ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 132|ตอบกลับ: 5

อ้ายเสือ ตอนที่ 17 ความลับไม่มีในโลก

[คัดลอกลิงก์]

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
62
พลังน้ำใจ
3354
Zenny
17322
ออนไลน์
552 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 10:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-21 14:39


17


ความลับไม่มีโนโลก

“น่าจะชื่อขวัญนะ”


ชื่อ ‘ขวัญ’ ชมผานึกอยู่ครู่หนึ่ง ในหมู่บ้านที่คับแคบเช่นนี้จะเป็นใครไปได้อีกล่ะนอกจากขวัญข้าวคนที่เขารู้จักดี หรือว่า...

“คนรู้จักหรือครับ”

“ชื่อขวัญ หมู่บ้านนี้ก็มีอยู่หลายคนคงไม่ใช่คนเดียวกันหรอก”

“อ้อ ครับ”

สิงหะพยักหน้าเผยยิ้มเล็กน้อยแต่ในแววตากลับซ่อนความนึกคิดบางอย่างไว้ เขาก้าวเข้าประชิดตัวชมผาใช้มือกดไหล่ให้ชมผาที่ตัวสูงกว่าเขาต้องลดตัวลงนิดหน่อยตอนนี้สิงดูเหมือนจะอยู่เหนือกว่า ชมผาเสียอาการเล็กน้อย รีบลอบกลืนน้ำลายลงคอ

“ตลาดน่าสนใจดีนะ พี่พาสิงเดินดูหน่อยสิ”

สิงหะเอ่ยขึ้นขณะวางแขนทั้งสองข้างคร่อมร่างของชมผาไว้สายตาเต็มไปด้วยความออดอ้อนและแววทะเล้น

ชมผามองหน้าสิงพยายามคุมสติที่เริ่มหวั่นไหว แล้วพยักหน้าเบา ๆ “ได้สิ ตามพี่มาเลย”

ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปตามทางในตลาดที่เต็มไปด้วยความคึกครื้นและกลิ่นหอมของอาหารสิงเดินตามหลังอย่างเงียบ ๆ แต่สายตายังคงจับจ้องที่ชมผา รอยยิ้มจาง ๆยังไม่เลือนหาย

“พี่ชอบอะไรในตลาดนี้บ้าง?”สิงเอ่ยถาม พยายามทำลายความเงียบและทำตัวให้สบาย ๆ

“อืม...” ชมผาทำท่าคิด “พี่ชอบกินของกินที่นี่หากินที่อื่นไม่ได้ง่ายๆนะ”ว่าแล้วชมผาก็ดึงมือสิงให้เดินตามไปร้านขายข้าวราดซุปสีเขียวอื๋อ มีผักเคียงให้เหมือนจะเป็นอาหารพื้นถิ่น

“หน้าตาก็พอจะกินได้อยู่มั้ง” สิงหะพูดพลางมองซุปในจานด้วยท่าทีลังเลใจจริงยังสงสัยว่าจะกลืนลงคอได้ยังไง หน้าตาอาจจะไม่ได้เรื่อง แต่รสชาติก็ไม่แน่

“ลองกินดูสิ เดี๋ยวจะติดใจ” พี่ชมผาพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้มีหรือสิงจะกล้าขัดใจ ต้องจัดให้ตามคำท้า สิงจ้วงไปหนึ่งคำแต่ทันทีที่รสชาติสัมผัสลิ้น น้ำตาแทบเล็ดออกมา แม้จะอยากวางช้อนแต่ก็จำใจกลืนลงคอไปจนได้

“เป็นไง อร่อยมั้ย”

อึก! สิงกลืนน้ำลายตามอย่างยากลำบากก่อนจะวางจานลงข้างตัวอย่างไม่ใยดี คิดในใจว่า มันกินได้จริง ๆ งั้นเหรอ?พร้อมสงสัยว่า นี่ไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม?
“ดูทำหน้าสิ! กินคำแรกก็เป็นแบบนี้แหละเดี๋ยวคราวหลังมาร้องอยากกิน พี่จะไม่ให้กินแล้วนะ” ชมผาแกล้งแซวพลางหัวเราะเบา ๆเมื่อเห็นสิงทำหน้าพะอืดพะอม ก่อนจะส่งขันน้ำเย็นชื่นใจให้เพื่อช่วยบรรเทาอาการ

“เอ้า กินน้ำก่อนสิ”

“ขอบคุณครับ”

สิงรับขันน้ำเย็นมาก่อนจะรีบกระดกลงคอหวังล้างปาก แต่กลับสำลักน้ำเข้าไปเสียก่อน

“แฮ่ก! แฮ่ก!” ชมผาเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าไปลูบหลังให้เบาๆ

“ระวังหน่อย ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น”

