาชวนคุยเปลี่ยนเรื่องทันที
“ของอะไรมึง...ไอ้เมฆ! มึงนี่เพ้อเจ้อใหญ่ละไอ้ห่า!!” พี่ยักษ์หันไปดุพี่เมฆ
ถึงตอนนั้นเราจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่า “โดนของ” สักเท่าไหร่ แต่เราก็เคยได้ยินพวกคนแก่ในหมู่บ้านชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องผีๆ สางๆ อะไรทำนองนี้ ถ้าใครไม่สบายแบบแปลกๆ เขาชอบพูดว่าโดนของแน่ๆ รู้แต่ว่ามันต้องเกี่ยวกับพวกผีๆ หรือหมอผีนี่แหละ
พอเราคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับผี เลยทำให้เรารู้สึกขนลุกขึ้นมา...
“เนี่ย... ก็เมื่อวานพวกมึงขี่รถไปเที่ยวมาแล้ว พอกลับมาน้องมันก็ไม่สบายหนักเลย กูว่าใช่...อาการนี่น่าจะโดนของมาแน่ๆ” พี่เมฆพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองเบาๆ แล้วเพ่งมาที่เรา เหมือนกำลังใช้ความคิด
“ยัง... ยังไม่หยุดอีก...ของอะไร? ของมึง” พี่ยักษ์หันไปมองพี่เมฆ พร้อมกับน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“…”
“ก็โดนของยักษ์ไง” พี่เมฆหันไปมองพี่ยักษ์ ก่อนจะหรี่ตามองแล้วยิ้มมุมปาก
“บ๊ะ! ไอ้ห่านี่!! วอนตีนไม่เลิก!!!” พี่ยักษ์ลุกขึ้น แล้วทำท่าเหมือนจะยกขาขึ้นถีบ แต่คราวนี้พี่เมฆไหวตัวทันเลยวิ่งออกนอกห้องไปก่อน
“เดี๋ยวมึงโดนๆ”
“อะไรว้า... แซวเล่นแค่นี้ ทำเป็นฉุนเฉียว...” พี่เมฆทำเป็นเสียงอ่อยแล้วเดินกลับเข้ามา แต่สีหน้ากลับดูยิ้มเยาะซะอย่างนั้น
“พี่ยักษ์...ของยักษ์...คืออะไรฮะ? หรือว่า...พี่ยักษ์เป็นพวกหมอผีด้วยหรอ?...” เรากลืนน้ำลายดังอึก ก่อนจะมองหน้าพี่เขาด้วยสายตาหวั่นๆ เพราะถ้าพี่ยักษ์เป็นหมอผี เราคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว...น่ากลัววว
“ไงล่ะมึง...ไอ้เหี้ยเมฆ เพ้อเจ้อจนได้เรื่อง”
“แล้วเราก็อีกคน... อย่าไปฟังไอ้เมฆมาก ไอ้นี่มันเพ้อเจ้อ” พี่ยักษ์หันไปดุพี่เมฆ ก่อนจะหันมาแล้วขยี้หัวเราเบาๆ
พี่เมฆที่ยืนดูอยู่ ก็ทำปากขมุบขมิบแล้วทำท่าเหมือนล้อเลียนพี่ยักษ์ที่กำลังคุยกับเรา...ช่างเป็นคนที่น่า...ซะเหลือเกิน
“อั๊ยย่ะ! มีเครื่องเล่นซีดีด้วยวะเฮ้ย!!” พี่เมฆกวาดสายตาไปรอบห้อง จนไปเจอกับกล่องเครื่องเล่นซีดีเข้า ตั้งแต่เมื่อวานพอกลับมาถึงบ้าน พี่ยักษ์ก็ยังไม่ได้แกะมันเลย
