Vitamin25 โพสต์ 2022-10-10 18:11:21

รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [9]

เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเราไม่คิดเลยว่ามันจะบานปลายและใหญ่โตได้ขนาดนี้
เพราะมันไม่ได้จบแค่ที่ผู้ใหญ่เขาพูดกัน แต่มันลามมาถึงเด็กอย่างพวกเราด้วย...

“เอ่อ นี่มิน แล้วสรุปว่า...พี่ยักษ์เขาทำพี่นวลท้องจริงๆ หรือเปล่า?...”
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มถามขึ้นมาในขณะที่พวกเรานั่งล้อมวงนั่งกินข้าวกันอยู่

เราชะงักนิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าจะโดนคำถามนี้จากบรรดาเพื่อนของตัวเอง
แต่ตอนนั้นเราสังเกตุเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงคนอื่นก็ทำหน้าตาสงสัยพร้อมกับจ้องมาที่เราด้วยเหมือนต้องการคำตอบ

“ไม่ได้ทำ...” เราตอบกลับไปสั้นๆ เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า การพูดมากในบางเรื่องนั้นเป็นสิ่งไม่ดีเท่าไหร่
เพราะอาจถูกเอาไปขยายความในเชิงที่ไม่ดีได้ ยิ่งกับพวกเด็กๆนี่นะ แต่งสีใส่ไข่ไปเรื่อยมาก

เรื่องนี้เราก็เรียนรู้มาจากพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านตอนนั้นนั่นแหละสังเกตมาหลายครั้งแล้ว
ว่าบางทีอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆ แต่พอเล่าต่อๆไปกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาซะงั้น...

“แล้วมินรู้ได้ไง ว่าพี่ยักษ์เขาไม่ได้ทำ มินจะเชื่อพี่เขาได้หรอ?”

คำถามที่เพื่อนคนนั้นถามกลับมามันรู้สึกทำให้เราจุกอยู่ในอกอย่างบอกไม่ถูก เราต้องตั้งสติสักพักเลยถึงจะตอบกลับออกไปได้

“ทำไมถึงถามแบบนั้น?” พอเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ยอมจบกับการตั้งคำถาม
เราก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน จะมาถามซอกแซกเหมือนจับผิดอะไรนักหนา

“เปล่า...เราก็แค่อยากรู้ความจริงเพราะเนี่ยแม่เราบอกว่าไม่ให้เราไปเล่นที่บ้านพี่ยักษ์แล้วเดี๋ยวเขาทำไม่ดีไม่ร้ายเอา...”

“ใช่ๆ แม่เราก็ไม่ให้ไปเล่นแล้วเหมือนกัน”

หลังจากนั้นเพื่อนที่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายก็เริ่มพูดออกไปในทำนองเดียวกัน
จากนั้นก็เริ่มพูดถึงพ่อเขาในด้านไม่ดีต่างๆ นานา ทั้งๆที่เราก็ยังนั่งฟังอยู่ตรงนั้น

“ไม่มาเล่นก็ไม่มาดิวะ! แล้วจะมานั่งพ่อดินเขาทำไม?!! นึกถึงตอนที่เขาให้พวกแกเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านบ้างดิ!!!
ทั้งที่บ้านคนอื่นก็มีพื้นที่ว่างแต่ไม่มีใครอยากให้เราไปวิ่งเล่นเลยเพราะเขารำคาญไง!!!!”

“แล้วขนมที่เราซื้อมาแบ่งพวกแกกิน ก็เงินของพ่อเขาทั้งนั้นวันไหนที่พ่อเขาเสร็จงานได้เงินมาเยอะก็ซื้อขนมเลี้ยงพวกแกตอนเย็นที่หน้าโรงเรียนอีก
ลืมกันหมดแล้วหรอ?! เวลาที่พ่อเขาทำดีกับพวกแก ไม่คิดถึงบ้างวะ!!!”

ตอนนั้นเราเหมือนคนจะคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่เราระเบิดอารมณ์ลงกลางกลุ่ม
และพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงโหวกเหวกโวยวายแบบนี้

พูดตามตรงว่าตอนนั้นเราไม่สนใจอีกแล้วว่าต่อจากนี้เพื่อนจะโกรธหรือเกลียด หรือไม่อยากเล่นกับเรารึเปล่า
แต่เราทนฟังไม่ได้ที่มานั่งวิจารณ์พ่อดินเขาเสียๆหายๆ แบบนี้ มันทนไม่ได้จริงๆ

เราเก็บข้าวกล่องแล้วรีบเดินออกจากตอนนั้นวินาทีที่เก็บข้าวกล่องพอเห็นข้าวและกับข้าวที่อยู่ในนั้น มันก็ทำให้เราน้ำตาไหลออกมาทันที
เพราะขนาดข้าวกลางวันที่เอามากินที่โรงเรียนพ่อเขาก็ทำให้เรา

ทั้งๆที่พ่อเขาใจดีกับเราขนาดนี้ และใจดีกับพวกเพื่อนเราด้วย แต่พอมีเรื่องขึ้นมาไม่มีใครพูดถึงข้อดีของพ่อเขาเลย กลับพูดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้น

ตอนนั้นเราไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทุกอย่างมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้...

---------

แต่พูดถึงตอนนั้นก็ยังดีนะ ที่เพื่อนผู้ชายเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร
พวกไอ้ต้องนั้นกลับดีใจซะอีกที่เพื่อนผู้หญิงส่วนใหญ่หายไปไม่มาเล่นที่บ้านต้นไม้แล้ว

เพราะมันจะได้พื้นที่ไว้วิ่งเล่นเตะบอลกันได้สะดวกไม่ต้องมานั่งทะเลาะหรือตีกันเวลาบอลเตะไปโดนซุ้มเล่นขายของ 55555

แถมพี่บัวเองก็ยังมาเล่นกับเราอยู่ พี่บัวบอกว่า พ่อกับแม่ไม่ได้ว่าอะไร บอกแค่ว่า‘พี่ยักษ์เป็นคนดี ไม่มีอะไรหรอก’
แถมยังกำชับมาอีกว่าพี่บัวอย่าไปเล่นซนหรือรบกวนอะไรพ่อดินเขาก็พอ

ถ้าใครเคยอ่านตอนเก่าๆ เหมือนเราจะเล่าไปแล้วมั้ง ว่าพี่บัวเป็นญาติห่างๆของเราอีกทีหนึ่ง
พ่อแม่ของพี่บัวเขาก็รู้เรื่องที่ยายเราเลี้ยงเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่เขารู้สึกสงสารเราเหมือนกัน ถึงได้คอยให้พี่บัวมาเล่นเป็นเพื่อนเราบ่อยๆ

ตัวพ่อแม่ของพี่บัวเองเขาก็อยากรับเราไปดูแล แต่ก็นะ...บ้านพี่บัวเขาก็ไม่ค่อยมีฐานะอะไร
กลัวว่าเอาเราไปอยู่ด้วยแล้วจะเลี้ยงเราได้ไม่ดีเท่าที่ควร

แต่พอเห็นว่าพ่อดินรับเราไปเลี้ยงแล้วคอยไปรับไปส่ง แถมเห็นเรากินดีอยู่ดีพ่อแม่ของพี่บัวเขาก็สบายใจ
เขาก็รู้สึกแหละว่าผู้ชายคนนี้คงเป็นคนดีไม่งั้นเด็กคงไม่อยากอยู่ด้วยหรอก

ไหนจะเรื่องที่ให้เด็กไปวิ่งเล่นจอแจในพื้นที่บ้านของพ่อเขา
ซึ่งอย่างที่เราบอกไปว่าบ้านคนอื่นเขาก็มีพื้นที่ว่าง แต่เขาไม่ให้ไปวิ่งเล่นเพราะเขารำคาญ