“แฮ่ก! แฮ่ก!”สิงหะสำลักน้ำจนหน้าดำหน้าแดง น้ำตาไหลพรากจนแทบหมดลุคคุณชายสุดเท่ไปเลยชมผามองแล้วอดขำไม่ได้กับท่าทางเปิ่น ๆ ของเด็กหนุ่ม แม้จะรู้สึกสงสารอยู่ในใจ

“ช้า ๆ ค่อย ๆ หายใจ”ชมผาพูดปลอบพร้อมลูบหลังให้เบา ๆ

ไม่นานนัก สิงหะก็เริ่มอาการดีขึ้นพลางคิดในใจพร้อมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กินของแปลก ๆ แบบนี้อีกแล้ว เขาคงเข็ดไปอีกนานเลยทีเดียว

"ฮู้วว... เกือบเอาชีวิตน้อย ๆมาทิ้งในป่าแล้วไหมล่ะ ไอ้สิง!" สิงคิดในใจ พลางลูบหน้าอกตัวเองปรอยๆ

ใครจะรู้ว่าเขาแอบชอบชมผามาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันในตรอกเล็กย่านพระนครเมื่อสองปีก่อนตอนนั้นเขาเดินเที่ยวตลาดกับเจ้าทัพ อันที่จริง ตลาดแห่งนั้นก็คล้ายกับถนนคนเดินมีของขายมากมายสองข้างทาง ด้วยความเป็นเด็ก เขามองเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมดและสนุกที่มีพี่ชายมาด้วย

ขณะที่เดินไปเขาเห็นของชิ้นหนึ่งที่ถูกใจ แต่ยังไม่ทันได้คว้า ก็มีคนจ่ายเงินไปก่อนแล้วเจ้าตัวทำหน้ามุ่ยอย่างเสียดาย จู่ ๆ ใครบางคนก็ยื่นของชิ้นนั้นมาให้เขารอยยิ้มอบอุ่นของคนคนนั้นยังติดอยู่ในใจเขาจนถึงวันนี้และคนคนนั้นก็นั่งอยู่ข้างเขาในตอนนี้

“ดีขึ้นหรือยัง”

“ครับ”

“แล้วจะอยู่กี่วันล่ะ”

“วันพรุ่งนี้ก็คงต้องกลับแล้วครับ พี่ชายผมต้องทำงาน”

“พี่ชายเราทำงานอะไรหรือ”

“ก็งานทั่วไปนั่นแหละครับผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก”

สิงหะเลี่ยงที่จะตอบคำถามทันที เพราะเขาเคยสัญญากับพี่ชายว่าจะไม่บอกใครเกี่ยวกับหน้าที่การงานของพี่หากอยากรู้ก็ควรไปถามจากเจ้าตัวเองจะดีที่สุด

“อืม... แล้วนี่พักอยู่ไกลไหม?ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า?” ชมผาถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับ ที่พักผมอยู่ไม่ไกลเดินแป๊บเดียวก็ถึง” สิงหะตอบพร้อมรอยยิ้ม “เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนกลับผมจะพาพี่ชายมาหานะครับ”

ชมผายิ้มรับคำพูดของสิงหะด้วยความพอใจในใจคิดว่าต้องรอพบพี่ชายของสิงหะสักครั้ง ความสงสัยและคาดหวังปนเปอยู่ในใจอยากรู้ว่าคนใกล้ชิดกับสิงหะจะเป็นอย่างไร ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไป

เขาอยากดึงชมผาเข้ามากอดให้หายคิดถึงแต่ต้องอดกลั้นไว้ รู้ดีว่าการแสดงความรู้สึกตอนนี้อาจทำให้ทุกอย่างซับซ้อนเขาจึงเลือกที่จะรอให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะเวลา สิงหะมองตามชมผาอยู่ครู่หนึ่งแววตาเต็มไปด้วยความคิดถึง ก่อนถอนหายใจเบาๆ แล้วหันกลับไปทางเรือนใหญ่

เมื่อถึงเรือนใหญ่เขามองดูภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาตกตะลึง บ้านไม้ขัดเงาตั้งอยู่บนพื้นที่สูง โครงสร้างภายนอกทำจากไม้สักทองที่มีสีทองอ่อนสะท้อนแสงแดดทำให้ดูอบอุ่นมีระเบียงไม้กว้างขนาดพอเหมาะที่ยื่นออกมาทางด้านหน้าบ้าน มีวิวภูเขาที่ทอดตัวอยู่เบื้องหลังท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมในพื้นที่โดยรอบ

"พี่สิงหะ มาถึงแล้วหรือจ้ะ?ชบารอตั้งนาน คิดว่าพี่เดินหลงไปไหนแล้ว"เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใสก่อนจะชะเง้อมองลงมาจากตัวเรือนไม้ที่ตั้งอยู่สูงมองเห็นร่างของสิงหะที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

