นิสิตแพทย์ใช้ทุน EP.16 - แผนคืนความยุติธรรม
คำเตือนเนื้อหา: เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ประกอบด้วยฉากเพศสัมพันธ์ที่โจ่งแจ้ง การบังคับจิตใจ การข่มขืน ความสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอม และการยอมจำนน เรื่องนี้ท้าทายความเชื่อเกี่ยวกับความงาม ความปรารถนา และอำนาจ เมื่อชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบถูกดึงเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ขัดต่อบรรทัดฐานของสังคม ตัวละครที่สังคมอาจมองว่า “ไม่น่าดึงดูด” ยังมีความปรารถนาและแรงต้องการเช่นเดียวกับคนอื่น การใช้ภาพเหมารวมในเรื่องมีจุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นประเด็นที่มักถูกมองข้าม โดยไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชังหรือลดคุณค่าของตัวละครใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านในห้วงเวลาหนึ่งเดือนหลังจากเหตุการณ์ในรีสอร์ท ผมแทบจะนอนไม่หลับ ทุกครั้งที่หลับตา ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นก็จะวนเวียนกลับมาหลอกหลอน ผมต้องแอบไปขอยา Aripiprazole จากแผนกจิตเวช อ้างว่าเครียดจากการปรับตัวกับงานใหม่ แต่หมอที่นั่นคงสังเกตเห็นอาการสั่นเทาและสายตาหวาดระแวงของผมชีวิตผมเหมือนถูกขึงไว้กับขอบเหว ในฐานะแพทย์จบใหม่ที่เพิ่งมาใช้ทุน ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมาตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดและการข่มขู่ทางเพศ ผมที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นหมอหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวเนียน สูง 185 เซนติเมตร ในชุดกาวน์ขาวที่ตัดเย็บอย่างดี กลับต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ที่โรงพยาบาล พี่แจ๋นทำให้ทุกวันของผมเป็นนรก เธอจะเรียกผมเข้าไปในห้องเก็บของด้วยข้ออ้างเรื่องงาน บังคับให้ผมถอดเสื้อผ้า นอนหงายบนพื้นเย็น ให้เธอใช้รองเท้าพยาบาลบดขยี้ควยของผมเหมือนเป็นวัตถุชั้นต่ำ พลางพูดเยาะเย้ยว่า "ไอ้หมอหื่น ชอบโดนคนแก่เย็ดใช่ไหม ใฝ่ต่ำชะมัด แหม กูขยี้ควยก็แข็งไปด้วยนะ ไอ้ทาสหี ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะของเธอยังคงก้องอยู่ในหัวผม
ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบ ทั้งการเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง รูปร่างหน้าตาที่ใครๆ ก็ชม มีแฟนสาวสวยอย่างน้องน้ำที่กำลังเรียนปีสุดท้ายคณะเภสัช กลับพังทลายลงเพราะความอ่อนแอของตัวผมเอง
ทุกวันพี่แจ๋นมักจะข่มขู่ผมมากขึ้น "หมอคงไม่อยากให้คลิปในรีสอร์ทหลุดใช่ไหม?" เธอกระซิบข้างหูผมในห้องเก็บของ "หรือจะเอาคลิปที่หมอกับยายเป้าดีกว่า? พี่มีเก็บไว้หลายคลิปเลยนะ ตั้งแต่ครั้งแรกในห้องตรวจ"
คืนหนึ่งหลังจากราวด์วอร์ดกับอาจารย์ ผมเดินกลับมาที่ห้องพักแพทย์ เสื้อกาวน์ขาวสะอาดสะท้อนแสงไฟ ผมส่องกระจกจัดผมทรงเกาหลีที่เพิ่งตัดมาใหม่ ใบหน้าคมเข้มแบบลูกคนจีนสะท้อนกลับมา
ในห้องน้ำโรงพยาบาล ผมถ่ายคลิปตัวเองในชุดกาวน์ขาว ริมฝีปากอิ่มของผมแตะที่กล้องพร้อมเสียงซู้ดยั่วยวน ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนกล้องลงต่ำ เผยให้เห็นแผงอกที่แน่นเป็นมัดกล้าม และส่วนล่างที่แข็งขืนอย่างน่าอาย
"หมอหนุ่มรอคนแก่มาสั่งสอน" ผมพิมพ์แคปชั่นส่งเข้ากลุ่มลับ
ไม่นานมีคนตอบกลับมามากมาย "ไอ้หมอต่ำสัส หน้าตาดีๆ แบบนี้ทำไมชอบทำตัวน่าเกลียด" "ผิวขาวๆ แบบนี้น่าจะเป็นหมอที่ดี แต่ดันมาทำตัวเป็นกะหรี่" "อยากโดนคนแก่เย็ดขนาดนั้นเลยเหรอ?"
