อ้ายเสือ ตอนที่ 17 ความลับไม่มีในโลก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-21 14:3917
ความลับไม่มีโนโลก
“น่าจะชื่อขวัญนะ”
ชื่อ ‘ขวัญ’ ชมผานึกอยู่ครู่หนึ่ง ในหมู่บ้านที่คับแคบเช่นนี้จะเป็นใครไปได้อีกล่ะนอกจากขวัญข้าวคนที่เขารู้จักดี หรือว่า...
“คนรู้จักหรือครับ”
“ชื่อขวัญ หมู่บ้านนี้ก็มีอยู่หลายคนคงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก”
“อ้อ ครับ”
สิงหะพยักหน้าเผยยิ้มเล็กน้อยแต่ในแววตากลับซ่อนความนึกคิดบางอย่างไว้ เขาก้าวเข้าประชิดตัวชมผาใช้มือกดไหล่ให้ชมผาที่ตัวสูงกว่าเขาต้องลดตัวลงนิดหน่อยตอนนี้สิงดูเหมือนจะอยู่เหนือกว่า ชมผาเสียอาการเล็กน้อย รีบลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“ตลาดน่าสนใจดีนะ พี่พาสิงเดินดูหน่อยสิ”
สิงหะเอ่ยขึ้นขณะวางแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างของชมผาไว้สายตาเต็มไปด้วยความออดอ้อนและแววทะเล้น
ชมผามองหน้าสิงพยายามคุมสติที่เริ่มหวั่นไหว แล้วพยักหน้าเบา ๆ “ได้สิ ตามพี่มาเลย”
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปตามทางในตลาดที่เต็มไปด้วยความคึกครื้นและกลิ่นหอมของอาหารสิงเดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ แต่สายตายังคงจับจ้องที่ชมผา รอยยิ้มจาง ๆยังไม่เลือนหาย
“พี่ชอบอะไรในตลาดนี้บ้าง?”สิงเอ่ยถาม พยายามทำลายความเงียบและทำตัวให้สบาย ๆ
“อืม...” ชมผาทำท่าคิด “พี่ชอบกินของกินที่นี่หากินที่อื่นไม่ได้ง่ายๆนะ”ว่าแล้วชมผาก็ดึงมือสิงให้เดินตามไปร้านขายข้าวราดซุปสีเขียวอื๋อ มีผักเคียงให้เหมือนจะเป็นอาหารพื้นถิ่น
“หน้าตาก็พอจะกินได้อยู่มั้ง” สิงหะพูดพลางมองซุปในจานด้วยท่าทีลังเลใจจริงยังสงสัยว่าจะกลืนลงคอได้ยังไง หน้าตาอาจจะไม่ได้เรื่อง แต่รสชาติก็ไม่แน่
“ลองกินดูสิ เดี๋ยวจะติดใจ” พี่ชมผาพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้มีหรือสิงจะกล้าขัดใจ ต้องจัดให้ตามคำท้า สิงจ้วงไปหนึ่งคำแต่ทันทีที่รสชาติสัมผัสลิ้น น้ำตาแทบเล็ดออกมา แม้จะอยากวางช้อนแต่ก็จำใจกลืนลงคอไปจนได้
“เป็นไง อร่อยมั้ย”
อึก! สิงกลืนน้ำลายตามอย่างยากลำบากก่อนจะวางจานลงข้างตัวอย่างไม่ใยดี คิดในใจว่า มันกินได้จริง ๆ งั้นเหรอ?พร้อมสงสัยว่า นี่ไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม?“ดูทำหน้าสิ! กินคำแรกก็เป็นแบบนี้แหละเดี๋ยวคราวหลังมาร้องอยากกิน พี่จะไม่ให้กินแล้วนะ” ชมผาแกล้งแซวพลางหัวเราะเบา ๆเมื่อเห็นสิงทำหน้าพะอืดพะอม ก่อนจะส่งขันน้ำเย็นชื่นใจให้เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
“เอ้า กินน้ำก่อนสิ”
“ขอบคุณครับ”
สิงรับขันน้ำเย็นมาก่อนจะรีบกระดกลงคอหวังล้างปาก แต่กลับสำลักน้ำเข้าไปเสียก่อน
“แฮ่ก! แฮ่ก!” ชมผาเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าไปลูบหลังให้เบาๆ
“ระวังหน่อย ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น”
“แฮ่ก! แฮ่ก!”สิงหะสำลักน้ำจนหน้าดำหน้าแดง น้ำตาไหลพรากจนแทบหมดลุคคุณชายสุดเท่ไปเลยชมผามองแล้วอดขำไม่ได้กับท่าทางเปิ่น ๆ ของเด็กหนุ่ม แม้จะรู้สึกสงสารอยู่ในใจ
“ช้า ๆ ค่อย ๆ หายใจ”ชมผาพูดปลอบพร้อมลูบหลังให้เบา ๆ
ไม่นานนัก สิงหะก็เริ่มอาการดีขึ้นพลางคิดในใจพร้อมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กินของแปลก ๆ แบบนี้อีกแล้ว เขาคงเข็ดไปอีกนานเลยทีเดียว