“ทีตอนนั้นกูเคยบอกให้ซื้อมา แล้วมึงบอกไม่ค่อยได้ดูทีวีไง ไหงไปซื้อมาได้วะ” พี่เมฆหันมาถาม ก่อนจะนั่งลงแล้วไปแกะเครื่องเล่นออกจากกล่อง
“ชะอุ้ย! มีการ์ตูนด้วยหรอเนี่ยยยย หรือว่าพี่ยักษ์ไม่ได้ซื้อมาดูเองกันน้า?” พี่เมฆที่กำลังเลือกหยิบแผ่นหนังขึ้นมาดู หันมาหรี่ตามองพี่ยักษ์แล้วยิ้มแบบแปลกๆ
“มึงจะดูก็ดูไป...ไอ้ห่า พูดอยู่ได้…กูชักรำคาญล่ะ...” พี่ยักษ์ทำเสียงแข็งก่อนจะขึ้นมานอนข้างๆ เรา
หลังจากนั้นพี่เมฆก็จัดการต่อสายอะไรให้เรียบร้อย แล้วพวกพี่เขาก็เปิดหนังดูกัน แต่ว่าเรานอนดูอยู่สักพักก็หลับไปเพราะยังรู้สึกเพลียจากอาการไข้อยู่
-----------
พอตื่นมาช่วงเย็นพี่ยักษ์ก็เรียกเราลุกขึ้นมากินข้าวต้มที่ป้าปูทำมาให้ พอตื่นมาก็ไม่เจอพี่เมฆแล้ว สงสัยจะโดนไล่กลับบ้านละมั้ง
“มินอยู่นี่มั้ยคะ?!” จังหวะนั้นเราได้ยินเสียงตะโกนของเด็กผู้หญิงกำลังเรียกชื่อเราอยู่ข้างล่างบ้าน
พี่ยักษ์เลยเดินลงไปดู แล้วสักพักก็พาเดินขึ้นมา
เป็นพี่บัวนี่เอง...
พี่บัวเป็นเพื่อนร่วมห้องของเรา ที่เราเรียกเขาว่าพี่ เพราะว่าเขาเรียนช้ากว่า ส่วนเราก็เรียนไวกว่ากำหนด ซึ่งสมัยนั้นเกณฑ์อายุเข้าเรียนยังไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนเหมือนตอนนี้ เลยทำให้ที่ช่วงอายุเราห่างกันเกือบสองปีแม้จะเรียนห้องเดียวกันก็ตาม
พี่บัวเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เราสนิทที่สุดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เขาจะดูแลเราและชวนไปเล่นด้วยตลอด เขาบอกว่าเขาอยากมีน้องชาย ถึงส่วนตัวเขาจะมีน้องสาวอยู่แล้วก็เถอะ และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเราไม่ได้อยากเป็นผู้ชายก็ตาม แต่ก็ไม่เคยล้อเลียนเราเลยสักครั้งทำให้เรารู้สึกว่าเล่นด้วยแล้วสบายใจ
“พี่ไปหาที่บ้านก็ไม่เจอ ดีนะที่เมื่อเช้าเห็นพี่ยักษ์ไปลาป่วยให้ เลยคิดว่าต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ” พี่บัวพูดจบก็นั่งลงข้างๆ
“มินไม่สบายอ่ะพี่บัว แล้วพี่บัวมีอะไรหรอ? หรือว่าครูสั่งการบ้าน”
“เปล่า ก็เมื่อวันศุกร์เห็นว่าไม่ได้ไปเล่นด้วยกันกับพี่ แถมวันเสาร์กับอาทิตย์ไปหาที่บ้านก็ไม่เจออีก ไปถามพวกต้อง มันก็บอกว่ามินน่าจะโดนพี่ยักษ์จับกินไปแล้ว…” พี่บัวร่ายยาวที่เห็นว่าเราหายตัวไปและไม่ได้ไปเล่นด้วย ส่วนต้องก็คือพวกแก๊งจักรยานที่ทิ้งเราไว้วันนั้นนั่นแหละ...
