ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 3
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-3-3 12:35Chapter 3เมื่อเจ้าพ่อยากูซ่า อยากลองเป็นนักรัก
7:00 AM
ลอนดอน, อังกฤษ
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ดังขึ้นซ้ำ ๆ ติ๊ด ติ๊ด... ดังก้องอยู่ในห้องพักเงียบสงัด แสงแดดที่ลอดผ่านม่านสีหม่นทอดตัวเป็นลำแสงจาง ๆ บนผ้าปูที่นอนที่ยังคงยับย่น ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ความหนักอึ้งในศีรษะยังคงกดทับ ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามทวีปยังไม่คลายลง อาการเจ็ทแล็กทำให้ทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด แม้แต่การยกแขนขึ้นปาดใบหน้าก็ยังรู้สึกเหมือนใช้แรงมากเกินไป
ผมขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง สูดหายใจลึกก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าขวดน้ำเย็นที่วางอยู่ข้างเตียง กระดกดื่มอึกใหญ่เพื่อปลุกให้สติกลับมาเต็มที่ สายตาเหลือบมองไปยังนาฬิกาบนผนัง เวลาล่วงเลยไปไกลกว่าที่คิด ผมไม่มีเวลามากนัก ลุกจากเตียงอย่างเร่งรีบ เดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำและแต่งตัวโดยไม่ต้องใช้ความคิด ทุกอย่างเป็นเหมือนกลไกที่ถูกฝังอยู่ในร่างกาย ผมไม่จำเป็นต้องไตร่ตรอง ไม่ต้องเสียเวลามองตัวเองในกระจก ผมรู้ดีว่าใบหน้าของตัวเองคงไม่ได้ต่างจากทุกวัน
เสร็จจากทุกอย่าง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อก หน้าจอแสดงข้อความที่ยังไม่ได้อ่านหลายรายการ ผมกวาดตามองผ่าน ๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับข้อความจาก ฮันแจ
📩 Han Jae
07:15 AM
"เจบี นายโอเคไหม?"
"ถ้าถึงที่หมายแล้ว บอกด้วย"
"อย่าหายไปแบบนี้อีก"
ข้อความสั้น ๆ แต่เรียงต่อกันราวกับเจ้าตัวพยายามส่งมาในจังหวะที่ไม่มั่นใจ ผมเม้มปากแน่น กดเข้าไปอ่านข้อความเหล่านั้นทีละบรรทัด ความกังวลในน้ำเสียงของฮันแจแทบจะสัมผัสได้ แม้จะมีเพียงตัวอักษรก็ตาม
นิ้วผมเลื่อนขึ้นกำลังจะกดตอบกลับ แต่สายตากลับไปสะดุดเข้ากับอีกข้อความที่ไม่มีชื่อกำกับ
📩 Unknown
06:45 AM
"Morning, kid" (อรุณสวัสดิ์ เจ้าหนู)
"Hope you slept well. 😊" (หวังว่านายจะนอนหลับสบายดีนะ 😊)
"Guess who?" (เดาสิว่าใคร?)
ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะกดเข้าไปดูรายละเอียดของเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งมา เบอร์แปลก? ไม่ใช่ฮันแจ แล้วใครกัน…
ในขณะที่ยังคงสงสัย เครื่องโทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดขึ้นมา สายเรียกเข้า ปรากฏตัวเลขที่ไม่คุ้นเคย แวบแรกผมลังเลว่าจะกดรับหรือปล่อยให้มันตัดไปเอง ทว่าปลายนิ้วกลับแตะลงไปโดยไม่รู้ตัว
📞 Unknown Caller
เสียงปลายสายดังขึ้นแทบทันที ราวกับเจ้าตัวนั่งรอให้ผมกดรับอยู่แล้ว
"ในที่สุด เจ้าหนูก็รับสายซะที ฉันต้องทักไปกี่รอบกันนะ?"
เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แฝงแววขี้เล่นดังขึ้น ผมถอนหายใจบาง ๆ ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
"แคสเปอร์? ... ผมนึกว่าข้อความจากคนแปลกหน้า"
"โอ๊ย เจ็บนะ ฉันอุตส่าห์ห่วง รีบเช็คสถานะนายตั้งแต่เช้า นายจะไม่ซาบซึ้งสักนิดเลยเหรอ?"
ผมหลุบตาลง มองปลายนิ้วตัวเองที่แตะอยู่บนขอบเตียง ความเหนื่อยล้ายังคงหลงเหลืออยู่ในร่าง แต่สมองเริ่มตื่นตัวขึ้นทีละนิด
"คุณมีธุระอะไรกับผมกันแน่?"
แคสเปอร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับไม่คิดจริงจัง
"ก็แค่คิดถึงไง"
"..."
"อืม... ฉันโดนเงียบใส่จนชินแล้วล่ะ" เขาว่าพลางหัวเราะเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร "แล้วเป็นไง ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ไว้เรานัดเจอกันอีกสิ เมื่อคืนฉันรีบจริง ๆ ขอโทษที่ไม่ได้ไปส่งนะ"
"ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณ"
"นี่...ที่ฉันบอกว่าอยากนัดเจอ ฉันพูดจริง ๆ นะ"
"ผมไม่ว่างครับ"
"อ่าา... ไร้เยื่อใยชะมัด" เขาพึมพำ ทำเสียงเหมือนถูกใจแต่ก็แฝงความขบขันอยู่ลึก ๆ
"แค่นี้นะครับ ผมมีธุระ"
ผมไม่รอให้เขาตอบกลับ ตัดสายไปโดยไม่เสียเวลาฟังเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังจากปลายสาย ก่อนจะโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง หยิบเสื้อแจ็กเก็ตขึ้นมาสวมแล้วก้าวออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง
อากาศเช้านี้เย็นกว่าที่คิด ลมหายใจของผมกลายเป็นไอจาง ๆ เมื่อก้าวออกจากโรงแรม ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าทำให้ผมกระชับฮู้ดให้แน่นขึ้น ปกปิดใบหน้าส่วนหนึ่งไว้โดยอัตโนมัติ ขณะเดียวกันก็เหลือบมองรอบตัวโดยไม่ให้ดูโจ่งแจ้งเกินไป
แม้จะเป็นวันธรรมดา แต่เมืองนี้ยังคงคึกคักเช่นเคย ผู้คนเดินสวนกันไปมา เสียงพูดคุยปะปนกับเสียงเครื่องยนต์จากรถแท็กซี่และเสียงบีบแตรดังขึ้นประปราย ผมเดินออกจากที่พักมาได้ราว 15 นาที ท่ามกลางความเร่งรีบของผู้คน ขณะเดียวกันก็คอยจับตาความเคลื่อนไหวรอบข้างโดยไม่ให้ผิดสังเกต
ที่หมายของผมคือ หอนาฬิกาบิกเบน สถานที่ที่ถูกกำหนดไว้ในแผน ผมหยุดยืนอยู่ตรงลานกว้าง ปล่อยให้สายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างแนบเนียน แฝงตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หยุดถ่ายรูป แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ความรู้สึกแปลก ๆ ก็ยังติดอยู่ในหัว
ขณะที่ผมกำลังพยายามอ่านบรรยากาศรอบตัว แรงกระแทกจากด้านข้าง ก็ทำให้ผมเสียการทรงตัวเล็กน้อย ชายไร้บ้านร่างผอมซูบที่สวมเสื้อคลุมเก่าขาดเป็นรูโผล่เข้ามาปะทะ ก่อนจะใช้มือที่สั่นเทาคว้าแขนผมแน่นแล้วกระซิบเสียงต่ำ
"ทางนี้"