"ฮู้วว... เกือบเอาชีวิตน้อย ๆมาทิ้งในป่าแล้วไหมล่ะ ไอ้สิง!" สิงคิดในใจ พลางลูบหน้าอกตัวเองปรอยๆ
ใครจะรู้ว่าเขาแอบชอบชมผามาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันในตรอกเล็กย่านพระนครเมื่อสองปีก่อนตอนนั้นเขาเดินเที่ยวตลาดกับเจ้าทัพ อันที่จริง ตลาดแห่งนั้นก็คล้ายกับถนนคนเดินมีของขายมากมายสองข้างทาง ด้วยความเป็นเด็ก เขามองเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมดและสนุกที่มีพี่ชายมาด้วย
ขณะที่เดินไปเขาเห็นของชิ้นหนึ่งที่ถูกใจ แต่ยังไม่ทันได้คว้า ก็มีคนจ่ายเงินไปก่อนแล้วเจ้าตัวทำหน้ามุ่ยอย่างเสียดาย จู่ ๆ ใครบางคนก็ยื่นของชิ้นนั้นมาให้เขารอยยิ้มอบอุ่นของคนคนนั้นยังติดอยู่ในใจเขาจนถึงวันนี้และคนคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างเขาในตอนนี้
“ดีขึ้นหรือยัง”
“ครับ”
“แล้วจะอยู่กี่วันล่ะ”
“วันพรุ่งนี้ก็คงต้องกลับแล้วครับ พี่ชายผมต้องทำงาน”
“พี่ชายเราทำงานอะไรหรือ”
“ก็งานทั่วไปนั่นแหละครับผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก”
สิงหะเลี่ยงที่จะตอบคำถามทันที เพราะเขาเคยสัญญากับพี่ชายว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับหน้าที่การงานของพี่หากอยากรู้ก็ควรไปถามจากเจ้าตัวเองจะดีที่สุด
“อืม... แล้วนี่พักอยู่ไกลไหม?ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า?” ชมผาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ที่พักผมอยู่ไม่ไกลเดินแป๊บเดียวก็ถึง” สิงหะตอบพร้อมรอยยิ้ม “เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนกลับผมจะพาพี่ชายมาหานะครับ”
ชมผายิ้มรับคำพูดของสิงหะด้วยความพอใจในใจคิดว่าต้องรอพบพี่ชายของสิงหะสักครั้ง ความสงสัยและคาดหวังปนเปอยู่ในใจอยากรู้ว่าคนใกล้ชิดกับสิงหะจะเป็นอย่างไร ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไป
เขาอยากดึงชมผาเข้ามากอดให้หายคิดถึงแต่ต้องอดกลั้นไว้ รู้ดีว่าการแสดงความรู้สึกตอนนี้อาจทำให้ทุกอย่างซับซ้อนเขาจึงเลือกที่จะรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะเวลา สิงหะมองตามชมผาอยู่ครู่หนึ่งแววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง ก่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วหันกลับไปทางเรือนใหญ่
เมื่อถึงเรือนใหญ่เขามองดูภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาตกตะลึง บ้านไม้ขัดเงาตั้งอยู่บนพื้นที่สูง โครงสร้างภายนอกทำจากไม้สักทองที่มีสีทองอ่อนสะท้อนแสงแดดทำให้ดูอบอุ่นมีระเบียงไม้กว้างขนาดพอเหมาะที่ยื่นออกมาทางด้านหน้าบ้าน มีวิวภูเขาที่ทอดตัวอยู่เบื้องหลังท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมในพื้นที่โดยรอบ
"พี่สิงหะ มาถึงแล้วหรือจ้ะ?ชบารอตั้งนาน คิดว่าพี่เดินหลงไปไหนแล้ว"เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสก่อนจะชะเง้อมองลงมาจากตัวเรือนไม้ที่ตั้งอยู่สูงมองเห็นร่างของสิงหะที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
สิงหะยิ้มให้กับเสียงเรียกก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังเรือน เขากวาดสายตามองไปรอบๆแล้วพบว่าในบ้านมีเพียงชบาคนเดียว คนอื่นๆ หายไปไหนกันหมดกันนะ?ชบาเดินเข้ามาใกล้แล้วยกขันน้ำฝนเย็นๆ ตามมาด้วย
“นี่จ่ะน้ำ กินแล้วพักผ่อนให้สบายนะจ้ะ”ชบาพูดพลางยื่นขันน้ำให้
สิงหะรับขันน้ำมาแล้วเอ่ยถามความสงสัยในใจ“ชบาอยู่คนเดียวหรอครับ? คนอื่นๆ หายไปไหนกัน?”