ผมยิ่งได้ใจ หันหลังให้กล้อง ค่อยๆ โน้มตัวลงช้าๆ แหวกก้นขาวๆ ให้เห็นจุดอ่อนไหว นิ้วเรียวยาวของผมไล้เลียบริเวณนั้นอย่างยั่วยวน
ก่อนหน้าเหตุการณ์ที่รีสอร์ท ผมแทบไม่ได้เข้ากลุ่มพวกนี้เลย มีแค่ตอนที่ถูกยายเป้าล่วงละเมิดในห้องตรวจครั้งแรกที่ทำให้ผมสับสนและอยากรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่หลังจากรีสอร์ท ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมเริ่มติดใจความรู้สึกต่ำต้อยและการถูกดูถูก คำวิจารณ์เหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกทั้งอับอายและเร้าอารมณ์ในเวลาเดียวกัน
ทุกครั้งที่ผมส่องกระจก ภาพที่สะท้อนกลับมาคือหมอหนุ่มหน้าตาดีที่ใครๆ ชื่นชม ผิวขาวเนียน ใบหน้าคมเข้มแบบลูกครึ่ง ร่างสูง 185 เซนติเมตรที่ดูสง่างามในชุดกาวน์ขาว แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความมืดมนที่ไม่มีใครล่วงรู้
แต่ไม่เป็นไร... ถ้าพวกเขาอยากเห็นด้านมืดของหมอหล่อ ผมก็จะให้พวกเขาได้เห็น อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ผมสามารถควบคุมได้เอง
แต่ในความพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ ความเครียดที่ก่อตัวในใจทำให้ผมเริ่มสงสัยในคุณค่าของตัวเอง บางครั้งผมถึงขั้นคิดว่าอยากจะถามใครสักคนว่า ผมยังมีค่าพอหรือไม่ แต่ก็ลังเลเกินกว่าจะพูดออกไปตรงๆ จนกระทั่งคืนนั้นที่ผมตัดสินใจโทรหาเพียว ความลังเลในใจพาให้ผมเริ่มถามคำถามที่ผมไม่เคยกล้าถามใครมาก่อน...
ดึกวันหนึ่งผมนั่งอยู่ในห้องพักหลังเลิกเวร จ้องมือถือนานกว่าสิบนาทีก่อนจะกดโทรหาเพียว เพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันตั้งแต่แยกย้ายไปเรียนต่อ - ผมเลือกแพทยศาสตร์ ส่วนมันไปเรียนนิติศาสตร์ แม้เราจะอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ผมก็แทบไม่ได้เจอมันในช่วงเวลาที่เรียนอยู่เลย
"ไง คุณหมอสุดหล่อ นานๆ จะโทรมาทีนะครับ" เสียงเพียวดังมาจากปลายสาย ผมพยายามรวบรวมความกล้า แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ
"เพียว..." ผมเงียบไปครู่หนึ่ง "เราวิดีโอคอลกันได้ไหม กูอยากเห็นหน้ามึง"
เพียวเปิดกล้องมา ใบหน้าคมสวยที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตอนมัธยมมาก ผมสั้นเรียบแบบทนายความ แต่ยังคงความหล่อเหลาแบบลูกผู้ดีเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน มีชั้นหนังสือกฎหมายเป็นฉากหลัง ริมฝีปากอิ่มและลักยิ้มที่เคยทำให้ผมใจเต้นตอนมัธยมยังคงอยู่ ยิ่งเวลาเขายิ้มให้ผม ตาคู่สวยของเขาก็ยิ่งเป็นประกาย
"เล่ามาเลย" เพียวพูดเสียงนุ่ม ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมผ่านหน้าจออย่างห่วงใย
"กู... กูโดนข่มขืน" ผมพูดออกมาในที่สุด เสียงสั่นเครือ "มันเริ่มจากคนไข้คนนึง ยายเป้า แก... แกบังคับกูในห้องตรวจ แล้วก็มีพี่พยาบาลที่รู้เรื่องนี้..." ผมเห็นสีหน้าของเพียวเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากความเป็นห่วงกลายเป็นความตกใจ และเมื่อผมเล่าถึงคืนอัปยศที่รีสอร์ทการถูกพี่แจ๋นบังคับในที่ทำงาน ผมก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากบางของเพียวเม้มแน่น สันกรามขบเข้าหากัน
จากนั้นผมเล่าทุกอย่างให้เพียวฟัง ตั้งแต่เหตุการณ์ในห้องตรวจครั้งแรกจนถึงเรื่องที่รีสอร์ท และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลากว่า 3 เดือนที่ผมมาอยู่ที่นี่
"ต้น..." เสียงเพียวสั่นเครือ ดวงตาฉายแววเจ็บปวด "กูเสียใจที่มึงต้องเจอแบบนี้"
ผมเห็นน้ำตาคลอที่ดวงตาคู่สวยของเพียว เขายกมือขึ้นปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว พยายามกลับมาเป็นทนายความมืออาชีพ แต่ผมรู้ว่าในใจของเขากำลังปวดร้าวแทนผม
เพียวเงียบไปครู่หนึ่ง "มึงต้องแจ้งความนะ นี่มันความผิดอาญาร้ายแรง ทั้งข่มขืน ร่วมกันข่มขืน และการข่มขู่"
"แต่กู... กูกลัวว่าถ้าเรื่องแดง..."