“เออ...ตอนไปที่บ้านมินอ่ะ พี่เจอยายด้วยนะ พี่ก็เลยถามเขา...” พี่บัวรีบพูดต่อ
“แต่เขาบอกว่า…” เรากลืนน้ำลายแล้วตั้งใจฟังที่พี่บัวจะพูดต่อไปนี้ ถึงว่าเราจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็เถอะว่าน่าจะเป็นเรื่องไม่ดีมากกว่า
“ไม่รู้มันไปอยู่ที่ไหน...ถ้าเจอ ฝากบอกมันด้วยว่าจะเลิกเรียนแล้วใช่มั้ยหนังสืออ่ะ โตขึ้นมันจะเป็นคนหรือเป็นควาย ทำไมถึงได้ชอบไปอยู่แต่ที่นา” พอถึงตรงนี้พี่บัวก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วพูดให้เบาลง ด้วยความที่เขาก็รู้เรื่องที่ว่ายายไม่ค่อยชอบหน้าเราเท่าไหร่
เราเข้าใจนะว่าพี่บัวเขาไม่ได้มีเจตนาจะพูดแบบนี้หรอก แต่ด้วยความเป็นเด็ก แกคงไม่ทันได้คิด ได้ยินมายังไงก็คงพูดมาตามนั้น
เรารู้สึกจุกในอกไปหมด ตอนนั้นเหมือนน้ำตามันจะรื้นออกมา แต่เราก็พยายามข่มใจไม่อยากร้องไห้ มันทั้งรู้สึกแย่ และรู้สึกอาย ทำไมยายเขาถึงได้ด่าเราให้คนอื่นแรงขนาดนี้นะ...
เราว่าเราก็บอกยายไว้แล้วนะว่าเสาร์-อาทิตย์จะไปอยู่ที่กระท่อมกับพี่ยักษ์ ทั้งที่ปกติก่อนหน้านี้เราก็ไม่เคยไปไหนเลย อยู่แต่ที่บ้านตลอด พึ่งจะครั้งนี้ที่เราไม่ได้นอนที่บ้าน ทำไมเขาต้องพูดถึงเราแบบนี้... มันรู้สึกแย่มากสำหรับเด็กในตอนนั้น
เรานั่งนิ่งมันพูดอะไรไม่ออก ตอนนั้นได้แต่เงยหน้าไปมองหน้าพี่ยักษ์ที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ เหมือนพี่เขาเองก็ได้ยินที่พี่บัวพูด
“ขอโทษที พี่ผิดเอง... เมื่อเช้าก็ลืมแวะบอกเขาว่าเราอยู่กับพี่...ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปบอกยายให้ว่าเราอยู่ที่นี่” พี่ยักษ์พูดจบแล้วก็เดินลงจากบ้าน สตาร์ทมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป
ตอนนั้นเรานั่งคุยเล่นอะไรกับพี่บัวไปเรื่อยเปื่อย พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยถึงเรื่องที่โรงเรียน หรือเรื่องที่พวกเขาเล่นอะไรกันบ้างในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะถ้าคุยเรื่องยายทีไร เราจะรู้สึกไม่ค่อยดีเลย...
