ครองแครงน้ำกะทิ
เตรียมของสำหรับ 4-5 ถ้วยตัวครองแครง
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวจ้าว 1/3 ถ้วยตวง
น้ำร้อนจัด 3/4 ถ้วยตวง
น้ำกะทิครองแครง
มะพร้าวขูด 300 กรัม (คั้นให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวงและหางกะทิ 2 ถ้วยตวง)
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง และอีก 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ใบเตย 3 ใบ
งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนการทำ
1.นำแป้ง 2 ชนิด ใส่รวมกันในชามผสมใช้ช้อนคนพอเข้ากันถ้าเป็นแป้งเก่าที่เปิดถุงนานแล้วร่อนสักหนึ่งครั้งเพื่อป้องกันตัวแมลงค่ะ
2.นำน้ำสะอาดใส่หม้อให้เกิน 3/4 ถ้วยมาเล็กน้อยเปิดไฟให้แรงรอให้น้ำเดือดจัด ๆ
3.เมื่อน้ำเดือดแล้วเทใส่ถ้วยตวงให้ได้ 3/4 ถ้วยตวงรีบเทน้ำร้อนลงในชามแป้งที่เตรียมไว้
4.ใช้ช้อนหรืออุปกรณ์คนให้แป้งเข้ากันอย่างรวดเร็วแป้งจะรวมตัวกันแต่ยังไม่เข้ากันดี
5.ทิ้งเวลาไว้สักพักพอให้แป้งอุ่น ๆบางคนมือบางถ้านวดแป้งเลยมืออาจจะพองได้ค่ะเมื่อแป้งพออุ่น ๆ เอามือแตะแป้งมันสำปะหลังเล็กน้อยพอเป็นนวลไม่ให้มือติดแป้งที่จะนวดใช้มือนวดให้แป้งรวมตัวกันดี
6.อย่าลืมเตรียมพิมพ์สำหรับกดตัวครองแครงไว้ถ้าไม่มีใช้หวีที่สะอาดตาห่าง ๆหรือส้อมก็ได้ค่ะทานวลที่พิมพ์และมือบาง ๆ
7.หยิบก้อนแป้งมาครั้งละน้อยกะว่าให้พอปั้นได้เท่ากับปลายนิ้วก้อย
8.คลึงแป้งพอเป็นก้อนกลมอาจจะไม่ดิกเสียทีเดียวแล้วนำแป้งวางลงบนพิมพ์ครองแครงใช้นิ้วมือกดแป้งให้เกิดลายครองแครงแล้วดันตัวครองแครงไปข้างหน้าให้หลุดจากพิมพ์
9.ทำต่อจนหมดแป้งระหว่างการทำให้เอามือแตะแป้งนวลและทานวลที่พิมพ์ครองแครงเป็นระยะ
10.พักตัวครองแครงที่กดไว้ก่อนถ้าทำปริมาณมากและใช้เวลาในการกดครองแครงนานหาผ้าขาวบางคลุมแป้งไว้หรือใส่กล่องมีฝาปิดเพื่อกันแป้งถูกลมและแห้ง
11.สำหรับงาขาวนำใส่กระชอนที่มีรูขนาดเล็กเพื่อกันงาขาวไหลออกจากกระชอนล้างน้ำผ่าน ๆ หนึ่งครั้ง
12.เทงาขาวลงในภาชนะที่จะใช้คั่วไม่จำเป็นต้องเป็นกระทะใช้หม้อใบเล็ก ๆ แทนได้ค่ะไม่ต้องใส่น้ำมันอะไรลงไปทั้งสิ้นงาขาวมีน้ำมันอยู่ในตัวไม่ติดภาชนะค่ะ
13.นำหม้อที่ใส่งาขาวขึ้นตั้งเงาเปิดไฟอ่อน ๆคั่วงาขาวให้เหลืองและหอมห้ามไหม้ใช้วิธีเขย่าหม้อหรือคนเป็นระยะตามสะดวก
14.เมื่อคั่วงาได้เหลืองสวยแล้วให้รีบเทใส่ภาชนะไม่คาไว้ในภาชนะเพราะอาจไหม้ได้
15.นำมะพร้าวขูดใส่ชามผสมอย่าลืมเตรียมน้ำอุ่นขนาดมือทนได้ไว้สำหรับคั้นกะทิใช้น้ำประมาณ 3 ถ้วยควรแบ่งน้ำ 3 ถ้วยออกเป็น 2 ส่วนเพื่อคั้นกะทิเป็น 2 ครั้งการคั้น 2 ครั้งจะทำให้ได้มันของมะพร้าวดีกว่าการคั้นเพียงครั้งเดียวเมื่อคั้นได้น้ำกะทิแล้วให้ตั้งทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ส่วนมันของกะทิลอยอยู่ด้านบน