พ่อแม่พี่บัวถึงได้กำชับมาไงว่า อย่าไปเล่นอะไรที่รบกวนพ่อดินเขาเพราะแค่นี้ก็เกรงใจเขาจะแย่แล้ว

พอพี่บัวเล่าให้ฟังมาแบบนี้เราก็รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างน้อยครอบครัวของพี่บัวก็เข้าใจพ่อดิน และไม่พูดถึงพ่อดินในแง่ร้าย

ที่จริง พวกพ่อแม่ของเพื่อนผู้ชายเราส่วนใหญ่ก็พูดทำนองพ่อแม่ของพี่บัวหมดเลยนะ


เพราะไอ้ต้องมันยังบอกเลยว่าพ่อมันบอกว่า ‘พวกมึงอย่าไปหาว่าเขาเป็นคนไม่ดีถ้าเขาไม่ดีจริงๆ เขาไม่ทำที่ให้พวกมึงวิ่งเล่นกันหรอก
เป็นคนอื่นเขาไล่แห่พวกมึงให้ไปเล่นในป่าช้ากันหมดแล้ว’
พอต้องมันบอกมาแบบนี้เราก็ขำนะ เพราะมันก็เรื่องจริงพวกเราเล่นกันเสียงดังน่ารำคาญสุดๆ 555555

แต่พอได้รับรู้ในมุมแบบนี้มันก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาต่อว่าต่อขานพ่อเขา

ส่วนไอ้สองนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ยิ่งมีเรื่องแบบนี้พ่อแม่มันยิ่งไม่ให้มายุ่งมาเล่นกับพวกเราเข้าไปใหญ่กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าลูกเขาเป็นคนไม่ดี...

ซึ่งไอ้สองมันก็ซื่อๆ แบบเด็กๆอ่ะเนอะ มีการมาบอกเราด้วยว่า ‘เราคงไม่ได้ไปเล่นที่บ้านต้นไม้กับมินอีกแล้ว
เพราะพ่อแม่เราไม่ให้ไปเล่นเด็ดขาดเลยแวบไปก็ไม่ได้ ถ้าแม่รู้ แม่เราจะตี’

ตอนนั้นก็ได้แต่ฟังแบบงงๆ บอกทำไมฟะ เพราะปกติก็วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไอ้สองมันก็แทบไม่ได้ออกจากบ้านมาเล่นด้วยกันอยู่แล้วอ่ะ555555
(แต่สองมันเคยเล่าให้ฟังว่าชอบหลอกพ่อกับแม่ว่าออกมาซื้อขนม แล้วปั่นจักรยานแวะมาเล่นกับพวกเราสักแปป...แล้วก็ไป
ซึ่งดูๆไปก็น่าสงสารมันเหมือนกันนะ)

--------

แต่เมื่อผ่านไปได้สักระยะเราเองก็เริ่มไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรเท่าไหร่กับคำพูดของชาวบ้านพวกนั้น

เพราะพ่อดินเขาจะแสดงออกให้เราเห็นมาตลอดว่าเขาไม่ได้สนใจไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือเสียใจอะไรเลย
อยู่กับเราก็ดูยิ้มแย้มปกติ แถมยังชอบกวนหรือแกล้งแหย่ให้เราหัวเราะอีกเวลาเราไปร้านค้าแล้วกลับมาหน้ามุ่ยๆ
(ตอนนั้นเวลาเราเดินไปซื้อขนมถ้าบังเอิญเจอคนในหมู่บ้านอยู่ในร้าน พวกนั้นชอบแซวและพูดจาไม่ดีถึงพ่อเขาตลอดเลย
แล้วพอเรากลับมาด้วยสีหน้าแบบนั้น พ่อเขาก็คงรู้แหละว่าเราไปได้ยินอะไรมา)

แล้วพ่อเขาก็ไม่เคยพูดถึงบ้านลุงมั่นอีกเลย เหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ขนาดว่าตอนที่พี่เมฆมานั่งกินเบียร์ด้วยตอนหลัง พี่เมฆจะเข้าประเด็นนี้
พ่อดินยังห้ามไม่ให้พูดเลย บอกเรื่องมันจบแล้ว มันผ่านไปแล้ว ขี้เกียจพูด

พอเห็นว่าพ่อเขาไม่ได้ดูทุกข์ใจอะไรกับคำพูดของพวกชาวบ้านแม้แต่น้อย พอผ่านไปสักพักเราก็เริ่มจะไม่สนใจเหมือนกัน

อย่างว่าอ่ะเนอะ เด็กอ่ะ พ่อเขาแสดงออกให้เห็นแบบนั้น เราก็ซึมซับและเริ่มทำตามเขาไปโดยปริยาย
พอได้ยินได้ฟังบ่อยๆเข้าหน้าก็เริ่มไม่บูดไม่บึ้ง ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่ได้ยิน(ถึงจะรู้สึกโกรธนิดๆข้างในก็เถอะ 5555)


พี่เขาเล่าว่าตอนนั้นที่วันที่เกิดเรื่อง แล้วเราเห็นว่าเขาดูรู้สึกแย่
พี่เขาบอกว่าเขารู้สึกแย่เพราะว่าเขาเจตนาดีกับบ้านลุงมั่น
ตอนลุงมั่นมาขอทำนาพี่เขาสงสารเห็นว่าบ้านลุงมั่นก็ค่อนข้างลำบากก็เลยยอมให้เช่านาทำอยากให้ลุงแกมีที่ทางทำกิน

แต่พอเจอลุงเขาทำแบบนี้ก็เลยรู้สึกแย่เป็นธรรมดา เหมือนคนโดนหักหลังแ
ล้วเรื่องพี่นวลท้องหรือไม่ท้องพี่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเลยเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรพี่นวลสักนิด
ถ้าท้องก็คงจะไม่ใช่ท้องกับพี่เขาแน่นอน

ตอนนั้นพอจัดการเคลียร์เรื่องเช่าที่ทำนาเสร็จ พี่เขาก็ไม่สนใจแล้ว

---------

จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่เราลากิจเพราะต้องไปงานแต่งของลูกพี่ลูกน้องของพ่อดินที่อีกอำเภอหนึ่ง
ซึ่งป้าปูอยากให้พ่อดินได้ไปหายาย(แม่ของป้าปู)ของเขาด้วย เพราะตัวพ่อดินเองก็ไม่ได้เจอกับยายมานานมากแล้ว

พ่อดินก็เลยมาถามเราว่าเราลาได้มั้ย อันที่จริงพ่อเขาก็ไม่ได้ไปหลายวันอะไรหรอกไปค้างแค่คืนเดียวเอง
แต่พ่อเขาเป็นห่วงเราเพราะลุงสินกับป้าปูก็ไปด้วยแล้วถ้าพ่อเขาไปอีกก็คือไปกันหมดเลย ทำให้ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเราเลย

ด้วยความที่เราปกติเราก็ไม่เคยขาดเรียนอยู่แล้วแล้วเห็นว่านานๆทีจะได้ลากิจกับเขาบ้าง
ก็เลยตอบตกลงไป ตอนนั้นก็ดีใจด้วยแหละเพราะรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยว55555

แต่เหมือนตอนนั้นจะโลกสวย และรู้สึกตื่นเต้นได้ไม่นานพอไปถึงทีเราก็ต้องพบกับความจริงที่โหดร้าย...

เพราะพอไปถึงทุกคนก็ลงมาทักทาย เราก็ยกมือไหว้บรรดาญาติทุกคนของพ่อดินเขาตามมารยาทแต่ก็เหมือนจะไม่ได้มีใครสนใจเราเท่าไหร่
ก็นะ...ยังเด็กด้วย พอโดนเมินแบบนี้ก็รู้สึกจุกอยู่ในอกหน่อยๆ

แล้วก็พอพากันเดินเข้าไปหายาย ยายเขาก็ให้พ่อดินเข้าไปหา แล้วก็กอด ก็หอมแก้มกันตามภาษายายกับหลาน ซึ่งก็เป็นภาพที่ดูน่ารักดี

พอเขาทักทายกันเสร็จ พ่อดินก็หันมาหาเราแล้วกวักมือเรียกให้เราเดินเข้าไป
พอเราเดินเข้าไปถึงก็ยกมือไหว้สวัสดีคุณยายเขา...

