รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [8.2]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-10-3 17:54เรื่องราวต่อจากนั้น เป็นวันที่เราก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
เพราะว่าน่าจะเป็นวันหยุดเราไม่ได้โรงเรียนมั้ง
วันนั้นพ่อดิน ป้าปูและลุงสิน รวมถึงพี่เมฆ ก็ไปที่บ้านลุงมั่น เพื่อจะพาตัวพี่นวลไปตรวจที่โรงพยาบาล
สภาพบ้านของลุงมั่นคือ บ้านหลังเล็กยกพื้นสูง ฝาบ้านเป็นแผ่นไม้ปะผสมกันไป
ดูเหมือนว่าจะยังเป็นบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จซะด้วยซ้ำที่เราหยิบยกเรื่องนี้มาพูดก็ไม่ได้อยากจะเหยียดลุงแกหรืออะไรนะ
เราแค่อยากให้เห็นภาพพอเห็นสภาพบ้านลุงมั่นครั้งแรก
ยอมรับว่าตอนเป็นเด็กเรารู้สึกสงสารครอบครัวนี้มาแวบหนึ่งเหมือนกัน
คงเพราะตัวเราเองก็จัดว่าฐานะยากจน แต่ก็ยังถือว่าดีกว่าลุงมั่น
สภาพบ้านของเรายังไม่แร้นแค้นเท่านี้
แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะทันทีที่ลุงมั่นออกมาจากในบ้านเห็นพวกเราเดินเข้าไปก็รีบแห่ไล่ทันที
เหมือนลุงแกจะโวยวายทำนองว่า ‘ถ้าไม่แต่ง ไม่รับผิดชอบลูกสาวเขาก็ไม่ต้องมา พากันมาทำไมอีก!’ อะไรทำนองนี้
ซึ่งพอลุงแกแผดเสียงดังลั่น คนที่อยู่ละแวกนั้นก็เริ่มออกมาดูกัน เอาอีกแล้ว...ถ้ามีคนมามุงกันเยอะแยะเดี๋ยวก็คุยกันไม่รู้เรื่องอีก
แน่นอนว่าลุงสินกับป้าปูก็เหมือนจะสุดทน ก็ยืนปะทะคารมกันครู่ใหญ่เลย
จนพ่อดินเขาต้องรีบตัดบทเข้าเรื่องประเด็นหลักที่มาในวันนี้ เพราะจะพาพี่นวลไปโรงพยาบาลพาไปตรวจ
ลุงมั่นก็ยังแขวะไม่เลิก หาว่าพ่อดินทำแล้วจะไม่รับผิดชอบ
ซึ่งเราที่ยืนฟังอยู่ยังรู้สึกเอือมระอากับคนคนนี้มากทำไมพูดไม่รู้เรื่องได้ขนาดนี้
จนมีชาวบ้านที่ออกมาฟัง เขาก็มาบอกว่าให้พาพี่นวลไปตรวจเถอะจะได้สบายใจ
ถ้าท้องจริงก็ค่อยจัดงานแต่งหรือเอายังไงก็ว่ากันอีกที
ลุงมั่นก็ไม่ยอมท่าเดียว พูดโย้เย้ไปมา
แต่พ่อดินก็ยืนยันคำเดิมซ้ำๆ ว่าไม่เคยทำอะไรพี่นวลเลย
ลุงสินก็เลยบอกว่าให้เอาตัวพี่นวลมา จะได้พาไปตรวจถ้าท้องจริงๆ เขาจะจัดงานแต่งกับลูกชายเขาให้เลย
จังหวะนั้นเหมือนลุงมั่นน่าจะหลุดมาประมาณว่า ‘งั้นก็ให้แต่งไปเลยสิอยู่กันไปเดี๋ยวมันก็ท้องเอง’
ป้าปูก็เลยถามกลับว่าสรุปว่าพี่นวลท้อง หรือยังไม่ได้ท้องกันแน่
แต่ลุงมั่นก็กลับมาพูดคำเดิมว่าพี่นวลท้องลูกของพ่อดินอยู่...
