ภาคสมบัติของผู้ดี
ภาคสมบัติของผู้ดี
ของ เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี สมบัติของผู้ดี ของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
ภาคหนึ่ง – ผู้ดี ย่อมรักษาความเรียบร้อย
กายจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ใช้กิริยาอันข้ามกรายบุคคล
๒)ย่อมไม่อาจเอื้อมในที่ต่ำสูง
๓)ย่อมไม่ล่วงเกินถูกต้องผู้อื่นซึ่งไม่ใช่หยอกกันฐานเพื่อน
๔)ย่อมไม่เสียดสีกระทบกระทั่งกายบุคคล
๕)ย่อมไม่ลุกนั่งเดินเหินให้พรวดพราดโดนผู้คนหรือสิ่งของแตกเสีย
๖)ย่อมไม่ส่งของให้ผู้อื่นด้วยกิริยาอันเสือกไสผลักโยน
๗)ย่อมไม่ผ่านหน้าหรือบังตาผู้อื่น เมื่อเขาดูสิ่งใดอยู่เว้นแต่เป็นที่เฉพาะไป
๘)ย่อมไม่เอิกอึงเมื่อเวลาประชุมสดับตรับฟัง
๙)ย่อมไม่อื้ออึงในเวลาประชุมสดับตรับฟัง
๑๐)ย่อมไม่แสดงกิริยาตึงตัง หรือพูดจาอึกทึกในบ้านแขก
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่สอดสวนวาจาหรือแย่งชิงพูด
๒)ย่อมไม่พูดด้วยเสียงอันดังเหลือเกิน
๓)ย่อมไม่ใช้เสียงตวาด หรือพูดกระโชกกระชาก
๔)ย่อมไม่ใช้วาจาอันหักหาญดึงดัน
๕)ย่อมไม่ใช้ถ้อยคำอันหยาบคาย
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านกำเริบหยิ่งโยโส
๒)ย่อมไม่บันดาลโทสะให้เสียกิริยา
ภาคสอง – ผู้ดี ย่อมไม่ทำอุจาดลามก
กายจริยา คือ
๑)ย่อมใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวอันสะอาด และแต่งโดยเรียบร้อยอยู่เสมอ
๒)ย่อมไม่แต่งตัวในที่แจ้ง
๓)ย่อมไม่จิ้ม ควัก ล้วงแคะแกะเการ่างกายในที่ประชุมชน
๔)ย่อมไม่กระทำการที่ควรจะทำในที่ลับ ในที่แจ้ง
๕)ย่อมไม่หาวเรอให้ปรากฏในที่ประชุมชน
๖)ย่อมไม่จามด้วยเสียงอันดังและโดยไม่ป้องกำบัง
๗)ย่อมไม่บ้วนขากด้วยเสียงอันดัง หรือให้เปรอะเปื้อน ให้เป็นที่รังเกียจ
๘)ย่อมไม่ลุกลนเลอะเทอะมูมมามในการบริโภค
๙)ย่อมไม่ถูกต้อง หรือหยิบยื่น สิ่งที่ผู้อื่นจะบริโภคด้วยมือตน
๑๐)ย่อมไม่ล่วงล้ำ ข้ามหยิบ ของบริโภคผ่านหน้าผู้อื่นซึ่งควรขอโทษและขอให้เขาส่งได้
๑๑)ย่อมไม่ละลาบละล้วงเอาของผู้อื่นมาใช้ในการบริโภค เช่น ถ้วยน้ำ และผ้าเช็ดมือ เป็นต้น
๑๒)ย่อมไม่เอาเครื่องใช้ของตน เช่น ช้อนส้อม ไปล้วงตักสิ่งบริโภคซึ่งเป็นของกลาง
๑๓)ย่อมระวัง ไม่พูดจาตรงหน้าผู้อื่นให้ใกล้ชิดเหลือเกิน
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งโสโครกพึงรังเกียจในท่ามกลางประชุมชน
๒)ย่อมไม่กล่าวถึงสิ่งควรปิดบังในท่ามกลางประชุมชน
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมพึงใจที่จะรักษาความสะอาด