“ปกติบ้านนี้ก็เงียบแบบนี้แหละจ่ะพวกพี่ๆ ในเรือนไปช่วยแม่วิไลอยู่ที่ไร่โน่น” ชบาชี้นิ้วไปยังที่ไกลๆอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ “ตอนเย็นถึงจะกลับมา”
สิงหะพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหามุมที่เหมาะๆนั่งพักให้ร่างกายที่เมื่อยล้าจากการเดินเท้าเข้าป่าเกือบทั้งวันแม้หมู่บ้านจะห่างไกลแต่บรรยากาศและผู้คนที่นี่กลับอบอุ่นและเป็นกันเองจนรู้สึกสบายใจไม่แปลกใจเลยที่พี่ทัพจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขนาดนี้
“อ้อลืมบอก” ชบาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆสิงหะ ก่อนจะชี้มือไปยังทิศทางหนึ่ง “ห้องของพี่อยู่ทางโน่นนะจ้ะที่มีแจกันดอกไม้วางอยู่ข้างหน้า ฉันเตรียมปูที่นอนเอาไว้ให้แล้วถ้าง่วงก็ไปนอนได้เลยนะจ้ะ”
“ขอบคุณน้องชบามากนะแล้วนี่พี่ทัพโตมาที่นี่น่ะหรอ?”
“ใช่จ่ะพ่อกับแม่เลี้ยงพี่ทัพมาตั้งแต่เด็ก เห็นว่าหลงมาเลยรับเลี้ยงชบาก็เพิ่งรู้ว่าพี่ทัพไม่ใช่พี่แท้ๆ ของชบาก็ไม่นานนี้เองแต่ชบาก็รักพี่ทัพเหมือนพี่แท้ๆ เพราะเขาคือคนที่เลี้ยงดูชบามาตั้งแต่เด็กพี่ขวัญก็เหมือนกัน”
สิงหะก็พอจะเข้าใจดีเขาแอบรู้สึกอิจฉาเล็กๆ ที่ตอนเด็กไม่มีพี่ชายคอยอยู่เคียงข้างต้องเติบโตท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความคาดหวัง แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลย ในทางตรงกันข้ามที่นี่กลับให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่า
เขายิ้มให้เด็กสาวก่อนที่เธอจะปล่อยให้เขานั่งพักผ่อนตามสบายไม่นานนัก พี่ทัพและเจ้าขวัญก็เดินขึ้นเรือนมาด้วยกันทั้งสองมีท่าทางสนิทสนมอย่างเห็นได้ชัด สิงหะพอจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่เขาไม่ได้อยากสนใจเรื่องของพี่ชายมากนัก
“ได้ยินชบาว่าแอบหนีเที่ยวมาเหรอเจ้าสิง” ทัพเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างๆ สิงหะที่กำลังนั่งชมวิวภูเขาอย่างสบายใจ
“ก็แค่ไปเดินตลาดใกล้ๆ เองครับเห็นว่ามีของแปลกๆ เยอะดี น่าสนุก” สิงหะตอบ
“อืม... แล้วกินอะไรมาหรือยัง” ทัพถามต่อ
“กินมานิดหน่อยแล้วครับ” สิงหะตอบแต่ในใจยังรู้สึกพะอืดพะอม แม้จะเป็นคนกินง่ายอยู่แล้วแต่รสชาติของข้าวจานนั้นแย่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะชมผา เขาคงไม่คิดจะกลืนลงคอเลย
“เป็นไข้หรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ทัพถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสิงหะหน้าซีด
“ไม่มีอะไรครับ สิงสบายดี” สิงหะยิ้มแหยๆเพื่อให้ทัพคลายกังวล
เย็นวันนั้น หลังจากที่สมาชิกทุกคนมารวมตัวกันที่เรือนใหญ่บรรยากาศก็ดูครึกครื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นแต่วันนี้เสือสมานไม่ได้มาร่วมโต๊ะสำรับด้วยเพราะมีธุระด่วน น้าวิไลเองก็ดูแลสิงหะอย่างดีราวกับเป็นลูกอีกคน ชมแล้วชมอีกว่าเขาหล่อเหลามาก ด้วยความเป็นลูกคนเมืองหน้าตาและผิวพรรณก็สะอาดเกลี้ยงเกลา
“สิงลูก เป็นยังไงกับข้าวที่น้าทำรสชาติถูกปากมั้ยจ้ะ” น้าวิไลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อร่อยมากเลยครับ คุณน้าขอบคุณมากนะครับ” สิงหะตอบด้วยความสุภาพ