ผมไม่ทันได้ขยับหนี ร่างนั้นก็ดันผมเข้าไปในตรอกแคบ ๆ ข้างอาคาร มันเกิดขึ้นเร็วมาก จนแทบไม่มีใครสังเกตเห็นท่ามกลางฝูงชนที่กำลังเดินขวักไขว่
กลิ่นอับชื้นของตรอกเล็กตัดกับอากาศเย็นเฉียบของลอนดอน ผนังอิฐด้านข้างเย็นเฉียบเมื่อแผ่นหลังของผมกระทบกับมัน ผมจ้องชายตรงหน้าผ่านเงาหม่นของแสงแดดยามเช้า
"ขอโทษด้วย" ชายคนนั้นพูดขึ้นเบา ๆ ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะลดต่ำลงแทบเป็นเสียงกระซิบ "หอนาฬิกาเดินช้าไปหนึ่งวินาที"
ผมหรี่ตาลงทันที คำพูดนี้ไม่ใช่คำพูดธรรมดา แต่เป็นรหัสลับที่มีเพียงเครือข่ายของ คิมบอม เท่านั้นที่เข้าใจ
"...แต่เข็มนาฬิกายังคงเดินต่อไป" ผมตอบกลับไปตามที่ถูกสอนมา
ชายไร้บ้านพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะสอดมือเข้าไปในเสื้อคลุมเก่าของตัวเอง หยิบกระดาษพับใบเล็กยัดใส่มือผมอย่างรวดเร็ว
"อ่านแล้วทำลายซะ"
เขาเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะถอยหลังกลับเข้าไปในเงามืดของตรอก ร่างนั้นหายไปในฝูงชนอย่างแนบเนียน ราวกับไม่มีตัวตนตั้งแต่แรก
ผมก้มลงมองกระดาษในมือ หัวใจเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย แม้ว่าจะชินกับกระบวนการส่งข้อมูลแบบนี้แล้วก็ตาม
แต่สิ่งที่อยู่ข้างในนี่… จะเป็นแค่ข้อมูลธรรมดาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า "คิมบอม" ต้องการให้ผมทำอะไรต่อจากนี้
ผมคลี่กระดาษออกช้า ๆ ขณะสายตายังคงจับจ้องบรรยากาศรอบตัว ไม่ให้ดูมีพิรุธ ตัวหนังสือที่ปรากฏบนแผ่นกระดาษเล็ก ๆ ถูกเขียนด้วยหมึกสีซีดจาง เนื้อความมีเพียง ตัวเลข เวลา และสถานที่
"21:00 | DOVER STREET | KEEP LOW"
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย โดเวอร์สตรีท? เป็นย่านที่เต็มไปด้วยบาร์หรูและคลับลับเฉพาะของเหล่าผู้ทรงอิทธิพลในลอนดอน นี่หมายความว่างานคืนนี้เกี่ยวข้องกับใครบางคนที่มีชื่อเสียงงั้นเหรอ?
ไม่มีรายละเอียดอื่น ๆ ไม่มีชื่อเป้าหมาย ไม่มีคำสั่งชัดเจน มีเพียงเวลานัดหมายและคำสั้น ๆ "KEEP LOW" ต่ำให้มาก นั่นหมายความว่าภารกิจคืนนี้อาจจะไม่ใช่การลงมือโดยตรง แต่เป็นการสอดแนมหรือสืบหาข้อมูลบางอย่าง
ข้อมูลที่คิมบอมต้องการ…
ผมพับกระดาษให้เล็กที่สุด ก่อนจะซุกมันลงในกระเป๋าเสื้อด้านใน และในจังหวะเดียวกัน นิ้วโป้งก็ค่อย ๆ ถูไปตามเนื้อกระดาษ ขยี้มันให้เปื่อยยุ่ย และในเวลาไม่กี่วินาที กระดาษแผ่นเล็กก็ค่อย ๆ เปื่อยสลายหายไป
ไม่มีหลักฐาน… ไม่มีร่องรอย
ผมเดินออกจากตรอก กลับเข้าสู่ฝูงชนที่พลุกพล่าน ลมหายใจยาวถูกระบายออกช้า ๆ ปรับจังหวะให้เป็นปกติ แม้ข้างในจะเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
คืนนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
–
21:00 | DOVER STREET