ภาคสาม – ผู้ดี ย่อมมีสัมมาคารวะ
กายจริยา คือ
๑)ย่อมนั่งด้วยกิริยาอันสุภาพเฉพาะหน้าผู้ใหญ่
๒)ย่อมไม่ขึ้นหน้าผ่านผู้ใหญ่
๓)ย่อมไม่หันหลังให้ผู้ใหญ่
๔)ย่อมแหวกที่ หรือให้ที่นั่งอันสมควร แก่ผู้ใหญ่และผู้หญิง
๕)ย่อมไม่ทัดหรือคาบบุหรี่ คาบกล้อง และสูบให้ควันไปรมผู้อื่น
๖)ย่อมเปิดหมวกเมื่อเข้าชายคาบ้านผู้อื่น
๗)ย่อมเปิดหมวกในที่เคารพ เช่น โบสถ์ วิหาร ไม่ว่าแห่งศาสนาใด
๘)ผู้น้อยย่อมเคารพผู้ใหญ่ก่อน
๙)ผู้ชายย่อมเคารพผู้หญิงก่อน
๑๐)ผู้ลาย่อมเป็นผู้เคารพก่อน
๑๑)ผู้เห็นก่อนโดยมากย่อมเคารพก่อน
๑๒)แม้ผู้ใดเคารพตนก่อน ย่อมต้องตอบเขาทุกคนไม่เฉยเสีย
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่พูดจาล้อเลียนหลอกลวงผู้ใหญ่
๒)ย่อมไม่กล่าวร้ายถึงญาติมิตรที่รักใคร่นับถือของผู้ฟังแก่ผู้ฟัง
๓)ย่อมไม่กล่าววาจาอันติเตียนสิ่งเคารพหรือที่เคารพของผู้อื่นแก่ตัวเขา
๔)เมื่อจะขอทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ย่อมต้องขออนุญาตตัวเขาก่อน
๕)เมื่อตนทำพลาดพลั้งสิ่งใด แก่บุคคลผู้ใด ควรออกวาจาขอโทษเสมอ
๖)เมื่อผู้ใดได้แสดงคุณต่อตนอย่างไร ควรออกวาจาขอบคุณเขาเสมอ
ภาคสี่ – ผู้ดี ย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก
กายจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ฝ่าฝืนเวลานิยม คือ ไม่ไปใช้กิริยายืนเมื่อเขานั่งกับพื้นและไม่ไปนั่งกับพื้นเมื่อเขายืนเดินกัน
๒)ย่อมไม่ไปนั่งนานเกินสมควรในบ้านของผู้อื่น
๓)ย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริงเมื่อเขามีทุกข์
๔)ย่อมไม่ทำกิริยาโศกเศร้าเหี่ยวแห้งในที่ประชุมรื่นเริง
๕)เมื่อไปสู่ที่ประชุมการรื่นเริง ย่อมช่วยสนุกชื่นบานให้สมเรื่อง
๖)เมื่อเป็นเพื่อนเที่ยว ย่อมต้องกลมเกลียวและร่วมลำบากร่วมสนุก
๗)เมื่อตนเป็นเจ้าของบ้าน ย่อมต้อนรับและเชื้อเชิญแขกไม่เพิกเฉย
๘)ย่อมไม่ทำกิริยาบึกบืนต่อแขก
๙)ย่อมไม่ให้เขาต้องคอยนาน เมื่อเขามาหา
๑๐)ย่อมไม่จ้องดูนาฬิกาในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่
๑๑)ย่อมไม่ใช้กิริยาอันบุ้ยใบ้หรือกระซิบกระซาบกับผู้ใดในเวลาเมื่อตนอยู่เฉพาะหน้าผู้หนึ่ง
๑๒)ย่อมไม่ใช้กิริยาอันโกรธเคือง หรือดุดันผู้คนบ่าวไพร่ต่อหน้าแขก
๑๓)ย่อมไม่จ้องดูบุคคลโดยเพ่งพิศเหลือเกิน
๑๔)ย่อมต้อนรับแขกเมื่อไปมา ในระยะอันสมควร
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่เที่ยวติเตียนสิ่งของที่เขา ตั้งแต่ง ไว้ในบ้าน ที่ตนไปสู่
๒)ย่อมไม่กล่าวสรรเสริญรูป กาย บุคคล แก่ตัวเขาเอง
๓)ย่อมไม่พูดให้เพื่อนเก้อกระดาก