“อร่อยก็ทานเยอะๆ เลยนะ ยังมีอีกเดี๋ยวน้าให้นังชบาไปตักมาเพิ่ม” วิไลยิ้มเอ็นดู มองเด็กหนุ่มด้วยความชื่นชม
“ปกติที่บ้านสิงทานข้าวเหมือนแมวดมเลยนะจ๊ะเพิ่งเห็นวันนี้กินคำโตแบบนี้” ทัพเอ่ยแซวน้อง เพราะปกติสิงหะมักจะกินข้าวน้อยแต่วันนี้ดูเหมือนจะใช้แรงไปเยอะ เลยทานมากกว่าปกติ ซึ่งก็ดี เพราะคนที่บ้านนี้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ทัพเหลือบมองขวัญที่นั่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา เมียใครวะ น่ารักจริงๆ... เขาคิดในใจ
ไม่นานนัก ขวัญก็รู้สึกตัวว่าถูกจ้องอยู่จึงหันมามองพี่ชายด้วยความสงสัย “มีอะไรติดหน้าขวัญหรือเปล่าจ้ะ?”ขวัญถามพลางเอามือลูบหน้าตัวเอง
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วรีบกลับเรือนเล็กกัน”ทัพพูดขึ้น
ขวัญทำหน้าสงสัย รีบกลับไปไหนล่ะ?แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ เขาหันไปมองสิงหะที่ดูจะสบายใจกว่าที่คิดแม้จะเป็นลูกผู้ดีแต่ก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีท่าทีว่าจะมีพิษภัยอะไรปกติพี่ทัพจะไม่พาใครเข้ามาง่ายๆ ถ้าสิงหะเข้ามาได้ก็น่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่ทัพไม่น้อย
“ฉันลาก่อนนะจ้ะ น้าวิไลเหนื่อยมาทั้งวัน อยากเข้านอนไวๆ” ทัพยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่วิไลได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้ม เพราะรู้ดีว่าเจ้าทัพหมายถึงอะไร
“เอ่อ นอนให้จริงเถอะไอ้ทัพอย่าให้พรุ่งนี้เจ้าขวัญไปทำงานในไร่ไม่ไหวล่ะ คนงานก็ยิ่งไม่พออยู่”วิไลเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงแฝงความห่วงใย
“จ้ะๆ ฉันจะเบาๆ ให้”ทัพรับปากแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบคว้าตัวขวัญที่ยังไม่ทันเข้าใจอะไรไปทันที
เมื่อพ้นสายตาคนอื่นทัพก็ช้อนขวัญขึ้นอุ้มแทนการเดิน อ้อมกอดของเขาอบอุ่นเหมือนเช่นเคย แม้จะรู้สึกเขินจนเอาหน้าซุกอกพี่แต่ก็ยอมให้ทัพอุ้มโดยไม่ขัดขืน
“พี่ทัพอุ้มขวัญทำไมจ้ะ เดินเองก็ได้”ขวัญเอ่ยเบาๆ
“ก็พี่อยากอุ้ม นานๆ ทีจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้”ทัพตอบพลางก้มลงกระซิบข้างหู
ขวัญหัวเราะเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ“พี่ทัพนี่จริงๆ เลย...” แม้จะพูดเชิงตำหนิ แต่ในใจกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อถึงเรือนเล็ก ทัพวางขวัญลงเบาๆก่อนจะก้มลงมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนดวงตาคู่นั้นสะท้อนความคิดถึงที่สั่งสมมาตลอดวันวาน เจ้าทัพค่อยๆ โน้มหน้าลงใกล้ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสกับขวัญอย่างแผ่วเบาลิ้มรสความหวานจากคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง
ไม่คิดเลยว่าการต้องไกลกันเช่นนี้จะทรมานเพียงใดความรักที่มีแม้จะลึกซึ้งแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะต้องจบลงจริงๆ หรือเปล่า?ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง เจ้าทัพได้แต่คิดทบทวนในใจรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะไม่อยากเสียคนตรงหน้าไปแต่การเลือกที่จะปิดบังความจริงไว้เช่นนี้ จะทำได้อีกนานแค่ไหนกัน?