สุดท้ายมันก็จบลงตรงที่ ลุงมั่นไม่ยอมให้เอาตัวพี่นวลไปตรวจที่โรงพยาบาล
เอาแต่ด่าว่าพ่อดินไม่รับผิดชอบ แล้วก็อ้างนู้นอ้างนี้ไปเรื่อย
ลุงสินเองก็คงสุดทนเหมือนกัน ก็เลยพาพวกเรากลับ แล้วบอกลุงมั่นว่าไม่ต้องกลับไปทำนาที่ของพ่อดินแล้วนะตัวลุงสินไม่ให้ทำแล้ว
แน่นอนว่าคนอย่างลุงมั่นไม่ยอมจบ ก็เลยไปฟ้องลุงผู้ใหญ่บ้านบอกว่าบ้านลุงสินกลั่นแกล้งและเอาเปรียบเขา
ให้เขาเช่าที่ทำนาจนจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวอยู่แล้วมาไล่ไม่ให้เขาทำต่อ ทำนองนี้
ซึ่งพ่อดินก็ต้องมาเคลียร์อีก ตอนแรกโวยวายจะไม่ยอมท่าเดียว จะทำนาต่อให้ได้(เพราะดูแล้วปีนั้นที่นาของพ่อเขาน่าจะได้ผลผลิตดีเลย)
แต่อย่างว่าปัญหามันเกิดขึ้นไปแล้วพ่อดินเองก็รู้สึกลำบากใจที่จะติดต่อสื่อสารกับบ้านลุงมั่นอีก
ไหนจะเรื่องพี่นวลอีกแล้วพ่อดินก็โดนคนในหมู่บ้านหลายคนตราหน้าไปแล้วว่า ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ
ที่จริงตอนที่พ่อเขาให้ลุงมั่นเช่าที่ทำนา เพราะเขาสงสารครอบครัวลุงมั่น
ตอนที่มาไหว้วานร้องขอก็รู้สึกเห็นใจว่าครอบครัวลุงเขาค่อนข้างลำบากและไม่มีที่ทางทำกิน
ซึ่งพ่อดินไม่เคยคิดว่าให้เช่าเพราะอยากได้พี่นวลลูกสาวเขา แบบที่ลุงมั่นคิดเลย
สุดท้ายก็จบที่พ่อดินต้องจ่ายให้บ้านลุงมั่นประมาณสามหมื่นมั้ง เขาก็คิดค่าปุ๋ย ค่าแรงนู่นนี่นั่นต่างๆ นานาอ่ะ
ตอนแรกก็ตกใจทำไมค่าปุ๋ยแพงจังก็รู้อยู่ว่าที่นาพ่อดินเขากว้างมาก แต่ไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้
พ่อดินบอกว่าถ้าคำนวณมาเป็นค่าแรง ค่าเสียเวลาด้วย ตามที่ลุงมั่นอ้างยังไงก็ไม่ถึงหรอก
แต่พ่อดินอยากจ่ายไปให้มันจบ เพราะถึงยังไงถ้าถึงฤดูเกี่ยวข้าวพอเอาข้าวไปขายก็น่าจะพอได้เงินส่วนนี้คืนมาอยู่ หรืออาจจะได้มากกว่า
แต่หลังจากนั้นเนี่ยสิ พ่อดินก็ต้องอยู่กับคำครหานินทาจากชาวบ้านมาตลอดเลย
ว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมีย ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับผิดชอบ ซึ่งตอนเราได้ยินเราโกรธมากแล้วรู้สึกเจ็บใจสุดๆ
เพราะพวกผู้ใหญ่ชอบด่าพ่อเขาให้เด็กอย่างเราได้ยินด้วยนะคิดแล้วอยากจะซัดหน้าจริงๆ นั่นแหละ
เราไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านถึงต้องเชื่อลุงมั่นขนาดนั้น เพราะเขาตะแบงเก่งหรอ?
ในตอนนั้นพี่นวลท้องจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย
แค่เคยเห็นกันว่าพี่นวลแวะเอากับข้าวมาให้พ่อดินที่บ้านบ่อยๆแค่นี้เนี่ยนะ...