๔)ย่อมไม่พูดเปรียบเปรยเคาะแคะสตรีกลางประชุม
๕)ย่อมไม่ค่อนแคะติรูปกายบุคคล
๖)ย่อมไม่ทักถึงการร้ายโดยพลุ่งโพล่ง ให้เขาตกใจ
๗)ย่อมไม่ทักถึงสิ่งอันน่าอายน่ากระดากโดยเปิดเผย
๘)ย่อมไม่เอาสิ่งที่น่าอายน่ากระดากมาเล่าให้แขกฟัง
๙)ย่อมไม่เอาเรื่องที่เขาพึงซ่อนเร้นมากล่าวให้อับอายหรือเจ็บใจ
๑๐)ย่อมไม่กล่าวถึงการอัปมงคลในเวลามงคล
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมรู้จักเกรงใจคน
ภาคห้า – ผู้ดี ย่อมเป็นผู้มีสง่า
กายจริยา คือ
๑)ย่อมมีกิริยาอันผึ่งผายองอาจ
๒)จะยืนนั่ง ย่อมอยู่ในลำดับอันสมควร ไม่เป็นผู้แอบหลังคนหรือหลีกเข้ามุม
๓)ย่อมไม่เป็นผู้สะทกสะท้านงกเงิ่นหยุดๆ ยั้งๆ
วจีจริยา คือไม่อุบอิบอ้อมแอ้ม
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมมีความรู้จักงามรู้จักดี
๒)ย่อมมีอัชฌาสัยอันกว้างขวาง เข้าไหนเข้าได้
๓)ย่อมมีอัชฌาสัย เป็นนักเลง ใครจะพูด หรือเล่นอันใดก็เข้าใจและต่อติด
๔)ย่อมมีความเข้าใจว่องไวไหวพริบ รู้เท่าถึงการณ์
๕)ย่อมมีใจอันองอาจกล้าหาญ
ภาคหก – ผู้ดี ย่อมปฏิบัติการงานดี
กายจริยา คือ
๑)ย่อมทำการอยู่ในระเบียบแบบแผน
๒)ย่อมไม่ถ่วงเวลาให้ผู้อื่นคอย
๓)ย่อมไม่ละเลยที่จะตอบจดหมาย
๔)ย่อมไม่ทำการแต่ต่อหน้า
วจีจริยา คือ
๑)พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้
๒)ย่อมไม่รับวาจาคล่องๆ โดยมิได้เห็นว่าจะเป็นไปได้หรือไม่
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมเป็นผู้รักษาความสัตย์ในเวลา
๒)ย่อมไม่เป็นผู้เกียจคร้าน
๓)ย่อมไม่เข้าใจว่า ผู้ดีทำอะไรด้วยตนไม่ได้
๔)ย่อมไม่เพลิดเพลินจนละเลยให้การเสีย
๕)ย่อมเป็นผู้รักษาความเป็นระเบียบ
๖)ย่อมเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชาเมื่ออยู่ในหน้าที่
๗)ย่อมมีมานะในการงานไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
๘)ย่อมเป็นผู้ทำอะไรทำจริง
๙)ย่อมไม่เป็นผู้ดึงดันในที่ผิด
๑๐)ย่อมปรารถนาความดี ต่อการงานที่ทำอยู่เสมอ
ภาคเจ็ด – ผู้ดี ย่อมเป็นผู้ใจดี
กายจริยา คือ
๑)เมื่อเห็นใครทำผิดพลาดอันน่าเก้อกระดาก ย่อมช่วยกลบเกลื่อน หรือทำไม่เห็น
๒)เมื่อเห็นสิ่งของของใครตก หรือจะเสื่อมเสีย ย่อมต้องหยิบยื่นให้ หรือบอกให้รู้ตัว
๓)เมื่อเห็นเหตุร้ายหรืออันตรายจะมีแก่ผู้ใดย่อมต้องรับช่วย
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่เยาะเย้ยถากถางผู้กระทำผิดพลาด
๒)ย่อมไม่ใช้วาจาอันข่มขี่
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมไม่มีใจอันโหด`ตัวเงินตัวทอง`มเกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย
๒)ย่อมเอาใจโอบอ้อมอารีแก่คนอื่น
๓)ย่อมเอาใจช่วยคนเคราะห์ร้าย
๔)ย่อมไม่เป็นผู้ซ้ำเติมคนเสียที
๕)ย่อมไม่เป็นผู้อาฆาตจองเวร
ภาคแปด – ผู้ดี ย่อมไม่เห็นแก่ตัวถ่ายเดียว
กายจริยา คือ
๑)ย่อมไม่พักหาความสบายก่อนผู้ใหญ่ หรือผู้หญิง
๒)ย่อมไม่เสือกสนแย่งชิงที่นั่งหรือที่ดูอันใด
๓)ย่อมไม่เที่ยวแย่งผู้หนึ่ง มาจากผู้หนึ่ง ในเมื่อเขาสนทนากัน
๔)เป็นผู้ใหญ่ จะไปมาลุกนั่ง ย่อมไว้ช่องให้ผู้น้อยมีโอกาสบ้าง
๕)ในการเลี้ยงดู ย่อมแผ่เผื่อ เชื้อเชิญแก่คนข้างเคียงก่อนตน
๖)ในที่บริโภค ย่อมหยิบยื่นส่งสิ่งของแก่ผู้อื่นต่อๆไปไม่มุ่งแต่กระทำกิจส่วนตน
๗)ย่อมไม่รวบสามตะกลามสี่กวาดเอาของที่เขาตั้งไว้เป็นกลาง จนเกินส่วนที่ตนจะได้
๘)ย่อมไม่แสดงความไม่เพียงพอใจในสิ่งของที่เขาหยิบยกให้
๙)ย่อมไม่นิ่งนอนใจให้เขาออกทรัพย์แทนส่วนตนเสมอ เช่นในการเลี้ยงดู หรือใช้ค่าเดินทาง เป็นต้น
๑๐)ย่อมไม่ลืมที่จะส่งของ ซึ่งคนอื่นได้สงเคราะห์ให้ตนยืม
๑๑)การให้สิ่งของหรือเลี้ยงดู ซึ่งเขาได้กระทำแก่ตน ย่อมต้องตอบแทนเขา
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ขอแยกผู้หนึ่งมาจากผู้ใด เพื่อจะพาไปพูดจาความลับกัน
๒)ย่อมไม่สนทนาแต่เรื่องตนถ่ายเดียว จนคนอื่นไม่มีช่องจะสนทนาเรื่องอื่นได้
๓)ย่อมไม่นำธุระตนเข้ากล่าวแทรก ในเวลาธุระอื่นของเขาชุลมุน
๔)ย่อมไม่กล่าววาจาติเตียนของที่เขาหยิบยกให้ว่าไม่ดีหรือไม่พอ
๕)ย่อมไม่ไต่ถามราคาของที่เขาได้หยิบยกให้แก่ตน
๖)ย่อมไม่แสดงราคาของที่จะหยิบยกให้แก่ผู้ใดให้ปรากฏ
๗)ย่อมไม่ใช้วาจาอันโอ้อวดตนและลบหลู่ผุ้อื่น
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมไม่มีใจมักได้ เที่ยวขอของเขาร่ำไป
๒)ย่อมไม่ตั้งใจปรารถนาของรักเพื่อน
๓)ย่อมไม่พึงใจการหยิบยืมข้าวของทองเงินซึ่งกันและกัน
๔)ย่อมไม่หวังแต่จะพึ่งอาศัยผู้อื่น
๕)ย่อมไม่เป็นผู้เกี่ยงงอนทอดเทการงานตนให้ผู้อื่น
๖)ย่อมรู้คุณผู้อื่นที่ได้ทำแล้วแก่ตน
๗)ย่อมไม่มีใจริษยา
ภาคเก้า – ผู้ดี ย่อมรักษาความสุจริตซื่อตรง
กายจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ละลาบละล้วงเข้าห้องเรือนแขก ก่อนเจ้าของบ้านเขาเชิญ
๒)ย่อมไม่แลลอดสอดส่าย โดยเพ่งเล็งเข้าไปตามห้องเรือนแขก
๓)ย่อมไม่เที่ยวฉวยโน่นหยิบนี่ของผู้อื่นดูจนเหลือเกินราวกันว่าจะค้นหาสิ่งใด
๔)ย่อมไม่เที่ยวขอ หรือหยิบฉวยดูจดหมายของผู้อื่นที่เจ้าของไม่มีประสงค์จะให้ดู
๕)ย่อมไม่เที่ยวขอหรือหยิบฉวยดูสมุดพกหรือสมุดจดรายงานบัญชีของผู้อื่นซึ่งตนไม่มีธุระเกี่ยวข้องเป็นหน้าที่