เขาเคยเชื่อมั่นในเส้นทางของตัวเองเสมอโดยเฉพาะตั้งแต่มีขวัญที่กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ไม่นานนักเขากลับเริ่มรู้สึกว่าการจะรักษาสิ่งนั้นไว้กลายเป็นเรื่องยากลำบากยิ่งเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกว่ากำลังห่างไกลจากขวัญมากขึ้นเรื่อยๆคนที่เคยสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป กลับกลายเป็นเขาเองที่ผิดคำพูดนั้น
มองดูคนตรงหน้าที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆเจ้าทัพคว้าตัวขวัญเข้ามากอดแน่น ราวกับไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป “พี่รักขวัญนะรักมากกว่าสิ่งใด”
“พี่ทัพ วันนี้เป็นอะไรเนี่ย?”ขวัญเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยอมให้เจ้าทัพกอดอยู่แบบนั้น
เจ้าทัพนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกดศีรษะของขวัญให้ซบลงกับอกเขาเบาๆ ดวงตาของเขามองไปข้างหน้าอย่างท้อแท้แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและค้างคา “ขอโทษนะขวัญ...บางครั้งพี่ก็กลัว... กลัวว่าจะสูญเสียทุกอย่างที่มี” เขาพูดเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ขวัญนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมาหยั่งรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าทัพ “พี่ทัพ...ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวนะจ้ะขวัญจะอยู่กับพี่เสมอ”เขาพูดพลางยกมือขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าทัพ
เช้าวันใหม่ที่สดใสหมอกหนาเริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็นสิงหะตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น กระปี้กระเป่า กอดเสื้อหนาวแน่นๆแล้วเดินออกมารับแสงอาทิตย์ในยามเช้า การได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้มันดีจริงๆ
“อื้อ~” สิงหะบิดขี้เกียจไปมาอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้อง
“อ้าว พี่สิง ตื่นแล้วหรอจ้ะ?”ชบาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส “พอดีเลยพี่มาช่วยชบายกของไปเก็บหน่อย” ชบาบอกพลางชี้นิ้วไปยังเข่ง 2-3 ใบ ที่ตั้งอยู่ด้านล่างเรือนภายในมีผลไม้สดๆ พืชผักหลากหลายชนิด รวมถึงเนื้อสดๆ สีแดงฉ่ำที่เพิ่งถูกนำมาวางไว้
“โห ได้ของพวกนี้มาจากไหนเยอะแยะล่ะเนี่ย?”สิงหะถามด้วยความทึ่ง พลางเดินไปดูใกล้ๆ
“คนในหมู่บ้านแล้วก็พวกพี่ๆคนงานในสวนเก็บมาให้จ่ะ” ชบาตอบ “นี่ก็ยังคิดอยู่เลยว่าถ้ากินไม่หมดคงเอาไปขายที่ตลาด เก็บไว้มันจะเน่าเสียเปล่าๆ”
“ปกติเขาให้กันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”สิงหะถามอย่างสงสัย
“ก็ปกตินะพี่” ชบาตอบยิ้มๆ“แต่ก็ดีกว่าอดตายนะ คนที่นี่เขาก็อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าบ้านไหนไม่มีที่ดินก็ต้องมาช่วยงานกันแล้วพอได้ผลผลิตก็แจกจ่ายกันไป”
สิงหะพยักหน้าอย่างเข้าใจ รู้สึกว่ามันดีเหมือนกันนะถึงแม้จะไม่มีเงินทองมากมาย แต่คนที่นี่กลับมีความสุขได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆเขาเองก็เคยฝันอยากมีชีวิตแบบนี้ “ชีวิตที่เรียบง่าย”
ยิ่งถ้าได้อยู่กับใครสักคนที่เขารักก็คงจะดีคงจะเป็นความสุขที่เติมเต็มชีวิตได้อย่างแท้จริง สิงหะคิดพลางนึกถึงใบหน้าของชมผา วันนี้เขาคงต้องเดินทางกลับแล้วแต่ก่อนจะไป เขาคิดว่าอาจจะลองแวะไปเจอหน้าชมผาสักหน่อย แล้วค่อยบอกลาอีกครั้ง
