'เจ้าแม่สิงโต' ตำนานความรักและศรัทธา ของเด็ก ม.ธรรมศาสตร์
ในบรรดาเรื่องลี้ลับที่ขึ้นชื่อในแถบท่าพระจันทร์ นอกจากเรื่องที่ว่า “ลิฟท์แดง” หรือ “ผีดุ” อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคมแล้ว ก็ยังมีตำนานความเชื่อที่สืบต่อมาเป็นเวลานาน และมีความเป็นมาที่น่าประทับใจเกี่ยวกับความรักของสิงโต นั่นคือ “ตำนานเจ้าแม่สิงโต” ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง"ศาลสิงห์โตทอง" หรือที่เราๆ มักเรียกว่าศาล “เจ้าแม่สิงโต” เป็นรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณข้างตึกคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะหันหน้าออกไปทางฝั่งท่าศิริราช และที่ว่าเกี่ยวกับรัก ก็เพราะว่าแต่เดิมนั้นเค้าเล่าว่ามันมีเป็นคู่ แต่ความรักของสิงโตทั้งสองตัวนั้นต้องมีอันพลัดพรากจากกัน ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีเสียงร่ำลือเกี่ยวกับตำนานของเจ้าแม่สิงโตนี้อยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว แต่ที่เป็นต้นฉบับเดิมจริงๆ นั้นมีอยู่ว่า
ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีพ่อค้าชาวจีนคนหนึ่งได้บรรทุกสินค้าลงเรือสำเภาแล่นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อที่จะเข้ามาค้าขายกับคนไทย และสินค้าที่บรรทุกอยู่บนเรือลำนั้นก็รวมถึงรูปปั้นสิงโตคู่ด้วย สิงโตนี้คนปั้นตั้งใจปั้นเพื่อให้มาอยู่คู่กัน ตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ และอีกตัวหนึ่งเป็นเมีย เป็นรูปปั้นที่มีขนาดใหญ่และมีความสวยงามมาก
แต่เมื่อเรือแล่นผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาก็เกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้นมา จนเรือไม่สามารถแล่นและทรงตัวต่อไปได้ จนเรืออับปางลงในที่สุด เมื่อพายุได้ผ่านพ้นไป ชาวบ้านละแวกนั้นก็ได้ช่วยกันกู้สิ่งที่จมอยู่ใต้น้ำขึ้นมา แต่รูปปั้นนั้นสามารถกู้ขึ้นมาได้เพียงแค่ตัวเมียเพียงตัวเดียวเท่านั้น ส่วนตัวผู้นั้นหาอย่างไรก็ไม่พบ เป็นที่มาของการอยู่อย่างโดดเดี่ยวของสิงโตตัวเมีย ชาวบ้านได้ตั้งรูปปั้นไว้ที่ริมแม่น้ำหันหน้าเข้าหาฝั่ง แต่เมื่ออีกวันหนึ่งกลับมาก็พบว่ารูปปั้นได้หันหน้าออกไปทางแม่น้ำ
จากคำบอกเล่าของคุณยาย ซึ่งอาศัยอยู่ในระแวกนี้มากว่า60 ปี เล่าถึงเหตุการณ์แปลกที่มักจะเกิดขึ้นที่นี่ว่า บางคืนคนที่นี่มักจะได้ยินเสียงคร่ำครวญของสิงโตตัวเมียที่ร้องเรียกหาคู่ของมัน ด้วยความคิดถึงและเศร้าใจในความรักที่ต้องพลัดพรากจากกันไป แต่ถ้าเป็นคืนวันเพ็ญบางคนก็จะเห็นลำแสง คู่สีแดงส่องขึ้นมาจากแม่น้ำ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแสงจากตาของสิงโตตัวผู้นั่นเองที่เฝ้าคอยมองหาตัวเมีย ที่อยู่บนฝั่ง จึงทำให้ลูกปั้นของสิงโตตัวเมีย จึงต้องหันมาหน้าเข้าหาฝั่งแม่น้ำเพื่อมองหาคู่ของมัน"