"กูเข้าใจ แต่มึงฟังกูนะ" เพียวพูดเสียงหนักแน่น "ตาม ป.อาญา มาตรา 276 การข่มขืนมีโทษจำคุก 4-20 ปี ยิ่งถ้าร่วมกันกระทำความผิด โทษจะหนักขึ้น และการข่มขู่กรรโชกก็มีโทษจำคุก 1-10 ปี มึงต้องเก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้"
"แล้วถ้าพวกมันขู่ปล่อยคลิป มันก็ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ฐานนำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท" เพียวอธิบาย "และถ้าใครแชร์ต่อก็ผิดมาตรา 14(5) ด้วย โทษเท่ากัน"
"ส่วนที่พี่แจ๋นบังคับในโรงพยาบาล มันผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงานเรื่องการคุกคามทางเพศในที่ทำงาน มาตรา 16 มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท" เพียวเสริม "มึงต้องเก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้นะ ทั้งข้อความขู่ แชท คลิปเสียง"
"แล้วถ้าไม่มีใครเชื่อกูล่ะ?" ผมถามเสียงแผ่ว
"กูเชื่อมึง และกูจะช่วยมึงสู้คดีนี้" เพียวตอบ "แต่มึงต้องเข้มแข็ง เราต้องหยุดพวกมันไม่ให้ทำแบบนี้กับคนอื่นอีก"
"ว่าแต่น้ำรู้เรื่องนี้หรือยัง?" เพียวถามเสียงอ่อนลง ดวงตาคู่สวยฉายแววกังวลผ่านหน้าจอวิดีโอคอล
ผมส่ายหน้า น้ำตาคลอ "ยัง... สองสัปดาห์นี้กูแทบไม่ได้คุยกับน้องเขาเลย"
"ทำไมล่ะ?"
"กูกลัว เพียว" ผมสารภาพ "กูกลัวว่าถ้าน้องน้ำรู้ความจริง เขาจะมองกูไม่เหมือนเดิม น้องส่งข้อความมาทุกวัน ถามว่าทำไมกูเปลี่ยนไป แต่กูได้แต่โกหกว่าเหนื่อยจากงาน"
"ไอ้ต้น..." เพียวถอนหายใจเบาๆ "ถ้ามึงคิดว่าน้ำคือคนสำคัญ มึงต้องบอกน้องเขานะ ถึงมันจะยาก แต่น้ำควรได้รู้ความจริง เธออาจเป็นกำลังใจที่มึงต้องการตอนนี้"
"แต่กูจะเริ่มยังไง?" ผมถามเสียงสั่น "จะให้กูบอกยังไงว่ากูโดนข่มขืน โดนแบล็คเมล์ แถมยัง... ยังมีความรู้สึกบางอย่างที่กูเองก็รับไม่ได้"
"คือกู..." ผมกำมือแน่น น้ำตาคลอ "กูรู้สึกว่าตัวเองเป็น gerontophilia กูเริ่มมีอารมณ์กับคนแก่ มันผิดปกติใช่ไหม"
"ไอ้ต้น" เพียวเงียบไปครู่ ผมเห็นริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดและอิจฉาเล็กๆ "มึงต้องแยกให้ออกระหว่างความรู้สึกที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด กับความต้องการที่แท้จริงของมึง"
"แต่กู..."
