งานบุญเดือนสิบ
งานบุญเดือนสิบงานบุญเดือนสิบ เป็นงานบุญงานประเพณีที่สืบสานกันมาแต่โบราณกาล มีขึ้นระหว่างวันแรม 1 ค่ำ ถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า งานบุญเดือนสิบเป็นงานประเพณีที่ชาวพุทธได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ ในประเทศอินเดีย เมื่อพุทธศาสนาเผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยทางภาคใต้ และมีศูนย์กลางแหล่งอารยะธรรมที่เมืองนครศรีธรรมราช ชาวเมืองนครศรีฯ จึงรับเอาวัฒนะธรรมประเพณีทำบุญเดือนสิบไว้ แล้วแผ่กระจายไปยังจังหวัดอื่น ทั้งในภาคใต้และภาคอื่นๆ ของประเทศ
จากการศึกษาพบว่า งานบุญเดือนสิบสืบเนื่องมาจากความเชื่อพุทธศาสนาว่า ในปลายเดือนสิบของทุกปี พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และ ญาติพี่น้อง ซึ่งล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีปาบต้องตกระกำลำบากเป็น "เปรต" จะได้รับการปล่อยตัวจากนรกภูมิให้มาหาลูกหลานญาติมิตรของตนในเมืองมนุษย์ จึงจัดงานทำบุญเป็นประเพณีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ ครั้งหนึ่งเป็นการต้อนรับ กับจัดในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเลี้ยงส่ง และอุทิศบุญกุศลไปให้ การจัดงานบุญทั้งสองวันนี้ชาวบ้านจะให้ความสำคัญกับวันหลังมากกว่า
ชาวปักษ์ใต้ให้ความสำคัญกับงานบุญเดือนสิบมาก ผู้เฒ่าผู้แก่จะอบรมสั่งสอน และ ทำตัวอย่างให้ลูกหลานเห็นเป็นที่ประจักษ์มาตั้งแต่ๆ โดยเฉพาะคุณตา คุณยาย พ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ในวันทำบุญจะชวนลูกหลานไปทำบุญหรือไปชิงเปรตที่วัด เมื่อใกล้ถึงวันทำบุญทุกครอบครัวจะตระเตรียมข้าวของ อุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม ผู้ที่อยู่ต่างถิ่นกำเนิดจะเริ่มทยอยเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเดิมปักษ์ใต้ บ้านเรา เพื่อไปร่วมพิธีทำบุญพร้อมหน้าพร้อมตากัน นับเป็นงานรวมญาติที่สำคัญงานหนึ่ง
ประเพณีทำบุญเดือนสิบ มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปหลายชื่อตามวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ตามความเชื่อและตามลักษณะของการจัดงาน เช่น
1.เรียกตามชื่อ เดือนที่จัดงาน เรียกว่า "ประเพณีทำบุญเดือน สิบ"
2.เรียกชื่อตามประเพณี "สารท" ของอินเดียที่เรารับเอาวัฒนะธรรมนี้มา คำว่า "สารท" เป็นภาษาบาลีในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายว่า "เกี่ยวกับหรือเกิดในฤดูใบไม้ร่วง, เทศกาลทำบุญสิ้นเดือนสิบ" ในอินเดีย คำว่า "สารท" หมายถึง ฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูกาลที่พืชพันธุ์ธัญญาหารกำลังผลิดอกออกผล ชาวอินเดียจะเก็บเกี่ยวไปทำขนมเซ่นพลีบูชาผีปู่ย่าตายาย และเทพเจ้าที่ตนนับถือ เพื่อตอบแทนพระคุณที่บรรดาลให้มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร บางแห่งบางท้องถิ่นเรียกงานนี้ว่า "ประเพณีทำบุญวันสารท" หรือ "ประเพณีทำบุญสารทเดือนสิบ"
3.เรียกตามชื่อตามขั้นตอนและลักษณะ สำคัญของงานประเพณี เช่น "ประเพณียกหมรับ" หรือ "ประเพณีชิงเปรต"