แอน นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์รายหนึ่งเล่าถึงความศักย์สิทธ์ของเจ้าแม่สิงโตให้ฟังว่า "ครั้งแรกที่มาบน เพราะมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันเรียนอยู่ที่นี่แนะนำ ตอนนั้นเป็นช่วงสอบเอ็นพอดี แล้วเขาบอกว่าถ้าเราอยากสอบติดที่ธรรมศาสตร์ก็ให้เอาลูกแก้วมาบนขอกับเจ้าแม่ เราก็อยากสอบติดด้วยเขาว่าอย่างไร ก็ทำตามถึงแม้ว่าตอนนั้นจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร"
แอนเล่าต่อว่า "ตอนนั้นแอนบนด้วยลูกแก้ว 23 ลูก เพราะแอนชอบเลข 23 พอผลเอ็นฯ ออกมาปรากฏว่าเราติดจริงๆ ก็ดีมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราทำข้อสอบได้เองหรือเป็นเพราะความศักย์สิทธิ์ของท่านกันแน่ ถึงตอนนี้แอนจะได้ไม่ไปบนขออะไรจากท่านอีก แต่เมื่อมีเวลาว่างแอนก็จะแวะเอาพวกมาลัยดอกไม้ มากราบไหว้สะการะท่านอยู่เสมอๆ"
ด้านแอร์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ปี 3 มธ. เล่าถึงเรื่องความศักย์สิทธิ์ในเรื่องของความรักว่า "แอร์เคยเห็นเพื่อนมาขอพรกับเจ้าแม่ เรื่องความรัก ก็ได้ผลนะ ตอนนั้นเขาบนว่าถ้าได้คนนี้เป็นแฟน เขาจะเอาสิงโตมาถวาย1 คู่ และตอนนี้เขาก็คบกันอยู่กับแฟนคนที่ขอจากเจ้าแม่มา ซึ่งเพื่อนแอร์เขานับถือท่านมาก ถ้าวันไหนว่างๆ ก็จะชวนแอร์เอาพวงมาลัยมาถวายท่าน แต่สำหรับแล้วยังไม่เคยขออะไรท่านเลย ก็คิดอยู่เหมือนกันวันหลังแอร์จะลองมาขอแฟนใหม่กับท่านบ้าง เพราะแฟนคนนี้เริ่มงี่เง่าแล้ว (หัวเราะ)
นอกจากนั้นแล้วนักศึกษาธรรมศาสตร์บางคนก็เชื่อว่า ช่วงสอบ ถ้าใครอ่านหนังสือไม่ทัน ให้อธิษฐานขอเจ้าแม่แล้วปักธูปไว้ที่หนังสือหน้าใดก็ได้ แล้วหน้านั้นก็จะออกสอบ ซึ่งถึงอย่างไรก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าหนังสือหน้านั้นออกเป็นข้อสอบจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังเป็นเพียงเรื่องเล่าขานกันปากต่อปากเท่านั้น
แต่ไม่ใช่แค่นักศึกษาธรรมศาสตร์เท่านั้นที่ศรัทราเจ้าแม่สิงโต คนทั่วไปที่มีเรื่องทุกข์ใจก็มักแวะเวียนกันมาขอพระจากท่านไม่ขาดสาย สำหรับของที่ใช้ในการบนกับเจ้าแม่สิงโตนี้ ส่วนใหญ่จะเป็น “ลูกแก้ว” เพราะว่ากันว่าเจ้าแม่ท่านชอบเล่นลูกแก้วมาก แต่ก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องเป็นจำนวนกี่ลูก นอกจากนั้นก็ยังมีพวกผลไม้และดอกไม้ พวกมาลัยทั่วไป ซึ่งก็อยู่ที่สะดวกของผู้มาขอมากกว่าว่าจะบนอะไร แต่ถ้าดูจากจำนวนของที่นำมาถวายให้เจ้าแม่สิงโต ก็แสดงให้เห็นถึงความศักย์สิทธิ์ การความเคารพและศรัทธาของคนในระแวกนี้ได้เช่นกัน
และเนื่องจากศาลเจ้าแม่สิงโตนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานของความรัก แถมยังตั้งอยู่ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีบรรยากาศที่เย็นสบายและเงียบสงบ พอตกเย็นเราก็จะได้เห็นคู่รักหลายๆ คู่มานั่งหลบร้อน พักผ่อน หย่อนใจ กันนี่เป็นประจำ ถ้าหากใครมีเวลาว่างมาเที่ยวชมที่สนามหลวงหรือมาเที่ยววัดพระแก้วก็อย่าลืมแวะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พร้อมกับมาสักการะ เจ้าแม่สิงโตด้วยนะคะ ลูกพ่อปรีดียินดีต้อนรับเพื่อนทุกคนเสมอค่ะ
หน้า:
[1]