๖)ย่อมไม่เที่ยวนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือของผู้อื่น
๗)ย่อมไม่เที่ยวเปิดดูหนังสือตามโต๊ะเขียนหนังสือของผู้อื่น
๘)ย่อมไม่แทรกเข้าหมู่ผู้อื่นซึ่งเขาไม่ได้เชื้อเชิญ
๙)ย่อมไม่ลอบแอบฟังคนพูด
๑๐)ย่อมไม่ลอบแอบดูการลับ
๑๑)ถ้าเห็นเขาจะพูดความลับกัน ย่อมต้องหลบตาหรือลี้ตัว
๑๒)ถ้าจะเข้าห้องเรือนผู้ใด ย่อมต้องเคาะประตู หรือกล่าววาจาให้เขารู้ตัวก่อน
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ซอกแซกถามธุระส่วนตัว หรือการในบ้านของเขาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแก่ตน
๒)ย่อมไม่เที่ยวถามเขาว่า นั่นเขียนหนังสืออะไร
๓)ย่อมไม่เที่ยวถามถึงผลประโยชน์ที่เขาหาได้ เมื่อตนไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
๔)ย่อมไม่เอาการในบ้านของผู้ใดมาแสดงในที่แจ้ง
๕)ย่อมไม่เก็บเอาความลับของผู้หนึ่งมาเที่ยวพูดแก่ผู้อื่น
๖)ย่อมไม่กล่าวถึงความชั่วร้ายอันเป็นความลับเฉพาะบุคคลในที่แจ้ง
๗)ย่อมไม่พูดสับปลับกลับกลอกตลบตะแลง
๘)ย่อมไม่ใช้คำสบถติดปาก
๙)ย่อมไม่ใช้ถ้อยคำมุสา
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมไม่เป็นคนต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง
๒)ย่อมเป็นผู้รักษาความไว้วางใจของผู้อื่น
๓)ย่อมไม่แสวงประโยชน์ในทางที่ผิดธรรม
๔)ย่อมเป็นผู้ตั้งอยู่ในความเที่ยงตรง
ภาคสิบ – ผู้ดี ย่อมไม่ประพฤติชั่ว
กายจริยา คือ
๑)ย่อมไม่เป็นพาลเที่ยวเกะกะระรั้วและกระทำร้ายคน
๒)ย่อมไม่ข่มเหงผู้อ่อนกว่า เช่นเด็กหรือผู้หญิง
๓)ย่อมไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเจ็บอาย เพื่อความสนุกยินดีของตน
๔)ย่อมไม่หาประโยชน์ด้วยอาการที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
๕)ย่อมไม่เสพสุราจนถึงเมาและติด
๖)ย่อมไม่มั่วสุมกับสิ่งอันเลวทราม เช่น กัญชา ยาฝิ่น
๗)ย่อมไม่หมกมุ่นในการพนัน เพื่อจะปรารถนาทรัพย์
๘)ย่อมไม่ถือเอาเป็นของตน ในสิ่งที่เจ้าของไม่ได้อนุญาตให้
๙)ย่อมไม่พึงในหญิงที่มีเจ้าของหวงแหน
วจีจริยา คือ
๑)ย่อมไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท
๒)ย่อมไม่พอใจนินทาว่าร้ายกันและกัน
๓)ย่อมไม่พอใจพูดส่อเสียดยุยง
๔)ย่อมไม่เป็นผู้สอพลอประจบประแจง
๕)ย่อมไม่แช่งชักให้ร้ายผู้ใด
มโนจริยา คือ
๑)ย่อมไม่ปองร้ายผู้อื่น
๒)ย่อมไม่คิดทำลายผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตน
๓)ย่อมมีความเหนี่ยวรั้งใจตนเอง
๔)ย่อมเป็นผู้มีความละอายแก่บาป
หน้า:
[1]