สิงหะยิ้มให้กับเสียงเรียกก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังเรือน เขากวาดสายตามองไปรอบๆแล้วพบว่าในบ้านมีเพียงชบาคนเดียว คนอื่นๆ หายไปไหนกันหมดกันนะ?ชบาเดินเข้ามาใกล้แล้วยกขันน้ำฝนเย็นๆ ตามมาด้วย

“นี่จ่ะน้ำ กินแล้วพักผ่อนให้สบายนะจ้ะ”ชบาพูดพลางยื่นขันน้ำให้

สิงหะรับขันน้ำมาแล้วเอ่ยถามความสงสัยในใจ“ชบาอยู่คนเดียวหรอครับ? คนอื่นๆ หายไปไหนกัน?”

“ปกติบ้านนี้ก็เงียบแบบนี้แหละจ่ะพวกพี่ๆ ในเรือนไปช่วยแม่วิไลอยู่ที่ไร่โน่น” ชบาชี้นิ้วไปยังที่ไกลๆอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ “ตอนเย็นถึงจะกลับมา”

สิงหะพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหามุมที่เหมาะๆนั่งพักให้ร่างกายที่เมื่อยล้าจากการเดินเท้าเข้าป่าเกือบทั้งวันแม้หมู่บ้านจะห่างไกลแต่บรรยากาศและผู้คนที่นี่กลับอบอุ่นและเป็นกันเองจนรู้สึกสบายใจไม่แปลกใจเลยที่พี่ทัพจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขนาดนี้

“อ้อลืมบอก” ชบาเดินเข้ามานั่งลงข้างๆสิงหะ ก่อนจะชี้มือไปยังทิศทางหนึ่ง “ห้องของพี่อยู่ทางโน่นนะจ้ะที่มีแจกันดอกไม้วางอยู่ข้างหน้า ฉันเตรียมปูที่นอนเอาไว้ให้แล้วถ้าง่วงก็ไปนอนได้เลยนะจ้ะ”

“ขอบคุณน้องชบามากนะแล้วนี่พี่ทัพโตมาที่นี่น่ะหรอ?”

“ใช่จ่ะพ่อกับแม่เลี้ยงพี่ทัพมาตั้งแต่เด็ก เห็นว่าหลงมาเลยรับเลี้ยงชบาก็เพิ่งรู้ว่าพี่ทัพไม่ใช่พี่แท้ๆ ของชบาก็ไม่นานนี้เองแต่ชบาก็รักพี่ทัพเหมือนพี่แท้ๆ เพราะเขาคือคนที่เลี้ยงดูชบามาตั้งแต่เด็กพี่ขวัญก็เหมือนกัน”

สิงหะก็พอจะเข้าใจดีเขาแอบรู้สึกอิจฉาเล็กๆ ที่ตอนเด็กไม่มีพี่ชายคอยอยู่เคียงข้างต้องเติบโตท่ามกลางความโดดเดี่ยวและความคาดหวัง แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยแต่เขากลับไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลย ในทางตรงกันข้ามที่นี่กลับให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่า

เขายิ้มให้เด็กสาวก่อนที่เธอจะปล่อยให้เขานั่งพักผ่อนตามสบายไม่นานนัก พี่ทัพและเจ้าขวัญก็เดินขึ้นเรือนมาด้วยกันทั้งสองมีท่าทางสนิทสนมอย่างเห็นได้ชัด สิงหะพอจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่เขาไม่ได้อยากสนใจเรื่องของพี่ชายมากนัก

“ได้ยินชบาว่าแอบหนีเที่ยวมาเหรอเจ้าสิง” ทัพเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างๆ สิงหะที่กำลังนั่งชมวิวภูเขาอย่างสบายใจ

“ก็แค่ไปเดินตลาดใกล้ๆ เองครับเห็นว่ามีของแปลกๆ เยอะดี น่าสนุก” สิงหะตอบ

“อืม... แล้วกินอะไรมาหรือยัง” ทัพถามต่อ

“กินมานิดหน่อยแล้วครับ” สิงหะตอบแต่ในใจยังรู้สึกพะอืดพะอม แม้จะเป็นคนกินง่ายอยู่แล้วแต่รสชาติของข้าวจานนั้นแย่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะชมผา เขาคงไม่คิดจะกลืนลงคอเลย

“เป็นไข้หรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ทัพถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสิงหะหน้าซีด