แสงไฟนีออนสีอ่อนสะท้อนผ่านกระจกเงาของตึกสูง บรรยากาศย่านโดเวอร์สตรีทยังคงคึกคัก เสียงหัวเราะ เสียงแก้วกระทบกัน และเสียงดนตรีแจ๊สเบา ๆ ลอยมาตามสายลม อากาศเย็นของลอนดอนแตะผิว ผมซุกมือไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ต มองไปรอบ ๆ อย่างแนบเนียน
ผมก้าวเดินช้า ๆ ไปตามทางเท้า ก่อนจะหยุดอยู่หน้าบาร์หรูที่ถูกระบุไว้ในแผ่นกระดาษ "THE IVORY ROOM" บาร์ลับที่ขึ้นชื่อเรื่องลูกค้าระดับสูง ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าได้ และแน่นอนว่าผมไม่มีสิทธิ์เข้าไปในฐานะ "ตัวเอง"
แต่ผมเตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว
ผมเดินเลียบไปตามแนวอาคาร กระจกหน้าร้านสะท้อนภาพตัวเองในชุดสูทสีเข้มที่เข้ากับบรรยากาศของค่ำคืนนี้ ทุกอย่างดูเรียบหรู พอดี ไม่เด่นเกินไป และไม่จืดชืดเกินไปที่จะถูกมองข้าม นาฬิกาข้อมือแบรนด์ดัง กระดุมข้อมือทองคำขาว รองเท้าแต่งหนังเงาวาว ทุกจุดถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
การแฝงตัวเข้าที่แบบนี้ สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การพกอาวุธ แต่คือการเลือกใช้ "ตัวตน" ให้เหมาะสม
ผมก้าวช้า ๆ ไปทางมุมมืดของตรอกด้านข้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดข้อความที่ได้รับก่อนหน้านี้
📩 : "รหัสสำหรับคืนนี้: Lucien Moreau"
Lucien Moreau... ผมทวนชื่อนั้นในหัว มือข้างหนึ่งยกขึ้นจัดปกเสื้อโค้ตให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบการ์ดเชิญสีดำออกมาจากซองในกระเป๋าเสื้อ
THE IVORY ROOM – Exclusive Guest Invitation
มันเป็นการ์ดที่มีแค่แขกพิเศษเท่านั้นถึงจะมีได้ และแน่นอนว่าของผมเป็นของปลอม
แต่เป็นของปลอมที่ ไม่มีใครจับได้
บัตรประชาชนฝรั่งเศสที่ใช้ชื่อเดียวกับรหัสที่ได้รับ ลายนิ้วมือที่ทำขึ้นใหม่แทนของเดิม ข้อมูลชีวประวัติที่ผ่านการปลอมแปลงมาอย่างละเอียด แม้แต่ลายเซ็นก็ถูกฝึกซ้อมจนเขียนได้เหมือนเป๊ะทุกตัวอักษร
ผมหยิบกล่องบุหรี่สีดำด้านจากกระเป๋าเสื้อโค้ต เปิดฝาพร้อมกับหยิบมวนบุหรี่ปลอมออกมาคาบไว้ ใช่ ‘ปลอม’ ไม่ใช่แค่พร็อพ แต่มันถูกดัดแปลงให้เป็นเครื่องดักฟังที่ซ่อนอยู่ในไส้ของมัน
การปลอมตัวระดับนี้ไม่ใช่แค่การแต่งชุดให้ดูดี แต่มันคือการแทรกซึมเข้าไปในโลกของพวกเขาให้แนบเนียนที่สุด
ผมหายใจเข้าลึก สูดอากาศเย็นจัดเข้าเต็มปอด ก่อนจะดีดบุหรี่ออกจากกล่อง เหลือบมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกบานใหญ่หน้า THE IVORY ROOM อีกครั้ง
ผมปรับสีหน้าให้ดูผ่อนคลาย หย่อนการ์ดเชิญลงในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูท ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า มุ่งตรงไปยังประตูทางเข้า บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนขนาบอยู่หน้าประตูมองมาทางผม พวกเขาสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกมา
“Invitation, sir?” (มีบัตรเชิญไหมครับ?)