สักพักพี่ยักษ์ก็เดินกลับเข้ามา สีหน้าพี่เขาดูเคร่งเครียดนิดหน่อย แต่พอเห็นหน้าเราที่มองเขาอยู่ เขาก็ส่งยิ้มให้เหมือนว่าไม่มีอะไร
“พี่บอกยายให้แล้วนะ... แต่คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่ง” พี่ยักษ์เดินมาลูบหัวเราไปมาเบาๆ
“กลับบ้านได้แล้วมั้งบัว เดี๋ยวเย็นกว่านี้พ่อแม่เอ็งจะถือไม้เรียวไว้รอเอานะ” พี่ยักษ์พูดแหย่พี่บัวที่กำลังคุยเล่นกับเราอย่างสนุกสนาน
พี่บัวสะดุ้งตัวเล็กน้อย พอเห็นว่าฟ้าเริ่มใกล้จะหมดแสงอาทิตย์แล้ว พี่เขาเลยรีบขอตัวกลับก่อน แล้วปั่นจักรยานออกไปทันที
พอพี่บัวกลับไปแล้ว เราก็นึกถึงเรื่องที่เขาบอกเราเรื่องคำพูดของยาย มันรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกหน่วงๆ จุกๆ กับคำพูดเขามาก
ทั้งที่เราก็เรียนได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนมาตลอด เพราะพ่อแม่เราสั่งสอนมาเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน เราหยุดเรียนแค่วันเดียวทำไมถึงกับต้องด่ากันขนาดนี้ แทนที่จะถามสักคำว่าหลานไม่สบายเป็นยังไงบ้าง? แต่มันกลับไม่มีเลย...
“เป็นอะไร? เครียดเรื่องยายเหรอ?” พี่ยักษ์อุ้มตัวเราไปนั่งตักแล้วลูบหัวเราเบาๆ
“เปล่าฮะ...”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก...อย่าเครียดสิ หืมมมม เดี๋ยวไข้ก็ขึ้นอีกหรอก” พี่ยักษ์พูดจบก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“ไหน... ขอคุณหมอตรวจหน่อยสิ...ว่าไข้ลดหรือยัง?” พี่เขาก้มลงจูบเบาๆแล้ว เอาหนวดถูไถไปตรงบริเวณซอกคอของเรา เอาอีกแล้ววว ความรู้สึกนี้โดนกี่ทีก็รู้สึกขนลุกตลอด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกลืมเรื่องของยายไปได้ขณะหนึ่งล่ะนะ...
“อืมมมม ตัวยังอุ่นอยู่เลย...งั้นเดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักได้แล้ว ถ้าเกิดไข้ขึ้นมาอีก... พี่จะจับฉีดยาแล้วนะ” พี่ยักษ์ยิ้มกริ่มก่อนจะเดินไปเอายามาป้อนเรา
“พี่ยักษ์มีเข็มฉีดยาด้วยหรอฮะ?” เราทำตาโต รู้สึกตกใจมาก ทำไมพี่ยักษ์ถึงได้มีเข็มฉีดยาอยู่ในบ้านได้นะ!
“มีสิ ถ้าดื้ออีกละก็...คราวนี้จะโดนจริงๆ ด้วย หึ” พี่ยักษ์ยิ้มให้ เสร็จแล้วก็ห่มผ้าให้เรา แล้วก็ก้มลงจูบตรงหน้าผากเบาๆ เหมือนเป็นการบอกว่าให้เรานอนได้แล้ว
ชอบความรู้สึกนี้จัง... มันรู้สึกดี และทำให้เรารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่อยู่กับพี่เขา
เราได้แต่นอนกอดพี่ยักษ์เอาไว้ เพราะรู้สึกว่าพรุ่งนี้ไม่อยากกลับบ้านเลย...
-----------
ตอนเช้าพี่ยักษ์ก็พาเราไปแต่งตัวที่บ้านและพาไปส่งที่โรงเรียน ตอนนั้นเจอหน้ายาย ยายก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่สิ...ต้องบอกว่าเขาทำเป็นไม่เห็นเราด้วยซ้ำ
“ไหวแน่นะเจ้าดื้อ หัวยังอุ่นๆ อยู่เลย” หลังจากที่เราลงจากรถพี่ยักษ์ก็เอามือมาแตะที่หน้าผากเราเพื่อเช็คอุณหภูมิร่างกาย
“ไหวฮะ...ผมไม่เป็นไรแล้ว” เรายิ้มให้พี่เขา ถึงแม้ในใจตอนนั้นจะรู้สึกไม่ค่อยดีก็ตาม
“ตั้งใจเรียน อย่าคิดมากนะเรื่องยายอ่ะ... แล้วเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะมารับ”
“ตอนพักกลางวันก็อย่าไปวิ่งเล่นซนตากแดดนะ เดี๋ยวไข้ขึ้น…แล้วมานอนซุกกอดพี่อีก”
เราก้มหน้างุด รู้สึกเขินเพราะเมื่อคืนเรานอนเอาหน้าซุกแล้วกอดพี่เขาไว้จริงๆ พี่ยักษ์จับหัวเราโยกไปมา แล้วยิ้มให้ ก่อนจะขี่รถออกไป...