แล้วหลังจากนั้น พอมีคนถามเรื่องท้องของพี่นวลลุงมั่นก็บอกไปว่าพี่นวลแท้งแล้ว ก็มีคนเชื่อด้วยนะว่าพี่นวลแท้งลูก
คิดดูว่าพ่อดินเขาจะโดนด่าขนาดไหน โดนแซว โดนแขวะแรงมาก ขนาดที่ว่ามีคนพูดกันเลยนะว่า
พวกผู้หญิงในหมู่บ้านอ่ะอย่าผ่านหน้าบ้านพ่อดินนะ เดี๋ยวโดนฉุดไปข่มขืนแล้วไม่มีใครเห็นท้องขึ้นมาเขาไม่รับผิดชอบนะ
ซึ่งมันเป็นอะไรที่เลวร้ายและดูแย่มาก
พ่อดินกลายเป็นเหมือนอาชญกรตัวร้ายประจำหมู่บ้านไปเลย ทั้งที่พ่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย...
แล้วตัดมาที่ปัจจุบัน
พี่เขาบอกว่า เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับคำพูดคนพวกนั้นเลย เขาเฉยๆมากเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนในหมู่บ้านมันก็แบบนี้ ก็เลยไม่อยากใส่ใจเอามาเก็บเป็นอารมณ์อะไร
แต่สิ่งที่ทำให้พี่เขารู้สึกแย่ที่สุดก็คือ เราในตอนเด็กดันเป็นคนที่เจ็บใจกับคำพูดของชาวบ้านมากกว่าพี่เขาซะอีก
พี่เขาก็รู้สึกดีนะ ที่เรารู้สึกรักและอยากปกป้องเขาขนาดนี้ แต่พี่เขารู้สึกแย่ตรงที่...ในความคิดของพี่เขาตอนนั้นอ่ะเขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ต่างหากที่ถูกเขากระทำย่ำยี แต่ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพี่เขาเลย แถมยังมารักและคอยเป็นห่วงความรู้สึกเขาอีก เลยยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจพี่เขามาตลอด
เราฟังแล้วเราก็เข้าใจนะ แต่ในตอนเด็กเราไม่ได้มองว่าเรื่องนั้นมันร้ายแรงอะไร คงเพราะพี่เขาเลี้ยงและดูแลเอาใจใส่เราอย่างดีมากละมั้ง มันเลยทำให้เรารู้สึกว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องโหดร้ายสำหรับเราเลย แต่กลับรู้สึกว่าคนนี้แหละคือคนที่เราจะพึ่งพิงได้ และไว้ใจได้...
Kamanit007 ตอบกลับเมื่อ 2022-10-8 05:16
สังคมแบบนี้ ดูน่าอึดอัดครับ อยู่ที่ใครกล้าพูดให้ร้า ...
อันนี้ขอยกมาตอบกลับขึ้นเม้นใหม่น้า เพราะค่อนข้างยาวนิดนึง
ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจที่จะเล่าจ้า ถึงช่วงเวลานั้นมันจะเป็นช่วงที่แย่ที่สุดของเราสองคนก็ตาม
ต้องบอกเลยว่าทีแรกทั้งพ่อแม่เราก็รับไม่ได้ ขอให้เลิก และขอให้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพี่เขาเหมือนกัน
แต่อย่างว่าระหว่างช่วงเวลาที่เราเติบโตเราอยู่กับพี่เขาตลอดอ่ะ
มันอาจจะดูเหมือนลูกอกตัญญูนะ แต่เราก็เลิกกับพี่เขาไม่ได้ เพราะเรามานั่งคิดทบทวนแล้ว เวลาที่เรารู้สึกแย่หรือลำบากใจ
ขอแค่ได้เห็นหน้าพี่เขา แค่พี่เขากอด เขาหอมกระหม่อมเราเบาๆ ทำเหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็กๆแค่นั้นเราก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว
เราไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเลิกหรือห่างกันไป เราจะหาคนแบบพี่เขาได้อีกมั้ย