4.เรียก ชื่อตามความมุ่งหมายหลักของประเพณี เพราะประเพณีการทำบุญนี้มีความมุ่งหมายหลักอยู่ที่ การทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ ปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว บางท้องถิ่นจึงเรียกประเพณีนี้ว่า "ประเพณีทำบุญตายาย" หรือ "ประเพณีรับส่งตายาย"
ขั้นตอนพิธีกรรม งานบุญเดือนสิบ
ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ ชาวบ้านไม่ถือเป็นวันสำคัญนัก มีการประกอบพิธีแบบง่ายๆ เพียงจัดอาหารหวานคาวไปทำบุญถวายพระภิกษุสงฆ์ตามวัดวาอาราม เพื่อต้อนรับการกลับมาของตายาย บางที่ชาวบ้านเรียกว่า "วันรับตายาย" จัดหมรับ หรือ สำรับอาหารตามสมควรไม่จัดใหญ่โต ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชบางท้องถิ่นเรียกว่า "วัหมรับเล็ก" แต่ในวันแรม 15 ค่ำซึ่งเป็นวันสำคัญ (วันแรม 13 ค่ำ แรม 14 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ) ชาวบ้านจะจัดหมรับ หรือสำรับอย่างใหญ่ เรียกว่า "วันหมรับใหญ่" มีขั้นตอนในการประกอบพิธีกรรม ดังนี้
1.วันเตรียมการหรือวัน จ่าย อยู่ในช่วงระยะเวลาก่อนวันแรม 1 ค่ำ ประมาณ 15-20 วัน เป็นการเตรียมการจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหาร ขนม สิ่งของเครื่องใช้สำหรับการทำบุญ
2.การจัดหมรับ ส่วนใหญ่จะจัดกันในวันแรม 14 ค่ำ เดือนสิบ ภาชนะที่ใช้จัดหมรับนิยมใช้กระบุงทรงเตี้ย สานด้วยตอกไม้ไผ่ ในหมรับจะประกอบด้วยข้าวสาร ปลาเค็ม ผัก ผลไม้ กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล หมากพลู น้ำมันก็าด ยาสามัญประจำบ้าน ธูปเทียน เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจัดใส่หมรับ คือ ขนม 5 อย่าง ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของงานเดือนสิบ คือ
ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทนแพสำหรับใช้ล่องข้ามห้วงมหรรณพ ตามคติพุทธศาสนา
ขนมลา แทนเครื่องนุ่งห่มแพรพรรณ
ขนมกงหรือขนมไข่ปลา แทนเครื่องประดับ
ขนมดีซำ แทนเงิน/เบี้ยสำหรับใช้จ่าย
ขนมบ้า แทนลูกสะบ้าสำหรับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วใช้เล่นสนุกสนาน ในวันสงกรานต์หรือวันว่าง
3.การยกหมรับหรือการถวาย ภัตตาหาร เมื่อจัดหมรับหรือสำรับข้าวปลาอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ เสร็จแล้ว จะมีการยกหมรับไปวัดและถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ในวันแรม 15 ค่ำ บางแห่งบางท้องถิ่นจัดงานเฉพาะการแห่หมรับเป็นงานใหญ่มีขบวนแห่ แต่งเป็นขบวนเปรตในรูปลักษณ์ต่างกันคล้ายขบวนผีเปรตในงานฮาโลวีนของชาว คริสต์เป็นที่เอิกเกริกสนุกสนานกัน ก่อนจะยกหมรับไปวัดมีงานทำบุญฉลองหมรับ ทางใต้เรียกว่า "งานหลองหมรับ"
4.การตั้งเปรต เมื่อมีการยกหมรับถวายภัตตาหารทำบุญเลี้ยงพระ และบังสุกุลเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่บุรพชนแล้ว จะมี "พิธีการตั้งเปรต" แต่เดิมจะกระทำโดยการนำเอาอาหารอีกส่วนหนึ่งไปวางไว้ตามที่ต่างๆ ซึ่งคาดว่าเปรตจะเดินผ่าน เช่น ตรงทางเข้าวัดบ้าง ริมกำแพงวัดบ้าง ตามโคนต้นไม้ทั้งในวัดและนอกวัด ต่อมาในระยะหลังมีการสร้างตั้งร้านสูงพอสมควร เรียกว่า "หลักเปรต" หรือ "ศาลาเปรต" เพื่อนำข้าวปลาอาหารที่ใส่กระทงหรือภาชนะต่างๆ ไว้เซ่นไหว้บุรพชน เข้าใจว่าที่สร้างศาลาเปรตให้สูง คงเพื่อความสะดวกแก่เปรตในการบริโภค เพราะมีความเชื่ออันว่าเปรตมีรูปร่างสูง ไม่ต้องก้มๆ เงยๆ เวลากินอาหารที่ลูกหลานเซ่นไหว้