“ไม่มีอะไรครับ สิงสบายดี” สิงหะยิ้มแหยๆเพื่อให้ทัพคลายกังวล


เย็นวันนั้น หลังจากที่สมาชิกทุกคนมารวมตัวกันที่เรือนใหญ่บรรยากาศก็ดูครึกครื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นแต่วันนี้เสือสมานไม่ได้มาร่วมโต๊ะสำรับด้วยเพราะมีธุระด่วน น้าวิไลเองก็ดูแลสิงหะอย่างดีราวกับเป็นลูกอีกคน ชมแล้วชมอีกว่าเขาหล่อเหลามาก ด้วยความเป็นลูกคนเมืองหน้าตาและผิวพรรณก็สะอาดเกลี้ยงเกลา

“สิงลูก เป็นยังไงกับข้าวที่น้าทำรสชาติถูกปากมั้ยจ้ะ” น้าวิไลถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อร่อยมากเลยครับ คุณน้าขอบคุณมากนะครับ” สิงหะตอบด้วยความสุภาพ

“อร่อยก็ทานเยอะๆ เลยนะ ยังมีอีกเดี๋ยวน้าให้นังชบาไปตักมาเพิ่ม” วิไลยิ้มเอ็นดู มองเด็กหนุ่มด้วยความชื่นชม

“ปกติที่บ้านสิงทานข้าวเหมือนแมวดมเลยนะจ๊ะเพิ่งเห็นวันนี้กินคำโตแบบนี้” ทัพเอ่ยแซวน้อง เพราะปกติสิงหะมักจะกินข้าวน้อยแต่วันนี้ดูเหมือนจะใช้แรงไปเยอะ เลยทานมากกว่าปกติ ซึ่งก็ดี เพราะคนที่บ้านนี้จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

ทัพเหลือบมองขวัญที่นั่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอย่างเอ็นดู ก่อนจะเผลอยิ้มออกมา เมียใครวะ น่ารักจริงๆ... เขาคิดในใจ

ไม่นานนัก ขวัญก็รู้สึกตัวว่าถูกจ้องอยู่จึงหันมามองพี่ชายด้วยความสงสัย “มีอะไรติดหน้าขวัญหรือเปล่าจ้ะ?”ขวัญถามพลางเอามือลูบหน้าตัวเอง

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วรีบกลับเรือนเล็กกัน”ทัพพูดขึ้น

ขวัญทำหน้าสงสัย รีบกลับไปไหนล่ะ?แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ เขาหันไปมองสิงหะที่ดูจะสบายใจกว่าที่คิดแม้จะเป็นลูกผู้ดีแต่ก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีท่าทีว่าจะมีพิษภัยอะไรปกติพี่ทัพจะไม่พาใครเข้ามาง่ายๆ ถ้าสิงหะเข้ามาได้ก็น่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่ทัพไม่น้อย

“ฉันลาก่อนนะจ้ะ น้าวิไลเหนื่อยมาทั้งวัน อยากเข้านอนไวๆ” ทัพยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่วิไลได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้ม เพราะรู้ดีว่าเจ้าทัพหมายถึงอะไร

“เอ่อ นอนให้จริงเถอะไอ้ทัพอย่าให้พรุ่งนี้เจ้าขวัญไปทำงานในไร่ไม่ไหวล่ะ คนงานก็ยิ่งไม่พออยู่”วิไลเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงแฝงความห่วงใย

“จ้ะๆ ฉันจะเบาๆ ให้”ทัพรับปากแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบคว้าตัวขวัญที่ยังไม่ทันเข้าใจอะไรไปทันที

เมื่อพ้นสายตาคนอื่นทัพก็ช้อนขวัญขึ้นอุ้มแทนการเดิน อ้อมกอดของเขาอบอุ่นเหมือนเช่นเคย แม้จะรู้สึกเขินจนเอาหน้าซุกอกพี่แต่ก็ยอมให้ทัพอุ้มโดยไม่ขัดขืน

“พี่ทัพอุ้มขวัญทำไมจ้ะ เดินเองก็ได้”ขวัญเอ่ยเบาๆ

“ก็พี่อยากอุ้ม นานๆ ทีจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้”ทัพตอบพลางก้มลงกระซิบข้างหู

ขวัญหัวเราะเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ“พี่ทัพนี่จริงๆ เลย...” แม้จะพูดเชิงตำหนิ แต่ในใจกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อถึงเรือนเล็ก ทัพวางขวัญลงเบาๆก่อนจะก้มลงมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนดวงตาคู่นั้นสะท้อนความคิดถึงที่สั่งสมมาตลอดวันวาน เจ้าทัพค่อยๆ โน้มหน้าลงใกล้ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสกับขวัญอย่างแผ่วเบาลิ้มรสความหวานจากคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนและลึกซึ้ง

ไม่คิดเลยว่าการต้องไกลกันเช่นนี้จะทรมานเพียงใดความรักที่มีแม้จะลึกซึ้งแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างจะต้องจบลงจริงๆ หรือเปล่า?ต่างคนต่างมีทางเดินของตัวเอง เจ้าทัพได้แต่คิดทบทวนในใจรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะไม่อยากเสียคนตรงหน้าไปแต่การเลือกที่จะปิดบังความจริงไว้เช่นนี้ จะทำได้อีกนานแค่ไหนกัน?