ชมผาเองหลังจากที่แยกจากสิงหะไปเมื่อวานเขาก็ไปตามถามเรื่องราวจากคนในหมู่บ้าน เพราะเขาเองก็สงสัยอยู่เต็มอกได้ยินมาว่าเจ้าทัพกลับมาบ้านเช่นเดียวกัน ถ้าจะให้เรียบเรียงเรื่องราวเขาก็คิดว่าสิงหะเป็นน้องของเจ้าทัพไม่ผิดแน่ เพียงแต่เขาอยากมั่นใจมากกว่านี้
แต่ก่อนที่เรื่องในใจจะคลี่คลายชมผาก็พบกับเด็กหนุ่มตาแป๋วคนหนึ่งที่รีบร้อนเดินเข้ามาหาเขาเด็กหนุ่มก้มลงทักทายอย่างสุภาพ ก่อนจะยิ้มให้เขาด้วยท่าทางที่ดูใสซื่อและจริงใจ
“พี่ชมผา สิงตามหาพี่ซะทั่วมาเดินอยู่นี่เอง” เด็กหนุ่มทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส ชมผาตกใจเล็กน้อยที่คนที่เขาคิดถึงในหัวกลับโผล่มาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
"อ้าว... สิงหะนี่เอง"ชมผาพูดออกมาอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆเขามองไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ารู้สึกถึงความสดชื่นและไร้เดียงสาที่แผ่ออกมา แม้ว่าจะมีคำถามมากมายในใจ
“ตามหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า?”ชมผาถามอย่างสงสัย พลางมองไปที่สิงหะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาสังเกตเห็นว่าท่าทางของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เขากำลังคิดอยู่แต่ยังไม่ยอมพูดออกมา
“อืม...” สิงหะทำท่าคิดก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรครับ แค่...อยากเจอพี่เฉยๆ” เขาพูดเสียงเบาๆแล้วล้วงมือในกระเป๋ากางเกง สายตาของเขามองไปไกลราวกับกำลังพยายามหาคำพูดที่จะบอกออกมา แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้
“แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยัง?ไปหาอะไรกินกันมั้ย?”
“ยังเลยครับ ผมรีบร้อนออกมาก่อนกลัวจะไม่เจอพี่” สิงหะตอบพร้อมรอยยิ้ม
“งั้น ตามพี่มา เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน”ชมผาบอกอย่างใจดี ก่อนจะเดินนำไป
สิงหะเดินตามชมผาไปอย่างว่าง่ายถึงจะดูว่านอนสอนง่ายแบบนี้ แต่ในใจเขากลับคิดแค่อยากจะทำคะแนนเท่านั้น ถึงเวลาเมื่อไหร่จะจับกินให้หนำใจเลย
สิงหะมองข้าวในจานก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอสีหน้าของเขาแสดงออกถึงความลังเลชมผาที่สังเกตเห็นก็พอจะเดาออกว่าเขาคงรู้สึกยังไง
“กินได้ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานแน่นอนรับรองว่าอร่อย”
สิงหะมองไปที่ชมผาก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและตักข้าวเข้าปาก เขาพยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา
“อร่อยจริงๆ ครับ”สิงหะพูดพร้อมกับยิ้มให้ชมผา ก่อนจะตักข้าวอีกสองสามคำเข้าปาก ชมผาที่เห็นน้องยิ้มแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้น
“ดีแล้วล่ะถ้าอร่อยก็ทานให้เต็มที่เลยนะ” ชมผาพูดพลางตักข้าวเพิ่มให้สิงหะ
สิงหะพยักหน้ารับและเริ่มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยสายตาของเขาคอยมองชมผาอยู่บ่อยๆ แต่ก็พยายามไม่ให้มันดูมากเกินไป
“วันนี้ผมต้องกลับแล้วล่ะคิดว่าจะได้อยู่นานกว่านี้อีกหน่อย องอิดอึงแอ่ๆ” สิงหะพูดไปพลางเคี้ยวข้าวไปคำสุดท้ายที่พูดออกมาจึงไม่ค่อยถนัดนัก
ชมผาที่ได้ยินก็ยิ้มขำๆ“เดี๋ยวค่อยเจอกันที่วิทยาลัย อีกไม่นานก็เปิดแล้ว”
สิงหะพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความไม่อยากจากไปความอบอุ่นในช่วงเวลานี้มันทำให้เขาอยากอยู่ที่นี่อีกสักหน่อยชมผาไม่รู้ว่าทำไมเด็กนี่ถึงเอาแต่ตามติดเขา ตลอดเวลาที่อยู่ในพระนครก็เช่นกันแม้จะไม่ได้สนิทกันเป็นการส่วนตัว แต่สิงหะก็มักจะเป็นฝ่ายทักทายเขาตลอด
“แล้วนี่ พี่ชายไม่มาด้วยหรือ?”ชมผาถาม