“ลูกหลานใครน่ะเจ้าดิน?” ยายเอ่ยปากถามพร้อมกับรับไหว้ด้วยสีหน้างงๆ

“ลูกผมเอง หล่อ น่ารักมั้ยละ?” พ่อดินยกมือขึ้นมาขยี้หัวเราแล้วก็ยิ้มให้

“พูดเป็นเล่นนะไอ้นี่เอ็งไปมีลูกตัวโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” พอยายพูดจบพ่อดินเขาก็หัวเราะชอบใจที่แกล้งหลอกยายได้

“ไม่ใช่ลูกของเจ้าดินจริงๆหรอกแม่ลูกของคนรู้จักหนูที่หมู่บ้านนั่นแหละ” ป้าปูเดินมาเสริมให้พร้อมกับมองค้อนใส่พ่อดิน

จากนั้นป้าปูก็เขาไปนั่งข้างๆยายแล้วก็เริ่มเล่าอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของเรา โดยที่เราเองก็ยืนฟังอยู่ตรงนั้นเช่นกัน...

“โอ๊ยๆ ไอ้นี่ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วไปเอาลูกเต้าเขามาเลี้ยงได้ยังไง ลูกเขาก็ให้เขาเลี้ยงเองซี่
เราเองก็ยังหนุ่มยังแน่นทำไมถึงไม่หาแต่งเมีย แล้วมีลูกเป็นของตัวเองให้มันจบๆไป หึ!”
พอป้าปูเล่าจบยายก็รีบพูดสวนขึ้นมาทันที แล้วหันไปทำตาเขียวใส่พ่อดิน

เราเองที่ยืนฟังอยู่ได้แต่กัดฟันพยายามข่มใจ แล้วก็ยิ้มแหยๆเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว

“เอ้า! ผมก็รักของผมนิยายทำไมจะเอาเลี้ยงไม่ได้ละ วู้!!~ นานๆหลานจะมาหาสักทีบ่นแต่อะไรก็ไม่รู้ ยังสาวอยู่แท้ๆขี้บ่นนะเราเนี่ย”
พ่อดินรีบพูดตัดบทเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วติดตลก

“ผมไปหาข้าวกินก่อนละ หิว ยังไม่ได้กินอะไรเลยเนี่ย” จากนั้นพ่อดินก็เดินมาโอบเราแล้วพาเข้าไปที่ครัวหลังบ้าน

“ไม่ต้องคิดมากนะไอ้ตัวแสบ ยายเขาก็เป็นแบบนี้แหละไม่ต้องใส่ใจนะครับ” พ่อดินเอามือมาลูบที่แก้มเราเบาๆก่อนจะยิ้มให้

“ผม...ผมไม่เป็นไรเลยฮะ...”พูดจบเราก็ยิ้มให้ แต่เหมือนตอนที่เรารู้สึกจุกอกเมื่อตะกี้แล้วพอพูดตอบพอกลับไปทำให้เรามีเสียงสั่นเครือหน่อยๆ

“จริงอ๊ะ?!ไม่เป็นอะไรแต่เสียงสั่นเชียว โอ๋ๆ ไอ้ลูกหมาขี้แยเอ้ย”

พอโดนพ่อเขารู้ทันแบบนั้น ก็ทำให้เรารู้สึกเขินหน่อยๆ

เพราะอันที่จริงเราก็ไม่ได้อยากจะร้องไห้หรืออะไรแต่ตอนเป็นเด็กเรารู้สึกไม่ชอบตัวเองอย่างหนึ่งตรงนี้แหละ
เวลาที่เจอคำพูดที่เราฟังแล้วรู้สึกรุนแรงและกระทบต่อจิตใจ จะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่

แต่เราก็พยายามนะ พยายามที่จะไม่ทำตัวขี้แย ร้องไห้ขี้มูกโป่ง พยายามเก็บอาการแต่ว่าพ่อเขาก็มองออกตลอดเลย...

---------

หลังจากที่กินข้าวเที่ยงกันเสร็จ พ่อดินก็ต้องไปช่วยเขาเตรียมงานขนของยกของนู่นนี่นั่นต่างๆ นานา
ทำให้เราต้องปลีกตัวออกมาอยู่คนเดียวด้วยความที่ไม่ใช่บ้านของญาติๆเรา เราค่อนข้างรู้สึกทำตัวยากพอสมควร
ได้แต่เดินออกมาหาที่นั่งไกลๆพยายามไม่อยู่ในพื้นที่งานให้เกะกะเขา

ตอนนั้นได้แต่คิดว่ารู้อย่างนี้ขออยู่บ้านคนเดียวยังดีกว่า...อย่างน้อยจะนั่งหรือจะนอนดูทีวีก็คงสะดวกสบายกว่านี้

แล้วพอยิ่งตกเย็นมา ยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม เหล่าบรรดาญาติฝั่งป้าปูคนอื่นๆเริ่มทยอยมาช่วยเตรียมงานกันหนาตามากขึ้นกว่าตอนกลางวันซะอีก
คงเพราะบางคนก็ยังคงไปทำนาอยู่ ก็เลยมีเวลามาช่วยตอนเย็น

แล้วไหนจะบรรดาลูกหลานที่เลิกเรียนแล้วกลับมาวิ่งเล่นจอแจกันในงานอีกแน่นอนว่าตอนนั้นไม่มีใครชวนเราเล่นด้วยเลย...

แถมทุกคนต่างพากันยืนล้อมหน้าล้อมหลังพ่อดิน ขอให้พ่อดินอุ้มบ้าง ขอขี่หลัง ขี่คอบ้าง
ด้วยความที่พ่อเขาตัวสูงใหญ่อ่ะเนอะ พอมาเล่นอะไรแบบนี้เก็บเด็กๆ มันก็เลยยิ่งดูสนุก

แต่ว่าเราที่ยืนเห็นภาพพวกนั้น กลับรู้สึกโหวงๆในใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน...
ก็พยายามไม่อยากจะเป็นเด็กงี่เง่า ไม่อยากจะน้อยใจอะไรที่มันไร้สาระแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

กลายเป็นว่าเราทำตัวไม่ถูกเลย ไม่รู้จะต้องอยู่ตรงไหน ยังไง เราก็เลยตัดสินใจเดินออกมาจากงานดีกว่า
แค่ไม่อยากเห็นภาพพวกนั้น ไม่อยากเห็นภาพที่พ่อดินกำลังเล่นกับลูกหลานเขาอย่างมีความสุขแล้วไม่ได้มองมาที่เราเลย...

เราก็เลยไปหานั่งอยู่แถวเถียงนาบริเวณนั้น นั่งดูคนเขาแถวนั้นเขาต้อนวัวต้อนควายเข้าคอกไป ก็มันไม่รู้จะทำอะไรนี่นะ

จนฟ้าเริ่มจะมืด เราก็เลยเดินกลับเข้ามาในพื้นที่งาน

“อ้าวไอ้ตัวแสบ! หายไปไหนมาละเนี้ย” พ่อดินรีบเดินตรงเข้ามาหาเราทันทีที่เห็นเรา

“แหะๆ...ผมไปเดินเล่นแถวนี้มาฮะ”เรายิ้มแหยๆ ตอบกลับไปเพราะก่อนที่จะเดินออกไปเราก็ลืมไปบอกพ่อเขาด้วยแหละ

“หิวข้าวรึยังครับ? หือออ ป่ะ ไปกินข้าวกันดีกว่า” พูดจบพ่อดินก็พาเราไปหาข้าวหาปลากิน

พวกแม่ครัวที่เป็นชาวบ้านแถวนั้นที่มาช่วยทำอาหารเลี้ยงในงานพอเห็นพ่อดินเดินเข้าไปก็ตักสำรับกับข้าวมาให้ชุดใหญ่เลย
คงเพราะเห็นว่าเป็นญาติกับเจ้าของงานด้วยละมั้ง

แต่พอบรรดาหลานๆของพ่อดิน เห็นเข้า ก็เลยขอมานั่งกินข้าวด้วย
พากันมานั่งเบียดเสียดแล้วแย่งกันคุยกับพ่อดินจนเราเหมือนไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น


อีกแล้ว...

อาจจะเพราะเราคงเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขาด้วยละมั้ง ถึงไม่มีใครอยากคุยกับเราเลย
แต่ก็นะ...เราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเป็นญาติอะไรกับเขาจริงๆนั่นแหละ


แถมต่างคนต่างก็แย่งกันชวนคุยจนพ่อดินแทบจะไม่ได้ตักข้าวเข้าปากเลย
ไม่คิดเลยว่าพ่อดินเขาจะเนื้อหอมในหมู่เด็กๆลูกหลานของเขาขนาดนี้

เราก็เลยรีบกินให้เสร็จแล้วลุกไปจากตรงนั้น เพราะยิ่งนั่งอยู่นานยิ่งรู้สึกอึดอัด
กลัวจะพาลน้อยใจจนร้องไห้ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะต้องกลายเป็นเด็กที่ดูงี่เง่าในสายตาพ่อเขาแน่ๆ

“พ่อดินฮะ ผมขอออกไปนั่งดูดาวตรงนู้นนะ”เราเอาจานไปเก็บเสร็จก็เดินมาบอกพ่อเขา

“หือออ ตรงไหนเอ่ย?”

“ตรงเถียงนาตรงนู้นฮะ...”เราชี้ไปอย่างบริเวณพื้นที่ที่ไกลออกไป ที่เราไปนั่งเล่นเมื่อตอนเย็น

“งั้น...เดี๋ยวพ่อไปด้วย”พอพ่อดินพูดจบเท่านั้นแหละ บรรดาลูกหลานก็พากันร้องจะไปด้วยกันเป็นแถว...

“ไม่เป็นไรฮะพ่อดินอยู่นี่แหละ...ผมแค่อยากไปนั่งดูดาวตรงนั้น เดี๋ยวผมมา” พูดจบเราก็รีบวิ่งจู๊ดออกไปทันที โดยที่ไม่ฟังคำตอบจากพ่อดินเลย

เชื่อมั้ยว่า พอเราวิ่งออกมาจากในงาน เราเดินมายืนอยู่ตรงเถียงนาเรารู้สึกว่าหายใจโล่งคอแปลกๆ
เพราะตอนอยู่ในงาน ความรู้สึกเรามันเหมือนมีแต่ความรู้สึกอึดอัดเต็มไปหมดเลย

ถึงบรรยากาศในตอนนั้น ท้องฟ้าจะมีดาวจะสวย และรู้สึกโล่งใจแค่ไหน
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่โดนยุงจำนวนมากไต่ตอมและกัดเต็มไปหมด

แล้วเราก็ยืนทนอยู่แบบนั้น ถึงจะไม่ได้รู้สึกอยากยืนอยู่ตรงนี้เท่าไหร่ก็เถอะ
แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่ากลับเข้าไปอยู่ในงานละนะอดทนให้ดึกกว่านี้สักหน่อยแล้วพอคนซา ค่อยกลับเข้าไปดีกว่า

ในขณะที่ยืนคิดว่าจะทำยังไงต่อดีอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักที่กระทบกับหินกรวดดังขึ้นมาใกล้ๆ
เราก็เลยหันหลังไปมอง ก็เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ ของผู้ชายร่างใหญ่ที่เรารู้สึกคุ้นตา
ทำให้เรายิ้มออกมาได้นิดหน่อย เพราะไม่คิดว่าพ่อเขาจะตามออกมาจริงๆ

“ไง ไอ้ตัวแสบ มายืนตากยุงทำไมแถวนี้ ป่ะ… กลับเข้าไปในงานดีกว่า”

พ่อดินเดินมายืนข้างๆ แล้วลูบหัวเราเบาๆ

“ป่ะ!” พ่อดินพูดซ้ำอีกรอบก่อนจะโอบไหล่แล้วเหมือนจะดึงให้เราเดินกลับไปกับพ่อเขา

“ผม...ขออยู่ตรงนี้ก่อนได้มั้ยฮะ?”เราตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สู้ดีนัก ก็เพราะว่าเราไม่อยากกลับเข้าไปจริงๆนี่หน่า

“อ้าว ทำไมล่ะ...นี่งอนอะไรพ่อหรือเปล่าเนี้ย?” พ่อดินย่อตัวลงนั่ง แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ

“ป่ะ...เปล่าฮะ”พอโดนพ่อเขายื่นหน้าเข้ามาแบบนี้ เราก็เลยต้องเบี่ยงหน้าหนีนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้งอนจริงๆนะ!

“จริงเหร๊อ?” พ่อดินพูดเสียงสูงพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างมาจับหน้าเราแล้วล็อคคอให้เราหันหน้าไปสบตาพ่อเขาตรงๆ

“จะ...จริงฮะ!”เราพยายามมองหน้าสู้ตาพ่อเขากลับไป ถึงแม้บริเวณนั้นจะเริ่มมืด แต่ความที่สายตาเราเริ่มชินกับความมืด
และระยะห่างของใบหน้าพ่อเขาอยู่ใกล้เรามากด้วยมั้งเราเลยเห็นว่าพ่อเขาก็มองตาเราแล้วยิ้มแบบเจ้าเล่ห์หน่อยๆ

“พ่อขอโทษนะที่ทำให้หนูเหงา...เอาไว้เดี๋ยวเรากลับไป พ่อพาหนูขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกันดีกว่าแค่เราสองคน จะได้ไม่มีลูกหมาแถวนี้แอบทำหน้าบูดอีก”

“แหะๆ...ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆน้า” เราพยายามฝืนตอบกลับไปทั้งที่ในใจก็เป็นนั่นแหละ ไม่คิดเลยว่าพ่อเขาจะดูออกขนาดนี้ 55555

“ถ้างั้นเอาอย่างงี้...เดี๋ยวพ่อพาหนูไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วถ้าหนูยังไม่ง่วงก็มานั่งกับพ่อดีมั้ยครับ?”

“ก็ได้ฮะ” เรารีบพยักหน้ารับทันที

คำว่าไปนั่งกับพ่อในที่นี้ คงหมายถึงนั่งอยู่กับพ่อเขาในวงเหล้าแน่ๆ
เพราะเราเห็นว่าตอนเย็นบรรดาลูกพี่ลูกน้องของพ่อที่มาช่วยงานก็ตั้งวงเริ่มกินเหล้ากินเบียร์กันแล้ว

ตอนที่พ่อดินพาเราไปกินข้าว คนในวงเหล้ายังเดินมาชวนพ่อเขาไปนั่งดื่มด้วยเลย
เราเองก็เข้าใจนะ เพราะยังไงก็ญาติพี่น้องของพ่อเขานานๆจะได้เจอพบปะสังสรรค์กันสักที

แล้วที่พ่อเขาเสนอมา ก็ดีกว่าเราไปนั่งแก่วในบ้านอยู่คนเดียว รู้สึกทำตัวไม่ถูกด้วยไม่จะรู้จะนั่งจะนอนตรงไหน มันดูลำบากไปหมด

หลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จก็มานั่งข้างๆพ่อเขาโชคดีที่ว่าตอนนั้นคนในวงเหล้าไม่ได้มีใครสนใจเราเท่าไหร่
เราก็เลยนั่งด้วยอย่างไม่รู้สึกอึดอัดใจเท่าไหร่แต่ว่ายุงก็เยอะไม่ต่างจากตอนที่เรายืนอยู่ที่เถียงนาเท่าไหร่เลย
นี่ขนาดว่าเขาจุดยากันยุงจนควันคลุ้งไปทั่วแล้วนะ