เขาเคยเชื่อมั่นในเส้นทางของตัวเองเสมอโดยเฉพาะตั้งแต่มีขวัญที่กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ไม่นานนักเขากลับเริ่มรู้สึกว่าการจะรักษาสิ่งนั้นไว้กลายเป็นเรื่องยากลำบากยิ่งเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกว่ากำลังห่างไกลจากขวัญมากขึ้นเรื่อยๆคนที่เคยสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป กลับกลายเป็นเขาเองที่ผิดคำพูดนั้น

มองดูคนตรงหน้าที่ไม่รู้เรื่องราวใดๆเจ้าทัพคว้าตัวขวัญเข้ามากอดแน่น ราวกับไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไป “พี่รักขวัญนะรักมากกว่าสิ่งใด”

“พี่ทัพ วันนี้เป็นอะไรเนี่ย?”ขวัญเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ยอมให้เจ้าทัพกอดอยู่แบบนั้น

เจ้าทัพนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกดศีรษะของขวัญให้ซบลงกับอกเขาเบาๆ ดวงตาของเขามองไปข้างหน้าอย่างท้อแท้แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและค้างคา “ขอโทษนะขวัญ...บางครั้งพี่ก็กลัว... กลัวว่าจะสูญเสียทุกอย่างที่มี” เขาพูดเสียงเบาแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

ขวัญนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมาหยั่งรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าทัพ “พี่ทัพ...ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวนะจ้ะขวัญจะอยู่กับพี่เสมอ”เขาพูดพลางยกมือขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าทัพ


เช้าวันใหม่ที่สดใสหมอกหนาเริ่มจางลงไปบ้างแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวเย็นสิงหะตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกสดชื่น กระปี้กระเป่า กอดเสื้อหนาวแน่นๆแล้วเดินออกมารับแสงอาทิตย์ในยามเช้า การได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้มันดีจริงๆ

“อื้อ~” สิงหะบิดขี้เกียจไปมาอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ห้อง

“อ้าว พี่สิง ตื่นแล้วหรอจ้ะ?”ชบาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส “พอดีเลยพี่มาช่วยชบายกของไปเก็บหน่อย” ชบาบอกพลางชี้นิ้วไปยังเข่ง 2-3 ใบ ที่ตั้งอยู่ด้านล่างเรือนภายในมีผลไม้สดๆ พืชผักหลากหลายชนิด รวมถึงเนื้อสดๆ สีแดงฉ่ำที่เพิ่งถูกนำมาวางไว้

“โห ได้ของพวกนี้มาจากไหนเยอะแยะล่ะเนี่ย?”สิงหะถามด้วยความทึ่ง พลางเดินไปดูใกล้ๆ

“คนในหมู่บ้านแล้วก็พวกพี่ๆคนงานในสวนเก็บมาให้จ่ะ” ชบาตอบ “นี่ก็ยังคิดอยู่เลยว่าถ้ากินไม่หมดคงเอาไปขายที่ตลาด เก็บไว้มันจะเน่าเสียเปล่าๆ”

“ปกติเขาให้กันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”สิงหะถามอย่างสงสัย

“ก็ปกตินะพี่” ชบาตอบยิ้มๆ“แต่ก็ดีกว่าอดตายนะ คนที่นี่เขาก็อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าบ้านไหนไม่มีที่ดินก็ต้องมาช่วยงานกันแล้วพอได้ผลผลิตก็แจกจ่ายกันไป”

สิงหะพยักหน้าอย่างเข้าใจ รู้สึกว่ามันดีเหมือนกันนะถึงแม้จะไม่มีเงินทองมากมาย แต่คนที่นี่กลับมีความสุขได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆเขาเองก็เคยฝันอยากมีชีวิตแบบนี้ “ชีวิตที่เรียบง่าย”

ยิ่งถ้าได้อยู่กับใครสักคนที่เขารักก็คงจะดีคงจะเป็นความสุขที่เติมเต็มชีวิตได้อย่างแท้จริง สิงหะคิดพลางนึกถึงใบหน้าของชมผา วันนี้เขาคงต้องเดินทางกลับแล้วแต่ก่อนจะไป เขาคิดว่าอาจจะลองแวะไปเจอหน้าชมผาสักหน่อย แล้วค่อยบอกลาอีกครั้ง


ชมผาเองหลังจากที่แยกจากสิงหะไปเมื่อวานเขาก็ไปตามถามเรื่องราวจากคนในหมู่บ้าน เพราะเขาเองก็สงสัยอยู่เต็มอกได้ยินมาว่าเจ้าทัพกลับมาบ้านเช่นเดียวกัน ถ้าจะให้เรียบเรียงเรื่องราวเขาก็คิดว่าสิงหะเป็นน้องของเจ้าทัพไม่ผิดแน่ เพียงแต่เขาอยากมั่นใจมากกว่านี้