คนที่แค่อยู่ด้วยกันก็รู้ใจไปหมดทุกอย่าง ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ก็เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหรือรู้สึกอะไร
ก็ทะเลาะกันอยู่กับที่บ้านนานเหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอม เรารู้ว่าในใจพ่อแม่เราก็คงรับไม่ได้หรอก เราเองก็รู้สึกผิด
แต่พี่เขาก็คือความสุขในชีวิตของเราอ่ะ เป็นเรื่องเดียวที่เราขอเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาพ่อกับแม่
ส่วนลุงสินกับป้าปูหนักกว่า ทางนั้นคือรับไม่ได้เลย ป้าปูถึงกับมาคุยกับเราขอให้เลิก ป้าเขาก็พูดดีนะ
แถมพอเห็นป้าปูเขาร้องไห้เราก็ใจอ่อน แต่ว่า...พี่ดินเรียกเราไปคุยถามว่าป้าปูคุยอะไรกับเราบ้าง เหมือนพี่เขาจะดูออก
ซึ่งเราก็ต้องบอกพี่เขาทั้งหมดจริงๆ พี่เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการเอง ไม่เป็นไร
แต่ถ้าป้าปูโทรมาคุยหรือพูดอะไรกับเราอีก ให้เราบอกพี่เขาทุกอย่าง ห้ามปิดบังและเก็บไปคิดคนเดียวเด็ดขาด
ซึ่งช่วงเวลานั้นอ่ะผ่านไปยากกว่าทางฝั่งบ้านเราอีก ลุงสินกับป้าปูถึงกับเสนอจะให้เงิน เพื่อขอให้เราเลิกกับลูกชายเขา
เขาบอกว่าเขารับไม่ได้จริงๆ...
แล้วช่วงนั้นที่เขารู้คือพี่ดินพึ่งจะอายุสามสิบปลายๆ ก็ถือว่าถ้าเลิกกับเราไปแล้วมีเมีย ก็ยังพอมีลูกได้
เราเองก็ทรมานใจนะ พอโตมาเราเข้าใจอ่ะ เรื่องที่เราสองคนทำมันผิด มันแทบจะไม่มีคนรอบตัวรับได้อยู่แล้ว...
ยอมรับว่าช่วงนั้นเราก็ทำตัวไม่ดีเหมือนกัน เราเริ่มไม่บอกพี่เขาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มไม่บอกว่าป้าปูโทรมาคุยอะไรกับเราบ้าง
เราเก็บไปนั่งคิดคนเดียวจนสุดท้ายเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันทั้งที่ยังอยู่ด้วยกัน
จนจำได้ว่าวิธีที่พี่เขาใช้คุยกับเราคือ เอาอัลบั้มรูปเก่าๆ มานั่งดูด้วยกัน ถ่ายด้วยกันตั้งแต่สมัยยังเป็นกล้องฟิล์ม สมัยที่เรายังเด็ก
เราก็ดูไป ก็หัวเราะมันก็ตลกอ่ะเนอะ เหมือนได้ย้อนวันเวลาเก่าๆ
จนพี่เขาพูดขึ้นมาว่า 'ไหนเราเคยคุยกันแล้วไง ว่ามีอะไรจะไม่ปิดบังกัน จะคุยกันทุกอย่าง หรือว่าตอนนี้หนูไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว'
เราก็บอกไปว่าเราเหมือนเดิม เราเหมือนเดิมทุกอย่าง พี่เขาก็พยายามพูดว่างั้นถ้าเหมือนเดิมก็ต้องพูดได้สิ
เหมือนตอนที่หนูเป็นเด็ก หนูไม่ชอบใจอะไร หนูโกรธ หนูงอนอะไรพี่ หนูก็พูดออกมาทุกอย่างให้พี่ฟัง ให้พี่รับรู้ พี่จะได้เข้าใจว่าหนูกำลังคิดและรู้สึกอะไรอยู่
เราก็เลยระบายให้พี่เขาฟังหมดเลย เราเองก็ยังรักและอยากอยู่กับพี่เขาไปเรื่อยๆ ไม่อยากเลิก แต่เราก็สงสารป้าปูและเข้าใจหัวอกป้าปูกับลุงสินมากๆ
พี่เขาก็เลยบอกว่าขอให้เราอดทนนะ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอปัญหามาด้วยกัน ปัญหามันจะไม่อยู่กับเราตลอดไป เชื่อพี่
ขอแค่อดทนผ่านช่วงนี้ไปให้ได้...