เรามองตามหลังพี่เขา ในใจพอรู้สึกว่าตอนเย็นเราจะต้องกลับบ้านมาอยู่คนเดียวเหมือนเดิม… มันเริ่มรู้สึกเหงา...จนอยากจะร้องไห้ แล้วยิ่งรู้ว่ายายพูดถึงเราแบบนี้อีก เรายิ่งไม่อยากเข้าใกล้ยาย ความรู้สึกมันเหมือนตัวคนเดียวอย่างบอกไม่ถูก
----------
พอเลิกเรียนเราก็มายืนรอพี่ยักษ์อยู่ตรงแถวหน้าประตูโรงเรียน ตอนนั้นข้างในใจมันรู้สึกใจหายแปลกๆ มันหวิวๆ ...
เพี้ยะ!!
จู่ๆ ก็มีมือใครบางคนมาตบที่หัวเราอย่างแรง จนเราเกือบล้มหน้าทิ่ม
“ไอ้ตุ๊ด! เดี๋ยวนี้หายหน้านะ เห็นยายบอกว่ามึงจะไปเป็นควายแล้วหรอ ฮ่าๆๆๆ” น้ำเสียงนี้...คนที่เรารู้สึกกลัวและไม่อยากจะอยู่ใกล้ที่สุด พี่โหน่ง...หรืออีกชื่อที่เราเรียกมันในใจก็คือไอ้โหน่ง เป็นลูกพี่ลูกน้องเขาเราเอง
“มันมองหน้าอ่ะพี่โหน่ง ไม่ยอมตอบ สงสัยต้องเอาอีกสักที” ไอ้เหน่งน้องชายของมันรีบพูดเสริมทันที ถึงมันจะเป็นแค่เด็กป.สอง แต่มันก็ไม่เคยเรียกเราว่าพี่ แถมยังชอบแกล้งเราเหมือนกับที่ไอ้โหน่งชอบทำด้วย
ไอ้โหน่งได้ทีก็ตบมาที่หัวเราอีกครั้งอย่างแรง จนตอนนี้น้ำตาเราเริ่มคลอเบ้าแล้ว ทั้งเจ็บและกลัว แต่พวกมันสองคนกลับยืนหัวเราะชอบใจ
ปกติเวลาเราอยู่โรงเรียนก็จะเลี่ยงที่จะเจอสองพี่น้องนี่เป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งตอนเย็นจะรีบกลับบ้านก่อนที่พวกมันจะออกจากโรงเรียน เพราะถ้ากลับทีหลังแล้วพวกมันรู้ บางทีก็อาจจะดักรออยู่ที่หน้าประตู หรือดักรอแกล้งเราระหว่างทางได้ กระทั่งตอนอยู่บ้านเราก็ต้องออกไปอยู่กับเพื่อนเป็นประจำ พอกลับมาถึงก็ต้องรีบล็อคประตูทันที ไม่งั้นพวกมันอาจจะเข้ามาแกล้งได้
มัน...น่าสมเพชมากเลยนะ ที่คนที่คอยแกล้งเรากลับไม่ใช่เพื่อนๆ หรือคนอื่น แต่...กลับกลายเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติพี่น้องของเราเองซะนี่
ตอนนั้นเราได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้า มันทำอะไรไม่ถูก เราอยากจะสู้กลับนะ แต่เราเคยสู้แล้วสู้ไม่ได้ เพราะเราก็ไม่ได้ตัวใหญ่อะไร แถมพวกมันมีกันสองคนพี่น้องเราโดนรุมเจ็บตัวมากกว่าเดิมซะอีก
หรือถ้าเราสู้พวกมันหรือทำให้พวกมันเจ็บตัว มันก็จะไปฟ้องยายว่าเราแกล้งไอ้เหน่งที่เป็นเด็กกว่า ไอ้โหน่งก็เลยมาช่วย สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเราผิด...