แต่ก่อนที่เรื่องในใจจะคลี่คลายชมผาก็พบกับเด็กหนุ่มตาแป๋วคนหนึ่งที่รีบร้อนเดินเข้ามาหาเขาเด็กหนุ่มก้มลงทักทายอย่างสุภาพ ก่อนจะยิ้มให้เขาด้วยท่าทางที่ดูใสซื่อและจริงใจ

“พี่ชมผา สิงตามหาพี่ซะทั่วมาเดินอยู่นี่เอง” เด็กหนุ่มทักทายด้วยน้ำเสียงสดใส ชมผาตกใจเล็กน้อยที่คนที่เขาคิดถึงในหัวกลับโผล่มาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้

"อ้าว... สิงหะนี่เอง"ชมผาพูดออกมาอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆเขามองไปที่เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้ารู้สึกถึงความสดชื่นและไร้เดียงสาที่แผ่ออกมา แม้ว่าจะมีคำถามมากมายในใจ

“ตามหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า?”ชมผาถามอย่างสงสัย พลางมองไปที่สิงหะที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาสังเกตเห็นว่าท่าทางของเด็กหนุ่มดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เขากำลังคิดอยู่แต่ยังไม่ยอมพูดออกมา

“อืม...” สิงหะทำท่าคิดก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรครับ แค่...อยากเจอพี่เฉยๆ” เขาพูดเสียงเบาๆแล้วล้วงมือในกระเป๋ากางเกง สายตาของเขามองไปไกลราวกับกำลังพยายามหาคำพูดที่จะบอกออกมา แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้

“แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยัง?ไปหาอะไรกินกันมั้ย?”

“ยังเลยครับ ผมรีบร้อนออกมาก่อนกลัวจะไม่เจอพี่” สิงหะตอบพร้อมรอยยิ้ม

“งั้น ตามพี่มา เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน”ชมผาบอกอย่างใจดี ก่อนจะเดินนำไป

สิงหะเดินตามชมผาไปอย่างว่าง่ายถึงจะดูว่านอนสอนง่ายแบบนี้ แต่ในใจเขากลับคิดแค่อยากจะทำคะแนนเท่านั้น ถึงเวลาเมื่อไหร่จะจับกินให้หนำใจเลย

สิงหะมองข้าวในจานก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอสีหน้าของเขาแสดงออกถึงความลังเลชมผาที่สังเกตเห็นก็พอจะเดาออกว่าเขาคงรู้สึกยังไง

“กินได้ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานแน่นอนรับรองว่าอร่อย”

สิงหะมองไปที่ชมผาก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและตักข้าวเข้าปาก เขาพยายามไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา

“อร่อยจริงๆ ครับ”สิงหะพูดพร้อมกับยิ้มให้ชมผา ก่อนจะตักข้าวอีกสองสามคำเข้าปาก ชมผาที่เห็นน้องยิ้มแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้น

“ดีแล้วล่ะถ้าอร่อยก็ทานให้เต็มที่เลยนะ” ชมผาพูดพลางตักข้าวเพิ่มให้สิงหะ

สิงหะพยักหน้ารับและเริ่มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยสายตาของเขาคอยมองชมผาอยู่บ่อยๆ แต่ก็พยายามไม่ให้มันดูมากเกินไป

“วันนี้ผมต้องกลับแล้วล่ะคิดว่าจะได้อยู่นานกว่านี้อีกหน่อย องอิดอึงแอ่ๆ” สิงหะพูดไปพลางเคี้ยวข้าวไปคำสุดท้ายที่พูดออกมาจึงไม่ค่อยถนัดนัก

ชมผาที่ได้ยินก็ยิ้มขำๆ“เดี๋ยวค่อยเจอกันที่วิทยาลัย อีกไม่นานก็เปิดแล้ว”

สิงหะพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกถึงความไม่อยากจากไปความอบอุ่นในช่วงเวลานี้มันทำให้เขาอยากอยู่ที่นี่อีกสักหน่อยชมผาไม่รู้ว่าทำไมเด็กนี่ถึงเอาแต่ตามติดเขา ตลอดเวลาที่อยู่ในพระนครก็เช่นกันแม้จะไม่ได้สนิทกันเป็นการส่วนตัว แต่สิงหะก็มักจะเป็นฝ่ายทักทายเขาตลอด