จนเวลาผ่านไปเริ่มดึกขึ้น พวกผู้ใหญ่ก็มาไล่ให้คนในวงเหล้าแยกย้าย
รวมถึงให้ตัวเจ้าบ่าวกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว(ลูกพี่ลูกน้องของพ่อดินที่แต่งงานเป็นเจ้าสาวนะ)

“แล้วนี่นอนที่ไหนกันล่ะ”น้าผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วหันมาทางพ่อดินขณะที่คนในวงเหล้าก็ต่างก็ลุกเพื่อเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับบ้าน

“ผมก็คงนอนที่นี่แหละพี่ ตัวผมอ่ะนอนที่ไหนก็ได้แต่ไอ้ตัวแสบผมนี่สิ...” พูดจบพ่อดินก็หันมาแล้วโอบไหล่เบาๆ

“งั้นไปนอนที่บ้านพี่มั้ยละ?ยังไงที่บ้านงานคนก็น่าจะเยอะแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีที่นอนเอา” น้าคนนั้นพูดเชิญชวนต่อ

“ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว...ว่าไง? ไปนอนบ้านน้าเขาม่ะ หืออไอ้ตัวแสบ” พ่อดินหันมามองหน้าเราแล้วยิ้มให้

“ไปฮะๆ” เรารีบตอบตกลงทันทีเราเองก็ไปนอนที่ไหนก็ได้เหมือนกัน ขอแค่มีพ่อดินเขานอนด้วยก็พอ

--------

หลังจากนั้นพ่อดินก็พาเราเดินลัดเลาะตามทางเกวียนเล็กๆไประยะหนึ่งก็ถึงบ้านของน้าคนนี้

น้าเขาชื่อน้าอาจ ซึ่งพ่อดินจะเรียกว่าพี่อาจ เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อเขา

เป็นผู้ชายรูปร่างผอมสูง ส่วนสูงน่าจะน้อยกว่าพ่อดินสักหน่อยเป็นคนที่หน้าตาดูใจดีดูยิ้มแย้ม
แต่ว่าน้าเขาไว้หนวดเคราขึ้นเต็มหน้าเลย(ทีแรกเกือบจะเรียกเขาว่าลุงซะแล้ว 55555)

บ้านน้าอาจเป็นบ้านปูนหลังใหญ่แต่มีแค่ชั้นเดียว เข้าไปข้างในค่อนข้างกว้างโอ่โถงพอสมควร

ตอนที่เข้าไปก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนทำการบ้านอยู่หน้าทีวีซึ่งก็เข้าใจได้ทันทีว่าน่าจะเป็นลูกเขา
แต่ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเพราะไม่เห็นลูกของน้าอาจเขาไปที่บ้านงานแต่งเลย

“อ้าว...อ้น ยังไม่นอนหรอลูก มาๆ ลุกขึ้นมาสวัสดีน้าเขาก่อน” เด็กชายที่ถูกเรียกว่าอ้นลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยกมือไหว้ช้าๆ
ก่อนจะลงไปนอนทำการบ้านต่อโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เราสังเกตเห็นนะว่าแววตาของเด็กที่ชื่ออ้นดูอ้างว้างแล้วก็ดูเศร้าและเหงาแปลกๆ

แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเงียบเหงาจริงๆนะเพราะพอเข้ามาในบ้านก็มีแต่เสียงน้าอาจเนี่ยแหละที่ชวนพ่อดินเขาคุย

“ไอ้เจ้าหนู ถ้าง่วงแล้วบอกน้านะเดี๋ยวไปนอนในมุ่งกับเจ้าอ้นมัน”

“อ้น...เดี๋ยวคืนนี้ให้น้องเขานอนด้วยนะลูก”
อ้นหันมามองเราก่อนจะหันไปพยักหน้าให้พ่อของเขา

“งั้น...เดี๋ยวพ่อกับน้าเขาออกไปกินเหล้าหน้าบ้านนะอ้นให้น้องเขาดูทีวีด้วยละกัน” น้าอาจหันไปบอกลูกชายอีกครั้งก่อนที่อ้นจะตอบว่า ‘อือ’ สั้นๆ
ถึงจะตอบออกมาสั้นๆ แต่น้ำเสียงก็ฟังดูค่อนข้างที่จะเป็นมิตรพอสมควร

พ่อดินหันมายิ้มให้เราก่อนจะเดินออกไปนั่งกินเหล้ากับน้าอาจที่บริเวณโต๊ะหินหน้าบ้าน

เราก็เลยไปนั่งข้างๆ แล้วดูทีวีกับอ้น จากนั้นก็เริ่มชวนคุย

“อ้าว...อ้นอยู่ป.4เหมือนกันหรอ?” ทันทีที่เราเห็นหนังสือการบ้านของอ้นเราก็รู้ได้ทันทีว่าอ้นเรียนระดับชั้นเดียวกับเรา

“อือ...แกรู้ได้ไงอ่ะ”อ้นหันมามองด้วยความประหลาดใจ

แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นสัญชาติญาณหรืออะไรบางอย่าง ที่ทำให้เราและอ้นต่างก็รู้กันทันทีว่า เราเป็นพวกเดียวกัน...

ทำให้บทสนทนาของพวกเราเป็นไปได้อย่างราบรื่นและสนุกสนาน
เราเองก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นพอสมควรเลย เพราะบอกตามตรงก่อนหน้านี้ไปอยู่ตรงจุดไหนของงานก็มีแต่ความอึดอัดเต็มไปหมด

เรานั่งคุยเล่นกันไปสักพักใหญ่ อ้นเองจากที่ตอนแรกดูเหมือนเป็นคนเงียบๆแต่พอคุยกันไปมาถูกคอก็คุยกันไม่หยุดเลย

เวลาตอนนั้นผ่านไปเร็วมาก จนพอเริ่มดึกขึ้นน้าอาจก็มาบอกให้อ้นไปอาบน้ำแล้วพาเราเข้านอนได้แล้วคงเพราะเห็นว่าอ้นยังอยู่ในชุดนักเรียนละมั้ง
จากนั้นอ้นก็ลุกไปอาบน้ำและพาเราเข้านอน ตามที่น้าอาจบอกอย่างว่าง่าย

บ้านของน้าอาจ พอปิดทีวีแล้วบรรยากาศมันค่อนข้างเงียบเงียบซะจนเราได้ยินเสียงที่น้าอาจกับพ่อดินนั่งกินเหล้าแล้วคุยกัน
ดังมาถึงข้างในก็อารมณ์คนเมาอ่ะเนอะ ยิ่งเมาก็ยิ่งเสียงดัง แล้วดูพ่อดินก็น่าจะเมามากด้วยวันนั้น...