ผมหยิบการ์ดเชิญออกมา ยื่นให้โดยไม่แสดงพิรุธ ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นกระดาษเนื้อดีอย่างมั่นใจ
ชายร่างใหญ่หยิบการ์ดไปตรวจดู ก่อนจะเลื่อนสายตามองผมแวบหนึ่ง
3 วินาที นั่นคือเวลาที่พวกเขาต้องใช้เพื่อประเมินว่าผมเป็นใคร และผมทำให้พวกเขาเชื่อได้โดยไม่ต้องพูดอะไร
บอดี้การ์ดพยักหน้า ก่อนจะขยับตัวเปิดทางให้
“Bienvenue, Monsieur Moreau.” (ยินดีต้อนรับ คุณโมโร)
ผมคลี่ยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ดูเป็นมิตรเกินไป และไม่เย็นชาเกินไป ให้พอดีกับภาพลักษณ์ของ นักธุรกิจที่มากด้วยเสน่ห์และเงินตรา
“Merci.” (ขอบคุณ)
ผมเดินผ่านประตูเข้าไป เสียงดนตรีแจ๊สเบา ๆ ดังคลออยู่ภายใน บรรยากาศของ THE IVORY ROOM ตัดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
อุณหภูมิด้านในอุ่นกว่าอากาศเย็นด้านนอกแต่ก็ยังเย็นพอให้รู้สึกผ่อนคลาย เสียงเครื่องแก้วกระทบกันแผ่วเบาผสานกับเสียงดนตรีแจ๊สที่ลอยคลอไปทั่วห้อง บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าชั้นดีและซิการ์ราคาแพง ทุกอย่างในที่แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแขกพิเศษเท่านั้น คนที่มีอำนาจพอจะอยู่ตรงนี้ได้
ผมปรับสีหน้าให้เรียบเฉย ก้าวเดินไปยังบาร์ไม้โอ๊คที่อยู่ด้านในสุดของห้อง ดวงตาสอดส่องไปรอบ ๆ อย่างแนบเนียน ผมจดจำหน้าตาของแต่ละคนในนี้โดยอัตโนมัติ แยกแยะว่าใครเป็นเจ้าถิ่น ใครเป็นแขกจากต่างแดน และใครอาจเป็นปัญหา
บาร์เทนเดอร์ในชุดสูทดำก้มศีรษะให้เล็กน้อยเมื่อผมนั่งลงที่เคาน์เตอร์
"Bonsoir, monsieur. คุณต้องการอะไรดีครับ?"
ผมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"Macallan 25 ปี โรยน้ำแข็งบาง ๆ"
"แน่นอนครับ"
เขาพยักหน้า หันไปจัดเตรียมเครื่องดื่ม ส่วนผมละสายตาจากบาร์ มองไปยังมุมห้องที่มีโต๊ะ VIP จัดเรียงอยู่ ม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มกั้นพื้นที่ส่วนตัวเอาไว้ แขกที่อยู่ในนั้นต่างก็เป็นบุคคลระดับสูงที่ไม่ต้องการให้ใครเข้าไปยุ่ง
บาร์เทนเดอร์วางแก้ววิสกี้ตรงหน้าผม ผมหยิบมันขึ้นมา หมุนของเหลวสีทองอำพันในแก้วเบา ๆ เสียงกระทบกันของน้ำแข็งและของเหลวในแก้วดังกังวานแผ่วเบา ผมยกมันขึ้นแตะริมฝีปาก จิบอย่างใจเย็น ปล่อยให้รสขมของวิสกี้ไหลลงคออย่างเชื่องช้า ประสาทสัมผัสค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นตามกลไกของมัน ผมยังคงวางตัวเป็นเพียงแขกคนหนึ่งที่มาดื่มตามปกติ แต่นัยน์ตากลับจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของคนในบาร์
รอบตัวมีเสียงพูดคุยของนักธุรกิจระดับสูง กลุ่มมาเฟียที่นั่งรวมกันกระซิบกระซาบราวกับกำลังตกลงอะไรบางอย่าง หรือแม้แต่พวกนักการเมืองที่มีอำนาจในเงามืด ทุกคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ข้อมูลทุกอย่างไหลเวียนในบาร์แห่งนี้โดยที่คนธรรมดาไม่มีทางล่วงรู้
และนั่นทำให้ผมแทบไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้ จนกระทั่งเสียงกระทบกันของน้ำแข็งในแก้วดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เกิดจากตัวผมเอง
"ขอโทษครับ!"