“แล้วนี่ พี่ชายไม่มาด้วยหรือ?”ชมผาถาม

“เช้านี้เห็นว่ายุ่งๆเลยไม่อยากรบกวนครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะพามาให้รู้จักแน่นอน” สิงหะตอบอย่างสุภาพแม้จะอยากพาพี่ชายมาพบ แต่พี่ชายดูจะติดกับคนรักเสียมากจึงไม่อยากไปรบกวนเวลาของทั้งสอง

หลังจากกินเสร็จ สิงหะคุยกับชมผานิดหน่อยก่อนจะขอตัวไปเก็บของ เพราะช่วงบ่ายต้องเดินทางกลับแล้ว

ไม่อยากกลับเลยจริงๆ สิงหะคิดในใจเขารู้สึกเหมือนตัดใจยากเหลือเกิน อยากจะบอกว่า "ชอบ"ออกไปก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะวิ่งหนีหายไปเสียก่อน


เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับขวัญกับชบาเดินมาส่งทั้งสองคนที่ท้ายหมู่บ้าน เจ้าทัพและขวัญร่ำลากันอยู่นานสีหน้าเจ้าทัพเต็มไปด้วยความไม่อยากจากไป แต่ก็ไม่อาจฝืนเวลาได้

“ไปครั้งนี้ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่แต่พี่สัญญาว่าจะกลับมานะ” เจ้าทัพพูดเสียงเบาแล้วสวมกอดขวัญแน่นขวัญรู้สึกใจหายอีกครั้ง ความรู้สึกนี้มันเจ็บปวดและหวั่นไหวเหมือนกันทั้งที่ตั้งใจจะยิ้มและให้กำลังใจ แต่กลับไม่อาจข่มใจได้

“พี่ไปแล้วนะขวัญ อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”เจ้าทัพกระซิบบอกแล้วก้มหน้าลงไปที่ไหล่ของขวัญ ราวกับอยากจะเก็บช่วงเวลานี้เอาไว้

สิงหะยืนอยู่ข้างๆมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแล้วรู้สึกเห็นใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปเพียงแค่ยืนมองด้วยสายตาเงียบๆ

“ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ชบาจะดูแลพี่ขวัญให้เอง”ชบาพูดพร้อมกับยิ้มให้ มีชบาอยู่ก็คลายกังวลได้บ้าง หลังจากนั้นเจ้าทัพก็คลายกอดขวัญออก แล้วหันไปมองสิงหะด้วยสายตาที่เข้าใจ

“ไปเถอะครับ” สิงหะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดอั้น แต่เขารู้ดีว่ายังไงก็ต้องเดินทางกลับ

เจ้าทัพพยักหน้ามุ่งหน้ากลับออกไปตามเส้นทางเดินป่าขวัญยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางมองไปที่เจ้าทัพที่กำลังจะจากไปรู้สึกใจหายเหมือนทุกครั้งที่ต้องจากกัน

ชมผาที่แอบตามมาด้วยยืนมองเหตุการณ์อย่างสงสัยในใจสิ่งที่เห็นมันทำให้เขารู้สึกมีคำถามมากมาย ทั้งสองคนดูเหมือนจะรู้จักขวัญจริงๆและที่แปลกกว่านั้น คือสิงหะน่าจะเป็นน้องของเจ้าทัพศัตรูหัวใจที่เขาเคยปะทะคารมมาไม่รู้กี่ครั้งดูเหมือนว่าเขายังมีความหวังที่จะได้อยู่ใกล้ชิดขวัญต่อไป

ชมผาตัดสินใจแอบตามทั้งสองไปเงียบๆโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว ทำไมเจ้าทัพถึงต้องรีบร้อนกลับแบบนั้น?หรือว่าเบื้องลึกมันจะมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่? เขาเลือกที่จะเดินไปเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งเชื่อมไปยังปากทางเข้าเมืองเช่นกัน เพราะถ้ายังตามอยู่แบบนี้ ไม่ช้าหรือเร็วก็จะโดนจับได้ก่อนที่ความสงสัยจะคลี่คลาย

เมื่อออกจากป่าและตามทั้งสองมาได้ทันชมผาก็รีบรุดเข้าเมืองทันทีและมองเห็นว่าทั้งสองหายลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าดูท่าเจ้าทัพคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาคิด หากเป็นแบบนี้อาจมีอะไรมากกว่าที่เขาเห็นและรู้ในตอนแรก

เมื่อถามจากคนแถวนั้น ชมผาก็ได้รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของนายตำรวจยศใหญ่ที่มีตำแหน่งสูงในพระนครความรู้ดังกล่าวทำให้ชมผารู้สึกใจหายเขาคิดไม่ออกว่าเจ้าทัพจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ได้อย่างไรหรือบางทีสิงหะที่เป็นน้องชายอาจจะเป็นลูกของบ้านนี้ด้วยเช่นกัน