การจัดอาหารหวานคาวจะจัดอาหาร ที่คาดว่าบุรพชนชอบอย่างละนิดละหน่อย และที่สำคัญขาดไม่ได้ คือ ขนม 5 อย่าง เมื่อตั้งอาหารสำหรับเปรตบนหลาเปรตเสร็จแล้ว จำนำสายสิญจน์ที่พระสงฆ์จัดไว้เพื่อทำพิธีบังสุกุลมาผูกไว้กับหลาเปรต แผ่ส่วนบุญกุศลแก่บุรพชน เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์และเก็บสานสิญจน์แล้ว ผู้คนทั้งหญิงชาย เฒ่าแก่ หนุ่มสาวและเด็กๆ ก็จะกรูกันเข้าแย่งชิงอาหารที่ตั้งไว้นั้น เรียกว่า "ชิงเปรต" การชิงเปรตเป็นเรื่องสนุกสนาน ครื้นเครง เฮฮาของหนุ่มสาวและเด็ก เนื่องจากมีความเชื่อว่าของที่เหลือจากการเซ่นไหว้บุรพชน ถ้าใครได้กินจะได้รับกุศลแรงเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
ราย ละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับงานบุญเดือนสิบยังมีอีกมาก ท่านที่สนใจสามารถศึกษาและดูงานได้จาก "งานทำบุญเดือนสิบ" ที่
-อำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช และ วัดวาอารามในเขต 14 จังหวัดภาคใต้
-กรุงเทพมหานคร ณ บริเวณสมาคมชาวปักษ์ใต้ ฝั่งธนบุรี และ วัดพรหมวงศาราม ห้วยขวาง
-วัดเขมาภิตาราม จังหวัดนนทบุรี
งานประเพณีบุญเดือนสิบ
ณ บริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ๘๔ (ทุ่งท่าลาด)
อำเภอ เมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
วันที่23 กันยายน - 2 ตุลาคม 2551
สืบ สายธารแห่งศรัทธา ที่ถือปฏิบัติมาช้านานของคนคอนในงานประเพณีบุญเดือนสิบอันยิ่งใหญ่
ชมขบ วนแห่หมรับ ในวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2551 จากสนามหน้าเมืองไปยังวัดพระมหาธาตุ
วรมหาวิหาร
เลือกซื้อสินค้าหลาก หลายภายในบรรยากาศตลาดย้อนยุค สนุกกับมหกรรมการแสดงมากมาย ขอเชิญพี่น้องชาวจีโพกาย ทุกคนไปเที่ยวงานบุญเดือนสิบกันนะครับ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ผมอยากจะแนะนำไปเคารพบูชาและขอพรนะครับ
1.วัดพระธาตุวรมหาวิหาร ไหว้ขอพร พระธาตุไร้เงา
2.อนุสาวรีย์พระเจ้าศรีรรมาโศกราช
3.ศาลหลักเมือง
4.วัดนางพระยา ไหว้ขอพรแม่นางยา ท่านศักดิ์
5.วัดสวนขันไหวขอพร พ่อท่านคล้าย วาจาสิทดิ์ และพระอุเชน
ขอบจัยเน้อ...^_^"
ไม่มีทางเจียงใหม่ก่อ อ้าย ขอบคุณมากครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาเสนอนะครับ ที่กำแพงเพชรมีประเพณีสารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง27ก.ย.-6 ต.ค.2554
วันที่27
-เวลา07.30น. มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวต้มลูกโยนที่วัดพระบรมธาตุนครชุมผู้ว่าฯ เป็นประธาน
-และตลอดทั้งวันมีการเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก 13 กัณฑ์ 1,000 พระคาถาที่วัดพระบรมธาตุ
-เวลา17.00น.มีพิธีเปิดงานมีประกวดขบวนแห่รถบุปผชาติด้วย
ตลอดงานมีมหรสพมากมายมีการออกร้านการละเล่นต่าง ๆ
ใครมีโอกาสก็แวะมาเที่ยวนะคร๊าบ ขอบคุณครับผม ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากมายครับ ภาคอิสาน เรียกว่า บุญข้าวสาก ใช่ป่าวครับบอกที
หน้า:
[1]