น้ำสีอำพันในแก้วสาดกระเซ็นออกจากขอบ เสื้อโค้ตสีเข้มของผมเปียกเป็นวงกว้างจากเหล้าที่หกใส่ ผมหรี่ตาลง มองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาดูอ่อนกว่าแขกคนอื่นในบาร์ ผมสีดำสนิทเข้ากับดวงตาเรียวเฉี่ยวที่แฝงแววขี้เล่น
เขาก้มศีรษะขอโทษอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นคล่องแคล่ว “すみません! (ขอโทษครับ!) ”
ผมถอนหายใจ ยกมือขึ้นปัดหยดเครื่องดื่มบนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ ความสนใจของผมไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เป้าหมายที่ผมต้องจับตาดู ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
“ไม่เป็นไร”
ผมวางแก้วลง ลุกออกจากบาร์ ก่อนจะดันประตูห้องน้ำเข้าไปเพื่อล้างคราบเหล้าออกจากเสื้อ เปิดก็อกน้ำปล่อยให้ของเหลวเย็นไหลออกมา หยิบกระดาษทิชชู่มาซับรอยเปื้อน โชคดีที่เป็นผ้าสีเข้ม คงไม่มีใครสังเกตเห็นได้ง่าย
เสียงประตูถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง ผมเหลือบมองผ่านกระจกเงา เห็นภาพสะท้อนของเด็กหนุ่มคนเดิมที่เดินตามมาหยุดอยู่ข้างหลัง
เขากระพริบตา ใบหน้ายังคงระบายรอยยิ้มจาง ๆ แต่ดวงตากลับเป็นประกาย คล้ายกับเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจ
"อ่า... แต่เสื้อนายเปียกหมดเลยนี่นา ให้ฉันชดใช้ยังไงดี?"
“ไม่จำเป็น” ผมตอบเสียงเรียบ
เขาหัวเราะเบา ๆ ขณะที่พิงตัวกับเคาน์เตอร์ล้างมือ ยกแขนขึ้นไขว้กัน "แต่ไหน ๆ ก็ชนกันแล้ว ขอถือโอกาสทำความรู้จักเลยละกัน"
“ไม่ได้อยากรู้จัก” ผมพูดห้วน ๆ
เขาหัวเราะในลำคอ คล้ายกับไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางเย็นชาของผมเลยแม้แต่นิด "โห ใจร้ายจัง"
ผมเงียบ ปล่อยให้เขาพูดไปตามใจชอบ ขณะที่ตัวเองยังคงตั้งใจลบคราบเหล้าบนเสื้อ โชคดีที่สีเข้มช่วยอำพรางรอยเปื้อนเอาไว้ได้ระดับหนึ่ง
"ฉันชื่อเรน นายล่ะ?"