ใช่เราผิดเสมอ เพราะไม่ว่ายังไงยายก็ไม่คิดจะฟังเราอยู่แล้ว เพราะพวกมันสองคนคือหลานรักคนโปรดของเขา...
“ไอ้เหน่ง อยากขี่ควายป่าว ควายเผือกด้วยนะ” พอไอ้โหน่งพูดจบ ไอ้เหน่งก็ยิ้มทันที มันกระโดดเหมือนพยายามจะขี่หลังเรา แต่ด้วยความตัวของไอ้เหน่งมันก็พอๆ กับเรา แถมเรายังสะพายกระเป๋าที่มีหนังสืออยู่อีก บวกกับอาการที่พึ่งฟื้นจากไข้ยังไม่หายดี ทำให้เราถึงกับเซไถลล้มลงทันที
ตอนนั้นด้วยสภาพพื้นดินที่มันแฉะและมีแอ่งน้ำอยู่ เพราะอยู่ในช่วงหน้าฝน ทำให้ชุดนักเรียนเปรอะหมดเลย
วินาทีนั้นมันทำให้เรานึกถึงคำพูดของแม่... มันเป็นเสื้อนักเรียนที่แม่เราตั้งใจเก็บเงินซื้อให้เรา แต่ตอนนี้มันเลอะไปหมดแล้ว
พอนึกถึงแม่มันทำให้เรากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว จนต้องร้องไห้ออกมา
แม่เคยบอกว่าถึงแม่จะจน แต่แม่ก็อยากซื้อชุดนักเรียนยี่ห้อที่ดีให้กับลูกได้ใส่ เพราะเขาไม่มีโอกาสนั้น ก็เลยอยากให้ลูกได้ใช้แต่ของดีๆ...
เราไม่รู้จะทำยังไงดี เราทั้งเกลียดทั้งกลัวพวกมันสองคน เกลียดที่พวกมันยังยืนหัวเราะเยาะทั้งที่เราอยู่ในสภาพแบบนี้ เราทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องทำกับเราขนาดนี้
พ่อ...แม่...มารับหนูไปสักที ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว...
เพี้ยะ!
“โอ๊ยยยยยยย” จู่ๆ ไอ้โหน่งร้องเสียงหลงออกมา เราที่กำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองทันที
พี่ยักษ์...มาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เรามัวแต่กลัวพวกนี้จนไม่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของพี่เขาเลย
พี่เขาตบหัวไอ้โหน่งอย่างจังจนมันล้มหน้าคะมำ
“ตบผมทำไมอ่ะ!” ไอ้โหน่งเงยหน้าขึ้นไปถามพี่ยักษ์ ตอนนั้นมันเริ่มน้ำตาคลอเบ้าแล้ว คงน่าจะทั้งเจ็บและอาย ที่ถูกตบหัวต่อหน้าเรา
“แล้วมึงละ ไปแกล้งน้องมันทำไม ไอ้ห่า! เป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรอวะ ทำไมทำแบบนี้” พี่ยักษ์เดินมายกตัวเราขึ้น เรารีบไปยืนหลบหลังพี่ยักษ์ทันที
“มันไม่ใช่น้องผม! ผมไม่มีน้องเป็นตุ๊ด!!” พูดจบมันก็เดินไปจูงแขนไอ้เหน่งที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ คงน่าจะเพราะกลัวพี่ยักษ์...