"ฟังกูให้ดี" เพียวพูดเสียงหนักแน่น "พวกนั้นมันข่มขืนมึง บังคับมึง ไม่ว่ามึงจะรู้สึกยังไง มันก็ผิดกฎหมาย มึงต้องดำเนินคดีกับพวกมัน ไม่งั้นพวกมันจะทำแบบนี้กับคนอื่นต่อไป"
ผมเห็นมือของเพียวกำแน่นขณะพูด เขาคงทนไม่ได้ที่เห็นคนที่เคยรักต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ "กูจะช่วยมึงฟ้องคดีเอง แต่มึงต้องเข้มแข็ง อย่าปล่อยให้พวกมันทำลายชีวิตมึง"
ผมพยักหน้า รู้สึกโล่งใจที่ได้ระบายความในใจกับเพื่อนที่เข้าใจ แม้จะรู้ว่าในใจของเพียวคงเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องเห็นผมถูกคนอื่นย่ำยี
"ไอ้ต้น..." เพียวเงียบไปครู่ ดวงตาคู่สวยฉายแววอ่อนโยนผ่านหน้าจอ "กูรักมึงนะ ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุด กูจะไม่ทิ้งมึงไปไหน"
"เพียว..." ผมยิ้มบางๆ นึกถึงวันที่เราจูบกันครั้งแรกในห้องเรียนที่ว่างเปล่าตอน ม.6 "มึงจำได้ไหม วันนั้น..."
"จำได้สิ" เพียวหัวเราะเบาๆ "วันที่กูกล้าบอกมึงว่ารัก แล้วก็..." เขาเงียบไป สายตาคู่สวยจ้องมองริมฝีปากผมผ่านหน้าจอ ความทรงจำวันนั้นในห้องเรียนที่ว่างเปล่าแวบเข้ามา จูบแรกที่อ่อนหวานและบริสุทธิ์ ก่อนที่เราจะตกลงเป็นเพียงเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน
"ขอบคุณนะที่ยังอยู่ข้างกู" ผมพูดเสียงแผ่ว รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น เห็นริมฝีปากบางของเพียวสั่นไหวเล็กน้อย
"มึงจะผ่านเรื่องนี้ไปได้" เพียวพูด น้ำเสียงอ่อนโยน "แล้วกูจะอยู่ตรงนี้เสมอ... เหมือนที่เคยสัญญากันไว้"
ผมมองหน้าเขาผ่านหน้าจอ นึกถึงวันนั้นที่เขาสารภาพรัก แต่ผมปฏิเสธไปเพราะกลัวว่าตัวเองจะรู้สึกอะไรบางอย่างที่มากกว่าเพื่อน พลันเกิดความคิดที่ผมเองยังไม่แน่ใจว่าควรจะทำดีไหม
ผมถอนหายใจลึกก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงแผ่วเบา "เพียว... มึงว่ากูยังมีค่าพอไหมวะ?"
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "มึงยังมีค่าสำหรับกูเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
คำนั้นทำให้ผมกล้าขึ้น ผมค่อยๆ ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแกร่ง "มึงดูสิ... กูยังดูดีพอสำหรับมึงไหม?"
ผมเห็นลูกกระเดือกของเพียวขยับขึ้นลง ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมผ่านหน้าจอ "ไอ้ต้น..." เสียงเขาสั่นเครือ "มึงยังหล่อเหมือนเดิม... แต่เราไม่ควร..."
"กูรู้" ผมรีบสวมเสื้อกลับ รู้สึกทั้งอายและเสียใจที่ทำให้เขาลำบากใจ "ขอบคุณนะ"
"ไอ้ต้น..." เพียวเรียกผมไว้ "มึงอยากจะบอกอะไรกูอีกไหม?"
ผมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดความจริง "เพียว... จริงๆ แล้วกูไม่เคยรู้สึกอะไรกับน้ำเลย กูแค่คบกับเธอเพราะทุกคนคาดหวัง กูเป็นเวอร์จิ้นมาตลอดจนกระทั่ง... ยายเป้า"
เพียวนิ่งไป ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดและหึงหวง "มึงหมายความว่า..."