“เช้านี้เห็นว่ายุ่งๆเลยไม่อยากรบกวนครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะพามาให้รู้จักแน่นอน” สิงหะตอบอย่างสุภาพแม้จะอยากพาพี่ชายมาพบ แต่พี่ชายดูจะติดกับคนรักเสียมากจึงไม่อยากไปรบกวนเวลาของทั้งสอง
หลังจากกินเสร็จ สิงหะคุยกับชมผานิดหน่อยก่อนจะขอตัวไปเก็บของ เพราะช่วงบ่ายต้องเดินทางกลับแล้ว
ไม่อยากกลับเลยจริงๆ สิงหะคิดในใจเขารู้สึกเหมือนตัดใจยากเหลือเกิน อยากจะบอกว่า "ชอบ"ออกไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะวิ่งหนีหายไปเสียก่อน
เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับขวัญกับชบาเดินมาส่งทั้งสองคนที่ท้ายหมู่บ้าน เจ้าทัพและขวัญร่ำลากันอยู่นานสีหน้าเจ้าทัพเต็มไปด้วยความไม่อยากจากไป แต่ก็ไม่อาจฝืนเวลาได้
“ไปครั้งนี้ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่แต่พี่สัญญาว่าจะกลับมานะ” เจ้าทัพพูดเสียงเบาแล้วสวมกอดขวัญแน่นขวัญรู้สึกใจหายอีกครั้ง ความรู้สึกนี้มันเจ็บปวดและหวั่นไหวเหมือนกันทั้งที่ตั้งใจจะยิ้มและให้กำลังใจ แต่กลับไม่อาจข่มใจได้
“พี่ไปแล้วนะขวัญ อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”เจ้าทัพกระซิบบอกแล้วก้มหน้าลงไปที่ไหล่ของขวัญ ราวกับอยากจะเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้
สิงหะยืนอยู่ข้างๆมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแล้วรู้สึกเห็นใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปเพียงแค่ยืนมองด้วยสายตาเงียบๆ
“ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ชบาจะดูแลพี่ขวัญให้เอง”ชบาพูดพร้อมกับยิ้มให้ มีชบาอยู่ก็คลายกังวลได้บ้าง หลังจากนั้นเจ้าทัพก็คลายกอดขวัญออก แล้วหันไปมองสิงหะด้วยสายตาที่เข้าใจ
“ไปเถอะครับ” สิงหะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น แต่เขารู้ดีว่ายังไงก็ต้องเดินทางกลับ
เจ้าทัพพยักหน้ามุ่งหน้ากลับออกไปตามเส้นทางเดินป่าขวัญยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางมองไปที่เจ้าทัพที่กำลังจะจากไปรู้สึกใจหายเหมือนทุกครั้งที่ต้องจากกัน
ชมผาที่แอบตามมาด้วยยืนมองเหตุการณ์อย่างสงสัยในใจสิ่งที่เห็นมันทำให้เขารู้สึกมีคำถามมากมาย ทั้งสองคนดูเหมือนจะรู้จักขวัญจริงๆและที่แปลกกว่านั้น คือสิงหะน่าจะเป็นน้องของเจ้าทัพศัตรูหัวใจที่เขาเคยปะทะคารมมาไม่รู้กี่ครั้งดูเหมือนว่าเขายังมีความหวังที่จะได้อยู่ใกล้ชิดขวัญต่อไป
ชมผาตัดสินใจแอบตามทั้งสองไปเงียบๆโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว ทำไมเจ้าทัพถึงต้องรีบร้อนกลับแบบนั้น?หรือว่าเบื้องลึกมันจะมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่? เขาเลือกที่จะเดินไปเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเชื่อมไปยังปากทางเข้าเมืองเช่นกัน เพราะถ้ายังตามอยู่แบบนี้ ไม่ช้าหรือเร็วก็จะโดนจับได้ก่อนที่ความสงสัยจะคลี่คลาย
เมื่อออกจากป่าและตามทั้งสองมาได้ทันชมผาก็รีบรุดเข้าเมืองทันทีและมองเห็นว่าทั้งสองหายลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าดูท่าเจ้าทัพคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาคิด หากเป็นแบบนี้อาจมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นและรู้ในตอนแรก