“ไป ไอ้เหน่งกลับบ้าน”
“ไอ้ยักษ์มึงตบหัวกู! กูจะไปฟ้องยาย!!” พอไอ้โหน่งพูดจบ พวกมันสองคนก็พากันวิ่งหนีไปทันที
“เฮ้ออออออออ” พี่ยักษ์ถอนหายใจยาว ก่อนจะก้มลงมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ แต่มันก็เลอะไปหมดแล้ว ชุดนักเรียนของเราจากที่มีสีขาว ตอนนี้มีแต่สีดินโคลนเต็มไปหมด...
----------
พี่ยักษ์พาเรากลับไปที่บ้านเขาก่อน และให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
“เจ็บตรงไหนมั้ย?” พี่ยักษ์นั่งลงข้างๆ แล้วลูบหัวเราไปมา
“ไม่เจ็บฮะ...แต่ว่าเสื้อนักเรียนมัน…” ตอนนั้นมันรู้สึกจุก จนพูดไม่ออก แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมา ทั้งที่เราไม่ได้อยากจะร้องไห้เลย
พี่ยักษ์ดึงเราไปกอดไว้จนเราหยุดร้องไห้
...
“เอ้อ...พี่ถามอะไรหน่อยสิ...อยู่คนเดียวลำบากหรือเปล่า?” พี่ยักษ์เช็ดคราบน้ำตาให้เรา แล้วก็ถามขึ้นอีกครั้ง เรารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ พี่เขาก็ถามแบบนี้
“ไม่ลำบากฮะ...เพราะว่าแม่สอนหมดแล้วทั้งวิธีก่อไฟ วิธีหุงข้าว แล้วก็ทอดไข่ด้วย แม่เคยบอกว่าเผื่อวันไหนยายไม่ว่าง ผมจะได้ดูแลตัวเองได้” ที่เราต้องตอบไปแบบนั้น เพราะเรากลัวว่าพี่ยักษ์จะมองพ่อกับแม่เราไม่ดีไปด้วยอีกคน
พี่ยักษ์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้แต่ยิ้มให้และขยี้หัวเราเบาๆ
“แล้วถ้า...มาอยู่กับพี่ล่ะ..”
“หนูอยากอยู่กับพี่หรือเปล่า?”
ตอนนั้นเรามองหน้าพี่เขา ในใจมันสั่นไปหมด เพราะเรากลัวมาตลอดว่าจะต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีก เราไม่อยากนอนแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วไม่เจอใครอีกแล้ว มันน่ากลัวจนแทบจะนอนต่อไม่ได้
การที่ได้มานอนอยู่กับพี่ยักษ์ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่มันก็ทำให้รู้สึกปลอดภัย และหลับได้อย่างสบายใจจริงๆ หลังจากที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านเรารู้สึกดีมากๆ ที่เวลาตื่นมากลางดึกแล้วเห็นเขานอนอยู่ข้างๆ แล้วเขานอนกอดเราอยู่อย่างนั้น
ชอบที่ได้เวลานั่งกินข้าวกับพี่เขา เราได้กินอิ่มโดยที่ไม่ต้องแย่งกับใคร ไม่ต้องคอยตักแค่น้ำแกงมาคลุกข้าวกิน หรือไม่ต้องทอดไข่กินแทบทุกมื้อที่อยู่คนเดียวอีกแล้ว
ตอนนั้นเราไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่เข้ากอดพี่เขาแล้วร้องไห้ฟูมฟายออกมา มันรู้สึกดีจริงๆ มันดีใจมากอย่างบอกไม่ถูกที่เขาชวนให้เรามาอยู่ด้วย
พี่ยักษ์ลูบหัวเราไปมาจนเราหยุดร้อง
“อ้าว ยังไม่ได้ตอบพี่เลยนะ ว่าอยากมาอยู่กับพี่หรือเปล่า?” พี่ยักษ์ยิ้มและเช็ดน้ำตาให้