แล้วพอมานอนแปลกที่แปลงทาง เราก็นอนไม่หลับอ่ะ มันไม่ง่วงเลยทำให้เราได้แต่นอนฟังเสียงที่พวกพ่อเขาคุยกันอยู่แบบนั้น
ในใจก็เป็นห่วงด้วยแหละเพราะน้ำเสียงพ่อดินดูเริ่มจะเมามากจริงๆ

สักพักก็ได้ยินเหมือนเสียงน้าอาจเล่าเรื่องปรับทุกข์กับพ่อดิน เท่าที่เรานอนฟัง
ก็สรุปได้ว่า น้าอาจกับเมียอ่ะเลิกกัน แล้วเมียเขาไปแต่งงานใหม่ ไม่มาสนใจใยดีลูกเลย

น้าอาจบอกว่าสงสารลูก เหมือนน้าอาจจะระบายออกมาว่าเขารู้ว่าลูกชายของเขาไม่ใช่ผู้ชายปกติทั่วไปเด็กคนอื่นๆ
แต่เขาก็ไม่อยากโกรธลูก คงผิดที่เขาเองที่เขาเลี้ยงลูกไม่ดีลูกเขาเลยเป็นผู้ชายเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้
และดูแลเมียไม่ดีพอ เมียถึงทิ้งเขาไป

จังหวะนี้เหมือนเสียงน้าอาจจะเริ่มร้องไห้ คงเพราะว่าเมาด้วยอะไรด้วยมั้ง
แต่ที่เรารู้สึกได้อีกอย่างก็คือ เหมือนเราได้ยินเสียงอ้นนอนร้องไห้เหมือนกันมันเป็นเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ

เราเองที่นอนฟังอยู่แบบนั้น ก็รู้สึกแย่ไปด้วย เราไม่รู้จะปลอบอ้นยังไงเพราะเราก็พึ่งรู้จักกัน

แล้วอีกอย่างการที่เรานอนแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักก็ได้
ก็เลยได้แต่ทำเป็นนอนหลับเหมือนเราไม่ได้ยินไม่ได้รับรู้อะไร...

เท่าที่จับใจความได้เหมือนน้าอาจเขาก็ไม่ได้รังเกียจอ้นอะไรแต่เหมือนกับว่าคนที่ไม่มีที่พึ่งทางใจ
ยิ่งคนที่เป็นคู่ชีวิตเลิกราทิ้งกันไปแต่งงานใหม่ยิ่งทำให้น้าเขารู้สึกเคว้ง ไม่รู้จะทำยังไงต่อ และไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงลูกยังไงต่อไปดี

พอมีงานแบบนี้ ก็เลยถือโอกาสปรับทุกข์กับพ่อดินไปในตัว เพราะเหมือนกับว่าญาติที่อยู่ฝั่งนี้จะเป็นที่พึ่งทางใจให้น้าอาจไม่ได้เลย

พอน้าเขาระบายความในใจไปได้สักพัก ก็ถามพ่อดินเรื่องของเราบ้างว่าทำไมถึงรับเรามาเลี้ยง

พ่อดินก็ตอบไปทำนองว่าถูกชะตากับเด็กคนนี้ แล้วก็รู้สึกสงสารด้วย
แล้วก็เล่าว่าตอนสมัยวัยรุ่นเคยไปไหว้วานอาศัยพ่อกับแม่เราอยู่ที่กรุงเทพฯ
ตอนนี้พอพ่อกับแม่เราเดือดร้อน ก็อยากจะช่วยดูแลเราเป็นการตอบแทน

ซึ่งตอนนั้นเรานอนฟังก็อึ้งนะเพราะเป็นครั้งแรกเลยที่เรารู้ว่าพ่อดินเคยไปพึ่งพาอาศัยพ่อกับแม่เราด้วย

เหมือนน้าอาจก็จะถามต่อว่า เราเป็นเหมือนอ้นใช่มั้ย
จำได้ว่าคำตอบของพ่อดินเป็นคำตอบที่อ้อมๆ แต่เราที่แอบฟังอยู่ก็รู้สึกอุ่นใจ

พ่อเขาตอบไปประมาณว่า ‘เขาจะเป็นอะไร...มันไม่สำคัญสำหรับผมเลยผมมีหน้าที่แค่เลี้ยงและดูแลเขาให้ดีที่สุดเวลาที่อยู่กับผมแค่นั้น’

จากนั้นบทสนทนาก็เงียบไปสักพัก น้าอาจก็ตัดพ้อขึ้นมาอีกทำนองว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นพ่อคนมันยากขนาดนี้...

ตัวน้าอาจไม่ได้รังเกียจอ้นนะที่เป็นเด็กผู้ชายที่ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แต่น้าเขาเหมือนเจ็บใจที่ปกป้องลูกจากการโดนล้อเลียนของญาติๆไม่ได้
น้าอาจก็เลยไม่อยากให้อ้นออกไปยุ่งกับพวกญาติพี่น้องสักเท่าไหร่เพราะถ้าไม่เจอหน้ากัน ก็จะได้ไม่โดนล้อ

พอฟังมาถึงตรงนี้เราก็เจ็บเหมือนกันนะ รู้สึกเข้าใจอ้นมากจริงๆ
เพราะเราเองก็ถูกกระทำมาคล้ายๆกันเลย แต่อ้นน่าสงสารกว่าตรงที่แม่เขาก็ทิ้งไป

แล้วบทสนทนาก็เงียบลงอีกครั้งก่อนที่พ่อดินจะตอบไปว่า
‘ผมก็ไม่รู้นะพี่ถ้าผมพูดไปมันอาจจะฟังดูแปลกๆ สำหรับคนที่ยังไม่เคยเป็นพ่อคนจริงๆ อย่างผม...’

‘ผมไม่รู้เหมือนกันว่าอ้นโตขึ้นจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เขาเป็นเด็กเขาปกป้องตัวเองไม่ได้
พี่ต้องเป็นเสาหลักและปกป้องลูกให้ได้มากที่สุด มันคือความรับผิดชอบของคนเป็นพ่อ
เราต้องรับผิดชอบชีวิตเขา เพราะเราเป็นคนทำให้เกิดมาไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเราก็ต้องเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด’

‘ผมมีความคิดหนึ่ง ที่อยากจะบอกให้พี่ฟังตลอดเวลาที่ผมเลี้ยงไอ้ตัวแสบของผม
ถึงเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของผมก็ตามแต่ผมก็รักและพร้อมที่จะปกป้องเขาจากทุกสิ่งทุกอย่าง
กระทั่งคำพูดก็ตามใครมาว่าไอ้ตัวแสบของผมเป็นตุ๊ดต่อหน้าผม ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด
ถึงเขาจะเป็นยังไงก็แล้วแต่คนอื่นก็ไม่มีสิทธิมาว่าอยู่ดี ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด
หรือต่อให้เขาทำอะไรผิดผมก็จะไม่ให้ใครมาว่าทั้งนั้น ผมจะสั่งสอนเขาเอง’

‘เด็กเขาจะรักเรามากแค่ในช่วงนี้แหละพี่มันคือช่วงเวลาที่เขาจะรักและอยากอยู่กับเรามากที่สุด
พอโตขึ้นเขาก็ไม่คิดถึงเราแล้ว นู่น ไปคิดถึงเพื่อน หรือถ้ามีแฟนก็คิดถึงแฟนซะมากกว่า ก็เหมือนพวกเรานั่นแหละพี่ ฮ่า
ถึงคนเราจะไม่เหมือนกันแต่ผมว่าถ้าตามช่วงอายุของเขาก็น่าจะเหมือนพวกเราเนี่ยแหละ
พอโตมาเราก็เริ่มไม่ค่อยติดพ่อติดแม่เท่าไหร่แล้ว...’

“เอ็งพูดซะ...พี่อยากจะขายบ้านขายนาแล้วพาเจ้าอ้นไปอยู่ที่อื่นเลย” น้าอาจตอบกลับมา หลังจากที่พ่อดินพูดร่ายยาวออกไป
อาจจะเพราะความเมาด้วยแหละมั้ง ทำให้พ่อเขาพูดความในใจออกไปซะยาวเหยียดเลย

“เอาน่ะพี่ ถ้าทำแล้วพี่มีความสุข เจ้าอ้นมีความสุข ก็พอแล้วเพราะยังไงเขาก็คือลูกพี่
ต่อให้โตกว่านี้สักแค่ไหน เขาก็ยังเป็นลูกของพี่อยู่ดีคนอื่นมันก็คือคนอื่นอยู่วันยันค่ำ”

“แล้วถ้าพี่จะย้ายบ้าน เอ็งอย่าลืมมาช่วยพี่ขนของด้วยนะไอ้ห่า กูอยากย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นเพราะมึงเลยเนี่ย”

“เอ้า! ผมก็พูดตามความคิดของผมอย่าไปคิดมากดิพี่... ใช้ชีวิตให้เรามีความสุขกับคนของเรามีความสุขก็พอแล้ว
คนอื่นช่างหัวมันโว้ยยย ฮ่า เอ้าา ชน!!” พอพ่อดินพูดกับได้ยินเสียงชนแก้วกันพร้อมกับเสียงหัวเราะตามมา

แล้วพ่อดินกับน้าอาจก็ก็นั่งกินเหล้าและคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อย

ส่วนเราก็นอนฟังเพลินเลย ส่วนอ้นก็น่าจะหลับจริงๆแล้วมั้งเพราะไม่ได้ยินเสียงสะอื้นแล้ว...