เมื่อคิดได้ดังนั้นชมผาก็รู้สึกสับสนและไม่รู้จะทำยังไงต่อไป หากเขานำเรื่องนี้ไปบอกขวัญเขาก็อาจจะช่วยให้ขวัญสลัดศัตรูหัวใจออกไปได้ง่ายๆแต่พอคิดถึงความรู้สึกของขวัญที่อาจจะเสียใจ เขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขายังไงเพราะเขารู้ดีว่าขวัญรักเจ้าทัพมาก ถึงแม้ขวัญจะไม่เคยพูดออกมาตรงๆแต่สายตาและท่าทางทุกอย่างของขวัญก็แสดงออกชัดเจน จึงทำให้ชมผารู้สึกว่าเขาคงไม่สามารถทำให้ขวัญลืมเจ้าทัพได้ง่ายๆ

ใจของชมผายิ่งลังเลความรู้สึกทั้งสองด้านค่อยๆ ปะทะกันในใจอย่างไม่หยุดยั้งเขาหลับตาลงชั่วครู่เพื่อให้ตัวเองสงบและตัดสินใจว่าอาจจะต้องหาทางรู้ความจริงให้มากขึ้นก่อนจะทำอะไรไป

ชมผายังคงยืนอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน มือของเขาจับขอบรั้วเบาๆสายตากวาดมองไปทั่วอย่างระมัดระวัง โดยไม่ให้ใครเห็นเขาพยายามเก็บความสงสัยทั้งหมดไว้ในใจ แต่คำถามยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าทัพถึงต้องเกี่ยวข้องกับบ้านของนายตำรวจยศใหญ่แบบนี้ตำรวจกับโจรจะเดินไปบนเส้นทางรักได้ยังไง? มันดูเหมือนจะเป็นทางตันเสียมากกว่า

เขาหวั่นใจไม่น้อยแม้ว่าจะไม่อยากทำให้ขวัญต้องเสียใจแต่การที่เจ้าทัพทำตัวลึกลับแบบนี้ก็อาจจะทำให้ขวัญได้รับผลกระทบไม่ดีในอนาคตชมผารู้ดีว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหน เขาคิดถึงขวัญและไม่อยากให้ขวัญต้องเจ็บปวดจากความรักที่เต็มไปด้วยความลับและการหลอกลวง

ในที่สุดเขาตัดสินใจเดินจากไปอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาเพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่ทับถมอยู่ในใจชมผารู้แค่เพียงว่าเขาต้องหาคำตอบให้ได้ ก่อนที่เรื่องราวนี้จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าจะกลับมาแก้ไขได้

ไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนไกล ชมผารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกลากไปยังที่ไหนสักแห่งโดยที่ไม่อาจขัดขืนได้มือถูกมัดแน่นจนเลือดไม่ค่อยไปถึงปลายนิ้วขณะที่ผ้าหรือกระสอบบางอย่างถูกคลุมทับจนหายใจลำบากร่างกายของเขาถูกดึงไปตามแรงของคนหลายคนที่จับตัวเขาไว้ไม่ทันได้คิดอะไรก็รู้สึกเหมือนถูกชกเข้าอย่างแรงที่ท้องน้อยทำให้เขาหยุดขัดขืนไม่ได้ในทันที ความเจ็บปวดรวดร้าวทำให้เขาหายใจไม่ออกน้ำตาค่อยๆ ไหลออกจากตา แม้ว่าจะพยายามยื้อไว้อย่างสุดความสามารถก็ตาม

"อย่าดิ้น!"เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนใส่เขา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะถอยห่างออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะคุกคาม

ชมผาหายใจหอบหายใจรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดแรง เขาไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหนหรือเขาถูกจับมาทำไม แต่ในความมืดนั้น เขารู้แค่เพียงว่าเขาต้องหาทางออกให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม

แล้วอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากท่ามกลางความเงียบ"เห็นที..คงปล่อยไปไม่ได้แล้วสินะ"
---------------------------------------
เห้ยย นั่นแกเป็นใคร....
มาจับชมผาไปได้ยังไง?
ฝากติดตามตอนต่อไป
และเดากันด้วยกันว่าใครมันจับชมผาไป

นิสิตสัมพันธ์

โสด

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
16451
Zenny
3403
ออนไลน์
6013 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 14:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นายกสโมสร

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
240288
Zenny
97241
ออนไลน์
17912 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 16:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากครับ

นายกสโมสร

กระทู้
28
พลังน้ำใจ
169631
Zenny
172752
ออนไลน์
28870 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 19:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
10
พลังน้ำใจ
37255
Zenny
6781
ออนไลน์
5854 ชั่วโมง
โพสต์ เมื่อวาน 20:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
3
พลังน้ำใจ
32481
Zenny
3186
ออนไลน์
2665 ชั่วโมง
โพสต์ 4 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2025-1-22 20:02 , Processed in 0.106691 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้