"กูคิดว่ากูอาจจะเป็นไบ หรือไม่ก็... กูไม่รู้ว่ากูชอบอะไรกันแน่" ผมสารภาพ เสียงสั่นเครือ "ตอนที่มึงบอกรักกูวันนั้น กูกลัวความรู้สึกตัวเองมากกว่า"
"แล้วตอนนี้มึงจะไปหายายเป้า?" เพียวถามเสียงเครียด ผมเห็นสันกรามเขาขบเข้าหากัน มือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดและอิจฉา "มึงจะไปให้คนแก่น่าเกลียดพวกนั้นทำอะไรมึงอีกเหรอ? ทำไมต้องเป็นพวกเขาด้วย?"
"กูต้องทำ" ผมตอบ เห็นความเจ็บปวดในแววตาของเพียวที่ต้องเห็นคนที่เขารักไปอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่น โดยเฉพาะคนที่แก่และน่าเกลียดแบบยายเป้า "มันเป็นทางเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้"
"เพียว..." ผมเงียบไปครู่ "กูจะไปหายายเป้าพรุ่งนี้"
"มึงจะทำอะไร?" เพียวถามเสียงกังวล ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมผ่านหน้าจอ
"ไม่ใช่แค่เพื่อเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่สับสนในตัวเอง" ผมตอบ "แต่เพื่อค้นหาความจริงเบื้องหลังสิ่งที่พี่แจ๋นทำกับกู รวมถึงความลับอื่นๆ ที่เก็บซ่อนอยู่ กูต้องใช้โอกาสนี้หยุดยั้งทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และเรียกคืนอำนาจที่ถูกพรากไป"
"แล้วมึงจะไปหายายเป้าทำไมในเมื่อเราใช้หลักฐานที่พวกมันขู่มึงในแชทก็ได้" เพียวถามเสียงเครียด ผมเห็นสันกรามเขาขบเข้าหากัน มือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน "มึงจะไปให้คนแก่น่าเกลียดพวกนั้นทำอะไรมึงอีกเหรอ?"
"กูต้องทำ" ผมตอบ "มันเป็นทางเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้"
เงียบกันไปพักใหญ่ ผมเห็นน้ำตาคลอที่ดวงตาของเพียว แต่เขารีบกะพริบตาไล่มันไป "ระวังตัวด้วย... แล้วก็..." เขาหยุดไปครู่หนึ่ง กลืนน้ำลายเหมือนพยายามกลั้นความรู้สึก "อย่าลืมว่ามีคนที่รักมึงจริงๆ รออยู่ ไม่ใช่แค่คนที่อยากใช้มึงเป็นของเล่น"
เราจบการสนทนาด้วยความรู้สึกค้างคาที่ทั้งเจ็บปวดและหวงแหน ผมเห็นมือของเพียวยังกำแน่น ราวกับต้องการยื้อผมไว้ไม่ให้ไป แต่เขาก็ทำได้แค่มองผ่านหน้าจอ
หลังจากวางสายจากเพียว ผมนั่งอยู่ในความมืดของห้องพัก มือลูบไล้ตัวเองช้าๆ นึกถึงใบหน้าคมสวยและริมฝีปากอิ่มของเขา ความรู้สึกผิดและความต้องการผสมปนเปกัน ผมนึกถึงตอนที่เราจูบกันครั้งแรกในห้องเรียนที่ว่างเปล่า มือของผมเริ่มสัมผัสตัวเองอย่างช้าๆ จินตนาการถึงสัมผัสของเพียว
แต่แล้วภาพของยายเป้าก็แทรกเข้ามา ทำให้ผมรู้สึกทั้งรังเกียจและเร้าอารมณ์ในเวลาเดียวกัน ผมปลดปล่อยออกมาพร้อมกับความรู้สึกสับสนที่ไม่อาจบอกใครได้ ก่อนจะล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้ผมจะต้องไปเผชิญหน้ากับยายเป้า และครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายควบคุมเกมนี้เอง...
---อ่านแบบอ่านรวดเดียวได้ที่นี่ครับ ไม่แบ่งตอนhttps://gerontoth.blogspot.com/
สนุกมากครับ รอตอนต่อไปนะครับ สนุกมากครับสมการรอคอยลุ้นตอนต่อไปอยู่ครับ ลุ้นๆ เอาใจช่วยหมอ มาแล้วๆ รอกา้างแค้น เสวแทร่ทรูฟุดๆ สนุกมากครับ สนุกๆ ติดตามนะครับ หมอสู้ๆครับ คุณหมอสู้ครับ สนุกมากครับ แต่ก็อยากให้หมอหายแล้วก็จบแฮปปี้แล้วครับ 55 ผมสงสาร แผนจะพังมั้ยนะ 55555 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ ครับ สนุกมากครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2