จนน่าจะดึกมากจริงๆ หรือเหล้าหมดก็ไม่รู้...พ่อดินกับน้าอาจถึงได้พากันเข้ามานอน
เราได้ยินว่าพ่อเขาขอนอนตรงพื้นข้างนอกไม่อยากเข้าไปนอนเบียดในมุ้งน้าอาจก็ไม่ได้ว่าอะไร

แต่เราที่นอนฟังอยู่เนี่ยสิ รู้สึกไม่สบายใจเป็นห่วงกลัวพ่อเขาจะโดนยุงหามรึเปล่า
พอน้าอาจปิดไฟแล้ว สักพักเราเลยค่อยๆ ลุกจากที่นอนแล้วคลำทางไปหาพ่อเขา

พอสายตาเริ่มชินกับความมืดก็เห็นว่าพ่อเขานอนอยู่ ดีว่าบ้านน้าอาจมีพัดลมสองตัวเลยเอาพัดลมมาเปิดไล่ยุงให้พ่อเขาตัวหนึ่ง

แต่สภาพของพ่อเขาก็คือนอนทั้งอย่างนั้นแหละ น้ำท่าไม่ได้อาบเสื้อเชิ้ตที่ใส่มาเมื่อตอนกลางวันก็ชุ่มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นเหล้า...

เราเห็นแบบนั้นก็กลัวว่าพ่อเขาจะนอนไม่สบายตัว เลยไปปลดกระดุมเสื้อพ่อเขาออก
กะว่าจะเอาไปชุบน้ำแล้วขยำๆ บิดให้หมาดแล้วเอามาเช็ดตัวให้อย่างน้อยก็น่าจะดีกว่าให้พ่อเขานอนทั้งในสภาพแบบนี้ละมั้ง...

“ทำ...อะ...ไร...จะแอบปล้ำพ่อเหรอ? หืออออ ไอ้ตัวแสบ”พ่อดินพูดออกมาด้วยเสียงยานคราง น้ำเสียงอ้อแอ้กว่าทุกที
รู้เลยว่าวันนี้พ่อเขาน่าจะเมามาก แต่ใครจะไปรู้ว่ายังไม่หลับ?!

“ป่ะ เปล่าฮะ! ผมจะถอดเสื้อแล้วเช็ดตัวให้”

“จริงเหร๊อออออ?”

“จริงสิฮะ!! พ่อดินอ่า”

“อ่ะ จริง...ก็จริง ฮ่า”จากนั้นพ่อดินก็ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อออกมาให้เรา

“แล้ว...หนู...ออกไปคนเดียว ไม่กลัว...ผีเหรอ?” ขณะที่เรารับเสื้อมาแล้วจะลุกออกไปข้างนอก พ่อดินก็ทักขึ้นทำให้เราชะงักขึ้นทันที

“พ่อดินอ่ะ! อย่าทักสิฮะ!!”

“ฮ่า ไอ้ลูกหมาเอ้ย ขี้กลัวจริง ถ้าไม่กล้าออกไปก็ไม่เป็นไรพ่อนอนทั้งแบบนี้ก็ได้”

“ไม่เป็นไรฮะ...ผมออกไปได้”

“เหรออออ ไม่กลัวจริงๆนะ...กุ๊ก… กุ๊ก… กู๋~ ..” จากนั้นพ่อดินก็ทำเสียงหลอกผีแกล้งให้เรากลัว

นี่ไม่คิดเลยว่าเวลาที่พ่อเขาเมาจริงๆ จะกวนโอ๊ยได้มากขนาดนี้!!

เราไม่พูดอะไรต่อ แล้วรีบออกมาข้างนอกทันที ดีที่ว่าหน้าบ้านน้าอาจมีไฟเปิดไวอยู่ทำให้ความกลัวลดไปได้หน่อยหนึ่ง
เรารีบไปที่โอ่งน้ำแล้วรีบตักน้ำราดเสื้อของพ่อเขาขยำพอเป็นพิธีแล้วราดอีกรอบก่อนจะบิดๆให้หมาดแล้วรีบวิ่งกลับเข้ามา

หลังจากนั้นเราก็เอาเสื้อมาเช็ดหน้า เช็ดตัวให้พ่อเขา เสร็จแล้วเราก็เดินกลับไปเอาหมอนแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆ พ่อเขา

“หืออออออ...หนูไปนอนในมุ้งเถอะ ไม่ต้องมานอนกับพ่อหรอกเดี๋ยวยุงกัด”

“ไม่เป็นไรฮะ ผมอยากนอนกับพ่อดิน”พูดจบเราก็กระแซะเบียดเข้าไปให้พอดีกับผ้าห่มผืนน้อยที่น้าอาจเอามาให้

“แน่ะ...ดื้ออีกแล้ว เดี๋ยวพ่อก็จับทำโทษซะหรอก”

“...ทำโทษไม่ได้หรอกฮะ ไม่ใช่ที่บ้าน...” เรากระซิบไปเบาๆ ที่ข้างหูของพ่อเขา เพราะกลัวน้าอาจได้ยิน

“ร้ายนักนะเรา เดี๋ยวกลับบ้านไปจะโดนไม่ใช้น้อย...” จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของพ่อเขา

สักพักพ่อดินก็เปลี่ยนท่านอน นอนตะแคงแล้วหันมาหาเรา

“หนูรักพ่อมั้ย?” จู่ๆ พ่อดินก็ถามขึ้นแต่พอพ่อเขาหันหน้ามาคุยกับเราแบบนี้ทำให้เราได้กลิ่นเหล้าจากลมหายใจของพ่อเขาชัดมากกกกก

“รักสิฮะ”

“งั้น...หอมแก้มพ่อก่อน”

พอพ่อเขาพูดอย่างนั้นเราก็เลยหอมแก้มพ่อเขาเข้าไปฟอดหนึ่ง ก่อนจะโดนหอมคืน
แต่จังหวะโดนหอมคืนเราแอบดันตัวออกเล็กน้อย เพราะรู้สึกเหม็นกลิ่นเหล้า

“เป็นอะไร หืออออ...”