ซึ่งเราก็เชื่อพี่เขาอดทน เราอดทนด้วยกันมาตลอด จนเวลาค่อยๆผ่านไป
ถึงทุกวันนี้ลุงสินกับป้าปูจะยังรับไม่ได้เหมือนเดิม
แต่ท่าทีก็ดูอ่อนลงกว่าแต่ก่อนเยอะ ไม่ค่อยพูดถึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเราแล้ว
ทำนองว่าเวลาที่พี่ดินพาเราไปเยี่ยมพ่อกับแม่เขา ลุงสินกับป้าปูก็จะทำเหมือนกับว่าเราไม่ได้เป็นแฟนของพี่ดิน แต่ยังคงเป็นมิน ที่เป็นลูกเลี้ยงของพี่เขาอยู่
ก็คือเวลาคุยกันไม่ได้ถามอ่ะว่าพวกเราอยู่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตคู่เป็นอะไรยังไง ลุงกับป้าเขาจะไม่พูดถึงส่วนนั้น... จะถามไปเรื่องอื่นๆแทน
แล้วก็เหมือนจะไม่พูดถึงเรื่องให้พี่ดินแต่งงานมีลูกแล้ว... เพราะทางลุงสินเองก็ไปรับหลานเขามาเลี้ยงเหมือนกัน แต่หลานชายลุงสินเขาโตแล้วนะอายุ18-19
แต่ว่าตอนนี้มีเมียและมีลูกแล้วจ้า...
พอเรากลับมาก็คุยกันนะ พี่ดินก็เลยบอกว่า ที่นาอ่ะ ยกให้หลานคนนี้ไปเลยก็ได้ ถ้าในอนาคตเด็กมันยังอยู่กับป้าปูลุงสิน
เพราะยังไงก็ถือว่ามันก็อยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่เขา เพราะพี่ดินคงอยู่ด้วยไม่ได้ และคงกลับไปอยู่ด้วยไม่ได้แล้ว
ก็นะถ้าพวกเราพากันไปอยู่ที่นั่นคิดว่าปัญหาน่าจะรายวันและคงเลิกกันในที่สุดแน่ๆ
พี่ดินเลยต้องตัดสินใจเลือกที่จะมาซื้อคอนโดอยู่กรุงเทพฯ กับเรา แล้วพอมีวันหยุด มีเวลาว่างก็จะพาเราแวะไปเยี่ยมลุงกับป้าเขาสักที
ชีวิตคู่ของพวกเราที่ดูเหมือนราบรื่นและมีความสุข แต่ก็ต้องแลกมากับความไม่สบายใจลึกๆ
เราทั้งคู่รู้ดีว่า มันเหมือนการกระทำที่เห็นแก่ตัว
เพราะสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมของพวกเราหล่อหลอมให้เราอยู่ในกรอบและต้องเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด
แต่เหมือนช่วงหลังพวกเราดูหนังและซีรี่ย์ฝรั่งด้วยกันบ่อยอ่ะ ก็เริ่มซึมซับวัฒนธรรมเหล่านั้นมากขึ้น
ค่อนข้างเปิดโลกพอสมควร
พี่ดินเคยบอกเราว่า โลกมันกว้างนะ มันอาจไม่ใช่เราแค่คู่เดียวบนโลกใบนี้หรอก
ที่ใช้ชีวิตคู่แบบขัดใจคนในครอบครัว พี่เขาบอกว่าไม่คิดว่ามันแปลกหรือรู้สึกพิเศษมั่งหรอ ที่พวกเรากลับยังอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
นั่นสิเนอะ มันก็ทั้งแปลกและก็พิเศษจริงๆนั่นแหละ เราถึงได้อยากเอามาเล่าให้คนอื่นฟัง อยากแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นได้อ่านบ้าง
นี่เราก็เผลอตอบซะยาวเลย 555555
ยังไงก็ขอบคุณที่ให้ความสนใจและติดตามเรื่องราวของพวกเราน้า
แวะมาต่อให้จบอีกหน่อย ตอนหน้าจะได้ไม่ต้องพูดถึงบ้านนี้แล้ว
พอยิ่งคิด ก็ยิ่งสงสาร สงสารพี่เขาตรงที่ ทำไมยังมีคนเชื่ออีลุงมั่นอีก
เฉไฉไปเรื่อยขนาดนี้ ดูไม่ออกเลยหรอว่าโกหก คนเรามีเหตุผลอะไรถึงจะไม่ไปตรวจโรงพยาบาล นอกซะจากกลัวรู้ความจริงแค่นั้นแหละ
แต่คนในหมู่บ้านบางกลุ่มก็ยังหน้ามืดตามัวเชื่ออีก เกลียดตรงพอเวลาผ่านไปมีการบอกว่าแท้ง แล้วก็มีคนเชื่ออีก...เฮ้อ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการเข้าถึงการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญจริงๆนะ....