“อยากอยู่กับพี่ยักษ์ฮะ...” เราตอบทั้งที่ยังสะอื้นอยู่
“ก็แค่นั้น...ไอ้ลูกหมาเอ้ย ร้องไห้จนน้ำตาไหลหมดตัวแล้วมั้งเนี้ย” พี่ยักษ์ขยี้หัวเราไปมา เราได้แต่นั่งอมยิ้มเพราะมันรู้สึกโล่งและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ส่วนเรื่องยายไม่ต้องคิดมากนะ... เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะเข้าไปคุยให้เอง” เรายิ้มและพยักหน้ารับ
หลังจากที่คุยกันเสร็จ พี่ยักษ์ก็พาเรากินข้าวและให้กินยา เพราะเขารู้สึกว่าเรายังไม่หายดี กลัวว่าตัวเราจะกลับมาร้อนและไข้ขึ้นอีก
“พี่ยักษ์... ผมขออะไรสักอย่างได้มั้ยฮะ?…” ก่อนที่จะนอน พอดีเราคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้... เลยอยากจะขอตกลงกับพี่เขาก่อน
“หืออออ ได้สิ...อะไรเหรอ?”
“คือว่า…”
“คือว่า ถ้าผมมาอยู่กับพี่ยักษ์ อย่าทำให้ผมเจ็บแบบวันนั้นอีกได้มั้ยฮะ? ผมกลัว...”
พี่ยักษ์ยิ้มให้ก่อนจะดึงตัวเราเข้าไปนอนกอดไว้
“ได้สิครับ... ก็พี่บอกแล้วไง ถ้าเรากลัว พี่ก็จะไม่ทำอีก...”
“แต่...ถ้าไม่ทำให้เจ็บก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยล่ะ?” เราถึงกับทำหน้าเหวอ เงยหน้ามองหน้าพี่เขา ได้แต่รู้สึกสงสัยว่าไม่ทำให้เจ็บคืออะไร?
พี่ยักษ์ยิ้มกริ่ม ก่อนจะบี้จมูกเราเบาๆ แล้วกอดเราให้แน่นกว่าเดิม ถ้าเป็นเหมือนทุกทีเราคงจะรู้สึกอึดอัดไปแล้ว
แต่วันนี้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก อยากให้เขากอดเราเอาไว้แบบนี้ทั้งคืนเลย...
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-3-5 04:57
ตอนนั่งเขียนนี่ใช้พลังงานเยอะมาก ต้องเขียนๆ หยุดๆ
การที่เอาตัวเองกลับไปอยู่ช่วงเวลาแบบนั้นนี่มัน... 555555
แถมช่วงนี้ฝนหยุดตกแล้วด้วย อากาศร้อนมากกกกก บรรยากาศมันไม่ตรงกับช่วงเวลานั้นเลยทำให้เขียนยากมากจริงๆ {:5_128:}
แถมช่วงนี้โควิดระบาดหนักมากเลยเน้อ ยังไงก็ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะทุกคนนน แล้วเจอกันใหม่ บายจ้า
ขอบคุณครับ ติดตามผลงานนะครับ เล่าได้ดีมากเลย
อ่านแล้วฟิน มีความน่ารัก
มีบรรยากาศในสมัยนั้น
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ เมื่อไหร่จะเย 555 มันผ่านมาแล้ว ขอบคุณครับ สนุกมากครับ แบบพี่ยักษืนี่หาได้ที่ไหนนะ อยากได้แบบนี้บ้างจัง{:5_137:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ {:5_135:} เป็นเรื่องที่ทุกข์ พร้อม ๆ กับความสุข ใช่ไหม นี่ {:5_140:} ขอบคุณครับ {:7_295:} อ่านไปยิ้มไปเลยครับ:loveliness: ขอบคุณมากครับ