“เหม็น เหล้า”หลังจากที่เราตอบกลับไปสั้นๆ ก็โดนจู่โจมจากพ่อเข้าด้วยการระดมหอมแก้มสองฝั่งรัวๆ

“นี่แนะ ไงละยังเหม็นอยู่มั้ย?”น้ำเสียงของพ่อดินฟังดูเจ้าเล่ห์นิดๆ

ก็อยากจะแกล้งบอกว่าเหม็นอยู่หรอก เพราะจะได้โดนแกล้งต่อ
แต่ว่า...นี่ไม่ใช่ที่บ้าน เล่นกันมากไม่ได้เดี๋ยวน้าอาจแอบตื่นมาได้ยิน

“อื้ออ ไม่เหม็นแล้วฮะ หอม นอนดีกว่า”เราเขยิบตัวเข้าไปนอนซุกไออุ่นจากอกของพ่อดิน
จากนั้นก็รู้สึกได้ว่ามือของพ่อดินมาลูบหัวเราเบาๆสองสามทีก่อนที่พ่อเขาจะหอมลงเบาๆที่กระหม่อมของเราฟอดใหญ่

“โคตรรักมันเลยวะ ไอ้ลูกหมาตัวน้อยเนี้ย” จากนั้นพ่อดินก็ดึงตัวเราเข้าไปนอนกอดไว้แน่น ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจและสบายใจนอนหลับได้ในที่สุด

เราไม่เคยเรื่องมากเรื่องที่หลับที่นอนเลยนะตอนเด็กเนี่ย นอนที่ไหนยังไงก็ได้แต่ขอแค่มีพ่อเขานอนด้วยก็พอ
ขอแค่นั้นจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองตอนเด็กนี่...โคตรจะขี้อ้อนเลยอ่ะ555555

-------

พอตื่นเช้ามาน้าอาจที่ตื่นมาเห็นเราออกมานอนนอกมุ้งกับพ่อดินถึงกับออกปากแซวว่า
‘เออเฮ้ย ไอ้เด็กคนนี้มันรักพ่อมันดีจริงๆถึงกับออกมานอนตากยุงเป็นเพื่อนเลย’

นอนตากยุงก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้นอนกับพ่อเขาก็พอแล้ว อิอิ

หลังจากนั้น ในวันงานก็เป็นอย่างที่คิดทุกคนดูยุ่งไปหมด
เราต้องคอยหลบเลี่ยงหาที่อยู่เป็นสัดเป็นส่วนเพื่อจะได้ไม่รบกวนคนในงาน

ส่วนพ่อดินก็ต้องอยู่คุยและอยู่กับญาติๆเขา เหมือนมีแต่คนเรียกหาพ่อเขาด้วยแหละ
พอเห็นแบบนั้นเราก็เลยต้องปลีกตัวออกมา


...แต่ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรนะเข้าใจว่านานๆพ่อเขาจะมาเจอญาติๆสักที ก็คงมีแต่คนคิดถึงอยากคุยด้วย

กว่าจะเสร็จงานก็บ่ายๆแต่ดีว่าวันนั้นหลังจากพ่อดินช่วยเขาเก็บเต๊นท์เก็บข้าวของเสร็จ
ป้าปูก็ขอตัวกลับเลยเพราะเหมารถสองแถวในหมู่บ้านเขามาไม่อยากกลับมืดค่ำ (สมัยนั้นพ่อดินยังไม่มีรถนะมีแต่รถไถ)

ก่อนจะกลับพวกญาติๆ และยายของพ่อดินก็เดินมาส่งพร้อมกับกำชับว่าให้รีบหาเมียได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวก็มีเรื่องมีราวอีก
(ฟังจากประโยคคำพูดของยาย ป้าปูน่าจะเล่าเรื่องพี่นวลให้ยายฟังแล้ว)

แถมยายเขายังบอกอีกว่า ถ้าพ่อดินไม่ยอมหาเมีย ยายเขาจะหาให้แล้วนะเพราะในหมู่บ้านของยายเขาก็มีผู้หญิงสวยๆ ดีๆ เยอะแยะ เดี๋ยวจะติดต่อให้

พอเราได้ยินยายของพ่อดินเขาพูดแบบนี้ พูดตามตรงว่ารู้สึกใจแป้วพอสมควร...ใจมันเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
ได้แต่ภาวนาขอให้ผู้หญิงที่ยายของพ่อเขาจะหามาให้ชิงแต่งงานกันไปหมดแล้ว

แต่ก่อนจะกลับ เราก็ไปถามหาอ้นกับน้าอาจ เพราะตั้งแต่เช้าไม่เจออ้นเลยน้าอาจก็เลยบอกว่าอ้นไปโรงเรียน...

ซึ่งอ้นน่าจะเป็นลูกหลานคนเดียวเลยมั้งที่ยังไปโรงเรียนอยู่เพราะเราเห็นเด็กคนอื่นที่เราเจอเมื่อวานก็อยู่ในงานนะ

ถึงเราจะไม่ได้รู้จักอะไรอ้นมากมาย... อาจจะยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นแต่ก่อนจะกลับก็แค่อยากลา...

แล้วสุดท้ายพอเดินทางมาถึงบ้าน ลุงสินกับป้าปูก็ไม่วายเรียกพ่อดินไปบ่นเรื่องแต่งงาน
ประมาณว่าไปงานแต่งเขาแล้วเนี่ย ก็หัดหาเมียแล้วแต่งเป็นเรื่องเป็นราวให้ได้แบบนี้ซะบ้าง
เรื่องสินสอดไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวลุงสินรับผิดชอบให้เอง ขอให้แต่งเถอะ...

เราได้แต่ยืนฟังแล้วทำหน้าจ๋อยๆ

แต่พอพวกเรากลับมาถึงบ้าน สีหน้าและอารมณ์ของเราทั้งคู่ก็เปลี่ยน
พ่อดินขึ้นไปแล้วทิ้งตัวลงที่นอนอย่างสบายใจ สีหน้าพ่อเขาดูผ่อนคลาย
เหมือนกับว่าไม่ได้กังวลใจที่โดนลุงสินกับป้าปูเรียกไปบ่นเลยแม้แต่น้อย

“อ่า...อยู่บ้านเรานี่มันสบายจริงๆ เนอะ ไอ้ตัวแสบ”

“จริงฮะ” พูดจบเราก็โดดลงไปทิ้งตัวนอนข้างๆพ่อเขา

ก็จริงอย่างที่พ่อเขาว่านั่นแหละ...ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเราอีกแล้ว!

เบญจมาศ โพสต์ 2022-10-10 18:21:21

หายคิดถึง แต่เรื่องจบเร็วไปป่าว ในตอนนี้

guide01 โพสต์ 2022-10-10 18:43:30

ขอบคุณมากนะครับ

Botano โพสต์ 2022-10-10 18:46:43

ขอบคุณครับ

uuuukrubb โพสต์ 2022-10-10 19:15:41

เยี่ยมครับ มาต่อเร็ว ๆ นะ อยากอ่านต่อยาว ๆ เลย เพลินมากกก

Toyoza โพสต์ 2022-10-10 19:16:12

ขอบคุณครับ

good2022 โพสต์ 2022-10-10 19:27:05

ขอบคุณครับ

sirsar โพสต์ 2022-10-10 19:27:54

อยากรู้ครับ แบบพ่อดินยังมีเหลือซักคนไหม อยากได้มาอยู่ด้วยเลย{:5_137:}

takeshi โพสต์ 2022-10-10 19:49:02

ขอบคุณครับ

tazman โพสต์ 2022-10-10 20:08:23

น่ารักจริงพ่อลูกแค่นี้

kuminum โพสต์ 2022-10-10 20:38:09

ขอบคุณมากครับ

Bunbunkup โพสต์ 2022-10-10 20:42:56

ขอบคุณครับ

Joechin โพสต์ 2022-10-10 21:23:00

แฮปปี้มากครับ​ มาต่ออีก​เร็ว​ๆ​ นะครับ​

koth2 โพสต์ 2022-10-10 21:25:14

ขอบคุณครับ
อยู่ใหนก็มีความสุขได้ตลอดนะสองคน อิจ
เรื่องของอันมันแปลกๆ นะ

aries0 โพสต์ 2022-10-10 21:29:43

ที่ไหนก็อยู่ได้ครับถ้ามีคนที่เรารักอยู่ด้วย แต่ว่าไปที่ที่สุขใจที่สุดก็บ้านเรานี้แหละ
ขอบคุณคร้าบ{:5_136:}

nuangnut1996 โพสต์ 2022-10-10 21:32:52

สนุกมากครับ

Bunbunkup โพสต์ 2022-10-10 21:48:16

ขอบคุณครับ

nakikaka63 โพสต์ 2022-10-11 03:31:02

สนุกดี

kookkoo โพสต์ 2022-10-11 03:35:12

ขอบคุณครับ

ROSY712 โพสต์ 2022-10-11 03:50:21

ขอบคุณครับ
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [9]