ขอบคุณครับ {:5_138:}{:5_138:} สงสัยเหมือนกัน ชาวบ้านเชื่อกันไปได้ยังไง บอกเป็นลูกแต่ไม่ยอมให้ตรวจ ฟังดูก็สงสัยแล้ว ตรวจไปสิจะได้ยืนยันไปเลยว่าท้องจริง ไม่ยอมขนาดนี้ไม่สงสัยกันบ้างหรอ อย่าว่าแต่การศึกษาสำคัญเลย ละครหลังข่าวก็มีเรื่องแบบนี้ ที่ตัวร้ายตอแหลว่าท้องแต่ไม่ยอมตรวจอะ ไม่รู้สึกคุ้นๆกันบ้างหรือไง{:5_138:}{:5_138:}{:5_138:}{:5_137:} ชาวบ้านรอบข้างชวนปวดประสาทแท้ๆ เลย...แต่พี่เค้าดีนะที่ไม่เอามาใส่ใจแบบนี้{:5_136:} สนุกมากครับ เยี่ยมครับ มาต่อเร็ว ๆ นะ อยากรู้ว่า ต่อไปเป็นไง ขอบคุณครับ มาต่อรัวๆเลย 555555555
เอาจริงๆ คนเค้าก็รู้แหละว่าเป็นเรื่องโกหก แต่ประเดนมันอยู่ที่
1. ชอบบ้านใหนมากกว่า
2. เป็นญาติฝ่ายใหน อันนี้ควรเป็นเรื่องหลัก เพราะหน้าตาของสังคมคนในหมู่บ้านไม่ได้มีแค่ฉัน เธอ กู มึง มันจะมี น้องมึง พี่มึง ลุงมึง ป้ามึง พอเข้าใจใช่มัย เพราะฉะนั้นใครทำอะไรผิด เราที่มีเชื้อสายก็จะโดนแควะไปด้วย
3. คนที่เกลียดบ้านพี่ดิน เช่นบ้านยายเจ้าของกระทู้เป็นต้น
ดังนั้นเค้าไม่สนความถูกต้อง คนสนแค่ว่ามีเรื่องให้นินทา เติมไข่ เอาไปพูดให้สนุกปาก ซึ่งเราก็เข้าใจว่าพี่ดินก็พอจะรู้เรื่องแบบนี้เลยไม่สนใจ ไม่ให้ความสำคัญอะไร เอาเวลามาดูแลเมียตัวเอง พ่อ แม่ และเพื่อนๆ ที่อยู่ฝั่งเค้าดีกว่าจะไปใส่ใจอะไรกับชาวบ้านยิ้งเราไปแก้ตัวก็เท่ากับร้อนตัว
เข้าใจที่เจ้าของกระทู้โกรธเพราะเรายังใส่ใจกับทุกคนรอบตัวเราเพราะเรายังเด็กเรื่องทุกเรื่องเราต้องเก็บมาคิดทั้งหมด
แต่เรื่องนี้มันก็มีข้อดีมากๆๆนะ เพราะจะไม่มีผู้หญิงในหมู่บ้านคนใหนเข้ามาอ่อยพี่ดิน เจ้าของกระทู้จะได้ไม่งอลพ่อเค้าบ่อยๆๆ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น่าสงสาร ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ {:5_136:} ชาวบ้านก็เขาเล่าว่า เขาบอกว่า จริงไม่จริง ก็ว่าจริง เฮ้อ {:5_136:} สงสารพ่อดินเลย
หน้า:
[1]
2