ผมหยุดมือไปชั่วครู่ ก่อนจะเหลือบมองเขาผ่านกระจก ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสนใจ คล้ายกับนักล่าที่จับจ้องเหยื่อ แต่กลับดูสนุกมากกว่าจริงจัง
แต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ของเรนก็ดังขึ้น เขม่นมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ
เสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที ไม่มีเค้าโครงของเด็กหนุ่มขี้เล่นเมื่อครู่
"ああ、今すぐ片付けろ。 (Aa, ima sugu katadzukero.) "
(อืม... จัดการซะตอนนี้เลย)
"五分だ。遅れたら、お前の指がなくなるぞ。 (Gobun da. Okuretara, omae no yubi ga nakunaru zo.) "
(ห้านาที ถ้าช้ากว่านี้ นิ้วแกอาจจะหายไป)
เขาวางสาย เสียงปิดโทรศัพท์แผ่วเบาในห้องน้ำเงียบสงัด รอยยิ้มกลับมาปรากฏบนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เอาล่ะ..." เรนหันกลับมามองผม รอยยิ้มกลับมาเป็นขี้เล่นเหมือนเดิม "เมื่อกี้เราคุยถึงไหนแล้วนะ?"
ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่เช็คความเรียบร้อยของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องน้ำ แต่กลับถูกขวางไว้เสียก่อน
เรนยกแขนขึ้นพาดกั้นระหว่างผมกับทางออก ทำให้ผมต้องชะงัก รู้สึกได้ว่าเขาตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย เส้นเลือดจาง ๆ บนแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อสูทเผยให้เห็นรอยสักสีหมึกลวดลายซับซ้อน ตัดกับผิวขาวสะอาดสะอ้าน
"อย่างน้อยก็บอกชื่อสักนิดก็ยังดี"
น้ำเสียงของเขาฟังดูผ่อนคลายเหมือนไม่ได้จริงจังนัก แต่สายตานั้นกลับจับจ้องมาไม่วาง คล้ายกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่าง
"ฉันว่าเราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันนะ" ผมตอบเสียงเรียบ ดวงตาประสานกับเขาชั่วครู่ ก่อนจะเบนไปทางอื่น
เรนกระตุกยิ้มมุมปากนิด ๆ ราวกับพอใจที่ผมตอบกลับ
"งั้นเหรอ" เขาลากเสียงต่ำ ก่อนจะลดมือลง ไม่ขวางผมไว้อีกต่อไป
"ก็ได้... ครั้งนี้จะยอมปล่อยไปก่อน"
----------------------------------------------------
เรื่องเล่าละครหลังข่าว
📲 GROUP CHAT: ‘3 Idiots & Trouble’
👑 เรน:
กิ๊งก่อง~ มีใครอยู่ไหม?
🐍 เสี่ยวไป๋:
มีอะไร? ว่าจะนอนแล้ว
👻 แคสเปอร์:
ฉันกำลังดื่มไวน์อยู่ ถ้านายจะชวนคุยเรื่องธุรกิจ เอาไว้พรุ่งนี้
👑 เรน:
ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ
🐍 เสี่ยวไป๋:
งั้นก็เป็นเรื่องไร้สาระตามเคย
👻 แคสเปอร์:
แล้วเรื่องไร้สาระของนายวันนี้คืออะไร?
👑 เรน:
ฉันหงุดหงิด
🐍 เสี่ยวไป๋:
ทำไม?
👻 แคสเปอร์:
ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ?
👑 เรน:
ไม่ใช่เรื่องนั้น!
👑 เรน:
ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
???
👻 แคสเปอร์:
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?
👑 เรน:
ฉันอยากได้เขา!
🐍 เสี่ยวไป๋:
…
👻 แคสเปอร์:
เดี๋ยว… อะไรนะ?
👑 เรน:
ก็คนที่ฉันเจอวันนี้! ฉันอยากได้เขา!
🐍 เสี่ยวไป๋:
คำว่า ‘อยากได้’ นี่หมายถึงแบบไหน?
👻 แคสเปอร์:
ใช่ นายหมายถึงอยากฆ่าหรืออยากขึ้นเตียง?
👑 เรน:
ฉันก็ไม่รู้!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
เฮ้อ… นี่ฉันต้องมานั่งฟังนายบ่นเป็นเด็กขาดขนมก่อนนอนจริง ๆ ใช่ไหม?
👻 แคสเปอร์:
แล้วสรุปคือนายมีปัญหาอะไร?
👑 เรน:
ฉันไม่รู้จะเข้าหาเขายังไง!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
แล้วนายเคยต้องเข้าหาใครก่อนเหรอ?