16.ช้อนส่วนบน ๆ ของกะทิให้ได้ 1/2 ถ้วยเรียกส่วนนี้ว่า “หัวกะทิ”
17.และช้อนหรือเทส่วนที่เหลือที่มันน้อยกว่าให้ได้ 2 ถ้วยเรียกส่วนนี้ว่า “กะทิ” หรือ “หางกะทิ”ส่วนท้าย ๆ ของกะทิอาจมีฝุ่นผงของการสีมะพร้าวปะปนมาเป็นกาก ๆ สีน้ำตาลไม่ควรเทลงมาด้วยให้ทิ้งไปเพราะอาจทำให้น้ำของขนมสีไม่สวยค่ะ
18.นำกะทิ 2 ถ้วยใส่หม้อใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปคนด้วยทัพพีพอเข้ากัน
19.ใส่ใบเตยทำความสะอาดแล้วที่ตัดท่อนสั้นหรือขมวดปมลงไปในหม้อกะทิ
20.นำหม้อขึ้นตั้งไฟกลางมาทางอ่อนอย่าแรงมากเกินไปกะทิจะแตกมันมากเกินไป
21.คนด้วยทัพพีเป็นระยะเพื่อให้น้ำตาลทรายและเกลือละลายให้หมดลองชิมรสชาติตอนนี้อาจจะรู้สึกว่าหวานไปนิดแต่…เรายังมีกันและกันเอ๊ยย ผิดค่ะแต่เรายังมีส่วนหัวกะทิที่ต้องใส่อีกอย่าเพิ่งกังวล
22.ให้กะทิเดือดมีฟองรอบขอบหม้อปิดเตาแล้วกรองด้วยกระชอนตาถี่หนึ่งครั้งเพื่อเอาเศษสกปรกของน้ำตาลออกไปแล้วเทน้ำกะทิกลับลงหม้อใบเดิมพักไว้
23.เตรียมหม้อน้ำสำหรับต้มตัวครองแครงเปิดเตารอให้น้ำเดือดจัด
24.เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วลดไฟลงเหลือไฟกลางมาทางอ่อนนำครองแครงที่ปั้นไว้ลงไปลวกแบ่งลวก 2 ครั้งได้ค่ะหรือถ้าทำปริมาณมาก ๆ ก็ทะยอยลวก
25.อย่าลืมเตรียมน้ำสะอาดไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งไว้หนึ่งกะละมังเพื่อช้อนตัวครองแครงที่ลวกแล้วมาใส่
26.เมื่อครองแครงสุกจะลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำทิ้งเวลาไว้สักพักจึงใช้กระชอนช้อนขึ้นไปใส่ในกะละมังน้ำที่เตรียมไว้
27.พักครองแครงไว้ในน้ำเย็นสักครู่จึงกรองเอาแต่ตัวครองแครงใส่กระชอนไว้ให้สะเด็ดน้ำ
28.นำหม้อกะทิที่เตรียมไว้ขึ้นตั้งไฟอีกครั้งให้เดือดมีฟองรอบขอบหม้อ
29.เทตัวครองแครงที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไปอาจจะเขย่าก่อนใส่ลงหม้อช่วยด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำผสมลงไปในหม้อกะทิถ้าครองแครงไม่สะเด็ดน้ำดีอาจทำให้ความหวานมันของน้ำกะทิลดลงเดี๋ยวไม่อร่อยค่ะ
30.ใช้ทัพพีคนพอทั่วเร่งไฟขึ้นเล็กน้อยและรอให้น้ำกะทิเดือดอีกครั้งชิมรสชาติอีกครั้งถ้าหวานไม่พอรีบใส่น้ำตาลทรายเพิ่มลงไปในตอนนี้เทหัวกะทิที่แบ่งไว้ลงไปให้เดือดแค่เล็กน้อยอย่าให้กะทิแตกมันมากจึงปิดเตา
31.ทิ้งเวลาไว้สักพักให้กะทิเข้ากันดีจึงตักใส่ถ้วยก่อนเสิร์ฟอย่าลืมโรยงาขาวคั่วหอม ๆ นะคะ
ขอบคุนมากกคับ
หน้า:
[1]