เมื่อถามจากคนแถวนั้น ชมผาก็ได้รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายตำรวจยศใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงในพระนครความรู้ดังกล่าวทำให้ชมผารู้สึกใจหายเขาคิดไม่ออกว่าเจ้าทัพจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ได้อย่างไรหรือบางทีสิงหะที่เป็นน้องชายอาจจะเป็นลูกของบ้านนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นชมผาก็รู้สึกสับสนและไม่รู้จะทำยังไงต่อไป หากเขานำเรื่องนี้ไปบอกขวัญเขาก็อาจจะช่วยให้ขวัญสลัดศัตรูหัวใจออกไปได้ง่ายๆแต่พอคิดถึงความรู้สึกของขวัญที่อาจจะเสียใจ เขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขายังไงเพราะเขารู้ดีว่าขวัญรักเจ้าทัพมาก ถึงแม้ขวัญจะไม่เคยพูดออกมาตรงๆแต่สายตาและท่าทางทุกอย่างของขวัญก็แสดงออกชัดเจน จึงทำให้ชมผารู้สึกว่าเขาคงไม่สามารถทำให้ขวัญลืมเจ้าทัพได้ง่ายๆ
ใจของชมผายิ่งลังเลความรู้สึกทั้งสองด้านค่อยๆ ปะทะกันในใจอย่างไม่หยุดยั้งเขาหลับตาลงชั่วครู่เพื่อให้ตัวเองสงบและตัดสินใจว่าอาจจะต้องหาทางรู้ความจริงให้มากขึ้นก่อนจะทำอะไรไป
ชมผายังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน มือของเขาจับขอบรั้วเบาๆสายตากวาดมองไปทั่วอย่างระมัดระวัง โดยไม่ให้ใครเห็นเขาพยายามเก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ แต่คำถามยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าทัพถึงต้องเกี่ยวข้องกับบ้านของนายตำรวจยศใหญ่แบบนี้ตำรวจกับโจรจะเดินไปบนเส้นทางรักได้ยังไง? มันดูเหมือนจะเป็นทางตันเสียมากกว่า
เขาหวั่นใจไม่น้อยแม้ว่าจะไม่อยากทำให้ขวัญต้องเสียใจแต่การที่เจ้าทัพทำตัวลึกลับแบบนี้ก็อาจจะทำให้ขวัญได้รับผลกระทบไม่ดีในอนาคตชมผารู้ดีว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน เขาคิดถึงขวัญและไม่อยากให้ขวัญต้องเจ็บปวดจากความรักที่เต็มไปด้วยความลับและการหลอกลวง
ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่ทับถมอยู่ในใจชมผารู้แค่เพียงว่าเขาต้องหาคำตอบให้ได้ ก่อนที่เรื่องราวนี้จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าจะกลับมาแก้ไขได้
ไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล ชมผารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากไปยังที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่อาจขัดขืนได้มือถูกมัดแน่นจนเลือดไม่ค่อยไปถึงปลายนิ้วขณะที่ผ้าหรือกระสอบบางอย่างถูกคลุมทับจนหายใจลำบากร่างกายของเขาถูกดึงไปตามแรงของคนหลายคนที่จับตัวเขาไว้ไม่ทันได้คิดอะไรก็รู้สึกเหมือนถูกชกเข้าอย่างแรงที่ท้องน้อยทำให้เขาหยุดขัดขืนไม่ได้ในทันที ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้เขาหายใจไม่ออกน้ำตาค่อยๆ ไหลออกจากตา แม้ว่าจะพยายามยื้อไว้อย่างสุดความสามารถก็ตาม
"อย่าดิ้น!"เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนใส่เขา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะถอยห่างออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคุกคาม
ชมผาหายใจหอบหายใจรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดแรง เขาไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหนหรือเขาถูกจับมาทำไม แต่ในความมืดนั้น เขารู้แค่เพียงว่าเขาต้องหาทางออกให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม
แล้วอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากท่ามกลางความเงียบ"เห็นที..คงปล่อยไปไม่ได้แล้วสินะ" ---------------------------------------เห้ยย นั่นแกเป็นใคร....มาจับชมผาไปได้ยังไง?ฝากติดตามตอนต่อไปและเดากันด้วยกันว่าใครมันจับชมผาไป
จะมีใครอีกน้อถ้าไม่ พี่ทัพยุบ้านป่าจนหูตาไวช้ำเรียนวิชามา
จะยังไงกตามตอนต่อไป ขอบคุนคับ สนุกมากครับ ขอบคุณนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]