👻 แคสเปอร์:
ถูกต้อง ปกติสาว ๆ ก็วิ่งเข้าหานายเองไม่ใช่หรือไง?
👑 เรน:
ใช่ไง! ปกติฉันไม่ต้องทำอะไรเลย! แต่คนนี้ไม่เหมือนใคร! เขาเย็นชา! เขาไม่สนใจฉัน!
🐍 เสี่ยวไป๋:
หึหึ... ทีนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงหงุดหงิด
👻 แคสเปอร์:
โอ้โห น่าสนใจจริง ๆ
👑 เรน:
พวกนายช่วยฉันหน่อยสิ!
🐍 เสี่ยวไป๋:
ให้ช่วยอะไร?
👑 เรน:
ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหน! ฉันไม่รู้จะจีบเขายังไง! ฉันขู่เขาได้ไหม?
👻 แคสเปอร์:
นายคิดว่าการขู่เขาจะทำให้เขาสนใจนายในทางที่ดีเหรอ?
👑 เรน:
ฉันไม่ถนัดใช้สมอง! ฉันถนัดใช้กำลัง!!!
🐍 เสี่ยวไป๋:
แล้วจะไปใช้กำลังกับเขาหรือไง?
👑 เรน:
ไม่ได้เหรอ?
👻 แคสเปอร์:
ไม่!
🐍 เสี่ยวไป๋:
นายมันน่าปวดหัวจริง ๆ
👻 แคสเปอร์:
เรน นายต้องใช้วิธีที่ ‘ปกติ’ หน่อยสิ
👑 เรน:
ฉันจีบใครเป็นที่ไหนล่ะ
👻 แคสเปอร์:
งั้นก็เปย์หนัก ๆ สิ 💸
🐍 เสี่ยวไป๋:
หรือไม่ก็แบบของฉัน ตรงไปตรงมาเลย บอกไปเลยว่า ‘ฉันชอบนาย’
👑 เรน:
ไม่เอา! ฉันไม่อยากดูสิ้นท่าแบบนั้น!
👻 แคสเปอร์:
แล้วตกลงนายอยากได้วิธีไหนกันแน่?
👑 เรน:
ฉันอยากได้วิธีที่ทำให้เขาสนใจฉัน แต่ไม่ให้ฉันต้องพยายามมาก!
🐍 เสี่ยวไป๋:
นายมันน่าตีจริง ๆ
👻 แคสเปอร์:
ฉันว่ามันน่าสนใจนะ ดูจากอาการของนายแล้ว คงติดใจเขามากพอสมควร
🐍 เสี่ยวไป๋:
และฉันพนันได้เลยว่าสุดท้ายแล้ว นายจะเป็นฝ่ายที่ต้องวิ่งไล่เขาเอง
👑 เรน:
ไม่มีทาง!
👻 แคสเปอร์:
เราจะรอดู
🐍 เสี่ยวไป๋:
ใช่ ฉันพนันเลยว่าอีกไม่นาน นายจะมาบ่นอีกแน่ ๆ
👑 เรน:
ฉันจะบล็อกพวกนายดีไหม?
👻 แคสเปอร์:
ไม่ต้องทำตัวดราม่าไปเลย
🐍 เสี่ยวไป๋:
ฝันดีนะเรนน้อย~
👑 เรน:
หงุดหงิด!
********************************
เจอเด็กงอแง 1 อัตรา 5555
เจ้าเรนอยากได้อะไรต้องได้
แต่หารู้ไม่ว่า ดันไปชอบคนเดียวกับเจ้าสองคนนั่น
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
แอบสงสารเจบี ที่ดึงดูดที่คนแปลกๆ
สนุกมากครับ ขอบใจจ้า ชอบมากจ้า อ่านเพลินเลย ดีๆๆรอตอนต่อคับ งานนี้ โดนรุมจีบแน่นอน สนุกมากครับ กับการโดนรุม ข อ บ คุ ณ ค รั บ
หน้า:
[1]